ohhoqqq
ดู Blog ทั้งหมด

เกี่ยวกับ Present Simple Tense โดยเฉพาะ!!

เขียนโดย ohhoqqq
หลักการใช้ Present Simple Tense

1.     ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น
        Ann watches television.
        Ron takes a bath in the bathroom.
2.      ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน
        หรืออนาคตเช่น
       Tiger is a dangerous animal.
       The earth moves around the sun.
3.    ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน
 

ทำไมคำกริยาต้องเติม " s " หรือ " es "
Read aloud.
           1. I drink water every day.
           2. You drink water every day.
           3. We drink water every day.
           4. They drink water every day.
           5. He drinks water every day.
           6. She drinks water every day.
           7. It drinks water every day.
          นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5 - 6 - 7 คำกริยา drink เติม s      นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He She และ It      ค่ะ นักเรียนต้องจำให้ได้นะคะ
 
กฎการเติม s หรือ es หลังคำกริยา
      1.  คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันที เช่นคำว่า work - works , live - lives
      2.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x และ o ให้เติม es เช่น go - goes ,
           watch - watches , catch - catches
      3.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น cry - cries ,
           study - studies

Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า
        ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม
        
       โครงสร้างประโยค Present Simple Tense
 
   ประธาน       +             กริยา               +                 กรรม                +             คำบอกเวลา

Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ
       ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำ Verb to do ( do not , does not ) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้
             ประธาน         +
            do          not
       +       กริยาแท้ช่องที่1
            does     not
    do not ( don't ) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ I , You , We , They
    does not ( doesn't ) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่ He , She , It
เช่น          ประโยคบอกเล่า           I live in London.
               ประโยคปฎิเสธ              I don' t live in London.
               ประโยคบอกเล่า            He lives in Canada.
               ประโยคปฎิเสธ              He doesn' t live in Canada.
ข้อสังเกต    1.    เมื่อใช้ does not ( doesn ' t ) กับประธานเอกพจน์ คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น
                  2.    ส่วน do not ( don 't )ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ


Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be เมื่อทำเป็นคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มี Verb to be ให้ใช้ Verb to do ( do , does ) วางไว้หน้าประธาน

มีรูปแบบดังนี้

               Do
                         +   ประธาน +   กริยาแท้ช่องที่ 1 + ?
               Does
เช่น            ประโยคบอกเล่า : They live in London.
                ประโยคคำถาม : Do they live in London ?
                ประโยคบอกเล่า : He works in an office.
                ประโยคคำถาม : Does he work in an office ?
         Do    ใช้กับประธานพหูพจน์ มี I , You , We , They
         Does ใช้กับประธานเอกพจน์ มี He , She , It
ข้อสังเกต           
            1.การใช้ Verb to do ในประโยคคำถามเมื่อใช้ Does กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ ( V.1) 
            2.แต่ถ้าใช้ Do กับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
 

; www.igetweb.com


Verb Tenses
(Present Tenses )

ดังได้กล่าวมาในบท Verb Tense ( Types ) แล้วว่า Verb Tense มีทั้งหมด 12 รูปใน active voice ในบทนี้จะได้กล่าวถึงการใช้  Present tenses  ทั้ง 4 รูปคือ Simple present , Present progressive, Present perfect,และ Present perfect progressive.

1.Simple Present Tense

โครงสร้าง    

Subject + auxiliary verb ( do ) + main verb ( base )
ประธาน + กริยาช่วย ( do) + กริยาหลักช่อง 1

ดังตัวอย่าง

  ประธาน กริยาหลัก    
+  บอกเล่า I am   French.
You, we, they are   French.
He, she, it is   French.
-  ปฏิเสธ I am not old.
You, we, they are not old.
He, she, it is not old.
? คำถาม Am I   late?
Are you, we, they   late?
Is he, she, it   late?

การใช้     ใช้  Simple Present tense เมื่อ

  • เป็นการกระทำ/เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไป เช่น
    The Moon goes round the Earth.
    Birds fly.
    Sugar is sweet.
  • เป็นการบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด
    John waits patiently while Bridget books the tickets.
    He needs help right now.
    I'm here now.
    The car is clean
  • เป็นกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นกิจวัตร ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  เช่น
    He gets up early every day.
    play football every Sunday.
  • เป็นการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่า จะกระทำในอนาคต   โดยใช้ ร่วมกับ adverb หรือ adverbial phrase เช่น
    The doors open in 10 minutes.
    John arrives on Tuesday.

มีข้อยกเว้นดังนี้

  • สำหรับประโยคบอกเล่า ( positive ) ปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย   ( นอกจากต้องการเน้นเช่น  I do love you )
  • สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3  ( he, she, it ) เติม  s ที่กริยาหลัก และเติม  es ที่กริยาช่วย
  • สำหรับ verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถาม

ตามตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ 

  ประธาน กริยาช่วย   กริยาหลัก  
+
บอกเล่า
I, you, we, they     like coffee.
He, she, it     likes coffee.
-
ปฏิเสธ
I, you, we, they do not like coffee.
He, she, it does not like coffee.
?
คำถาม
Do I, you, we, they   like coffee?
Does he, she, it   like coffee?

verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามดังนี้
http://ict.moph.go.th/English/content/verb03_present.htm


Present Simple Tense – S+V.1

•เหตุการ์ที่เป็นความจริงเสมอ เช่น The sun rises in the east.
•นิสัย หรือ สิ่งที่กระทำซ้ำๆซากๆ เช่น He always wakes up at 6 o’clock.
•แสดงอาการ เช่น I don’t like action films.
•คำแถลงการณ์ คำประกาศ เช่น He pledge his loyalty to the country.
•ใช้ในพาดหัวข่าว เช่น Car bombs in the city.
•คำสั่ง ขั้นตอน หรือ รายการท่องเที่ยวเช่น Heats water to boil then add 2 tea-spoon sugar. หรือ We visit Edinburgh o­n day four.
•เรื่องโดยสังเขป การสรุปเหตุการ์ เช่น May 1945: The war in Europe comes to an end.
•ในการบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต หรือ การเล่าเรื่องตลก เราสามารถใช้ Present Simple เพื่อ เพิ่มความตื่นเต้น เช่น The police break in and arrest a suspect after 12 hours of negotiate.
•ใช้กับเหตุการณ์ที่จะกำหนดจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความประสงค์ของผู้พูด เช่น Tom retires in 3 years.

