ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TS8 (HKS) รักร้าว ในเงามาร

    ลำดับตอนที่ #12 : Chepter 11: เศษหัวใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 811
      3
      24 ธ.ค. 55



    SMILE talk

                    “ไม่คะ... แค่พี่ฮั่นคนเดียวก็ดูแลสมายล์ได้ดีแล้ว พี่กันไม่ต้องหาใครเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตสมายล์อีกได้มั้ย???... แค่นี้ชีวิตสมายล์ก็ไม่เป็นสุขแล้ว” ชั้นปฏิเสธคำแนะนำของลูกพี่ลูกน้องรูปหล่ออย่างเด็ดขาด

                    “แต่เราก็รู้ว่าตอนนี้ชีวิตเรามันไม่ปลอดภัย แล้วตอนนี้พี่ฮั่นก็เจ็บอยู่ อย่าทำอะไรตามใจตัวเองได้มั้ย??? พี่ชักจะเบื่อเราเต็มทนแล้วนะ” พี่กันสะบัดหน้าอย่างหัวเสีย นั่นเป็นภาพที่ไม่คุ้นตานัก เพราะปกติแล้วพี่ชายคนนี้อารมณ์ดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

                    “มีคนอยู่ในชีวิตมากก็ปวดหัว... ไม่รู้จะลอบกัดเราวันไหน สมายล์ไม่เอาด้วยหรอก!!!” ชั้นคิดถึงคุณครูหน้าหวานผู้กระชากหัวใจชั้นมาขยี้ทิ้งแล้วมันเจ็บใจยิ่งนัก เพราะคนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ??? ที่ทำให้ชั้นต้องหัวใจร้อนรนเช่นนี้ ชั้นไม่อยากเอาภาระมาสุมในหัวอีกแล้ว       

                    “พี่ไม่รู้ว่าจะเอาคำไหนมาพูดกับเราแล้ว ไม่สงสารพี่ฮั่นบ้างรึไงห๊ะ!!! หรือว่าต้องให้พี่ฮั่นดูแลเราจนตายลงไปต่อหน้ามันถึงจะสาแก่ใจ พี่ฮั่นทำเพื่อเรามาตั้งเท่าไหร่ แล้วเราจะเรียกร้องอะไรนักหนา พี่ขอแค่หาคนมาแบ่งเบาพี่ฮั่นบ้างก็เท่านั้นถ้ามันยังทำไม่ได้ พี่จะยุให้พี่ฮั้นหนีไปเลย!!!” คำพูดนั้นทำให้ชั้นนิ่งคิดไปอึดใจ มันก็ถูกของพี่กัน... เราไม่ยอมให้พี่ฮั่นต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว เมื่อเห็นว่าชั้นนิ่งฟังพี่กันก็เข้าลูบหัวอย่างเอ็นดู

                    “เรายังเด็ก...อย่าเอาเรื่องที่มันโตเกินตัวมาคิด มีไม่กี่คนหรอกนะที่หวังดีกับเรา แต่หนึ่งในนั้นก็ยังจะมีพี่และคุณแม่อยู่เสมอ อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีใครเลิกคิดแบบนั้นได้แล้ว รู้มั้ย....” ชั้นหันไปยิ้มในพี่ชายที่แสนดี ถึงแม้ว่าคำพูดนั้นไม่อาจลบความอ้างว้างในหัวใจชั้นได้เลย โลกนี้ของชั้น....มันหมุนรอบผู้ชายคนนั้นไปแล้ว “พี่ฮั่น” โลกใบนี้ของสมายล์มันอยู่ในกำมือพี่ อย่าทำร้ายหัวใจของสมายล์ด้วยการไปรักคนอื่นเลยนะ....

