Fic snsd : รบกวนมารักกัน...[Yuri] - Fic snsd : รบกวนมารักกัน...[Yuri] นิยาย Fic snsd : รบกวนมารักกัน...[Yuri] : Dek-D.com - Writer

    Fic snsd : รบกวนมารักกัน...[Yuri]

    โดย Peanut

    --The End--

    ผู้เข้าชมรวม

    5,590

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    5.59K

    ความคิดเห็น


    82

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ส.ค. 54 / 22:26 น.

    แท็กนิยาย

    Yulsic



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
      
     

    จอง เจสสิก้า

    สิก้าจะทำให้พี่ยูลเป็นแฟนของสิก้าให้ได้!





      


    ควอน ยูริ

    เด็กบ้า! เลิกมายุ่งกับฉันซักที ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีคนที่ชอบแล้ว!







    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

      หญิงสาวผมบรอนด์ทองก้าวอย่างมั่นใจ เสียงร้องเท้าดังกระทบพื้นเป็นจังหวะการเดิน ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังร่างบางที่ไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็ดูดีไปหมด ดวงตาคมสวยจดจ้องไปด้านหน้าอย่างไม่ใส่ใจกับสายตารอบข้างเท่าใดนัก เนื่องจากเคยชินกับการถูกจับจ้อง...

                      เฮ้ยๆ ใครวะ โคตรสวย!”

                      เจสสิก้า นี่แกไปมุดหัวอยู่รูไหนวะถึงไม่รู้จัก

                      เออ นั่นดิ ก็สงสัยอยู่ สวยขนาดนี้...อยากจะเดินเข้าไปถามจริงๆ ว่าใช้นางสาวหรือนางฟ้า

                      เสียงสนทนาของชายสองคนดังขึ้นด้านข้างร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ คนฟังถึงกับหลุดขำเบาๆ พูดเว่อร์ไปหรือเปล่า? สวยขนาดนางฟ้าเลย?

                      ได้ยินก็ไม่เท่าตาเห็น สละเวลาอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมอง ถ้าไม่สวยขนาดนางฟ้าล่ะน่าดู

                      ควอน ยูริ เงยหน้าจากกองหนังสือขึ้นมอง กวาดสายตาไม่นานก็พอจะเดาออกว่าหญิงสาวในบทสนทนานั้นคือใคร ยิ้มมุมปากเล็กๆ ก็งั้นๆ ไม่เห็นจะสวยขนาดนางฟ้าเลย...

                      นึกขันในใจ ก็ผู้หญิงธรรมดา ขณะกำลังจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อสายตาก็สะดุดเข้ากับรอยยิ้มหวาน...

                      หญิงสาวร่างบางกำลังเดินแบกหนังสือมาทางร่างสูง ยูริถึงกับลืมตัวเผลอจดจ้องใบหน้ามีเสน่ห์ ไล่สำรวจโครงหน้าสวย ใบหน้าเรียวถูกล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า คิ้วเรียวสวย ดวงตามีเสน่ห์ที่ดูเหมือนยิ้มได้ จมูกโด่งสัน ริมฝีปากเรียวสวย...น่าสัมผัส....

                     

      เฮ้ย! ไม่ใช่ล่ะไอ้ยูล!

                     

      คิดอะไรเลยเถิดขนาดนี้วะเนี่ย! แต่ผู้หญิงบ้าอะไร... อยากจะเดินเข้าไปถามจริงๆ ว่าเจ็บไหม? หล่นลงมาจากบนฟ้าเนี่ย...

                      นี่กลายเป็นคนเสี่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

                      ยูริยังคงจดจ้องร่างบางไม่วางตา อยากจะวิ่งเข้าไปทำความรู้จักสานสัมพันธ์เสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีความกล้าพอ ได้แต่นั่งแอบมองอยู่ห่างๆ...

                      ร่างบางเหมือนพึ่งรู้ตัวว่ามีใครจับจ้อง หันซ้ายหันขวาแล้วก็เหลือบมาเห็นร่างสูงที่นั่งจ้องตนอยู่ ขมวดคิ้วสงสัยน้อยๆ แต่เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีจึงส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไปให้คนแปลกหน้า

                      ยูริที่ได้รับรอยยิ้มบาดใจจากร่างบางแทบละลายอยู่ตรงนั้น รีบส่งยิ้มกว้างกลับไปให้เจ้าของรอยยิ้มตาปิด ร่างบางยิ้มน้อยๆ อีกครั้งแล้วเดินจากไป...หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนยังคงมองตามตาละห้อย...

                     

                      ตลอดทั้งวันยูริไม่เป็นอันทำอะไร มัวแต่นั่งท้าวคางนึกถึงเจ้าของรอยยิ้มตาปิด นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนรอบข้างมองด้วยสายตาสงสัย...

                      เฮ้ยแกๆ ยูลเป็นอะไรอ่ะ ฉันเห็นวันนี้ทั้งวันเอาแต่นั่งยิ้ม ไม่สนใจฟังอาจารย์สอนเลย

                      ไม่รู้สิ ฉันก็สงสัยอยู่ เด็กตั้งใจเรียนแบบนี้ไม่สนใจครูแต่มานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เนี่ยนะ

                      ฉันว่า...สงสัยยูลเรียนหนักไปจนประสาทไปแล้วล่ะ

                      น่าสงสารเนอะ

                      ฉันเสียดายมากกว่าแก หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าแฟนคลับยูลมาเห็นยูลเป็นแบบนี้จะเป็นยังไง

                      สองสาวหยิบยกประเด็นของยูริขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนากัน ขณะพูดคุยก็มองยูริด้วยสายตาสงสัย เมื่อได้ข้อสรุป(?)แล้วก็มองยูริด้วยสายตาสงสาร...

