ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] TFBOYS ❀

    ลำดับตอนที่ #12 : [ Qian x Hong ] Love Rain : 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      0
      20 ก.ค. 59

    - 3 -


    เช้าวันต่อมา...

    หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักในตอนเย็นของเมื่อวาน ท้องฟ้าในวันนี้ก็ดูสดใสกว่าเมื่อวานเป็นอย่างมาก จื่อฮงมองไปยังขอบฟ้าสีทองอร่ามที่อยู่ไกลแสนไกล โดยที่มีแดดอ่อนๆ ในยามเช้า สาดแสงกลับมาทักทายตัวเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วของโรงเรียน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เลิกเหม่อมองท้องฟ้า แล้วเดินเข้าไปในโรงเรียน โดยจื่อฮงเลือกที่จะเดินไปนั่งอยู่เงียบๆ คนเดียวที่สวนหลังโรงเรียน ดีกว่า... นั่งที่โรงอาหารหรือขึ้นไปอยู่บนห้องเรียน เพราะว่าจื่อฮงไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะๆ มันทำให้รู้สึกอึดอัด เวลาที่ต้องนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาและฟังเสียงพูดคุยซุบซิบโน้นนี้นั้น ดังเซ็งแซ่อยู่รอบๆ ตัว ถ้าต้องเป็นแบบนั้น... เขาขอเลือกมานั่งเหงาๆ อยู่คนเดียวแต่สงบคงจะดีกว่า!

    จื่อฮงนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อนในสวนหลังโรงเรียน บริเวณรวบๆ เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและต้นไม้ขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งระหง่านอยู่ในสวนและคอยแผ่กิ่งก้านเพื่อบดบังแสงแดดไม่ให้ส่องลงมามากจนเกินไป ในขณะที่จื่อฮงกำลังนั่งอยู่คนเดียวนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังเดินมาแถวนี้ เขาหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบว่า จุนไคกำลังเดินมาตรงนี้ ตรงที่เขานั่งอยู่

    ตาของจื่อฮงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ขณะที่จุนไคกำลังเดินมา จื่อฮงรีบหมุนตัวไปอีกทางเพื่อหลบหน้าอีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของจุนไคก็ดังขึ้นในความเงียบทันที

    ไม่ต้องหันหน้าหนีหรอก ฉันรู้.. ว่านายเห็นฉันแล้ว

    “…” จื่อฮงได้ยินเสียงของจุนไคแล้ว แต่ยังไม่ยอมหันหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย จื่อฮงแกล้งทำเป็นนั่งนิ่งๆ ไม่ตอบ ไม่สนใจ เหมือนกับว่า..จุนไค ไม่มีตัวตนอยู่ในโลก

    นั้นก็เพราะ.. ก่อนหน้านี้ จุนไคก็ทำเหมือนกับว่า..จื่อฮงไม่มีตัวตนอยู่ในโลกเช่นกัน แต่ทำไมวันนี้เขาถึงต้องเดินมาทัก คนที่เคยรู้จัก อย่างจื่อฮงล่ะ ?

                ฉันก็ไม่ได้อยากมารบกวนนายหรอกนะจุนไคกล่าว

                “ มีอะไรล่ะจื่อฮงถาม ตอนนี้เขาไม่เข้าใจจุนไคจริงๆ ถ้าไม่อยากรบกวน แล้วจะมาให้เห็นหน้าทำไม มัน ปวดหัวใจนะ มันปวดใจมากจนเขาแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ทุกครั้งที่จุนไคกับเขาเจอกัน แต่ต้องทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกแบบนี้ แต่ทว่าตอนนี้ มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น อีกแล้ว ราะกำลังมีใครอีกคนที่ทำให้เขาหวั่นไหวและใจเต้นแรง เขาจึงเลิกคิดถึง จุนไค ไปแล้ว

                เปล่า แค่จะมาบอกว่า ถ้ามีใคร..ถามเรื่องของเรา นายห้ามบอกอะไรใครเด็ดขาดนะ ตอนนี้ฉันรู้ ว่าไอ้เซียนซีมันกำลังตามสืบเรื่องของฉันอยู่ นายอย่าเผลอบอกอะไรไปล่ะ

                “ ฉันบอกไม่ได้หรอก.. เพราะฉันไม่เคยคิดจะจำมันเอาไว้ในสมอง จื่อฮงตอบ

    อย่างไม่แคร์ความรู้สึกของอีกฝ่าย ทำไมจะต้องไปแคร์ในเมื่ออีกฝ่ายก็ไม่แคร์เขาเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเขาก็ลืมมันไปแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะเคยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข

