"ดอกกุหลาบสีส้ม"
Orange Rose
ดอกกุหลาบสีส้ม สื่อให้เห็นถึงความสดใส ความเป็นตัวของตัวเอง
ของผู้รับ เมื่ออยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกอบอุ่น
และยังบ่งบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมาด้วย
06:00 น.
กริ๊งงงงงงงงงงงง
เสียงของนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้น
ทำให้ร่างบางที่อยู่บนเตียงเริ่มยกมือขัดป่ายหาต้นเสียงที่ที่ทำให้เขาตื่นจากฝันดี
ชายหนุ่มทำเพียงกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกตัวการ
ก่อนที่เขาจะเปิดเปลือกตาสวยคู่นั้นขึ้น
เขาเลือกที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อนึกความฝันที่แสนสวยงามและมีความสุ
ถึงแม้ในความฝันจะดูแสนสุขก็จริง
แต่ในความเป็นจริงแล้วความฝันและความจริงนั้นมันช่างสวนทางกันเสียจริง เขาเลือกที่เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่ลุกออกจากเตียงนอนที่เคยฝั่งร่างบางไว้เมื่อคืนที่ผ่านมา
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงแม้มันจะเศร้าเพียงไหนก็ตาม
เขาไม่ควรที่จะจมกับความเศร้านี้
เพราะเขาสัญญากับใครคนหนึ่งไว้แล้ว
ชเว ยองแจ บาริสต้าหนุ่มชื่อดัง
เขาเดินแกว่งมือไปมาตามเส้นทางยาวที่ปูด้วยอิฐสีขาว
สองข้างทางของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้
สายลมที่พัดพาอย่างเบาๆและแสงแดดที่อ่อนโยน
ทำให้ร่างบางของยองแจเลือกนั้นที่จะแหงนหน้าขึ้นเพื่อสูดอากาศอันบริสุทธิ์ในยามเช้าของกรุงโซลเมืองหลวงที่วุ่นวายแห่งนี้
“ ย๊า ได้ทำงานแล้ว Fightingนะ ชเว ยองแจ "
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
จนทำให้คนที่แอบมองอยู่ได้แต่ยิ้มเบาๆให้กับความสดใสในรอยยิ้มนั้น
ยองแจเลือกที่เดินเข้ามาในร้านกาแฟของเขา
ร้านกาแฟที่มีความทรงจำร่วมกับคนคนนั้น
ในยามเช้าที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เขาเลือกที่จะมาจัดร้าน
และทดลองเมล็ดกาแฟที่จะนำมาทำกาแฟในแต่ละวัน
เขาเลือกที่จะคั่วเมล็ดกาแฟเหล่านั้น กลิ่นของกาแฟทำให้เขาผ่อนคลาย
และมันยิ่งพาลทำให้คิดเรื่องที่ผ่านมา
“ นี่ยูคยอม วันนี้พี่จะสอนนายเกี่ยวเรื่องการคั่วเมล็ดกาแฟนะ” คนตัวโย่งพนักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะพยายามควานหาสมุดบันทึกคู่ใจในกระเป๋า
“นายนี่จริงๆเลย อยากเป็นบาริสต้าแต่ทำกาแฟไม่เป็น ฮ่า ฮ่า ไม่ไหวๆ” คนร่างบางพูดต่อจากที่เพิ่งเอ่ยไปข้างต้น
โดยมีเด็กร่างโย่งที่ยืนหัวเราะไปตามเขา
“ โถ่ พี่ยองแจครับ คนเรามันต้องเรียนก่อนซิครับ
เราทำได้เลยตั้งแต่เด็กไม่ได้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เจ้าเด็กโย่งนั้นตอบกลับผมมาด้วยน้ำเสียงสดใส
เขาคือลูกศิษย์ของผมครับ
เขาคือเด็กมหาวิทยาลัยที่มีความฝันอยากเป็นบาริสต้า
แต่กลับทำกาแฟไม่เป็นเลยซะงั้น
“ การคั่วกาแฟเป็นวิธีและขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดึงคุณสมบัติต่างของกาแฟออกมาไม่ว่าจะเป็นความหอม