                      ยูลๆ ช่วยอธิบายส่วนนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหม เพื่อนชายสวมแว่นหนาเตอะเดินหอบหนังสือเข้ามาเอ่ยถามยูริ

                      น่ารัก.... ร่างสูงเอ่ยพึมพำเบาๆ

                      ห๊ะ!?เพื่อนชายของยูริขมวดคิ้วสงสัยว่ายูริพูดอะไร ร่างสูงนั่งเหม่อ ยิ้มกว้าง

                      คนหรือนางฟ้า... ยูริยังคงพร่ำเพ้อถึงร่างบางไม่เลิก ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

                      ...เรียนหนักจนบ้าหรือไงวะนั่น

                      เพื่อนชายขมวดคิ้วสบถเบาๆ แล้วรีบเดินหอบหนังสือกลับไปนั่งที่เดิม ยูริเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใครถามอะไรก็พึมพำอยู่แค่ น่ารักกับ คนหรือนางฟ้า

                      แบบนี้เขาเรียกว่าคนกำลังมีความรักหรือเปล่า?

       

                      เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน และทุกๆ วันยูริจะไปคอยแอบมองสาวตายิ้มที่ชอบมานั่งอ่านหนังสือ ทำงาน บนโต๊ะไม้บริเวณข้างตึกห้องสมุด

                      ผู้หญิงอะไร...น่ารัก....

                      ท้าวคางนั่งมองร่างบางที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่รู้ตัวว่ามีใครมองอยู่ นั่งมองไปก็เก็บรอยยิ้มไว้ไม่มิด...

                      เมื่อไหร่จะกล้าเข้าไปคุยกับเธอซักทีนะ....

       

                      เป็นอีกวันที่ยูริมานั่งแอบมองร่างบางเงียบๆ อยากจะเข้าไปทำความรู้จักเสียเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...

                      ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือยกนาฬิกาขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสมควรที่น่าจะกลับบ้านได้แล้วจึงเริ่มเก็บข้าวของของตนเอง ร่างสูงที่แอบมองทุกการกระทำของร่างบางเริ่มกระวนกระวาย...

                     

      นางฟ้าตายิ้มจะไปแล้วนะ! จะเอายังไงก็รีบๆ คิดสิไอ้ยูล!

                     

      ร่างบางที่เก็บของเสร็จแล้วลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าร่างสูงไปช้าๆ เหมือนโอกาสทำความรู้จักค่อยๆ ริบหรี่ลง นั่งหงุดหงิดหัวเสียยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเอง

                     

      แล้วเมื่อไหร่จะกล้าซักทีไอ้ยูล!

                     

      ขณะที่กำลังก่นด่าตัวเองในใจ สายตาก็เหลือบไปเห็นปากกาสีชมพูหวานตกอยู่ใต้โต๊ะไม้ที่นางฟ้าตายิ้มพึ่งลุกออกไปเมื่อครู่...

                     

      สวรรค์เป็นใจ!

                     

      ยูริรีบลนลานลุกขึ้นไปก้มเก็บปากกาสีหวาน ออกแรงวิ่งตามหลังร่างบางที่เดินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

                      อ่ะ...เอ่อ...คุณๆ

                      คะ?

                      นี่ใช่ปากกาของคุณหรือเปล่า?

                      เอ่ยถามพร้อมยื่นปากกาสีหวานไปตรงหน้านางฟ้าตายิ้ม พยายามไม่ให้มือสั่นเพราะความตื่นเต้น รู้สึกได้เลยว่าหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นางฟ้าตายิ้มทำหน้าสงสัยน้อยๆ แล้วก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นปากกาของตน

                      อุ้ย ขอบคุณมากค่ะ คุณ...เอ่อ...

                      ควอน ยูริ เรียกสั้นๆ ว่ายูลก็ได้ แล้วคุณ....

                      ฮวัง ทิฟฟานี่ค่ะ เรียกว่าฟานี่ก็ได้

                      ทิฟฟานี่....ชื่อน่ารักเหมือนหน้าตาเลย...

                      ถ้านี่คือโอกาส...คงปล่อยให้หลุดมือไม่ได้ซะแล้วล่ะ!

                      ยินดีที่ได้รู้จักนะฟานี่...คือ...จะรังเกียจไหมถ้ายูลมีเรื่องจะรบกวนฟานี่...

                      ถ้าฟานี่ช่วยได้ฟานี่ก็จะช่วยนะ ตอบแทนที่ยูลเอาปากกามาคืนฟานี่

                      คือ...ยูลอยากรบกวนฟานี่ให้ช่วยมารักกันจะได้ไหม?

                      ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! พูดไปแล้วๆ!

                      โอ๊ะๆ ฟานี่ช่วยเขยิบไปทางขวาหน่อยได้ไหม?

                      ทะ...ทำไมหรอ?

