NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #48 : บทที่ 42 มิกิ ปะทะ โคนัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.82K
      112
      16 เม.ย. 64

       

    บทที่ 42 มิกิ ปะทะ โคนัน 

         การโจมตีของหญิงสาวนามว่า โคนัน ทำให้ทั้งคู่ถูกกันออกมาจากการต่อสู้ของจิไรยะและเพน

         “ดูเธอจะเป็นห่วงครูจิไรยะมากเลยสินะ”

         มิกิชักดาบเล่มยาวออกมา

         “ถึงฉันจะไม่ได้รู้จักคุณเป็นการส่วนตัว แต่การพบกันแบบนี้จะต้องทำให้เราต้องสู้กัน”

         “.....”

         “อย่างน้อยก็บอกสาเหตุที่คุณอยู่กับชายคนนั้นได้หรือไหม”

         “.....”

         โคนันไม่ได้ตอบในทันที เธอประเมินนินจาสาวตรงหน้าอยู่ ดูจากรูปร่างและวัยอาจจะน้อยกว่าเธอด้วยซ้ำ

         “เป็นเพราะฉันสัญญาเอาไว้ ว่าจะอยู่เคียงข้างเขา”

         อยู่เคียงข้าง...

         “และเพราะสงคราม.... เธอน่าจะรู้ ว่าที่แห่งนี้คือผลพวงของสงครามระหว่างแคว้นมาอย่างยาวนาน”

         มิกิมองอีกคนที่ลอยอยู่เหนือหัว

         “เพราะแบบนี้ กลุ่มของพวกคุณถึงได้ฆ่าคนมากมายไปงั้นเหรอ?”

         “การเสียสละครั้งนี้มันเพื่ออนาคตข้างหน้าต่างหากละ”

         “แน่ใจงั้นเหรอ? การรวบรวมสัตว์หางทั้งเก้า โดยไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตามจนได้มานี่ไม่ใช่.... พวกคุณต้องการสร้างสงครามกับห้าแคว้นงั้นเหรอ?”

         “....”

         “แล้วยังจะรวบรวมนินจาหลบหนีอีก จนถึงตอนนี้ก็เหมือนกับ.... ใช้พวกเขาแล้วทิ้งไป”

         โคนันหรี่ตามอง

         “อา...ฉันนึกออกแล้ว คุณคือ... อดีตครูของอิทาจิสินะ”

         พอพูดถึงจุดนี้ หญิงสาวก็เริ่มอยากยุติการสนทนานี้ลง

     

         “พวกคุณมันก็แค่....พวกที่เห็นแก่ตัวเท่านั้นแหล่ะ!!” 

    หญิงสาวพุ่งออกไปยังศัตรูที่ลอยอยู่บนอากาศพร้อมดาบคู่ใจของเธอ พลางฟาดลงกลางแสกหน้าของโคนัน

    พับ!!

    “อึก!!” กองกระดาษมากมายมารับคมดาบไว้แทน  แถมยังต้านแรงดาบของมิกิทำให้เธอไม่สามารถขยับดาบได้ง่าย

    “ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องมาไม้นี้”

    กระดาษมากมายที่ยึดดาบของมิกิ จู่ๆมันก็อ่อนยวบลงทันที น้ำจำนวนมากไหลออกมาจากดาบ ทำให้เธอสามารถตัดกระดาษของโคนันออกได้ง่าย

    มิกิหล่นลงมาที่พื้นตามแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง ไม่ถนัดเอาเสียเลยที่จะต่อกรกับพวกใช้วิชาลอยตัว

    และพอเท้าเธอถึงพื้น โคนันก็โจมตีใส่เธอรัวด้วยกระดาษที่กลายเป็นจรวจจำนวนมาก

    ตู้มมมม

    หญิงสาวรีบโดดหลบด้วยความเร็วสูงสุดของเธอ กระดาษพวกนี้ เหมือนกับ...กระสุนที่จ้องจะทะลุร่างของเราให้พรุนแน่ๆถ้าโดนมันเข้า

