ร้อยเล่ห์รักข้ามภพ(百爱跨越时间)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : นู๋ไฉ
My.iD :
https://my.dek-d.com/omgmin8/writer/
ตอนที่ 10 : บทที่9 งานเลี้ยงต้อนรับ บทต้น

คุณหนูรองชิงจูได้รับคำเชิญจากหวงโฮ่วให้เข้าวังมาเพื่อหารือในการเตรียมการแสดงในงานเลี้ยงต้อนรับ ชิงหลิงคิดว่าเหล่าสนมมีเสื้อผ้าที่สวยงามและเครื่องประดับที่ล้ำค่าอยู่แล้ว
และถึงแม้ว่าตระกูลของเธอจะเป็นถึงอัครเสนาบดี และมารดาของชิงจูจะเป็นถึงบุตรสาวของพ่อค้าแต่เสื้อผ้าเครื่องประดับที่เธอมีอยู่นั้นในวังหลวงย่อมล้ำค้ากว่าภายนอกยิ่งนัก
ฉันอยากจะให้เม่ยเม่ยของตนถึงแม้จะคนละแม่ แต่งกายด้วยอาภรณ์ล้ำค่าจะได้ไม่น้อยหน้าเหล่าสนม เธอจึงเรียกเม่ยเม่ยของตนเข้าวังมาเพื่อวัดตัวตัดชุดและมอบเครื่องประดับที่จะไช้ในงานเลี้ยงให้แก่นาง
จึงเตรียมผ้าหลายพับและเครื่องประดับน่ารักๆมากมายเตรียมไว้ให้ชิงจูใส่ไปในงานเลี้ยง เหล่านางกำนัลต่างมองเจตนาของเธอไปในทางที่หวงโฮ่วรักใคร่เม่ยเม่ยผู้นี้มาก
ซึ่งจริงๆหารู้ไม่ว่าเธอเพียงต้องการเล่นแต่งตัวให้เด็กสาวผู้นั้น และสมบัติของเธอตอนนี้ก็ล้นทะลักไม่มีที่เก็บเสียแล้ว เธอทั้งให้รางวัลเหล่านางสนมและเหล่าสาวใช้อย่างมันส์มือ ก็ยังมีสมบัติกองอยู่เต็มไปหมด เธออยู่ในวังเงินทองเหล่านี้เธอแทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร ชาตินี้ทั้งชาติปักปิ่นใส่เสื้อผ้าที่ไม่ซ้ำกันยังไม่รู้ว่าจะครบทุกชิ้นที่อยู่ในคลังหรือเปล่า
"เม่ยเม่ยเจี่ยเจียว่าผ้าพับนี้สีสวยยิ่งนักหากตัดเป็นชุดให้เจ้าต้องงดงามยิ่ง" ฉันหยิบผ้ามาทาบตัวเม่ยเม่ยของตนอย่างสนุกสนาน ไม่ได้มองสายตาของเม่ยเม่ยต่างมารดาเลยแม้แต่น้อยที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจ
ด้วยฐานะเช่นนางหรือจะคู่ควรกับผ้าเหล่านี้ไหนจะเครื่องประดับที่เจี่ยเจียต่างมารดาประโคมใส่ให้นางบนศรีษะ แค่นางได้เข้าวังมาแทบทุกวันนางก็เหมือนฝันไปแล้ว
แต่นี้นางถึงกับจะได้ร่วมแสดงในงานเลี้ยงรวมถึงได้ใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับที่งดงามเหล่านี้อีกนางไม่รู้จะหาคำใดมาขอบคุณหรือสรรเสริญบุคคลตรงหน้านี้ดี
ตุ้บบบ!!... เสียงคุกเข่าดังขึ้นด้านหลังของชิงหลิง เธอจึงละมือจากม้วนผ้าด้านหน้ามองไปยังเม่ยเม่ยต่างมารดาที่ตอนนี้คุกเข่าร้องไห้อยู่ด้านหลังเธอ
ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย ใครไปเหยียบตาปลาเธอเข้ากันถึงได้คุกเข่าเป่าปี่ซะอย่างนั้น ชิงหลิงหันไปมองรอบกายด้วยความสงสัยแต่ไม่มีใครให้คำตอบแก่เธอได้
