ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF/OS Your Blommor AllxYoungjae MarkJae 2Jae YugJae JackJae

    ลำดับตอนที่ #4 : Fyra blommor: Orange rose -YugJae-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      7
      30 มี.ค. 59

                                      
                                                                                                                             




    "ดอกกุหลาบสีส้ม"


    Orange Rose


    ดอกกุหลาบสีส้ม สื่อให้เห็นถึงความสดใส ความเป็นตัวของตัวเอง


    ของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น


    และยังบ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย




    06:00 น.

    กริ๊งงงงงงงงงงงง


    เสียงของนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้น


    ทำให้ร่างบางที่อยู่บนเตียงเริ่มยกมือขัดป่ายหาต้นเสียงที่ที่ทำให้เาตื่นจากฝันดี 

    ชายหนุ่มทำเพียงกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกตัวการ


    ก่อนที่เขาจะเปิดเปลือกตาสวยคู่นั้นขึ้น


    เขาเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อนึกความฝันที่แสนสวยงามและมีความสุ


    ถึงแม้ในความฝันจะดูแสนสุขก็จริง


    แต่ในความเป็นจริงแล้วความฝันและความจริงนั้นมันช่างสวนทางกันเสียจริง เขาเลือกที่เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง


    ก่อนที่ลุกออกจากเตียงนอนที่เคยฝั่งร่างบางไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา


    เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงแม้มันจะเศร้าเพียงไหนก็ตาม


    เขาไม่ควรที่จะจมกับความเศร้านี้


    เพราะเขาสัญญากับใครคนหนึ่งไว้แล้ว




    ชเว ยองแจ บาริสต้าหนุ่มชื่อดัง


    เขาเดินแกว่งมือไปมาตามเส้นทางยาวที่ปูด้วยอิฐสีขาว


    สองข้างทางของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้


    สายลมที่พัดพาอย่างเบาๆและแสงแดดที่อ่อนโยน


    ทำให้ร่างบางของยองแจเลือกนั้นที่จะแหงนหน้าขึ้นเพื่อสูดอากาศอันบริสุทธิ์ในยามเช้าของกรุงโซลเมืองหลวงที่วุ่นวายแห่งนี้



    “ ย๊า ได้ทำงานแล้ว Fightingนะ ชเว ยองแจ "


    เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส


    จนทำให้คนที่แอบมองอยู่ได้แต่ยิ้มเบาๆให้กับความสดใสในรอยยิ้มนั้น


    ยองแจเลือกที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟของเขา


    ร้านกาแฟที่มีความทรงจำร่วมกับคนคนนั้น


    ในยามเช้าที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เขาเลือกที่จะมาจัดร้าน


    และทดลองเมล็ดกาแฟที่จะนำมาทำกาแฟในแต่ละวัน


    เขาเลือกที่จะคั่วเมล็ดกาแฟเหล่านั้น กลิ่นของกาแฟทำให้เขาผ่อนคลาย  


    และมันยิ่งพาลทำให้คิดเรื่องที่ผ่านมา







    “ นี่ยูคยอม วันนี้พี่จะสอนนายเกี่ยวเรื่องการคั่วเมล็ดกาแฟนะ” คนตัวโย่งพนักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะพยายามควานหาสมุดบันทึกคู่ใจในกระเป๋า


    “นายนี่จริงๆเลย อยากเป็นบาริสต้าแต่ทำกาแฟไม่เป็น ฮ่า ฮ่า ไม่ไหวๆ” คนร่างบางพูดต่อจากที่เพิ่งเอ่ยไปข้างต้น


    โดยมีเด็กร่างโย่งที่ยืนหัวเราะไปตามเขา


    “ โถ่ พี่ยองแจครับ คนเรามันต้องเรียนก่อนซิครับ


    เราทำได้เลยตั้งแต่เด็กไม่ได้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"  


    เจ้าเด็กโย่งนั้นตอบกลับผมมาด้วยน้ำเสียงสดใส


    เขาคือลูกศิษย์ของผมครับ


    เขาคือเด็กมหาวิทยาลัยที่มีความฝันอยากเป็นบาริสต้า


    แต่กลับทำกาแฟไม่เป็นเลยซะงั้น



    “ การคั่วกาแฟเป็นวิธีและขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดึงคุณสมบัติต่างของกาแฟออกมาไม่ว่าจะเป็นความหอม 

    ความกลมกล่อมของรสชาติเข้มกลมกล่อมต่างๆออกมา นายจดตามที่พี่บอกเลยนะยูค

    ปกติการคั่วกาแฟจะใช้ความร้อนที่ 180 – 240 องศาเซลเซียส

    ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 -20 นาที  

    อันนี้ก็สำคัญนะเพราะอุณหภูมิและระยะเวลาที่ใช้จะมีผลต่อความหอมแ

    เป็นอย่างยิ่ง ระดับความเข้มอ่อนของการคั่ว

    สามารถแบ่งออกเป็นระดับได้มากกว่า 12 ระดับ และกลิ่นหอม

    แต่พี่จะขออธิบายง่ายๆเป็น 3 กลุ่มเพื่อความเข้าใจในเบื้องต้น " หลังจากที่อธิบายร่ายมาจนยาวเสร็จ


