ร้อยเล่ห์รักข้ามภพ(百爱跨越时间)
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ อดีต ปัจจุบัน อนาคต Tags : ยังไม่มี
ผู้แต่ง : นู๋ไฉ
My.iD :
https://my.dek-d.com/omgmin8/writer/
ตอนที่ 3 : บทที่2 หวงโฮ่วฝึกหัด,สวัสดิการหวงโฮ่ว

เป็นหวงตี้นี่ดีจริงๆ ใช้องครักษ์ลับไปเอาเลือดไก่(?)อย่างนี้ก็ได้หรอ คิดแล้วก็ให้เพลียจิต ชิงหลิงแอบเบะปากมองบนในใจพร้อมกับกรอกตาเป็นเลขแปด และเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นจึงต้องมีเอฟเฟคครวญครางกันพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้ดูเงียบเหงาจนเกินไป แต่ก็ทำให้สองแก้มของชิงหลิงแดงก่ำด้วยความอาย ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยทำเรื่องน่าอายเช่นนี้มาก่อนเลยแม้กระทั่งสามีก็เถอะมันเป็นไปตามอารมณ์จะให้มาครางเอาเสียดื้อๆ ฉันคงสามารถหรอก
"........."
"........."
".........."
"ฮ่าๆๆๆ " หวงตี้ทรงระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้าชิงหลิง หลังจากที่กลั้นหัวเราะขำเสียงครางของนางอยู่นาน
"หวงช่างทรงขำอะไรเพคะ" ชิงหลิงเอ่ยปากถามคนที่หัวเราะขำขันใส่หน้าเธฮอย่างบ้าคลั้ง พร้อมทั้งทำสีหน้าแดงก่ำ ด้วยทั้งโมโหทั้งอาย
"ก็เสียงครางของเจ้า ฮ่าๆๆๆ เสียงของเจ้าช่างเหมือนแมวครางยิ่งนัก จะไม่ให้เจิ้นหัวเราะได้อย่างไร" หวงตี้กล่าวออกมาพร้อมทั้งเอามือกุมท้องแล้วกลิ้งลงไปขำบนแท่นบรรทม
หึ ถ้าฉันครางเก่งลีลาดีสามีคงไม่หนีไปมีเมียน้อยจนช้ำใจแดดิ้นข้ามภพมาแบบนี้หรอก ชิงหลิงมองหวงตี้ที่ลงไปขำพร้อมทั้งกลิ้งไปกลิ้งมาบนแท่นบรรทมอย่างไม่รักษากิริยา
นี่น่ะหรือหวงตี้ผู้ทำสงครามชนะแคว้นเป่ย นี่น่ะหรือผู้ที่สั่งประหารน้องชายตนเองรวมทั้งกบฏหลายร้อยชีวิตอย่างเลือดเย็น ถ้ามีใครมาได้ยินแล้วเห็นเหมือนที่เธอเห็นตรงนี้ คงบอกผู้ที่พูดเช่นนั้นว่าโกหกทั้งเพ
ชิงหลิงสะกิดหวงตี้ให้ขยับกายเข้าไปด้านในของพระแท่นบรรทม ก่อนจะขึ้นมานอนข้างๆ หวงตี้ที่หยุดหัวเราะแล้วนอนยิ้มอยู่บนเตียง ชิงหลิงไม่อยากสนใจผู้ที่นอนอยู่ข้างๆเธอเท่าใดนัก วันนี้ทั้งวันเธอเหนื่อยมามากพอแล้ว เธออยากพักสักที แต่ในขณะที่เธอหลับไปนั้นเธอรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณตนคอและหน้าอกเธอพยายามผลักเจ้าสิ่งนั้นออกไปจากตัวเธอแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่แล้วเธอก็สู้ความง่วงงุนต่อไปไม่ไหวหลับใหลไปด้วยความอ่อนเพลีย แต่สัมผัสที่ได้รับกลับรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยอย่างประหลาด
"
"
"
