NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #50 : บทที่ 44 What are we ? (NC18)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.26K
      185
      24 พ.ย. 65


     

    บทที่ 44 What are we ? 

    “รักข้างเดียว?”  มิกิทวนคำพูดร่างสูงตรงหน้า “หมายถึงเธอชอบฉันแล้วฉันไม่ได้ชอบเธอน่ะเหรอ?”

    “อา...น่าอายชะมัด” เขากุมหน้าตัวเองแล้วหันหน้าหนี “ก็ชอบ...มาตั้งนานแล้ว”

    “เอ๊ะ ...นานแล้ว ตะ..ตั้งแต่เมื่อไหร่”  มิกิถามจ้องอีกคนที่หลบหน้าหนี ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้รู้ความจริง

    ส่วนคาคาชิ เขากลับนึกถามตัวเองเช่นกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงยามาโตะเคยถามแล้วเขาตอบไปว่า ไม่รู้ เอาจริงๆแล้วเขาเริ่มชอบตั้งแต่ตอนไหนกันล่ะ

    “.....”

    “คาคาชิ?” คราวนี้หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปหาคนหลบหน้าที่ไม่ยอมตอบแทน เมื่อเห็นว่าเงียบไปนาน

    เขาชะงักเมื่อร่างบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะยืดตัวขึ้นแต่ก็ยังไม่กล้าสบตา

    “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ว่า...”

    “แต่?”

    ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมองคาคาชิด้วยความสงสัยทำเอาชายหนุ่มระบายยิ้มออกมา

    “พอรู้ตัวอีกที ก็ขาดเธอไม่ได้แล้วล่ะ”

    “.....”

    นี่อาจเป็นคำที่หวานเลี่ยนที่สุดที่เขาเคยใช้เลยก็ได้

    น้ำเน่า...น้ำเน่าชัดๆ

    ก็จริงที่รู้สึกว่าขาดเธอคนนี้ไม่ได้ แต่ไม่รู้จะใช้คำไหน แต่นิยายของท่านจิไรยะก็ช่วยเขาได้จริงๆนะ

    “หึ....ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของเธอเล็กลอดออกมา ขณะที่เธอพยายามอดกลั้นไว้

    น่าอายชะมัด... คาคาชิโอดครวญ

    “ฮ่าๆ ไม่คิดว่าเธอจะใช้คำแบบนั้นกับฉันนะ หึๆ แบบว่า...เอามาจากในหนังสือของท่านจิไรยะใช่ไหมล่ะ”

    “นะ...นี่เธอรู้ด้วยงั้นเหรอ?” คาคาชิถามรู้สึกตกใจก่อนจะบีบแก้มเธอ “ฉันเคยบอกใช่ไหมว่าอย่าอ่านน่ะ มันไม่เหมาะกับเธอซักนิด”

    มิกิก็ยังไม่หยุดขำ แต่เธอก็รีบดึงมือของคาคาชิออกจากแก้มตัวเอง

    “มันเจ็บนะ แล้วฉันก็ไม่ได้อ่านซักหน่อย...ก็แค่...นิดเดียว” คำพูดท้ายเธอแอบกระซิบกับตัวเอง

    “นี่เธอ...”

    สายตาดุส่งมาทิ่มแทงเธอ จนเธอแอบไม่พอใจ

    “อย่างน้อยก็เปิดโลกทัศน์ให้ฉันเหมือนกันแหล่ะนา ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใสๆที่ไม่รู้เรื่องโลกใบนี้ซักหน่อย”

    ถูกลักพาตัว และยังเกือบโดนจับข่มขืน นี่เหรอที่เรียกว่ารู้...

    “ฉันก็ไม่ได้มองเธอเป็นเด็กซักหน่อยนี่”

    มิกิเลิกคิ้ว “นายเคยมีสเปคของเด็กผู้หญิงงั้นเหรอ?”