ความกลมกล่อมของรสชาติเข้มกลมกล่อมต่างๆออกมา นายจดตามที่พี่บอกเลยนะยูค
ปกติการคั่วกาแฟจะใช้ความร้อนที่ 180 – 240 องศาเซลเซียส
ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 -20 นาที
อันนี้ก็สำคัญนะเพราะอุณหภูมิและระยะเวลาที่ใช้จะมีผลต่อความหอมแ
เป็นอย่างยิ่ง ระดับความเข้มอ่อนของการคั่ว
สามารถแบ่งออกเป็นระดับได้มากกว่า 12 ระดับ และกลิ่นหอม
แต่พี่จะขออธิบายง่ายๆเป็น 3 กลุ่มเพื่อความเข้าใจในเบื้องต้น " หลังจากที่อธิบายร่ายมาจนยาวเสร็จ
เหมือนคนร่างบางจะเพิ่งรู้ว่าเขาพูดไปนานพอสมควรจึงหยุดและหันไปถามยูคยอมที่จดอยู่ข้างๆ
“ นายได้จดตามที่พี่บอกรึเปล่าเนี้ย รีบๆจดเลยนะเด็กน้อย "
“ พี่ครับบบบบบ ผมจะจดตามไม่ทันอยู่แล้วเนี้ย "
ก็เพราะพี่ผมมองหน้าแบบนี้ไง ผมเลยไม่มีสมาธิที่จะจดเลยซักนิด
“ พี่จะอธิบายแบบคล่าวๆนะ กลุ่มที่1.คือการ
การคั่วกาแฟระดับอ่อน หรือเรียกว่าlight roast
เมล็ดกาแฟจะสีน้ำตาลอ่อน บางกลุ่มประเทศจะเรียกว่า ซิน่าม่อน
เพราะมีสีเหลืองน้ำตาลแบบเปลือกต้นอบเชย การคั่วกาแฟแบบนี้นั้น
จะได้รสชาติความเป็นกาแฟที่ดี
อาจมีรสชาติความเปรี้ยวของกรดผลไม้หลงเหลือ อยู่ในกาแฟด้วย.... ”
ยองแจอธิบายพร้อมกับชี้ให้ยูคยอมดู
“ ส่วนกลุ่มที่ 2.คือการคั่วกาแฟระดับกลาง หรือเรียกว่าmedium roast เมล็ดกาแฟจะมีระดับสีความเข้มเพิ่มมากขึ้น
ปกติคนอเมริกันจะชอบทานกาแฟระดับนี้โดยชงแบบหม้อต้ม และดื่มกันเป็นแบบแก้วใหญ่
ที่เรียกว่าบักส์ซึ่งในความคิดพี่กาแฟระดับนี้ จะชงกาแฟร้อนได้อร่อยหอมกรุ่นมาก”
“กลุ่มที่3.คือการคั่วกาแฟระดับเข้ม หรือเรียกว่าdark roast
เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีเข้มมาก
เมล็ดจะมันวาวเหมือนมีน้ำมันมาเคลือบจนบางคนเข้าใจว่าต้องใส่น้ำมัน
หรือเนย ด้วยขบวนการคั่วแบบนี้จะให้รสเข้มข้น
ซึ่งป็นรสชาติที่ชาวอิตาเลี่ยนดื่มกัน และนำกาแฟชนิดนี้
ไปใช้ชงด้วยเครืองชงแบบมีแรงดันได้กาแฟเข้มข้นที่เรียกว่า
เอสเพรสโซ่ นายจดตามที่บอกทันรึเปล่ายูคยอม " หลังจากที่อธิบายจนเสร็จยองแจก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามอีกฝ่าย
“ แห่ะๆๆ ผมจดได้ไม่ถึงครึ่งที่พี่บอกมาเลยครับ พี่ยองแจผมขอโทษน้า "
สีหน้าของเด็กนั้นก็ดูน่าสงสารอยู่หรอกครับ ถ้าเขาไม่มาเกาะแข้งเกาะขาผม
“ ย๊าาา ยูคยอมนายไม่ได้ฟังที่บอกเลยใช่ไหม "
ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ
“ นายอย่าอยู่ดีเลย ตายซะเถอะ! "
“ พี่ยองแจอย่าทำอะไรผมนะ "
เขาตะโกนบอกผมมาจากฝั่งตรงข้างของเคาน์เตอร์ทำกาแฟ
“ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กโย่ง!! "
“ ผมไม่หยุดให้พี่มาฆ่าผมหรอกนะครับ แบร่ : P " เจ้าเด็กบ้านี่
โตขนาดนี้แล้วยังมาเล่นอะไรแบบนี้อีก
แต่ทำไมบนใบหน้าผมถึงมีรอยยิ้มแบบนี้นะ
“ 5555 หยุดเดี๋ยวนะเด็กโย่ง มาให้พี่ตีซะดีๆ "
“ ก็เพราะพี่ขาสั้นไงครับ เลยวิ่งตามผมไม่ทัน 555 "
เจ้าเด็กนี่ว่าใครขาสั้นกันยองแจก็คิดนร้า
ว่ายองแจอะขาไม่สั้นหรอกแต่ยูคยอมอ่ะขายาวเกินไป!!