    “คาถาไฟ : เพลิงโลกันต์!!!” พอสุดมานาของตัวเอง เธอจึงจำใจใช้จักระกับคาถา

    ไม่หมดไม่สิ้นซักที

    “เธอคงจะถนัดการต่อสู้ระยะประชิดสินะ” โคนันเอ่ยก่อนจะก่อรูปอาวุธจากกระดาษเป็นหอกปลายแหลม

    “ฉันจะให้เกียรติเธอล่ะกัน”

    โคนันฝ่ากลางดงกระดาษที่โถมใส่มิกิอย่างรวดเร็วจนเธอเกือบหลบไม่ทัน ทว่าเพราะทักษะระยะประชิดนั้น มิกิจึงเอี้ยวหลบนิดเดียว

    เคร้ง!!!

    “ขอบคุณที่ให้เกียรติกัน” หญิงสาวยิ้มอย่างมีโอกาส ถ้าการปะทะระยะนี้ล่ะก็ เธอสามารถอ่านทางของอีกฝ่ายได้

    เสียงดาบปะทะกันไปมาอย่างรวดเร็ว

    ผู้หญิงคนนี้ ทักษะการใช้ดาบ.... ราวกับ  โคนันอุทานในใจ เธอรับการโจมตีของอีกฝ่ายไป

    “เป็นผู้ติดตามของครูจิไรยะที่เก่งพอดูเลยนะ”

    “ผู้ติดตาม?” มิกิทวนถามพลางฟาดดาบลงอีกครั้ง “ฉันอาสาตามท่านจิไรยะมาเอง เพื่อที่จะมาจัดการหัวหน้าของพวกคุณต่างหาก”

    เคร้ง!!

    “ความแค้นงั้นเหรอ”

    เคร้ง!!

    “ถ้างั้นเธอก็ไม่ต่างจากพวกเรา”

    คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวชะงักสงสัย “หมายความว่าไง?”

    โคนันไม่ได้โจมตีเธอต่อ เธอยืนนิ่งหลับมาลงก่อนจะมองหญิงสาวอีกครั้ง

    “สูญเสียคนที่รัก และหันหลังจากแสงสว่าง”

    “.....”  มิกิเงียบรอฟังอีกคนเอ่ย

    “พวกเราทำใจยอมรับแล้ว ว่าจะต้องมีคนมากมายแค้นพวกเรา แต่มัน....ก็จะเหมือนกับที่พวกเราเคยโกรธแค้นพวกคุณ”

    “หรือว่า....เหตุผลที่คุณสร้างแสงอุษาก็คือ...”

    เธอคนนี้ เป็นคนที่มีเหตุผลกว่าที่คิดแหะ โคนันแอบคิดในใจ แต่ว่าพวกเรามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว คงกลับไปเหมือนเก่าไม่ได้

    “เราต่างก็มีความแค้นที่สูญเสียคนที่รักไปเหมือนกัน ทำไมคุณถึงไม่มาร่วมมือกับพวกเราล่ะ นามิคาเซะ มิกิ

    มิกิอึ้งเล็กเมื่ออีกฝ่ายรู้จักชื่อตน

    “ร่วมมือกับแสงอุษาเนี่ยนะ ล้อเล่นรึเปล่า? อย่าลืมสิ ฉันมาที่นี่เพื่อจะกำจัดหัวหน้าคุณนะ”

    ถึงจุดอ่อนของฉันคือการกลัวสูญเสีย แต่ไม่ใช่เพราะว่าเหตุผลเดียวกันกับพวกนี้จะทำให้ฉันเข้าร่วมองค์กรที่ฆ่าพี่ชายของฉันหรอกนะ

    “หัวหน้า? คุณมีมีทางต่อกรกับเขาได้หรอก แม้แต่ครูจิไรยะก็ยัง—“

    “ไม่ใช่ ฉันรู้ว่าเพนน่ะ ไม่ใช่หัวหน้าที่แท้จริงของแสงอุษาหรอก หลายปีก่อนช่วงสงครามมหานินจาครั้งที่สาม พวกคุณเป็นองค์กรอิสระที่ดังพอดู แต่เพราะเหตุการณ์หนึ่ง ทำให้พวกคุณเปลี่ยนไป”

    “....”

