ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประวัติตัวละครเรื่อง"สามก๊ก"

    ลำดับตอนที่ #15 : จงโฮย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 783
      0
      6 ม.ค. 50

      จงโฮยเป็นลูกชายคนรองของจงฮิว มีพี่ชายอีกคนชื่อว่า จงอี้ จงโฮยมีชื่อทางการว่า ซื่อจี้ เป็นชาวอำเภอฉางเซี่ย จังหวัดอิงชวน(ปัจจุบันคืออำเภอฉางเก๋อ มณฑลเหอหนาน) จงฮิวพ่อของเค้าเคยมีตำแหน่ง เป็นไจเสี่ยง(สมุหนายก)ทำให้จงโฮยได้รับการอบรมและการศึกษาที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก ได้มีเกร็ดเล่าถึงความเจ้าเล่ห์และความฉลาดของจงโฮยว่า จงโฮยและจงอี้ ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าโจยอย จงอี้เกิดความกลัวจนเหงื่อไหลพราก ส่วนจงโฮยไม่มมีเหงื่อไหลเลย พระเจ้าโจยอยจึงถามทั้งสองว่า รู้สึกยังไงกับการเข้าเฝ้าครั้งนี้ จงอี้ตอบว่า กลัวมากจนเหงื่อแตกไหลพราก พระเจ้าโจยอยถามจงโฮยต่อว่า ไม่เห็นมีเหงื่อเลย ไม่กลัวฮ่องเต้บ้างหรือ

    จงโฮยกลับตอบว่า กลัวมากจนเหงื่อไม่กล้าออก และอีกครั้งหนึ่งทั้งสองที่น้องถือโอกาสที่บิดานอนหลับได้แอบขโมยดื่มสุราที่วางไว้ข้างกาย จงฮิวผู้ซึ่งเป็นบิดาได้รู้สึกตัวแล้วแต่ลอบดูอาการกิริยาของทั้งสอง ปรากฏว่าจงอี้ได้คำนับก่อนหยิบสุราไปดื่ม ส่วนจงโฮยไม่ได้คำนับ เมื่อจงฮิวตื่นขึ้นมาได้เรียกทั้งสองมาสอบถามว่าทำไมแสดงกิริยาอย่างนั้นในตอนแอบดื่มสุราจงอี้ตอบว่าธรรมเนียมการดื่มสุราต้องคำนับจึงปฏิบัติไปตามธรรมเนียม แต่จงโฮยตอบว่า การลักขโมยดื่มสุราเป็นเรื่องผิดธรรมเนียม จึงไม่ได้คำนับตามธรรมเนียม จงฮิวก็นึกชมจงโฮยอยุ่ในใจที่ตอบได้โดนใจเช่นนั้น

    จงโฮยตอนอายุยังน้อยยังมีความสามารถถึงขนาดแต่งตำราวิจารณ์ลัทธิเต๋ามีความยาวถึง 20 บทได้

    จงโฮยเป็นที่ชื่นชมของสุมาสูลูกชายของสุมาอี้ยิ่งนัก ทั้งสองคนปรึกษาหารือข้อราชการต่างๆกันจนดึกดื่นค่ำคืนเสมอๆ และสุมาสูยังเคยออกปากกล่าวชมจงโฮยว่า มีความสามารถขนาดส่งเสริมให้เจ้านายขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ ซึ่งก็เป็นจริงเพราะในอนาคตจงโฮยเป้นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ตระกูลสุมา เถลิงขึ้นครองราชย์ได้สำเร็จ

    เมื่อตอนที่โจซองถูกสุมาอี้ก่อการรัฐประหารนั้น จงโฮยเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่ก่อการรัฐประหารด้วย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รับใช้ตระกูลสุมาอย่างถวายชีวิต และเป็นเสนาธิการคนสำคัญของตระกูลสุมาอีกด้วย

    ค.ศ.255 บู๊ขิวเขียมเจ้าเมืองเกงจิ๋วในตอนนั้นกับบุนขิมซึ่งเป็นอดีตลูกน้องของโจซอง ก่อความไม่สงบจะล้มล้างตระกูลสุมาโดยเอาข้ออ้างที่พระเจ้าโจมอถูกสุมาสูและสุมาเจียวสองพี่น้องทำการหยาบช้าเหมือนกับที่โจโฉเคยถูกกล่าวหาเช่นเดียวกัน ขณะนั้นสุมาสูป่วยเป็นโรคเนื้องอกที่นัยตาเพิ่งผ่าตัดมาใหม่ๆ(ฉบับเจ้าพระยาพระคลังหนบอกป่วยเป็นโรคต้อ) สุมาสูกำลังลังเลใจว่าจะให้ใครยกทัพไปปราบบู๊ขิวเขียมดีจงโฮยได้เสนอว่าสุมาสูควรยกไปเองเพื่อจะได้แสดงความน่าเกรงขามของตระกูลสุมาให้ปรากฏต่อสายตาของคนทั้งหลายจะได้ไม่กล้าที่จะก่อความไม่สงบอีก และแผนการครั้งนี่ที่จงโฮยเสนอไปก็สามารถปราบปรามบู๊ขิวเขียมและบุนขิมได้อย่างรวดเร็ว โดยที่บู๊ขิวเขียมถูกตัดหัวขณะเมาสุราโดยเจ้าเมืองเล็กๆที่หนีไปกบดานด้วย แต่ว่าสุมาสูก็ทนกับพิษบาดแผลที่ผ่าตัดไม่ไหวขาดใจตายขณะเดินทัพกลับ ทำให้สุมาเจียวน้องชายรับช่วงอำนาจต่อ