                หลังจากที่จื่อฮงพูดจบแล้ว จุนไคก็เดินจากไปโดยไม่กล่าวลาสักคำ คงเหลือเพียงแต่

    จื่อฮงที่ยังนั่งอยู่อย่างเดียวดายอยู่กับความรู้สึกเก่าๆ ที่เวียนวนกลับมาหาอีกครั้ง แต่จื่อฮงก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเท่าใดนัก เขารู้สึกเฉยๆ กับอีกฝ่ายมากกว่า นี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงร้องไห้ไปแล้วแน่ๆ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนใหม่ คนใหม่ที่หัวใจเข้มแข็งมากกว่าเดิม

    จื่อฮงหันหน้าไปมองจุนไคที่เดินไปจนลับสายตาก่อนจะเดินออกไปจากสวนหลังโรงเรียนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เขาเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงโต๊ะไม้สีน้ำตาลแก่ที่อยู่ใต้อาคารเรียน แล้วเขาก็เห็นเซียนซีกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่คนเดียว ในใจของจื่อฮงอยากจะเดินเข้าไปทักเซียนซี แต่ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมแม้แต่จะขยับปลายเท้าให้ก้าวออกไป เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจก้าวเท้าออกไปหาเซียนซีอย่างช้าๆ โดยที่เซียนซีไม่รู้เลยว่าจื่อฮงกำลังจะเดินเข้าไปหา

    ขณะที่จื่อฮงกำลังเดินเข้าไปใกล้เซียนซี  จื่อฮงรู้สึกว่าทุกๆ อย่างรอบตัวอยู่ในโหมดสโลโมชั่น สิ่งต่างๆ ดูเคลื่อนไหวช้าลง แต่ทว่าหัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

    กึก.. กึก.. เสียงของฝีเท้าที่กำลังก้าวออกไป ตึก.. ตึก.. กับเสียงหัวใจที่กำลังสั่นระรัว เสียงหัวใจของจื่อฮงเต้นดังขนาดนี้ไม่รู้ว่าเซียนซีจะสามารถรู้สึกถึงมันได้หรือเปล่านะ

    กึก.. กึก.. ตอนนี้จื่อฮงกำลังเดินเข้าไปใกล้เซียนซีมากขึ้น จนเหลือระยะห่างอีกเพียงไม่กี่ก้าวจื่อฮงก็จะยืนอยู่ตรงข้างหน้าเซียนซีพอดี แต่มันคงไม่เป็นแบบนั้น..

    เฮ้ย! ไอ้เซียนซี หวัดดีๆ เสียงทักทายจากเพื่อนของเซียนซี ทำให้จื่อฮงที่กำลังจะเดินเข้าไปต้องหยุดชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหัน

    หวัดดีเซียนซีเงยหน้าขึ้นจากหนังสือการ์ตูนก่อนจะทักทายตอบเพื่อนของเขาที่เดินเข้ามาหา

    เออ.. ทำการบ้านเสร็จยัง ขอลอกหน่อย เพื่อนของเซียนซีถาม แล้วหลังจากนั้น เซียนซีก็คุยกับเพื่อนต่อโดยไม่ทันได้หันมามองจื่อฮงที่ยืนอยู่เลย

    เมื่อจื่อฮงเห็นว่าคงไม่สะดวกที่จะเข้าไปทักทาย เขาจึงเลือกที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ แล้วหลังจากนั้น จื่อฮงกับเซียนซีก็ยังไม่ได้เจอกันอีกเลย เพราะทั้งสองเรียนคนละห้องกัน จนกระทั้งถึงเวลาพักกลางวันที่นักเรียนส่วนใหญ่มักจะลงไปทานข้าวที่โรงเรียนอาหารแต่จื่อฮงกลับไม่ได้ไปนั่งทานข้าวที่โรงอาหารเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่หิวนะ แต่ก็อย่างที่บอก

    เขาไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะๆ เขาจึงเลือกที่จะซื้อแซนด์วิชมาจากโรงอาหารแล้วขึ้นมานั่งกินบนห้องเงียบๆ คนเดียว

                ในขณะที่จื่อฮงกำลังกินแซนด์วิชอยู่คนเดียวนั้น ประตูห้องเรียนของเขาก็ถูกเปิดออกพร้อมกับการมาของใครบางคน..