     

                    HUNZ talk

                    ถึงแม้ว่าแกงส้มจะกลับไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แต่จมูกของผมยังคงกรุ่นกลิ่นหอมละมุนจากร่างสูงโปร่งไม่สร่างซา แกงส้มในอ้อมกอดผมทั้งคืน....มันเป็นความจริงหรือกันนี่ ทำไมมันช่างหวานละไมเสียยิ่งกว่าความฝันของผมเสียอีก รอยยิ้มแสนหวานมันทำให้ผมลืมความเจ็บปวดทางร่างกายไปเสียหมดสิ้น ความรัก....ช่างมหัศจรรย์ราวปาฏิหาริย์โดยแท้ คนที่คิดว่าตัวเองไม่มีหัวใจเช่นผมต้องกลับตกเป็นทาสของความรักอย่างไร้เงื่อนไข แต่มันเป็นบ่วงแสนหวานเป็นสุขที่ผม “เต็มใจ” จะหลงอยู่ในห้วงวังวนนั้น

                    “หน้าตาสดใสเชียวนะคะ” เสียงหวานของพยาบาลสาวปลุกผมจากความคิดที่แสนสุข

                    “ครับ....” ผมตอบด้วยความเก้กัง รอยยิ้มขำที่พยาบาลส่งมานั้นคงเป็นเพราะเห็นผมนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน

                    “ได้เวลาทำแผลแล้วคะ...แต่ดูท่าทางจะหายเร็วนะคะเนี่ย” คำหยอกล้อนั้นทำเอาผมอดเขินไม่ได้ ถ้าคุณพยาบาลรับรู้ว่าผมมีความสุขแค่ไหน จะไม่แปลกใจเลยหากแผลที่ถูกยิงจะหายสนิทเป็นปลิดทิ้ง

                    ผมนอนนิ่งให้เป็นหุ่นให้พยาบาลทำแผลเกือบสิบนาที ร่างบางของคุณหนูก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับคุณกัน ลูกผู้พี่ของคุณหนูสมายล์ ใบหน้าของคุณกันดูเป็นกังวลกับการอาการของผมไม่น้อย

                    “ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ต้องระวังเนื้อระวังตัวกันไว้บ้างนะ” คำพูดนั้นเหมือนจะพูดกับผม แต่สิ่งที่คุณกันต้องการจะสื่อนั้นคงหมายถึงคุณหนูสมายล์มากกว่า ผมหันไปมองคุณหนูที่ดูเหมือนจะเย็นชากว่าปกติ

                    “ครับ....” ผมรับคำสั้นๆ

                    “แล้วผมอยากปรึกษาพี่ฮั่นเรื่องบอดี้การ์ดของยัยสมายล์ ผมว่าเราน่าจะหาใครสักคนมาช่วยพี่ดูแลสมายล์” คุณกันเอ่ยปากขึ้นมา

                    “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ....ดูท่าทางแล้วเหมือนมันเป็นพวกมืออาชีพ ผมก็ชักหวั่นๆอยู่เหมือนกันกลัวจะรับมือไม่ไหว” ผมตอบไปอยากที่ใจคิด คุณกันพยักหน้าน้อยๆรับทราบกับความคิดผม

                    “แล้วที่หามาจะไว้ใจได้เหรอคะ???” คุณหนูสมายล์จ้องมาทางผมด้วยแววตาแปลกไป

                    “ก็ที่ไว้ใจได้ก็พอหาได้อยู่นะครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง” ผมรับคำเพื่อสำทับความมั่นใจ

                    “ดีแล้วละคะ...อะไรก็ได้ขอแค่ไว้ใจได้ ไม่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาก็พอ”

                    “ยัยสมายล์!!!” คุณกันปราบญาติผู้น้องเสียหลง เพราะทั้งสีหน้าและแววตาของคุณหนูนั้นช่างดูก้าวร้าวอย่างน่าตกใจ แต่คุณหนูกลับยักไหล่อย่างไม่สนใจ

                    “ทำไมคะ... สมายล์มีสิทธิ์เลือกไม่ใช่เหรอคะ???----ว่าแต่พี่ฮั่นเองเถอะ ยังไว้ใจได้อยู่รึเปล่า???”