    พระเจ้าโจมอทราบดังนั้นก็ต้องการที่จะลดอำนาจของสุมาเจียวจึงสั่งให้สุมาเจียวตั้งอยู่เมืองฮูโต๋ไว้รับศึกกับง่อก๊ก สุมาเจียวก็ยังอ้ำอึงอยู่ว่าจะทำยังไงดี จงโฮยได้เสนอให้สุมาเจียวยกทัพกลับลกเอี๋ยงเมืองหลวงทันที โดยบอกว่าพระเจ้าโจมอไม่กล้าทำอะไรหรอก พระเจ้าโจมอก็กลัว และกลับตั้งยศให้สุมาเจียวมียศและอำนาจเหมือนสุมาสูทุกอย่าง สุมาเจียวได้ตอบแทนจงโฮยด้วยการขอพระราชทานบรรดาศักดิ์พระยาให้

    ค.ศ.257 จูกัดเอี๋ยน ลูกพี่ลูกน้องของขงเบ้งที่มีฉายาว่าสุนัข ได้ก่อความไม่สงบขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้ยังได้ไปขอความช่วยเหลือจากง่อก๊กให้ยกมาช่วยด้วย สุมาเจียวได้ยกทัพใหญ่ไปด้วยตนเอง เป็นจำนวน 26 หมื่นโดยมีจงโฮยเป็นเสนาธิการติดตามไป จงโฮยได้เสนอแผนให้ใช้อุบายสร้างความแตกแยกโดยยิงธนูผูกสารที่มีข้อความว่า แม่ทัพง่อก๊กไม่คิดจะทำการสู้รบต่อไปแล้ว ได้เข้ามายอมสวามิภักดิ์ต่อวุยก๊กหมดแล้ว จูกัดเอี๋ยนรู้ดังนั้นก็เชื่อ และเมื่อทหารในเมืองได้รุ้ดังนั้นก็พากันไปยอมสวามิภักดิ์ต่อสุมาเจียวกันเยอะมาก แผนการของจงโฮยก็สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากปราบปรามความไม่สงบได้แล้ว จงโฮยได้รับตำแหน่ง ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระนคร

    จงโฮยเป็นคนที่เปลี่ยนแนวคิดยุทธศาสตร์เดิมของวุยก๊กที่ว่า ให้ตีง่อก๊กให้แตกก่อนแล้วจ๊กก๊กที่มีขนาดเล็กที่สุดก็จะยอมสวามิภักดิเอง แต่จงโฮยกลับบอกว่า ให้ตีจ๊กก๊กให้แตกก่อนแล้วจึงไปจัดการกับ ง่อก๊กโดยจงโฮยได้ให้เหตุผลว่าจ๊กก๊กที่ขณะนั้นมีเกียงอุยเป็นแม่ทัพใหญ่เป็นคนที่บ้าศึกสงครามยกทัพมาก่อกวนวุยก๊กก่อนตลอดเวลาและบ่อยครั้ง ผิดกับง่อก๊กที่ส่วนมากจะเป็นฝ่ายตั้งรับ ก๊กอื่นก่อนตลอดเวลาเนื่องจากมีสภาพเศรษฐกิจที่ดี และมีแม่น้ำสายสำคัญเป็นกั้นเป็นปราการณ์ด่านอีกชั้นหนึ่ง

    ปี ค.ศ. 263 จงโฮยอายุได้ 38 ปี สุมาเจียวให้จงโฮยนำทัพใหญ่ 10 หมื่นคน มุ่งหน้าไปทมงตะวันตกเฉียงใต้จากเมืองลกเอี๋ยงเพื่อบุกจ๊กก๊ก ตามที่จงโฮยได้บอกไว้ และสุมาเจียวก็ได้สั่งเตงงายแม่ทัพใหญ่อีกคนของวุยก๊กยกไปสมทบ ก่อนที่จงโฮยจะยกทัพไปนั้นเขาได้ไปตั้งทัพอยู่ที่เกงจิ๋ว และสั่งให้ต่อเรื่อรบเป็นจำนวนมาก เหมือนกับว่าจะไปตีง่อก๊ก สุมาเจียวเห็นดังนั้นจึงเรียกจงโฮยไปถามว่าจะต่อเรือรบไปทำไม จงโฮยจึงบอกว่า ที่ต่อเรือรบนั้นเพื่อจะเบนความสนใจของคนทั้งหลายว่าจะไปตีง่อก๊ก พวกฝ่ายจ๊กก๊กไม่ทันระวังตัว เราก็บุกแบบโดยที่ไม่ให้ฝ่ายจ๊กก๊กรู้ตัวได้และหลังจากที่เราตีจ๊กก๊กแตกแล้วเรือรบที่ต่อนี้ ยังไงก็ต้องเอาไปใช้ในการเปิดศึกเพื่อยึกง่อก๊กอยู่ดี สุมาเจียวได้ฟังแผนการณ์ของจงโฮยถึงกับยกย่องจงโฮยเป็นอย่างมาก แต่ก็นึกระแวงจงโฮยในความฉลาดลึกล้ำเหมือนกัน

