ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KNB] Translucent (AkaKuro)

    ลำดับตอนที่ #11 : 10 END

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      32
      23 มิ.ย. 58

    10



            ภายในความมืดอีกที่ที่หนึ่ง มีร่างของชายหนุ่มเลือนผมสีแดงที่นั่งขยี้และจิกผมสีแดงของตนไปมาจนปวดแสบ แต่มันก็ไม่เท่าเจ็บปวดแสบในอกเขาในตอนนี้ อาคาชิกัดปากแน่นจนสั่นครือครวญครางไม่อาจจะสะกัดกลั้นเสียงครางเอาไว้ในลำคอได้ เผยปากออกแล้วระบายความเจ็บปวดในอกผ่านเสียงสะอื้นและน้ำตาลที่ร่วงไหล

     

     

    ฮึก ผะ ผมช่วย.. ช่วย ทะ เท็ตสึยะ ไม่..ไม่ได้

     

     

    อาคาชิ เซย์จูโร่ ที่พยายามฝืนทนแบกรับร่างกายที่แสนอ่อนแอนั้นเกาะขอบกำแพงไว้แน่นอย่างมุ่งมั่น! เขาในตอนนั้นคิดเพียงแค่

     

     

    ไม่อยากให้อีกฝ่ายตาย

     

     

    เขาคิดเพียงแค่จริงๆ ทุกความรู้สึกล้วนกลบหายไปหมดสิ้นเหลือเพียงความหวังเล็กๆที่อยากให้อีกฝ่ายรอดตาย แต่ร่างกายของคุโรโกะเดิมทีก็อ่อนล้าอยู่แล้ว.. ยิ่งมารับน้ำหนักตัวเองเกาะกำแพงแบบนั้นมัน ไม่มีทางเป็นได้อยู่แล้ว

     

     

    ร่างกายที่อ่อนแรงร่วงหล่นลงมากระอทกพื้นด้านร่างอาการบาดเจ็บเจียนตาย อาคาชิได้เพียงร่ำไห้เศร้าเสียใจที่ไม่อาจจะช่วยร่างบางนี้ได้ เขาไม่อาจเข้าฝันอีกฝ่ายได้ ไม่อาจไปยืนแล้วโอบกอดอีกฝ่ายได้ เขาอยู่ในสถานที่ที่มืดหม่นสิ้นหวังไร้หนทาง

     

     

    มีเพียงจอทีวีขนาดเล็กที่พอมองเห็นว่าร่างบางตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

     

     

    ทะ เท็ตสึยะ …”

     

     

    เขาไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามองภาพจอตรงหน้า หัวใจบีบรัดแน่นจนแถบจะอาเจียน เขาไม่เคยเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิต น้ำตาของเขาไหลอีกครั้งเพราะร่างบาง แม้จะทนได้มาตลอดๆ แต่เมื่ออีกฝ่ายจากไปแบบนี้เขาก็ไร้ซึ่งที่ไป

     

     

    ผม..ผมขอโทษ

     

     

    ขอโทษที่ไม่อาจจะช่วยไว้ได้

     

     

    ขอโทษที่ไม่อาจปกป้องร่างบอบบางนั้นได้

     

     

    อาคาชินึกถึงวัยเด็กของตนกับคุโรโกะที่เบาบางแถบจะลืมเลือน มันเป็นตอนที่คุโรโกะเล่นบาสหกล้มน้ำตาคลอ ตอนนั้นอาคาชิรู้สึกผิดที่ไม่อาจจะปกป้องหรือดูแลอีกฝ่ายได้ ถึงขนาดทำให้มีแผล แม้ร่างบางจะบอกไม่เป็นไรเพราะตนซุ่มซ่ามเองก็ตาม

     

     

    แต่ตอนนั้นเขาสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

     

     

    น้ำตาเอ่อคลอเบ้าดวงตาสองสีของอาคาชิ ความทรงจำดีๆไม่กี่อาทิตย์มันรัดร่างเขาแน่นจนไม่อาจจะลืมมันลงได้ง่ายๆ เขามีความสุขมากที่ได้อยู่และใกล้ชิดคุโรโกะ

