NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Naruto] Silent Song

    ลำดับตอนที่ #62 : บทที่ 53 ทำไมเราถึงหวาดกลัวขนาดนี้ ? (NC18)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.91K
      140
      24 พ.ย. 65


    บทที่ 53 ทำไมเราถึงหวาดกลัวขนาดนี้ ?

     

    ปล่อย... ปล่อยมือซักที!

    !!

    คาคาชิหยุดชะงักเมื่อแขนบางหลุดจากมือที่บีบแน่นของเขา เขาค่อยๆหันกลับมามองเธอ

    “อย่าเอาแต่ใจจะได้ไหม”

    “เอาแต่ใจ? ฉันน่ะเหรอ? ยอมปล่อยเธอไปเนี่ยนะ เอาแต่ใจ”

    เขาพูดถึงเรื่องเมื่อเช้า

    “ฉันยอมรับว่าฉันเอาแต่ใจในเรื่องนั้น แต่เรื่องนี้ เธอต่างหากที่เอาแต่ใจ!”

    “งั้นเหรอ? แค่ฉันไม่ชอบที่เธอใส่ชุดนี้ก็เอาแต่ใจงั้นเหรอ?”

    มิกิพ่นลมหายใจ “ใช่ เธอไม่ควรมาโกรธเรื่องนี้นะ”

    “ไม่งั้นเหรอ? กับการที่เธอโกรธฉันเพียงเรื่องเดียว และไม่ให้โอกาสฉันแก้ตัว เธอจึงเลือกกลับไปหาแฟนเก่างั้นสิ”

    มิกิอึ้งกับข้อสรุปของอีกฝ่าย “มะ..ไม่ใช่นะ”

    “ก็เห็นด้วยตาตัวเองจะไม่ใช่ได้ยังไง”

    “แค่ทุกอย่างมันพอดีไปหมด แล้วเธอล่ะ...ยังไปกับผู้หญิงคนอื่นได้เลย”

    “มันไม่เหมือนกัน”

    “แล้วมันไม่เหมือนกันตรงไหน เก็นมะก็เพื่อนของเรา จะคุยกันเหมือนเดิมก็ได้นี่” ตอนนี้มิกิเริ่มโกรธอีกฝ่ายเสียแล้ว เขาโกรธไม่มีเหตุผลเสียเลย

    มันผิด ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจหันหลัง จนเกิดเรื่องแบบนี้

    “.....นั่นสิ มันเหมือนกัน ในความคิดของเธอล่ะนะ”

    “....”

    “เธอไม่เคยรู้สึกหึงหวงใครซักคนมาก่อนเลยนี่ มีแต่ฉันที่ชอบคิดไปเอง”

    “....”

    “กลัว ตอนที่เห็นแววตาผิดหวังจากเธอ ทั้งๆที่รั้งแก้ตัวกับเธอได้ แต่ร่างกายกลับบอกให้ปล่อย”

    “....”

    “พอมาเห็นแบบนี้เข้าก็คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย รู้สึกว่ามันงี่เง่ามากที่คิดว่าเดี๋ยวเธอก็กลับมา”

    คาคาชิเอามือซุกกระเป๋ากางเกงของตนเอง ยืนประจันหน้าตรงมองเธอ

    “แต่ฉันคิดผิด”

    สิ่งที่เขาเห็นในวันนี้ ตั้งแต่ที่เธอยืนมองเขากับรุ่นน้องสาวคุยกันแต่กลับไม่แม้จะเข้ามาหา และพอเจอชายอีกคนกลับเดินทิ้งไปเสียเฉยๆ

    ตอนที่ยืนอยู่ เธอกำลังคิดอะไร มิกิ ?

    “ถึงแม้ว่าไม่มีฉัน เธอก็ยังหาที่พึ่งได้”

    “มันไม่ใช่อย่างที่เธอเห็นนะ คาคาชิ ฉันแค่...”

    “แค่อะไรล่ะ?”