    ในการยกทัพไปครั้งนี้จงโฮยได้สั่งสังหาร เคาหงีบุตรของเคาทู องครักษ์ประจำตัวของโจโฉ เพื่อขจัดเสี้ยนหนามคนที่จะเป็นภัยต่อตระกูลสุมาในอนาคตโดยข้อหาทำงานล่าช้า จงโฮยได้ใช้แผนการทำดีกับราษฏรในเมืองเสฉวน ว่าให้ยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี และจะปลดปล่อยความอดอยากให้ แผนนี้ใช้ได้อย่างงดงาม ทำให้เดินทัพเข้าไปได้อย่าง สะดวกสบาย จนได้มาเผชิญหน้ากับเกียงอุยที่ ฮันต๋ง ระหว่างนั้นเองเตงงายได้ยกทหารไปทางด่านอิมเป๋งที่ไม่มีทหารของฝ่ายเสฉวนหรือจ๊กก๊ก อยู่เลยเนื่องจากเป็นด่านทุรกันดาร ทางเดินยากลำบากมาก มีภูเขาสูงมากมาย ได้นำทัพไปถึงเฉิงตูเมืองหลวงของจ๊กก๊กแบบที่ อาเต๊า ฮ่องเต๊ของจ๊กก๊กไม่ทันรู้ตัว จึงยอมแพ้แต่โดยด

    เกียงอุยเมื่อทราบสถานการณ์ในเมืองหลวงจึงยอมสวามิภักดิ์ต่อจงโฮยซึ่งตอนนี้นั้น จงโฮยอายุ 39 ปีเกียงอุยอายุ 59 ปีห่างกัน ถึง 20 ปี เตงงายเมื่อทำศึกชนะแล้วก็ถูกสุมาเจียวสั่งยัดข้อคิดกบฏให้ทันทีเพื่อขจัดภัยใกล้ตัวในอนาคต โดยส่งอุยก๋วยให้มากำกับทัพของจงโฮยในการจัดการกับเตงงาย เตงงายได้ถูกจับอย่างง่ายดายเพราะมีกำลังทหารน้อยกว่า และถูกส่งไปหาสุมาเจียว และก็ถูกประหารพร้อมกันกับ เตงต๋งบุตรชายของเตงงายนั่นเอง

    ฝ่ายจงโฮยตั้งแต่คงกับเกียงอุยถึงขั้นสบถสาบานเป็นพี่นอ้งกันแล้วนั้น ก็ถูกเกียงอุย ยกยอต่างๆนาๆว่าเป็นอัจฉริยะหวังจะให้จงโฮยตายใจ และยังยุแยงให้จงโฮญ คิดยึดเมืองเสฉวน เป็นฐานอำนาจเพื่อก่อการกบฏด้วย อีกอย่างตอนนั้นจงโฮยเห็นสภาพเตงงายว่าตายอย่างไรจึงตัดสินใจตามที่เกียงอุยบอก แต่ทหารที่จงโฮยบังคับบัญชากลับไม่เล่นด้วยเพราะต่างกลัวอำนาจของตระกูลสุมานัก ทำให้ในวาระสุดท้ายของจงโฮยถูกรุมฆ่าอย่างไม่มีชิ้นดี นับว่าตายได้อนาถมาก ไม่สบกับความสามารถของตนที่มีอยู่จริงๆ และเกียงอุยก็เชือดคอตัวเองตายไปอีกเช่นเดียวกัน

         ปล. ประวัติของจงโฮยนี้ผมได้นำ ข้อมูลมาจาก ล้วงคอสุมาอี้ของ คุณ เล่าชวนหัว ครบเครื่องเรื่องสามก๊กของคุณเล่า ชวน หัว เช่นเดียวกัน และ จากสามก๊กฉบับหอพระสมุด โดยที่เพียงแค่นำข้อมูลมาเรียบเรียงใหม่เท่านั้น ใครๆที่อ่านสามก๊กก็ทำได้ทุกคน ฉะนั้นก็เหมือนกับผมแค่นำข้อมูลจากหนังสือเหล่านี้ มาอ่านให้ฟังเฉยๆนะครับ

    credit : คุณ"[CaTeNacHo]"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×