     

     

    จนมันก่อเกิดเป็นความรัก และโตขึ้นเรื่อยๆดั่งต้นไม้แกร่ง

     

     

    แต่เหมือนที่ต้นไม้นั้นจะโตโดยที่มีเพียงอาคาชิเท่านั้นที่คอยรดน้ำให้มันตลอดๆ

     

     

    แม้อยากจะให้ร่างบางผมฟ้าหันหลังกลับมามองตนและช่วยกันดูแลต้นไม้ที่เหมือนรักนี้

     

     

    แต่ก็เป็นแค่สิ่งเกินเอื้อม

     

     

    และอาคาชิกก็ประคองต้นไม้นั้นโตขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง

     

     

    แต่ตอนนี้มันคงกำลังเหี่ยวเฉาและกำลังแห้งตาย

     

     

    เท็ตสึยะรอด.. รอดตายทีเถอะ

     

     

    ทำได้เพียงอ้อนวอนขอพรต่อพระเจ้าให้กับคนที่ตนรักมีชีวิตต่อไปในโลกที่โหดร้าย มันยังไม่ถึงเวลาที่ร่างบางนั้นต้องตาย ร่างบางนั้นยังต้องพบเจออะไรที่มันดีมากกว่าการกลั่นแกล้ง การเจ็บปวด แน่นอน

     

     

    อยากให้คนที่ตนรักมาตลอดสิบกว่าปีเจิดจรัส ไม่โปร่งแสงเหมือนเขา ไม่โดนมองข้ามแบบเขา

     

     

    แม้จะดูโหดร้ายที่เขาฆ่าคางามิไป ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเขาไม่พอใจ

     

     

    และที่ทำไปเพราะเขารักคุโรโกะมาก

     

     

    แม้จะโดนมองข้าม โดนเมินมาตลอดหลายปี แต่สิ่งที่เขายังอยู่ต่อไปได้คือ คุโรโกะสัมผัสอบอุ่นจากเขาได้ แค่นั้นเขาก็ยิ้มแก้มปริแล้ว

     

     

    อาคาชิกำหมัดแน่นแล้วข่มใจเงยหน้ามองร่างบางที่ฉายในจอทีวีเก่า ปรากฏสภาพที่มีผ้าพันรอบหัวและมีเผือกมากมายเต็มตัวไปหมด อาคาชิเจ็บจี๊ดลึกในหัวใจ

     

     

    สภาพของคุโรโกะในตอนนี้เจียนตายมาก

     

     

    อาคาชิตวัดตามองเครื่องมืออุปกรณ์วัดหัวใจข้างๆที่มีเส้นกระเต้นของหัวใจไม่คงที บ้างก็เส้นตรงและโค้งๆงอๆเล็กน้อย

     

     

    บ่งบอกถึงหัวใจที่อ่อนล้าและเหนื่อยแรง

     

     

    เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายจำอะไรตนได้แล้ว ขอแค่กลับมามีชีวิตต่อก็พอ!

     

     

    แค่นั้นก็พอแล้ว!!

     

     

     

     

     

     

    อาคาชิคุง ?

     

     

    “!!!!”

     

     

    อาคาชิสะดุ้งเมื่อพลั่นจู่ๆเสียงหวานของใครบางคนที่ตนอวยพรปรารถนามีชีวิตรอดดังขึ้น อาคาชิตโตเบิกกว้างเงยหน้ามองใบหน้านิ่งแต่มีแววตาตกใจไม่ต่างอะไรกับเขา ดวงตาของแต่ละคนสะท้อนเงาของกันและกันในเงาดวงตา อาคาชิรู้สึกปากแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น

     

     

    นี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะเขาไม่ได้เข้าฝันคุโรโกะ

     

     

    ที่นี่ไม่ใช่ห้วงความคิด

     

     

    แต่เป็น…….