    “มะ..ไม่—“

    “อา...ใช่สิ เด็กผู้หญิงผมสั้น นายมักจะมองพวกเธอไม่วางตา” มิกิมองผมตัวเอง “ดีนะที่ฉันผมยาว”

    เธอกำลังหมายถึงรินงั้นเหรอ?

    “นี่เธอกำลังหมายถึงรินใช่ไหม...”

    พอเอ่ยถึงชื่ออดีตเพื่อนคนสำคัญ หญิงสาวก็นิ่งเงียบไป

    “ฟังนะ ที่ผ่านมาฉันรู้ ว่าโอบิโตะน่ะ ชอบริน เพราะงั้นฉันไม่เคยคิดอะไรกับรินเลยนอกจาก เพื่อนและคนที่ต้องปกป้อง”

    “แล้วถ้าโอบิโตะไม่ได้ชอบรินล่ะ รินชอบนาย ถ้าเกิดเธอยังอยู่...”

    “....”  

    “นายจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดไหม”

    “....”

    “....”

    “...มันเป็นคำสัญญา” เขาพูดขึ้น “แต่ถึงอย่างนั้น ฉัน...”

    “อย่างน้อย ฉันก็รู้...ว่านายเคยชอบริน”

    คาคาชิไม่สามารถเถียงออกได้ ถึงแม้ว่าเขายังไม่แน่ใจตรงนี้ก็ตาม

    “นี่แหล่ะ ทำไมฉันถึง...ไม่อยากเข้ามาแทรกระหว่างนายกับริน ถึงแม้ว่ารินจะตายไปตั้งนานแล้ว ฉัน...ฉันแค่...ไม่อยากทิ้งความเป็นเพื่อน”

    รู้สึกผิด รู้สึกผิดมาตลอด

    “เราต่างคนต่างเหมือนกันสินะ..”

    “เอ๋?”

    คาคาชิยิ้มออกมาเศร้าๆ “เพราะงี้เราทั้งคู่จึงไม่สามารถลงเอยกันได้ เพราะไม่อยากไปแทรกระหว่างใคร ทั้งโอบิโตะ ริน ฉัน และเธอ”

    เขาพูดถูก

    “ถึงตอนนี้จะเหลือแค่ฉันกับเธอ แต่ก็ยังหยุดอยู่กับอดีตตรงนั้น...”

    การที่จะดึงใครเข้ามาในชีวิตมันเหมือน...ทิ้งอดีตที่คนที่รักรักษาเอาไว้

    “ทั้งฉันและเธอต่างถูกคนที่รักปกป้องจนคิดว่าไม่มีค่าให้ใครได้รัก ตุ๊กตาที่ไม่มีค่า...”

    ไม่มีสิทธิ์ที่จะรัก ทำแต่ภารกิจ

    “แต่ว่าพอฉันเห็นพวกเด็กๆ มันก็ทำให้ฉันคิดได้”

    เอ๋?

    “พวกเขาสอนให้ฉันได้รู้ว่า อนาคตยังมีอะไรอีกมากมายที่เราสามารถเลือกได้ และสิ่งที่คนที่ปกป้องเราหวังไว้ คือพวกเด็กๆ”

    อยู่ต่อไปนะ...

    ฝากดูแล นารูโตะทีนะ

    เธอเป็นความหวังของพี่นะ

    ดวงตาของมิกิร้อนผ่าว เธอฟังคำพูดของร่างสูงแล้วพึงตระหนักได้

    พวกเขาไม่ได้ทิ้งพวกเรา เพียงแต่...อยากให้อยู่ต่อไป ทดแทนที่เหลือ

    “ฮึก...แต่เรื่องของเราล่ะ มันเกี่ยวกันงั้นเหรอ”

    “ตอนเด็กๆ เราคงจะเป็นเหมือนกับเด็กที่ไม่รู้จักคำว่ารัก มากนัก อย่างฉันที่สูญเสียพ่อไป ก็รู้สึกทั้งเกลียดชังและเจ็บปวด ส่วนเธอ...” เขายกมือปาดน้ำตาที่แก้มของเธอ “ไม่เคยเห็นแม้แต่พ่อและแม่ มีแค่อาจารย์เพียงคนเดียว ทำให้พอเธอเสียเขาไป มันทำให้เธอไม่สามารถรู้จักรักได้อีก”

    มิกิยอมรับในใจ

    “เรียนรู้ที่จะรู้จักมัน ฉันคิดว่านะ...”