    มิกิไม่อยากพูดต่อแล้ว เธอเหมือนจะพูดทุกอย่างที่ประดังประเดในหัว ตอนนี้ทั้งคู่ทะเลาะกันเสียงดังมาก แต่โชคดีที่ทางที่พวกเขายืนอยู่เป็นขั้นบันไดของศาลเจ้า ซึ่งด้านบนก็คืองานเทศกาล ตอนนี้บันไดจึงไร้ผู้คน

    “ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว” มิกิตัดสินใจจบบทสนทนาที่จะบานปลายไปมากกว่านี้ลงทันที

    มันก็คงจะจริงที่เธอมักจะเจอใครซักคน ไม่เคยปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียวเลยซักนิด ดูๆไปมันก็เหมือนพฤติกรรมของคนเจ้าชู้ คาคาชิจะมองแบบนั้นก็คงจะจริง

    และนี่อาจจะเป็นหนทางที่เธอกำลังลังเลอยู่เช่นกัน ว่าจะถอยห่างจากคาคาชิยังไง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องที่เจ็บปวดไปมากกว่านี้

    เหมือนกับที่เสียงของโคมะยังลั่นอยู่ในหัวของเธอ

    “.....”

    หญิงสาวก้าวลงบันไดผ่านร่างสูงที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ได้ตอบโต้อะไรเธออีก เป็นอีกครั้ง ที่คาคาชิยอมให้เธอเดินจากไป

     

    ฟิ้ว!! ปัง!!

    ท่ามกลางความมืดที่มีแสงสลัวจางๆ แสงของวัตถุที่พุ่งขึ้นบนฟ้าก็ระเบิดส่องสว่างจ้าพร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น จนทำให้ชายหญิงสองคนที่หันหลังให้แก่กันหันไปมอง

    ดอกไม้ไฟ ...

    ปัง!! ปัง!!

    สีของดอกไม้ไฟส่องสว่างวูบวาบไปมาสลับกัน เสียงผู้คนที่อยู่ในงานเทศกาลต่างโห่ร้องขึ้นเหมือนเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเทศกาลนั้น

    คาคาชิมองดอกไม้ไฟพวกนั้นก่อนจะลดสายตาหันหลังไปมองแผ่นหลังบางในชุดยูกาตะ ซึ่งกำลังเงยหน้ามองดอกไม้ไฟบนฟ้าราวกับถูกสะกดอารมณ์ไว้

    แต่ไร้ซึ่งรอยยิ้มบนใบหน้า

    เขาไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลยสักนิด !

     

    ในขณะที่มิกิเหม่อมองดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า เงาร่างสูงของอีกคนก็ทาบเข้ามา มือแกร่งจับต้นแขนของมิกิและดึงเข้าหาตัว

    ก่อนจะปลดหน้ากากสีดำสนิทของตน และทาบจูบริมฝีปากของเธอ

    “!”

    มันเป็นการจูบนี่นุ่มนวลและเงียบสนิท ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ แต่กลับเนิ่นนานท่ามกลางเสียงของดอกไม้ไฟ

    แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ฉัน....ไม่อยากให้เป็นแบบนี้” ทันทีที่เขาถอนจูบ เขาก็สารภาพออกมา มือข้างนึงยังจับต้นแขนของมิกิไว้ ส่วนอีกข้างกลับยกขึ้นมาไล้วนข้างแก้มของเธอ

    “งานดูดอกไม้ไฟครั้งแรกระหว่างเรา มันควรจะมีความสุขสิ”

    “นี่เธอ คิดเรื่องนี้....”

    “เพราะงั้นวันนี้ถึงมาที่นี่ไงล่ะ แค่อยากจะมากับเธอ”

    “....” มิกิจ้องมองใบหน้าเต็มๆของอีกฝ่ายที่แสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจน จดจ้องริมฝีปากของเขา

    มันดึงดูดตัวเธอเหลือเกิน

    แล้วทีนี้ ฉันจะปกป้องเธอจากความเจ็บปวดมากกว่านี้ได้ยังไงกัน คาคาชิ

    เธอไม่ควร แทนที่เขา มิกิ ...

