NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #46 : บทที่ 40 หนทางที่เลือก (100 %) ตัดจบตอน + เซอร์วิสฮัลโลวีน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      109
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 40 หนทางที่เลือก

    ร่างสูงยืนเงาทาบร่างของมิกิที่ดูเล็กไปถนัดตาทันที จนมิกิรู้สึกถึงกลิ่นอายบางอย่างจากชายหนุ่ม มันให้ความรู้สึกอันตราย

    “เมื่อเช้าฉันไปหาเธอที่โรงพยาบาล”

    “อ้อ คือฉันคิดว่าอยู่ไปก็ไม่ได้ทำอะไรเลยกลับมาบ้านดีกว่า...” แอบรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกที่เขาไม่ได้โมโหอะไร

    เก็นมะไม่ตอบ เขากลับยืนนิ่งเฉยมองร่างที่เตี้ยกว่ากำลังหัวเราะกลบเกลื่อน ชายหนุ่มสังเกตเม็ดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าของหญิงสาวรวมทั้งสีหน้าที่ซีดจางๆ นั่นทำให้เขาอดห่วงไม่ได้

    “แต่เธอยังไม่หายดีนะ ทำไมถึงชอบฝืนตัวเองกัน” เขาดุอย่างไม่พอใจ “ถ้าเกิดล้มสลบในบ้านนี้—“

    “เดี๋ยวก่อน!!! เก็นมะ” มิกิรีบยกมือห้ามก่อนที่ร่างสูงจะดุเธอไปมากกว่านี้ ก่อนจะดึงผ้าพันแผลที่ปิดอยู่บนหัวของเธอ แผลเย็บกลับสมานตัวไปแล้ว นั่นทำให้เขาตะลึงกับสิ่งที่เห็น

    “แผลมัน....เป็นไปได้ยังไง”

    “มันหายแล้ว ที่นี้เธอก็สบายใจเถอะนะ” มิกิยิ้มเพื่ออีกคนคลายความกังวล  “เอาล่ะ วันนี้ฉันต้องทำความสะอาดบ้านซักหน่อย เมื่อกี้แอบหลับไปตั้งนาน ขอบคุณที่มาปลุกนะ เก็นมะ”

    หญิงสาวหันหลังเดินไปเก็บกองผ้าที่ระเกะระกะบนพื้นในบ้าน ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอยู่ที่ประตูมองขาที่ใส่เผือกของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอกลับเดินไปมาราวกับมันเป็นแค่เครื่องประดับเท่านั้น

    “อย่าบอกนะ ว่าเธอใช้สิ่งนั้นเร่งรักษาตัวเอง”

    “.....”

    ใช่ว่าเก็นมะจะไม่รู้เรื่องเหล่าสัตว์อัญเชิญของมิกิ ด้วยความที่เขาเคยเป็นลูกศิษย์ของโฮคาเงะรุ่นที่ 4 พร้อมทั้งร่ำเรียนวิชากับมิกิ เรื่องคาถาเทพเหินสายฟ้า มันทำให้เขารู้ข้อมูลของเธอดีไม่ต่างจากตัวเธอเอง

    มิกิยืนนิ่ง ไม่หันกลับมามอง

    “นานๆจะใช้มันก็ไม่เป็นไรเลยนี่”

    “แต่หลีกเลี่ยงมันเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อตัวเธอนะ” เขากอดอกพิงขอบประตู “ผลของมันก็เหมือนกับบั่นทอนกำลังกายของเธอ”

    “เรื่องนั้น ฉันรู้น่า...สัญญาว่าจะไม่ใช่อีก”

    มันมีเหตุผลของมัน ทำไมมิกิถึงรีบอยากให้แผลหายเร็วขนาดนั้น ทั้งๆที่รอให้ร่างกายฟื้นตัวเองยังจะดีเสียยิ่งกว่า

    ไม่ใช่ว่าเธอกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

    ทำไมเขาถึงไม่พูดเรื่องที่เขากำลังร้อนใจ เรื่องที่โคมะพูดกับเขา เรื่องนั้น...

    บางทีมันอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไหร่

    “ให้ฉันช่วยไหมล่ะ ไหนๆ วันนี้ฉันก็วันหยุดของฉัน” ชายหนุ่มเดินเข้าไปในตัวบ้านของหญิงสาว

    “ต้องรบกวนเธออีกแล้วเหรอ?” มิกิหันมาถามพลางยิ้มกว้าง “ฉันว่าถ้าเธอไปเปิดห้องของนารูโตะ อาจจะไม่อยากช่วยก็ได้นะ”

    “อะไรกัน ห้องของเด็กผู้ชายเหมือนกัน” เขาว่าแล้วเดินไปเปิดประตูห้องของนารูโตะ “บ้าจริง นี่มันอะไรกันเนี่ย” ทันทีที่เปิดเขาก็สบถลั่น

    ห้องของเด็กชายทั่วไปมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลยสักนิด

    “ฉันบอกแล้ว ฮ่าๆ”

    “เจ้านั่นหมกขยะไว้กี่ปีกันเนี่ย ให้ตายสิ เธอไม่ได้สอนให้เขารู้จักทำความสะอาดเหรอ?”

