NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #52 : บทที่ 46 พ่อ - ความหมายที่แท้จริง 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.6K
      152
      16 เม.ย. 64

     

    บทที่ 46 พ่อ ความหมายที่แท้จริง

     

    ช่อดอกไม้ช่อหนึ่งวางที่หลุมศพไร้ชื่อ น้อยนักที่มีผู้คนแวะเวียนมาเยี่ยมที่แห่งนี้ ผืนป่ารกร้างแทบไม่สังเกตเห็น

    คาคาชิยืนเอามือซุกกระเป๋ามองมิกิไหว้หลุมศพไร้ชื่อตรงนั้นอย่างเงียบๆ

    ยามเช้าที่แสนเงียบสงบ ....

    นานแล้วที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมหลุมศพของพ่อ เวลาที่นึกถึงกลับมีคำถามมากมาย ว่าทำไมถึงต้องจากไป

    เจ็บใจ ...

    เก็บเงียบมาโดยตลอด

    หญิงสาวตรงหน้ายืดตัวขึ้น ทำให้คาคาชิหลุดจากความคิด เธอหันกลับมามองเขาก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินมายืนข้างตัว

    “ที่ตรงนี้ดูสงบดีนะ ถึงจะไม่ค่อยมีใครสังเกตซักเท่าไหร่”

    “อา...เพราะเรื่องสมัยก่อนน่ะ” เขาตอบ แล้วเดินไปที่หน้าหลุมศพ

    พ่อครับ.... ขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมนานเลยนะครับ..

    เขาเอ่ยในใจเงียบๆ

    “ฉันพอเข้าใจเรื่องของคุณซาคุโมะนะ เธอคงรู้สึกเจ็บใจใช่ไหม”

    “....อืม แต่นั่นก็นานมากแล้วล่ะ” เขาตอบ “ตอนนี้ถ้าพูดถึงเรื่องของเขากับใคร ก็คงไม่มีใครรู้จักหรอก”

    วีรบุรุษ เขี้ยวสีขาว

    “ไม่รู้ว่าฉันเคยบอกเธอรึเปล่านะ แต่ฉันรู้สึกอิจฉาเธอนะ” มิกิกล่าวขณะที่สายลมพัดผ่านไป “ที่มีพ่อที่แสนใจดีขนาดนั้น”

    “น่าตกใจจริงๆที่เธออิจฉาฉันนะ”

    มิกิหัวเราะ “ก็เธอมีสิ่งที่ฉันขาดไปนี่นา” 

    สิ่งที่ขาดหายไป...

    “นี่ คาคาชิ ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ”

    “หืม?”

    ดวงตาสีฟ้าจ้องมาที่เขาก่อนจะกล่าว

    “ฉันจะ...เล่าเรื่องพี่มินาโตะ ให้นารูโตะฟัง” เธอบอก “อย่างน้อย เขาควรจะได้รู้ ว่าพ่อของเขาคือใคร และฉันคิดว่า...”

    “ถ้าเธอไม่พร้อมก็ไม่เห็นจะต้องทำเลย” เขารู้ดีว่ามิกิไม่กล้าพูดถึงเรื่องในอดีตที่เกี่ยวข้องกับมินาโตะมากนัก

    “ไม่หรอก” มิกิส่ายหน้ายิ้ม “ฉันว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ ฉันไม่อยากหนึอีกแล้ว”

    งั้นเหรอ ดีแล้วงั้นเหรอ?

    ในตอนนั้นเองเขากลับย้อนนึกไปตอนที่ต่อสู้กับคาคุสึและฮิดัน คำพูดของชายอมตะผู้นั้นสะท้อนก้องเข้ามาในหัว

    ดาบเล่มนั้น....มันเคยเป็นของโฮคาเงะรุ่นที่สอง

    พี่มินาโตะให้เป็นของขวัญวันที่ฉันสอบจูนินได้ พี่บอกว่าเป็นของต่างหน้าจากพ่อของเรา

    “นี่ มิกิ”

    “ว่าไง?”

    “ทำไมเธอถึง ไม่เคยรู้เรื่องของพ่อแม่ของเธอเลยล่ะ”

    “....”