    “ขอโทษนะ ฉันเหนื่อยมาก ขอโทษจริงๆ” เธอพูดพร้อมกับกุมมือที่ไล้ข้างแก้มออกอย่างนิ่มนวล และหันหลังเดินจากไปเงียบๆ  ปล่อยให้เสียงของดอกไม้ไฟดังกลบความรู้สึกอย่างของเธอ

    --------------------------------------------------------------------

    นางเอกเรามีอาการหลอนนะคะ ซีนนี้เลยงุนงงทั้งตัวคาคาชิหึง ส่วนมิกิพยายามถอยห่างออกมาโน๊ะ ให้ความรู้สึกเหมือนกับได้เริ่มจาก 0 ใหม่เลยอ่ะ /นั่งเขี่ยพื้น 

    รับยาถนอมไตไปนะคะ ^_^ 


     

    ---------------------------------------------------------------------

    ....

    คิดหรือว่า การตัดสินใจแบบนั้นจะทำเพื่อปกป้องใครซักคนได้ ?

    เป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ ร้องไห้เสียใจยามที่เสียคนสำคัญ ไม่เคยทำอะไรได้ซักอย่าง

    ผู้หญิงไร้ค่า...

    แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้พวกแกหลงลืมสิ่งที่ทำให้พวกแกมีทุกวันนี้ได้หรอก

    ในเงามืดที่ซ่อนเร้นสายตาผู้คน ร่างปริศนาแอบมองดูแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดยูกาตะ ซึ่งกำลังเดินมุ่งหน้ากลับบ้านของตนเพียงลำพัง 

    จากนั้นร่างปริศนาก็ค่อยๆบิดงอรูปร่างวนเป็นก้นหอยดูดหายไปอย่างเงียบเชียบ

    .....

     

    มิกิเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะปิดมันลง เธอไม่ได้เปิดไฟในบ้าน รอบตัวจึงมืดสลัวเท่านั้น

    เธอเหนื่อย ตลอดทางก็รู้สึกผิดที่เดินหนีคาคาชิออกมาอย่างนั้น แล้วยังจูบที่ไม่ทันตั้งตัวอีก 

    ในใจของเธอตอนนี้เหมือนตีกันยุ่งเหยิงไปเสียหมด ให้ตายสิ

    “ขอให้ฉันพักสักหน่อยเถอะ”

    ว่าจบก็ก้าวเท้ายาวๆมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของเธอ บ้านที่ไม่มีนารูโตะอยู่มันก็จะเงียบเป็นปกติอยู่แล้ว

    แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ต่างจากเดิม

    ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าห้องของเธอ ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่าง มีร่างใครบางคนนั่งอยู่บนเตียงของเธอ

    “สวัสดียามเย็น นามิคาเสะ...” ร่างนั้นทักทาย

    แต่มิกิตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของเขา หน้ากากลายวนโดดเด่นใต้ผ้าคลุมหันมามองเธอภายใต้ดวงตาสีแดงฉาน พร้อมกับรอยยิ้มที่เผยออกมาจากตาดวงนั้น

    “มิกิ...”

    ความประหลาดใจมีเพียงชั่วขณะ หญิงสาวรีบหยิบคุไนที่ซ่อนอยู่ในยูกาตะปาใส่อีกฝ่ายทันที และมันก็ทะลุออกไป

    “ออกไปจากบ้านของฉันซะ” เธอไม่อยากเสวนากับอีกฝ่ายแน่นอน หลังจากเรื่องที่เกิดไม่กี่วันก่อน แถมยังมาโผล่ที่นี่ได้อย่างกับประตูบ้านอีก

    “หึ เกลียดฉันน่าดูเลยสินะ เจอปุ๊บถึงกับไล่ตะเพิดขนาดนี้ แถมยัง..” เขาลุกขึ้นแล้วชี้ไปที่หัว จุดที่คุไนของมิกิเพิ่งทะลุไป

    “ฆ่าโดยไม่ลังเล”

    “.....”  

    มาดาระยิ้มขัน แววตาของอีกฝ่ายมันทำให้รู้สึกอยากกระตุ้นอารมณ์เพิ่มไปอีก แต่ก่อนที่เขาจะเอาเวลามาเชยชมใบหน้านั้น หญิงสาวก็โจมตีอีกหน

    “อึก!”

    แต่คราวนี้มันกลับไม่ทะลุตัวอีกแล้ว มาดาระตรึงเรียวแขนเธอเอาไว้ รวมถึงกระชากตัวเธอกระแทกเข้ากำแพงจนเสียงดัง

    ตุบ!