                    “คุณหนู....” คำถามนั้นมันแฝงด้วยความนัยที่ผมไม่อาจจะเข้าใจได้หมด แต่มันทำให้ผมรู้สึกห่วงแกงส้มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                    “พูดจาไม่น่ารักเลยนะเรา พี่ว่าเราชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว” คุณกันพูดอย่างหมดความอดทน

                    “ไม่หรอกคะพี่กัน---บางทีสมายล์ก็ต้องย้ำพี่ฮั่นว่าอะไรคือสิ่งที่พี่ฮั่นควรทำ อะไรคือสิ่งที่พี่ฮั่นไม่มีสิทธิ์จะทำ ถ้าวันหนึ่งพี่ฮั่นมีความคิดจะทำอะไรนอกลู่นอกทาง ก็ขอให้พี่ฮั่นคิดถึงข้าวแดงแกงร้อนที่ราดหัวพี่ไว้นะคะ” นั่น....ทำให้ผมสะอึกไปทันที ผมไม่นึกว่าคำพูดรุนแรงนั้นจะออกมาจากปากเด็กสาวคนนี้และมากไปกว่านั้น ผมแน่ใจแล้ว....ว่าเรื่องราวของผมและแกงส้ม มันไม่ใช่ความลับระหว่างเราสองคนอีกต่อไป.... ทำไมเวลาของความสุขมันช่างสั้นเหลือเกินนะ มันถึงเวลานี้แล้วจริงๆ.... ผมต้องปล่อยมือจากหัวใจตัวเองแล้วทั้งที่เพิ่งคว้ามากอดได้ไม่ทันข้ามวัน อีกครั้งที่ความจริงมันตอกย้ำความเจ็บปวดในความมีสิทธิ์ในหัวใจตัวเอง อีกครั้งที่ผมต้องพ่ายแพ้ให้แก่บุญคุณที่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ที่สำคัญ.....นี่เป็นอีกครั้งที่ผมต้องกลั้นใจทำร้ายหัวใจของแกงส้มอีกครั้ง เพียงแค่คิดหัวใจของผมก็แทบสลาย รอยยิ้มนั้นต้องจางหายเพราะน้ำมือผมงั้นหรือ??? แกงส้ม....ได้โปรดรับหัวใจดวงนี้ไป มันจะเต้นอยู่ข้างๆหัวใจของแกงส้ม ความห่วงใยที่มีอาจมองไม่เห็นด้วยตาแต่จงรับรู้ว่ามันมีจริง คนอย่างพี่มีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้....เพียงเท่านี้จริงๆ

     

    ผมจะทำอย่างไรดี.... หัวใจผมมันล่องลอยไปกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว อ้อมกอดอบอุ่นนั้นช่างน่าหลงใหล พี่ฮั่น... ต่อไปนี้ผมจะเรียกเรียกพี่ว่า “พี่ฮั่น” คนที่เป็นความทรงจำที่แสนดีในวันวาน และ ความรักที่แสนหวานในวันนี้ ไม่ว่าจะมีอะไรมาขวางกั้น...ผมก็จะไปหาพี่ แค่พี่ต้องการผม ไม่ว่าอะไรผมก็ไม่กลัวอีกแล้ว ต่อให้ร้อยเจนจิราหรือล้านคุณหนูสมายล์ผมก็ไม่กลัว ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ผมยอมเพื่อพี่ได้ทั้งนั้น เพราะหัวใจของผมมันเป็นของพี่...อีกครั้ง และวันนี้แหละที่ผมจะไปบอกความรู้สึกที่มี พี่ฮั่น...ผมรอมาหกปีเพื่อจะมาเจอพี่ แต่ผมจะใช้ลมหายใจทุกวินาทีต่อจากนี้ไป เพื่อ “รัก” พี่เพียงคนเดียว