“ หยุดนะ! เห้ยย เฮ้ยยย "
ยูคยอมรีบก้าวขายาวๆของเขามาคว้าเอวของผมไว้
อาจจะเพราะการที่เขาคว้าเอวผมไว้แบบนี้ทำให้เราจ้องตากันนิดนึง
“ พี่ยองแจระวังซิครับ ถ้าพี่ล้มหัวแตกขึ้นมาจะทำยังไง
ไหนดูสิเจ็บตรงไหนรึเปล่า "
หลังจากนั้นเขาก็หมุนตัวผมไปมาเพื่อตรวจสอบว่าผมเจ็บตรงไหนรึเปล่า
“ ยูค!! ยูค พอแล้ว พี่ไม่เจ็บตรงไหนหรอก หยุดหมุนได้แล้ว "
“ ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่ครับ "
คำว่าห่วงของเขาทำให้ตกอยู่ในภวังค์ไปช่วงหนึ่ง
“ พี่ยองแจครับ พี่ยองแจ "
“ ห๊ะ ห๊ะ "
“ พี่เป็นอะไรรึเปล่า ?? "
“ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว เรากลับไปเรียนกันต่อเถอะ ไปเร็ว "
หลังจากนั้นผมก็ดันหลังของเขาไปที่เคาน์เตอร์
เพื่อเรียนต่อ หวังว่าเจ้าเด็กนั้นจะไม่เห็นแก้มแดงๆของผมนะ
ทว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว
ยองแจได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ในดวงตาสวยคู่นั้นมีแววความเศร้าเจือปนอยู่ยองแจนั่งเหม่อจนลืมสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งได้เข้ามาในร้านและแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“ ยองแจ มานั่งอยู่ตรงนี้เอง "
ชายหนุ่มรูปร่างนักกีฬาเดินเข้ามาทักทายยองแจด้วยรอยยิ้ม
“ อ้าว พี่แจ็คสันสวัสดีครับ "
ยองแจรีบลุกขึ้นทักทายแจ็คสันด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ วันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ "
“ ก็พี่ต้องรีบมาช่วยยองแจนี่น่า "
“ แหม่ขยันจังนะครับ กลัวผมไม่ให้เงินค่าจ้างหรอ 5555 "
ร่างบางแซว ก็จริงๆนี่นาถึงแม้แจ็คสันจะไม่ใช่พนักงานในร้าน
แต่เมื่อขอความช่วยเหลือพี่เขามาเราก็ต้องมามีค่าจ้างให้ใช่ไหม
“ เดี๋ยวเถอะเด็กน้อย " หลังจากนั้นแจ็คสันก็ยีหัวยองแจเล่น
“ ง่าาา พี่แจ็คสันง่ะ ^^ เรารีบไปทำงานกันเถอะครับ "
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของร่างบางทำให้ชายหนุ่มที่แอบมองมาจากอีก
ฝั่งหนึ่งของร้านได้แต่ถอนหายใจเมื่อไหร่กันที่รอยยิ้มของยองแจไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
วันนี้เป็นวันที่ยองแจวานให้แจ็คสันมาช่วยที่ร้านอาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันแห่งความรัก
วันที่เหล่าคนมีความรักจะพลุกพล่านให้เห็นและที่ร้านของเขาจะมีเข้าเยอะมากกว่าปกติ
ด้วยทางที่ร้านจะมีของขวัญน่ารักๆให้กับคู่รักและเหล่าคนโสดที่มานั่งในร้าน
ทางร้านยังมีการปรับเมนูประจำวันให้เข้ากับธีมวันวาเวนไทน์ให้มากที่สุด
ถึงแม้มันจะเหนื่อยขนาดไหนก็ตาม
แต่มันก็ทำให้ยองแจไม่ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องเศร้าๆที่ผ่านมาและที่
สำคัญรอยยิ้มของลูกค้าก็เป็นเหมือนกำลังใจที่จะให้ยองแจเปิดร้านและ
ทำคอฟฟี่น่ารักๆแบบนี้ต่อไป
การทำกาแฟและคอยบริการลูกค้าทำให้ยองแจลืมเวลาไป
“ นี่ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว " โดยปกติแล้วร้านของเขาจะเปิดตั้งแต่ 9:00 -17:00 น.