    “เบื้องหลังองค์กรนี้มีชายที่สวมหน้ากากคอยบงการอยู่”

    “แสงอุษาคือกลุ่มที่พวกเราสร้าง!! ไม่ใช่ชายคนนั้น!!”

    ความโกรธแล่นในกายของหญิงสาวที่มักจะมีบุคลิกเยือกเย็นเสมอ เธอโถมพลังโจมตีใส่มิกิอย่างไม่ทันตั้งตัว

    ตู้มมมม !!!

    มิกิกระเด็นล้มลงกับพื้นไป เธอยันตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง

    ดันไปสะกิดต่อมโกรธของหล่อนจนได้...แบบนี้ต้องจัดการหล่อนแล้วค่อยไปช่วยท่านจิไรยะจัดการเจ้าเพนนั่นสินะ

    พวกนี้เคยเป็นศิษย์ของท่านจิไรยะด้วย เราจะไหวไหมเนี่ย...

    คนเคยเป็นศิษย์ของนารา ชิคาคุโอดครวญในใจ พลันนึกได้อยู่ว่าตนเองก็ร่ำเรียนวิชาจากโฮคางะรุ่นสี่มาไม่น้อย

    อย่างน้อยเราก็ได้วิชามาอีกทอดล่ะนะ

    ระลอกการโจมตีมาอีกครั้ง มิกิปักดาบลงพื้นเรียกน้ำมหาศาลออกมาทีเดียว

    “พอกันที...”

    จะจัดการให้จบเดี๋ยวนี่แหล่ะ!!!

     

    ตู้มมมม !!!

    เสียงระเบิดดังสนั่นจากด้านหลังของมิกิ พร้อมกับสัตว์อัญเชิญมากมายโผล่เข้ามา

    “อะไรเนี่ย!!”

    กบตัวใหญ่ที่ถือโล่จานและอาวุธโผล่มาด้วยสภาพสะบักสะบอม

    “คุณกามะเคน?”

    “เอ๋? เสียงของใครกัน” ดูเหมือนกบยักษ์จะไม่สังเกตเห็นเธอที่อยู่ที่เท้าของเขา

    “มิกิจัง น้องสาวของมินาโตะไงล่ะ คุณกามะเคน” จิไรยะตอบแทน เขายืนอยู่บนหัวกามะเคนด้วยท่าที่พนมมือตลอด มิกิเห็นว่ามันมีแสงจักระบางๆ

    “ขึ้นมาสิ มิกิจัง”

    “แต่ฉันกำลัง—“ พอหันกลับไปมองผู้ใช้วิชากระดาษ ตอนนี้ก็หลายไปแล้ว กลายเป็นสุนัขหลายหัวตัวใหญ่ ที่กำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว

    มิกิจึงโดดขึ้นไปอย่างไม่มีทางเลือก

    “นี่ท่านกำลังสู้กับสัตว์พวกนี้อยู่เหรอคะ”

    “ก็อย่างที่เห็นน่ะแหล่ะ”

    “แล้วเพนล่ะ”

    เรื่องนั้นทำเอาชายแก่เครียด “หมอนั่นซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งนี่แหล่ะ หนูมิกิจังลองตรวจจับทีได้ไหม”

    มิกิส่ายหน้า “ฝนขอที่นี่คือจักระที่พรางตาของผู้ใช้ค่ะ ฉันสัมผัสไม่ได้เลยว่าเขาซ่อนตัวที่ไหน”

    “งั้นเหรอ”

