ตอนที่ 30 : ดวงใจ 100%
Chapter 25
ดวงใจ
หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านไปไม่นาน ตอนนี้แบมแบมกลายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ไปเสียแล้ว แถมสายรหัสเขายังหายไปตั้งหนึ่งคน เพราะพี่ยูคตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อที่จะได้ควบคุมดูแลพรรคทางนู้นด้วย
แบมแบมยังคงใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ส่วนที่เปลี่ยนไปตอนนี้คือเขามีพี่ชายเพิ่มเข้ามาอีก 2 คน พี่ชายที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร พี่ยูคและพี่แจ็คสันนั่นเอง แบมแบมต้องจัดสรรเวลาระหว่างอเมริกาและฮ่องกงจนปวดหัวเชียวล่ะ เพื่อไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องน้อยใจ ใครจะไปคิดว่าพี่ๆที่มีตำแหน่งใหญ่โต ปกครองคนตั้งมาก จะมานั่งน้อยใจกับการที่น้องชายกำมะลออย่างเขาไม่ยอมบินไปหาเวลามีวันหยุด แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับแบมแบม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไรหรอก มันเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งในชีวิตของแบมแบม ดีมากๆ เลยล่ะ
นอกจากพี่ยูคที่หนีแบมแบมไปเรียนไกลถึงฝั่งตะวันตกแล้ว เพื่อนสนิทเขาอีกคนก็หนีเขาไปเรียนต่อฮ่องกงด้วย แถมยังพ่วงตำแหน่งคนรักของนายน้อยแห่งเกาะฮ่องกง เดินไปไหนก็มีแต่คนเรียกอาซ้อๆ ดูน่ารักจริงเชียว
แต่ถึงคนสนิทแบมแบมจะหนีไปต่างประเทศถึงสองคน แบมแบมก็ไม่เหงาหรอก เพราะตอนนี้เขามีพี่มาร์คที่คอยอยู่เคียงข้างแล้วล่ะ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนใครๆ ก็บอกอย่างนี้ แน่นอนว่าเขากับพี่มาร์คก็เช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนก่อน
“ผมขออนุญาติคบกับคุณหนู”
“มึง!! อย่าคิดว่ากูอ่อนลงแล้วกูจะยอมให้มึงคบกับน้องแบม!”
“พี่บี…”
“คนอย่างมึงจะเอาอะไรมาดูแลน้องกูมาร์คัสจะพาน้องกูไปลำบากกับมึงอย่างนั้นหรือ” อิม แจบอมแค่นเสียงดูถูก
“ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น” มาร์คัสเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น
“ยังไง?” แจบอมถามหยั่งเชิง
“ให้เวลาผมสิ แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น”
“หึ! นานเท่าไหร่ล่ะ” เขาเอ่ยดูถูกอีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง เขาก็อยากจะรู้นักว่านักฆ่าในเงามืดแบบมาร์คัสจะไปได้ไกลสักกี่น้ำ
“3 ปี ผมขอเวลาแค่ 3 ปี”
“ได้สิ!”
.
.
“แต่ถ้านายทำไม่ได้ฉันขอน้องชายของฉันคืน”ประมุขตระกูลอิมว่าด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“พี่บี…”
“ไม่มีวันนั้นแน่นอน”
“แล้วฉันจะคอยดูมาร์คัส” เขาว่าเสียงลอดไรฟันอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ยิ่งเห็นสายตาของมันเขาก็ยิ่งไม่ชอบใจ
“เตรียมยกน้องชายให้ผมได้เลย แล้วเมื่อถึงเวลานั้นผมจะมารับคนของผมคืน” มาร์คัสว่าอย่างถือดี
แบมแบมนึกยิ้มขำเมื่อคิดถึงวันที่พี่มาร์คขอลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดแถมยังอาจหาญขอคบเขากับพี่ชายแบบที่ไม่มีใครกล้าอีกด้วย
หลังจากพี่แจบอมยอมรับคำท้าของพี่มาร์ค ชายหนุ่มก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดส่วนตัวของตัวเอง และทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์แบมแบมก็มักจะคอยแวะเวียนมาดูแลชายหนุ่มอยู่เสมอ คิดมาถึงตรงนี้แล้วริมฝีปากอิ่มก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ มือบางยกสมาร์ทโฟนเครื่องหรู ขึ้นมากดโทรออกหาคนที่เขาแสนคิดถึงทันที
Place : Tuan Property Co.,Ltd.
*RRR*
เสียงสมาร์ทโฟนเครื่องหรูเรียกความสนใจจากชายร่างสูงได้เป็นอย่างดี ใบหน้าเคร่งเครียดละออกจากกองเอกสาร กวาดมือไปลวกๆ เพื่อหยิบสมาร์ทโฟนสีดำของตัวเองที่วางอยู่ด้านใต้กองกระดาษ ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะผุดยิ้มพราย
“สวัสดีค-”
“ทำไมรับช้าาา น้องแบมรอนานแล้วนะ ทำอะไรอยู่ครับ” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้เอ่ยทักทายดี ปลายสายก็รีบแย้งเสียงใส
“พักหรือครับ” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม มุมปากประดับรอยยิ้มเอ็นดู ในขณะที่ในหัวฉายภาพคนปลายสายไม่หยุดหย่อน
“อื้อ น้องแบมพักกลางวัน มีคลาสอีกทีบ่ายโมง พี่มาร์คล่ะครับ พักหรือยัง” แบมแบมถามเสียงใสผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องหรู แต่สิ่งที่ถามกลับทำให้คนที่อยู่ปลายสายถึงกับเหงื่อตกเสียนี่
“คือพี่…” มาร์คัสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จู่ๆ ก็รู้สึกลำคอแห้งผาก เหงื่อเม็ดโตผุดพรายอยู่ตามกรอบหน้า
“ยังไม่ได้พักสินะครับ” ร่างเล็กตอบให้เสียงเรียบ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ดวงตาคมกริบหลุกหลิกไปมาราวกับกำลังหาทางออก นี่เอกสารที่กองอยู่ตรงหน้ายังไม่น่าเครียดเท่าเสียงเรียบๆของคนรักเลยสักนิด
“คือว่า…” กว่ามาร์คัสจะเริ่มตอบกลับ คนปลายสายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียแล้ว
“อย่าโหมงานหนักสิครับ น้องแบมเป็นห่วงนะ” แบมแบมว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงระคนเศร้าใจ
“...” เขาถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่อยากให้อีกคนต้องเป็นห่วง มาร์คัสจึงไม่เคยเอ่ยปากว่าตัวเองทำงานหนักขนาดไหน เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พี่ชายของคนรักเห็น
“ถ้าพี่มาร์คต้องลำบากเพื่อน้องแบมขนาดนี้ น้องแบมจะไปบอกพี่บี ว่าไม่ให้-”
“อย่านะครับ! ได้โปรด…” เขาวอนขอ
แบมแบมมีทุกอย่างเพียบพร้อมมาตั้งแต่เกิด ไม่ว่าจะเป็น ฐานะ หน้าตาทางสังคม ชาติตระกูล หรือการศึกษา คุณแจบอมไม่เคยให้คุณหนูแบมแบมต้องรู้สึกลำบากหรือขาดตกบกพร่องเลยสักนิด แล้วแบบนี้มาร์คัสจะยอมได้อย่างไร
“...”