    รู้จัก รัก...

    “สำหรับฉัน ที่ไม่สามารถปกป้องใครได้เลย ขอแค่ได้ปกป้องเธออีกคน มันก็ทำให้ฉันรู้สึกมีค่าแล้วล่ะ”

    คาคาชิเลือกแล้ว ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร แล้วเธอล่ะ...

    “ได้โปรดอย่าโทษตัวเองว่าไม่มีค่า มิกิ”

    เธอรู้สึกขำตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ตัวของเธอพยายามปิดกั้นมาตลอดว่าตัวเองคิดอะไร แต่ดูเหมือนคนตรงหน้ามองเธอออกหมดเลย

    “ฉันคงจะ...แสดงมันออกมาหมดเลยสินะ นายถึงมองฉันออกหมดเลย”

    คาคาชิยิ้มตาปิด แล้วยีหัวเธอแรงๆ

    “แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอควรจะทานอะไรหน่อยไหม ตั้งแต่กลับมาเธอก็สลบไปครึ่งวัน”

    โครก...

    พูดถึงปุ๊บ ท้องของหญิงสาวก็ร้องออกมา

    “นะ...นั่นสินะ”  ความรู้สึกหิวก็จู่โจ่มเข้ามาทันทีที่เธอนึกถึงมัน ทว่ามีบางอย่างกวนใจเธออยู่

    “งั้นไปหาอะไรกินกัน...” คาคาชิยืดตัวขึ้นจากเตียงแล้วยื่นมือมาให้เธอจับ “เป็นอะไรไปเหรอ?”

    มิกิส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นไปจับมืออีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นตาม  ทำให้เธอเพิ่งสังเกตอีกว่าชุดที่ใส่มันเปลี่ยนไป เธอมองชุดแล้วเงยหน้ามองร่างสูงเชิงถาม

    “เอ่อ...ก็เธอสลบหมดแรงไปก่อนหน้านี้ แถมเสื้อผ้าก็เหม็นแถมเปียกไปหมด ฉันก็เลยจัดการเปลี่ยนให้...แน่นอนว่าตรวจดูแผลแล้ว เธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนัก ปะ...เป็นอะไรน่ะ” เขาอธิบายอย่างซื่อตรงเกินไป มือบางที่กุมมือเขาอยู่สั่นเทา

    “หะ...เห็นสินะ..”

    “เอ๋?”

    “เห็น...หมดแล้วสินะ...ตัวฉันตอนที่...”

    “อ๋อ...ก็เหมือนผู้หญิงปกตินี่...โอ้ย อย่าบีบมือแรงสิ!!!”

    ทันทีที่เขาสารภาพออกมาด้วยความไม่รู้ อีกฝ่ายกลับอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่อย่างน้อยก็ทำให้คาคาชิรู้ ว่าจริงๆแล้ว ผู้หญิงคนนี้ขี้อายสุดๆ

    ก็ปกติเห็นใส่ชุดเน้นทรวดทรง ก็นึกว่าจะไม่ซีเรียสนี่!! 

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มาปล่อยความฟินน่ารักๆให้ก่อนนะคะ 

    -----------------------------------------------------------------------

    เวลาต่อมา

    หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากห้องพักของคาคาชิแล้ว พวกเขาก็เดินไปที่กลางหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยร้านอาหารยามดึกมากมาย 

    ไม่ว่าจะเกิดเรื่องขนาดไหน หมู่บ้านก็ยังดำเนินต่อไป

    ถึงเราจะบอกความรู้สึกให้กับเขาไปแล้ว เขาก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย

    “ขอจับมือได้ไหม”

    ขอถอนคำพูดเมื่อกี้...