หรือแค่ให้นางมาเป็นตุ๊กตาให้เธอแต่งตัวจะทำให้นางเสียอกเสียใจต้องร้องไห้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ฉันเดินไปประคองให้ชิงจูลุกขึ้นแต่นางส่ายหน้ามิยินยอม
"เม่ยเม่ยเจ้าเป็นอะไรไปหรือ เจ็บตรงไหนหรือไม่เหตุใดจึงร้องไห้เสียใจเช่นนี้แล้วเหตุใดจึงไม่ยืนคุยกันดีๆ เล่าเม่ยเม่ย" ภพก่อนนี้ฉันไม่มีเจี่ยเม่ยเธอเป็นเพียงลูกคนเดียวเติบโตมาเพียงผู้เดียวเล่นคนเดียวไม่เคยต้องแบ่งปันสิ่งใดให้กับใครเธออาศัยอยู่กับมารดาสองคนมาตลอด เนื่องจากบิดาของเธอแต่งงานใหม่
เธอจึงมีความสุขยิ่งนักที่ในภพนี้เธอมีเจี่ยเม่ยมาร่วมแบ่งปันทุกสิ่ง แม้จะมิได้รักใคร่ผูกพันมากมายแต่เมื่อเห็นคนตรงหน้าที่ได้ชื่อว่ามีสายเลือดครึ่งหนึ่งที่เหมือนกันใจของเธอก็อ่อนยวบลง เอ่ยถามเม่ยเม่ยต่างแม่น้ำเสียงอ่อนโยน
"หวงโฮ่วเม่ยเม่ยรู้สึกยินดียิ่งนักที่ได้เกิดมาเป็นเม่ยเม่ยของเจี่ยเจีย ได้มีบิดาผู้เดียวกับท่าน แม้มิได้มีมารดาคนเดียวกันก็ตาม ฮูหยินใหญ่ดีต่อแม่เม่ยเม่ยมาก พระองค์ก็ทรงดีต่อเม่ยเม่ย ต่อไปจะให้เม่ยเม่ยเป็นวัวเป็นม้าให้เม่ยเม่ยก็ยินดีทำ ไม่ว่าพระองค์จะต้องการสิ่งใดหากแม้ต้องแลกด้วยชีวิตชิงจูก็พร้อมจะนำมาถวาย" ชิงจูกล่าวพลางโขกศรีษะ ให้กับฉันด้วยความรักในตัวเจี่ยเจียของตนอย่างเปี่ยมล้น
เมื่อฉันได้ยินก็ใจกระตุกไม่คิดเลยว่าการเล่นสนุกของเธอจะเป็นเรื่องจริงจังถึงเพียงนี้
ฉันถอนหายใจให้กับตนเองรู้สึกละอายใจยิ่งนักกับการกระทำโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาของตัวเอง จึงมอบเครื่องประดับทั้งหมดที่ยกออกมากับม้วนผ้าอีกหลายผืนให้กับนาง ใครใช้ให้เธอเป็นคนสวยใจดีแถมยังใจอ่อนกันเล่า
สมบัติพวกนี้สำหรับเธอแล้ว ไม่มีความหมายอันใดเลยสำหรับเธอหากเทียบกับความรักและความภักดีในแววตาของชิงจูเม่ยเม่ยต่างมารดาของเธอ ที่เธอนำสมบัติออกมาก็แต่เพียงบางส่วนเท่านั้นด้วยจะมอบให้ชิงจูอยู่แล้วเพราะสมบัติล้นพระคลังไม่มีที่เก็บ
เธอรู้สึกละอายต่อชิงจูใจยิ่งนักเหมือนเธอล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นซึ่งเป็นการกระทำที่เธอเกลียดที่สุด เพราะเธอเคยได้รับการกระทำเช่นนั้นและเจ็บช้ำเจียนตายมาแล้ว เมื่อได้มอบสิ่งของต่าง ๆ ให้กับชิงจูแล้ว ก็คลายความรู้สึกละอายใจลงไปได้บ้าง ดูเหมือนว่าการยิงปืนของเธอจะได้นกมากกว่า 1 ฝูงเสียแล้ว
.
. .
. .
. .