    เหมือนคนร่างบางจะเพิ่งรู้ว่าเขาพูดไปนานพอสมควรจึงหยุดและหันไปถามยูคยอมที่จดอยู่ข้างๆ


    “ นายได้จดตามที่พี่บอกรึเปล่าเนี้ย รีบๆจดเลยนะเด็กน้อย "


    “ พี่ครับบบบบบ ผมจะจดตามไม่ทันอยู่แล้วเนี้ย "


    ก็เพราะพี่ผมมองหน้าแบบนี้ไง ผมเลยไม่มีสมาธิที่จะจดเลยซักนิด


    “ พี่จะอธิบายแบบคล่าวๆนะ กลุ่มที่1.คือการ


    การคั่วกาแฟระดับอ่อน หรือเรียกว่าlight roast


    เมล็ดกาแฟจะสีน้ำตาลอ่อน บางกลุ่มประเทศจะเรียกว่า ซิน่าม่อน


    เพราะมีสีเหลืองน้ำตาลแบบเปลือกต้นอบเชย การคั่วกาแฟแบบนี้นั้น


    จะได้รสชาติความเป็นกาแฟที่ดี


    อาจมีรสชาติความเปรี้ยวของกรดผลไม้หลงเหลือ อยู่ในกาแฟด้วย.... ”


    ยองแจอธิบายพร้อมกับชี้ให้ยูคยอมดู


    “ ส่วนกลุ่มที่ 2.คือการคั่วกาแฟระดับกลาง หรือเรียกว่าmedium roast เมล็ดกาแฟจะมีระดับสีความเข้มเพิ่มมากขึ้น


    ปกติคนอเมริกันจะชอบทานกาแฟระดับนี้โดยชงแบบหม้อต้ม และดื่มกันเป็นแบบแก้วใหญ่ 


    ที่เรียกว่าบักส์ซึ่งในความคิดพี่กาแฟระดับนี้ จะชงกาแฟร้อนได้อร่อยหอมกรุ่นมาก”


    “กลุ่มที่3.คือการคั่วกาแฟระดับเข้ม หรือเรียกว่าdark roast


    เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีเข้มมาก


    เมล็ดจะมันวาวเหมือนมีน้ำมันมาเคลือบจนบางคนเข้าใจว่าต้องใส่น้ำมัน


    หรือเนย ด้วยขบวนการคั่วแบบนี้จะให้รสเข้มข้น


    ซึ่งป็นรสชาติที่ชาวอิตาเลี่ยนดื่มกัน และนำกาแฟชนิดนี้


    ไปใช้ชงด้วยเครืองชงแบบมีแรงดันได้กาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า


    เอสเพรสโซ่ นายจดตามที่บอกทันรึเปล่ายูคยอม " หลังจากที่อธิบายจนเสร็จยองแจก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามอีกฝ่าย


    “ แห่ะๆๆ ผมจดได้ไม่ถึงครึ่งที่พี่บอกมาเลยครับ พี่ยองแจผมขอโทษน้า "


    สีหน้าของเด็กนั้นก็ดูน่าสงสารอยู่หรอกครับ ถ้าเขาไม่มาเกาะแข้งเกาะขาผม


    “ ย๊าาา ยูคยอมนายไม่ได้ฟังที่บอกเลยใช่ไหม "


    ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ


    “ นายอย่าอยู่ดีเลย ตายซะเถอะ! "


    “ พี่ยองแจอย่าทำอะไรผมนะ "


    เขาตะโกนบอกผมมาจากฝั่งตรงข้างของเคาน์เตอร์ทำกาแฟ


    “ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กโย่ง!! "


    “ ผมไม่หยุดให้พี่มาฆ่าผมหรอกนะครับ แบร่ : P " เจ้าเด็กบ้านี่


    โตขนาดนี้แล้วยังมาเล่นอะไรแบบนี้อีก


    แต่ทำไมบนใบหน้าผมถึงมีรอยยิ้มแบบนี้นะ


    “ 5555 หยุดเดี๋ยวนะเด็กโย่ง มาให้พี่ตีซะดีๆ "


    “ ก็เพราะพี่ขาสั้นไงครับ เลยวิ่งตามผมไม่ทัน 555 "


    เจ้าเด็กนี่ว่าใครขาสั้นกันยองแจก็คิดนร้า


    ว่ายองแจอะขาไม่สั้นหรอกแต่ยูคยอมอ่ะขายาวเกินไป!!