    มิกิจ้องมองอีกฝ่ายโดยไม่ตอบ

    “จริงๆแล้วนะ ฉันคิดว่าเธอได้รับความรักมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าตอนนี้มันต่างออกไป...”

    “ฉันเคยถามพี่แล้วล่ะ เรื่องของท่านทั้งสอง” หญิงสาวตอบอย่างเศร้าๆ “แต่ว่าคำตอบกลับไม่เคยได้รับมาเหมือนกันซักเท่าไหร่”

    พอหันไม่มองอดีตเวลาที่เธอพร่ำถามหาบุพการี มันก็เลือนรางไปเสียหมด

    “พี่น่ะ ปิดบังเรื่องของพวกท่านกับฉันมาทั้งชีวิต และตอนนี้ฉันก็เลือกที่จะปิดบังนารูโตะอีก น่าขำเนอะ ฉันคิดว่าบางทีพี่อาจจะสะเทือนใจกับการได้เห็นความสูญเสียเลยไม่กล้าเล่าให้ฉันฟังก็ได้”

    “แต่ว่า ตอนนี้เธอก็มีโอกาสสืบหาความจริง—“

    “นายไม่รู้หรอก ว่าจริงๆแล้วทำไมพี่มินาโตะถึงเลือกไม่ยอมเล่าให้ฉัน” มิกิไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดต่อ

    “ถ้าเขาเลือกที่จะปิดมันไปพร้อมกับชีวิตของเขา ฉันก็ยอมไม่รับรู้เรื่องนั้นตลอดไปเช่นกัน”

    “....”

    “แต่กับนารูโตะ มันอีกเรื่อง...”

    คาคาชิไม่รู้จะเกลี่ยกล่อมเธอเช่นไร รอยยิ้มเศร้าๆนั้นไม่เคยทำให้เขาพยายามต่อไปได้ ถ้าเธอเลือกเช่นนั้น ...

    “ถ้างั้น ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”  มิกิบอกลาแล้วหันหลังเดินออกไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมองอย่างเงียบๆ 

    แว่วเสียงของสายลมพัดแรงขึ้นขณะที่คาคาชิมองแผ่นหลังร่างบางค่อยๆเล็กลง ทว่ามีบางสิ่งที่ไม่สามารถเล็ดลอดจากเซ้นส์ประสาทสัมผัสของเขาไปได้

    มีคนสะกดรอยตามอยู่

    “พวกนาย.... เป็นคนจากหน่วย ‘ราก’ งั้นเหรอ?”

    ร่างของนินจาสองร่างปรากฏตัวขึ้นหลังต้นไม้ด้านหลังดาดาชิ ทั้งคุ่มีหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ สวมใส่ฮู้ดสีครีม

    “รู้สึกตัวมานานแล้วสินะ ฮาตาเกะ คาคาชิ” หนึ่งในหน่วยรากเอ่ยเป็นเสียงทุ้ม ชายวัยกลางคน

    “ปกติไม่ค่อยได้เห็นหน่วยรากออกมาเพ่นผ่านเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าพักนี้มันแปลกๆ” เขาหันกลับมาประจันหน้าหน่วยรากทั้งสองด้วยสายตาไม่วางใจ

    “พวกนายมาจับตาดูมิกิงั้นเหรอ? ต้องการอะไร?”

    “เรื่องนั้นเราคงบอกคุณไม่ได้หรอก นี่เป็นคำสั่งจากท่านดันโซ”

    ดันโซ? คอยเฝ้าดูมิกิงั้นเหรอ?

    “หรือว่าเกี่ยวกับอิทาจิ—“

    “นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั่น” หน่วยรากอีกคนตอบ เป็นเสียงหวานของผู้หญิง “แต่มีอีกอย่างที่เราต้องการมาเตือนคุณ”

    “....”

    “ห้ามขุดคุ้ยประวัติของนามิคาเสะ มิกิไม่ว่าเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องด้วยก็ตาม”

    คาคาชิขมวดคิ้วสงสัย “ฉันรู้จักมิกิมาตั้งนาน ทำไมจะต้องไปทำเรื่องแบบนั้น”

    “นี่เป็นคำสั่ง จากท่านดันโซ”

    “อึก...”