                      เราจะได้ใจตรงกัน

                      ฮิ้วววววววววววววววว~! คนอะร้ายยยยยย ธรรมดาก็น่ารักอยู่แล้ว พอเขินยิ่งน่ารัก! หน้าแดงลามถึงหูแล้ว! เราพูดเองยังเขินเองเลยนี่เนอะ...

                      เหมือนฝันเลยแหะ...กว่าจะกล้าเข้ามาคุยได้...เป็นฝันที่ไม่อยากตื่นเลย...

       

                      พี่ยูล! ตื่นได้แล้ววววววววววววววววว!”

                      ฮะๆ เฮ้ยๆ!”

                      นอนขี้เซาอยู่นั้นแหละ! แล้วนี่ฝันอะไรเนี่ยเมื่อกี้ ยุนเห็นน้า~ ”

                      อะ...อะไร เห็นอะไร

                      ก็พี่ยูลอ่ะ หน้าแดงนอนบิดไปบิดมา เหมือนเขินเลย บอกมาซะดีๆ ฝันอะไรๆ

                      อะ...ไอ้เด็กบ้า! ออกไปเลยไป ฉันจะอาบน้ำแต่งตัว!”

                      ยูริตวาดเสียงดัง หยิบหมอนขึ้นปาใส่ยุนอาที่เอามือบังแล้วรีบก้าวถอยออกไป

                      อันแหนะๆ ฝันว่ากำลังกดสาวหน้าหวานอยู่ใช่ม้า

                      ออกไปเลยไอ้ยุน!”

                      ตวาดเสียงดัง ยุนอารีบวิ่งหนีออกไป ปล่ยอให้ยูรินั่งหอบบนเตียงใบหน้าแดงก่ำ...

                      จะมาปลุกทำไมเนี่ยไอ้ยุน!

       

                      ยูริรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยอารมณ์หัวเสีย นึกโมโหที่ไม่กล้าพออย่างในฝัน ถ้าทุกอย่างมันง่ายดายแบบนั้นก็คงจะดี สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะไปโรงเรียนสาย...

                      เป็นอีกวันในหลายๆ วันที่ยูริคอยก้มองนาฬิกาขอให้เวลาผ่านไปเร็วๆ อยากให้เลิกเรียนไวๆ เพื่อที่จะได้ไปแอบมองนางฟ้าตายิ้มอย่างเช่นทุกวัน เหมือนว่าการแอบมองนางฟ้าตายิ้มจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตยูริไปซะแล้ว...

                      ทันทีที่เสียงออดดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงอาจารย์ปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านได้ ยูริก็รีบลุกขึ้นกุลีกุจอวิ่งลงไปด้านล่างทันที เมื่อไปถึงก็รีบนั่งลงที่โต๊ะตัวเดิมที่มักจะรีบวิ่งลงมานั่งรอร่างบาง

                      ไม่นานนักร่างบางก็เดินหอบหนังสือนั่งลงบนโต๊ะใกล้ๆ กับยูริ หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านเช่นที่ทำทุกวัน ไม่แตกต่างจากยูริเช่นกันที่แอบนั่งมองร่างบางเงียบๆ อย่างเช่นทุกวัน...

                      เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่สำหรับยูริรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก อยากจะนั่งแอบมองใครอีกคนแบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่มองก็อดอมยิ้มไม่ได้ ไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนน่ารักขนาดนี้

                      ร่างบางยกนาฬิกาขึ้นดูเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสมควรที่จะต้องกลับบ้านแล้วจึงเริ่มเก็บข้าวของของตน ส่วนยูริที่นั่งแอบมองทุกการกระทำของร่างบางก็เริ่มกระวนกระวายเรื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ อีกตั้งสองวันกว่าจะได้มานั่งแอบมองนางฟ้าตายิ้มอีก...

                      ร่างบางที่เก็บของเสร็จแล้วลุกขึ้นเดินผ่านหน้ายูริไปช้าๆ คนแอบมองก็ได้แต่นั่งเสียดาย ถอนหายใจยาวไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกล้าเข้าไปทำความรู้จักเสียที...

                      พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับปากกาสีชมพูหวานตกอยู่ใต้โต๊ะที่นางฟ้าตายิ้มพึ่งลุกออกไปเมื่อครู่ ตาโตด้วยความตื่นเต้น

                     

                      สวรรค์เป็นใจ!

       

                      เหมือนฝันเมื่อเช้าเลยแหะ ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปก้มเก็บปากกาแล้ววิ่งตามหลังร่างบางอยู่เดินอยู่ไม่ห่างเท่าไหร่นัก

                      อ่ะ...เอ่อ...คุณๆ

                      คะ?

                      นี่ใช่ปากกาของคุณหรือเปล่า?

                      เอ่ยถาม พยายามบังคับให้เสียงปกติที่สุด ยื่นปากกาสีหวานไปตรงหน้าร่างบาง พยายามไม่ให้มือสั่น

                      เอ่อ...ไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะพอดีฉันมีธุระ

                      จบประโยคร่างบางก็หันหลังรีบก้าวยาวๆ จากไป ทิ้งไว้เพียงยูริที่ยืนนิ่งอย่างผิดหวัง...

                     

      ทำไมไม่เห็นเป็นอย่างในฝันเลยนะ...