    เธอมองดูอีกคนที่อ่อนล้าจากการต่อสู้ ขณะที่กามะเคนรับมือกับสุนัขหลายหัว ราวกับว่าที่เธอสู้กับโคนันเมื่อครู่มันผ่านไปแค่แปปเดียว แต่กับฝั่งของจิไรยะมันนานโข

    ตึงๆๆ

    เสียงฝีเท้าขนาดยักษ์ดังสนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งคู่หันไปที่ต้นเสียงก็พบกับกระทิงยักษ์ที่วิ่งเข้ามาพร้อมจะขวิด

    “คุณกามะเคน พอแค่นี้แหล่ะ กลับไปพักเถอะ ทางนี้เดี๋ยวจัดการต่อเอง” จิไรยะสั่งการ พร้อมเตรียมรับมือกระทิงตรงหน้า

    มิกิแปลกใจ “เดี๋ยวนะคะท่าน---“

    “เธอหลบไปก่อนนะ”

    ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับมือเช่นไร เธอจึงจำใจโดดออกมาให้พ้นระยะ

    ตู้มมมม !!!

    “ท่านจิไรยะ!!!!!”

    คนกับกระทิงยักษ์ มีหรือคนจะชนะ คนก็โดนขวิคจมมิดเลยน่ะสิ

    ขณะที่มิกิหมดหวังนั่นเอง แสงแวบระเบิดก็ผ่านตาเธอ พร้อมกับกระทิงตัวนั้นลอยละลิ่วไปไกล

    สะ....สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสามมหานินจาในตำนาน

    หญิงสาวที่โดดลงไปหาจิไรยะที่กำลังลุกขึ้นในช่องโหว่ขนาดใหญ่ เธอเข้าไปพยุงก็พบว่ามันมีทางไปต่อ

    “หลบจากสายตาของเพนซักพักเถอะ” จิไรยะบอกแล้วให้มิกิวิ่งนำเข้าไปในท่อ

    ....

    ...

    ..

    .

    “เราต้องหาที่ซ่อนก่อน ดูเหมือนท่านกำลังจะอัญเชิญวิชาเซียน มันต้องใช้เวลากักเก็บจักระนี่คะ”

    มิกิพูดขณะวิ่งนำออกไป ไม่คิดว่าการรับมือเพนจะหนักเช่นนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสู้ได้เช่นไร

    “มันน่าแปลกมา เพนน่ะ” จิไรยะเอ่ยขณะวิ่งตาม “ดวงตาเนตรสังสาระมีสองคน”

    “เพนคือใครกันแน่คะ ก่อนหน้านี่ท่านยังเอ่ยคนที่ชื่อนางาโตะ” เธอถาม

    “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่นางาโตะที่ฉันรู้จักไม่ใช่หน้าตาแบบนี้ เสียงเป็นยาฮิโกะ แต่พลังของนางาโตะ”

    “หา?” ชักจะงงเข้าไปกันใหญ่แล้ว

    “แต่ที่แน่ๆ เราหนีพวกเขาไม่พ้นหรอก มิกิจัง”

    “ก็อย่างที่บอกไงคะ ต้องหาที่ซ่อนเพื่อเรียกจักระคืนมา เมื่อกี้ฉันใช้สู้กับผู้หญิงที่ชื่อ โคนัน ก็ลดไปเยอะซะด้วย”

    แล้วจะไปซ่อนที่ไหนดี..

     

    จิไรยะมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้าก่อนจะยิ้มขำๆ กับท่าทางที่พยายามคิดวางแผนรับมือต่อของเธอ

    คิดเหรอว่าฉันจะปล่อยให้หนูอยู่ร่วมสู้กับฉันต่อ มิกิจัง

    “เอาล่ะ”

    จิไรยะหยุดวิ่งทันที มือที่ประสานอยู่บนอกของเขาแสงจักระของมันค่อยเบาลง เขาปล่อยมือออก

    ที่เหลือก็...