    “ หยุดนะ! เห้ยย เฮ้ยยย "


    ยูคยอมรีบก้าวขายาวๆของเขามาคว้าเอวของผมไว้


    อาจจะเพราะการที่เขาคว้าเอวผมไว้แบบนี้ทำให้เราจ้องตากันนิดนึง


    “ พี่ยองแจระวังซิครับ ถ้าพี่ล้มหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง


    ไหนดูสิเจ็บตรงไหนรึเปล่า "


    หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวผมไปมาเพื่อตรวจสอบว่าผมเจ็บตรงไหนรึเปล่า


    “ ยูค!! ยูค พอแล้ว พี่ไม่เจ็บตรงไหนหรอก หยุดหมุนได้แล้ว "


    “ ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่ครับ "


    คำว่าห่วงของเขาทำให้ตกอยู่ในภวังค์ไปช่วงหนึ่ง


    “ พี่ยองแจครับ พี่ยองแจ "


    “ ห๊ะ ห๊ะ "


    “ พี่เป็นอะไรรึเปล่า ?? "


    “ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว เรากลับไปเรียนกันต่อเถอะ ไปเร็ว "


    หลังจากนั้นผมก็ดันหลังของเขาไปที่เคาน์เตอร์


    เพื่อเรียนต่อ หวังว่าเจ้าเด็กนั้นจะไม่เห็นแก้มแดงๆของผมนะ









    ทว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว


    ยองแจได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ


    ในดวงตาสวยคู่นั้นมีแววความเศร้าเจือปนอยู่ยองแจนั่งเหม่อจนลืมสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งได้เข้ามาในร้านและแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา


    “ ยองแจ มานั่งอยู่ตรงนี้เอง "


    ชายหนุ่มรูปร่างนักกีฬาเดินเข้ามาทักทายยองแจด้วยรอยยิ้ม


    “ อ้าว พี่แจ็คสันสวัสดีครับ "


    ยองแจรีบลุกขึ้นทักทายแจ็คสันด้วยรอยยิ้มเช่นกัน


    “ วันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ "


    “ ก็พี่ต้องรีบมาช่วยยองแจนี่น่า "


    “ แหม่ขยันจังนะครับ กลัวผมไม่ให้เงินค่าจ้างหรอ 5555 "


    ร่างบางแซว ก็จริงๆนี่นาถึงแม้แจ็คสันจะไม่ใช่พนักงานในร้าน


    แต่เมื่อขอความช่วยเหลือพี่เขามาเราก็ต้องมามีค่าจ้างให้ใช่ไหม


    “ เดี๋ยวเถอะเด็กน้อย " หลังจากนั้นแจ็คสันก็ยีหัวยองแจเล่น


    “ ง่าาา พี่แจ็คสันง่ะ ^^ เรารีบไปทำงานกันเถอะครับ "


    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของร่างบางทำให้ชายหนุ่มที่แอบมองมาจากอีก


    ฝั่งหนึ่งของร้านได้แต่ถอนหายใจเมื่อไหร่กันที่รอยยิ้มของยองแจไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป



    วันนี้เป็นวันที่ยองแจวานให้แจ็คสันมาช่วยที่ร้านอาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันแห่งความรัก


    วันที่เหล่าคนมีความรักจะพลุกพล่านให้เห็นและที่ร้านของเขาจะมีเข้าเยอะมากกว่าปกติ


    ด้วยทางที่ร้านจะมีของขวัญน่ารักๆให้กับคู่รักและเหล่าคนโสดที่มานั่งในร้าน


    ทางร้านยังมีการปรับเมนูประจำวันให้เข้ากับธีมวันวาเวนไทน์ให้มากที่สุด



    ถึงแม้มันจะเหนื่อยขนาดไหนก็ตาม


    แต่มันก็ทำให้ยองแจไม่ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องเศร้าๆที่ผ่านมาและที่


    สำคัญรอยยิ้มของลูกค้าก็เป็นเหมือนกำลังใจที่จะให้ยองแจเปิดร้านและ


    ทำคอฟฟี่น่ารักๆแบบนี้ต่อไป


    การทำกาแฟและคอยบริการลูกค้าทำให้ยองแจลืมเวลาไป


    “ นี่ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว " โดยปกติแล้วร้านของเขาจะเปิดตั้งแต่ 9:00 -17:00 น.


    “ พี่แจ็คสันครับ ได้เวลาปิดร้านแล้ว "


    ยองแจตะโกนบอกชายหนุ่มที่อยู่หลังร้านเพื่อแจ้งเตือนเวลา


    “ ขอบคุณที่เข้ามาใช้บริการนะครับ "


    หลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายของร้านเดินจากไปแล้ว


    ยองแจก็กลับเข้าไปช่วยแจ็คสันที่หลังร้านต่อ


    จนล่วงเลยมาถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้าน


    “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับพี่แจ็คสัน"


    “ ไม่เป็นไร สำหรับยองแจพี่เต็มใจเสมอ "


    “ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ "


    “ เดินระวังๆนะยองแจ พี่ไปแล้ว "


    ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ยองแจ ก่อนที่จะเดินจากไป


    ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแจ็คสันคิดอย่างไรกับเขา


    แต่เขาคงคิดกับแจ็คสันได้เพียงแค่พี่ชาย


    อาจจะเป็นเพราะในหัวใจของเขามีคนคนนั้นอยู่ตลอดเวลา


    คนที่เป็นเหมือนเจ้าของหัวใจของเขาตั้งแต่ตอนนั้นจะถึงตอนนี้



    ยองแจเดินฟังเพลงและระบายยิ้มออกมา


    บรรยากาศในตอนกลางคืนที่นี่สวยมากๆ


    ดวงดาวบนท้องที่สว่างไสวกับพื้นฟ้าสีคราม มันไม่ได้มืดจนน่ากลัว


    แต่กับมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น พาลทำให้เขาคิดถึงเรื่องนั้น