     

     

    ทะ.. เท็ตสึยะ

     

     

    แต่เป็นการเจออีกฝ่ายที่โปร่งแสงเหมือนเหมือนกัน

     

     

    เจอกันในโลกแห่งความจริง

     

     

    และโปร่งแสงจริงๆ

     

     

    นั่นใช่อาคาชิคุงในสมัยเด็ก…..” คุโรโกะชี้นิ้วเรียวที่สั่นระริกตกใจมาที่อาคาชิที่นั่งกอดตัวเองในมุมมืด ดวงตาสีแดงสองสีเบิกกว้างลุกขึ้นพรวดเร็วจนคุโรโกะสะดุ้งตาม

     

     

    เท็ตสึยะจำผมได้แล้ว ?

     

     

    จริงๆเหรอ ? นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม ?

     

     

    อาคาชิคุง ที่เคยเล่นกับผมสมัยเด็กเมื่อหลายปีก่อน…”

     

     

    “…”

     

     

    อาคาชิคุง.. รักแรกของผม..ที่จู่ๆก็เงียบหายไปเสียเฉยๆ…”

     

     

    “…”

     

     

    อาคาชิคุง ที่ตายไปแล้ว..”

     

     

    “…..”

     

     

    อาคาชิพลั่นเงียบลงในทันทีเมื่อคุโรโกะจำและเหมือนจะเห็นทุกอย่างแล้ว อาคาชิเหลือบมองจอทีวีที่ยังคงฉายภาพร่างบางเสือนผมสีฟ้านอนหลับไหลพร้อมหัวใจที่เต้นบ้างไม่เต้นบ้างนั่น

     

     

    แล้วสลับมองคุโรโกะอีกคนที่เป็นร่างโปร่งแสง ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมใบหน้าที่สับสน

     

     

    เท็ตสึยะ

     

     

    อาคาชิคุง….อาคาชิคุง..จะ จริงๆด้วย…” คุโรโกะเดินมากใกล้ร่างหนาพร้อมหลั่งน้ำตาตื้นตันในใจ อาคาชิพิศมองดวงตาเศร้านั้นไม่ต่างอะไรกัน เขาดึงร่างบอบบางที่กำลังเดินมาใกล้เข้าสู่อ้อมอกของเขาแน่น

     

     

    การสัมผัสด้วยเนื้อที่โปร่งแสงเหมือนกัน

     

     

    ไม่ใช่ในความฝัน

     

     

    ไม่ใช่เนื้อสัมผัสร่างโปร่งแสง

     

     

    ในที่สุดพวกเขาก็สามารถจับตัวกันได้โดยที่มีร่างกายที่เหมือนๆกัน

     

     

    ผมขอโทษเท็ตสึยะผมขอโทษ.. ขอโทษที่หายไป ขอโทษที่ฆ่าคนที่เท็ตสึยะรัก ขอโทษที่ช่วยนายไม่ได้ ขอโทษ ผมขอโทษ..” พร้ำเพ้อขอโทษกับสิ่งที่คนอย่างอาคาชิ เซย์จูโร่ทำไม่ได้ คุโรโกะนิ่วหน้าเจ็บปวดในอกแน่นขยุ้มกำเสื้ออีกฝ่ายที่โอบกอดด้านหลังแน่น

     

     

    คนที่ควรจะขอโทษต้องเป็นเขา

     

     

    เป็นเขา ไม่ใช่อาคาชิ เพราะเขาไม่เคยจำเรื่องของอีกฝ่ายได้เลย..

     

     

    ผิดที่เขา ผิดที่คุโรโกะ เท็ตสึยะ คนนี้..

     

     

    ผม ผมก็..ขอโทษ ที่จะจะอาคาชิคุงไม่ได้ ระฮึก..รักแรกของผม …”

     

     

    อา.. ใช่คนที่น่าโมโหที่สุดก็คงเป็นเขา..