    มิกิหัวเราะร่า “ความผิดฉันเองแหล่ะ สมัยก่อนไม่ค่อยได้สอนอะไรเขามากล่ะนะ แล้วว่ายังไง เธอจะช่วยฉันต่ออีกไหมล่ะ เก็นมะ”

    มองสภาพของห้องที่เพิ่งเปิดเข้าไปกับหญิงสาวก่อนถอนหายใจ “รับปากแล้วไม่คืนคำหรอก”

    ในวันนั้นทั้งวันมันจึงกลายเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับเก็นมะเลยก็ว่าได้ ไม่มีความรู้สึกที่แสนกดดันตัวเอง แถมยัง... ได้พูดคุยกับหญิงสาวที่ตนชอบอย่างสบายใจ

    บางทีความสัมพันธ์แบบเพื่อน อาจจะดีกว่าก็ได้ ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น ขณะที่เห็นหญิงสาวหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อเขาต้องผจญกับกองขยะในห้องของหลานชายของเธอ 


     

    จิไรยะถูกสาวใหญ่คนหนึ่งลากมาดื่มเหล้าด้วยอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

    เขานั่งมองหญิงสาวตรงหน้ากระดกขวดสาเกอย่างน่ากลัว ขณะที่ตนนั่งจิบสาเกใสด้วยแก้วใบเล็กและหยิบกับแกล้มมากิน

    “อดอยากมาจากไหนมากมายกันล่ะฮึ ซึนาเดะ ดื่มแบบนั้น กะจะให้ฉันแบกเธอกลับงั้นสิ”

    “ฮา!! ไม่ได้อดอยากซักหน่อย ก็แค่อยากจะมาดื่มกับนาย ก็เท่านั้นเอง” ซึนาเดะตอบทั้งๆที่หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “แล้วข้อมูลของนายที่ว่าล่ะ เรื่องแสงอุษา”

    “ก็อย่างที่บอก พบรังกบดานของมันแล้ว”

    “ที่ไหน”

    “อาเมะคางุเระ”

    ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมาดื่มกันตามประสาเพื่อนสนิท แต่ก็ยังไม่ทิ้งพูดเรื่องงาน ไม่ใช่เพราะว่าทั้งคู่บ้างาน แต่เพียงเพราะซึนาเดะไม่กล้าจะพูดเรื่องส่วนตัวกับจิไรยะ

    เธอกลัวว่ามันจะถลำลึกเกินไป

    จิไรยะเป็นนักเขียนที่ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ หลายสัปดาห์หลายเดือนกว่าเขาจะกลับมา

    สาวใหญ่รู้ดีว่าเขาชอบเธอ แต่เพราะโดนเธอปฏิเสธด้วยหมัดพลังช้างของเธอบ่อยเข้า จนเขาไม่กล้าที่จะพูดเรื่องแบบนั้นอีก

    กลับมาก็อยู่ได้เพียงแค่แปปเดียว

    โชคดีหรือในโชคร้ายก็ไม่รู้ ที่มิกิดันโดนลักพาตัวไป และยังโดนบาดเจ็บสาหัสกลับมา จิไรยะกลับอยู่ที่หมู่บ้านจนกว่าจะวางใจว่ามิกิหายดี

    “ได้ยินว่ามิกิกลับบ้านไปแล้ว หายดีแล้วเหรอ?”

    “ยังหรอก ยัยนั่นดื้อขอกลับเอง แล้วนายไม่ไปดูหล่อนเลยรึไง”

    “ฮ่าๆ ก็นะ วุ่นๆกับนิยายเลยลืมไปซะสนิท” เขาตอบแล้วหัวเราะ “กะว่าจะไปเยี่ยมวันนี้แหล่ะ”

    “คลาดกันสินะ”

    “เฮ้อ....ไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะบ้าเสี่ยงตายขนาดนี้จริงๆ”

    ซึนาเดะยิ้มมุมปาก “นายคงรู้จักเธอน้อยไปล่ะสิ”

    “ก็คงจะใช่แหล่ะ ตอนสมัยที่เด็กคนนั้นตัดสินใจเดินทางคนเดียว ฉันยังไล่กลับมาที่หมู่บ้าน ไม่สนว่าเขาจะรู้สึกยังไงด้วยซ้ำ”

    “แต่สิ่งที่นายทำก็เพื่อปกป้องไม่ใช่เหรอ?”

    จิไรยะมองสาเกในมือก่อนตอบ “เหมือนฉันจะรู้สึกได้ว่ามินาโตะก็อยากให้เป็นแบบนั้น ตอนนั้นฉันเห็นเด็กคนนั้นมีแต่ความแค้นในใจ มันคงไม่ดีจริงไหม ถ้ามันทำให้เด็กคนนั้นต้องจบชีวิต”

    “นายไม่อยากให้มิกิจมอยู่ในความแค้นเลยแบกรับภาระทั้งหมดเอง”

    “คนเป็นพ่อก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกๆไม่ใช่รึไง ฮ่าๆ”

    “อย่างนายเนี่ยนะจะทำตัวเป็นพ่อ พ่อที่ลามกล่ะสิไม่ว่า”

    ซึนาเดะเหน็บใส่พลางยกขวดดื่มอีกครั้ง จนกระทั่งพวกเขาดื่มมากพอแล้ว จึงวางเงินไว้ที่โต๊ะแล้วเดินออกมา