    “ครูแกง...รถจอดอยู่ประตูหลังเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ ระวังอย่าให้คนของนังคุณเจนเห็นด้วยนะ” ป้านวลช่วยเป็นธุระจัดการทุกอย่าง ผมยิ้มให้ป้านวลอย่างตื้นตัน ซึ้งใจกับความช่วยเหลือที่ไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องเดือดร้อนหากเจ้านายสาวรู้เรื่อง

    “ผมขอบคุณนะครับป้า ไม่รู้ว่าจะตอบแทนป้ายังไง”

    “แค่ทำให้คุณฮั่นมีความสุข....เท่านี้ป้าก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณครูยังไง” ป้านวลวางมือลงบ่าผมอย่างเอ็นดู แต่ป้าจะรู้มั้ยครับ....ว่าการที่ผมได้รักพี่ฮั่น มันก็เป็นความสุขที่มากมายจนไม่ต้องมีอะไรมาตอบแทนผมอีกแล้ว ผมเอาฮู้ดมาคลุมก่อนจะแฝงตัวไปกับความมืด เพื่อที่จะออกไปทางด้านหลังโดยมีป้านวลคอยสอดส่องดูต้นทางให้

    ผมค่อยๆผลักประตูห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลหรูเข้า ร่างสูงสง่านอนเหยียดยาวซึ่งขยับเล็กน้อยกับการมาถึงของผม ใบหน้านั้นเรียบเฉยกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้มาก แต่คงเพราะบาดแผลนั้นสินะ

    “ทำไมอยู่มืดๆแบบนั้นละครับ หรือว่านอนแล้ว” ผมทักทายด้วยคำถาม

    “อ่อ....ก็ว่าจะนอนแล้ว” พี่ฮั่นตอนสั้นก่อนจะค่อยยันกายขึ้นอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน

    “ผมซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาด้วย แต่ดูท่าทางผมจะซื้อมาเก้อซะแล้วสิ พี่ฮั่นคงทานไปแล้ว” ผมวางโจ๊กลงแล้วเหลือบเห็นอาหารดีๆวางอยู่เต็มโต๊ะ

    “เอาสิ...พี่ก็อยากทานอะไรร้อนๆเหมือนกัน” พี่ฮั่นพูดเรียบๆแต่แววตาช่างเศร้าสร้อยเหลือเกิน จนผมเองอดห่วงไม่ได้.... ความรู้สึกของพี่ฮั่นมันช่างมีอิทธิพลกับหัวใจของผมเหลือเกิน ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกินขึ้นเมื่อไหร่.... จนวันนี้มันเป็นความรู้สึกที่มีเต็มล้นทั้งหัวใจ

    “พี่ฮั่น....คืนนี้พี่จะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนอีกมั้ย???” ทั้งที่เขินอายจนหน้าร้อนผ่าว แต่ผมก็พูดประโยคนี้ออกมาจนได้---

    “อย่าเลย...พี่ไม่สะดวกใจ” คำตอบเรียบๆนั้น...เป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง

    “ทำไมล่ะครับ” ผมถามออกไปโดยทันที มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เมื่อวานพี่ฮั่นยังอยากให้เราอยู่ด้วยอยู่เลย

    “แล้วทำไมถึงอยากอยู่ที่นี่ล่ะ....” พี่ฮั่นถามผมย้อนกลับ สีหน้าราบเรียบราวกับร่างนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ ผมชะงักไปเล็กน้อย...

    “คือ...ผม” ไม่รู้ว่าจะบอกความรู้สึกที่มีล้นหัวใจได้อย่างไร แต่ผมแน่ใจว่าสายตาที่ส่งไปให้มันแทนคำพูดนับล้านคำได้เป็นอย่างดี พี่ฮั่นชะงักแววตานั้นดูสับสน มือใหญ่แข็งแรงนั้นเอื้อมมือมาคว้ามือผมแล้งดึงเข้าแนบชิดกับร่างนั้น อกผมเบียดแนบกับแผงอกกว้างนั้น ความอบอุ่นแผ่ซ่านปกคลุมทั่วทุกอณูของหัวใจ กลิ่นกายหอมชวนหลงใหลพาจิตใจของผมล่องลอยไปตามสายลมแห่งรัก ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร....แค่ได้อยู่ให้อ้อมกอดนี้