    “ไม่” ปฏิเสธเพราะระแวงอีกฝ่ายอยู่ 

    “โธ่ มิกิ ฉันขอโทษ ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ สาบาน”

    พอเจอคำพูดแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจ

    “รู้ว่าเห็นน่า...”

    “แล้วเธอโกรธอะไรล่ะ” คาคาชิถามด้วยความงุนงง “หรือว่า...เธอน้อยใจที่ฉันเห็นของเธออยู่อย่างเดียว งั้นกลับไปฉันจะ—“

    “พูดบ้าอะไรเกรงใจคนรอบๆหน่อยสิ!!”  มิกิตวาดหน้าแดงรีบเข้าไปปิดปากร่างสูงทันที

    คาคาชิแอบยิ้มอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอีกคนเขินหน้าแดง เขาดึงมือเธอออกก่อนจะกระซิบข้างหู

    “...อยากได้ยินแค่คนเดียวสินะ...”

    “ม่ะ...ไม่ใช่ยะ!!!” มิกิรีบถอยห่างทันที

    รู้สึกอันตราย....อันตรายสุดๆ 

    เธอรีบเดินหนีออกไปทันที รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด

    เมื่อกี้เขาบอกว่าจะ....ให้เราดู ...

    “อา....คิดอะไรของเราเนี่ย” ในหัวเผลอจินตนาการออกไปอย่างหยุดไม่ได้ มิกิรีบจ้ำอ้าวออกไป

    ส่วนคาคาชิ เขากลับแอบยิ้มอย่างมีความสุข

    “เหมือนได้เห็นอีกด้านของเธอเลยแหะ...”

    ปกติเห็นแค่เป็นคนนิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูดจา ไม่ค่อยสนใจอะไร

    ถึงตอนเด็กๆจะเป็นคนที่ยิ้มออกมาอย่างง่ายดายก็เถอะ

    รอยยิ้มที่มีให้แค่กับอาจารย์ ...

    อย่างเราจะมีให้บ้างไหมนะ

    “เธอจะไปไหนน่ะ เลยร้านที่เราไปกินด้วยกันแล้วนะ” เขาตะโกนถาม แล้วชี้ไปที่ร้านข้าวกล่องที่เคยมาทานกับเธอ

    “ฉันอยากกินโอเด้ง!!”

    มิกิตะโกนกลับโดยไม่หันมามอง ปล่อยให้คาคาชิแปลกใจกับความเอาแต่ใจของเธอ

    “ครั้งแรกเลยนะเนี่ย....”

    ทุกคนนะ ถ้าใครมีความรักย่อมทำให้คนๆนั้นเด็กลงเสมอ

    เสียงของจิไรยะดังลั่นให้หัวของคาคาชิ เล่นเอาเขาขำ

    “มันก็เป็นอย่างที่ท่านว่าล่ะนะ”

     

    ร้านโอเด้ง...

    มิกิกินทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่หยุด ถึงแม้ว่ามันจะร้อนแค่ไหนก็ตาม จนทั้งคาคาชิและเถ้าแก่มองค้าง

    “อดอยากมากี่วันกันเนี่ย แม่หนู”  เถ้าแก่ถามอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวที่รูปร่างผอมสมส่วนกินอย่างมูมมาม

    “น่าจะสักสองสามวันล่ะมั้งครับ เธอเพิ่งกลับจากภารกิจมา” คาคาชิตอบแทน เพราะมิกิไม่ได้สนใจเลยสักนิด

    เดี๋ยวก็ติดคอหรอก...