    “อั่ก”

    “ฉันล่ะ เกลียดเธอจริงๆ” เขาเค้นเสียงพลางบีบเข้าที่คอของเธอ หญิงสาวก็ได้แต่ดิ้นและตีแขนของเขา

    หมอนี่ต้องการจะฆ่าเรา...

    “แก....มาที่นี่...เพื่อมา...ฆ..ฆ่าฉัน—“

    “โอ๊ะๆ อย่าสำคัญตัวผิดไป” ว่าจบมาดาระก็เหวี่ยงเธอไปกระแทกเตียงจนเธอล้มไปกองกับพื้น พลางสำลักเสียงดัง ข้าวของรอบตัวตกหล่นกระจัดกระจาย

    ยังไม่ทันลืมหายใจ ร่างของมิกิก็ถูกกระชากขึ้นมาที่เตียง และถูกกดจม เธอได้แต่ดิ้นพล่านเพื่อหลุดจากแรงมือที่หนีบคอเธอเอาไว้

    “ฉันมาที่นี่เพื่อทำมากกว่าฆ่าเธอ”

    แววตาของมิกิจ้องเข้าไปยังดวงตาสีแดงอย่างแข็งกร้าว มือแกร่งบีบกรามเธอแน่นจนไม่สามารถขยับพูดได้

    เธอกำลังขาดอากาศหายใจ

    “ให้สิ้นหวังเหมือนกับตายทั้งเป็น ทั้งแหล่ะที่ฉันจะทำ”

     

    ทันทีที่มาดาระเอ่ยจบ เนตรวงแหวนก็เริ่มทำงาน มันฉายภาพลวงตาใส่เข้าไปในหัวของหญิงสาวใต้ร่าง จากที่ร่างบางกำลังดิ้นอย่างสุดตัวบนเตียงหนา มือทั้งสองกลับชาสนิทจนขยับไม่ได้

    เย็น... ร่างกายเรากำลังสั่น

    ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเธอ จนเธอไม่รู้สึกอะไรอีก ร่างกายสั่นเทิ้มถึงแม้ว่ายูกาตะที่สวมใส่จะไม่หนามากแต่ความเย็นมันแผ่จากด้านใน

    “อะ...อา....”

    เธอเห็นมาดาระคนนั้นกำลังยินดีที่เธอนิ่งเสียแล้ว เสียงหัวเราะทุ้มต่ำนั้นดังก้องไปทั่ว ร่างหนานั่งกดทับเธออยู่

    “ชักชอบแล้วล่ะสิ เวลาที่เธอโดนคาถาลวงตาของฉัน”

    มิกิขัดขืนไม่ได้เลย เธอนอนแผ่แววตาจากแข็งกร้าวเริ่มหวาดหวั่น

    “พอมีช่วงที่ความสุขล้นปรี่ก็หลงลืมบางสิ่ง เริ่มกลัวรึยังล่ะ สิ่งที่เธอลืมเอาไว้น่ะ”

    “ลืมงั้นเหรอ?... คิดว่าฉันลืมงั้นเหรอ?” เธอพูดเสียงสั่นเพราะความหนาวเย็น “ความสุขที่แกว่านั่น คิดว่าฉันมีมันมากสินะ ทั้งๆที่แกพรากมันไปจากฉัน”

    เธอทั้งโกรธแค้นคนตรงหน้า ที่หวังจะทำลายทุกอย่างตรงหน้าของเธอ รวมถึงตอนนี้ก็เช่นกัน

    “เธอไม่สมควรมีชีวิตอยู่”

    นั่นคือสิ่งที่ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้นกับเธอ

    “จะบอกอะไรให้นะ 16 ปีก่อนที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาฆ่ารุ่นที่สี่กับพลังสถิตร่างหรอก แผนหลักของฉันก็แค่เก้าหางที่ตอนนี้มันอยู่ในตัวหลานชายที่น่ารักของเธอ เพราะงั้นครอบครัวที่แสนรักเธอตาย มันก็แค่ผลกระทบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”

    “แก!!” มิกิโกรธจัด

    “แต่ตอนนี้มันต่างกัน ทำไมฉันถึงชอบทำลายเธอเรื่อยๆ.... ก็มันรกหูรกตาไงล่ะ”