    “เธอนี่นะ ดื่มหนักไปแล้ว แบบนี้จะกลับไปทำงานได้ยังไง”

    “ช่างฉันเหอะน่า” ซึนาเดะตอบทั้งๆที่โดนอีกฝ่ายเอาแขนเธอพาดบ่าเอาไว้ เดินกลับไปตามถนน โดยมีแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดินเป็นฉากหลัง

    “ขี้เมาแบบนี้จะมีใครดูแลเธอเป็นได้เท่าฉันกันล่ะเนี่ย เป็นห่วงนะ”

    “หนวกหูน่า ชิซึเนะก็ดูแลฉันได้ยะ ไม่ต้องง้อนายหรอก” ไม่รู้ว่าเธอพูดประชดเพราะเมาหรืออะไรกันแน่

    “จ้าๆ”

    พอเดินไปตามทางไม่นาน ตรงหน้าก็มีเก้าอี้ยาวอยู่พอดี จิไรยะจึงพาหล่อนไปนั่งพัก

    “เฮ้อ ฉันคงไปส่งเธอไม่ถึงที่หรอกนะ” เซียนกบปาดเหงื่อตามใบหน้า พลางมองไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ “จะต้องไปแล้วสิ”

    “เดี๋ยวสิยะ จะรีบไปไหน”

    ถึงสาวใหญ่ที่ตนชอบเหนี่ยวรั้งเอาไว้ มันก็แอบรู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน

    “นี่ ฉันนึกขึ้นมาได้น่ะ นายพอจะรู้เรื่องครอบครัวของมินาโตะและมิกิบ้างรึเปล่า?”

    “หา?” ยิ่งเมาก็ยิ่งถามอะไรแปลกๆ แม่คนนี้ “ไม่รู้สิ ตาแก่เหมือนจะรู้ เท่าที่ฉันจำได้”

    ตาแก่ที่ว่าคือ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3

    “นั่นสินะ....” ซึนาเดะนั่งพิงพนักมองร่างสูง “ฉันแค่คิดว่าเจ้านารูโตะมันน่าจะรู้เรื่องพ่อและแม่เขาซักที แต่พอมานึกดูอีกที มิกิก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร  น่าสงสารทั้งคู่เลยนะ ว่าไหม”

    “เพราะสงครามที่ผ่านมาล่ะมั้ง”

    “ถ้าสมมติว่ามินาโตะและคุชินะยังอยู่ คิดว่าครอบครัวนั้นอาจเป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุดเลยนะ”

    “ฮ่าๆ แค่นึกภาพก็เห็นความวุ่นวายเลยล่ะ”

    จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนยืนแอบฟังพวกเขาทั้งคู่อยู่

    หลังจากที่เสียงหัวเราะหยุดลง

    “จะไปแล้วงั้นเหรอ?” ซึนาเดะถามขึ้น

    “....อา... ครั้งนี้ฉันอาจจะไม่ได้กลับมา”  จิไรยะตอบสีหน้าเครียดอีกครั้ง เขามองคนที่นั่งอยู่ม้านั่ง ในหัวมีคำพูดมากมายอย่างบอกไม่ถูก

    “ถ้างั้นให้ฉันไปด้วยจะไม่ดีกว่ารึไง”

    “อย่าลืมสิ เธอเป็นโฮคาเงะนะ หมู่บ้านต้องการเธอ”

    “แต่ให้ฉันส่งนายไปที่อันตรายแบบนั้น....”

    “มันก็เป็นหน้าที่ของเธอไม่ใช่รึไง ซึนาเดะ แล้วก็...ถ้าฉันได้กลับมา ฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอ”

    ซึนาเดะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงทันที มันเป็นความเงียบที่มีทั้งสองคนในนั้นรู้กันเสียงแค่สบตา คนที่แอบฟังนั้นจึงไม่ได้รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่

    แต่นั่นก็ทำให้เธอแอบยิ้มออกมา

    “ฮะๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น คิดจริงจังไปได้ ฮ่าๆ”

    “อย่าพูดให้คิดไปไกลแบบนั้นสิ เจ้าบ้า”

    “แต่ฉันจริงจังนะ”

    “....”

    “ฉันอยากให้เธอพนันว่าฉันต้องได้กลับมา”

    “บ้าน่า แบบนั้นถ้าเกิดว่า....”

    “เธอพนันแพ้ตลอดไม่ใช่รึไง ซึนาเดะ แค่นี้เอง”

    ซึนาเดะลืมไม่เสียสนิทว่าตนไม่เคยมีดวงชนะพนันซักนิด แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของเธอกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ หวั่นเกรงบางอย่าง

    “คราวนี้ฉันจะต้องจัดการหัวหน้าของแสงอุษาให้ได้ เอาล่ะ คงได้เวลาแล้ว”

    ทันทีที่คนแอบฟังได้ยินคำว่าหัวหน้าแสงอุษา เธอก็เดินออกมาจากที่ซ่อน เดินไปหานินจารุ่นใหญ่ทั้งสอง

    “ให้ฉันไปด้วยเถอะค่ะ ท่านจิไรยะ”

    มิกิยืนประจันหน้าร่างสูงด้วยสายตาแน่วแน่ และนั่นคือการตัดสินใจที่ไม่มีวันหวนคืนได้อีกสำหรับหญิงสาวทั้งสองในตอนนั้น