       

                      ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังไงก็ไม่ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยก็ได้พูดคุยกับนางฟ้าตายิ้ม กลับไปนอนเพ้อที่บ้านต่อแล้วกัน...

                     

                      เย็นวันต่อมา ยูริก้าวยาวๆ อย่างรีบร้อนเพราะอาจารย์ปล่อยสายทำให้ร่างสูงลงมาช้า อยากจะไปนั่งแอบมองรอยยิ้มตาปิดนั่นใจจะขาดหลังจากไม่ได้เห็นมาสองวัน

                      ชะเง้อคอมองก่อนจะถึงที่หมายก็เห็นร่างบางนั่งอยู่บนโต๊ะตัวเดิมอยู่ห่างๆ ยิ้มกว้างทันทีขณะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น สีหน้าบ่งบอกได้อย่างดีว่ามีความสุขมากขนาดไหนแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่กำลังก้าวเมื่อมีใครบางคนเดินมาขวางทางตรงหน้า...

                      ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก้าวหลีกไปทางขวาเพื่อจะหลีกทางให้อีกคนแต่คนตรงหน้าก็ขยับตามพร้อมจ้องหน้ายูริไม่วางตา ร่างสูงจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

                      มีอะไรกับฉันหรือเปล่า? เอ่ยถามพร้อมชี้มาที่ตัวเองด้วยความสงสัย รู้สึกคุ้นหน้าอีกคนอย่างบอกไม่ถูก พอลองคิดทบทวนรื้อฟื้นความทรงจำก็นึกขึ้นไดว่าคนตรงหน้าคือใคร...

                      แนะนำตัวก่อนะคะ ฉัน จอง เจสสิก้า....คือว่า....ฉันอยากคบกับพี่ยูล!

                      ห๊ะ!?

                      ทันทีที่จบประโยคของเจสสิก้า สาวผมบรอนด์หุ่นดี หน้าตาสวย ยูริก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ              

      เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย!? อยู่ดีๆ เดินมาขอคบ ไปรู้จักกันตอนไหนวะ?

                      เจสสิก้าที่เห็นท่าทีสงสัยของยูริก็เริ่มเปิดปากอธิบาย

                      คือสิก้าอยากคบกับพี่ยูล

                      อธิบายซะกระจ่างเลยนะ!

                      อ่ะ...เอ่อ...คือ...

                      ยูริที่ไม่เคยตอบปฏิเสธใคร อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะพูดยังไงกับสาวผมบรอนด์ตรงหน้าดี

                      คือ?

                      คือ....

                      ....

                      คือ...พี่มีคนที่ชอบแล้ว

                      ในที่สุดยูริพูดความจริงออกไป ก้มหน้าด้วยความหดหู่ในใจแปลกๆ ทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

                      แล้วไงคะ? มีคนที่ชอบแล้ว แล้วจะคบกับสิก้าไม่ได้หรอคะ?

                      ทันทีที่คนตรงหน้าเอ่ยออกมาจบ ความรู้สึกหดหู่ในใจก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยความหงุดหงิด

      นี่แกล้งโง่หรือไม่รู้จริงๆ เนี่ย ทำไมเข้าใจอะไรยากจังเด็กคนนี้

                      ก็เพราะว่าพี่มีคนที่ชอบแล้วเลยคบกับสิก้าไม่ได้ไง อีกอย่างเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ จะให้พี่ตอบตกลงด้วยเหตุผลอะไรกัน? ยูริอธิบายด้วยความใจเย็น พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ตรงเข้าไปบีบคอเด็กตรงหน้า

                      เหตุผลหรอ...ก็เพราะสิก้าสวยไง ใครๆ ก็อยากคบกับสิก้าทั้งนั้นแหละ

                     

      ป๊าดดดดดดดดด! เหตุผลแม่คุณ!

                     

      แต่พี่ไม่ใช่หนึ่งในนั้น พี่ขอตัวก่อนนะ

                      เพราะไม่รู้จะพูดยังไงยูริจึงเอ่ยบอกปัด บ๊ะ! เสียเวลาไป5นาที25วินาทีที่อดดูนางฟ้าตายิ้มเลยสิ...

                      ยูริหลีกเดินออกมา เร่งฝีเท้าเร็วๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนตามมาอยู่จึงหยุดแล้วหันกลับไปมอง แล้วก็จริงอย่างที่คิด เจสสิก้าเดินตามยูริต้อยๆ เหมือนเด็กเดินตามผู้ใหญ่

                      จะเดินตามฉันมาทำไมเนี่ย

                      ยูริเอ่ยเสียงเหนื่อยหน่าย ขืนเด็กนี่เดินตามมามีหวังไม่ได้แอบมองเจ้าของรอยยิ้มตามปิดนั่นพอดี...

                      ถ้าพี่ยูลยังไม่ตอบตกลงคบกับสิก้า สิก้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ เจสสิก้าเชิดปากขึ้นทำแก้มป่อง ยืนกอดอกเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้ของเล่นอย่างที่ต้องการ

                      นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอเนี่ย  ยูริถอนหายใจเหนื่อย ต้องทำยังไงยัยเด็กนี่ถึงจะออกไปให้พ้นๆ ซักทีเนี่ย!