“ผมไม่ได้ทำเพื่อแบมแบมเพียงคนเดียวนะครับ แต่ผมทำเพื่อเราผมอยากจะพิสูจน์ให้แบมแบมและคุณแจบอมเห็นว่าคนอย่างผมดูแลแบมแบมได้จริงๆ” แบมแบมจะต้องไม่ลำบากที่มาคบกับเขามาร์คัสเก็บกลืนคำนั้นลงคอเพราะรู้ว่าคนรักต้องไม่ชอบใจแน่
ตัวเขานั้นแทบไม่มีอะไรเพียบพร้อมเลยสักอย่าง เขาหรือ...ก็แค่เด็กกำพร้า เด็กส่งยา มัจจุุราชที่ใครๆ ก็ตามหยิบยกความชั่วร้ายนี้ให้กับเขา แล้วแบบนี้...มาร์คัสจะยอมได้อย่างไร จะให้คนรักของคุณหนูขึ้นชื่อว่าเป็นมัจจุราชอย่างนั้นหรือ หึ!ไม่มีทางเสียหรอก เขาจะต้องลบชื่อนี้ออกไปจากวงการให้ได้
เขาอยากจะเป็นแค่มาร์คัส...มาร์คัส ต้วน ผู้ชายที่เพียบพร้อมในทุกด้านและสามารถดูแลแบมแบมได้มากกว่าชายที่ขึ้นชื่อเรื่องปลิดชีพคนอื่นแบบนั้น เขาอยากจะเป็นคนที่เหมาะสมกับคุณหนูตระกูลอิม คนที่สามารถตะโกนบอกใครต่อใครว่าแบมแบมเป็นคนรักของเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ และแบมแบมจะต้องไม่เสียเกียรติที่ได้เดินเคียงข้างคนอย่างเขา
“อย่ากังวลไปเลยครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” เขาเอ่ยปลอบคนตัวเล็กที่เงียบไปนาน
แบมแบมถอนหายใจหนัก ยอมละทิ้งอารมณ์หลายๆ อย่างไว้เบื้องหลัง แม้อยากจะโกรธ อยากดุ อยากด่า คนที่ไม่ยอมดูแลตัวเองแบบนี้ แต่เพราะไม่อยากให้เราทะเลาะกัน แค่เรื่องงานพี่มาร์คก็คงจะเครียดแย่ ไม่อยากให้ต้องมาเครียดเรื่องน้องแบมอีก
แบมแบมจึงยกความเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นเป็นที่หนึ่ง และเพราะอย่างนี้ไงล่ะ มาร์คัสถึงไปไหนไม่รอด
“งั้น...ไปทานข้าวเลยครับ วิดิโอคอลมาให้ดูด้วย ไม่อย่างนั้นน้องแบมจะโกรธ” แบมแบมขู่เสียงใส
“โธ่…” แล้วอย่างนี้มาร์คัสจะทำอะไรได้นอกจากทำตามคำสั่งของคนตัวเล็กน่ะ
#บอดี้การ์ดมบ
*ก็อก ก็อก*
“เชิญ”
“กาแฟค่ะบอส”
“ขอบคุณครับ” เขาเอ่ยขอบคุณเลขาของตัวเองพลางมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยของตนเล็กน้อย
“โหมงานหนักอีกแล้วนะคะ”
“อยากเคลียร์ให้เสร็จน่ะครับ วันนี้วันเสาร์”
“คุณแบมแบมหยุดสินะคะ เธอรู้ไหมคะ ว่าบอสไม่ค่อยได้นอน” เธอว่าอย่างเป็นห่วง ถึงแม้บอสจะไม่ได้บอกใคร แต่เธอทำงานกับชายหนุ่มมาหลายเดือน หลายๆครั้งที่เธอสังเกตุเห็นว่าบอสมักจะอีเมลงานมาหาเธอเวลาที่คนอื่นหลับเสมอ คนอื่นในที่นี่ไม่ใช่แค่เธอ แต่รวมถึงคุณแบมแบมก็ด้วย บางวันหนักหน่อยอีเมลมาตอนตี 3 ตี 4 นั่นหมายความว่าบอสมักจะตื่นขึ้นมาทำงานอีกครั้งหลังจากคุณแบมแบมหลับสนิทไปแล้ว
“บอสไม่นอนมากี่วันแล้วคะ”
“ผมนอนนะครับ” เขาแย้ง เขานอนบ้างแหละตอนที่กล่อมคนรักเข้านอน ส่วนหลังจากที่แบมแบมหลับไปแล้วนั่นก็อีกเรื่อง
“2-3 ชั่วโมงเค้าไม่เรียกว่านอนหรอกค่ะ สำหรับบอสคงเรียกว่าพักสายตา” เขาแสร้งเป็นไม่สนใจคำพูดของเลขาสาว เขาโบกมือไล่เมื่อขี้เกียจฟังคำบ่นของเธอ
จีมินเป็นเลขาที่อยู่กับเขาตั้งแต่เปิดบริษัท เด็กสาวเป็นคนที่ลิซ่า คุณหมอเถื่อนส่งมาช่วยเขาหลังจากรู้เรื่องพิสูจน์ตัวเองของเขา แน่นอนว่าประวัติของจีมินย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่ เขายังจำเหตุผลของคุณหมอเถื่อนได้เป็นอย่างดีตอนที่ขอร้องเขารับจีมินเข้าทำงาน ‘ฉันไม่อยากให้จีมินเป็นเหมือนฉันมาร์คัส’ เพราะเหตุผลนี้เขาจึงรับเด็กสาวเข้าทำงานโดยไม่ลังเล และคงเป็นโชคดีของเขาที่จีมินทำงานเก่งและเป็นมืออาชีพมาก จนเบาแรงเขาได้เยอะพอควร
มาร์คัสยังคงโหมงานหนักเหมือนทุกวัน เขาอยากจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนที่จะกลับไปใช้เวลากับคนรัก เขาไม่อยากให้แบมแบมเป็นห่วง ทุกครั้งเขาจึงแสร้งทำเป็นว่าตัวเขาไม่ได้ทำงานหนัก
แต่มาร์คัสคงลืมไปว่าตัวเขานั้นเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง มีเลือดเนื้อเชื้อไข ต่อให้พยายามปกปิดความเหนื่อยล้ามากเพียงใด แต่ร่างกายนั้นกลับแสดงออกมาเสียชัดเจน
*ก็อก ก็อก*
“บอสยังไม่กลับอีกหรือคะ” ไม่ทันได้เอ่ยอนุญาตหญิงสาวหน้ากลมก็โผล่หน้ามาถามเสียแล้ว เขาเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังเล็กน้อย และพึ่งจะรู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยไปถึง 2 ทุ่มแล้ว
“อืม...วันนี้ผมกลับดึก บอก รปภ. ให้ผมด้วย”
“...”
“คุณจีมินกลับเลยก็ได้ครับที่บ้านคงรอแย่” เขาบอกอย่างใจดี
“เฮ้อ...ค่ะบอส อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ งั้นจีมินกลับก่อนนะคะบอส” จีมินเอ่ยเตือนผู้มีพระคุณอย่างเป็นห่วง
“ครับ” เขาตอบเลขาโดยไม่ละสายตาจากเอกสารเลยสักนิด
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนเสียแล้ว มาร์คัสคว้าสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นดูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบิกตาค้างเมื่อพบว่ามีกว่า 100 misscall ที่เขาไม่ได้รับและเป็นเบอร์ของคนรักทั้งหมด! มือหนายกขึ้นตบหนาผากตัวเองแรงๆ
“ทำไมถึงลืมเปิดเสียงได้วะ!” เขาคำรามในลำคอ ตอนกลางวันหลังจากเขาวิดิโอคอลทานข้าวกับแบมแบมเสร็จ เขาก็โดนคุณเลขาลากเข้าประชุมด่วน มาร์คัสเลยเลือกปิดเสียงมากกว่าปิดโทรศัพท์เผื่อแบมแบมมีธุระด่วนอะไรจะได้ไม่ติดขัด แต่ว่าพอออกจากห้องประชุมมาเขาก็ลืมเสียสนิทว่าตัวเองปิดเสียงไว้
“เวรเอ้ย!” มาร์คัสยังคงสบถไม่หยุดอย่างนึกหงุดหงิดตัวเอง ป่านนี้คนตัวเล็กจะงอนเขาขนาดไหนกัน จะทานข้าวแล้วหรือยังนะ หรือยังรอเขาอยู่ คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ผละตัวออกจากเอกสาร คว้ากุญแจรถและโทรศัพท์เพื่อกลับบ้านทันที ทว่า...