ตามกฎของวังหลวงหลังจากถวายตัวต่อหวงตี้แล้ว เธอจะต้องเข้าเฝ้าองค์ไท่โฮ่วในวันรุ่งขึ้นเพื่อยกน้ำชาฝากตัวเป็นสะใภ้ต่อแม่สามีนั้นเอง แต่หลังจากที่เธอตื่นมาในยามเหมา ก็ไม่พบหวงตี้ที่บรรทมอยู่ด้านข้างแล้ว นางกำนัลที่เข้ามาปรนนิบัติบอกแก่เธอว่า
"หวงช่างทรงตื่นบรรทมตั้งแต่ยามอิ๋นแล้วเพคะหวงโฮ่ว หวงช่างทรงเห็นว่าทรงยังไม่ตื่นบรรทมจึงไม่ให้นู๋ปี้ปลุกหวงโฮ่วเพคะ" นางกำนัลกล่าวรายงานแก่เธอพร้อมทั้งหลุบตาลงต่ำสองแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ซึ่งชิงหลิงก็มิได้เอะใจ
จนเมื่อหลังจากที่เธออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสิ้นและกำลังจะแต่งกายแต่งหน้าสายตาของเธอพลันเหลือบไปเห็นรอยแดงเป็นจ้ำสีม่วงบริเวณเนินอกอวบอิ่ม และบริเวณคอของเธอที่เป็นรอยเด่นชัดจนเธออยากจะกรี๊ดให้บ้านแตก นี่มันรอยคิสมาร์ค แต่มันมาได้ยังไงชิงหลิงคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งหน้านิ่วคิ้วขมวด
"กรี๊ดดดดดดดดด"
ใช่แล้วตอนที่เธอหลับไปต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ ถึงจะเคยมีสามีมาแล้วก็ไม่ได้แปลว่าจะง่ายนะ คนอย่างฉันหน่ะไม่ง่ายแต่ก็ได้ไม่ยาก(เกี่ยว?) อร๊ายยยย หวงช่างงงง!! ชิงหลิงฝากความแค้นไว้ในน้ำเสียงอย่างโมโห และรอวันเอาคืน.....
หลังจากเข้าเฝ้าองค์ไท่โฮ่ว เพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ และยกน้ำชาแก่ไท่โฮ่วแล้ว ชิงหลิงก็ถูกรั้งให้อยู่คุยกับไท่โฮ่ว ในเรื่องของการคัดเลือกสนมเข้าวังในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เหมือนจะทรงหยั่งเชิงว่าเธอจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
สำหรับชิงหลิงแล้วสตรีในวังนั่นช่างยากแท้เกินหยั่งถึงนัก แม่สามีเรียกสะใภ้มาสอบถามเรื่องการรับเมียน้อยของสามี เธอจนด้วยคำพูดจะกล่าวสิ่งใด ทำได้เพียงพยักหน้าหรือตอบรับพระเสาวนีย์ของไท่โฮ่วเงียบๆ
กว่าจะทรงปล่อยให้ชิงหลิงเป็นอิสระก็ล่วงเข้าสู่ยามอู่แล้ว ชิงหลิงหิวข้าวจนแสบไส้แต่เธอจะต้องไปคัดเลือกนางกำนัลคนสนิทของตนเองเสียก่อนเพราะเธอไม่ได้พาสาวใช้ติดตัวมาจากจวนด้วยเพราะไม่สนิทใจ เธออยากได้คนที่ไว้ใจได้จริงๆมาอยู่ข้างกายของเธอไม่ใช่คนของหวงตี้หรือของใครทั้งนั้น
หน้าพระตำหนักเหิ่งเยว่ที่ประทับของหวงโฮ่ว มีเหล่าขันทีและนางกำนัลมากมายมายืนรวมตัวกันเพื่อรอการคัดเลือกให้เป็นนางกำนัลและขันทีคนสนิทประจำตัวหวงโฮ่ว
ชิงหลิงจะต้องคัดเลือกนางกำนัลคนสนิทสองคน ขันทีคนสนิทสองคน เพื่อคอยรับใช้ตนเองโดยนางกำนัลและขันทีที่ได้รับเลือกก็เหมือนกับการได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าขันทีหรือหัวหน้านางกำนัลมีหน้าที่สั่งการนางกำนัลหรือขันทีเล็กๆ ต่อไป ส่วนที่เหลือนั้นทางกรมวังจะจัดมาให้ตามสมควรแก่ตำแหน่งเพื่อไม่ให้หวงโฮ่วนั้นต้องลงมือคัดเองทั้งหมด