“ พี่แจ็คสันครับ ได้เวลาปิดร้านแล้ว "
ยองแจตะโกนบอกชายหนุ่มที่อยู่หลังร้านเพื่อแจ้งเตือนเวลา
“ ขอบคุณที่เข้ามาใช้บริการนะครับ "
หลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายของร้านเดินจากไปแล้ว
ยองแจก็กลับเข้าไปช่วยแจ็คสันที่หลังร้านต่อ
จนล่วงเลยมาถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้าน
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับพี่แจ็คสัน"
“ ไม่เป็นไร สำหรับยองแจพี่เต็มใจเสมอ "
“ งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ "
“ เดินระวังๆนะยองแจ พี่ไปแล้ว "
ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ยองแจ ก่อนที่จะเดินจากไป
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแจ็คสันคิดอย่างไรกับเขา
แต่เขาคงคิดกับแจ็คสันได้เพียงแค่พี่ชาย
อาจจะเป็นเพราะในหัวใจของเขามีคนคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
คนที่เป็นเหมือนเจ้าของหัวใจของเขาตั้งแต่ตอนนั้นจะถึงตอนนี้
ยองแจเดินฟังเพลงและระบายยิ้มออกมา
บรรยากาศในตอนกลางคืนที่นี่สวยมากๆ
ดวงดาวบนท้องที่สว่างไสวกับพื้นฟ้าสีคราม มันไม่ได้มืดจนน่ากลัว
แต่กับมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น พาลทำให้เขาคิดถึงเรื่องนั้น
“ คืนนี้ดวงดาวสวยมากๆเลยนะพี่ยองแจ"
ยูคยอมหันมาพูดกับร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ อือ สวยมากๆเลยล่ะ "
มันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากกว่าที่มกโพบ้านเกิดพี่อีกนะยูคยอม "
“ พี่ยองแจชอบดูดาวหรอ?? "
“ พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันหรอก
แต่พี่ชอบมองมันเวลาเพลินๆมากกว่า " ยองแจพูดพร้อมยกยิ้มเบาๆ
เขาจะรู้สึกถึงครอบครัวที่คอยเขามาจากข้างบนเสมอ
“ พี่รู้รึเปล่าครับว่าดาวดวงไหนที่สว่างที่สุดในคืนนี้?? "
“ ใครๆก็ต้องรู้สิ “ดาวซิริอุส” (Sirius) ไง "
ยองแจตอบพร้อมทำเสียงมั่นใจ
“ หือ ผิดได้ไง นายมั่วรึเปล่ายูค "
“ คืนนี้ดาวที่สว่างที่สุดในใจผมก็ดาวที่อยู่ข้างๆผมไงครับ
ยูคยอมพูดพร้อมกับส่งสายตาที่อ่อนโยนและจริงใจไปให้ยองแจ
“ บะ..บ้า " อาจจะเป็นเพราะสายตาที่ยูคยอมส่งมา
มันถึงทำให้หัวใจของเขาทำงานหนัก
“ ผมพูดจริงๆนะครับ พี่คือดวงดาวที่สว่างที่สุดสำหรับผม "
ยิ่งยูคยอมพูด มันก็ยิ่งทำให้เขาเขินมากกว่าเดิม
“ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วเจ้าโย่ง
ถ้าพูดอีกทีพี่จะไม่สอนนายทำกาแฟพรุ่งนี้ เข้าใจไหม!! "
“ ง่า พี่ยองแจอะ จะทำหวานซักนิดนึงก็ไม่ได้ "
ยูคยอมพูดพร้อมส่งสายตาน้อยใจมาที่ยองแจ
“ ไม่ได้หรอก แบร่:P วิ่งมาจับพี่ให้ได้สิเด็กน้อย "
“ พี่ไม่รอดแน่ " ยูคยอมชี้หน้ายองแจด้วยความหมั้นเขี้ยว
“ ถ้าผมจับพี่ได้ แก้มพี่ช้ำแน่!! "
ยองแจหัวเราะให้กับอดีตที่ผ่านมา แต่สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่อดีต
มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกแล้ว คนคนนั้นก็เหมือนกัน ไม่มีอีกแล้ว
“ คิดถึง " คำคำนี้มันชัดที่สุดในหัวใจของเขาตอนนี้
แต่สำหรับอีกคนที่แอบเดินตามหลังร่างบางมา มันก็คงไม่ต่างกัน
“ คิดถึง " มันคือความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจและชัดเจนในความรู้สึก
แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว แค่คิดจะกอดเขาก็ยังไม่มีสิทธิ
เพราะเขาเป็นเพียงแค่อดีตที่ไม่มีวันย้อนกลับมา
ในเช้าของอีกหนึ่งวัน ร่างบางตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ
แต่อาจจะดูแปลกตาไปตรงที่เขาไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกหรือเสียงกวนใจ
ที่จะปลุกเขาออกมาจากห้วงความฝันที่แสนหวาน แต่กับเป็นร่างกายของเขาเองที่ทำหน้าที่นั้น
บนโต๊ะทำงานของเขา ปฏิทินอันน้อยมันทำหน้าทีของมันได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการบอกว่าวันนี้คือวันอะไรและวงกลมสีแดงนั้นแสดงให้ถึงความสำคัญขนาดไหน
15 กุมภาพันธ์ วันสำคัญสำหรับเขา
‘15 กุมภาพันธ์ ‘ เมื่อ10ปีที่แล้ว
บรรยากาศของวันวาเลนไทน์ยังคงไม่หมดไป
กลิ่นความรักที่ลอยวนเวียนอยู่ในอากาศ
ความรักที่ดูเด่นชัด รอยยิ้มของทุกๆคนมีอยู่บนใบหน้า
ทว่าคงไม่ใช่กับเขา ยองแจหนุ่มน้อยปี2 มหาวิทยาลัยโซล
พนักงานพาร์ทไทม์ในคอฟฟี่ช็อปน่ารักๆแห่งหนึ่งวันนี้เป็นวันที่ต้องมาทำงานหลังจากเรียนมาอย่างหนักหน่วง ถึงเขาจะเหนื่อยขนาดไหนก็ตาม
แต่เพราะเสียงใจของเขามันเรียกร้องที่จะมาที่นี่มากกว่า
วันนี้ก็คงเป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อ
ยองแจได้แต่นั่งเท้าคางนำหน้าไปแนบกับกระจกข้างร้านอย่างเบื่อ
วันนี้คนที่เข้าร้านค่อนข้างน้อย
อาจจะเป็นเพราะสายฝนหลงฤดูที่ตกลงมาอย่างหนัก
หรือไม่ก็เพราะเหล่าคนที่มีความรักอาจจะไปเที่ยวด้วยกัน
ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่วันนี้ก็คือวันที่น่าเบื่อสำหรับเขา
เขาเป็นคนที่รักการชงกาแฟ รักการบริการลูกค้า
แต่วันนี้ร้านช่างเงียบเหงาเกินไป
เสียงกระดิ่งที่อยู่หน้าประตูร้านดังขึ้นทำให้ร่างบางของยองแจนั้นหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด
“ สวัสดีครับ I'amour kaffe ยินดีตอนรับครับ "
อาจจะเป็นเพราะเขารีบมากเกินไป
ทำให้ไม่ทันสังเกตุว่าใครคือผู้ที่เข้ามาใหม่
“ พี่ยองแจสวัสดีครับ "
“ อ้าวยูคยอม ^^ สวัสดี "
“ วันนี้ที่ร้านเป็นยังไงบ้างครับ เงียบไหม "
“ เงียบมากเลยยยยยย "
ยองแจตอบยูคยอมด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย
“ 555555 เหงาหรอครับ ผมมาแล้วนะ พี่จะได้ไม่เหงา "
หลังจากพูดเสร็จ ยูคยอมก็ยิ้มตายี๋ใส่ยองแจ
ยองแจเลือกที่จะดึงแก้มเล่นยูคยอมด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ เจ็บก็ดีซิเจ้าเด็กบ้า 555555 ^^ "
ผมยอมทนเจ็บทุกวันเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของพี่แบบนี้นะ
“ วันนี้ผมจะลองทำ Latte' art แบบที่พี่สอนให้ดื่มนะครับ "
“ จริงหรอยูค พี่จะรอนะ "
ยองแจเลือกที่จะหันมายิ้มน่ารักใส่ยูคยอม
เป็นการบอกได้ว่าเขากำลังรอและสนใจอะไรอยู่ตอนนี้
ยิ่งสายตาที่ยองแจมองมามันยิ่งน่ารักและแฝงไปด้วยความสดใส
ยูคยอมเลือกที่จะหันไปใส่ผ้าเอี๊ยมกันเปื้อนและหันไปสนใจการตกแต่งล้าเต้ในแก้ว
ภาพแผ่นหลังกว้างๆของชายหนุ่มกับการตั้งใจทำอะไรซักอย่าง
ปฎิเสธไม่ได้ว่าถ้ามีใครมาเห็นคงจะหลังรักแผ่นนี้ไม่ใช่น้อย
และยองแจก็คงเป็นหนึ่งในนั้น
“ ลาเต้อาร์ต เสร็จแล้วครับ "
ยูคยอมเดินเข้ามาหายองพร้อมกาแฟหนึ่งแก้ว
“ ไหนดูหน่อยสิยูค "
“ ว้าว น่ารักจังเลย เดี๋ยวนี้นายเก่งมากๆเลยนะเด็กน้อย " ยองแจมองลาเต้แก้วนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย
จนทำให้คนที่แอบมองอยู่ยิ้มออกมา
ลาเต้ที่ยูคเลือกที่วาดนั้นคือ เจ้าฮิปโปน้อยสองตัว กำลังจะจีบกัน
ยองแจเลือกที่จิบเพื่อลิ้มรถชาติของมันอย่างช้าๆ
“ พี่ยองแจครับ " ยูคยอมเรียกยองแจอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปนาน
“ ฮะ '__') "
“ คราบฟองนมติดปากครับ "