*ตุบ*
“อ่า...แย่จริงๆ เชียว” เขาบ่นพึมพำในลำคอ เมื่อจู่ๆ ก็หน้ามืด ร่างกายโงนเงนล้มกระแทกพื้นเสียงดัง เขาพยุงตัวลุกอย่างลำบาก มือหนาจับขอบโต๊ะมั่นเพื่อช่วยพยุงตัวลุก แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ สงสัยเขาจะนอนไม่พออย่างทีคุณจีมินว่าจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ เวลาสามปีกำลังกระชั้นชิดเข้ามามากแล้ว
#บอดี้การ์ดมบ
*แกร็ก* มาร์คัสพยายามเปิดประตูอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่รออยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ไปทำไม
เขาถอดสูทและเน็กไทออกพาดแขน ขายาวก้าวไปตามแสงไฟสีนวลที่ส่องสว่างมาจากทางห้องครัว
มาร์คัสก้าวเร็วๆ ไปด้วยความร้อนรนอยู่ในใจ กลัวว่าคนที่รอกันอยู่จะโกรธเคืองกันจนหนีหายไปเสียแล้ว หากแต่เขาก็ต้องชะงัก ดวงตาคมกริบวูบไหวกับภาพที่เห็น มาร์คัสรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนที่แย่มากจริงๆ ที่ต้องมาเห็นภาพนี้
ร่างสูงค่อยๆเดินเข้าใกล้กับโต๊ะอาหาร ยิ่งเห็นบรรดาอาหารที่คนตัวเล็กทำให้เสียเต็มโต๊ะเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด จานชามที่มีข้าวสวยร้อนๆ กับแกงอุ่นๆ ในตอนนี้คงเย็นชืดไปหมดแล้ว มันถูกซีลไว้อย่างดีเพื่อกันแมลงและสิ่งไม่พึงประสงค์มาโดนมัน ปลายหัวโต๊ะ มีร่างบางในชุดนักศึกษานอนหลับตาพริ้มหนุนแขนตัวเองอยู่
“แบมบะ-” เขาเอื้อมมือไปปลุกคนตัวเล็กแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าอีกฝ่ายตัวเย็นเฉียบเสียจนเขาใจคอไม่ดี แบมแบมนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารมานานแล้วจนหลับไป มาร์คัสรู้สึกว่าก้อนเนื้อที่อยู่ในอกถูกบีบรัดเสียจนเจ็บ เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ย้ำๆอยู่ในใจไหนบอกว่าอยากจะเป็นคนที่ดูแลแบมแบมได้เป็นอย่างดี แต่นี่กลับ…
“อือ…” แบมแบมงัวเงียลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ
“พี่มาร์ค กลับมาแล้วหรือครับ” แบมแบมถาม แม้จะงัวเงียอยู่แต่อีกฝ่ายก็ไม่ลืมจะส่งยิ้มหวานมาให้กับเขา
“...”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” แบมแบมถามอย่างเป็นห่วง เมื่ออีกฝ่ายมีสีหน้าแย่มากจริงๆ
“เปล่าครับ แบมแบมมานานหรือยัง”
“ฮื้อ ไม่นานหรอก” ร่างเล็กยิ้มหวานปฏิเสธส่ายหัวไปมา และนั่นยิ่งทำให้มาร์ครู้สึกแย่มากจริงๆ มีคนเคยบอกหรือเปล่านะว่าแบมแบมโกหกอะไรไม่เก่งเลย
“พี่มาร์คทานข้าวมาหรือยังครับ”
“ยังครับ” เขาตอบพลางทรุดนั่งเก้าอี้ข้างๆคนตัวเล็ก
“ดีเลย น้องแบมรอทานข้าวพร้อมพี่มาร์ค” แบมแบมยังคงพูดเจื้อยแจ้วสดใส มาร์คัสกลืนก้อนสะอื้นขมๆที่มาจุกอยู่ตรงคอลงไป
แย่...มาร์คเป็นคนรักที่แย่จริงๆ
แย่ที่ปล่อยให้แบมแบมต้องรอ ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดว่าจะดูแลอีกฝ่ายอย่างดี ถ้าแบมแบมไม่สบายขึ้นมาเขาจะไม่โทษใครเลย นอกจากตัวเขาเองที่ดูแลคนๆนี้ไม่ดี
“วันหลังอย่ารอนะครับ ถ้าเย็นมากแล้วก็ทานข้าวได้เลย” ถ้าไม่สบายเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาเขาจะทำยังไง มือหนากอบกุมมือเล็กไว้ นิ้วยาวลูบไล้บนหลังมือไปมาอย่างนึกเป็นห่วง
“จะให้น้องแบมทานก่อนได้ยังไงครับ พี่มาร์คยังไม่ได้ทานเลย น้องแบมเป็นห่วง”
“ไม่ใช่แบมแบมที่เป็นห่วงผมคนเดียวเสียหน่อย ผมก็เป็นห่วงแบมแบมนะ อย่าใจร้ายกับร่างกายที่ผมรักแบบนี้สิครับ” เขาละมือออก ก่อนจะส่งทั้งสองมือขึ้นประคองพวงแก้มนุ่ม
“ใบหน้านี่ก็ของผม” เขาว่า พลางไล้นิ้วเรียวไปตามพวงแก้มนุ่ม จนแบมแบมเอียงคอเข้าหานิ้วหนาราวกับลูกแมวตัวน้อย
“จมูกนี่ก็ของผม” นิ้วเรียวแตะลงบนปลายจมูกรั้น ดวงตาคมกริบทอประกายลึกล้ำเสียจนคนมองต้องหลุบตาต่ำ และนั่นทำให้ใครอีกคนเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ดวงตานี่ก็ของผม” เขาประทับจูบลงบนเปลือกตาสีมุกของอีกฝ่าย และ
“ริมฝีปากนี่ก็ของผม” เขาว่าเสียงพร่า ก่อนที่ริมฝีปากบางจะกดลงบางเบาบนริมฝีปากอิ่ม
“อื้อ” แบมแบมย่นคอหนีสัมผัสเปียกชื้นตรงริมฝีปาก ใบหน้าหวานแดงซ่าน ลามเลียไปถึงใบหูเล็กดูน่ารักเสียจนมาร์คัสอดใจไม่ไหว ต้องดึงรั้งร่างเล็กมานั่งกับตน
แบมแบมตัวปลิวไปกับอ้อมแขนหนา ขาเล็กวาดเท้าคร่อมตักแกร่ง ยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย ในขณะที่มาร์คัสก็ส่งลำแขนหนาโอบรอบเอวบางเพื่อป้องกันอีกฝ่ายจะร่วงหล่นไป สัมผัสที่แสนคุ้นเคยและท่วงท่านั่งแสนหมิ่นเหม่ชวนหวาดเสียวไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนรู้ตัวเลยสักนิด มีเพียงลมหายใจร้อนที่ส่งเสียงดังหืดหาดชวนเขินกับเสียงเฉอะแฉะที่ดังจ๊วบจ๊าบยามทั้งคู่บดจูบร้อนแรงเข้าใส่กัน
จนกระทั่ง…
“จ๊อก…” เสียงกระเพาะที่ครวญครางดังลั่นของเด็กหนุ่มนั่นแหละที่ทำให้มาร์คัสต้องผละจูบออก แบมแบมหอบแฮ่กมุดหน้าลงกับอกแกร่ง ไม่รู้ว่าเขินหรืออายกันแน่ที่ตัวเองท้องร้องเสียงดังลั่น จนมาร์คัสอดยกยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้
“หิวหรือเปล่าครับ มาทานข้าวกันเถอะนะ” เขาเอ่ยชวนเสียงนุ่ม ก่อนจะยกร่างบางลงจากตัก มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าคมของตัวเอง ราวกับต้องการระงับอารมณ์บางอย่างที่กำลังปะทุในร่างกาย