สามวันผ่านไป ก็มาถึงวันงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตจากแคว้นหลวน
เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง แต่ละคนล้วนสวมใส่อาภรณ์ที่ล้ำค่าและงดงามที่สุดเพื่ออวดบารมีของตน ตอนนี้เหล่าทูตและเหล่าขุนนางทั้งสองแคว้นมากันจนครบ และนั่งยังตำแหน่งของตนแล้ว
"หวงตี้เสด็จ หวงโฮ่วเสด็จ" เมื่อสิ้นเสียงประกาศจักรพรรดิเจิ้งหลี่ก็เสด็จเข้ามาในงานพร้อมกับหวงโฮ่วโดยใช้แขนขวาโอบประคองร่างบางมือซ้ายจับมือเธอเพื่อประคองก้าวเดินอย่างทะนุถนอม ฉันมองจิกสายตาใส่หวงตี้ที่ตอนนี้ทรงหลอกกินเต้าหู้เธอต่อหน้าผู้อื่น แต่เธอไม่สามารถขัดขืนได้
เหล่าราชบริพารต่างมองทั้งสองพระองค์ด้วยความชื่นชม จักรพรรดิหลวนหลงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้ามืดครึ้ม ที่ตรงนั่นควรเป็นของเขา คนที่เดินข้างกายนางจะต้องเป็นเขาคนนี้เท่านั้น คนผู้นั้นมีสิทธิอะไรมาแย่งชิงนางไป หลวนหลงคิดพลางกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิดใจ
เมื่อหวงตี้กับหวงโฮ่วเดินมาจนถึงที่ประทับก็ทรงกล่าวเปิดงาน ตำแหน่งที่ประทับของทั่งสามพระองค์ถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดในงานเลี้ยงทำให้มองเห็นได้ทั่วทั้งงานเลี้ยง เจิ้งหลี่นั่งคั่นตรงกลางระหว่างจักรพรรดิหลวนหลงที่อยู่ทางซ้ายมือ ชิงหลิงนั้นอยู่ทางขวามือของเขาแต่ถึงแม้ว่าเธอจะถูกจัดให้นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดแต่ที่นั่งของเธอก็จะอยู่ต่ำลงไปเล็กน้อย เนื่องจากในงานนี้มีจักรพรรดิจากต่างแดนอีกคนเธอจึงไม่สามารถนั่งเสมอกับทั้งสองพระองค์ได้
ฉันมองการแสดงของกองอาคาร ที่กรมพิธีการจัดหามา ซึ่งการแสดงของเธอจะเป็นครึ่งหลังของงานเลี้ยงในครั้งนี้ เป็นการแสดงปิดงานนั้นเอง ฉันคิดว่าฉันนั้นโชคดียิ่งนักที่ข้ามภพมาเป็นหวงโฮ่วจึงมิต้องลงไปแสดงความสามารถในงานเลี้ยงเพราะนั่นถือว่าเป็นการลดเกียรติเป็นอย่างมากสำหรับหวงโฮ่ว
หลวนหลงแอบลอบมองเธอเป็นระยะ ๆ เอ่ยปากถามเธอเกี่ยวกับอาหารบนโต๊ะเสวยบ้าง ถามเกี่ยวกับการแสดงบ้าง ข้ามหน้าหวงตี้ไปมาจนเธอเองรู้สึกเสียวสันหลังแบบเบาๆ แต่ฉันก็เอ่ยตอบคำถามแก่จักพรรดิหลวนหลงแบบเอ่ยมาตอบไปเท่านั้น มิได้มีการชวนคุยเพิ่มเติมแต่อย่างใด ความเข้มข้นของอารมณ์หวงตี้ในตอนนี้จึงถือว่ามิได้พิโรธมากนัก
เจิ้งหลี่รับรู้ได้ถึงสายตาของจักรพรรดิหลวนหลงที่เฝ้ามองหวงโฮ่วของตนอย่างเงียบๆโดยตลอด เขาเฝ้ามองดูการกระทำของจักรพรรดิหลวนหลงที่พยายามชวนหวงโฮ่วของเขาคุย แต่เธอไม่เล่นด้วยซึ่งทำให้เขาอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย
แต่เจิ้งหลี่มิเข้าใจในแววตาของจักรพรรดิหลวนหลงยิ่งนัก แววตาที่มองมายังหวงโฮ่วของเขานั้นดูเหมือนคนที่กำลังลุ่มหลงและคลั่งไคล้นางเป็นอย่างมาก
มิใช่ว่าจักรพรรดิหลวนหลงชมชอบเฉพาะสตรีที่มีฝีมือพิณเป็นเลิศหรอกหรือ คิดแล้วใจก็กระตุก มิใช่ตัวเขาเองที่พึ่งมอบพิณเทียนหลิงซึ่งจักรพรรดิแห่งแคว้นหลวนต้องการมากที่สุดให้แก่นางไปหรอกหรือ