    “ฮ่าๆ งั้นเหรอ แปลกนะเนี่ยที่แม่หนูพาคนอื่นมากินโอเด้งร้านลุง”

    คาคาชิเลิกคิ้วมองเถ้าแก่ “หมายความว่าไงกันครับ”

    สายตาของเถ้าแก่มองมิกิเหมือนกับว่าเขารู้จักกับเธอมานานกว่าที่คาคาชิจะรู้

    “ปกติแม่หนูคนนี้จะมากินคนเดียวดึกๆน่ะ ถ้าพูดถึงสมัยก่อนตอนที่พี่ชายก็แม่หนูยังอยู่ คนพี่จะชอบพาเธอมากินน่ะ”

    มิกิยังไม่สนใจเรื่องที่เถ้าแก่เล่ามากนัก  เถ้าแก่จึงพูดต่อ

    “ทุกครั้งที่พี่ชายกลับจากภารกิจ มักจะพาแม่หนูมาทานโอเด้งร้านฉันตลอด แต่ว่าพอเขาเสีย แม่หนูก็ไม่ได้มาสักพักเลยล่ะ”

    คาคาชินั่งจิบเบียร์ฟังเรื่องที่ไม่เคยรู้อย่างเพลิน

    “แต่ก็นะ แม่หนูก็ยังมาร้านฉันคนเดียวตลอด เวลาแบบนี้แหล่ะ เธอก็เป็นคนแรกที่แม่หนูพามาเลยนะ”

    “งั้นเหรอครับ”

    “ลุงคะ มันก็ปกตินี่นาที่จะหาคนมากินโอเด้งลุงเป็นเพื่อน” มิกิบอกพลางขอเบียร์อีกแก้ว

    “แต่หนูไม่เคยทำนี่นา ฮ่าๆ”  เถ้าแก่หัวเราะก่อนจะรับแก้วแล้วหายไปหลังบาร์เทเบียร์เพิ่ม

    จึงเหลือลูกค้าสองคนไว้

    “อะไร....” มิกิสงสัยสายตาอีกคนที่มองเธอจนแอบกังวลว่าเธอมีอะไรเลอะที่หน้ารึเปล่า

    “ไม่ยักกะรู้ว่าเธอชอบกินโอเด้ง”

    “ก็กินแก้หนาว”

    “หึ”เขายิ้มมุมปากเชิงรู้ทันเธอ 

    ส่วนมิกิ เธอหันมาสนใจไข่ต้มและเต้าหู้ตรงหน้าต่อเพื่อหนีสายตาอีกคน

    “ที่นี่...คงเต็มไปด้วยความทรงจำเธอกับอาจารย์สินะ ถึงได้ไม่อยากลบมันออกไป”

    มิกิยักไหล่ตอบ “อืม เวลามาที่นี่ มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจน่ะ”

    “แล้วทำไมถึงพาฉันมาล่ะ”

    นี่แหล่ะประเด็น มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ มันทำให้เขารู้สึกพิเศษ

    “ก็อย่างที่บอกลุงไปนั่นแหล่ะ”

    “ก็ฉันอยากได้ยินจากเธออีกทีนี่นา” เขาอ้อนด้วยสายตา จนหญิงสาวผงะถอยหนี

    เขามักจะรู้ทันเธอเยอะแล้วล่ะสิ

    “เอ่อ...คงเพราะ เวลาที่ฉันมาที่นี่มันรู้สึกสบายใจ เหมือนกับตอนอยู่กับนาย...ละมั้ง...”

    “....”

    “ก็จริงอย่างที่นายว่าที่นี่น่ะ เต็มไปด้วยความทรงจำฉันและพี่ ที่ฉันมาที่นี่ตลอดโดยไม่มีใคร ก็เพราะไม่อยากให้มันเปลี่ยนไปเลยไงล่ะ” มิกิตอบแล้วยิ้มออกมาช้าๆ “แต่ว่าการที่ได้เปิดใจกับนาย มันทำให้ฉันอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มจากที่นี่น่ะ”

    “.....”

    มิกิยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจเถ้าแก่ที่เพิ่งเข้ามาแล้วส่งแก้วเบียร์ให้ ทิ้งให้คาคาชิเงียบอยู่ข้างๆ

    “อา...จริงสิ พ่อหนุ่มคนนี้คือ คุณคาคาชิคนนั้นใช่ไหม”

    “ครับ......?”