นานแค่ไหนกันที่เขาไม่ได้ปลดปล่อย เพราะโหมงานหนักมานานจนลืมเรื่องอย่างว่าไปเสียหมด พอแตะต้องตัวคนรักเข้าหน่อยอารมณ์ก็ถูกพัดพาเสียจนสูงลิ่ว นึกแล้วก็ขอบคุณเสียงท้องร้องของแบมแบมจริงๆ ไม่อย่างนั้นมาร์คัสคงคิดไม่ออกจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“อะ อื้อ มันเย็นหมดแล้วครับ นะ น้องแบมไปอุ่นให้ก่อนนะ” แบมแบมพูดตะกุกตะกักด้วยความเขินอายก่อนจะวิ่งฉิวเข้าไปในห้องครัว และไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็ต้องวิ่งออกมาที่โต๊ะอาหารใหม่จนได้ เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเขินอายจนลืมหยิบกับข้าว เข้ามาอุ่นเสียนี่
“แหะๆ น้องแบมลืมกับข้าว” แบมแบมหัวเราะแห้งๆ ไม่กล้าสบตาคนรัก
“พี่ช่วยครับ” มาร์คัสอาสา หากแต่อีกคนกลับหลุบตาต่ำ พูดอ้อมแอ้มสั่งเขาในลำคอเสียงเบาจนร่างสูงถึงกับไปไม่เป็น
“เอ่อ...พะ พี่มาร์ค ปะ ไปเข้าห้องน้ำเถอะครับ ดะ เดี๋ยวเรื่องข้าวเย็น นะ น้องแบมจัดการเอง งื้ออ”
#บอดี้การ์ดมบ
มื้อเย็นที่แสนขัดเขินผ่านไปอย่างทุลักทุเล ไม่สิ จะเรียกว่ามื้อเย็นก็คงไม่ถูกเรียกว่ามื้อดึกคงจะดีกว่า ในเมื่อกว่าพวกเขาจะลงมือทานข้าวก็ปาไปตีหนึ่ง ไหนจะอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนอีกก็ปาไปตี 3 แล้ว
พวกเขาเข้านอนทันทีเพราะดึกมากแล้วจริงๆ เขากอดคนตัวเล็กไว้แนบอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาไม่ขึ้นเสียแล้ว มาร์คัสนอนกอดแบมแบมเหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายมาค้างที่คอนโด เราไม่ได้แยกเตียงกันนอนและไม่ลดการสัมผัสแตะตัวกันด้วย เราทำเหมือนคู่รักทั่วไป เพียงแค่มาร์คัสไม่ยอมปล่อยอารมณ์ให้มันเกินเลยสักครั้ง
ร่างสูงผลอยหลับไปพร้อมกับคนตัวเล็กก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เขากวาดตามองนาฬิกาบนผนังก่อนจะพบว่าตอนนี้เป็นเวลาตี 5 เสียแล้ว ดวงตาคมกริบมองคนข้างกายที่ยังคงหลับสนิท ก่อนจะเอื้อมมือเปิดโคมไฟตรงหัวเตียง และหยิบเอกสารในลิ้นชักออกมาอ่าน ทุกอย่างทำอย่างเงียบเชียบแผ่วเบาราวกับกลัวว่าใครอีกคนจะตื่นมาเห็น
“อือ” แบมแบมงัวเงียลืมตาตื่นในรุ่งสางของวันนั้น เมื่อได้ยินเสียงพลิกกระดาษไปมา
“ขอโทษนะครับ พี่ทำให้ตื่นหรือครับ” มาร์คัสว่ามือหนาลูบหัวกลมราวกับจะกล่อมให้หลับต่อ
“ยังไม่นอนอีกหรือครับ” แบมแบมถาม ดวงตากลมกวาดมองห้องมืดๆที่เปิดแค่โคมตรงหัวเตียง กับร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนถือกระดาษอยู่ในมือ
“ทำไมอ่านหนังสือมืดๆแบบนี้ครับ”
“แบมแบมต้องนอนพี่ไม่อยากให้ไฟแยงตา”
“อ่า...งั้นก็หลับนะครับ ยังเช้ามากอยู่เลย” แบมแบมว่าเสียงงัวเงีย
“แปปนะครับ พี่ขออ่านข้อมูลหุ้นตัวนี้ก่อน”
“...”
*แหมะ* เสียงของเหลวหยดลงบนกระดาษเรียกความสนใจของแบมแบมได้เป็นอย่างดี
“พี่มาร์ค!!” ร่างเล็กร้องลั่นอย่างตกใจ รีบลุกขึ้น ตื่นเต็มตา
“เงยหน้าขึ้นครับ” มือบางประคองใบหน้าหล่อเหลาให้เงยขึ้นอย่างร้อนรน พี่มาร์คเลือดกำเดาไหล
“นอนก่อนนะครับ เดี๋ยวน้องแบมหาน้ำแข็งมาประคบให้” แบมแบมว่าพลางวิ่งไปยังห้องครัว
ดวงตาคมกริบมองตามร่างบางในชุดนอนน่ารักไปสุดสายตา เขาเลื่อนตัวลงนอนตามคำสั่งคนรัก ไม่อยากให้แบมแบมต้องลำบากอีก แย่จริงๆเชียว เขาทำให้แบมแบมต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
“ดีขึ้นไหมครับ” แบมแบมถามเมื่อเลือดหยุดไหลแล้ว
“ครับ…” เขาพยักตอบคนตัวเล็ก ก่อนมือหนาจะเอื้อมหากระดาษแผ่นบางอีกครั้ง
“พี่มาร์ค” แบมแบมปรามเสียงเรียบ เอื้อมตัวพาดผ่านร่างหนาเพื่อดึงกระดาษ
“นอนพักนะครับ” แบมแบมวาดขาผ่านเอวสอบ ก่อนจะนั่งคร่อมทับอีกฝ่าย ซุกตัวหลับตาพริ้มลงบนอกแกร่ง ราวกับโคอาล่าตัวน้อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะต้องหักห้ามใจมากเพียงใด ทำไมถึงชอบมาขยันยั่วเขาช่วงนี้จริงๆ เลยนะ
มาร์คัสยกมือโอบประคองเอวบางไว้ในอ้อมแขน นึกหมั่นเขี้ยววิธีการห้ามแสนน่ารักของคนตัวเล็ก เพราะแบมแบมไม่อยากให้เขาแตะต้องเอกสาร และต้องการให้เขานอนพักผ่อน อีกฝ่ายถึงได้พาตัวเองมานอนคร่อมทับเขาในท่วงท่านั่งแสนล่อแหลมแบบนี้ มาร์คัสรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้คิดอะไรนอกจากเหตุผลข้างต้นนั้น แต่เขานี่สิ…
“ลงไปนอนดีๆ เถอะครับ เดี๋ยวผมนอนกอดนะ”
“ฮื้ออ ไม่เอา เดี๋ยวพี่มาร์คก็ลุกมาทำงานอีก น้องแบมเป็นห่วงนะ รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องเห็นพี่มาร์คเป็นแบบนี้...” แบมแบมว่าเสียงอ่อน เมื่อเห็นดวงตาคมกริบที่แบมแบมหลงใหลดำคล้ำดูลึกโบ๋มากขึ้นทุกที
แบมแบมรู้...รู้มาตลอดว่าพี่มาร์คโหมงานหนักขนาดไหน ทุกครั้งที่มีเขาอยู่ที่คอนโด ร่างสูงมักจะแสร้งทำตัวปกติและเข้านอนพร้อมเขา แต่หลังจากเขาหลับพี่มาร์คก็มักจะลุกขึ้นมาทำงานต่อแบบนี้เสมอ
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”
“ไม่ใช่แค่พี่มาร์คที่เป็นห่วงน้องแบมคนเดียวเสียหน่อย น้องแบมก็เป็นห่วงพี่มาร์คนะ อย่าใจร้ายกับร่างกายที่น้องแบมรักแบบนี้สิครับ” ราวกับเดจาวูที่โต๊ะทานข้าวตอนช่วงดึกไม่มีผิดเพี้ยน
“ใบหน้าหล่อเหลานี่ก็ของน้องแบมนะ” มือบางลูบกรอบหน้าคมไปมา องศาไล้มือของเด็กหนุ่มไม่ต่างจากมาร์คัสเลยสักนิด
“ดวงตานี่ก็ด้วย” เขาประทับจูบลงบนเปลือกตาของชายหนุ่ม
“จมูกนี่ก็ด้วย” ประทับจูบลงบนปลายจมูก และ
“ริมฝีปากนี่ก็ด้วย” แบมแบมกดริมฝีปากแผ่วเบาลงบนปากบาง
“ร่างกายนี่ก็ด้วยของคนที่น้องแบมรักทั้งนั้น…” แบมแบมวาดแขนกอดร่างสูงไว้เต็มอ้อมแขน
“แบมแบม…” มาร์คัสครางเครือเมื่อได้รับสัมผัสอ่อนบางไร้เดียงสาจากคนตัวเล็ก
“อย่าทำร้ายมันสิครับ พี่มาร์คเจ็บน้องแบมก็เจ็บนะครับ” แบมแบมร้องขอ ซบหน้ากลมลงกับอกแกร่ง แบมแบมเสียใจนะที่พี่มาร์คต้องทำงานหนักเพื่อเขาขนาดนี้ โดยที่แบมแบมช่วยอะไรไม่ได้เลย
“พี่มาร์คขอโทษครับ” ร่างสูงเอ่ยตอบอย่างลุแก่โทษ เมื่อรู้ว่าตัวเองทำให้อีกคนเป็นห่วงมากขนาดไหน
“...”