    “ คืนนี้ดวงดาวสวยมากๆเลยนะพี่ยองแจ"


    ยูคยอมหันมาพูดกับร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ


    “ อือ สวยมากๆเลยล่ะ "


    มันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าที่มกโพบ้านเกิดพี่อีกนะยูคยอม "


    “ พี่ยองแจชอบดูดาวหรอ?? "


    “ พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันหรอก


    แต่พี่ชอบมองมันเวลาเพลินๆมากกว่า " ยองแจพูดพร้อมยกยิ้มเบาๆ


    เขาจะรู้สึกถึงครอบครัวที่คอยเขามาจากข้างบนเสมอ


    “ พี่รู้รึเปล่าครับว่าดาวดวงไหนที่สว่างที่สุดในคืนนี้?? "


    “ ใครๆก็ต้องรู้สิ “ดาวซิริอุส” (Sirius) ไง "


    ยองแจตอบพร้อมทำเสียงมั่นใจ


    “ หือ ผิดได้ไง นายมั่วรึเปล่ายูค "


    “ คืนนี้ดาวที่สว่างที่สุดในใจผมก็ดาวที่อยู่ข้างๆผมไงครับ


    ยูคยอมพูดพร้อมกับส่งสายตาที่อ่อนโยนและจริงใจไปให้ยองแจ


    “ บะ..บ้า " อาจจะเป็นเพราะสายตาที่ยูคยอมส่งมา


    มันถึงทำให้หัวใจของเขาทำงานหนัก


    “ ผมพูดจริงๆนะครับ พี่คือดวงดาวที่สว่างที่สุดสำหรับผม "


    ยิ่งยูคยอมพูด มันก็ยิ่งทำให้เขาเขินมากกว่าเดิม


    “ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วเจ้าโย่ง


    ถ้าพูดอีกทีพี่จะไม่สอนนายทำกาแฟพรุ่งนี้ เข้าใจไหม!! "


    “ ง่า พี่ยองแจอะ จะทำหวานซักนิดนึงก็ไม่ได้ "


    ยูคยอมพูดพร้อมส่งสายตาน้อยใจมาที่ยองแจ


    “ ไม่ได้หรอก แบร่:P  วิ่งมาจับพี่ให้ได้สิเด็กน้อย "


    “ พี่ไม่รอดแน่ " ยูคยอมชี้หน้ายองแจด้วยความหมั้นเขี้ยว


    “ ถ้าผมจับพี่ได้ แก้มพี่ช้ำแน่!! "


    ยองแจหัวเราะให้กับอดีตที่ผ่านมา แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่อดีต


    มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกแล้ว คนคนนั้นก็เหมือนกัน ไม่มีอีกแล้ว


    “ คิดถึง " คำคำนี้มันชัดที่สุดในหัวใจของเขาตอนนี้


    แต่สำหรับอีกคนที่แอบเดินตามหลังร่างบางมา มันก็คงไม่ต่างกัน


    “ คิดถึง " มันคือความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจและชัดเจนในความรู้สึก


    แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว แค่คิดจะกอดเขาก็ยังไม่มีสิทธิ


    เพราะเขาเป็นเพียงแค่อดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับมา






    ในเช้าของอีกหนึ่งวัน ร่างบางตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ


    แต่อาจจะดูแปลกตาไปตรงที่เขาไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกหรือเสียงกวนใจ

    ที่จะปลุกเขาออกมาจากห้วงความฝันที่แสนหวาน แต่กับเป็นร่างกายของเขาเองที่ทำหน้าที่นั้น


    บนโต๊ะทำงานของเขา ปฏิทินอันน้อยมันทำหน้าทีของมันได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการบอกว่าวันนี้คือวันอะไรและวงกลมสีแดงนั้นแสดงให้ถึงความสำคัญขนาดไหน


    15  กุมภาพันธ์  วันสำคัญสำหรับเขา




    ‘15  กุมภาพันธ์ ‘ เมื่อ10ปีที่แล้ว


    บรรยากาศของวันวาเลนไทน์ยังคงไม่หมดไป


    กลิ่นความรักที่ลอยวนเวียนอยู่ในอากาศ


    ความรักที่ดูเด่นชัด รอยยิ้มของทุกๆคนมีอยู่บนใบหน้า


    ทว่าคงไม่ใช่กับเขา ยองแจหนุ่มน้อยปี2 มหาวิทยาลัยโซล


    พนักงานพาร์ทไทม์ในคอฟฟี่ช็อปน่ารักๆแห่งหนึ่งวันนี้เป็นวันที่ต้องมาทำงานหลังจากเรียนมาอย่างหนักหน่วง ถึงเขาจะเหนื่อยขนาดไหนก็ตาม


    แต่เพราะเสียงใจของเขามันเรียกร้องที่จะมาที่นี่มากกว่า


    วันนี้ก็คงเป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อ


    ยองแจได้แต่นั่งเท้าคางนำหน้าไปแนบกับกระจกข้างร้านอย่างเบื่อ


    วันนี้คนที่เข้าร้านค่อนข้างน้อย


    อาจจะเป็นเพราะสายฝนหลงฤดูที่ตกลงมาอย่างหนัก


    หรือไม่ก็เพราะเหล่าคนที่มีความรักอาจจะไปเที่ยวด้วยกัน


    ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่วันนี้ก็คือวันที่น่าเบื่อสำหรับเขา