เมื่อต้องการใช้ Present Simple Tense เป็นคำถามหรือ ปฏิเสธ ให้นำ do หรือ does มาช่วย และ กริยาที่ตามหลังมาต้องเป็นช่อง 1 เสมอ เช่น
The sun does not (doesn’t) rise in the west.
Does she have any problem?
What course do you take?

กฏการเติม –s, -es

กริยาปกติ เติม –s ได้เลย เว้นแต่
1.ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z เติม –es
2.do และ go เติม –es
3.ลงท้ายด้วย y หน้า y เป็น พยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es

; http://www.eduzones.com/knowledge-2-1-31867.html



โครงสร้างประโยค Simple present tense

ประธาน + base form (กริยาช่อง 1)

กริยาของ simple present tense จะอยู่ในรูป base form แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยด้วยการเติม s หรือ -es ในกรณีที่ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม

 

ตัวอย่างลักษณะประโยค simple present tense

ประโยคบอกเล่า

ประโยคคำถาม

ประโยคปฏิเสธ

I work

Do I work ?

I do not work.

You work

Do you work?

You don't work.

he, she, it works

Does he, she, it work?

He, she, it doesn't work.

we work

Do we work?

We don't work.

they  work

Do they work?

they don't work.

 


หลักการใช้  simple present tense

1. ใช้กล่าวถึงการกระทำที่เป็นนิสัย (habits) หรือการกระทำหรือเหตุการณ์ซ้ำ ๆ กัน repeated actions or events)    (

อดีต

ปัจจุบัน อนาคต
He drinks coffee every day. เขาดื่มกาแฟทุกวัน
ตัวอย่าง
She eats only fish. watch television every day. เขาทั้งหลายดูโทรทัศน์ทุกวัน หล่อนรับประทานแต่ปลาเท่านั้น
They
We catch the bus every morning. เราขึ้นรถประจำทางทุกเช้า
It
rains every day in the rainy season. ฝนตกทุกวันในฤดูฝน
They
drive to Puket every summer. เขาทั้งหลายขับรถไปภูเก็ตทุกฤดูร้อน

2. ใช้กล่าวถึงความจริงทั่วไป (general truths)

อดีต

ปัจจุบัน อนาคต
The birds fly  in the sky. นกบินอยู่บนท้องฟ้า
ตัวอย่าง
Water freezes at zero degrees. น้ำกลายเป็นน้ำแข็งที่ 0 องศา
The Earth
revolves around the Sun. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
Her mother
is Japanese. แม่ของเขาเป็นชาวญี่ปุ่น

 4. ใช้กล่าวแนะนำการใช้หรือบอกทาง (instructions or directions)
Open the box and pour the contents into hot water.
Take the No.6 bus to Redlands and then the No.10 to San Bernardino.
ขึ้นรถหมายเลข 6 ไปยังเรดแลนด์ จากนั้นขึ้นรถหมายเลข 10 ไปซานเบอร์นาดิโน
เปิดกล่องแล้วเทสิ่งที่บรรจุลงในน้ำร้อน

 5.ใช้กล่าวถึงกำหนดการ (fixed arrangements)
His mother
arrives tomorrow. starts











ขออนุญาตคัดลอกเจ้าของบทความนะคะ ขอบคุณค่ะ 

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แจ้ง Blog ไม่เหมาะสม
25 พ.ค. 53
131,051
71

ความคิดเห็น

nutzalovely
nutzalovely 23 มิ.ย. 53 / 17:41
ขอบคุณมากค่า ^/\^
กำลังทำรายงานอยู่พอดีเลย

ความคิดเห็นที่ 2
thank you
ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุงค่า
ความคิดเห็นที่ 4
ขอขคุณนะคะ
ความคิดเห็นที่ 5
ตัวเล็ก อยากบอกว่า
ขอบใจนะคะ
ความคิดเห็นที่ 6
ขอบใจจ๊ะ
ความคิดเห็นที่ 7
ขอคุณคับผม
ความคิดเห็นที่ 8
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
ดีมาก ค่ะได้ความรู้มากเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
หน้าจะมีคำถาม
ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณมากค่ะ เนื้อหาดีมาก
ความคิดเห็นที่ 12
รักนะคร๊าบ
ความคิดเห็นที่ 13
ดีมากๆเลยมีครบถ้วนเลย
ความคิดเห็นที่ 14
เป็นประโยชน์มากค่ะ ^^
ความคิดเห็นที่ 15
มีประโยชน์มากๆ
ความคิดเห็นที่ 16
สาระดี ใจจ้า
ความคิดเห็นที่ 17
โอ้ สุด ยอ ด เ ล ย C O M M E N T B o X
ความคิดเห็นที่ 18
ขอบคุนค๊า
ความคิดเห็นที่ 19
Thank you naja :)
ความคิดเห็นที่ 20
๛••๛ อาริกาโตะ sire
1 2 3 4 >