“จะไม่ทำอีกแล้ว” เขาบอกพลางจูบกระหม่อมบางที่อยู่ในระยะสายตา
“ดีมากครับ” แบมแบมว่าพลางยกยิ้มกว้างให้อีกคนอย่างนึกดีใจ
“อืม…” มือหนาดึงรั้งดวงหนาหวานเข้ามาใกล้ชิด แนบความนิ่มหยุ่นเข้ากับริมฝีปากตัวเองอย่างแสนรัก แบมแบมแทบสำลักลมหายใจเมื่อถูกจูบกะทันหัน ปากเล็กเปิดออกปล่อยให้ลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความหวานในโพลงปาก ลมหายใจรินรดกันจนแบมแบมหน้าร้อนฉ่า
“พะ..พอแล้วครับ” แบมแบมดันตัวออกจากอกแกร่ง หอบหายใจแฮ่กตอนผละออกมาได้ หัวใจเต้นโครมครามอย่างห้ามไม่อยู่ หน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่อเสียจนน่ารัก มาร์คัสหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจในผลงานตน
“พี่มาร์ค...เอ่อ...ยะ...อยากหรือครับ” แบมแบมเอ่ยถามอย่างเขินอาย เพราะท่วงท่าล่อแหลมที่เขาคร่อมทับร่างสูงอยู่นั้น แบมแบมจึงสัมผัสมันได้มากกว่าทุกที
“ขอโทษนะครับ” มือหนายกขึ้นลูบหน้าตัวเองราวกับระงับอารมณ์ เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่งมีคนรักมานอนกอดจูบกันแบบนี้ ทุกอย่างที่ขยับเสียดสี ทำไมเขาจะไม่รู้สึก
“พี่มาร์ค”
“หืม?” เขาครางรับในลำคอเมื่อแบมแบมเรียกเขาตาแป๋ว
“น้องแบม...น้องแบมให้ได้นะครับ...ถ้าพี่มาร์คอยาก…” เขาเอ่ยเสียงแผ่วอย่างเขินอาย ก้มหน้างุดลงซบอกแกร่งอีกครั้ง
“ไม่ครับ” มาร์คัสตอบกลับอย่างหนักแน่น จนคนตัวเล็กใจแป้ว
“ทะ..ทำไม”
“เพราะว่า...ผมกำลังให้เกียรติคนที่ผมรัก” แบมแบมยกยิ้มกว้าง น้ำตารื้น คู่ของเราไม่ได้บอกรักกันบ่อยๆ แบมแบมรู้ดีว่าพี่มาร์คชอบแสดงออกทางการกระทำมากกว่าคำพูดเสมอ และแบมแบมก็ไม่ได้อยากจะเรียกร้องเอาคำว่ารักอะไรจากอีกฝ่ายในเมื่อทุกการกระทำของร่างสูงแสดงออกชัดเจนเสียขนาดนี้
“ผมอยากทำอะไรให้มันถูกต้องเสียก่อน อยากจะเป็นคนที่ดูแลแบมแบมได้ อยากจะเป็นคนที่ครอบครัวแบมแบมยอมรับ ถึงเวลานั้นถ้าเราจะรักกันก็คงไม่สาย” มาร์คบอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแตะต้องแบมแบม เขาต้องหักห้ามใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บางวันก็ต้องตื่นกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำรีดมันออก หลังจากที่มันตื่นตอนที่เขานอนหลับกอดก่ายกับแบมแบมอยู่บนเตียงแบบนี้ แต่เขาก็ต้องทำ อย่างน้อยเขาก็ต้องให้เกียรติคนที่เขารักและครอบครัวคนที่เขารักด้วย
“พี่มาร์ค...” แบมแบมยิ้มรับทั้งน้ำตา ณ วินาทีนั้นแบมแบมรู้แล้วว่าเขาเลือกคนไม่ผิด ผู้ชายที่รักเขาสุดหัวใจและพร้อมจะให้เกียรติเขา...แม้กระทั่งเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องบนเตียงก็ด้วย
“ฮึก ขอบคุณมากนะครับพี่มาร์ค ขอบคุณจริงๆ”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณแบมแบมนะที่ยังคงรักและรอผมอยู่แบบนี้ ผมกำลังพยายามอยู่ อย่าพึ่งทิ้งผมไปนะครับ อย่าพึ่งถอดใจไปจากผม” ใน 3 ปีนี้ผมจะต้องทำสำเร็จแน่ๆ เขาต่อประโยคในใจอย่างมุ่งมั่น
“ฮึก คนบ้า ใครจะทิ้งพี่กัน น้องแบมรักพี่มาร์คนะครับ รักมากๆ ฮึก ขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากเพราะเรื่องของเรานะครับ ฮึก พี่มาร์คเหนื่อยมากไหมครับ น้องแบมขอโทษนะ” แบมแบมว่าปนสะอื้นด้วยรู้สึกผิด ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แบมแบมก็ทำให้พี่มาร์คต้องลำบากเพราะแบมแบมเสมอเลย
“ไม่เลยครับ ผมไม่เหนื่อยเลย เพราะผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่และผมกำลังทำเพื่อใคร” เขาบอก คนอย่างเขาที่ไม่ได้มีประวัติดีๆ มาก่อนกับคนดีๆ อย่างแบมแบม เขารู้ตัวดีว่าเขาแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เขาสร้างอนาคตได้ ไม่ว่าสถานะไหนเขาก็อยากจะเป็นคนที่ดีพร้อมสำหรับแบมแบม
แบมแบมเป็นความหมายเดียวในชีวิตเขาที่เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ให้ดีพร้อมสมกับความดีของคนๆนี้
#บอดี้การ์ดมบ
ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างล้วนผ่านไปตามกาลเวลา ช่วงเวลากว่า 3 ปีที่เขาขอไว้กับตระกูลอิมเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้น มาร์คัสก็ยังไม่พอใจในผลของมัน แม้ว่าเขาจะขึ้นเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้า ถึงกับขึ้นหน้าปกนิตยสารฟอร์บประจำเดือนล่าสุด เขาก็ไม่พอใจ เขาต้องการพิสูจน์ให้อิม แจบอมเห็นว่าเขาเป็นได้มากกว่านั้น ทำได้มากกว่านั้น
“คุณแจบอมครับ มีข่าวว่ามาร์คัสจะเข้าเทคโอเวอร์กิจการของตระกูลโอ ไม่ทราบว่าคุณแจบอมทราบหรือยัง” เสียงพ่อบ้านหนุ่มเอ่ยกับเจ้านายตอนนั่งทานมื้อเช้าด้วยกันในเช้าวันหนึ่ง
“อะไรนะ!” มาเฟียหนุ่มร้องเสียงหลง ไม่จริงน่า…จะงัดข้อกับตระกูลใหญ่ระดับนั้นเชียวหรือ
“การเงินโงนเงนมาพักใหญ่แล้วครับ ตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ถ้าไม่ควบกิจการ ก็คงจะเทคโอเวอร์มาเลย” จินยองว่าเสียงเนิบ แต่แววตากลับฉายแววดีใจอย่างปิดไม่มิด ใครจะไปคิดว่าคนอย่างมาร์คัสจะเดินทางมาถึงขั้นนี้แล้วจริงๆ
หากมีคนกล่าวว่าตระกูลอิมนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลี ถือครองอำนาจและกิจการมากมายในเมืองนี้ ตระกูลโอคงไม่ต่างกัน โอ แชมิน ตาแก่เจ้าของกิจการนั้นคร่ำหวอดในวงการธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์อยู่ในทุกมุมเมือง แต่ช่วงหลังมานี้มีข่าวไม่ดีเรื่องสุขภาพของเขาที่ทรุดโทรมลงทุกวัน ลือจนกระทั่งว่าถูกโกงกินภายในบริษัทฯ ทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางการเงินของตระกูลโอนั้นเข้าข่ายย่ำแย่เต็มทน แต่ถึงกระนั้น 2-3 ปีมานี้ น้อยคนนักที่จะเจรจาขอซื้อต่อธุรกิจหรือเทคโอเวอร์กิจการก็เป็นไปได้ยากทีเดียว โอ แชมินยังคงไม่ถอดเขี้ยวเล็บแม้จะไร้เรี่ยวแรงเต็มทน ยังคงเป็นเฒ่าจิ้งจอกอยู่ในวงการที่ใครก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แต่ใครจะคิดว่ามาร์คัสจะ…
“จริงๆ แล้วถ้ามาร์คัสทำสำเร็จ ถือว่าใช้เวลาแค่ 2 ปี กับอีก 3 เดือนเองนะครับ เร็วกว่าเวลาที่ขอคุณแจบอมไว้ถึง 7 เดือนแน่ะ” เขาเอ่ยแซวชายหนุ่มที่ทำหน้าคิดไม่ตกอยู่