    คนนึงตัดสินใจส่งลูกน้องไปตามคำขอ

     

    ส่วนอีกคนตัดสินใจเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อันตรายต่อ 


     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดสอบมิดเทอมอยู่ค่าาา ขอโทษที่หายไปยาวเลยนะคะ 

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    “ล้อเล่นกันใช่ไหมเนี่ย มิกิจัง” จิไรยะเอ่ยถามหลังจากที่เขาอึ้งอยู่นาน ขณะที่เขากำลังร่ำลาซึนาเดะ จู่ๆหญิงสาวก็ปรากฏระหว่างพวกเขา แถมยังพูดในสิ่งที่เขาเดาออกแน่นอนถ้าหล่อนได้ยินเรื่องนี้เข้า

    “ฉันจริงจังค่ะท่าน”

    “แต่มันอันตรายเกินไป ฉันไม่อนุญาตแน่ เธอด้วยใช่ไหมซึนาเดะ” เขาหันไปขอความเห็นสาวใหญ่ที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งสีหน้าสงบ

    “ซึนาเดะ? หรือว่า....”

    “ความจริงแล้ว ตัวท่านก็อยากไปกับท่านจิไรยะใช่ไหมล่ะคะ ท่านรุ่น 5 เพราะงั้น ให้ฉันไปแทนความต้องการของท่านเถอะค่ะ” มิกิพูดจี้จุดใส่โฮคาเงะสาว

    มันอาจจะเป็นเรื่องไม่ดี แต่นี้เป็นโอกาสของเธอ แค่เพียงให้โฮคาเงะอนุญาต เธอก็พร้อมที่จะออกเดินทาง

    “หยุดพูดเรื่องไร้สาระเดี๋ยวนี้นะ มิกิจัง!!” จิไรยะตวาดใส่เธอ หญิงสาวสะดุ้ง มันเป็นครั้งแรกที่เธอโดนร่างสูงตวาดใส่  

    “ขะ..ขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้าสำนึกผิดลง “แต่ยังไงนี่ก็เป็นอีกตัวเลือกไม่ใช่เหรอคะ ให้ฉันทำหน้าที่คุ้มครองท่านจิไรยะ ดีกว่าส่งท่านไปเพียงคนเดียว”

    เธอยังไม่วายพูดให้โฮคาเงะสาวที่เงียบนั่งกริบไม่ยอมพูดอะไร ส่วนจิไรยะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด การเดินทางคนเดียวมันดียิ่งกว่าถ้าไม่มีคนติดตาม

    ทุกครั้งที่เขาออกเดินทาง มักจะไม่บอกมิกิหรือใครก็ตามที่สนิทกับเธอ เพราะรู้ว่าเธอต้องขอตามไปด้วย โชคดีมากตอนที่เขาขอให้นารูโตะเดินทางไปกับเขาแล้วหญิงสาวไม่ได้ตามมาด้วย เพราะเขาอ้างว่าเป็นการเดินทางสอนวิชาระหว่างครูและลูกศิษย์

    แต่นี้มันต่างออกไป ภารกิจครั้งนี้มันเสี่ยงดวง เขายังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาไหม

    “เฮ้อ เธอนี่มัน ดื้อจริงๆนะ มิกิ” เสียงจากคนด้านหลังจิไรยะดังขึ้น ซึนาเดะลุกจากม้านั่งแล้วเดินมายืนข้างตัวจิไรยะ ประจันหน้ากับลูกน้องของตน

    หล่อนตรวจสภาพร่างกายของมิกิ อดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆ บาดแผลตามตัวของมิกิหายไปหมดสิ้น

    หึ คงจะบ้าบิ่นรักษาตัวเองสินะ

    “จำไว้ว่าอย่าคิดทิ้งชีวิต และต้องกลับมานะ”

    ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายอนุญาต มิกิก็ยิ้มดีใจ “ค่ะ!!”

    “เฮ้ย! ซึนาเดะ” ชายสูงวัยคนเดียวในนั้นค้านหัวชนฝา

    “แล้วก็อย่าลืมพาตานี่กลับมาด้วย เพราะยังคงมีเรื่องที่ต้องคุยกับฉันต่อ เข้าใจใช่ไหม” ท้ายประโยคเธอหันไปยักคิ้วใส่ร่างสูง

    “รับทราบค่ะ ท่านซึนาเดะ” มิกิรับคำอย่างแน่วแน่  ส่วนจิไรยะ เขากลับพูดไม่ออก แอบหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อซึนาเดะพูดถึงเรื่องที่เขาไปสัญญาก่อนหน้านี้

     

    “ให้ตายสิ...” 