    จากนั้นหน่วยรากทั้งสองคนก็หายไป

     

    ตอนนี้คาคาชิกลับสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม ทำไมชิมูระ ดันโซ คนนั้นถึงคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมิกิ  

    ----------------------------------------------------------------

    เดี๋ยวมาต่อนะคะ 

    ---------------------------------------------------------------

     

    มิกิเดินอยู่คนเดียวตามลำพัง เธอถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้หลังจากที่แยกตัวจากคาคาชิ

    เธอเพิ่งจะ...อยู่กับเขาทั้งคืน...

    ใช่ว่าเธอไม่เคยอยู่ ภารกิจสมัยก่อนก็มักจะนอนด้วยกันกลางป่า ไม่ก็—

    แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปนะ!!

    “นี่มันเกิดขึ้นจริงๆเหรอเนี่ย...” เธอถามตัวเองแล้วกุมหน้าของเธอรู้สึกได้ถึงความร้อนฉ่าบนใบหน้า

    มันเกิดขึ้นจริงๆ เรายังจำสัมผัสได้อยู่

    “น่าอายชะมัด เมื่อกี้ก็แทบจะมองหน้าไม่ติดอยู่แล้ว อืออ” เธอพูดกับตัวเองแล้วสาวเท้าเดินไปตามถนนอย่างเร่งรีบ เพื่อที่จะตรงกลับไปที่บ้านซึ่งยังมีคนที่กำลังรอเธออยู่

    ทำตามที่สัญญา กับท่านจิไรยะเอาไว้

    ....

    เวลาต่อมา

    เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักของเธอและนารูโตะแล้ว แต่กลับรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก จะเปิดเข้าไป หรือกดกริ่งหน้าห้อง?

    แต่นี้มันห้องของเธอนะ

    กิ๊งก่อง...

    กดจนได้

    “เฮ้อ...”  จะเข้าไปก็ได้แต่พอกดกริ่ง ขาทั้งสองกลับขยับไม่ได้ พอได้ยินเสียงคนด้านในเดินมาเธอจึงได้รอ...

    แกร็ก... แอ๊ดด!

    ประตูเปิดเข้าไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ชั่วขณะนึงเธอใจหายเมื่อเห็นดวงตาสีฟ้าจากภายในห้อง

    “ใคร...” เสียงเด็กหนุ่มอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

    “นารูโตะ...นี่น้าเอง—“

    “น้ามิกิ!!”

    ปึง

    ทันทีที่เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของน้าสาว เขารีบเปิดประตูเสียงดังแล้วเข้าโผกอดเธอทันที

    “ปะ...เป็นอะไรไปน่ะ นารูโตะ กะ...เกิดอะไรขึ้น?”

    “ผมเป็นห่วงแทบแย่ น้าไปอยู่ที่ไหนมา กลับมาตอนไหน บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ทำไมไปไม่บอกผม ผมน่ะ...ผม...”

    มิกิหน้าซีดเผือด ความเป็นห่วงของหลานชายแสดงตรงหน้า แรงบีบจากมือทั้งสองข้างของเขาสั่นเทา เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นห่วงเธอ

    “น้าขอโทษ...คือน้า...”

    “ฮึก...”

    เด็กหนุ่มร้องไห้ไม่หยุด ทำเอามิกิพูดไม่ออก

    “เรื่องท่านจิไรยะสินะ”

    นารูโตะพยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตาที่เปื้อนหน้า โดยมีหญิงสาวเช็ดย้ำอีกที เธอยิ้มอย่างเศร้าๆ

    “ท่านจิไรยะน่ะ ปกป้องน้าในตอนสุดท้าย น้าก็เพิ่งจะรู้เมื่อวานนี้ว่าท่านเสียไป” เธอลูบหัวหลานชายที่ยุ่งเหยิงไปมา “เขาก็เปรียบเสมือนพ่อของน้าเหมือนกัน น้าขอโทษที่ไม่ได้มาปลอบใจเธอก่อนหน้านี้นะ”

    “ไม่หรอกฮะ... น้าปลอดภัยก็ดีแล้ว” นารูโตะสวมกอดร่างมิกิอีกครั้ง “ยินดีต้อนรับกลับฮะ”