“เดี๋ยวเถอะจินยอง!” เขาชี้หน้าคาดโทษพ่อบ้านหนุ่ม จริงๆ เลยเชียว ถึงว่าทำไมช่วงอาทิตย์นี้นักข่าวถึงได้สนใจเล่นข่าวมันนัก
แจบอมละทิ้งความหงุดหงิด เมื่อต้องเข้าออฟฟิศแต่เช้า การทำงานที่แสนวุ่นวายช่วยให้เขาคลายความหงุดหงิดออกไปเสียหมดเกลี้ยง แต่ใครจะไปคิดว่าความน่าหงุดหงิดของอดีตบอดี้การ์ดน้องชายนั้นจะตามมาหลอกหลอนเขาจนถึงหัวค่ำ
แจบอมเดินทอดน่องเข้ามาในบ้านตัวเองอย่างอารมณ์ดี มือหนาถอดสูทและเน็กไทราคาแพงส่งให้กับพ่อบ้านคนสนิทที่ยื่นมือมารับอย่างรู้งาน
ขายาวหยุดลงตรงห้องนั่งเล่น หยิบรีโมทโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดดู ใบหน้าคมพยักหน้ารับแม่บ้านที่ยกน้ำเย็นเข้ามาเสริฟ น้อยนักที่เขาจะมีช่วงเวลาผ่อนคลายเช่นนี้หลังเลิกงาน คงเพราะสัญญาสงบศึกนั่นแหละ ชีวิตเขาถึงไม่ยุ่งวุ่นวายเท่าแต่ก่อน
เขาหลับตาพริ้มเอนกายผ่อนคลาย ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวพูด
“มาถึงข่าวธุรกิจค่ะ เมื่อค่ำวานนี้ทางต้วนพร็อบเพอตี้ประกาศเข้าซื้อหรือเทคโอเวอร์กิจการทั้งหมดในเครือตระกูลโอ อาทิเช่น กิจการซุปเปอร์เซ็นเตอร์ กิจการโรงแรม และคลังสินค้าขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 1,500 ล้านวอน…” เขาตวัดตัวลุกคว้ารีโมทมากดปิดทันที
*ติ้ด*
“อ้าว! คุณแจบอมปิดทำไมล่ะครับ” จินยองที่เอาสูทและเน็กไทร่างสูงไปเก็บเอ่ยถามทันควัน
“ไม่อยากดู” ชายหนุ่มว่าเสียงแข็ง ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการหงุดหงิดเสียเต็มประดา ใครจะไปคิดวะ ว่ามันจะทำบ้าบิ่นถึงขั้นกล้างัดข้อกับผู้ทรงอิทธิพลระดับประเทศแบบนี้ นี่เขาต้องยกแก้วตาดวงใจของเขาให้มันจริงๆหรือนี่ คิดแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็แปรเปลี่ยนเป็นความกลัดกลุ้มขึ้นมาทันตา
“ฮึฮึฮึ” จินยองหลุดหัวเราะในลำคอ เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเจ้านาย ทั้งอยากจะขำ แต่ก็อดสงสารไม่ได้
โชคดีหน่อยที่บรรยากาศชวนหดหู่นั้นถูกแทนที่ด้วยความสดใสในเวลาไม่กี่นาที เมื่อรถยุโรปคันโต จอดเทียบท่า ณ คฤหาสน์ตระกูลอิม
“พี่บี” แบมแบมเรียกพี่ชายใส ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงจากรถดี แบมแบมหันไปขอบคุณคนขับรถที่เปิดประตูให้ ก่อนจะวิ่งฉิวพุ่งเข้ากอดพี่ชายเข้าเต็มรัก โดยที่คนเป็นพี่ชายนั้นอ้าแขนรอตั้งแต่น้องเรียก
จินยองคลี่ยิ้มอ่อนบางอย่างนึกเอ็นดู คุณหนูไม่ว่าจะเวลาไหนก็ยังน่ารักเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ดูแล้วก็เข้าใจคุณแจบอมขึ้นมาหน่อยๆ เพราะท่าทางเหมือนเด็กแบบนี้ไงเล่าถึงไม่อยากปล่อยน้องตัวเองไปไหน
“มาได้ยังไง” แจบอมเอ่ยถามน้องชาย มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มไปมา
“พี่มาร์คให้คนขับรถมาส่งครับ วันนี้น้องมาทานข้าวด้วย”
“วันนี้ไม่อยู่ทานข้าวกับมาร์คัสหรือครับ” จินยองเอ่ยถาม
“พี่มาร์คติดสัมภาษณ์ครับ มาไม่ได้”
“ฮึ! พอรวยเข้าหน่อยก็งานยุ่งเชียว”
“แน่ะ! ตัวเองก็งานยุ่งไม่มีเวลาให้น้องเหมือนกันแหละ” แบมแบมว่าพี่ชายเข้าให้
“ปกป้องกันเข้าไป ฮึ! ใช่ซี้ พี่มันก็แค่พี่ชาย ใครจะไปเหมือนคนรักน้องเล่า”
“หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย ทำไมขี้น้อยใจจัง…” แบมแบมบ่นงุ้งงิ้งในลำคอ แต่ถึงอย่างนั้นอิม แจบอมก็ยังคงได้ยินอยู่ดี
“ว่าพี่เหรอตัวแสบ!”
“แหะๆ โอ๋ๆ น้า น้องแบมรักพี่บีจะตาย ไม่งอนน้าาาา” ร่างเล็กว่าพลางไถหน้าลงกับไหล่กว้างเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ เพียงเท่านั้น อิม แจบอมก็ยิ้มกว้างเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเสียแล้ว ยอมแล้วจริงๆ คนหลงน้องอย่างคุณแจบอมนี่
#บอดี้การ์ดมบ
ในเช้าวันหยุดที่หาได้ไม่ง่ายนัก ประมุขตระกูลอิม อยู่ในระหว่างการเอนกายพักผ่อนในห้องนั่งเล่นในบ้านตนกับพ่อบ้านคนสนิท หลังจากปิดโปรเจคใหญ่กับคู่ค้าจากทางฮ่องกง ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศของเขากำลังได้ดี แถมยังกำไรงามมากด้วยเส้นสายจากหวัง แจ็คสัน
“มีหนังสือพิมพ์ลงข่าวมาร์คัสด้วยครับ” พ่อบ้านหนุ่มว่าเสียงตื่นเต้น เขาทรุดนั่งตรงข้ามเจ้านายหนุ่มที่นอนเอนกายอยู่บนโซฟา
“ดูสิครับ นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามอง โอ๊ะ! มีบทสัมภาษณ์ถึงคุณหนูด้วยครับ” แจบอมเงยหน้ามองใครอีกคนที่ถูกหนังสือพิมพ์บังเสียจนเกือบมิด
Q : เป็นชายในฝันของสาวๆขนาดนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีคนรู้ใจหรือยังคะ
A : ผมมีเจ้าของหัวใจแล้วครับ *ยิ้มน้อยๆ*
“ก็ลองมันตอบว่าไม่มีสิ”
“โอ้โห! คำถามนี้เด็ด” จินยองว่าเสียงตื่น จนแจบอมต้องเงยหน้ามองพ่อบ้านคนสนิทจริงๆจังเสียที
Q : ว้า...เสียดายแทนสาวๆ แย่ ถ้ามีหวานใจแบบนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีข่าวดีบ้างล่ะคะ
A : ก็คงจะเร็วๆนี้ครับ
“ใครจะให้มันแต่งวะ!” แจบอมว่าเสียงเข้ม จนจินยองยกยิ้มขันเมื่อแกล้งคนหวงน้องได้สำเร็จ มีอย่างที่ไหนพอเขาทำได้ตามสัญญาก็ทำหน้ามึนไม่ยอมยกน้องชายให้เขาเสียที
มาร์คัสหรือ ก็เทียวไล้เทียวขื่อคุณหนูเป็นว่าเล่น ออกงานได้เป็นออก สัมภาษณ์ที่ไหนก็ออกตัวว่ามีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว ช่างเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ต่อคนรักเสียจริง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้จินยองวางใจยกคุณหนูให้มาร์คัสได้อย่างไร ติดก็แต่คนทิฐิสูงแถมยังหวงน้องอย่างอิม แจบอมนั่นแหละ ที่ต้องถูกเขากระซวกกระแซะให้ยอมรับความจริงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้
“แล้วนี่น้องแบมไปไหน”
“อืม...เห็นแต่งตัวออกไปแต่เช้า น่าจะไปสมัครงานนะครับ” จินยองบอกอีกฝ่ายราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่มีหรือว่าคนที่เลี้ยงน้องราวกับไข่ในหินนั้นจะยอม
“สมัครงาน!! ที่ไหน!!” แจบอมถามเสียงดังลั่น มือหนายกขึ้นกุมขมับอย่างคิดไม่ตก น้องชายเขาแค่นั่งๆ นอนๆ ก็มีเงินให้กินให้ใช้ตลอดชาติ แล้วนี่ต้องไปลำบาก หาสมัครงาน โอยย จู่ๆ เขาก็รู้สึกหน้ามืดตาลายขึ้นมายังไงยังงั้น
“ครับ เห็นว่าไปสมัครงานที่...”