    เถ้าแก่ยิ้มร้องอ๋อแล้วพยักหน้ามองเขาสลับกับมิกิ “คนนั้นเองเหรอเนี่ย ที่หนูมักเล่าให้ฟังบ่อยๆ”

    “ลุงคะ! ไหนสัญญาว่าจะบอกเรื่องที่หนูคุยกับลุงที่นี่ไง” มิกิร้อนรนทันที

    “ลุงแค่ถามเอง อีกอย่างลุงไม่เคยเอาไปเล่าลับหลังหนูเลยนะ นี่ก็ต่อหน้าหนูไง”

    “อึก....”

    “ผมพอจะเดาออกนะครับ ว่าเธอเล่าถึงผมเรื่องแบบไหน” เขาเท้าคางแทรกทั้งคู่

    มิกิหันขวับ ส่วนเถ้าแก่หัวเราะร่า

    “พ่อหนุ่มนี่อยู่กับแม่หนูมานานแล้วสินะ”

    “ครับ ตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนนินจาน่ะครับ”

    “โห นานมากเลยนะเนี่ย แล้วเริ่มยังไงมายังไงถึงได้มาสนิทกันขั้นนี้ล่ะ”

    คาคาชิปรายตามองเธอเชิงถามว่าเล่าได้ไหม แต่ว่ามิกิหลบสายตาเขา กระดกเบียร์ไปครึ่งแก้ว

    “พอดีว่าผมเป็นลูกทีมของพี่ชายของมิกิน่ะครับ จนตอนนี้ก็เป็นหัวหน้าทีมของหลานชายเธออีกทีนึง”

    “ฮ่าๆ โลกกลมจริงๆเลยนะ ดีแล้วล่ะๆ วันไหนว่างๆก็มากันทั้งคู่เลยนะ แม่หนูน่ะ ชอบหนีมากินคนเดียว ลุงเป็นห่วงเวลากลับบ้านดึกๆ เป็นผู้หญิง แต่กลับชอบสันโดษ อันตรายนะรู้ไหม”

    “ฉันเป็นนินจานะคะเรื่องแค่นี้ก็เอาตัวรอดได้ค่ะ”

    “นั่นแหล่ะที่ต้องระวัง!” เถ้าแก่เอาทัพพีเคาะหัวมิกิดังโป้ก “เป็นสาวเป็นแส้ ไม่ระวังตัวเอาซะเลย”

     

     

    “ให้ตายสิ ลุงไม่ใช่พ่อของฉันซักหน่อย”  มิกิลูบหัวที่โดนเคาะอย่างแรง ไม่เคยโดนดุหนักขนาดนี้มาก่อนเลยสักนิด

    “จะว่าไปเธอก็เป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้านเยอะเลยนี่” คาคาชิเดินตามเธอออกมาจากร้านโอเด้ง

    มิกิเอียงคอสงสัย “งั้นเหรอ?”

    “นี่เธอเอาแต่สนใจอะไรกันเนี่ย” เขาถอนหายใจแล้วยีหัวเธอ

    “โอ้ย นายโดนตรงที่โดนเคาะนะ” มิกิร้อง

    “ไหนๆ ฉันดูให้” เพราะว่าเขาตัวสูงกว่าเธอเขาถึงก้มมองดูบนหัวของเธอได้ง่าย “ไม่เป็นไรหรอก แค่ปูดๆเอง”

    “เคาะมาได้นะ ลุงเนี่ย—“ ขณะที่เธอบ่นอุบอิบนั้นเอง ร่างสูงก็ก้มเข้ามาใกล้หน้าเธอแล้วฝังจมูกลงที่ผมของเธอเงียบๆ โดยมีมือข้างนึงประคองหัวของมิกิเอาไว้

    “.....”