     

     

    ขนาดอาคาชิมอบความอบอุ่นให้มาตลอด

     

     

    เขายังมองข้ามและนึกไม่ออกว่าใครกันที่มอบความรักนี้ให้มาตลอด

     

     

    ทั้งสองกอดกันกลมกลืนแน่นจนแถบจะรวมเป็นหนึ่ง อาคาชิซุกหน้าลงกับบ่าเล็กๆ พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล และนี่ก็อีกหนึ่งที่เขาดีใจมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

    อาคาชิปรือตาขึ้นมองมือของตนที่กอบกุมร่างนี้ไว้

     

     

    มันกำลังเจื่อจางและกำลังเลือนหายไป

     

     

    อ่า….ในที่สุดหมดเวลาของเขาแล้วสินะ

     

     

    อาคาชิมองมือที่เริ่มเลือนรางของตนก่อนที่จะหลับตากอดอีกฝ่ายแน่นกว่าเดิม

     

     

    ฮะ ฮึก.. อาคาชิคุงตัวของคุณมัน…” อาคาชิคลายอ้อมกอดของคุโรโกะออกแล้วเผชิญมองหน้าที่เปื้อนน้ำตาของกันและกัน คุโรโกะตาเบิกกว้างรีบคว้าจับแขนมือหนาที่เริ่มเลือนรางหายไป อาคาชิมองตามแล้วยิ้มบางๆกล้ำกลืน

     

     

    มันแค่บ่งบอกว่าเวลาของผมกำลังจะหมดลง

     

     

    อะ เอ๋..” คุโรโกะตาโตกว่าเดิมพร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่ขาดสาย มองใบหน้าหล่อที่เหมือนจะฝืนยิ้ม อาคาชิประคองหน้าหวานนั้นในมือนิ่งแล้วจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้า

     

     

    เมื่อไหร่ที่เท็ตสะยะจำผมได้.. ผมก็จะหายไป

     

     

    คุโรโกะอึ้งตกใจ นิ่งไป พร้อมมองใบหน้าหล่อที่ฝืนยิ้มออกมาทั้งๆที่กำลังเจ็บปวด

     

     

    ทำไม.. ทำไมยังยิ้มอยู่อีก..

     

     

    ทั้งๆ..ทั้งๆที่เจ็บปวดอยู่แท้ๆ

     

     

    มะ ไม่นะ..มะ ไม่เอานะ!!”

     

     

    “…”

     

     

    ไม่เอานะอาคาชิคุง! ผมไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่นะอย่าไปนะ!!” คุโรโกะตวาดลั่นน้ำตากระเซ็นเขย่าแขนอีกฝ่ายไปมาแรงๆอยากได้คำตอบกับสิ่งที่ไม่มีความยุติธรรม อาคาชิก้มหน้านิ่งเงียบ ปล่อยให้ร่างบางโวยวายเสียใจ

     

     

    ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายที่เสียใจ

     

     

    เขาเองก็ ไม่ต่างอะไรกันนักหรอก..

     

     

    ฮึก มะ..ไม่นะ ไม่เอานะ…..”

     

     

    เท็ตสึยะ.. ไม่ร้องสิ

     

     

    ทั้งๆที่อุส่าห์จำได้..อุส่าห์ได้เจอกันอีก.. ทะ ทำไมถึง…”

     

     

    ถึงต้องมาจากกันอีกด้วย

     

     

    เท็ตสึยะ ฟังผมนะ

     

     

    “…” อาคาชิจับไหลบางแล้วบีบแน่น คุโรโกะยอมนิ่ง ทำเพียงกำหมัดแน่นและเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ระบายความเจ็บปวดในอกแทนที่จะโวยวาย อาคาชิที่เห็นอีกฝ่ายอ่อนลงก็ยิ้มบางๆ สลับมองมือตนที่เริ่มจางหายไปมากกว่าเดิม

     

     

    อ่า น่าใจหายจริงๆ..