                เฮ้! หวัดดี เซียนซีเดินเข้ามาในห้องแล้วทักทายจื่อฮงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

                หวัดดี มีอะไรรึเปล่า ทำไมมาหาถึงห้องเรียนล่ะ? ”

                ต้องมีธุระด้วยหรอ? ถึงจะมาหาได้เซียนซีถาม

    แล้วนายมาที่ห้องเรียนฉันทำไมล่ะ? ” จื่อฮงตอบ

    ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเอาร่มที่ยืมไปมาคืนเฉยๆ เซียนซีตอบ แล้วยื่นร่มคืนให้จื่อฮง

    แค่นี้ใช่ไหม ธุระของนาย จื่อฮงถามแล้วกินแซนด์วิชแฮมชีสต่อ

    จริงๆ แล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยเซียนซีบอก

    ทำไมไม่รีบลงไปกินล่ะ เดี๋ยวที่นั่งก็เต็มหมดหรอก

    ก็ฉันยังไม่อยากลงไปนี้ นายจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันจะขอกินแซนด์วิชกับนาย

    เฮ้ย! ไม่ได้ๆ จื่อฮงบอกพลางทำสีหน้าตกใจแล้วยกกล่องที่ใส่แซนด์วิชหนีเซียนซีที่ทำท่าจะเข้ามาแย่งกิน

    ขอกินชิ้นเดียวเอง ทำเป็นงกไปได้

    ไม่ได้งกหรอก แต่ไม่อยากแบ่งใคร โดยเฉพาะนาย จื่อฮงบอกแล้วเบือนหน้าหนีไปจากเซียนซี

    ทำไม งอนเรื่องเมื่อเช้าหรอ ? ”

    เรื่องเมื่อเช้า ? ” จื่อฮงถามกลับพลางทำหน้างง

    ก็ตอนที่นายจะเดินเข้ามาทักฉัน แต่ฉันไม่ได้ทักตอบเพราะคุยกับเพื่อนอยู่ไง

    ถ้าเรื่องนั้น ฉันไม่ได้งอนสักหน่อย แล้วทำไมนายถึงคิดว่าฉันต้องเดินเข้าไปทักด้วย บางทีฉันอาจจะแค่เดินผ่านไปแถวนั้นก็ได้

    ไม่ต้องมาโกหกเลย ฉันรู้ว่านายตั้งใจเดินเข้ามาทัก แต่เพื่อนฉันดันมาขัดซะก่อน

    ฉันก็เลยไม่อยากเข้าไปรบกวนนายไง จื่อฮงตอบ พร้อมกับแอบบ่นในใจว่า เกลียดจริงๆ คนรู้ทันเนี่ย

    โอเค แต่ถ้าวันหลังนายเจอฉันก็อย่าลืมทักทายกันบ้างนะ

    ทำไม? นายต่างหากต้องทักฉันก่อน ฉันไม่ชอบทักใครก่อน เข้าใจไหม

    คำตอบของจื่อฮงอาจทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่ง ไม่สนใจที่จะผูกมิตรกับใคร ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่เป็นเพราะว่าเขา ขี้อาย ต่างหาก

    แล้วทำไม ถึงไม่ชอบล่ะ เซียนซีถามพลางทำหน้าสงสัย ไม่ชอบทักใครก่อน หยิ่ง ชะมัด

    เอาตรงๆ เลยนะ จื่อฮงบอก แล้วหันหน้าไปหาเซียนซี ก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาไม่เคยบอกกับใครมาก่อน

    ฉันกลัว

    ห๊ะ! ” เซียนซีอ้าปากอ้างกับคำตอบอันน่าฉงนของอีกฝ่าย

    มันอาจจะฟังดูแปลกๆ นะ แต่ฉันกลัวว่า ถ้าทักคนอื่นแล้ว ฉันจะชวนคุยยังไงดี จะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายยังไงดี ถ้าทักแล้วเขารำคาญ เขาไม่อยากคุยจะทำยังไงดี  ฉันจึงคิดว่า... ถ้าการจะทักใครสักคนมันลำบากขนาดนี้ ไม่ทักซะยังจะดีกว่า

    โห้! ดราม่าซะยิ่งกว่าละครน้ำเน่า นายแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกฉันป่ะเนี่ย

     “ เฮ้ย ไม่ตลกนะ นี้เรื่องจริง

    โอเคๆ ฉันเชื่อก็ได้ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าอะไรที่ทำให้นายคิดว่าการทักคนอื่นก่อนมันเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ฉันจะบอกนายเอาไว้ว่า.. ถ้าเรากลัวที่จะทักคนอื่นก่อน คนอื่นเขาก็กลัวที่จะทักเราก่อนเหมือนกัน นายคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม ว่าปกติแล้วนายเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเข้ามาทักทายเท่าไร

