My Teacher My Idol แด่คุณครูผู้ไม่มีวันลืมเลือน
ถ้าวรรณกรรมเรื่องหนึ่งทำให้ฉันเปลี่ยนไปได้ ฉันก็ไม่แน่ใจซะแล้วว่าคนที่ทำให้ฉันเปลี่ยนไปโดยใช้วรรณกรรมเป็นสื่อกลางบางทีอาจจะเป็นหนึ่งในตัวแทนผู้วิเศษก็ได้ ผู้วิเศษที่ถูกเรียกว่าแม่พิมพ์แห่งชาติ
ผู้เข้าชมรวม
395
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คุณคิดว่าเด็กอายุประมาณ 7-8 ขวบจะไม่เคยพูดจาดูถูกเหยียดหยามเป็นใช่ไหม คุณผิดแล้วล่ะ เพราะฉันอัจฉริยะเรื่องนี้มานานมากแล้ว จนกระทั่งในตอนนั้นที่ฉันพบคนๆหนึ่ง ที่สอนในสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้ ปลูกฝังในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำได้ และทำให้ฉันเสียใจที่เคยดูถูก อาชีพที่ถูกเรียกว่า แม่พิมพ์แห่งชาติ
ปีนี้ฉันสมัครเข้าชมรมภาษาไทย (ตอนนั้นฉันอยู่ ป.5) โดยที่ไม่รู้ว่ามีครูใหม่เข้ามาเป็นครูประจำชมรมพอดี คนๆนั้นก็คือ ครูอรทัย ฉันเจอหน้าครูครั้งแรกตอนที่ครูกำลังดุคนที่ส่งเสียงดังในห้องสมุดอยู่ แต่ฉันก็ยังที่จะเดินเข้าไปหาและถามอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ (เหตุผลโดยส่วนตัวคือฉันชอบเอาชนะคน) ในตอนนี้ครูอรทัยลดน้ำเสียงลงจากในตอนแรกและก็ตอบคำถามฉันที่ละอย่าง จนฉันไม่มีปัญญาจะหาเรื่องมาคุยต่อแล้ว แต่ในตอนนั้นเองที่ฉันนึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่ฉันเคยดูมานานแล้ว แล้วฉันก็เอ่ยมันออกมา “แล้วคุณครูรู้จักเรื่อง แฮร์รี่พอตเตอร์ บ้างมั๊ยคะ” และนี่คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
หลังจากนั้นเป็นต้นมาฉันก็เข้าห้องสมุดเป็นว่าเล่น ว่างก็ไป ไม่ว่างก็ยังไป ไปทุกๆวัน ในตอนที่ไปน่ะฉันก็ชอบไปคุยกับครูอรทัยอยู่เรื่อยๆเพราะครูมีเรื่องสนุกสนานมากมายที่ฉันไม่เคยได้ยินมาเล่าให้ฟัง รวมถึงหนังสือต่างๆที่มีกลิ่นอายของเวทมนตร์ มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับพ่อมดผู้ไม่ชั่วร้าย อัศวินที่ไม่ขี่ม้าขาว เจ้าหญิงแสนงามแต่ดื้อรั้น และอื่นๆอีกมากมาย ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าเรื่องพวกนี้อัศจรรย์แค่ไหน โดยเฉพาะการที่ฉันอ่านเองมันช่างเหมือนกับฉันได้เข้าไปในโลกนั้นจริงๆ แต่วลีที่ว่า ‘ในเมื่อมีวันพบก็ต้องมีวันจาก’ก็ยังคงทำงานได้ดีเสมอ ในเมื่อตอนนี้ฉันเรียนจบ ป.6 แล้ว สอบโรงเรียนอื่นติดแล้ว ลาก่อนลาขาดกับโรงเรียนนี้แล้ว แต่น่าแปลกที่ฉันกลับรู้สึกโหวงๆอย่างบอกไม่ถูก ทำไมล่ะในเมื่อไม่มีอะไรที่จะน่าสำราญไปกว่านี้การที่ฉันจะได้ออกไปจากรั้วแห่งนี้อีกแล้ว หรือว่าคนๆนั้นทำให้ฉัน...เปลี่ยนไป
วันนี้คือวันที่ฉันกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเป็นครั้งแรกหลังจากที่สอบติดที่อื่น ฉันหวังว่าฉันจะได้พบกับครูอรทัยอีกเพราะฉันมีเรื่องที่ฉันอยากจะเล่าให้ฟังอยู่เยอะแยะ อยากจะบอกครูว่าที่ฉันทำได้ก็เพราะครูและครูให้ฉันรักหนังสือ ให้ฉันเข้าใจว่าการยิ้มอย่างไม่เสแสร้งนั้นมันมีความสุขมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างกับต้องพังทลายเมื่อคนที่ฉันกำลังหาไม่อยู่ที่นี่แล้ว ไม่ใช่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว ฉันรู้สึกเหมือนกำลังค้างเติ่งอยู่ระหว่างห้วงอวกาศ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย จนกระทั่งเพื่อนสนิทของฉันนำสิ่งที่ครูฝากไว้ให้ก่อนไปมาให้ ‘ต้อยติ่งเด็กหญิงช่างฝัน’ หนังสือที่ฉันเคยให้ครูยืมไป และมันก็ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ว่าคนเราจะเป็นยังไง อายุเท่าไรแต่ก็ยังคงที่จะอยากไล่ตามความฝันของตัวเองอยู่เสมอ ตอนนี้ไม่มีครูที่ชื่ออรทัยมาเล่านิทานและตอบคำถามพิศดารแปลกประหลาดของฉันอีกต่อไปแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องยืนด้วยขาของตัวเอง จะไม่มีใครจะมาค้ำจุนฉันอีกนอกจากตัวฉันเอง ฉันรู้สึกขมขื่นเมื่อนึกถึงมัน แต่ตอนนั้นเองที่มีคำพูดคำหนึ่งแวบเข้ามาในหัวสมองของฉัน มันคือคำพูดของครูอรทัย ‘เชื่อในโชคชะตาเถอะโลกนี้กลมอยู่เสมอ’ ฉันจึงอดหัวเราะไม่ได้ เพื่อนฉันจึงถามฉันว่าฉันหัวเราะอะไร ฉันจึงตอบไปว่า “ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดว่าโลกนี้น่ะมันไม่ได้เบี้ยวหรอกมันกลมอยู่เสมอ”จนฉันเห็นคิ้วของเพื่อนขมวดจนเป็นโบว์ ฉันจึงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ Harrynaki ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Harrynaki
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น