    เขาเป็นคนที่รักการชงกาแฟ รักการบริการลูกค้า


    แต่วันนี้ร้านช่างเงียบเหงาเกินไป


    เสียงกระดิ่งที่อยู่หน้าประตูร้านดังขึ้นทำให้ร่างบางของยองแจนั้นหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด


    “ สวัสดีครับ I'amour kaffe ยินดีตอนรับครับ "


    อาจจะเป็นเพราะเขารีบมากเกินไป


    ทำให้ไม่ทันสังเกตุว่าใครคือผู้ที่เข้ามาใหม่


    “ พี่ยองแจสวัสดีครับ "


    “ อ้าวยูคยอม ^^ สวัสดี "


    “ วันนี้ที่ร้านเป็นยังไงบ้างครับ เงียบไหม "


    “ เงียบมากเลยยยยยย "


    ยองแจตอบยูคยอมด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย


    “ 555555 เหงาหรอครับ ผมมาแล้วนะ พี่จะได้ไม่เหงา "


    หลังจากพูดเสร็จ ยูคยอมก็ยิ้มตายี๋ใส่ยองแจ


    ยองแจเลือกที่จะดึงแก้มเล่นยูคยอมด้วยความหมั่นเขี้ยว


    “ เจ็บก็ดีซิเจ้าเด็กบ้า 555555 ^^  "


    ผมยอมทนเจ็บทุกวันเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของพี่แบบนี้นะ


    “ วันนี้ผมจะลองทำ Latte' art แบบที่พี่สอนให้ดื่มนะครับ "


    “ จริงหรอยูค พี่จะรอนะ "


    ยองแจเลือกที่จะหันมายิ้มน่ารักใส่ยูคยอม


    เป็นการบอกได้ว่าเขากำลังรอและสนใจอะไรอยู่ตอนนี้


    ยิ่งสายตาที่ยองแจมองมามันยิ่งน่ารักและแฝงไปด้วยความสดใส


    ยูคยอมเลือกที่จะหันไปใส่ผ้าเอี๊ยมกันเปื้อนและหันไปสนใจการตกแต่งล้าเต้ในแก้ว


    ภาพแผ่นหลังกว้างๆของชายหนุ่มกับการตั้งใจทำอะไรซักอย่าง


    ปฎิเสธไม่ได้ว่าถ้ามีใครมาเห็นคงจะหลังรักแผ่นนี้ไม่ใช่น้อย


    และยองแจก็คงเป็นหนึ่งในนั้น


    “ ลาเต้อาร์ต เสร็จแล้วครับ "


    ยูคยอมเดินเข้ามาหายองพร้อมกาแฟหนึ่งแก้ว


    “ ไหนดูหน่อยสิยูค "


    “ ว้าว น่ารักจังเลย เดี๋ยวนี้นายเก่งมากๆเลยนะเด็กน้อย " ยองแจมองลาเต้แก้วนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย


    จนทำให้คนที่แอบมองอยู่ยิ้มออกมา


    ลาเต้ที่ยูคเลือกที่วาดนั้นคือ เจ้าฮิปโปน้อยสองตัว กำลังจะจีบกัน


    ยองแจเลือกที่จิบเพื่อลิ้มรถชาติของมันอย่างช้าๆ


    “ พี่ยองแจครับ " ยูคยอมเรียกยองแจอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปนาน


    “ ฮะ '__') "


    “ คราบฟองนมติดปากครับ "


    “ อยู่ตรงไหนหรอ?? " ยองแจเลือกที่จะเช็ดไปที่ทั่วรอบริมฝีปาก


    “ มานี่ครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้  "


    ยูคยอมเลือกที่จะเอื้อมมาอีกฝั่งเพื่อที่จะเช็ดคราบฟองนมออกจากแก้มของร่างบางด้วยความเบามือ


    “ กินเป็นเด็กๆเลยนะ ยองแจเนี้ย "


    ยูคยอมเลือกที่จะยิ้มเอ็นดูส่งไปให้ยองแจ


    ตึกตัก....ตึกตัก


    ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าเสียงอะไร เสียงของหัวใจผมเอง


    “ พี่ยองแจครับผมมีเรื่องจะถาม "  ยองแจสะดุ้งเล็กน้อย


    หลังจากที่ยูคยอมเรียกชื่อเขา


    “ อะ..อะไรหรอยูค " แล้วทำไมเสียงของเขาตั้งติดขัดด้วยนะ


    “ ทำไมพี่ยองแจถึงอยากเป็นบาริสต้าหรอครับ "


    “ มันคงเป็นเพราะพี่รักที่จะทำกาแฟและพี่รอยยิ้มของลูกค้าเวลาที่ดื่มกาแฟของพี่ไงล่ะ”


    ยองแจรักที่จะเห็นรอยยิ้มของทุกคนเวลาที่เดินกาแฟของเขาไป

    สีหน้าและแววตาของเขามันบอกแบบนั้นจริงๆ


    “ แล้วยูคล่ะ ทำไมถึงอยากเป็นบาริสต้า "