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาทีละนิดนะคะ ขอบคุณสำหรับ การติดตาม 500 Fav.นะคะ

    ------------------------------------------------------------------

     

    ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำลายเมฆแดงยืนเงยหน้ารับสายฝนที่กระทบใบหน้าอย่างสงบนิ่ง ความเย็นของเหลวที่กระทบใบหน้าไม่อาจสะเทือนผิวหนังของชายหนุ่มแม้แต่นิด ราวกับว่าจิตใจของเขาลอยไปในที่ไกลแสนไกล

    อิทาจิหลับตาลงขณะที่สายฝนกระทบใบหน้าเบาๆ การทำแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกว่ารอบตัวทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวลง มีเพียงเสียงสายฝนที่ดังก้องในหูเท่านั้น

    หยุดคิด....เรื่องหน้าที่ของตัวเองไปได้ซักพัก

    ในขณะที่รอคิซาเมะจัดการพลังสถิตร่างห้าหางนั่นเอง เขามองออกไปที่แนวป่าเบื้องล่าง มันดูเงียบสงบต่างจากสิ่งที่อยู่รอบตัวเขายิ่งนัก

    เรื่องของน้องชายที่เอาแต่ตามล่าตัวเขาเพื่อล้างแค้น

    ใช่ว่าเขาเบื่อเรื่องแบบนี้ แต่กลับเป็นเรื่องที่เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง

    ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่บอกความลับของตนเองแก่ใคร สุดท้ายก็เผลอใจอ่อนบอกไป

    นามิคาเสะ มิกิ ...  ผู้หญิงที่เป็นครูของเขาคนแรก และเป็นคนที่เขาไว้ใจอีกคนหนึ่ง

    ตั้งแต่อิทาจิได้เข้าสังกัดหน่วยลับ เขาไม่เคยเล่าปัญหาในตระกูลหรือส่วนตัวให้มิกิฟังเลยซักนิด สมัยนั้นเขารู้สึกว่าได้เจอเธอและเพื่อนๆอย่างชิซุยและอิสึมิ ก็เหมือนกับพื้นที่ที่เขาหายใจได้เยอะที่สุด

    ชิซุยก็เป็นอีกคนที่ตัดสินใจไม่พูดถึงปัญหานี้เช่นกัน

    “ฉันสังเกตมาสักพักแล้วนะ อิทาจิ”

    “ครับ?”

    จู่ๆความทรงจำตอนที่รวมทีมกับมิกิครั้งสุดท้ายก็ผุดขึ้นมาในหัว

    มิกินั่งอยู่ที่เนินหินใต้ต้นไม้ริมสนามฝึกพร้อมกับทานข้าวกล่องและมองไปที่อิสึมิและชิซุยกำลังวิ่งไล่จับอยู่ลานกลางแจ้ง โดยมีอิทาจินั่งอยู่ข้างๆ

    “เธอน่ะ ชอบอิสึมิใช่ไหม”

    “....” เขาเงียบปิดปากสนิทไม่ตอบ นั่นทำให้ครูสาวข้างตัวมั่นใจ

    “บอกเขาไปรึยัง ฉันว่ามีโอกาสนะ อิสึมิจังก็ดูชอบเธอมาตั้งนานแล้วด้วย”

    “เรื่องแบบนั้น....ผม”

    “รีบบอกไปก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปนะ อิทาจิ” มิกิเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมทั้งเธอและชิซุยถึงต่างพากันหนีหน้าฉันและอิสึมิ แต่ยังไงซะ ฉันก็รู้สึกแปลกๆเวลาหน่วยลับมาหาฉันและถามถึงเธอสองคน”

    คงจะสงสัยเราและชิซุย หรือไม่...ก็เป็นคุณคาคาชิที่เข้ามานเฝ้าระวัง

    “คุณมิกิไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ คุณมีเรื่องต้องกังวลเยอะแยะ เรื่องของผมไม่มีอะไรมากหรอกครับ”

    “ฉันแค่....ไม่อยากให้เธอเจอเรื่องแบบนั้นอีก ทีมเก่าของเธอน่ะ”

    “ผมเข้าใจครับ”

    ที่อิทาจิเลือกจะไม่บอกก็เพราะไม่อยากให้เธอมาเกี่ยวพัน แต่กับอิสึมิ ยิ่งยากกว่าเสียอีก เพราะเธอคือคนตระกูลเดียวกันกับเขา

    “มีอะไรฉันก็ยังเชื่อใจเธอเสมอนะ อิทาจิ” มิกิยิ้มให้ “ไม่ใช่แค่เธอหรอก สองคนนั้นด้วย”

    ราวกับเธอรู้สึกได้ว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น อิทาจิยังจำวันนั้นได้ชัดเจน วันสุดท้ายที่พวกเขาเจอกันพร้อมหน้า ไม่นานจากนั้น ชิซุยก็โดดหน้าผาจากไป

    เขาหนีห่างจากทีมที่เหลืออยู่ แม้กระทั่งอิสึมิที่พยายามเข้าหา

    “อิทาจิคุง...”

    ฉันขอโทษ อิสึมิ ...

    ผมเป็นคนทำให้ทีมที่คุณพยายามรักษาไว้พังทลายไปต่อหน้า ความรักก็เช่นกัน

    ....