     

     

    สิ่งที่ผมอยากให้เท็ตสึยะทำตอนนี้ก็คือ.. ยืนหยัดมีชีวิตต่อไป

     

     

    “…”

     

     

    อย่าท้อแท้ อย่าอ่อนแอ ในยามที่ไม่มีผม ผมเชื่อว่าเท็ตสึยะต้องทำได้ ต้องผ่านเวลาร้ายๆนั่นได้

     

     

    “…”

     

     

    อย่าคิดสั้นยามไม่เหลืออะไร คิดใตร่ตรองความผิดพลาดทุกอย่างให้ดีๆ อย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงอันตราย

     

     

    อาคาชิรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อที่ตักเตือนลูกชายยังไงไม่รู้..

     

     

    ฮะๆ.. ยังจะมาตลกในเวลาแบบนี้อีกอยู่นะ..เขาเนี้ย..

     

     

    “…”

     

     

    แล้วก็ต่อให้ผมหายไป.. ได้โปรดอย่าลืมเรื่องของเราสองคน ทั้งในอดีต และในตอนนี้…”

     

     

    ฮะ.. ฮึก..อึก..” คุโรโกะในตอนนี้ทำได้เพียงจับมือหนาที่วางบนไหลตน หยิบยกขึ้นมาแนบแก้มตนพร้อมหลั่งน้ำตาเสียใจ มองมือหนาใหญ่ที่ค่อยๆเลือนหายไปช้าๆ..

     

     

    โชคชะตามักเล่นตลกร้ายกับเขา

     

     

    เล่นตลกร้าย.. เพื่อให้คนอ่อนแออย่างเขาได้ลุกขึ้นสู้..

     

     

    สัญญากับผมได้ไหมเท็ตสึยะ….”

     

     

    “…”

     

     

    สัญญา..ว่าจะไม่ยอมแพ้ สัญญาว่าจะมีชีวิตต่อไปในอีกครึ่งนึงของผม..”

     

     

    คุโรโกะชอนตาที่เปียกชื้นมองใบหน้าหล่อที่ค่อยๆหายไปจนเริ่มมองไม่เห็น คุโรโกะใจหายวาบ พยักหน้าตอบทั้งน้ำตา ข่มหัวใจและตาแน่นตอบตกลงสัญญาไปอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ อาคาชิยิ้มบางอย่างฝืนใจ ประคองหน้าบางอีกฝ่ายขึ้นมาใกล้แล้วกระซิบแผ่วเบา

     

     

    ขอผมได้ยินคำคำนั้นหน่อยจะได้ไหม…”

     

     

    เสียงหล่อเบาเอ่ย คุโรโกะกัดปากร้องไห้แน่น มองใบหน้าหล่อที่เลื่อนเข้ามาใกล้หมายจะจูบในขณะที่คุโรโกะกำลังอ้าปากเอ่ยคำพูดที่อีกฝ่ายอยากจะได้ยิน…..

     

     

    พลั่นริมฝีปากที่กำลังจะแตะกันจริงๆ….

     

     

    ก็หายไปจนเหลือเพียงคุโรโกะเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่..

     

     

    ทั้งๆที่อีกนิดเดียว.. ที่ปากของทั้งสองจะแตะกัน

     

     

    และคำพูดคำคำนั้นกำลังจะออกมา

     

     

    อาคาชิ ก็พลั่นหายไปก่อนเสียแล้ว..

     

     

    ปึก

     

     

    เสียงเข่าบางกระทบลงกับพื้นดังสนั่น ความเจ็บปวดที่เข่าไม่อาจจะเทียบเท่ากับหวงใจดวงนี้ที่กำลังรวดร้าวเลย คุโรโกะหยิกเนินเนื้อหัวใจของตัวเองแน่น โน้มตัวขดเป็นกุ้งแล้วกรีดร้องร่ำไห้ทรมานจนเสียงนั้นจะแหบแห้งลำคอแถบจะฉีกขาด

     

     

    บอกลารักแรกที่ ต้องจากกันไปตลอดกาลจริงๆแล้ว..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

     

     

     

    ทะ เท็ตสึยะ!! เท็ตสึยะ! โอ้พระเจ้า!! ฮือ!!”

     

     

    คนใข้ฝืนแล้ว! ตามหมอมาที!!”