                      พี่ยูลนั่นแหละที่ยังไม่เข้าใจ ถ้าพี่ยูลไม่คบกับสิก้า สิก้าก็จะตามพี่ยูลไปเรื่อยๆ

                      ฟังพี่ให้ดีนะสิก้า ยูริเอ่ยด้วยรอยยิ้ม วางมือบนบ่าเจสสิก้า

                      ...

                      พี่ จะ ไม่ คบ กับ เธอ เด็ด ขาด!”

                      ยูริพูดเน้นทีละคำอย่างชัดเจนเสียงดัง คนฟังหายใจกระฟัดกระเฟียดด้วยความขัดใจ

                      สิก้าก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ!

                      พูดจบก็ตรงเข้าไปควงแขนร่างสูง ยูริสะดุ้งตกใจ

                      แล้วจะทำไงวะเนี่ย! เอาวะ! ยัยเด็กนี่คงไม่มีความอดทนพอหรอก ดูเอาแต่ใจซะขนาดนี้!

                      ยูริทำเมินเดินต่อไปข้างหน้า รู้สึกหดหู่ในใจ งี้ก็อดนั่งมองนางฟ้าตายิ้มสิ ช่างเหอะทนหน่อย ทำให้เด็กนี่ออกไปจากชีวิตให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

                      ตลอดทางที่ยูริเดินออกมาพร้อมกับเจสสิก้า ผู้คนในโรงเรียนต่างมองด้วยความสงสัยแล้วหันหน้าไปซุบซิบกัน ยูริเริ่มทำตัวไม่ถูกที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนรอบข้าง...

                      หันไปมองคนด้านข้างที่ควงแขนยูริแน่น ซบหน้าลงกับไหล่ ยิ้มร่ามีความสุข

                      แตกต่างจากฉันสิ้นดี!

                     

                      เดินออกมาจากโรงเรียนค่อยโล่งใจหน่อย ทีนี้จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาและขี้ปากชาวบ้าน ถอนหายใจยาวๆ เดินไปตามทางที่เดินไปขึ้นรถกลับบ้านเช่นทุกวัน

                      ที่แตกต่างจากทุกวันก็คงจะเป็นหญิงสาวข้างกายที่เกาะแน่นไม่ยอมปล่อยเนี่ยแหละ!

                      แล้วนี่จะตามไปถึงไหนเนี่ย!

                      หยุดยืนรอรถประจำทาง ไม่นานสายตาเหลือบไปเห็นรถคันที่ต้องการอยู่ลิบๆ แต่แล้วก็เกิดความคิดดีๆ

                      อ้าว พี่ยูลไม่รอรถแล้วหรอ

                      เจสสิก้าเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ดีๆ ยูริที่ยืนรอรถก็เดินไปอีกทาง สร้างความสงสัยไม่น้อยให้เจสสิก้า

                      เปลืองตังค์ พี่จะเดินกลับ  ร่างสูงเอ่ยออกมา แอบลอบยิ้มมุมปาก

                      ไว้ให้สิก้าเหนื่อยแล้วเลิกตามเมื่อไหร่ ทีนี้ค่อยขึ้นรถก็ได้ ใครมันจะโง่เดินกลับบ้าน ไกลจะตาย!

      .

      .

      .

                      อ้าวพี่ยูล ไม่เดินกลับบ้านแล้วหรอ

                      แฮ่กๆ ใครมันจะโง่เดินกลับ! ไกลจะตาย!”

                      ก็ตอนแรกพี่บอกจะประหยัด...

                      เงียบไปเลย! จะขึ้นไม่ขึ้น!” เจสสิก้ารีบสงบปากสงบคำทันทีแล้วรีบวิ่งตามยูริที่ก้าวขายาวๆ ขึ้นรถประจำทางไปแล้วโดยไม่รอเธอ อะไรของเขาเนี่ย

                      ยูรินึกหงุดหงิดตัวเองในใจขณะก้าวขึ้นรถ เวรกรรม! ทำไมยัยเด็กนั่นมันไม่ยักเหนื่อยเนี่ย แล้วทำไมเป็นเราเองที่หายใจหอบตัดใจจะนั่งรถกลับแทน แผนผังเลยทีนี้!

                      รีบก้าวขายาวๆ หมายจะไปนั่งด้านหลังของรถ ถ้าไม่รีบก้าวไปนั่งมีหวังคนขับได้ออกรถกระชากหน้าทิ่มจูบพื้นพอดี นั่งลงได้ก็ถอนหายใจเหนื่อย แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อดีเนี่ย?

                      บรื้น!

                      ว้าย!”

                      เจสสิก้าหลุดร้องเสียงดังเมื่อคนขับใจร้อนเหยียบคันเร่งมิดจนเจสสิก้าที่ยังไม่ทันเดินไปถึงที่นั่งที่ยูรินั่งอยู่เซถลาไปด้านหน้า...

                      ด้านหน้าที่มียูรินั่งหน้าตาเหรอหราอยู่!

                      อุ๊บ!!!!!

                      ยูริตาโตเมื่อเห็นเจสสิก้าล้มถลามาหาตน สมองเบลอจนไม่ทันระวังตัว หลับตาปี๋คิดว่าหัวต้องโขกกันแน่ๆ...

                      แต่ผิดคาด!

      อะไรนิ่มๆ วะ?