    “คุณอิทาจิครับ ยืนตากฝนแบบนั้นระวังจะเป็นหวัดเอานะครับ”

    เสียงของคู่หูดังจากด้านหลังปลุกให้เขาหลุดจากความคิดในหัว เขาปรายตามองไปก็เห็นว่าคู่หูของตนจัดการห้าหางเรียบร้อยแล้ว

    “เรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ”

    “ครับ รายนี้จัดการหนักเอาเรื่องอยู่นะครับ ถ้าไม่ใช่ผมที่มีจักระน้ำมหาศาลเป็นคนจัดการละก็ คงกลายเป็นลาวาเหลวไปแล้ว”

    ฮิทาจิมองร่างที่ไม่ได้สติถูกคิซาเมะพาดบ่า

    พลังสถิตร่าง....สิ่งที่องค์กรต้องการ

    พอนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ลืมนึกไปเลยว่าอุซึมากิ นารูโตะที่เป็นพลังสถิตร่างเป็นหลานชายของมิกิ  

    ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ครูมาเป็นศัตรูกับเราเลยซักนิด

    “คิดอะไรอยู่เหรอครับ คุณอิทาจิ”

    เพราะเงียบอยู่นานจึงทำให้อีกฝ่ายถามระคนสงสัย

    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก รีบไปกันเถอะ”

    จากนั้นทั้งคู่ก็มุ่งหน้ากลับไปที่จุดนัดหมายเพื่อส่งร่างห้าหางต่อไป พวกเขาหายไปในพงป่าที่หนาทึบท่ามกลางสายฝนที่สาดเทลงมาโปรยปราย

     

    กลับมาที่โคโนฮะ

    จิไรยะมองร่างบางตรงหน้าที่เตรียมของและอาวุธประจำกายพร้อมที่จะออกเดินทางอย่างไม่ชอบใจนัก ก่อนหน้านี้หลังจากที่ซึนาเดะอนุญาตให้มิกิร่วมเดินทางไปกับจิไรยะ เขาขอให้เธอนึกทวนอีกที การเดินทางครั้งนี้หมายถึงการจัดการหัวหน้าของแสงอุษา ซึ่งมันอันตรายเกินไป การเดินทางคนเดียวมันน่าจะปลอดภัยกว่าการที่จะมีคนติดตามมาด้วย

    และความเป็นห่วงที่เปรียบเหมือนพ่ออีก

    แต่ทว่าซึนาเดะกลับยืนกรานให้มิกิไป โดยที่ไม่บอกเหตุผลว่าทำไมกับจิไรยะ เธอคิดว่ามิกิน่าจะรู้ดีเรื่องนี้

    “มิกิก็เป็นนินจา การที่จะถูกส่งไปในที่อันตรายมันก็เป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่าง เธอคงไม่ยอมอยู่เฉยหรอก ถ้ารู้ที่กบดานของหัวหน้าแสงอุษา ไม่แน่อาจเป็นชายสวมหน้ากากที่เธอเคยพบ”

    “แต่ก็ยังไม่มีอะไรยืนยันว่าชายคนนั้นคือแสงอุษาจริงๆซักหน่อย” จิไรยะเถียง

    “เขาสวมผ้าคลุมลายเมฆวนสีแดงค่ะ” มิกิแทรกพูดระหว่างทั้งสอง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูหมู่บ้าน “เขาคือหนึ่งในแสงอุษา เขาอาจเป็นหัวหน้าก็ได้ ฉันจะต้องรู้ให้ได้ ทำไมเขาถึงเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับอิทาจิ แล้วยังต้องการเก้าหางอีก ไม่ได้ลงล๊อคไปหน่อยเหรอคะ”

    “.....”

    “จิไรยะ...เชื่อใจเธอเถอะ มิกิน่ะ เก่งรองจากเจ้าคาคาชิ ฝีมือระดับสูงกว่ารุ่นตัวเองอยู่นะ”

    “เรื่องนั้น ฉันรู้น่า”

     

     

    ระหว่างเดินทาง ชายสูงวัยเดินตามหลังมิกิ เขามองแผ่นหลังบางด้วยความกังวล

    “นานแล้วนะคะที่ได้เดินทางร่วมกับท่าน ท่านจิไรยะ” มิกิเอ่ยแล้วหันมามอง “ตั้งแต่ตอนฉันอายุ 18เลยสินะคะ”

    “ตอนนั้นเธออยากจะเดินทางคนเดียวด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากเป็นภาระของฉัน” จิไรยะเอ่ย “แต่ทำไมตอนนี้กลับมาเป็นภาระให้ฉันกันล่ะ”

    “ท่านคะ ฉันไม่ยอมเป็นภาระให้ท่านหรอกค่ะ” มิกิหน้ามุ่ยตอบ

    “เฮ้อ เธอน่ะเป็นภาระของฉันตลอดนั่นแหล่ะ” ว่าจบเขาก็เดินมาหาหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าจนเข้าระยะประชิด “เธอทำให้ฉันต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้นน่ะสิ”

    “เอ๋? ว้าย!!!! ท่านจิไรยะ ท่านทำอะไรน่ะคะ!!!!”

    แขนแกร่งที่ดูเหมือนผ่านการต่อสู้มากมายนับไม่ถ้วนช้อนร่างของมิกิขึ้นเหมือนท่าเจ้าหญิง มิกิกรี๊ดร้องตกใจ เพราะไม่เคยถูกผู้อาวุโสที่น่านับถือคนนี้จับอุ้มมาก่อน

    “แบบนี้น่าจะไปเร็วกว่า” เขากระโดดขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็วพร้อมกับอุ้มหญิงสาวไปด้วย

    “ถ้าแบบนี้ฉันก็ไล่ตามท่านทันนะคะ เพราะงั้นปล่อยลงเถอะค่ะ”

    “ไม่เอาน่า แบบนี้ฉันดูแลเธอได้ง่ายกว่า”

     