    ก็ใช่  ” เสียงตอบเบาๆ ของจื่อฮง ทำให้เซียนซีหันมามองที่หน้าเจ้าของเสียงนั้น แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับที่บ่าของจื่อฮง ก่อนจะเขยิบตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ จื่อฮง แล้วจึงพูดว่า

    การจะทักใครสักคนหรือทำความรู้จักกับใครสักคน มันไม่ใช่เรื่องยาก มันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ขอแค่นายมีความจริงใจให้อีกฝ่าย มีน้ำใจกับอีกฝ่าย ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองแค่นี้ก็พอแล้ว

    พูดจบเซียนซีก็ยิ้มออกมา เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้จื่อฮงเล็กน้อย ก่อนจะมองลึกลงไปในดวงตากลมโตของอีกฝ่าย ภายในดวงตาของเซียนซีที่จ้องมองมายังจื่อฮงนั้น เขาได้ส่งความรู้สึกบางอย่างผ่านมันมาด้วย ซึ่งความรู้สึกนั้นก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้นายเสมอ

    เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงมันได้ไหม แต่ความรู้สึกนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาจริงๆ

    ขอบใจ นายมากนะ ที่คอยให้กำลังใจฉัน

    ไม่เป็นไร ฉันยินดีช่วยเหลือนายเสมอ เพราะตอนนี้ เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี้ เซียนซีบอกแล้วยิ้มกว้างจนแย้มปริ ก่อนจะหยิบแซนด์วิชในกล่องของจื่อฮงขึ้นมากิน

    เฮ้ยย!! หยิบของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต มันเสียมารยาทนะ จื่อฮงบอกเซียนซี แต่เซียนซีกลับไม่สนใจเอาแต่กินแซนด์วิชอย่างเอร็ดอร่อย

    เราเป็นเพื่อนกันนะ ทำเป็นงกไปได้ ฮ่าๆ เซียนซีตอบจื่อฮง ด้วยรอยยิ้มปนเสียงหัวเราะของตัวเอง

    ไม่ได้งก แต่ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ก็ควรรักษามารยาทต่อกันไว้เสมอ อีกฝ่ายจะได้ไม่เสียความรู้สึก มิตรภาพจะได้อยู่ได้นานๆ ไง

    ฮ่า ฮ่าๆ ไม่อยากเชื่อเลย ว่านายจะเป็นฝ่ายพูดคำนี้กับฉัน ใครกันนะ ปิดประตูใส่หน้าฉันแล้วไม่คิดจะขอโทษ เซียนซีพูดไปหัวเราะไป

    แต่ฉันขอโทษไปแล้วนะจื่อฮงตอบเสียงเบา ลึกๆ แล้วเขายังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่ เซียนซีไม่น่าพูดถึงมันเลย

    โอเคๆ แค่แซวเล่นเฉยๆ แซนด์วิชของนายอร่อยมากเลย ฉันขอกินอีกนะ เซียนซีพูดแล้วหยิบแซนด์วิชอีกชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกมาจากในกล่อง

    เฮ้ย! พอเลยๆ นี้มันชิ้นสุดท้ายแล้วนะ ของฉันแท้ๆ ฉันได้กินแค่ชิ้นเดียวเอง แต่นายแย่งไปกินฟรีๆ แล้ว ตั้งสองชิ้นจื่อฮงบ่น

    อ่ะๆ โทษที งั้นชิ้นนี้ฉันให้นายกินไปเถอะ เมื่อเซียนซีพูดจบ จื่อฮงจึงเอื้อมมือไปคว้าแซนด์วิชชิ้นสุดท้ายที่เซียนซีถืออยู่ แต่เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะคว้ามันไปได้ เซียนซีก็ยกมือข้างนั้นแล้วชูขึ้นหนีจื่อฮง

    สรุปว่าฉันจะได้กินแซนด์วิชไหมเนี่ยจื่อฮงบ่น แล้วยู่ปากพลางทำหน้าเซ็งๆ ใส่อีกฝ่ายแต่มันก็ยังดูน่ารักอยู่ดี

     

    นายได้กินแน่ แต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันสักหน่อยเซียนซีตอบแล้วยิ้มมุมปาก