    “เจ้าคาคาชิมันดูมีความสุขสินะที่มีเธออยู่ด้วย เหอะ ไอเศษสวะนั่น แต่ไม่ว่ายังไงถึงแม้เธอจะจบความสัมพันธ์อะไรฉันก็ไม่สน แกทั้งสองคนต้องพบกับความเจ็บปวด”

    มาดาระเลื่อนหน้ากากของตนเองเพียงแต่ว่ามันเผยแค่ครึ่งหน้าที่เป็นส่วนล่างเท่านั้น

    รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวนั้นแสยะยิ้มออกมา “และฉันก็จะเป็นคนลงมือเอง”

    เขาก้มลงกัดที่คอของหญิงสาวอย่างแรงจนเธอร้องลั่น แขนทั้งสองถูกโซ่เหล็กคล้องตึงขึ้นหัวเตียง มันเจ็บราวกับแก้วที่บาดลึกที่คอ

    เลือดสีแดงไหลจากปากแผลติดบนปากของมาดาระที่เลียชิมเลือดของหญิงสาว

    “อึก...ไปให้พ้น”

     

    “ปากดีจริงๆนะ” 

    ----------------------------------------------------------------

    NC บทที่ 53 นะคะ >>  Link  

    ---------------------------------------------------------------


     

    มือกำรอบคอแน่นขึ้น ขณะที่ความคิดของมิกินั้นไกลออกไป อากาศก็เริ่มขาดช่วง แววตาที่เหม่อลอยจู่ๆก็เบิกกว้าง

    “นาย...คือโอบิ..โตะเหรอ?”

    “....”

    ชายตรงหน้าหยุดมือที่บีบคอไปชั่วขณะ เขามองดวงตาสีฟ้าตอบ มันเต็มได้คราบน้ำตา

    “โอบิโตะ? จริงๆเหรอ?”

    ไม่ต้องสนอีกต่อไปแล้ว

    “รู้ไปยังไงก็ไม่สำคัญแล้วจริงไหม?” เขาบีบคอของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มิกิกลับยิ้มเศร้า

    “ถ้าตายด้วยมือเธอ....ฉันจะได้เจอรินสินะ”

    “....”

    “ดี...แล้วล่ะ....ฉันอยากบอกอะไรรินมาก...มายเลย”

    ความตายนี้จะได้เป็นจุดจบความรู้สึกและความทรมานทั้งหมดนี้ที ...

    จู่ๆเขาก็หยุดลงมือที่จะฆ่าเธอเสียอย่างนั้น จนเธอสำลักหายใจเข้าอย่างแรง

     

    “ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เธอไปอย่างสงบหรอก มิกิ” เขาบีบแก้มทั้งคู่ให้มิกิจ้องมอง “ทั้งเธอและเจ้าคาคาชิ” 

    ในงานเทศกาลซากุระมองคนเป็นอาจารย์อย่างเป็นห่วง หลังจากที่เขากลับมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะนิ่งเงียบเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก

    เธอพอรู้ในตอนแรกว่าครูของเธอกำลังเก็บอารมณ์ แต่ตอนนี้กลับเหมือนคนที่รู้สึกเศร้ามากกว่า

    ซากุระสังเกตมานานเรื่องระหว่างครูของเธอกับครูสาวที่เธอเคารพอย่าง มิกิ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากแค่ไหน ไม่เคยที่จะพูดคุยถึงความสัมพันธ์กับเธอหรือนารูโตะเลยก็ตาม

    พอนึกถึงจุดนี้ซากุระก็นึกถึงเรื่องของเธอ ความรู้สึกที่เธอมีต่อซาสึเกะ อาจจะไม่เท่ากับของครูคาคาชิกับครูมิกิเลยล่ะมั้ง

    แต่อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ได้นี่นา!!