#บอดี้การ์ดมบ
Place: Tuan Property Co.,Ltd.
ร่างเล็กสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็กสีดำ ผูกไทด์เสียเรียบร้อย ดูน่ารักเสียจนหลายๆคนอดเหลือบมองไม่ได้
แบมแบมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มาสัมภาษณ์งานสายก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“สวัสดีครับ ผมอิม แบมแบมครับ มาสัมภาษณ์งานตามที่นัดไว้” จีมินเงยหน้าขึ้นมอง ยกยิ้มกว้างให้คนที่เธอนั่งรอเจอเสียหลายชั่วโมง ก็พึ่งจะได้เห็นคนรักของเจ้านายตัวจริงเสียงจริงก็วันนี้ น่ารักแบบนี้นี่เองบอสถึงไม่ยอมปล่อยให้ออกไปไหนมาไหนคนเดียวเสียที
“คุณอิมใช่ไหมคะ รบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ” เธอผายมือไปยังที่นั่งว่าง
“ขอบคุณครับ” แบมแบมเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินไปยังเก้าอี้ว่างนั้น และไม่ลืมเผื่อแผ่รอยยิ้มแสนน่ารักให้ผู้ร่วมเข้าสัมภาษณ์คนอื่นด้วย
แบมแบมนั่งตัวเกร็งอยู่ตรงเก้าอี้อย่างนึกตื่นเต้น ท่ามกลางผู้สมัครคนอื่นๆ แบมแบมพึ่งจะเรียนจบได้ไม่นาน เป็นบัณฑิตที่ยังไม่ได้รับปริญญาบัตร แต่เขาก็ออกสมัครงานเสียแล้ว การสมัครงานของแบมแบมนั้น ไม่ได้เป็นการหว่านใบสมัครไปเรื่อย หากแต่เป็นการเลือกที่สมัครอย่างเจาะจง ใช่แล้ว แบมแบมเลือกบริษัทของพี่มาร์ค เพราะอยากเข้ามาช่วยงานของคนรัก
เขาอยากแบ่งเบางานของพี่ เพราะหลายปีมานี้ พี่ต้องทำงานหนักเพื่อเขามากจริงๆ แบมแบมไม่อยากใช้เส้นสายในการสมัครงานเพราะรู้แน่ๆ ว่ายังไงพี่ก็ต้องรับ แถมเผลอๆ ก็ไม่ยอมให้เขาทำงานในด้านที่ตัวเองจบมาอีก ไม่สิ อาจจะถึงขั้นไม่ยอมให้เขาทำงานเลยด้วยซ้ำ
มาครั้งนี้แบมแบมจึงตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง โดยเริ่มจากการส่งใบสมัครเข้ามาและรับสัมภาษณ์เหมือนคนอื่นๆ เขานี่แหละ พี่มาร์คจะต้องเซอร์ไพร้แน่ๆ ที่เขาได้เป็นพนักงานที่นี่ แบมแบมคิดอย่างมีความสุขอยู่ในใจ
“นี่เธอๆ รู้หรือเปล่า ครั้งนี้บอสลงทุนสัมภาษณ์เองเลยนะ ตัว-ต่อ-ตัว” เสียงสนทนาจีบปากจีบคอดังอยู่ไม่ไกลจากที่แบมแบมนั่ง ร่างเล็กขมวดคิ้วหาต้นเสียงเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าเป็นบทสนทนาของสาวออฟฟิศที่มายืนชงกาแฟตรงมุมกาแฟไม่ไกลจากพื้นที่นั่งรอของเขาเท่าไหร่
“ตายแล้ว! ปกติไม่ทำแบบนี้นี่ ทำไมไม่เป็นรุ่นชั้นที่ได้รับการสัมภาษณ์จากคุณมาร์คบ้างนะ”
“นั่นสิ ของฉันเป็นยาย HR ขาโหดนั่น กว่าจะตอบได้แต่ละคำถามก็แทบลากเลือด แต่นี่เห็นเขาลือกันว่าเด็กคุณมาร์คมาสัมภาษณ์น่ะ”
“จริงเหรอ คนไหนล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติบอสทำแบบนี้ซะทีไหน สาวๆ ที่มาสมัครงานงี้ กรี้ดกันจะตาย”
“นั่นสิ จะไม่กรี้ดก็แปลก บอสหล่อขนาดนั้น ถึงไม่ได้งานแต่ได้นั่งมองหน้าบอสใกล้ๆ ก็..แอร้ยยย ฟินอ่ะแก” แบมแบมขมวดคิ้วมุ่น พี่มาร์คลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ แบมแบมจะไม่ได้สัมภาษณ์กับฝ่าย HR หรอกหรือ และก่อนที่คนตัวเล็กจะคิดสงสัยไปไกล เสียงหวานก็เรียกชื่อตนขึ้นเสียแล้ว
“คุณอิม แบมแบม เชิญค่ะ”
“อ๊ะ! ครับ” แบมแบมเดินตามหญิงสาวที่ตัวเล็กพอๆ กับเขา หญิงสาวพาเขาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นผู้บริหาร นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กมึนงงหนักกว่าเก่า ทำไมเขาถึงไม่ได้รับสัมภาษณ์ในห้องด้านล่างเหมือนคนอื่นเขานะ
กว่าจะรู้ตัวอีกที แบมแบมก็มาพาตัวเองมาถึงชั้นผู้บริหารเสียแล้ว
“เชิญค่ะ บอสรอคุณแบมแบมมาตั้งแต่เช้าแล้ว” เธอว่า พลางรุนหลังคนตัวเล็กให้เข้าไปยังห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม
“อ๊ะ! ครับ แต่ว่า...คุณครับ”
“โชคดีนะคะ” เธอส่งยิ้มให้กับเขาแถมยังล็อกประตูให้อีกด้วย
*กริ้ก*
แบมแบมกวาดตามองไปทั่วห้องทำงานอันแสนกว้างขวางนี้ ฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะรับแขกและโซฟาขนาดกระทัดรัด มีตู้เอกสารวางและมีแฟ้มวางเรียงรายอยู่นิดหน่อย ทั้งห้องคุมโทนสีขาว-เทา แต่ก็ดูไม่อึมครึมจนเกินไป เมื่อวิวด้านหลังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ทางด้านขวา เป็นกระจกทั้งหมดและสามารถมองเห็นวิวของกรุงโซลได้สุดลูกหูลูกตาเป็นตัวช่วยขับให้ห้องนี้น่าอยู่มากขึ้น แบมแบมละสายตาจากวิวเมืองมองโต๊ะผู้บริหารนิ่ง มีคนนั่งอยู่ตรงนั้น หลังเก้าอี้ทำงานพนักสูงสีดำนั่นและกำลังมองวิวเหมือนกับเขา
“คุณ-” ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้เรียก ร่างนั้นก็หมุนเก้าอี้กลับมาหาเสียก่อน และนั่นก็ทำให้แบมแบมหลุดอมยิ้มไม่ได้
“คุณอิม แบมแบม สมัครงานในตำแหน่งอะไรครับ” เสียงทุ้มต่ำถามเสียงนุ่ม
“เชิญนั่งครับ” ชายหนุ่มผายมือไปยังเก้าอี้ด้านหน้าอย่างใจดี ดวงตากลมโตเหลือบมองป้ายชื่อและตำแหน่งบนป้ายไม้แกะสลักเล็กน้อย ก่อนจะผินหน้ามามองอีกคนตาแป๋ว โดยไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้ตามที่ชายหนุ่มเชิญ