                      ยูริคิดสงสัยในใจ เมื่อไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแถมยังรู้สึกนิ่มๆ แทนจึงลืมตาขึ้นแล้วก็ต้องเบิกตาโตกว่าเก่า!

                      ขะ...ขอโทษค่ะพี่ยูล

                      เจสสิก้าละล่ำละลักเอ่ยขอโทษ รีบยืนทรงตัวให้มั่นคงเดินไปนั่งด้านข้างยูริด้วยใบหน้าแดงก่ำ...ไม่แพ้คนด้านข้าง!

                      จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไง...ก็เมื่อกี้อะไรที่นิ่มๆ ที่ยูริรู้สึกมันคือหน้าอกเจสสิก้าที่กระแทกเข้าเต็มหน้ายูริ!

       

                      อุแม่เจ้า! กำเดาจะพุ่ง! ยัยเด็กนี่ก็ดันใส่เสื้อซะรัด ปลดกระดุมลงมาซะลึก ก้มทีก็เห็นอะไรวับๆ แวมๆ แล้วเมื่อกี้...มันก็...กระแทกเต็มๆ หน้าเลยนะ!

                      นิ่มชะมัดเฮ้ย! ไม่ใช่ล่ะๆ ทำไมเดี๋ยวนี้ชอบคิดอะไร อักกุศลวะเนี่ย ไม่ๆ ต้องลืม!

                     

      ยูริสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ใบหน้ายังคงร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง รู้สึกหวิวช่วงท้อง เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน...

                      เมื่อกี้สิก้าขอโทษพี่ยูลจริงๆ นะคะเจสสิก้าเอ่ยออกมาพร้อมหันมามองยูริที่นั่งด้านข้าง แอบเห็นว่ายูรินั่งหน้าแดงเถือก อมยิ้มน้อยๆ นึกอยากแกล้งอีกคนขึ้นมา

                      มะ...ไม่เป็นไร

                      ยูริตอบโดยไม่หันไปมองคนที่นั่งด้านข้าง พยายามสนใจผู้คนด้านนอกรถทั้งๆ ที่จิตใจคิดวนเวียนถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่

                     

      ประสาทจะรับประทาน!

                     

      พี่ยูลยังโกรธสิก้าใช่ไหมคะ ถึงไม่มองหน้าสิก้าเลย ฮึกๆ สิก้าขอโทษ สิ..สิก้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ พี่ยูล เจสสิก้าแอบอมยิ้ม แกล้งทำเสียงสะอื้นก้มหน้าสำนึกผิด

                      เฮ้ยๆ! บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ได้โกรธสิก้า อย่าร้องไห้นะเกลียดจริงๆ ไอ้โรคแพ้น้ำตาผู้หญิงเนี่ย เลยเผลอหันมาปลอบคนด้านข้างจนได้!

                      จริงหรอคะ! พี่ยูลไม่โกรธสิก้าจริงๆ นะคะ!” เจสสิก้ารีบเงยหน้าขึ้นยิ้ม หางตามีน้ำใสคลอจากการแสดงละครหลอกลิง!

                     

      โอวววววววววววววววว! เด็กน้อย! ช่วยเขยิบไปหน่อยได้ไหมลูก พ่อประสาทจะกิน!

                     

      ยูริสบถในใจ จะไม่ให้ประสาทกินได้ยังไงในเมื่อเจสสิก้าเล่นเบียดตัวเข้ามาใกล้ กอดแขนยูริแน่นจนข้อศอกยูริสัมผัสกับหน้าอกของเจสสิก้า

                      จะ...จริงสิ...พี่จะโกหกสิก้าทำไม ขณะพูดก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่เลื่อนสายตาลงไปต่ำ แต่ใจมันก็อดเหลือบมองเสียไม่ได้...พอมองแล้วก็อยากจะบ้าตาย!

                     

      หายใจเข้าลึกๆ สิยูริ หายใจเข้า...หายใจออก...หายใจเข้า...หายใจออก...หายใจเข้า... หายใจออก...

                     

      สิก้า พะ...พี่ว่าสิก้าเขยิบไปหน่อยก็ได้นะ ที่ตั้งเยอะแยะ ยูริหายใจหอบขึ้นมาซะเฉยๆ เจสสิก้าแอบก้มหน้าหลุดขำออกมา แต่ก็ยอมเขยิบออกไปตามคำขอของร่างสูง

                      โอเค ตั้งสติยูริ ทำใจให้สงบ...

                     

       

                      นี่บ้านพี่ยูลหรอคะ

                      ไม่ใช่บ้านพี่แล้วจะบ้านใครล่ะ ถามแปลกๆ ยูริตอบคำถามของเจสสิก้าพลางไขประตูรั้วบ้านเข้าไป ภายในบ้านเปิดไฟจนสว่าง กลิ่นหอมของอาหารลอยมาเตะจมูกร่างสูง...

                      เอ้า ไม่เข้ามาใช่ไหมจะได้ปิด ยูริพูดขึ้นมาเมื่อเจสสิก้ายังยืนนิ่งอยู่ด้านนอกบ้าน เมื่อได้ยินยูริพูดเช่นนั้นเจสสิก้าจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที ยูริส่ายหน้าระอาน้อยๆ แล้วเลื่อนรั้วเหล็กปิดเช่นเดิม

                      สิก้าไม่นึกเลยนะคะว่าพี่ยูลจะยอมให้สิก้าตามเข้ามาถึงในบ้าน

                      จบประโยคของร่างบาง ร่างสูงที่ยืนล็อครั้วบ้านอยู่ก็หยุดชะงัก

                      เออว่ะ แล้วทำไมเราให้เด็กนี่เข้ามาในบ้านวะเนี่ย?