     

    “ครูคาคาชิคะ?” เด็กสาวเดินไปหาร่างสูงจากด้านหลัง เธอเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายเหม่อออกไปไกลเหมือนกัน

    “ว่าไง ซากุระ” กว่าอีกฝ่ายจะหันมาสนใจเด็กสาวก็หลายวินาทีอยู่เหมือนกัน

    เมื่อกี้หรือว่าครูจะเหม่อจริงๆ

    “เป็นอะไรรึเปล่าคะ ครูดูเหม่อแปลกๆนะคะ”

    คาคาชิเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองเผลอแสดงท่าทีแปลกๆออกมา ก็ได้แต่ยิ้มขำภายใต้หน้ากาก

    “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร ครูแค่คิดอะไรนิดหน่อย”

    “แล้วเมื่อกี้ครูคาคาชิไปคุยกับครูมิกิ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” จะหาว่าเธอยุ่มย่ามก็ได้ แต่ว่าเธอก็อดเป็นห่วงครูมิกิไม่ได้ จู่ๆก็ไม่เห็นเธอเลย

    “....พอดีเธอบอกว่าเหนื่อย เลยขอตัวกลับไปก่อนน่ะ”

    “เอ๋? ทั้งๆที่เพิ่งมาถึงเองนะคะ ครูทั้งคู่ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าคะ?” คราวนี้ซากุระเริ่มจ้องจับผิดคาคาชิแล้ว เธอชักไม่พอใจที่ดูยังไงครูสาวต้องไม่โอเคกับเรื่องบางเรื่องแน่ๆ ถึงได้รีบกลับ

    คาคาชิถอนหายใจ “อา...ฉันงี่เง่าเองแหล่ะ”

    “เอ๋?” ซากุระอุทานด้วยความงุนงง ปกติที่เธอคาดเดา ครูคาคาชิจะต้องปกปิดเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับพวกเธอแน่ แต่ว่าตอนนี้กลับ...

    วแบบนี้กับพวกเธอแน่ แต่ว่าตอนนี้กลับ...

     

    “งี่เง่างั้นเหรอ? พูดดีไปหน่อยมั้ง ฮาตาเกะ คาคาชิ”

    !!!

    ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาตามงานเทศกาล พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีใคร บุคคลแปลกประหลาดนั่งอยู่บนต้นไม้ สวมหน้ากากอยู่ในเงามืด

    แต่ไม่ใช่กับคาคาชิและซากุระ

    “มาดาระ! เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!!”  ซากุระถาม เธอเตรียมพร้อมที่จะสู้แล้วแต่ทว่าครูหนุ่มของเธอกลับห้ามเอาไว้

    ...ที่นี่เต็มไปด้วยคนมากมายอาจจะกลายเป็นลูกหลงไปได้

    นั่นคือสัญญาณที่คาคาชิบอกเธอ

    “ต้องการอะไร? มาดาระ”

    มาดาระยิ้มขำอยู่บนคานไม้ “สิ่งที่ฉันต้องการน่ะเหรอ ได้รับมาแล้วล่ะ”

    “พูดเรื่องอะไรกัน?”

    “ก็แค่อยากมาเห็นสีหน้านายเท่านั้นเอง คาคาชิ สีหน้าของคนที่มัวแต่สนุกสนานและปล่อยให้ใครบางคนร้องเรียกให้ช่วย”

    คาคาชิไม่เข้าใจที่มาดาระเปรย แต่เขากลับรู้สึกสังหรณ์พิกล

    “ผู้หญิงของนายไง...”

    แววตาของมาดาระยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะหายวับไปด้วยคาถาเคลื่อนย้ายมิติ

    “เมื่อกี้เขาหมายถึง...” ซากุระเกริ่นพลางมองเสี้ยวหน้าของคาคาชิ

     

    “อา... ” เขาตอบ “มิกิยังไงล่ะ” 

     


     

     ความจริงสิ่งหนึ่งที่มิกิได้รับรู้ในตอนนี้ มันเหมือนกับ มีดที่กรีดแผลเป็นกลางอกของเธอ

    ชายสวมหน้ากาก คืออุจิวะ โอบิโตะ

    คนที่ควรจะตายไปแล้วตั้งแต่สงครามที่คันนาบิ แต่มันจะไม่สำคัญอะไร ในเมื่อเขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และทำร้ายเธอทั้งจิตใจ

    ในเมื่อเธอรู้ความจริงสิ่งนี้แล้ว ถ้าเกิดคาคาชิรู้ล่ะ?