    ใบหน้าของร่างสูงที่จ้องลงมานั้นฉายแววทะเล้นออกมา “อยากลองทำแบบนี้มานานแล้วล่ะ”

    “อะ...” หญิงสาวพูดไม่ออกใบหน้าใกล้กันเกินไปแถมยังหลบสายตาไม่ได้อีก หน้าเธอแดงก่ำออกมาแล้ว

    “รู้สึกดีใจนะที่เธอพาฉันมาที่นี่ ทำให้ฉัน....รู้สึกว่าเป็นคนที่สำคัญสำหรับเธอเลยล่ะ”  คาคาชิยิ้มตาปิดอย่างมีความสุขภายใต้หน้ากากนั้น ก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือเธอเอาไว้ แล้วเดินนำออกไป

    “ระ...รู้เหรอ ว่าฉันคุยอะไรกับเถ้าแก่ร้านโอเด้ง เกี่ยวกับนาย” ผ่านไปซักพัก มิกิก็เอ่ยถามร่างสูงด้านหน้า

    “ก็คงจะเป็นดุด่าฉัน ไม่ก็คงจะเป็นเหนื่อยหน่ายที่ต้องร่วมงานกับฉันน่ะสิ”

    “เปล่าหรอก” มิกิส่ายหน้า  “ฉันแค่ ห่วง...”

    “หืม?”

    “ก็นายน่ะ ตั้งแต่พี่เสีย ไม่สิ ตั้งแต่ริน... นายก็ถอยห่างจากพวกเราทั้งหมด เข้าหน่วยลับไปก็โหมงานหนัก ไม่ยอมเปิดใจคุยกับใครเลย นายน่ะ...นายน่ะ...ทำให้ทุกคนเป็นห่วง รวมถึงฉันด้วย”

    “แต่ตอนนี้ฉันก็...”

    “นายน่ะเหมือนหุ่นไล่กา ตัดสินใจอะไรก็ไม่พูด ตอนฉันเป็นอะไรก็เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่เคยเปิดใจออกมา จนฉันไม่รู้เลยว่า จริงแล้วนายคิดยังไงกันแน่ ตอนนี้ เพียงแค่ฉันพานายเข้ามาในชีวิตฉัน นายดูมีความสุข นั่นเป็นเพียงแค่ปลอบใจฉันรึเปล่า”

    “ไม่ใช่นะ ฉัน...มีความสุขจริงๆ มิกิ”

    เขาเข้ามาใกล้เธอ บีบมือเธอแน่น

    “จริงเหรอ” เธอถามย้ำอีกครั้ง “ นายจะไม่ใช่อีกคนที่....ทิ้งกันไปอีกใช่ไหม”

    คำพูดนั้นกลับทำให้เขาสะอึก

    “ฉันขอโทษ ถ้าฉันจะระแวง เพราะไม่ว่าใครที่บอกว่ามีความสุขต่อหน้าฉัน ทุกคนล้วนแล้ว จากฉันไปกันหมด ก็เลย...”

    “ไม่หรอก ฉันรู้ว่าเธอกลัว” เพราะเขาก็เช่นกัน

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มีบางสิ่งเหมือนจะต้องทำให้เขาและเธอจากกันอีก  

    “....วันนี้ขอฉันอยู่...กับนายได้ไหม...”  มิกิเอ่ยช้าๆอย่างไม่กล้า

    แค่อยากอยู่กับเขาให้ได้มากที่สุด ....

    “ฉันก็อยาก...ขอแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”

     

    คาคาชิเดินกุมมือมิกิมาตลอดทางจนถึงห้องพักของเขา บรรยากาศมันต่างจากเดิมที่เคยเป็นมามาก เขาไม่อยากปล่อยมือหญิงสาวด้านหลังเลยสักนิด

    เขาสูดลมหายใจเข้าและออกพร้อมกับหยิบกุญแจห้องมาไขกลอนเพื่อเปิดประตู

    แกร๊ก...

    ชายหนุ่มต้องปล่อยมือเธอเพื่อเปิดประตูแล้วเข้าไปก่อน ทั้งๆที่มันเป็นห้องของเขา แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกว่ามันลำบากเหลือเกินที่จะเข้าไป

    “....”