     

     

    เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นบวกกับเสียงสัญญาณเต้นหัวใจที่เต้นสม่ำเสมอ พร้อมกับเพดานขาวสะอาดที่ปรากฏแก่สายตาสีฟ้าที่พึ่งปรือตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ตัดสินใจโดดตึก คุโรโกะตวัดดวงตาหันมองป้าที่แก่ตัวลงปาดน้ำตาดีใจที่เห็นหลานชายอย่างเขารอดชีวิตมาได้

     

     

    คุโรโกะรู้สึกเหนื่อยล้าร่างกายไปหมด อยากจะหลับแต่ก็มีน้ำตาไหลออกมาก่อนที่เขาจะหลับลง

     

     

    เมื่อกี้ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม

     

     

    เขาเจออาคาชิ รักแรกในวัยเด็ก..

     

     

    ทั้งเจอ และจากลาอ่า เป็นความรู้สึกที่ยากแก่การทำใจ..

     

     

    เขาร้องไห้อีกแล้วกับการจากลาแบบนี้..

     

     

    เขารู้สึกปวดร้าวไปทั่วทัว มองดีๆก็เห็นร่างกายโดนพันๆด้วยผ้าพันแผล บอกตามตรงเขาเจ็บตัวมาก แต่ก็ไม่เท่าหัวใจของเขาในตอนนี้

     

     

    ไม่เป็นไรเท็ตสึยะ! แกรอดแล้ว แกไม่ตายแล้ว ฮือ!!”

     

     

    อ่า..เสียงของป้าดังขึ้นแล้วก้มหน้าซุกมือปิดตาพร้อมร้องไห้

     

     

    คุโรโกะหรี่ตามองป้าชราที่ดีอกดีใจกับการรอดชีวิตของเขา คุโรโกะมองสายต่อออกซิเจนอย่างเหม่อลอย พลางนึกถึงภาพชายหนุ่มผมแดงคนนั้น

     

     

    อาคาชิคุง.. ที่บอกให้เขามีชีวิตรอด

     

     

    และใช้ชีวิตที่เหลืออีกครึ่งของเขาให้อย่างเต็มที่..

     

     

    อ่าน้ำตาไหลอีกแล้ว

     

     

    สัญญาที่ไม่รู้จะทำได้หรือไม่

     

     

    แต่ถ้านั่นเป็นคำขอสุดท้ายก่อนจากลากันไปไกล

     

     

    เขาก็.. พร้อมที่จะทำตาม เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            22 ปี ต่อมา..

     

     

    ในบ้านคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเกียวโต ภายในคฤหาสน์ใหญ่โตสวยงามอร่ามอร่าปรากฏร่างหนุ่มผมสีฟ้าที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าวัยมัธยมถือช่อดอไม้มา เดินอาดๆตามสาวใช้มาที่ห้องห้องหนึ่ง เธอทั้งสองเปิดบานประตูห้องนั้นโค้งตัวเชิญให้ชายหนุ่มเข้าไปด้านใน พร้อมปิดประตูลงปล่อยให้แขกเข้ามาในห้องของบุคคลคนนึง

     

     

    สองเท้าที่สวมร้องเท้าหนังเงาวับเดินตรงมาที่โต๊ะกว้างขนาดใหญ่ปรากฏรูปของเด็กน้อยหนุ่มเลือนผมสีแดงยิ้มสดใสพร้อมถือลูกบาสในมือ ข้างโต๊ะมีของเซ้นไหว้มากมายที่คอยถูกเปลี่ยนอยู่ตลอดวัน ชายหนุ่มผมฟ้ายิ้มบาง เอื้อมมือหนาไปหยิบกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาพิศมองนิ่ง

     

     

    คุณนี่ก็ยังคงเป็นอาคาชิคุงที่ผมรักเหมือนเดิม…”

     

     

    คุโรโกะ เท็ตสึยะ ยิ้มบางแล้วลูบไล้รูปในมือไปมาอย่างโหยหา อดีตมากมายในสมัยเด็กพลั่งพลูในสมองเขาอย่างต่อเนื่อง คุโรโกะค่อยๆชอนวางดอกไม้ลงที่โต๊ะขนาดใหญ่นี้ แล้วหันหน้ามามองหน้าหนุ่มในกรอบรูปอีกครั้ง