    “......” มิกิแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะกอดตอบอย่างอ่อนโยน “กลับมาแล้วจ้ะ”

     

     

    “สัญญากับตาเซียนลามกเหรอฮะ?” เด็กหนุ่มทวนถามอีกครั้ง ขณะที่นั่งบนเตียงของมิกิ โดยที่เจ้าของห้องกำลังค้นหาบางสิ่งอยู่

    ก่อนหน้านี้เธอบอกเขาว่ามีเรื่องจะต้องเล่าให้เขาฟังให้ได้ ตัดสินใจจะเล่าให้ฟังแน่นอน เป็นเรื่องที่เขาขอมาเมื่อนานมาแล้ว

    “ก็ไม่เชิงสัญญาหรอก เพียงแต่น้าหลีกเลี่ยงที่จะพูดมันมาตลอด แล้วเขาขอให้ฉันตัดสินใจให้ได้ซักทีน่ะ”

    นารูโตะไม่เข้าใจที่เธอพูดซักเท่าไหร่ แต่พอเห็นว่ามิกิหาของที่ต้องการพบแล้ว ก่อนจะยื่นให้เขาดูก็ถึงกับตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

    “นี่มัน...”

    ภาพใบเล็กๆสีซีดๆแถมยังมีรอยไหม้เกือบครึ่งแผ่น ในภาพคือรูปของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุราวๆ12-13ใส่ชุดนินจาระดับจูนินยิ้มแก้มแดงอย่างภูมิใจด้านหลังเป็นร่างสูงของชายคนหนึ่งยืนมองกล้องพลางจับไหล่ของเด็กสาวคนนั้นอย่างภูมิใจ

    “เป็นภาพสมัยที่น้าสอบระดับจูนินได้น่ะ” มิกิตอบแล้วนั่งลงข้างตัวนารูโตะ ที่มองรูปไม่วางตา

    ร่างสูงที่ยืนมองหน้าตรงคนนั้น... หน้าตาคล้ายละม้ายหญิงสาวข้างตัวยิ่ง ทั้งดวงตา และสีผม อีกทั้งยังดูหล่ออีกด้วย

    “คนๆนี้...อย่าบอกนะฮะว่า...” นารูโตะถามอย่างตื่นเต้นกับมิกิ

    เธอยิ้มตอบ “ใช่แล้วล่ะ พี่ชายของน้า พ่อของเธอไงล่ะ”

    พ่อ...

    ครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้ ได้เห็นคนๆนั้น 

    “พะ....พ่อเหรอฮะ”

    “มินาโตะ นั่นคือชื่อพ่อของเธอ นี่เป็นรูปเดียวที่น้าเก็บรักษาเอาไว้ได้หลังจากที่พ่อของเธอเสียน่ะ”

    “.....”

    “ขอโทษด้วยนะ”

    “ไม่หรอกฮะ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะ ในที่สุดน้าก็ยอมเล่าเรื่องพ่อผมซักที รู้สึก...ดีใจมากเลยล่ะ ฮะๆ”ถึงแม้ว่าเขาจะหัวเราะแต่ทว่าดวงตากลับแดงก่ำ เขารีบเช็ดออกและกลั้นเสียงสะอื้นไว้

    มิกิโอบกอดเขาจากด้านข้าง มองรูปในมือนารูโตะเบือนหน้าหนี

    “ขอบคุณฮะ...”


     

    “น้ากับพ่อของเธอ เรามีเพียงกันแค่สองคนมันตั้งแต่น้าจำความได้ เราทั้งคู่อายุห่างกันถึง 10 ปี เขาก็ไม่ต่างกับผู้ปกครองของน้าอีกคนในสมัยนั้น...” มิกิเล่าเรื่องสมัยก่อนอย่างช้าๆ โดยมีนารูโตะที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ

     

    เขามองรูปใบนั้นอย่างไม่วางตา ใบหน้าของพ่อ ....