มิใช่ว่าจะทรงรู้แล้วว่าพิณอยู่กับนางและต้องการจะเอาจากนาง หรือต้องการทั้งพิณและตัวนางกันแน่ เจิ้งหลี่คิดพลางตกใจเงียบๆบังอาจนักกล้าคิดแย่งชิงหวงโฮ่วกับเขาเลยหรือ ในขณะที่หวงตี้กำลังตกใจกับความคิดของตนเองอยู่นั้น
การแสดงของเหล่าสนมก็เริ่มขึ้น ซึ่งการแสดงของเหล่าสนมทำให้เจิ้งหลี่หลุดจากความคิดของตนเอง แล้วนึกเอะใจนี่มิใช่เหล่าสนมของเขาหรอกหรือ คิดได้ดังนั้นจึงเลิกคิ้วมองหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย หวงโฮ่วของเขาช่างแสบจริง ๆ ถึงกับหลอกใช้เหล่าสนมให้มาทำการแสดงในงานได้ สมแล้วที่เป็นภรรยาคู่บารมีของเขา แม้จะเป็นเพียงในนามก็ตาม แต่อีกไม่นานหรอกนางจะต้องเป็นของเขาทั้งกายและใจ
คิดแล้วเจิ้งหลี่ก็คลายใจ ตนจะกังวลไปทำไมยังไงนางก็เป็นหวงโฮ่วของเขาต่อให้มีผู้คิดมาแย่งชิงแล้วอย่างไร หากนางมิไปใครก็ทำอันใดไม่ได้ เจิ้งหลี่คิดแล้วอารมณ์ของตนก็ดีขึ้นหลายส่วน จบงานแล้วคิดส่งของขวัญมากมายไปยังตำหนักเหิงเยว่ของหวงโฮ่ว
หลวนหลงมองการแสดงที่ผ่านไปเรื่อยๆ รอคอยการแสดงสุดท้าย เขาเรียบเรียงแผนการร้ายในใจก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย หึหึ ชิงหลิงสุดท้ายเจ้าก็ต้องไปเป็นหวงโฮ่วของข้าต้องแย้มยิ้มและหัวเราะเพื่อข้าแต่เพียงผู้เดียว
จักรพรรดิทั้งสองต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง
และแล้วการแสดงในค่ำคืนนี้ก็ใกล้มาถึงการลำดับสุดท้าย หวงตี้จึงให้ขันทีออกมาประกาศราชโองการที่จะประกาศในงานครั้งนี้
"เนื่องจากผู้มีชื่อในราชโองการไม่สามารถมารับราชโองการในครั้งนี้ด้วยตนเองได้ เพราะมีความจำป็นบางอย่างแต่ผู้ที่มีรายชื่อในราชโองการทั้งสองได้ทราบเนื้อหาในราชโองการฉบับนี้อยู่แล้ว และจะมีการส่งราชโองการนี้ไปให้ในภายกลัง จึงขอประกาศราชโองการมีเนื้อความดังนี้
องค์หญิงหลวนเหยา แห่งแคว้นหลวน งดงามอ่อนหวานเพียบพร้อมด้วยความสามารถ ให้อภิเษกสมรสกับชินอ๋องเจิ้งไฉ เพื่อเป็นการสมรสพระราชทานในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นตามข้อตกลง เป็นเมืองพี่เมืองน้องรักใคร่กลมเกลียวช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดไป มีกำหนดการในการจัดพิธีอภิเษกสมรสในอีกสามเดือนข้างหน้า จบราชโองการ"
เมื่อสิ้นเสียงประกาศราชโองการเหล่าขุนนางและราชทูตต่างคุกเข่าคำนับกันอย่างพร้อมเพรียง
เธอคิดในใจว่าหวงตี้ทรงพระปรีชายิ่งนักที่สามารถสลัดเผือกร้อนลวกมือนี้พ้นไปจากตัวแต่ตกลงบนหัวผู้อื่นได้
การแต่งงานในครั้งนี้สำหรับหลวนหลงเป็นเพียงข้ออ้างในการเข้ามาพักในวังหลวงของแคว้นเจิ้งเพื่อพบสตรีที่พึงใจเท่านั้น ที่ตอนแรกเขียนข้อตกลงมาเช่นนั้นแค่ลองหยั่งเชิงดูว่าเจิ้งหลี่จะมีใจให้หวงโฮ่วของตนหรือไม่มากน้อยเพียงใด เมื่อได้รับข้อเสนอให้เปลี่ยนเจ้าบ่าวเป็นชินอ๋องเขาก็มิได้ตกใจอะไร ตอบรับคำขอนั้นในทันที เพราะจุดประสงค์หลักคือการได้พำนักในวังในฐานะของราชอาคันตุกะมากกว่า
การแสดงสุดท้ายของงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ชิงจูเดินเข้ามาภายในงานด้วยอาภรณ์สีชมพู่อ่อนพลิ้วไหวราวกับเต้นระบำขับเน้นรูปร่างของชิงจูให้ดูบอบบางราวกับจะหายวับไปหากละสายตา