    “พี่ฮั่น...ผมรักพี่นะ” ในที่สุด...ผมก็พูดคำนั้นออกมา แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด อ้อมกอดที่รัดแน่นกลับค่อยๆคลายออกช้าๆ สายตาสองเราปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่พี่ฮั่นจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

    “พูดอะไรออกมา....” พี่ฮั่นพูดพึมพำแผ่วเบา แต่เพียงเท่านี้...คำพูดนั้นก็ทำให้ความหวาดหวั่นเข้ามาจู่โจมที่หัวใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...ผมถึงรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้

    “ผม....แค่อยากจะบอกความรู้สึกที่ผมมี ผมคิดว่าพี่----” คำพูดนั้นจุกอยู่ที่ลำคอด้วยความรู้สึกที่สับสน ทั้งน้อยใจและหวาดกลัว... ท่าทีของพี่ฮั่นมันไม่เหมือนที่ผมคาดไว้

    “คิดว่าพี่อะไร???” พี่ฮั่นก้มหน้าต่ำมองมือตัวเองที่วางไว้บนหน้าขา ผมมองใบหน้างดงามราวกับรูปปั้นซึ่งในขณะเดียวกัน ความเย็นชานั้นก็บาดลึกลงไปที่หัวใจอ่อนๆของผมอย่างเลือดเย็น พี่ฮั่น.... พี่หมายความว่าอย่างไร

    “ช่างมันเถอะ---ผมขอตัว” ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะมองท่าทีนั้นไม่ออก และผมไม่อยากเป็นคนไม่รู้ความเซ้าซี้เพื่อความต้องการของตัวเอง แต่ภาพทุกอย่างก็ทำให้สุดจะกลั้นน้ำตา ในใจได้แต่เพรียกร้องถามหาคนที่อยู่ตรงหน้า ทำไมกันนะ เพียงเอื้อมมือ.....ทำไมมันช่างแสนไกลเหลือเกิน

    “ขอโทษนะ....ที่บางอย่างทำให้เข้าใจผิด แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าพี่น้องจริงๆ”

    “พี่น้องงั้นเหรอ???” ผมถามเค้นเสียงอย่างเจ็บปวด ทุกการกระทำนั้น---เค้ากับกับเราแค่พี่น้องงั้นเหรอ??? ---เรามันเป็นแค่ของเล่นที่มีชีวิตต่างหาก อยากจะกอดก็คว้ามากอด อยากจะจูบก็คว้ามาจูบ.... ผมหัวเราะกับชีวิตตัวเองออกมาเบาๆ ทำให้พี่ฮั่นค่อยๆเงยหน้ามามองผมอย่างเต็มตา

    “พี่ยอมรับว่าบางครั้งมันก็หวั่นไหวไปบ้าง---แต่สุดท้ายแล้ว....มันก็ไม่ใช่ มันเป็นความผิดของพี่เองที่ทำให้แกงส้มคิดไปว่าพี่...รัก” ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นความรู้สึกผิดหรือแค่คำพูดที่ปัดความผิดออกจากตัว ---ผมไม่เคยเข้าถึงความคิดของคนนี้เลยสักครั้งใช่มั้ย??? ความละมุนหวานของรสจูบนั้นมันเป็นเพียงคราบไคลจากความหวั่นไหว.... ผมนี่มันช่างน่าสมเพชจริงๆ

    “จะโกรธจะเกลียดพี่ก็ได้นะ.... ถ้าแกงส้มต้องการ” น้ำเสียงเรียบเฉยนั้นทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี ผมไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าคนแบบนี้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะความต้องการของผมหรอก...ผมรู้ดี เพราะเค้าไม่สนใจไยดีต่อความรู้สึกของผมต่างหาก ไม่ว่าผมจะโกรธหรือเกลียดเค้าแค่ไหน... ไม่ก็คงไม่ไปสะเทือนเสี้ยวความรู้สึกใดๆของเค้าสักนิดหรอก ผมผิดเองที่มองตัวเองว่าสำคัญ...คิดว่าเค้าจะรักจะชอบจริงๆ