“ อยู่ตรงไหนหรอ?? " ยองแจเลือกที่จะเช็ดไปที่ทั่วรอบริมฝีปาก
“ มานี่ครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้ "
ยูคยอมเลือกที่จะเอื้อมมาอีกฝั่งเพื่อที่จะเช็ดคราบฟองนมออกจากแก้มของร่างบางด้วยความเบามือ
“ กินเป็นเด็กๆเลยนะ ยองแจเนี้ย "
ยูคยอมเลือกที่จะยิ้มเอ็นดูส่งไปให้ยองแจ
ตึกตัก....ตึกตัก
ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าเสียงอะไร เสียงของหัวใจผมเอง
“ พี่ยองแจครับผมมีเรื่องจะถาม " ยองแจสะดุ้งเล็กน้อย
หลังจากที่ยูคยอมเรียกชื่อเขา
“ อะ..อะไรหรอยูค " แล้วทำไมเสียงของเขาตั้งติดขัดด้วยนะ
“ ทำไมพี่ยองแจถึงอยากเป็นบาริสต้าหรอครับ "
“ มันคงเป็นเพราะพี่รักที่จะทำกาแฟและพี่รอยยิ้มของลูกค้าเวลาที่ดื่มกาแฟของพี่ไงล่ะ”
ยองแจรักที่จะเห็นรอยยิ้มของทุกคนเวลาที่เดินกาแฟของเขาไป
สีหน้าและแววตาของเขามันบอกแบบนั้นจริงๆ
“ แล้วยูคล่ะ ทำไมถึงอยากเป็นบาริสต้า "
ยองแจเลือกที่จะยูคยอมกลับด้วยคำเดิม
“ อาจจะเป็นเพราะผมแอบตกหลุมรักรอยยิ้มของบาริสต้าคนหนึ่งน่ะครับ "
เจ็บ......แต่ว่าผู้โชคดีคนนั้นเป็นใครกันนะ
“ บาริสต้าคนนั้นเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยครับ
รอยยิ้มของเขามันเหมือนแสงของพระอาทิตย์
ดวงตาของเขานั้นมีแต่ความสดใสซ่อนอยู่ "
“ บาริสต้าคนนั้นชื่อ ชเว ยองแจนะครับ " ชื่อคล้ายๆเขาเลยนะ
ชเว ยองแจ เดี๋ยวนะ ชเว ยองแจ >///<
ทำไมอยู่ดีๆแก้มของผมก็รู้สึกร้อนกันนะ
“ ผมตกหลุมรักรอยยิ้มของยองแจตั้งแต่แรกเห็น
ยิ่งพอได้มารู้จักยองแจจริงๆผมก็ยิ่งชอบยองแจมากยิ่งขึ้น "
แก้มของเขามันคงต้องแดงแน่ๆ นั้นคือสิ่งที่ยองแจได้แต่คิดในใจ
“ ยองแจให้โอกาสคบกับผมได้ไหม "
คบ...ไม่คบ
“ แต่....แต่ "
“ แต่อะไรหรอครับ "
“ อื้อ " ยองแจได้แต่พยักหน้าเบาๆด้วยความเขินอาย
“ อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย "
ยูคยอมเลือกที่จะแกล้งฟังยองแจไม่รู้เรื่อง
“ ตก...ตกลง " อาจเพราะความเขินอายมีมากเกินไป
ทำให้พลาดอดเห็นสายตาที่ยูคยอมใช่มองตน
“ อะไรนะครับ " ยูคยอมก็ยังคงที่เลือกแกล้งร่างบางต่อไป
“ ตกลงน่ะ ตกลง!! " ยองแจโมโหที่ถูกแกล้ง
จึงทำให้ยองแจเผลอตะโกนเสียงดังออกมา
หลังจากนั้นสายตาของลูกค้าที่มีพอประปรายในร้านทุกคู่ก็มาหยุดที่ร่าง
บางของยองแจร่างบางทำได้เพียงก้มหัวเบาๆเป็นการขอโทษคนเหล่านั้น
ก่อนจะหันหน้ามีตีแขนตคนตัวโย่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ เลิกแกล้งพี่ได้แล้วเด็กบ้า>///< "
ยองแจเลือกที่จะตียูคยอมเพื่อระบายทั้งอาการเขินอายและโมโหที่มีอยู่ภายในร่างกาย
“คิดถึงจัง”
ร่างบางได้แต่คิดนี้ในใจ10ปีแล้วสินะกับความรักของเขาทั้งสอง
ยองแจรีบลุกจากเตียงเพื่อที่จะไปอาบน้ำ ทานอาหารเช้าและเตรียมของให้เรียบร้อย
ยองแจเลือกที่จะหยิบชุดกางเกงสีดำตัวเก่งและเสื้อแขนยาวสีชมพูน่ารัก
ที่เขาทั้งสองเคยไปซื้อด้วยกัน เขายิ้มให้กับตัวเองในกระจกเบาๆ
เดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันแล้ว “ ยูคยอม " เด็กน้อยของฉัน
ขาทั้งสองของร่างบางเดินทอดน่องไปตามทางที่คุ้นเคย
ทางที่ทั้งสองเคยเคียงข้างไปด้วยกัน
ทางที่มีแต่ความทรงจำระหว่างเราสองและวันนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งที่มีบุคคลปริศนาแอบเดินต่างร่างบางเช่นเคย
เขายิ้มให้กับความคิดตัวเองเล็กน้อย
ทำไมวันนี้ยองแจของเขาน่ารักจัง
แต่จะพูดคำว่าของเขาได้เต็มปากก็คงไม่ใช่
เพราะร่างบางไม่ใช่ของเขามานานแล้ว