    ยองแจเลือกที่จะยูคยอมกลับด้วยคำเดิม


    “ อาจจะเป็นเพราะผมแอบตกหลุมรักรอยยิ้มของบาริสต้าคนหนึ่งน่ะครับ "


    เจ็บ......แต่ว่าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใครกันนะ


    “ บาริสต้าคนนั้นเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยครับ


    รอยยิ้มของเขามันเหมือนแสงของพระอาทิตย์


    ดวงตาของเขานั้นมีแต่ความสดใสซ่อนอยู่ "


    “ บาริสต้าคนนั้นชื่อ ชเว ยองแจนะครับ " ชื่อคล้ายๆเขาเลยนะ


    ชเว ยองแจ เดี๋ยวนะ ชเว ยองแจ >///<


    ทำไมอยู่ดีๆแก้มของผมก็รู้สึกร้อนกันนะ


    “ ผมตกหลุมรักรอยยิ้มของยองแจตั้งแต่แรกเห็น


    ยิ่งพอได้มารู้จักยองแจจริงๆผมก็ยิ่งชอบยองแจมากยิ่งขึ้น "


    แก้มของเขามันคงต้องแดงแน่ๆ นั้นคือสิ่งที่ยองแจได้แต่คิดในใจ


    “ ยองแจให้โอกาสคบกับผมได้ไหม "


    คบ...ไม่คบ


    “ แต่....แต่ "


    “ แต่อะไรหรอครับ "


    “ อื้อ " ยองแจได้แต่พยักหน้าเบาๆด้วยความเขินอาย


    “ อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย "


    ยูคยอมเลือกที่จะแกล้งฟังยองแจไม่รู้เรื่อง


    “ ตก...ตกลง " อาจเพราะความเขินอายมีมากเกินไป


    ทำให้พลาดอดเห็นสายตาที่ยูคยอมใช่มองตน


    “ อะไรนะครับ " ยูคยอมก็ยังคงที่เลือกแกล้งร่างบางต่อไป


    “ ตกลงน่ะ ตกลง!!  " ยองแจโมโหที่ถูกแกล้ง


    จึงทำให้ยองแจเผลอตะโกนเสียงดังออกมา


    หลังจากนั้นสายตาของลูกค้าที่มีพอประปรายในร้านทุกคู่ก็มาหยุดที่ร่าง


    บางของยองแจร่างบางทำได้เพียงก้มหัวเบาๆเป็นการขอโทษคนเหล่านั้น


    ก่อนจะหันหน้ามีตีแขนตคนตัวโย่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ


    “ เลิกแกล้งพี่ได้แล้วเด็กบ้า>///<  "


    ยองแจเลือกที่จะตียูคยอมเพื่อระบายทั้งอาการเขินอายและโมโหที่มีอยู่ภายในร่างกาย










    “คิดถึงจัง”


    ร่างบางได้แต่คิดนี้ในใจ10ปีแล้วสินะกับความรักของเขาทั้งสอง


    ยองแจรีบลุกจากเตียงเพื่อที่จะไปอาบน้ำ ทานอาหารเช้าและเตรียมของให้เรียบร้อย


    ยองแจเลือกที่จะหยิบชุดกางเกงสีดำตัวเก่งและเสื้อแขนยาวสีชมพูน่ารัก


    ที่เขาทั้งสองเคยไปซื้อด้วยกัน เขายิ้มให้กับตัวเองในกระจกเบาๆ


    เดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันแล้ว “ ยูคยอม " เด็กน้อยของฉัน



    ขาทั้งสองของร่างบางเดินทอดน่องไปตามทางที่คุ้นเคย


    ทางที่ทั้งสองเคยเคียงข้างไปด้วยกัน


    ทางที่มีแต่ความทรงจำระหว่างเราสองและวันนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งที่มีบุคคลปริศนาแอบเดินต่างร่างบางเช่นเคย



    เขายิ้มให้กับความคิดตัวเองเล็กน้อย


    ทำไมวันนี้ยองแจของเขาน่ารักจัง


    แต่จะพูดคำว่าของเขาได้เต็มปากก็คงไม่ใช่


    เพราะร่างบางไม่ใช่ของเขามานานแล้ว




    ยองแจเลือกที่จะก้าวเข้าไปในร้านดอกไม้เล็กๆเจ้าประจำ


    เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อที่จะสั่งดอกไม้


    “ เอาดอกกุหลาบสีส้มหนึ่งช่อครับ "


    “ ได้ครับ อ้าวพี่ยองแจสวัสดีครับ "


    เสียงหนุ่มน้อยจากหลังเคาน์เตอร์เอ่ยทักยองแจด้วยความสนิทสนม


    ยองแจเอ่ยทักแบมแบมหนุ่มน้อยน่ารักเพื่อนสนิทของยูคยอม


    ที่เลือกจะเปิดร้านขายดอกไม้เล็กๆตามความชอบของตน


    “ วันนี้พี่ยองแจจะไปหายูคยอมหรอฮะ " แบมแบมเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับค่อยๆจัดดอกไม้ให้อีกฝ่ายอย่างประณีต