    ตั้งใจมาทำหน้าที่คุ้มครองหนึ่งในสามนินจาในตำนาน แต่ว่าการที่ถูกอีกฝ่ายอุ้มท่าเจ้าหญิงและโดดกลางป่า มันทำเอาเธอเสียชื่อการเป็นนินจาหมดเสีย


     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    งานมหาลัยอัดแน่นหลังมิดเทอมเลยค่ะ แต่จะรีบมาอัพให้จบตอนนะคะ 

    เดี๋ยวจะมีโหวตให้มิกิ ชวนจิ้นกับใครมากที่สุด ถ้าใครโดนโหวตมากที่สุดจะมีแฟนอาร์ตให้นะคะ ><


     


     

    โพล159755

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     


     

    “ที่เธอเลือกจะมาคุ้มครองฉันเนี่ย ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวที่หมู่บ้านหรอกใช่ไหม”

    “คะ?” เธอทวมถามอีกครั้ง

    “ก็เพราะทีมของเธอออกไปทำภารกิจกันหมด แถมภารกิจที่ว่าก็คือ อิทาจิ”

    นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้าง เมื่อได้ยินชื่อนั้น เธอมองหน้าคนที่อุ้มเธอตรงๆ พลางถาม “พวกเขาได้รับคำสั่งให้ฆ่าเขาเหรอคะ?”

    หรือว่าเธอไม่รู้ ให้ตายสิ พวกนั้นปิดความลับหรอกเหรอเนี่ย

    “เปล่าๆ พวกเขาไปตามหาน่ะ เผื่อเป็นเบาะแสตามตัวเจ้าซาซึเกะ” จิไรยะโดดลงที่กิ่งไม้ใหญ่แล้วโดดพุ่งตัวไปอีกครั้ง 

    “ซาซึเกะคุง....” หญิงสาวพึมพำทวนชื่อเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของนารูโตะ เธอรู้จักเด็กคนนี้ตั้งแต่เขาเพิ่งเกิดแล้ว ทว่าไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนัก

    บางทีซาซึเกะคงจำไม่ได้ด้วยว่าเธอเคยเป็นครูของอิทาจิ

    “ครั้งนี้พวกเขาหวังว่าจะลากอิทาจิกลับหมู่บ้านได้ ล่อเจ้าซาซึเกะหมู่บ้านด้วย ไอเดียดีนะ ซึนาเดะเนี่ย ฮ่าๆ” จิไรยะว่าขำๆ จากนั้นก็โดดลงจากต้นไม้ เมื่อถึงที่โล่ง และวางตัวมิกิลง

    “ฉันคิดว่าเขาไม่มีทางยอมกลับหรอกค่ะ อิทาจิน่ะ” เธอมั่นใจถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าก็ตาม หลังที่จากที่เห็นความจริงของลูกศิษย์ในตอนนั้น ความหวังที่อยากให้เขากลับมามันก็ไม่มีเหลือ

    ความจริงที่น่าเจ็บปวดของเด็กคนนั้น เธอสัญญาแล้วว่าจะไม่บอกใคร

    จิไรยะมองหญิงสาวที่มองออกไปยังลานกว้างซึ่งไกลออกไปมีหมู่บ้านอยู่ มือบางนั้นกำหมัดแน่นจนสั่น

    เพราะงั้นเธอก็เลยเลือกที่จะเดินหน้าต่อไป อย่างเท่าที่ทำได้งั้นเหรอ มิกิจัง ....

    “ไปกันเถอะค่ะ ท่าน ภารกิจของเรายังอีกยาวไกลนะคะ”

     

     

    ท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาก็ต่างคนต่างเลือกหนทางของตัวเองเพื่อที่จะเดินหน้าต่อ ตัดสินใจทิ้งความรู้สึกที่ชวนให้พวกเขาไม่ยอมไปไหน 

    หญิงสาวเลือกที่จะเผชิญหน้ากับหัวหน้าแสงอุษา หนึ่งในต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมดภายในใจของเธอ

    ถูกปกป้องมามากเกินไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้  

    อย่างน้อยก็ขอให้ได้ทำหน้าที่ปกป้องใครซักคนก่อนที่จะหมดลมหายใจ ....

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ฉึบ.

    นิ้วมือของคาคาชิถูกขอบกระดาษบาดจนเลือดไหล ขณะที่เขายืนอ่านนิยายอยู่ใต้ร่มไม้ในป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหล่านินจาโคโนฮะที่เป็นลูกน้องของเขาทั้งหมด

    ตอนนี้พวกเขาหยุดพักเหนื่อยอยู่ สองวันที่ผ่านมาทีมของคาคาชิและทีมย่อยของยามาโตะตามหาร่องรอยของซาซึเกะและอิทาจิโดยไม่หยุดพัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาหยุดพักเอาแรง บวกกับความบ้าบิ่นของนารูโตะที่อยากตามหาซาซึเกะทุกวินาที

    ชายหนุ่มมองบาดแผลเล็กๆที่นิ้วมือ เลือดสีแดงสดไหลออกมาน้อยนิดไม่รู้สึกเจ็บนัก เพียงแต่มีบางสิ่งกวนใจเขาอยู่

    ที่หมู่บ้านตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ .... เธอออกจากโรงพยาบาลรึยังกันนะ....