                     

                      ทำไมวันนนี้กลับมาซะดึกเลยละยูล

                      อ่ะ...เอ่อ...

                      สวัสดีค่ะแม่พี่ยูล คือพอดีวันนี้พี่ยูลเขาอยู่ที่โรงเรียนจนเย็นช่วยสอนการบ้านหนูนะคะเลยกลับมาช้า ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ เจสสิก้าตอบแทนยูริโค้งตัวเป็นเชิงขอโทษ

                      ไม่เป็นไรจ่ะ เข้ามาทานข้าวด้วยกันสิลูก แม่พึ่งทำอาหารเสร็จพอดี ผู้เป็นแม่เอ่ยชวนตามภาษาเจ้าบ้านที่ดี ส่งยิ้มเป็นมิตรให้เจสสิก้า รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้แปลกๆ

                      งั้นรบกวนหน่อยนะคะคุณแม่

                     

                      กินเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านไปเลยนะยัยจุ้น  ร่างสูงเอ่ยขึ้นขณะก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้า ร่างบางหน้าหงอยทันที

                      โป๊ก!

                      โอ๊ย! นี่แม่เอาช้อนมาตีหัวยูลทำไมเนี่ย มันเจ็บนะ!” ยูริโอดครวญ วางช้อนส้อมในมือแล้วรีบยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ ทันที เจ็บชะมัด...

                      ทำไมไล่น้องแบบนั้นล่ะ นี่ก็ดึกแล้วด้วย ค้างที่นี้ก็ได้นะสิก้า ประโยคแรกกล่าวเสียงดุแตกต่างจากประโยคหลังที่หันไปพูดเสียงอ่อนโยนกับเจสสิก้าจนคนเป็นลูกอดหมั่นไส้เสียไม่ได้

                      แหมะ! แม่นะแม่! ทีกับลูกตัวเองพูดเสียงเข้ม ลูกคนอื่นล่ะพูดเสียงหวานเชียว

                      ใครบอกว่าหนูสิก้าเป็นลูกคนอื่นกัน หนูสิก้าเป็นลูกแม่ใช่ไหมลูก เอ่ยแย้งขึ้นมาหันไปหาคนเออออที่นั่งด้านข้าง

                      ใช่ค่ะ เจสสิก้ายิ้มร่า

                      งั้นคืนนี้ก็ค้างที่นี่เลยแล้วกันนะสิก้า

                      งั้นรบกวนด้วยนะคะคุณแม่ เจสสิก้ายิ้มกว้าง

                      นี่ยูล! ให้สิก้านอนห้องแกนะ

                      อ้าวแม่! แล้วทำไมไม่เอาลูกรักของแม่ไปนอนที่ห้องด้วยเลยล่ะ วันนี้ไอ้ยุนก็ไม่กลับบ้าน ให้สิก้านอนห้องยุนก็ได้หนิ ยูริรีบโวยวายขึ้นมาทันที ใครจะยอมนอนห้องเดียวกับยัยเด็กจุ้นนี่กัน !

                      แกก็รู้ว่ายุนมันหวงห้องตัวเองขนาดไหน แล้วก็วันนี้พ่อแกจะกลับมาแล้ว คงดึกๆ หน่อย แม่ว่าจะรื้อฟื้นความหลังกับพ่อแกเสียหน่อย โฮะๆ พูดอย่างอารมณ์ขันแล้วลุกขึ้นเก็บจานหลังจากกินเสร็จแล้ว เจสสิก้าเห็นดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นช่วย

                      ไม่ต้องเก็บก็ได้สิก้า เดี๋ยวแม่เก็บเอง

                      ไม่เป็นไรค่ะ ให้สิก้าช่วยนะคะ

                      ขอบใจมากจ่ะ

                      แม่ งั้นยูลขึ้นห้องก่อนนะ ยูริเอ่ยไม่รอคำตอบจากแม่รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องทันที ขืนยืนรอคำตอบมีหวังโดนบ่นยาวแน่ๆ ว่าไม่คิดจะช่วยเก็บ แล้วใครจะโง่ยืนรอฟังเสียงบ่นกันเล่า

                      ไอ้ยูล! มาช่วยแม่กับสิก้าเก็บโต๊ะเดี๋ยวนี้นะ!”

      .

      .

      .

                      เตียงพี่ยูลนุ้มนุ่ม

                      นี่ๆ น้ำท่าก็ยังไม่อาบมากระโดดขึ้นเตียงคนอื่น ไปอาบน้ำไป เสื้อผ้าพี่วางไว้ให้ข้างในแล้ว

                      พี่ยูลอาบแล้วหรอคะ

                      อาบแล้ว สิก้ารีบไปอาบไป  ยูริเอ่ยไล่ เจสสิก้าจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป...

                      แล้วไงลงเอยแบบนี้เนี่ย?!