ยองแจเลือกที่จะก้าวเข้าไปในร้านดอกไม้เล็กๆเจ้าประจำ
เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อที่จะสั่งดอกไม้
“ เอาดอกกุหลาบสีส้มหนึ่งช่อครับ "
“ ได้ครับ อ้าวพี่ยองแจสวัสดีครับ "
เสียงหนุ่มน้อยจากหลังเคาน์เตอร์เอ่ยทักยองแจด้วยความสนิทสนม
ยองแจเอ่ยทักแบมแบมหนุ่มน้อยน่ารักเพื่อนสนิทของยูคยอม
ที่เลือกจะเปิดร้านขายดอกไม้เล็กๆตามความชอบของตน
“ วันนี้พี่ยองแจจะไปหายูคยอมหรอฮะ " แบมแบมเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับค่อยๆจัดดอกไม้ให้อีกฝ่ายอย่างประณีต
“ ใช่แล้วล่ะ " ตอบอีกฝ่ายไปและยิ้มให้บางๆ
“ อะนี่ครับดอกไม้ ฝากความคิดถึง ถึงยูคยอมด้วยนะครับ ผมไม่ได้ไปหาเขานานแล้ว "
“ ได้จ๊ะ พี่ไปแล้วนะ " ยองแจได้แต่ส่งยิ้มไปให้แบมแบมเบาๆและโบกมือลาคนที่อยู่ในร้าน
แต่ก็ไม่วายหันมายิ้มให้แล้วเดินออกไป
“ เดินทางปลอดภัยนะครับ ^^ "
หลังจากที่เขาได้ดอกไม้สีส้มสวยงามมา
ยองแจเลือกที่จะหยุดยืนอยู่ที่หน้า เขาสูดดมกลิ่นหอมของมันเบาๆ
“ หวังว่านายจะยังชอบมันนะยูคยอม "
ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอเดินทางไปคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าขาเรียวของร่างบางก้าวขึ้นรถเมล์ด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้เขาจะไปหายูคยอมบ่อยขนาดไหนแต่เขาก็มักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่เดินทาง
1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่เขาหมดไปกับการเดินทาง ในที่สุดเขาก็มาถึงที่นี่
ในที่ที่ผืนฟ้าอันกว้างที่ดูไกลสุดลูกหูลูกตา
ผืนหญ้าที่ลู่ไปตามแรงลมเขาเลือกที่จะสูดหายใจเบาๆ
เขาเดินผ่านทางเดินที่คุ้นเคยเพื่อมาหยุดอยู่ตรงป้ายหินอ่อนที่สลักชื่อไว้
ยองแจเลือกที่จะวางดอกไม้ไว้ข้างๆกับป้ายหินอย่างแผ่วเบา
“ พี่มาหานายแล้วนะ ยูคยอม "
15 กุมภาพันธ์ เมื่อ5ปีที่แล้ว
“ สุขสันต์วันครบรอบนะครับ ยองแจของผม "
ยูคยอมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะยื่นแหวนทองวงสวยไปให้ร่างบาง
“ ขอบคุณนะยูคยอม ^^ "
ยูคยอมเลือกที่จะสวมแหวนให้ร่างบางก่อนที่จะจูบที่หลังมือของยองแจเบาๆ
“ สุขสันต์วันครบรอบเช่นกันนะยูคยอม "
ยองแจเลือกที่ส่งยิ้มหวานไปให้ยูคยอม
ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบของขวัญที่เตรียมมา
“ อะนี่ สำหรับนาย มายคิม ยูคยอม "
“ ขอบคุณครับ พี่ยองแจของผมน่ารักเสมอเลยนะครับ "
ของขวัญที่ยองแจเลือกที่จะยูคยอมเป็นแหวนที่ลักษณะคล้ายๆกันแต่ต่างแค่ขนาดเท่านั้น
“ เราสองคนนี่ใจตรงกันเลยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ รักพี่นะ” หลังจากนั้นยูคยอมก็เอี้ยวตัวไปจุ๊บที่ริมฝีปากบางของยองแจหนึ่งที
วันครบรอบของทุกปีเราก็เป็นแบบเดิม
เราเลือกแค่จะทานอาหารด้วยกัน ให้ของขวัญกัน
เราจูบกันเบาโดยที่ไม่มีการล่วงล้ำใดๆ เราบอกรักกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถึงแม้เราจะไม่พูดแต่การกระทำของอีกฝ่ายต่างแสดงให้เห็นว่ารักกันมา
กแค่ไหน หลังจากนั้นเราก็จะแยกกันกลับบ้าน
เรารักกันโดยที่ไม่มีเรื่องร่างกายมาเกี่ยวพัน มีหลายคนที่สงสัยเรื่องนี้แต่สิ่งยูคยอมมักจะตอบไปก็คือ
“ ผมจะรอจนกว่าเราจะแต่งงานกันครับ "
เขาคือคนที่ให้เกรียติผมเสมอ เราอยู่เคียงข้างกันมาตลอด
ในวันที่ผมป่วยเขาก็จะดูแลผม แต่ในวันที่เขาป่วยผมก็จะดูแลเขา
เราทำงานที่ร้านเดียวกัน เราเจอกันทุกวัน
ยูคยอมไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาทำให้ผมเสียใจ