     

     

    ผมได้งานเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลด้วยหละ เด็กๆที่นั่นชอบผมมากเลยนะ

     

     

    ถึงจะชอบแต่ก็มักโดนเด็กๆเมินอยู่เหมือนเดิม บ้างก็คิดว่าผมเป็นผีบ้างหละ วิญญาณบ้างหละ ตลกมากเลย

     

     

    อ๋อ มีเด็กคนนึงผิวคล้ำชอบเล่นบาสมาก เหมือนผมกับอาคาชิคุงในสมัยก่อนเลยเนอะ ฮะๆๆ

     

     

    จะว่าไปสมัยก่อนผมสนุกมากเลยที่ได้เล่นบาสกับอาคาชิคุง ตอนนั้นอาคาชิคุงเท่มากเลยนะ ผมชอบมากเลย คุโรโกะยิ้มร่าแล้วหัวเราะคนเดียวในห้องกว้าง เขาตลกขำขันกับอดีตที่แสนจะดื้อซนนั้น จะว่าไปหลังจากที่เขาตกตึกและออกโรงพยาบาลมา น่าแปลกมาที่เขาหายเร็วกว่าคนปกติ ในตอนนั้นเขาคิดว่า อาคาชิคงอาจจะต้องช่วยเขาไว้ส่วนหนึ่งแน่ๆ

     

     

    หลังจากนั้น คุโรโกะก็พยายามต่อสู้ เอาคืน กับสิ่งที่เพื่อนในห้องมักแกล้ง จนเขาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้จนจบมัธยมปลาย และเริ่มเรียนมหาวิทลัยบวกหางานทำไปด้วย

     

     

    มาถึงตอนนี้ คุโรโกะก็เริ่มออกตามหาพ่อของอาคาชิ เขาต้องการมาเยื่ยมอาคาชิให้ได้ ต้องการมาเยี่ยมรักแรกที่ตายไปของตนให้ได้

     

     

    “…ถ้าอาคาชิคุงยังไม่ตาย.. คุณต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แน่ๆครับ..”

     

     

    เขายิ้มบางแล้วลูบไล้รูปในมือไปมา พลางนึกถึงอดีตอีกครั้ง ทั้งในตอนเด็ก และในเมื่อก่อนจากกัน คุโรโกะที่นึกขึ้นได้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม

     

     

    คุณยังไม่ได้ยินคำพูดของผมที่คุณขอตอนนั้นเลยนะ

     

     

    เขายกกรอบรูปมาใกล้ปากแล้วขยับปากพูดเบาๆจนแถบจะไม่ได้ยิน ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อย ก่อนที่จะประทับจูบบางลงกับรูปของอาคาชิที่เป็นรักแรกตนเบาๆอย่างอ่อนโยน

     

     

    คุโรโกะยิ้มบางวางกรอบรูปลงแล้วโค้งตัวบอกลา การเยี่ยมของเขาสิ้นสุดแล้วหลังจากที่ทำเรื่องค้างคาเสร็จสิ้นทุกอย่างจนหมดเรื่องคาใจ

     

     

    หลังจากนี้เขาจะมาเยี่ยมอาคาชิอีก จะมาเยี่ยม.. คอยเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้ฟังทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่และไม่ได้ไป

     

     

    คุโรโกะเปิดประตูออกไม่วายหันมามองกรอบรูปและดอกไม้ของเขาที่ซื้อมาให้อีกฝ่ายนิ่ง ก่อนที่จะยิ้มก้าวขาเดินออกไปและปิดประตูลง เดินไปตามทางเดิน ยกนิ้วขึ้นมาทาบริมฝีปากบางพลางนึกถึงคำที่พึ่งพูดไป ที่แสนจะทำเขาอายนั่น

     

     

    อ่า แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้ว

     

     

    ทุกอย่างจะได้ไม่ค้างคาอีกต่อไป



    คุโรโกะรู้ดีแก่ใจว่าเรื่องราวของเขาและอาคาชิไม่มีทางจบได้ดีเหมือนในหนังหรอก...