    แค่กินแซนด์วิช ยังต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอีกหรอ

    นายต้องให้ฉันป้อนแซนด์วิชให้นาย โอเคไหม? ” เซียนซีบอกข้อเสนอของตนเองให้อีกฝ่ายฟัง จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดีกับอีกฝ่ายหรอก ก็แค่อยากแกล้งเล่นๆ เท่านั้นเอง

    ไม่ต้อง!! ฉันกินเองได้

    งั้นก็อดไป เซียนซีตอบ แล้วทำท่าจะกินแซนด์วิชชิ้นสุดท้ายที่ตนถืออยู่

    เดี๋ยวๆ ฉันยอมให้นายป้อนก็ได้ จื่อฮงจำต้องยอมอีกฝ่าย เนื่องจากตอนกลางวันที่ผ่านมานี้ เขาแทบจะยังไม่ได้กินอะไรเลย

    ดีมาก พูดง่ายๆ แบบนี้ก็ได้กินไปตั้งนานแล้ว ฮ่าๆๆหลังจากที่พูดจบ เซียนซีก็ยกแซนด์วิชขึ้นมาป้อนให้จื่อฮง อีกฝ่ายจึงค่อยๆ กินแซนด์วิชที่เซียนซีกำลังป้อนให้

    และในขณะที่กำลังป้อนแซนด์วิชกันอยู่นั้น ใบหน้าของทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันมากขึ้น จนมันเป็นผลทำให้หัวใจดวงน้อยของจื่อฮงเริ่มสั่นไหว เมื่อได้อยู่ใกล้กันสองต่อสอง ในสถานที่ที่ไม่มีใครเห็น มีแต่ฉันกับเธอ แค่เราสองคน

    บรรยากาศโดยรอบสงบเงียบ ไร้ซึ่งเสียงรบกวนใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวใจที่กำลังเต้นโครมคราม เมื่อเธอเข้ามาใกล้เกินกว่าที่หัวใจของฉันจะสามารถต้านทานต่อความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นระหว่างสองเรา

    แต่ทันใดนั้นเอง.. เสียงเปิดประตูของห้องเรียนก็ดังขึ้นเสียก่อน จึงทำให้ทั้งสองต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ เพราะนี้เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมีคนเข้ามาในห้อง

    พวกเธอทำอะไรกันนะเซียนซีที่กำลังป้อนแซนด์วิชให้จื่อฮงต้องชะงักมือให้หยุดสิ่งที่กำลังทำในทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องคือ หวังหยวน

     “ หยวน เซียนซีเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมา ก่อนจะวางแซนด์วิชที่ป้อนจื่อฮงไว้ในกล่อง แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหาแต่หวังหยวนกลับวิ่งหนีเซียนซีออกไปข้างนอกห้องเรียน

    หยวนหยุดก่อน ฟังที่ฉันพูดก่อนเซียนซีบอกพร้อมกับวิ่งตามหยวนออกไป

    พอเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ” หวังหยวนหยุดวิ่ง แล้วยืนหันหลังพูดกับเซียนซี                 

    หยวน ฉันขอโทษ ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะ เซียนซีพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้หวังหยวนก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมืออันเรียวเล็กของอีกฝ่ายเบาๆ แต่ก็ถูกหวังหยวนสะบัดออกอย่างแรง

    พอ !!! ฉันบอกให้พอไง หยุดทำแบบนี้กับฉันได้แล้ว ” หวังหยวนตะโกนออกมาเสียงดังจนเสียงนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ทำเอาจื่อฮงที่แอบยืนดูสถานการณ์อยู่หลังกำแพงของห้องเรียน แทบจะหูแตกกับเสียงของหวังหยวน     ถ้าให้จื่อฮงเดา พวกเขาสองคนเหมือนคู่รักที่กำลังเข้าใจผิดแล้วทะเลาะกันเลย แต่เรื่องจริงเป็นยังไง ใครจะรู้... บางทีสิ่งที่เห็น อาจจะไม่ใช่ความจริงเสมอไป

     “ หยวนฉันรักนายนะเซียนซีพูดคำนั้นออกมาทั้งน้ำตา ทำเอาจื่อฮงตกใจจนแทบจะหัวใจวาย นี้สรุปว่าพวกเขาเป็นแฟนกันใช่ไหม

    เซียนซีนายลืมไปแล้วหรอหวังยวนถามเซียนซี

    ลืมอะไรเซียนซีถามพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

    ฉันกับนาย ...หยวนพูดแล้วหยุดพักไป ทำเอาจื่อฮงที่ยืนแอบฟังอยู่รู้สึกลุ้นแทบบ้า ว่าหวังหยวนกำลังจะพูดอะไรกับเซียนซี