นางสวมเครื่องประดับเพียงสร้อยที่ห้อยระย้าจากกลางศีรษะลงมาบริเวณหน้าผาก ตามด้วยการปักด้วยปิ่นรูปใบมะกอกทางหลังอย่างประณีต และด้วยฝีมือการแต่งหน้าของเธอยิ่งขับเน้นให้ชิงจูงดงามเหนือคำบรรยาย
นางจูงมือเดินเคียงข้างมากับชายหนุ่มรูปงามที่สวมใส่อาภรณ์สีฟ้าครามแต่ชายชุดขลิบด้วยด้ายสีน้ำเงินเข้ม เมื่อเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มยิ่งขับเน้นให้ดูเป็นเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญ บุรุษผู้นี้ก็คือชิงหมิงเก๊อเกอของนางเอง
ทั้งสองคนมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันหลายส่วน ผู้คนในงานจึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าจะต้องเป็นเจี่ยเม่ยกัน ยิ่งเพ่งมองดวงหน้าของดรุณีน้อยนางนี้ก็ยิ่งมีความคล้ายคลึงกับผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายหวงตี้ยิ่งนัก จึงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นเจี่ยเม่ยจากตระกูลชิง
แม้ว่าชิงจูจะไม่ได้มีใบหน้าที่งดงามพิลาศล้ำดังเช่นหวงโฮ่ว แต่เมื่อสวมใส่อาภรณ์ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมที่ล้ำค่าจากช่างในวังหลวง และเครื่องประดับที่งดงามก็ส่งให้นางกลายเป็นหนึ่งในหญิงงามล่มเมืองได้อย่างไม่ยากเย็น
เหล่าเชื้อพระวงศ์ชายและเหล่าบุตรชายของขุนนางทั้งหลายต่างมองตามจังหวะการก้าวเดินของสาวน้อยนางนี้ราวกับว่าหากสามารถห่อกลับบ้านได้พวกเขาก็คงทำไปแล้ว
ชิงหมิงทำได้เพียงส่งสายตาพิฆาตไปรอบตัว เพื่อให้พวกเหล่าบุตรชายของขุนนางและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายเลิกจ้องมองเม่ยเม่ยของตนเสียที
หลวนหลิงลอบมองสาวน้อยที่ก้าวเข้ามาในงานอย่างตกตะลึง สมแล้วที่เป็นเจี่ยเม่ยกัน แม้ว่าจะคนละมารดาแต่ความงามนั้นแม้ไม่อาจเทียบเคียงกัน แต่ถือได้ว่างดงามจนมิอาจละสายตา
หลวนหลงเสมองอ๋อง 13 ตี๋ตีของตน ที่มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยก็ทอดถอนใจนึกเสียดายยิ่งนัก ที่ตี๋ตีไร้ความรู้สึกถึงเพียงนี้ หากเป็นเช่นนี้เขาอาจจะไม่ยกสตรีผู้นี้ให้ตี๋ตีแต่อาจจะเก็บไว้เองจะได้ไม่เสียของ
เธอปลื้มใจยิ่งนักเพลงที่เก๊อเกอและเม่ยเม่ยของเธอกำลังจะร้องเป็นเพลงที่เธอสอนมาเองกับมือเธอมั่นใจว่าเพลงนี้จะไม่เป็นเพลงประหลาดในภพนี้แน่นอนเพราะเธอเอามาจากหนังจีนที่ไม่อิงประวัติศาสตร์ใดๆ หรือภพชาติอะไรเลย และเป็นเพลงประกอบซี่รี่ย์ที่ดังมาก

สามีนางแย่มากกก
และอยากให้หยวนหลงมาแทนที่หวงช่างที่มัวแต่หลงสนมคนใหม่จนไม่สนใจชิงหลิง
ก็เข้าใจว่าพระเอกเป็นฮ่องเต้ (ไม่รู้คนไหนที่เป็นพระเอก แต่ก็เป็นฮ่องเต้ทั้งคู่) ต้องมีเมียเยอะเป็นธรรมดา
แต่มันรู้สึกเคืองจริง ๆ เลยค่ะ อยากยุให้นางเอกมีฮาเร็มเป็นของตัวเองบ้าง
แวะมาตามอ่านต่อค่ะ
ขำ ฮ่องเต้ ก็ดันไปมีข้อตกลงกับฮองเฮาเอาไว้แบบนั้น(คานอำนาจ) ก็อดกินสิ...
ตัวละครใหม่ มาแล้วว...ติดตามๆ
#อ่านแล้วอยากอ่านต่อ ว่าไป...ไรท์อัพต่อไวๆนะคะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายให้อ่านนะคะ สู้ๆคะ
อัฟทุกวันนะคะไรท์อย่าพึ่งหายไปไหน