    “เฮ้อ...” เขาถอนหายใจอย่างแรงพลางเช็ดเลือดที่นิ้วออก พลางนึกถึงเรื่องก่อนออกมาทำภารกิจ

    ตอนนั้นไม่น่าพูดออกไปเลย รู้สึกผิดมหันต์สุดๆ

    เขาตะโกนด่าตัวเองในใจ

    ปากพาซวยแท้ๆ รักงั้นเหรอ  ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ารักกับชอบมันแตกต่างกันยังไง

    ใบหน้าสับสนของมิกิลอยขึ้นวนมา บ่งบอกเลยว่าเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงบอกรักเธอไป

    น่าอายชะมัด ....

    “รุ่นพี่ครับ สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” ยามาโตะแวะมาหาร่างสูงเมื่อเห็นอีกฝ่ายจู่ๆก็อาการแปลกๆ

    “หะ หา?”

    “หน้ารุ่นพี่.....แดงน่ะครับ” เขาชี้ที่หน้าตัวเองแล้วมองคาคาชิยิ้มแห้งๆ

    คนเป็นรุ่นพี่อึกอักมองไปทางอื่นเพื่อพยายามกลบอารมณ์ตกใจของตัวเอง

    ทีแรกยามาโตะคิดว่ารุ่นพี่คนนี้อาจจะอ่านนิยายจนเขินตามปกติก็ได้ แต่ว่าท่าทางที่ถอนหายใจ ขยี้ผมตัวเองไปมา เหมือนกับ...คนคิดมากแปลกๆ

    “นี่ เทนโซ..”

    “อย่าเรียกชื่อนั้นเถอะครับ รุ่นพี่คาคาชิ”

    “คิดว่าฉันทำถูกรึเปล่า ที่สารภาพกับยัยนั่นน่ะ”

    “สารภาพ? เรื่องอะไรเหรอครับ”

    “............”                  

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ ยามาโตะก็เดาออกทันที พูดเสียงดังไม่ได้สินะครับ...รุ่นพี่ ถ้าพวกเด็กๆได้ยินเข้า...

    “บอกไปแล้วเหรอครับ”

    คาคาชิพยักหน้า “โดนปัจจัยรอบตัวกระตุ้นให้พูดออกไปน่ะ”

    “ถึงว่าทำไมเมื่อสองวันก่อน รุ่นพี่ดูหงุดหงิด โดนปฏิเสธมาเหรอครับ?” ยามาโตะถามตรงๆ ก่อนจะไปนั่งข้างๆตัวอีกคน เพื่อนจะได้คุยกับเสียงเบากว่านี้

    ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็คือความจริงที่โดนปฏิเสธ

    “ผมว่าที่โดนปฏิเสธมาเพราะว่าเขามีเรื่องอื่นที่หนักใจกว่ารึเปล่าครับ”

    “เรื่องอื่นงั้นเหรอ?” คาคาชิทวนถาม

    “รุ่นพี่มิกิเป็นคนแบบนั้นนี่ครับ เวลามีเรื่องให้คิดมาก เขามักจะไม่เล่าให้ใครฟังเลย ถ้าไม่ถามตรงๆ”

    คาคาชิแอบรู้สึกหวงนิด เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องคนนี้รู้จักคนที่เขาชอบมากกว่าเขาเอง

    “ว่าแต่รุ่นพี่ชอบรุ่นพี่มิกิตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”

    “หา? เรื่องนั้น....จะไปรู้ได้ไงกันล่ะ”

    “อ้าว รุ่นพี่นี่ไม่ใส่ใจเลยนะครับ”

    อะไรของเจ้านี้ ได้ทีล่ะแซ็วจริงๆ

     คาคาชิเลือกที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงยามาโตะต่อ

     

    แต่พอมานึกดูอีกที....เขาชอบเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน? 

    -------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดจบตอนเลยล่ะกันค่ะ ยาวมากแล้ว เอาจริงรอดูผลโหวตอยู่ค่ะ 555555 นานๆจะวาดประกอบฟิคตัวเองบ้าง วาดสดเส้นรกหน่อยนะคะ 


     

    เกินคาดมากที่ อิทาจิแซงหน้าทุกคน 55555 


     


     

    ไม่กล้าจิ้นเกินครูศิษย์จริงค่ะ เลยคิดได้แบบนี้  ให้อิทาจิเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักต่อไปดีกว่า 


     

    ตอนแรกคิดว่าคาคาชิจะชนะเลยวาดเตรียมลงไว้ เอาเป็นว่า ลงเลยละกันค่ะ 

    ยังไงก็คู่หลักของเรื่องอยู่แล้ว 


     

     

    แม่มดน้อยกับหมาป่า ....

    ลงเอยซักทีเถอะคู่นี้น่ะเว้ยยย !!!!! 55555555555555


     


     

    อยากให้วาดคู่ไหน ริ่งดูผลโหวตอยู่นะคะ  เจอกันตอนหน้าค่าาาา 

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ล่าสุดผลโหวต คาคาชิชนะแล้ว 555555555555 

    วาดเพิ่มเติมค่ะ 

     

    คคช : เมื่อไหร่จะยอมรับความรู้สึกตัวเอง ซักที!! //ดึงแแขน

    มก : เอ๋?!! *หน้าใกล้ไปแล้วนะ!!*


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×