    มิกิเข้ามาแล้วปิดประตูตามหลัง  ตอนนี้จึงมีแต่เธอและเขาที่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยกัน

    ใกล้.....จนได้ยินเสียงหายใจของเธอ

    ไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมาเลยแม้แต่นิด มีเพียงแค่สัมผัสอุ่นที่กระทบใบหน้า ร่างสูงปัดเส้นผมของหญิงสาวมาทัดหูเพื่อให้เห็นดวงตาสีฟ้าอย่างชัดเจน ได้เห็นแววตาหวานชัดเจน ดวงตาที่จ้องมองแต่เขาคนเดียว

    “มิกิ....” เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ ดวงตาของทั้งคู่สบเข้ากันระยะใกล้ ตอนนี้ภายในห้องนั้นมืดสนิท บรรยากาศชวนให้ทั้งคู่ใกล้ชิดมากขึ้นอีก

    “เรามาต่อ...จากตอนที่เราอยู่ในบ่อน้ำร้อนไหม”

    “เอ๋? บ่อน้ำร้อน?” เธอทวนถามขณะที่มือสอดประสานกัน 

    คาคาชิยิ้มแล้วดึงหน้ากากลง

    “ฉันรู้ว่าเธอจำมันได้...” พูดจบเขาก็ก้มลงประทับจูบริมฝีปากนุ่มของหญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัว  กลิ่นเบียร์จางๆและรสฝาดของมันไหลเข้ามา

    เสียงหายใจดังขึ้นขณะที่กายทั้งคู่เริ่มแนบชิดกัน ร่างสูงโอบเอวของหญิงสาวรับจูบต่อไป เพราะยิ่งเขารุกล้ำมากเท่าไร ร่างเล็กตรงหน้าก็เริ่มอ่อนระทวยลง

    “คาคา..ชิ” เพียงแต่ถอนจูบชั่วครู หญิงสาวก็ครางชื่อชายหนุ่มออกมา แต่ทว่าก็ถูกประทับจูบอีกครั้ง คราวนี้มันล่วงล้ำมากกว่าเดิม

    แกร๊ง !

    ของบางสิ่งตกลงพื้น ผ้าคาดกระบังนินจาของคาคาชิร่วงลงพื้น แต่พวกเขาหาได้สนใจไม่ ชายหนุ่มสนใจเพียงใบหน้าของหญิงสาวมากกว่า

    ทันทีที่ถอนจูบครั้งที่สองออก มิกิก็เหมือนกับเธอใช้จักระไปมาก รู้สึกขาดอากาศหายใจ แต่กลับต้องการมันอีก

    “ฮา...อึก”

    คาคาชิมองใบหน้าของเธอไม่วางตา ถึงจะเคยเห็นใบหน้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันต่างออกไป เขารู้สึกได้ว่ายังมีเวลามียาวไกลที่จะได้เห็นใบหน้าของเธอเช่นนี้

     

    ต้องการอีก ต้องการเธออีก 

    เขาจูบที่หน้าผากของเธอ และไล่ลงไปที่ใบหู มิกิไม่ได้ขัดขืนเลยเพียงแต่เกร็งกับสัมผัสที่แปลกประหลาด

    ลมหายใจอุ่น สัมผัสที่อ่อนนุ่ม

    ไม่เคยได้รับแบบนี้มาก่อนทั้งชีวิต แต่กลับได้รับ...จากชายที่โตมาด้วยกัน

    มือบางที่เคยยึดไหล่ร่างสูงไว้เผลอไล่ลงมาสัมผัสกล้ามเนื้อได้รูปใต้เนื้อผ้าที่ยังสวมใส่  บวกกับสัมผัสที่เธอกำลังได้รับ มันยิ่งทำให้อารมณ์ความต้องการทวีคูณไปอีก

    ทำไมกัน ยิ่มสัมผัส ร่างกายเราก็ยิ่งร้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรา ทั้งคาคาชิ...

    “ไป...ที่เตียงกันเถอะ”

    ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูของเธอ  จากนั้นก็จัดการอุ้มร่างบางเข้าไปที่เตียง

    .......

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     ///ฉับ///

    ซีน NC บทที่ 44 ค่ะ > Link 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×