     

     

    อ่า ... หลังจากนี้เขาจะมีชีวิตต่อไปให้นานที่สุด

     

     

    และใช้ชีวิตของตนอีกครึ่ง.. เผื่อร่างหนาผมสีแดงนั่นด้วย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    ผมรักอาคาชิคุงครับ
















    END


    free talk : จบไปอีกหนึ่งแล้ววววว เย้ //จุดพลุฉลองลั่นเด็กดี

    จริงๆเรื่องนี้ไรต์คิดตอนจบได้อยู่ 3 อย่าง

    ในเมื่อจบแล้วไรต์ขอบอกเลยแล้วกัน

    ตอนแรกไรต์คิดว่า

    อย่างที่ 1 จะให้น้องสลับตำแหน่งกับนายน้อย แบบน้องจะโปร่งแสงแทนนายน้อยแล้วให้นายน้อยมีชีวิตแทนตนไป

    ส่วนน้องก็ไปอยู่กับคางามิที่ตายไปก่อนหน้านี้ ปล่อยให้อาคาชิใชีชีวิตแทนในร่างของน้องต่อไป สรุปคือจบดราม่า

    อย่างที่ 2 ในตอนนี้ขณะที่อาคาชิกำลังจะหายใป ไรต์จะให้น้องตัดสินใจตายไป แล้วโปร่งแสงไปตามๆกันกับอาคาชิแล้วอาคาชิก็จะไม่หายไป ซึ่งหมายความสั่นๆว่า น้องยอมตายแล้วตามไปอยู่กับอาคาชินั่นเองคู่รักโปร่งแสงถ้าว่าง่ายๆ

    อย่างที่ 3 ก็อย่างที่ไรต์เขียนไปด้านบน ไรต์คิดว่าจบแบบนี้ลงตัวแล้วนะ

    แบบนายน้อยจะได้ไม่ต้องคอยมีห่วงกับน้อง ท่านจะได้ไปอย่างสบายใจเสียที

    ในขณะที่สอนให้น้องรู้จักเข้มแข็งขึ้นแม้จะไม่มีท่านเคียงข้าง แต่ขอแค่ไม่ลืมกัน ท่านก็จากไปพร้อมรอยยิ้มแล้ว



    จบแบบนี้ลงตัวพอไหมคะ ;-;;; ไรต์คิดว่าจบอย่างแรกคงโดนรีดทักข้อความดักตบกันตายแน่เลย

    ไม่รู้จะชอบตอนจบแบบนี้หรือเปล่า ไม่ชอบก็ขออภัยนะคะ



    และสุดท้ายนี้ขอบคุณมากที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดจนจบในที่สุดนะคะ ดีใจมากจริงๆ

    แม้จะจบแต่ก็อยากให้ทุกคนจำเรื่องนี้ไปตลอดถ้าไม่ลืมอ่านะ ฮ่าๆๆๆๆ


    ปล.ฝากถึงเมลด้วยนะคะ ตอนนี้ไรต์กำลังแก้ทยอยส่งให้ใหม่หมด...

    ขออภัยกับความโง่ของไรต์นะคะ -_- หลงเอาในเด็กดีส่งให้

    ใครก็ได้มาตบหัวไรต์ที อีนี่มันโง่เกินไปแล้ว

    ขอโทษจริงๆนะคะ ขอโทษค่ะ T_T


    ปล2. ล่าสุดตอนนี้ทยอยส่งหมดแล้วในเมล ใครยังไม่ได้ก็สามารถแจ้งไรต์ได้ที่หน้า my.id เลยค่ะ ไม่ว่ากัน

    บางคนคงเกลียดไรต์ไปเลย แบบ..อินี่ส่งไรมา ไม่ได้เรื่อง... T-T ขอโทษรอบที่สองนะคะ




    ขอบคุณนะคะ ^^ 





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×