    “ ใช่แล้วล่ะ " ตอบอีกฝ่ายไปและยิ้มให้บางๆ


    “ อะนี่ครับดอกไม้ ฝากความคิดถึง ถึงยูคยอมด้วยนะครับ ผมไม่ได้ไปหาเขานานแล้ว "


    “ ได้จ๊ะ พี่ไปแล้วนะ " ยองแจได้แต่ส่งยิ้มไปให้แบมแบมเบาๆและโบกมือลาคนที่อยู่ในร้าน


    แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มให้แล้วเดินออกไป


    “ เดินทางปลอดภัยนะครับ ^^ "


    หลังจากที่เขาได้ดอกไม้สีส้มสวยงามมา


    ยองแจเลือกที่จะหยุดยืนอยู่ที่หน้า เขาสูดดมกลิ่นหอมของมันเบาๆ


    “ หวังว่านายจะยังชอบมันนะยูคยอม "


    ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอเดินทางไปคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าขาเรียวของร่างบางก้าวขึ้นรถเมล์ด้วยความตื่นเต้น


    ถึงแม้เขาจะไปหายูคยอมบ่อยขนาดไหนแต่เขาก็มักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เดินทาง










    1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่เขาหมดไปกับการเดินทาง ในที่สุดเขาก็มาถึงที่นี่


    ในที่ที่ผืนฟ้าอันกว้างที่ดูไกลสุดลูกหูลูกตา


    ผืนหญ้าที่ลู่ไปตามแรงลมเขาเลือกที่จะสูดหายใจเบาๆ


    เขาเดินผ่านทางเดินที่คุ้นเคยเพื่อมาหยุดอยู่ตรงป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อไว้


    ยองแจเลือกที่จะวางดอกไม้ไว้ข้างๆกับป้ายหินอย่างแผ่วเบา


    “ พี่มาหานายแล้วนะ ยูคยอม "





    15 กุมภาพันธ์ เมื่อ5ปีที่แล้ว


    “ สุขสันต์วันครบรอบนะครับ ยองแจของผม "


    ยูคยอมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยื่นแหวนทองวงสวยไปให้ร่างบาง


    “ ขอบคุณนะยูคยอม ^^ "


    ยูคยอมเลือกที่จะสวมแหวนให้ร่างบางก่อนที่จะจูบที่หลังมือของยองแจเบาๆ


    “ สุขสันต์วันครบรอบเช่นกันนะยูคยอม "


    ยองแจเลือกที่ส่งยิ้มหวานไปให้ยูคยอม


    ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบของขวัญที่เตรียมมา


    “ อะนี่ สำหรับนาย มายคิม ยูคยอม "


    “ ขอบคุณครับ พี่ยองแจของผมน่ารักเสมอเลยนะครับ "


    ของขวัญที่ยองแจเลือกที่จะยูคยอมเป็นแหวนที่ลักษณะคล้ายๆกันแต่ต่างแค่ขนาดเท่านั้น


    “ เราสองคนนี่ใจตรงกันเลยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ รักพี่นะ” หลังจากนั้นยูคยอมก็เอี้ยวตัวไปจุ๊บที่ริมฝีปากบางของยองแจหนึ่งที


    วันครบรอบของทุกปีเราก็เป็นแบบเดิม


    เราเลือกแค่จะทานอาหารด้วยกัน ให้ของขวัญกัน


    เราจูบกันเบาโดยที่ไม่มีการล่วงล้ำใดๆ เราบอกรักกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า


    ถึงแม้เราจะไม่พูดแต่การกระทำของอีกฝ่ายต่างแสดงให้เห็นว่ารักกันมา


    กแค่ไหน หลังจากนั้นเราก็จะแยกกันกลับบ้าน


    เรารักกันโดยที่ไม่มีเรื่องร่างกายมาเกี่ยวพัน มีหลายคนที่สงสัยเรื่องนี้แต่สิ่งยูคยอมมักจะตอบไปก็คือ


    “ ผมจะรอจนกว่าเราจะแต่งงานกันครับ "


    เขาคือคนที่ให้เกรียติผมเสมอ เราอยู่เคียงข้างกันมาตลอด


    ในวันที่ผมป่วยเขาก็จะดูแลผม แต่ในวันที่เขาป่วยผมก็จะดูแลเขา


    เราทำงานที่ร้านเดียวกัน เราเจอกันทุกวัน


    ยูคยอมไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาทำให้ผมเสียใจ


    เราไม่เคยทะเราะกันเรื่องน้อยๆเพราะเราพยายามเข้าใจกันตลอด


    เรามีความฝันร่วมกันคือการเปิดร้านกาแฟ


    ร้านกาแฟของพวกเรามันเสร็จแล้ว


    ทุกอย่างมันเดินทางไปได้ด้วยดีมาตลอด


    “ ขับรถกลับดีนะยูคยอม "


    “ โอเคครับ ถ้าถึงบ้านผมจะวีดีโอคอลมาหานะครับ รักพี่นะ "


    “ รักนายเหมือนกันเด็กน้อย "


    “ พี่เรียกผมว่าเด็กน้อยตลอดเลย 55555 "


    “ แล้วเจอกันนะครับ//แล้วเจอกัน "