    เขาจะเป็นยังไง จะกลับมาโทษตัวเองอีกไหม

    ความกลัวเข้ากอบกุมจิตใจของหญิงสาวที่กำลังสับสน ความมืดรอบกายพลางบาดแผลรอบตัวเธอเอาไว้ ร่างกายยังสั่นเทาไม่หายจากการทำร้ายที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง

    ทันใดนั้นเองเสียงบานประตูก็ถูกเปิดออกดังปัง จนมิกิสะดุ้งโหยงหันควับไปมอง เธอไม่มีเวลาพอที่จะปกปิดสภาพเธอตอนนี้เลยด้วยซ้ำเมื่อร่างใครบางคนบุกเข้ามาพร้อมเหนื่อยหอบ

    “แฮ่ก...แฮ่ก...”

    คนตรงหน้าคือคนที่มิกิทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอเวลาเดียวกัน

    “คาคาชิ...?”

    คาคาชิยืนอยู่ตรงนั้น หายใจอย่างเหนื่อยหอบราวกับรีบมาที่นี่ไม่หยุดพัก เขามองร่างบางบนเตียง ความรู้สึกมากมายเข้าโถมหน้าอกของเขาอย่างจัง ความโกรธ ความเสียใจ

    “มาดาระมันทำอะไรเธอ” พอเอ่ยถึงบุคคลที่ตนเพิ่งเจอท้าทายเมื่อครู่ ร่างบางก็ชะงักไป ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้พยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบ

    “มิกิ... ตอบฉันสิ” เขาเข้าหาเธอ ก้มคุกเข่าข้างเตียงที่เธอนั่งอยู่ เอื้อมไปกุมใบหน้าให้เงยขึ้นมองชัดๆ คราบน้ำตา ใบหน้าบวมช้ำ

    รวมถึงคอของเธอที่มีรอยกัดและรอยบีบ

    “ฉะ...ฉันไม่รู้ จะบอกเธอยังไง”

    คาคาชิเข้าใจแล้ว สิ่งที่เห็นมันทำให้เขาโกรธจัดจนอยากจะกลับไปบีบคอชายคนนั้นซะ แต่เพราะร่างตรงหน้ายังคงสั่นเทาไม่หยุด

    “แต่มันผ่านไปแล้วนะ เขาไปแล้ว และฉันก็ยังไม่ตาย” เสียงของเธอสั่นเครือ แขนที่กอดตัวเองบีบรัดแน่นขึ้น 

    “เพราะฉัน มันถึงจ้องทำร้ายเธอ”

    “ไม่! ไม่ใช่นะ เพราะตัวฉันเอง มาดาระน่ะ-“

    “มันมาหาฉัน เยาะเย้ยฉัน บอกฉันหมดแล้วเรื่องที่ทำกับเธอ”

    “....”

    “ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ จะไม่ปล่อยเธออีกแล้ว ฉันสัญญา”

    สิ่งที่เขาพูดมันเหมือนกับว่าเขาโทษตัวเองอีกครั้ง มิกิไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น

    “มันไม่ใช่ความผิดเธอนะ คาคาชิ”

    “ความผิดของฉันสิ เธอคือทุกอย่างของฉันนะ มิกิ สิ่งที่ฉันอยากรักษาเอาไว้น่ะ”

    มิกิร้องไห้ คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกมีค่าขึ้นมาก สิ่งที่เธอตั้งใจไว้ว่าจะถอยห่างจากเขากลับมลายหายไป

    ไม่ใช่แค่คาคาชิหรอกที่บอกว่าเธอคือทุกๆอย่างของเขา เธอก็เช่นกัน

    “ดังนั้นได้โปรด มิกิ อย่าโกหกอะไรฉันอีก อย่าปิดบังฉัน มันจะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

    “ฉันแค่อยากปกป้องเธอ...”

    “นั่นมันคือหน้าที่ของฉันต่างหาก”

    ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันมาก จนหน้าผากแทบจะชนกัน  คาคาชิเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้ามิกิ

    ไม่อยากให้เป็นเหมือนตอนที่ฉันปกป้องรินไม่ได้ ความรู้สึกผิดมันกอบกุมหัวใจของฉันมากพอ ถ้าเห็นว่าเธอกำลังหายไป ...


     

    ------------------------------------------------------------------


     


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×