    “หยุดวิ่งทำไมคะ แล้วมือ...” มิกิหันหลังกลับมามอง

    “ฉันใช้วิชาสำเร็จแล้วล่ะ เหลือขั้นสุดท้าย ยังพอมีเวลาทำอย่างอื่นซักหน่อย”

    เขาประสานอินอีกครั้ง คราวนี้เป็นคาถาอัญเชิญ

    บุ้ง!

    กบตัวใหญ่โผล่มาด้านหลังมิกิ มันใหญ่มากพอที่คนเข้าไปอยู่ได้

    “นี่เป็นที่ซ่อนของเธอ มันจะพาเธอกลับหมู่บ้านอย่างปลอดภัย”

    “กลับหมู่บ้าน นี่ท่านจะไล่ฉันออกจากการต่อสู้นี้งั้นเหรอคะ?” มิกิถามเชิงหัวเสีย “เรามาไกลขนาดนี้แล้วนะคะท่าน”

    “ฉันสู้ไม่ได้ถ้ายังพะวงหนูอยู่ เอาล่ะ เข้าไปได้แล้ว” จิไรยะรีบอุ้มเธอพาดบ่ากะโยนเธอลงใส่ปากกบ

    “ไม่ค่ะ ฉันไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ท่านคิดว่าท่านคนเดียวจะสู้ได้งั้นเหรอคะ” มิกิค้านหัวชนฝา ดิ้นไปมาบนไหล่ของชายแก่ที่เปรียบเสมือนพ่อ

    “สู้ไม่ได้หรอก เจ้านั่นมันแข็งแกร่งเกินไป”

    พอฟังเช่นนั้น มิกิก็เดาทางออกทันที ถึงจิไรยะจะเอาเธอใส่ปากกบแล้ว มือเธอก็ยังดึงเสื้อของเขาไว้แน่น

    “ไม่เอา....ไม่เอานะคะ”

    มิกิยึดเสื้อของจิไรยะแน่น พยายามดิ้นให้หลุดจากปากกบ

    “อย่าปกป้องฉันแล้วทิ้งกันไปแบบนี้นะคะ”

    “มิกิจัง...” ราวกับเด็กสาวที่ไม่อยากเสียผู้ปกครอง “เธอจะต้องนำข้อมูลที่มีไปบอกซึนาเดะแทนฉัน เข้าใจไหม”

    เขาบอกข้อมูลของเพนเท่าที่รู้ให้เธอฟัง แต่มิกิไม่มีท่าทีจะฟังเลย

    “ถ้าไปต้องไปด้วยกันค่ะ ฉันสัญญากับท่านซึนาเดะไว้แล้วนะคะ”

    จิไรยะยิ้มเศร้าๆ “ฝากขอโทษยัยนั่นแทนฉันทีนะ ฮ่าๆ”

    อย่างน้อยเด็กคนนี้ฉันก็ได้ปกป้อง

    “ละ...แล้วนารูโตะล่ะคะ” มิกิยังดื้อไม่หยุด “ท่านจะทิ้งไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

    ต้องยื้อให้ถึงที่สุด ไม่ไปไหนทั้งนั้น

    จิไรยะไม่ตอบ เขายิ้มให้เธอ

     

    และนั่นก็เป็นภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท 

    ...

    ..

    .

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาแล้วค่าาาา  อัพจบไปตอนแล้ว เย้ ขอโทษที่เงียบนะคะ ทยอยแต่งเรื่อยๆ บวกกับพยายามหาฟิลลิ่งบิวท์ตัวเองแต่งให้ได้อยู่ ช่วงนี้ติดบุไตพ่อบ้านค่ะ ในหัวก็จะประมาณมีแต่ด้านมืด แถมจริงๆแล้วคิดว่าจะว่างก็ไม่ว่างจริงๆซักที แก้งานตลอดจนเปิดเทอมเลยค่ะ 

    ตอนนี้ต้องนั่งฟังเพลงนารูโตะเพื่อบิวท์สุดไรสุด 555555555555 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×