    แต่ทำไมความรู้สึกของผมมันกลับบอกว่าเราคงจะไม่เจอกันอีกแล้ว


    หลังจากที่ยูคยอมขับรถกลับไป ผมก็เตรียมตัวเข้านอน


    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกผมออกจากห่วงนิทรา


    “ สวัสดีครับ ยองแจพูดครับ "


    “ สวัสดีค่ะ เราโทรมาจากร.พโซลนะคะ เราเห็นเบอร์ถูกตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉิน เราอยากจะแจ้งให้ทราบว่าคุณคิม ยูคยอมได้ประสบอุบัติเหตุจากรถบรรทุกประทะกันอย่างรุนแรง ตอนนี้คนไข้เสียชีวิตแล้วค่ะ ทางเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ "


    ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน โทรศัพท์ที่ถือไว้ล่วงลงสู่พื้น


    คงเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้


    ตู๊ด........ตู๊ด " สายที่ถูกตัดไป ทำให้ผมรีบออกไปที่ร.พอย่างรีบร้อน


    “ สวัสดีครับ ผมมาหาคนไข้ที่ชื่อ คิม ยูคยอมครับ " ยองแจบอกกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงรีบร้อน


    “ ตอนนี้คุณหมอกำลังนำร่างคนไข้ออกมานะคะ "


    ร่างที่ถูกเข็นออกมา ทำให้ยองแจถึงกับต้องหลั่งน้ำตาให้ไหลริน


    เขาเปิดผ้าขาวเพื่อดูคนที่เขารักอย่างเบามือ


    “ ยูค......ยูคยอม " ยองแจใช้มือเพื่อเอื้อมมาลูบที่หน้าคนรัก


    “ เราเจอแหวนวงนี้ในมือของคนไข้ครับ คนไข้กำมันแน่นมาก เหมือนกลัวมันจะหายไป "


    แหวน


    แหวนที่เขาให้ยูคยอมวันนี้ แหวนที่เหมือนแทนใจของเราทั้งคู่


    ยองแจเลือกที่จะร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง



    ยูคยอมจากเขาไปแล้ว คนที่ผมรักที่สุดได้จากไปแล้ว


    เรื่องนั้นยังเป็นเรื่องเศร้าใจอยู่ตลอดเวลาที่นึกถึง


    เขามักจะร้องไห้เมื่อคิดถึงมันตลอด


    ทั้งๆที่เขาสัญญากับยูคยอมไว้แล้วว่าจะเข้มแข็ง


    ในช่วงแรกที่ยูคยอมจากไปเขาทั้งเศร้าและเสียใจ ข้าวก็ไม่กิน


    หมกตัวอยู่แต่ในห้อง วันวันเอาแต่ร้องไห้


    แต่คำพูดจากแบมแบมทำให้เขาคิดได้


    ‘พี่ยองแจอย่าเศร้าไปเลยนะครับ ทานข้าวบ้าง อย่าร้องไห้เลยนะ


    พี่คิดหรอว่ายูคยอมจะไม่เสียใจที่พี่เป็นแบบนี้ ’


    ทุกวันนี้เขาพยายามยิ้มเพื่อยูคยอม


    เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าใครเลยซักครั้ง เขารู้มาตลอดว่ามีใครเดินตาม


    มีใครคอยเป็นห่วง คนที่รักเขาเหมือนดั่งดวงใจ


    “ คิม ยูคยอม " ความเศร้าที่แผ่ออกมาจากร่างบาง


    แสดงให้รู้ว่าร่างบางของยองแจกำลังร้องไห้อยู่เป็นแน่


    ยูคยอมเลือกที่ก้าวเขาไปกอดหลังร่างบางเพื่อปลอบประโลม


    สายลัดที่พัดพาเบาๆและอ้อมกอดที่มองไม่เห็นทำให้ยองแจพยายามหยุดร้อง ไม่ใช่เพราะกลัวแต่อย่างใด


    แต่เพราะเขาไม่อยากร้องไห้ให้คนรักไม่สบายใจก็เท่านั้น


    ยองแจกอดตอบอ้อมกอดที่มองไม่เห็นนี้อย่างบางเบา


    “ ขอบคุณที่ไม่ไปไหน ขอบคุณที่ยังรักกันแบบนี้


    พี่สัญญานะว่าพี่จะไม่ไปไหนเช่นกัน พี่รักยูคยอมนะ


    ไม่ว่าจะอีกกี่ปีพี่ก็จะรักนายแบบนี้ตลอดไป "


    ถึงแม้ยองแจจะไม่เคยมองเห็นคนรักแต่เพราะความรู้สึกที่สื่อถึงกันตลอด


    มันทำให้เขารู้ว่า ยูคยอมยังคงรักเขาอยู่และไม่เคยปล่อยมือจากเขาไหน


    “ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกัน แต่แค่รู้ว่ารักกันก็พอแล้ว "




    Talk with me 

    เราพึ่งรู้ค่ะว่ามันอ่านไม่ได้ㅠ ㅠ sorry everyone เราเลยรีไรท์ใหม่ เขียนเพิ่มไปนิดหน่อย(รึไม่มีเลย) enjoy reading นะคะ

    SF by KATTUNGEN


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×