    “พ่อของเธอเป็นคนที่นิสัยสุภาพ แล้วก็อ่อนโยน แล้วก็แข็งแกร่งมากเลยล่ะ สำหรับน้า เขาเป็นพี่ชายที่ยอดเยี่ยมมากๆ ทำให้น้าไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลยสักนิด เขาน่ะ...เป็นคนที่น้ารักมากที่สุด อาจจะเรียกว่ารักแบบอื่นไม่เป็นเลยก็ว่าได้นะ”

    “พอฟังแบบนี้ ผมรู้สึกแอบอิจฉาเลยนะฮะ”

    “นั่นสินะ...น้าอยากให้เธอได้เจอเขาเหมือนกัน แต่ก็แค่หวังล่ะนะ” น้ำเสียงของมิกิเศร้าลง “ตั้งแต่ที่เขาจากไป น้าไม่เคยทำใจเรื่องของพ่อเธอได้ซักนิด...”

    “.....”

    “พอนึกถึงเขา น้าก็ห้ามตัวเองร้องไห้ไม่ได้ ก็แค่คนที่อ่อนแอคนนึง พยายามบอกตัวเอง ว่าจะต้องไม่ให้ใครจากไปอีก แต่....มันก็เกิด”

    เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนได้รู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นอีกครั้ง

    ถึงเขาก็รู้สึกเสียใจที่สูญเสียอาจารย์ แต่คนตรงหน้า สูญเสียมามากกว่าเขาหลายเท่า...

    “ผมขอโทษนะฮะ ที่พยายามคะยั้นคะยอถามเรื่องพ่อกับน้ามาตลอดโดยไม่รู้ว่าน้ารู้สึกยังไง ผมมันแค่-“

    ตุบ

    มือบางวางบนหัวของนารูโตะ พอเขาเงยหน้ามองก็พบว่าหญิงสาวเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากของเขา

    “ทุกครั้งที่น้าอ่อนแอ พ่อของเธอจะคอยปลอบใจน้าด้วยวิธีนี้ตลอด....”

    มิกิหลับตาลง

    “น้าสัญญากับพ่อของเธอ ว่าจะปกป้อง ดูแลเธอแทนเขา แต่น้าก็ทำไม่ได้ การที่เธอไม่เกลียดน้า นั่นก็ตอบแทนความรู้สึกที่ผ่านมาแล้วล่ะนะ นารูโตะ”

    ความอบอุ่นนี้... รู้สึกดีจัง

     

    “อื้ม...”  


     

    ------------------------------------------------------------

    ติดสอบนะคะ เลยหายไปนาน ฉาก NC ไม่แจกแล้วนะคะ มีวาร์ปแล้ว เปิดไม่ได้ก็อดน้าาาา 

    ------------------------------------------------------------

     

    เวลาผ่านไปไม่นานที่สองน้าหลานได้พูดคุยกัน จู่ๆกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    กิ๊งก่อง...

    เสียงนั้นราวกับเรียกให้ทั้งคู่กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง ระลึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

    กิ๊งก่อง...

    “เดี๋ยวผมไปเปิดเอง..”

    นารุโตะเดินโซเซออกไปห้องของมิกิ เขาตรงไปยังประตูของตัวบ้านแล้วเปิดมัน

    “ชิกามารุ เหรอ?”

    แขกที่มาเยือนในยามเช้าก็คือชิกามารุนั่นเอง เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเสี้ยวหน้านารุโตะจากประตูที่เปิดเพียงนิดเดียว

    “งะ...ไง นารุโตะ นายดูไม่ค่อยสบายเลยนะ”

    “มีธุระอะไรงั้นเหรอ?”

    “พอดีฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยน่ะ เข้าไปคุยด้านในได้ไหม”

    นารุโตะไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่กลับเปิดประตูให้กว้างมากขึ้นเพื่อให้อีกคนเข้ามา

    พวกเขาทั้งคู่เขามาพบกับมิกิที่กำลังเตรียมตัวเหมือนจะออกไปข้างนอกพอดี

    “อ้าว ชิกามารุงั้นเหรอจ๊ะ”

    “คะ...ครูมิกิ?? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย เมื่อวานผมยังได้ข่าวว่าครู—“ ชิกามารุตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่ทว่ามิกิกลับตัดบท

    “เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อนน่ะ ว่าแต่มีธุระกับนารุโตะงั้นเหรอ?”