เอาละสิจะเลือกอย่างไรดีล่ะถึงจะได้คนที่ไว้ใจได้จริงๆ ฉันเดินดูนางกำนัล กับขันที ทีละคนทีละคนจนสะดุดเข้ากับขันทีสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ หญิงสาวรู้สึกถูกชะตากับขันทีทั้งสองมากจึงเลือกขันทีทั้งสองเป็นคนสนิท
แต่สำหรับนางกำนัลนั้นเธอยังตัดสินไม่ได้ว่าจะเลือกใครดีในระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้น ฉันก็สังเกตเห็นนางกำนัลสองคนมีท่าทางแปลกๆ จะว่าแปลกก็ไม่ใช่จะว่าไม่แปลกก็ไม่เชิง ตอนที่เธอเดินสำรวจนางกำนัลอยู่ นางกำนัลสองคนนี้ขยับกายยุกยิกอยู่ตลอดเวลา ราวกับกำลังซ่อนสิ่งของบางอย่างอยู่
ชิงหลิงเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของนางกำนัลทั้งสองพร้อมทั้งแบมือ เพื่อให้นางกำนัลทั้งสองมอบสิ่งของที่ซ่อนไว้ออกมา เมื่อเห็นว่าซ่อนเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ หนึ่งในนางกำนัลทั้งสองจึงล้วงเอาหมั่นโถวหนึ่งลูกที่ถูกกัดจนแหว่งออกมาจากชายเสื้อของคน
ตุ้บ!!! เสียงคุกเข่าของนางกำนัลหนึ่งในนั้นดังขึ้น "ขอหวงโฮ่ว ทรงไว้ชีวิตด้วย นู๋ปี้ผิดไปแล้ว นู๋ปี้ยังมิได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าและต้องรีบมาให้ทันการคัดเลือกนางกำนัลรับใช้ในครั้งนี้ นู๋ปี้จึงบังคับให้นางแอบนำหมั่นโถวมาให้เพคะ"
ตุ้บ!!! เสียงคุกเข่าของนางกำนัลอีกคนดังขึ้น "ขอหวงโฮ่วทรงไว้ชีวิตด้วยหมั่วโถวนี้นู๋ปี้เป็นผู้แอบเอามากินเองไม่เกี่ยวกับนางเพคะ"
ชิงหลิงเลิกคิ้วมองนางกำนัลทั้งสองที่ต่างฝ่ายต่างแย่งกันรับผิด ด้วยความงง สุดท้ายชิงหลิงก็เลือกนางกำนัลสองเพื่อนรักมาเป็นนางกำนัลคนสนิท ท่ามกลางความงุนงง ของเหล่าข้ารับใช้
เฮ้อ.... ไม่รู้ว่าเธอเลือกผิดหรือไม่ แต่ว่าก็ดีกว่าเลือกมาสุ่มๆ อย่างน้อยขันทีที่เธอเลือกเธอก็รู้สึกถูกชะตากับสองฝาแฝดคู่นี้จริงๆ ส่วนนางกำนัลนั้นหากมีคนใดคนหนึ่งกล้าหักหลังเธอ เธอก็จะจับเพื่อนรักของนางกำนัลมาข่มขู่ซะเลย เมื่อมีตัวประกันในความคิดของตนเองแล้ว ชิงหลิงก็ค่อยเบาใจ
ปกติชื่อของนางกำนัลนั้นจะใช้เป็นชื่อเดิมหรือเจ้านายตั้งให้ใหม่ก็ได้ ซึ่งชิงหลิงได้คิดชื่อให้กับสองนางกำนัลและสองขันทีไว้แล้ว
"ต่อไปเจ้าชื่อ ซูซูนะ" ชิงหลิงพูดกับนางกำนัลที่มอบหมั่นโถวออกมา
"ส่วนเจ้าชื่อ ชิงชิง" นางหันไปกล่าวแก่นางกำนัลอีกคน
"ส่วนพวกเจ้า สองฝาแฝดคนทางซ้ายให้ชื่อเสี่ยวเปา คนทางขวาให้ชื่อ เสี่ยวจื่อ ตกลงหรือไม่" ชิงหลิงกล่าวแก่ขันทีและนางกำนัลของตน
"นับจากวันนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้า นอกจากหวงตี้แล้วให้รับคำสั่งจากข้าแต่เพียงผู้เดียว หากใครกล้าสั่งพวกเจ้าให้มาขออนุญาตจากข้าก่อน เข้าใจหรือไม่" เสียงหวานแต่ทรงอำนาจเอ่ยแก่ข้ารับใช้คนสนิทของตนเอง
"เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ"
"ซูซู รับใช้ข้างกายข้า ชิงชิงเจ้าคอยดูแลเรื่องอาหารของข้าที่ห้องครัวอย่าให้มีสิ่งแปลกปลอม เสี่ยวเปาอยู่ข้างกายข้าคอยช่วยซูซู ส่วนเสี่ยวจื่อให้คอยจับตาดูเหล่านางกำนัลและขันทีคนอื่นๆ อย่าให้ก่อเรื่องวุ่นวาย ข้าอยากผักผ่อนพวกเจ้าออกไปได้"
"เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ"
"
"
"
ปลิวกระจายล่วงวังเก่า ดอกไม้งามเงียบเหงาดอกไม้แดง
บทกลอนราชวงศ์ถังบทนี้เปรียบได้กับชีวิตของเธอในภพนี้จริงๆ กลอนบทนี้เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นความทรงจำของร่างนี้หรือของเธอเองแต่ที่แน่ๆ คือเธอชอบมันมาก
หลังจากพระราชพิธีต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากในวังหลังยังมิมีนางสนมที่ต้องเข้าเฝ้าหวงโฮ่วในยามเช้า และองค์ไท่โฮ่วที่งดเว้นการเข้าเฝ้าเพื่อปฏิบัติธรรมที่ตำหนักไท่เหอ ทำให้ชิงหลิงมีเวลาในการเดินสำรวจตำหนักเหิงเยว่แห่งนี้ ตำหนักเหิงเยว่ (ดวงจันทร์) จัดว่าเป็นตำหนักที่อยู่ในทำเลที่ดีมาก อยู่ใกล้กับตำหนักหยางจิน (ดวงอาทิตย์) ที่ประทับขององค์ฮ่องเต้
ด่านหลังของตำหนักเหิงเยว่ เป็นทะเลสาบหยกนามว่าลู่เจ๋อ (ทะเลสาบหยก) เป็นทะเลสาบที่สวยงามสมชื่อ ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ราวกับว่าเธอได้เดินอยู่บนสรวงสวรรค์ ด้านหน้าของทะเลสาบมีศาลาหลังน้อยที่รายล้อมรอบไปด้วยต้นเถาฮวา (ต้นดอกท้อ) สีชมพูบานสะพรั่ง ชิงหลิงเดินเข้าไปนั่งในศาลาที่มีแต่ความว่างเปล่าไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้วางอยู่เลย
ในใจของชิงหลิงคิดไปถึงนิยายเรื่องหนึ่งที่นางเอกชอบนอนเอนหลังอยู่บนกองหมอน ชิงหลิงเคยคิดว่ามันจะต้องเป็นความรู้สึกที่ฟินมากแน่ๆ จึงสั่งให้ขันที ไปนำเก้าอี้เอนนอนที่กว้างมากๆ มาตั้งในศาลา และให้นางกำนัลไปนำหมอนนุ่มๆ มาให้เธอหลายๆ ใบ
ถึงจะไม่ค่อยชินกับการมีฝูงนางกำนัลขันทีคอยเดินตามเป็นฝูงโดยมีเธอเป็นจ่าฝูงก็ตาม แต่ในที่สุดชิงหลิงก็ค้นพบสิ่งที่เธอต้องการในโลกใบนี้การได้นอนในกองหมอนนุ่มๆ มันฟินอย่างนี้นี่เอง
ชิงหลิงสั่งนางกำนัลและขันทีให้นำที่กันแดดหรือมู่ลี่ไม้ไผ่มาติดโดยรอบศาลาเพื่อกันมิให้ผู้อื่นมองเขามาเห็นสภาพภายในของศาลาได้โดยง่ายเผื่อเธอทำอะไรที่ไม่เหมาะสมอยู่เช่นนอนน้ำลายไหล รวมทั้งให้ขันทีนำโต๊ะกลมเล็กมาตั้งในศาลาด้วย เพื่อเอาไว้ใช้วางกาน้ำชาและวางจานขนมขบเคี้ยว กินคู่กันกับน้ำชา . .