    ฉันกับนาย ... เราเลิกกันไปแล้วนะ

    ไม่จริง ฉันไม่มีวันยอมรับว่าเราเลิกกันเด็ดขาด เซียนซีพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลพราก แล้วส่ายหน้าเบาๆ เป็นการสื่อว่าเขาจะไม่มีวันยอมรับความจริงที่เกิดขิ้น

    เราเลิกกันไปเดือนกว่าๆ แล้วนะ นายจำไม่ได้หรอ

    ไม่ ฉันยังรักนายอยู่ เซียนซีตอบหยวน ทำให้จื่อฮงที่ยืนแอบมองดูเหตุการณ์อยู่ รู้สึกใจหายวาบเลยที่เดียว การที่เซียนซีไม่ยอมรับว่าเลิกกับแฟน แล้วจินตนาการไปเองว่ายังรักกันอยู่ ไม่เพี้ยนก็บ้า แล้วทำไมเขาถึงเป็นได้ขนาดนั้น... มันเพราะอะไรกัน...

     “ โอ้ย! ฉันหมดความอดทนกับนายแล้วนะหยวนโวยวายใส่เซียนซี ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แต่ร้องไห้ออกมา

    ฉันยอมเลิกกับนายก็ได้ เซียนซีปาดน้ำที่เปรอะเปื้อนอยู่บนแก้มออก

    ดี เราต่างคนต่างไปในทางของตัวเองน่ะ ดีแล้ว หยวนตอบ

    แต่ช่วยบอกเหตุผลมาได้ไหม ว่าทำไมนายถึงอยากเลิกกับฉัน

    ฉันมีคนใหม่แล้ว หยวนพูดออกมาหน้าตาเฉยโดยไม่คิดจะสนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน

    ใคร? ” เซียนซีถามพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หน้าของหวังหยวน เพื่อรอฟังคำตอบ

    เขาก็คือ... หยวนพูดออกมายังไม่ทันจบประโยคก็หยุดไป ก่อนจะตอบว่า

    ฉันไม่บอกดีกว่า เพราะถึงบอกไปก็ใช่ว่าฉันจะกลับไปหานายหยวนพูดจบ ก็เดินเข้ามาใกล้เซียนซีก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับที่ไหล่ของเขา แล้วโน้มหน้าลงมาที่ข้างหูของเซียนซีหลังจากนั้นก็กระซิบเบาๆ ว่า ...

    บางเรื่องถ้ารู้แล้วมันไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์กับตนเอง หรือรู้แล้วทำให้ไม่สบายใจ ก็อย่าไปรู้มันเลยจะดีที่สุด ยังไงฉันก็ขอให้นายโชคดีนะ สักวันนายก็จะลืมฉันได้เอง

    หยวนพูดจบก็ค่อยๆ ขยับร่างของตนให้ออกห่างจากเซียนซีก่อนจะเดินจากไปจนลับสายตา จื่อฮงที่แอบยืนดูเหตุการณ์ไม่อาจจะทนอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป เขาจึงออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบเดินเข้าไปหาเซียนซี เขาอยากจะให้กำลังและคอยปลอบใจเซียนซีในยามทุกข์อย่างที่อีกฝ่ายเคยทำกับเขาบ้าง

    เซียนซี นายโอเคไหม จื่อฮงถามเซียนซีที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียนด้วยสีหน้าโศกเศร้า

    ฉันโอเค เซียนซีตอบพร้อมกับยิ้มออกมาแบบฝืนๆ อีกฝ่ายพยายามจะยิ้มให้กับจื่อฮงแต่ก็ไม่อาจจะห้ามน้ำตาที่ไหลออกมา เพราะความผิดหวังและความเศร้าที่มีอยู่มากมายภายในใจของเขามันแทบจะล้นออกมา ตอนนี้เขากำลังยิ้มทั้งที่น้ำตากำลังไหลออกมาด้วย โอ้! พระเจ้า เขาอกหักจนเพี้ยนไปแล้วรึเปล่า

    ฉันขอกลับไปที่ห้องเรียนของฉันก่อนนะ ไว้ค่อยเจอกันใหม่ เซียนซีกล่าวลาจื่อฮง แล้วเดินจากไปจนลับสายตาของผู้ที่ยืนมองเขาอยู่

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×