    “พี่จะพูดอะไรก็ได้.... สำหรับผมแล้วทุกอย่างมันมีคำตอบและทางออกของมัน”

    “แกงส้ม....หมายความว่ายังไง ที่พูดเมื่อกี้...หมายถึงอะไร????” น้ำเสียงนั้นตวัดห้วนขึ้นมาทันที คิ้วนั้นเลิกขึ้นอย่างข้องขุ่นใจ แคร์เราจริงๆ อย่างนั้นเหรอ.... จากคำว่าพี่น้องคำนั้น ผมจะสามารถมองผู้ชายคนนี้ในแง่ดีได้อีกอย่างงั้นเหรอ???

    “ผมหมายถึงอะไร พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ??? หรือพี่จะให้ผมอยู่นิ่งอยู่รองรับความเจ็บปวดที่พี่ อ่อ...ไม่ใช่สิ ความเจ็บปวดที่ผมเพ้อเจ้อไปเองคอยซ้ำเติมใจให้รวดร้าวอย่างนั้นเหรอ” ผมมองใบหน้านั้นอย่างเจ็บปวด หัวใจของผมมันร้าวรานไปหมดทั้งหัวใจ รอเพียงวันที่ให้มันแตกละเอียดเท่านั้น.... หากผมยังเห็นคนๆนี้คงอีกไม่นานหรอก... ไม่นานหัวใจผมคงจะแหลกอยู่ตรงนั้น แทบเท้าชายหนุ่มรูปงามที่แสนโหดร้ายคนนี้อย่างแน่แท้

    “นี่...จะไปจากที่นี้เหรอ???” น้ำเสียงเศร้าสร้อยนั้นมันทำให้ผมเบือนหน้าในทันที ความหวังดีจากชายคนนี้มันเป็นเพียงเรื่องราวจอมปลอมเท่านั้น หัวใจจ๋า..... อย่างอ่อนไหวอีกเลย แค่นี้หัวใจจะแทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้อยู่แล้ว... ผมค่อยๆ หมุนตัวกลับทิ้งให้ความเจ็บปวดความอ่อนแอสุดท้าสยไว้ตรงนี้ จากนี้ไปชีวิตของผมจะทำทุกอย่างเพื่อก้าวให้พ้นผ่านจากพี่ฮั่น อาจจะหยุดรักไม่ได้...แต่ผมจะไม่ยอมให้โอกาสหัวใจได้รักเค้าไปมากกว่านี้ พอแล้ว....พอกันที ผมจะลืมมันไปให้หมดทั้งคนที่แสนดีเมื่อหกปีก่อนและผู้ชายที่เพิ่งขยี้หัวใจผมละละเอียด จากนี้ผมจะก้าวไปต่อไปจะไม่มีใครที่ผมเฝ้ารอคอยอีกแล้ว... ผมจะไม่ทำเรื่องโง่งมแบบนั้นอีก.... ไม่มีอีกแล้ว ผมจะไม่วางหัวใจไว้ที่ใครอีกแล้ว...ผมจะไม่รักใครไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะ “พี่ฮั่น” จากนี้ต่อไป ผมจะไม่มีทางหันกลับมาตรงนี้อีก!!!

     

    ปล. ขอโทษที่หายไปนานมากกกกกกกก.... เนื่องจากว่าเพิ่งเริ่มงานใหม่ ออกพื้นที่ต่างจังหวัดบ่อยมาก อย่าเพิ่งลืมกันนะจ๊ะ รู้สึกผิดที่หายไปนาน ถ้าไม่เหนื่อยเกินไปจะกลับมาอัพให้บ่อยกว่านี้นะจ๊ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×