.
.
.
ห้องทรงอักษร ตำหนักหยางหลิว(พระอาทิตย์)
"เจ้าว่าอะไรนะหวงโฮ่วไปที่ริมทะเลสาบลู่เจ๋อ อย่างนั้นหรือ" หลังจากที่เขาได้ฝากรอยรักไว้บนตัวของชิงหลิงแล้ว เขาก็ไม่กล้าไปหาเธอที่ตำหนักด้วยกลัวว่าตนจะถูกเธอแก้แค้นคืนอย่างเจ็บแสบ จึงทรงทำได้เพียงสอบถามจากเหล่าขันทีเท่านั้นว่าตอนนี้หวงโฮ่วทำสิ่งใดอยู่ ซึ่งคำตอบที่เขาได้รับนั้นทำให้เขาเกิดความสงสัยว่าหวงโฮ่วนางจะไปที่นั่นทำไม
เมื่อคิดไปก็ไม่ได้คำตอบเขาจึงเร่งสะสางฎีกา เพื่อไปดูให้เห็นกับตาว่าตอนนี้นางทำสิ่งใดอยู่กันแน่
แปลกแต่จริงทำไมนะเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับนางอย่างประหลาด และรู้สึกเหมือนนางมีแรงดึงดูดที่ทำให้เขาอยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆนาง ทำไมนะ...
.
.
.
หลังจากสะสางฎีกาเสร็จสิ้น หวงตี้ก็เสด็จมายังตำหนักเหิงเยว่ของหวงโฮ่ว และตรงไปดูบริเวณริมทะเลสาบลู่เจ๋อ ทันทีเพื่อดูว่าตอนนี้นางทำอะไรอยู่
ทีแรกหวงตี้จะทรงมองอยู่ไกลๆ เท่านั้นแต่พอมองเข้าไปกลับมองไม่เห็นอะไรนอกจากมู่ลี่ไม้ไผ่กันแดดเท่านั้น จึงทรงเดินเข้าไปดูในศาลาด้วยพระองค์เอง
เหล่านางกำนัลเมื่อเห็นหวงตี้เสด็จมาก็จะเข้าไปปลุกหวงโฮ่วที่ทรงบรรทมหลับบนกองหมอนในศาลา แต่ก็ถูกหวงตี้ห้ามเอาไว้
หวงตี้มองภาพตรงหน้าอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก หญิงสาวผู้เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน เป็นภรรยาของเขากำลังนอนหลับฝันหวานกอดก่ายหมอนหลายใบอย่างมีความสุข หวงตี้เห็นดังนั้นจึงขึ้นไปนอนบนกองหมอนข้างๆ กายของร่างบางที่นอนหลับอยู่ก่อนแล้ว
ชิงหลิงนอนหลับสบายอยู่บนกองหมอนในศาลา อยู่ดีดีก็รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างมาเบียดตนเองทำให้รู้สึกอึดอัดรำคาญ จึงพลิกกายหันหน้าหนี ทำให้หวงตี้ที่รอโอกาสอยู่แล้วแทรกกายเข้านอนเคียงข้างนางในศาลาริมทะเลสาบลู๋เจ๋อ
ชิงหลิงลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษผู้หนึ่ง ด้วยความตกใจชิงหลิงจึงถีบคนตรงหน้าตกลงมาจากเก้าอี้เอนนอนอย่างแรง แต่เมื่อฟังจากเสียงคุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงกันของเหล่านางกำนัลและขันที ก็เดาได้ไม่ยากว่าผู้ที่ร่วงลงไปกองกับพื้นนั้นเป็นใคร