    “ครับ....เอ่อแต่กับครูมิกิด้วยก็ดีครับ”

    “เอ๋?”

    ชิกามารุควักบางสิ่งจากในกระเป๋าออกมา เป็นรูปใบหนึ่ง เขายื่นให้เธอก่อน ส่วนนารุโตะ เขากลับไปนั่งที่โซฟาแทน

    “นี่เป็นข้อความสุดท้ายจากท่านจิไรยะครับ เขาสลักไว้ที่หลังของท่านฟุคาซาคุ”

    มิกิจ้องมันด้วยความรู้สึกผิด มันเป็นรูปชุดตัวเลขที่ต้องถอดรหัสออกมา ลายมือของท่านจิไรยะทั้งหมด เธอรู้สึกท้อใจที่ไม่สามารถถอดข้อความมันออกได้เลย

    “ผมคิดว่าทั้งครูกับนารุโตะอาจจะแปลมันออกเพราะว่าพวกคุณรู้จักกัน”

    “ขอโทษด้วยนะที่ฉันแปลมันไม่ออกเลย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพูดถึงข้อมูลของศัตรูไว้ก่อน”

    “จริงสิ ครูมิกิก็อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันกับท่านจิไรยะสินะครับ”

    มิกิมองไปที่นารุโตะก่อนจะตอบ “ใช่จ้ะ เพียงแต่ว่าฉันถูกจับแยกไปสู้กับศัตรูอีกคน ฉันว่าจะไปรายงานกับซึนาเดะพอดีน่ะ”

    “งั้นเหรอครับ”

    จากนั้นมิกิก็ขอตัวออกไปทิ้งให้เด็กทั้งสองอยู่คุยกันที่ห้อง

     

    เวลาต่อมา ณ ที่ทำการโฮคาเงะ

    หญิงสาวเดินเข้ามาที่ในตัวอาคารเพียงลำพัง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมายังที่เธอด้วยความแปลกใจ

    อาจจะเป็นเพราะข่าวที่เราหายตัวไปก่อนหน้านี้...ละมั้งนะ...  เธอคิดตอบตัวเองในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของซึนาเดะ

    พอมาถึงหน้าห้องก็พบกับชิซึเนะ

    “มิกิ มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” ชิซึเนะอุทาน เธอมองหญิงสาวด้วยความตกตะลึง ก่อนจะเข้าหาตัวมิกิที่สูงไล่เลี่ยกัน และตรวจสภาพตัวเธอ

    “เธอควรจะพักอยู่สิ ร่างกายเธอน่ะยังอ่อนแอเพราะขาดสารอาหารนะ”

    มิกิงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มตอบ “ฉันคิดว่าฉันโอเคอยู่นะ”

    “ไม่ เธอไม่โอเค ฉันเป็นห่วงแทบแย่ตอนเธอออกมาจากกบของท่านจิไรยะ”

    “ตะ...แต่ว่า...”

    “แล้วคาคาชิก็ไม่รู้โผล่มาจากไหน เอาตัวเธอไปเฉยเลย” สาวผมสั้นบ่นแล้วท้าวเอวอย่างอารมณ์บูด

    มิกิพอเข้าใจความเป็นห่วงของเพื่อน “ยังไงก็ขอบคุณนะที่เป็นห่วง ว่าแต่ ท่านซึนาเดะอยู่ในห้องใช่ไหม”

    “อื้ม เข้าไปพร้อมกันเลยสิ ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรถึงรีบมาแต่เช้าเชียว”

    มิกิครุ่นคิดก่อนจะตอบไปตรงๆ “เรื่องข้อมูลแสงอุษาน่ะ”

    ชิซึเนะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันที

    “เธอรู้เกี่ยวกับเพนด้วยสินะ”

    พอพูดถึงชื่อเพน หญิงสาวก็นึกถึงคำพูดของท่านจิไรยะก่อนหน้านี้ ที่ถามวนไปมาว่าเพนคือใคร

    “ก็ไม่เชิงหรอก เป็นอีกคนน่ะ”

    จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ซึนาเดะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นมิกิ แต่ก็กล่าวต้อนรับเธอ

    “มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า มิกิ ฉันคิดว่าเธอยังไม่สามารถออกมาข้างนอกได้เสียอีก”