เราไม่เคยทะเราะกันเรื่องน้อยๆเพราะเราพยายามเข้าใจกันตลอด
เรามีความฝันร่วมกันคือการเปิดร้านกาแฟ
ร้านกาแฟของพวกเรามันเสร็จแล้ว
ทุกอย่างมันเดินทางไปได้ด้วยดีมาตลอด
“ ขับรถกลับดีนะยูคยอม "
“ โอเคครับ ถ้าถึงบ้านผมจะวีดีโอคอลมาหานะครับ รักพี่นะ "
“ รักนายเหมือนกันเด็กน้อย "
“ พี่เรียกผมว่าเด็กน้อยตลอดเลย 55555 "
“ แล้วเจอกันนะครับ//แล้วเจอกัน "
แต่ทำไมความรู้สึกของผมมันกลับบอกว่าเราคงจะไม่เจอกันอีกแล้ว
หลังจากที่ยูคยอมขับรถกลับไป ผมก็เตรียมตัวเข้านอน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกผมออกจากห่วงนิทรา
“ สวัสดีครับ ยองแจพูดครับ "
“ สวัสดีค่ะ เราโทรมาจากร.พโซลนะคะ เราเห็นเบอร์ถูกตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉิน เราอยากจะแจ้งให้ทราบว่าคุณคิม ยูคยอมได้ประสบอุบัติเหตุจากรถบรรทุกประทะกันอย่างรุนแรง ตอนนี้คนไข้เสียชีวิตแล้วค่ะ ทางเราขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ "
ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน โทรศัพท์ที่ถือไว้ล่วงลงสู่พื้น
คงเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้
ตู๊ด........ตู๊ด " สายที่ถูกตัดไป ทำให้ผมรีบออกไปที่ร.พอย่างรีบร้อน
“ สวัสดีครับ ผมมาหาคนไข้ที่ชื่อ คิม ยูคยอมครับ " ยองแจบอกกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงรีบร้อน
“ ตอนนี้คุณหมอกำลังนำร่างคนไข้ออกมานะคะ "
ร่างที่ถูกเข็นออกมา ทำให้ยองแจถึงกับต้องหลั่งน้ำตาให้ไหลริน
เขาเปิดผ้าขาวเพื่อดูคนที่เขารักอย่างเบามือ
“ ยูค......ยูคยอม " ยองแจใช้มือเพื่อเอื้อมมาลูบที่หน้าคนรัก
“ เราเจอแหวนวงนี้ในมือของคนไข้ครับ คนไข้กำมันแน่นมาก เหมือนกลัวมันจะหายไป "
แหวน
แหวนที่เขาให้ยูคยอมวันนี้ แหวนที่เหมือนแทนใจของเราทั้งคู่
ยองแจเลือกที่จะร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ยูคยอมจากเขาไปแล้ว คนที่ผมรักที่สุดได้จากไปแล้ว
เรื่องนั้นยังเป็นเรื่องเศร้าใจอยู่ตลอดเวลาที่นึกถึง
เขามักจะร้องไห้เมื่อคิดถึงมันตลอด
ทั้งๆที่เขาสัญญากับยูคยอมไว้แล้วว่าจะเข้มแข็ง
ในช่วงแรกที่ยูคยอมจากไปเขาทั้งเศร้าและเสียใจ ข้าวก็ไม่กิน
หมกตัวอยู่แต่ในห้อง วันวันเอาแต่ร้องไห้
แต่คำพูดจากแบมแบมทำให้เขาคิดได้
‘พี่ยองแจอย่าเศร้าไปเลยนะครับ ทานข้าวบ้าง อย่าร้องไห้เลยนะ
พี่คิดหรอว่ายูคยอมจะไม่เสียใจที่พี่เป็นแบบนี้ ’
ทุกวันนี้เขาพยายามยิ้มเพื่อยูคยอม
เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าใครเลยซักครั้ง เขารู้มาตลอดว่ามีใครเดินตาม
มีใครคอยเป็นห่วง คนที่รักเขาเหมือนดั่งดวงใจ
“ คิม ยูคยอม " ความเศร้าที่แผ่ออกมาจากร่างบาง
แสดงให้รู้ว่าร่างบางของยองแจกำลังร้องไห้อยู่เป็นแน่
ยูคยอมเลือกที่ก้าวเขาไปกอดหลังร่างบางเพื่อปลอบประโลม
สายลัดที่พัดพาเบาๆและอ้อมกอดที่มองไม่เห็นทำให้ยองแจพยายามหยุดร้อง ไม่ใช่เพราะกลัวแต่อย่างใด
แต่เพราะเขาไม่อยากร้องไห้ให้คนรักไม่สบายใจก็เท่านั้น
ยองแจกอดตอบอ้อมกอดที่มองไม่เห็นนี้อย่างบางเบา
“ ขอบคุณที่ไม่ไปไหน ขอบคุณที่ยังรักกันแบบนี้
พี่สัญญานะว่าพี่จะไม่ไปไหนเช่นกัน พี่รักยูคยอมนะ
ไม่ว่าจะอีกกี่ปีพี่ก็จะรักนายแบบนี้ตลอดไป "
ถึงแม้ยองแจจะไม่เคยมองเห็นคนรักแต่เพราะความรู้สึกที่สื่อถึงกันตลอด
มันทำให้เขารู้ว่า ยูคยอมยังคงรักเขาอยู่และไม่เคยปล่อยมือจากเขาไหน
“ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกัน แต่แค่รู้ว่ารักกันก็พอแล้ว "
ความคิดเห็น