ชิงหลิงเสียดายยิ่งนักถ้ารู้ว่าเป็นหวงตี้จะถีบให้แรงกว่านี้ด้วยความสะใจ แต่ชิงหลิงก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เธอเดินลงจากเก้าอี้เอนนอนคุกเข่าเพื่อขอรับโทษที่ทำร้ายพระวรกายขององค์หวงตี้
"หม่อมฉันสมควรตาย ขอหวงช่างโปรดลงอาญาด้วยเพคะ" ชิงหลิงคุกเข่าก้มหน้าสำนึกผิด แอบเบะปากมองบนในใจ หวงตี้ทรงมานอนกอดตนในศาลาตั้งแต่เมื่อไหร่กันทำไมมิมีผู้ใดปลุกเธอเลย ชิงหลิงคิดในใจกลับไปตำหนักคราวนี้คงต้องอบรมนางกำนัลชุดใหญ่
เจิ้งหลี่ที่ถูกถีบตกลงมาลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเลพร้อมทั้งมองชิงหลิงด้วยจนคำพูดไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อนางดี
"เจิ้นไม่เป็นอันใดแล้ว แค่เจ็บเล็กน้อยหวงโฮ่วอย่าได้ใส่ใจคิดมาก เดี๋ยวจะไม่สบายไปเสียเปล่าๆ " เจิ้งหลี่กล่าวประชดประชันชิงหลิง โดยพูดไปขำไป
ชิงหลิง รู้ว่าหวงตี้ทรงกล่าวประชดเธอ เธอจึงมองค้อนใส่หวงตี้ไปวงหนึ่ง ด้วยความหมั่นไส้ ฝ่ายหวงตี้เมื่อโดนค้อนจากหญิงงามก็ให้คันในหัวใจยุบยิบ แต่ก็ทำอันใดไม่ได้นอกจากถอนหายใจ แล้วเดินออกจากศาลาเพื่อกลับตำหนักหยางหลิว นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับอย่างเป็นสุขเช่นนี้เจิ้งหลี่คิดในใจ แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าก่อนจะหันมากล่าวแก่หวงโฮ่วที่รักยิ่งของตนเองเป็นการหยอกเย้า
"เจิ้นไปก่อนนะ จะต้องไปจัดการกับฎีกาที่ขุนนางเสนอมา แล้วคืนนี้เจิ้นจะแวะไปหา" พูดพลางเดินออกจากศาลาไปด้วยความรู้สีกเปรมปรีด์ ต่างจากคนในศาลาที่แทบอยากจะกระโดดเต้นเร่าๆ ด้วยความขัดใจ เขาจงใจกวนประสาทเธอรับสั่งเหมือนขออนุญาต มีอย่างที่ไหนหวงตี้ขออนุญาติหวงโฮ่วแต่แท้จริงคือจะบอกว่าจะมาค้างที่ตำหนักเธอให้เธอหงุดหงิดเล่น ฮึยย....

คิดได้ไง ชิงเอ๋อร์ จะพากันตายยกตระกูลนะคะ หุหุ ????????????
ฮ่องเต้อ่ะ ทำร้ายมีโทษประหาร
ชิวิต -ชีวิต
อภิเสกสมรส-อภิเษกสมรส
ขบวณ-ขบวน
ฝรรดี-ฝันดี (บทที่แล้ว)