    มิกิยิ้มรับ “ไม่หรอกค่ะ ท่านโฮคาเงะ ฉันมีเรื่องจำเป็นต้องรายงานน่ะค่ะ”

    “เรื่องอะไรรึ”

    “ข้อมูลของแสงอุษาที่ท่านจิไรยะ มอบให้กับฉัน” มิกิหยิบม้วนคัมภีร์เล็กติดตัวมาด้วย มันเป็นสิ่งที่จิไรยะมอบให้กับเธอก่อนหน้านี้เอง

    ซึนาเดะหยิบขึ้นมาอ่าน สีหน้าเรียบเฉย

    “นี่เป็นข้อมูลของเพนงั้นเหรอ?”

    “ค่ะ”

    ข้อมูลที่ว่านั่นก็คือ ชื่อของเด็กสามคนที่ซึนาเดะรู้จักเป็นอย่างดี

    นางาโตะ? ยาฮิโกะ? โคนัน

    โดยชื่อสองคนแรกมีเครื่องหมายคำถามตามหลัง

    “เธอพอจะรู้ข้อมูลของหนึ่งในสามคนนี้บ้างไหม”

    “หนึ่งในสองคนนั้น มีชื่อว่าโคนันค่ะ ฉันเป็นคนรับมือกับเธอ ความสามารถของเธอคือภาพลวงตาค่ะ เธอสามารถควบคุมกระดาษมากมายเป็นอาวุธ  โจมตีระยะประชิดค่อนข้างเป็นจุดบอดของเธอ”

    ซึนาเดะพยักหน้ารับคำ “แล้วอีกสองคนล่ะ”

    “เท่าที่ได้ยินจากท่านจิไรยะ ดูเหมือนเขาจะสับสนอยู่มากตอนที่พบเพน  ที่แน่ๆก็คือว่าเพนคือหนึ่งในสองคนนั้นแน่นอนค่ะ เขาบอกว่ายาฮิโกะอยู่ในพวกนั้น แต่กลับมีเนตรสังสาระของนางาโตะ”

    “เนตรสังสาระ จากศพของเพนที่ท่านจิไรยะจัดการได้ก็มีเช่นกัน”

    มิกิได้ยินอย่างนั้นก็หันไปถามชิซึเนะ “มีศพเพนมาด้วยเหรอ?”

    “อืม มันถูกผนึกพร้อมกับเธอน่ะ กับนินจาอาเมะคนนึง ศพตอนนี้ฉันกำลังชันสูตรอยู่ คงต้องใช้เวลาสักหน่อย”

    “ยังไงก็ขอบใจเธอนะ มิกิ ที่รีบมารายงายข้อมูล ช่วยได้มากเลยล่ะ” ซึนาเดะพูดขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉยจนสองสาวแอบกังวล

    “ท่านซึนาเดะ...”

    “หืม?”

    “คือว่า ฉัน...อยากจะขอโทษเรื่องท่านจิไรยะ” มิกิพูดอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอไม่ร็เลยซักนิดว่าตอนนี้สาวใหญ่คิดยังไงกับเธอ

    “เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับเรื่องนี้หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”

    “แต่ฉันให้คำสัญญากับท่านนะคะ ว่าจะพาท่านจิไรยะกลับมา!”

    “......”

    พอเธอพูดสวนกลับเสียงดัง ทั้งห้องก็เงียบกริบ ทงทงแอบสะดุ้งเล็กน้อย

    “ขออภัยในความสะเพร่าของฉันจริงๆค่ะ” มิกิโค้งคำนับจนถึงระดับเดียวกับโต๊ะทำงานของซึนาเดะ

    “มิกิ...” ชิซึเนะเอ่ยเบาๆ

    ส่วนซึนาเดะ เธอยังคงนิ่งเฉยมองลูกน้องของตนโค้งขอโทษตรงหน้า จริงๆแล้วซึนาเดะไม่ได้กล่าวโทษสาวตรงหน้าเลย เธอโทษตัวเองต่างหาก

    “ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำให้เราต้องทะเลาะกันหรอกนะ” ซึนาเดะพูดขึ้น “ถึงตอนนั้นฉันจะหวังว่าเธออาจจะทำให้ตานั่นกลับมาด้วยได้ก็ตาม แต่ว่า มันก็ไม่ได้ผล...”