แบมแบมไม่เคยมาห้องทำงานพี่มาร์คเลยสักครั้ง ว่ากันจริงๆ แบมแบมไม่เคยมาบริษัทพี่มาร์คเลยแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยเหตุผลว่าช่วงตอนที่อีกฝ่ายโหมงานหนักๆ นั้น พี่มาร์คไม่ได้ต้องการให้เขาเข้ามาเห็นหรือรับรู้ว่าร่างสูงต้องทำงานหนักมาเพียงใด พี่มาร์คไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง ดังนั้นสถานที่เดียวที่แบมแบมเคยไปหา คือคอนโดของพี่มาร์คเท่านั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่แบมแบมได้ก้าวเข้ามาอีกโลกหนึ่งของพี่มาร์ค
“ว่ายังไงครับ สมัครงานในตำแหน่งอะไร” เสียงทุ้มที่เรียกความสนใจของแบมแบมให้หลุดออกจากภวังค์ถามขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ร่างสูงไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูงแล้ว แต่กลับสาวเท้าอ้อมเข้าหาแบมแบมที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงข้ามอย่างช้าๆ
“อืม...พนักงานบัญชีครับ”
“พนักงานบัญชีเต็มแล้วครับ”
“แล้วตำแหน่งฝ่ายขาย, การตลาดล่ะครับ”
“เต็มเหมือนกันครับ”
“เลขานุการล่ะครับ”
“เต็มครับ”
แบมแบมถอยหนีอีกคนอย่างนึกตื่นกลัว ไม่คุ้นชินเลยกับสายตาเจ้าเล่ห์ของพี่มาร์คแบบนี้ ร่างเล็กที่ถูกไล่ต้อนถอยหลังจนหลังชนกับโต๊ะทำงานของชายหนุ่มก็ถึงกับหยุดชะงัก มาร์คัสเท้าแขนทั้งสองข้างกักกันอีกฝ่ายไว้กับโต๊ะทำงาน โน้มหน้าเข้าใกล้ดวงหน้าใส
แบมแบมยกแขนดันอกแกร่งให้ออกห่าง ผินหน้าหลบจมูกโด่งที่กำลังคลอเคลียอยู่ตรงพวงแก้มนุ่ม
“ไม่เห็นบอกผมเลยว่าจะมาสมัครงานที่นี่” เขาถามชิดริมฝีปากอิ่ม มันแตะกันเล็กน้อยยามเขาขยับพูด
“อะ อือ เซอร์ไพร้ไงครับ” แบมแบมดันอกแกร่งออกอีกครั้ง พยายามผินหน้าหลบไปทางอื่น อย่างเขินอาย
“อย่างนั้นหรือครับ” เขาถามเสียงเจ้าเล่ห์ ไล่ต้อนใครอีกคนที่ไม่ยอมบอกกันว่าจะมาทำงานที่นี่ จริงๆเขารู้มาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนที่แบมแบมส่งใบสมัครมาแล้ว จากอาการแตกตื่นของคุณจีมินเลขาเขา แต่ก็นั่นแหละ เขาแกล้งตอบรับคำขอของคนตัวเล็กไปโดยที่ไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้ ว่าคนสัมภาษณ์คนนั้นก็คือเขา และแน่นอนว่าคนที่พยายามเพื่อแบมแบมมาตลอดน่ะหรือ จะยอมให้คนรักของตัวเองต้องมาลำบาก แค่แบมแบมคนเดียว เขายินดีดูแลรับผิดชอบไปทั้งชีวิต
“พะ...พี่มาร์ค...ไม่เอา...อื้อ” แบมแบมย่นคอหนี เมื่อใครอีกคนก้มลงฉกชิงความหอมของแก้มตนซ้ำๆ ราวกับคนไม่รู้จักพอ
“บ..แบม ม...มาสัมภาษณ์งานนะ...อย่าลืมสิ...อือ…” แบมแบมว่าเสียงสั่น มาร์คัสยกยิ้มมุมปาก ถอยหน้าออกห่างเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายสูดกลิ่นหอมเย็นจากคนตัวเล็กเขาเต็มปอด
“ฮื้ออ งั้นตอนนี้มีตำแหน่งไหนว่างบ้างครับ” แบมแบมยังคงถามต่ออย่างไม่ละความพยายาม มาร์คัสกระตุกยิ้ม หัวเราะในลำคอ ในเมื่อแบมแบมอยากจะทำงานนัก เขาก็จะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้แล้วกัน
“อืม...ก็มีว่างอยู่นะครับ แต่คุณสมบัติเนี่ย...” เขาพูดพลางหรี่ตามองอีกคนนิดหน่อย
“คุณสมบัติ?”
“ก็ต้องน่ารัก พูดเก่ง อ่อนหวาน อ่อนโยน ดูแลเก่ง และสุดท้าย…
“...”
“ทำให้หัวใจของบอสเต้นแรง”
“...”
“ก็ถ้าคุณสนใจ ตอนนี้ก็เหลือว่างแค่ตำแหน่งเดียวล่ะครับ”
“ตะ..ตำแหน่ง...อะไรครับ..?” เขาละออกมาจ้องดวงหน้าหวานอีกนิด นัยย์ตาคมทอดมองอีกคนอย่างแสนรัก
“ตำแหน่งดวงใจครับ…
ดวงใจบอดี้การ์ด” เขาพูดแทบใบหูเล็ก ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากบางมาฉกชิงความหอมหวานตรงปากนุ่มที่เขาหลงใหล
เพียงเท่านี้ เพียงคนนี้เท่านั้น ที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของคนๆนี้มาครอบครอง…
คุณหนูแบมแบม
The End.
Writer's Talk
Finally, ในที่สุดก็เคี่ยวเข็ญตัวเองแต่งจบจนได้ ขอโทษรีดเดอร์ทุกคนที่หายไปค่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัว นอกจากตันมากจริงๆ ฮืออ และก็ขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านที่ยังคงรอคอย บอกตามตรงว่าเข้าไปอ่านแท็กและอ่านคอมเม้นท์จนแบบ...เราจะทิ้งคนอ่านไปแบบนี้ไม่ได้ ก็นั่งแต่งไป อ่านคอมเม้นท์วนไปวนมาไป 555 ในที่สุด ฮืออ น้ำตาจะไหล เรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้วค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ นอกจากขอบคุณรีดเดอร์ทุกท่านจากใจจริงค่ะ
วันศุกร์นี้เตรียมตัวรับ บทส่งท้าย ด้วยนะคะ ^^
-------
ช่วงนี้มันก็จะตันๆหน่อย งานรุมเร้ามากเหลือเกิน แทบไม่มีเวลาแต่งฟิคเลยค่ะ ขอบคุณที่ยังรอกันและขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ ประทับใจมากๆเลยค่ะ *กอด*
รัก
Sweetie Pie**
คนหวงน้องนี่จะลงแดงตายไปแล้วยังนะ
น้องอยากได้ตำแหน่งนั้นจังเลยค่ะ 55555
ขอบคุณไรท์ที่แต่งฟิคสนุกๆแบบนี้นะคะ
หวาน หวานเกินไปแล้ว พี่มาร์คยอมเหนื่อยขนาดนี้เรื่องอะไรจะยอมให้น้องมาเหนื่อยด้วย คิดถูกแล้วพี่มาร์ค
น่ารักขนาดนี้ลูกฟิน
แต่คนจะอกแตกตายคือพี่บีค่ะ จะยอมปล่อยน้องมาทำงานจริงหรอคะ
อา...ดึใจที่เขาลงเอย ขอบคุณนะค่ะไรท์
สนุกมากกค่ะ
เรื่องนี้น่ารักมากๆ ขอบคุณนะคะ