    “เอ๋?” มิกิยืดตัวขึ้น

    “จิไรยะน่ะ...รู้ว่าตัวเองอาจจะไม่ได้กลับมา เขารู้ตัวเองเสมอแหล่ะ หึ ใครห้ามอะไรก็ไม่ฟังอยู่ดี แม้แต่ฉันก็ด้วย”

    “......”

    “ฉันคิดว่า ถ้าเธอตามไปด้วยมันน่าจะรับประกันสิ่งที่อยู่ในใจฉัน แต่สุดท้ายตานั่นก็ปกป้องเธอจนวินาทีสุดท้าย ให้ตายสิ”

    “ท่านซึนาเดะ...”

    “อย่างน้อยเธอก็ปลอดภัยกลับมาน่ะ ดีแล้วล่ะ มิกิ” รอยยิ้มฝืนๆของซึนาเดะทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก

    เธอเข้าใจแล้วว่าซึนาเดะไม่ได้โทษเธอ แต่ก็รู้ว่าเขาโทษตัวเอง

    “แล้วเจ้านารุโตะเป็นไงบ้างล่ะ ฉันก็รู้สึกผิดนะกับเจ้านั่นน่ะ”

    “เอ่อ...เขาดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ ถึงจะเหม่อๆหน่อยก็ตาม”

    “นั่นสินะ เจ้านั่นคงเพิ่งเสียคนสำคัญไปครั้งแรกนี่”

    ถึงจะพูดอย่างนั้น การเสียคนสำคัญไปไม่ว่ากี่ครั้ง มันก็เจ็บปวดทรมานเสมอ ทั้งครั้งแรกและครั้งต่อๆมา  ภาวนาอีกครั้งว่าอย่าให้เกิดแต่มันก็ต้องเกิด 


     

    ------------------------------------------------------------

    ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ติดงานยาวเลยค่ะ เลยไม่ได้มาเขียนต่อ ใกล้หยุดสงกรานต์แล้วจะกลับมาอัพต่อนะคะ 

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


     

    จากนั้นเธอก็ขอตัวกลับ ทิ้งให้ท่านโฮคาเงะจัดการงานต่อ ในระหว่างทางนั้นเอง เธอแอบเห็นชิกามารุกับนารุโตะเพิ่งเดินไปอีกทาง

    พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่นะ?

    เธอถามในใจอย่างสงสัยก่อนจะเดินตามไป พบว่าเด็กหนุ่มทั้งคู่เขาไปในตึกหนึ่ง

    ที่นี่...สถาบันวิจัยการถอดรหัสนี่?

    และนั่นทำให้เธอเข้าใจว่าพวกเด็กๆมาทำอะไรที่นี่

    แต่ว่าระหว่างทางนั้นเอง เธอก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตายืนอยู่ด้านนอกตรงหน้าต่างชั้นล่างของอาคารนี้พอดี

    “คาคาชินี่นา...?”

    คนที่ยืนพิงขอยหน้าต่างอยู่นั้นคือคาคาชิ เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนกำลังมองอยู่ ดูเหมือนเขาจะสนใจสิ่งที่อยู่ภายในมากกว่า

    จะเข้าไปทักดีไหมนะ?

    ถึงถามอย่างนั้นกับตัวเอง แต่เธอก็เดินไปหาอยู่ดี จนกระทั่งได้ยินเสียงของคาคาชิ

    “...จริงๆแล้วผมล่ะ ละสายตาจากคุณไม่ได้เลยนะ”

    เอ๋??

    มิกิรู้สึกตัวชาไปสักพักเมื่อได้ยินประโยคหวานเลี่ยนของร่างสูง ซึ่งนั่นไม่ได้พูดกับเธอเสียด้วย

     

    “นั่นก็เพราะ ผมตกหลุมรักคุณไปแล้วยังไงล่ะ"


     

    --------------------------------------------------------------------

    มาจบบทล่ะจ้าาาา เริ่มวันหยุดแล้วววว เดี๋ยวตอนเช้าจะมาอัพต่อนะคะ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×