                      ยูริยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมยอมง่ายๆ ซะขนาดนี้ ช่างเหอะ คิดไปก็ปวดหัว เหนื่อยมาทั้งวัน ดีว่าพรุ่งนี้โรงเรียนหยุดประชุมอาจารย์ผู้สอน พรุ่งนี้เช้าจะได้นอนยาวไม่ต้องรีบตื่น...

                      ร่างสูงคิดในใจ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเปลี่ยนไป ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ล่ะก็คงบ่นกระปอดกระแปดว่าจะหยุดทำไม อดเจอนางฟ้าตายิ้มพอดี...

                      ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะลืมเจ้าของรอยยิ้มตาปิดไปเสียสนิท...

       

                      นี่! ยัยเด็กจุ้น! ก้มก็ระวังๆ หน่อยได้ไหมห๊ะ!” ยูริเอ่ยตำหนิด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ยัยเด็กนี่จะทำให้เลือดฉันพุ่งหมดตัวให้ได้ใช่ไหมเนี่ย!

                      ขอโทษค่ะพี่ยูล สิก้าลืม เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหยๆ

                      แล้วนี่โทรไปบอกที่บ้านยัง

                      ขอยืมมือถือหน่อยพี่ยูล มือถือสิก้าแบ๊ตหมด

                      ยูริยื่นโทรศัพท์เครื่องบางของตนให้เจสสิก้า คนรับไปหยิบขึ้นมากดดูแล้วก็เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นภาพหน้าจอเป็นรูปของผู้หญิงคนนึงกำลังนั่งอ่านหนังสือ

                      นี่ใครหรอพี่ยูล

                      อ่ะ...เอ่อ...

                      ....

                      คนที่พี่ชอบน่ะ ยูริเอ่ยตอบไปตามความจริง แอบถ่ายรูปของร่างบางแล้วตั้งเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์ คนฟังพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ของยูริ

                      แชะ!

                      เจสสิก้ายกมือถือขึ้นถ่ายรูปตัวเองตอนทำแก้มป่อง ยูริขมวดคิ้วสงสัยไม่เข้าใจว่าเจสสิก้าจะทำอะไร เจสสิก้าก้มหน้ากดโทรศัพท์ของยูริต่อ ซักพักก็ส่งโทรศัพท์คืนยูริ

                      โทรหาที่บ้านแล้วหรือไง

                      พ่อสิก้าไม่ว่างรับโทรศัพท์หรอก สิก้าเลยส่งเป็นข้อความไปแทน

                      ยูริพยักหน้าเข้าใจ วางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงเริ่มชวนเจสสิก้าคุย

                      แล้วนี่แม่พี่ได้นินทาอะไรพี่กับสิก้าไหมเนี่ย

                      ไม่มีค่ะ เจสสิก้าตอบพร้อมส่ายหน้า

                      แน่ใจนะ? ยูริย้ำถามอีกหน เชื่อได้ที่ไหนกัน แม่ยิ่งชอบเม้าธ์ลูกตัวเองให้ชาวบ้านฟังอยู่บ่อยๆ

                      ยิ่งกว่าแน่ค่ะ เจสสิก้ายืนยัน

                      งั้นก็ดีไป

                      ยูริเลิกสนใจล้มตัวลงนอน ไม่ทันสังเกตเห็นเจสสิก้าที่ลอบยิ้มมุมปาก ใบหน้าแดงเรื่อ...

      .

      .

      .

                      สิก้าชอบยูลใช่ไหมลูก

                      คะ...คุณแม่รู้ได้ไงคะ?

                      ทำไมแม่จะดูไม่ออก แค่เห็นสายตาเวลาสิก้ามองยูลแม่ก็รู้แล้ว แล้วนี่คนอย่างเจ้ายูลมีอะไรให้สิก้ามาหลงชอบเนี่ย บอกแม่ได้ไหมลูก

                      อ่ะ...เอ่อ...

                      ดูสิ หน้าแดงใหญ่แล้ว เขินหรอลูก ฮ่าๆ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ต้องบอกแม่ก็ได้นะ

                      มะ...ไม่เป็นไรค่ะ

                      งั้นบอกแม่หน่อยสิว่าคนอย่างเจ้ายูลมีอะไรดี เด็กน่ารักๆ อย่างสิก้าถึงไปหลงชอบได้

                      คือ...สิก้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าไปชอบพี่ยูลตอนไหน พอรู้ตัวอีกทีก็แอบมองพี่ยูลตลอด แต่พี่ยูลเขาน่ารักมากเลยนะคะแม่ ที่โรงเรียนมีคนชอบพี่ยูลตั้งเยอะ...สิก้าก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ...สิก้าขอพี่ยูลคบ...แต่พี่เขาก็บอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว...

                      ตายล่ะ! น่าจับมาตีก้นให้ลาย! หนูสิก้าน่ารักขนาดนี้กลับไม่สน ลองตื้อไปเรื่อยๆ แล้วกันนะลูก ยูลไม่ใช่คนใจแข็งอะไรหรอก

                      สิก้าจะพยายามค่ะ

      .

      .

      .

                      สิก้า!”

                      คะ!”

                      เรียกตั้งนานมัวแต่นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ! พี่นอนแล้วนะ ง่วง

                      ขอโทษค่ะ แล้วพี่ยูลจะให้สิก้าไปนอนไหนคะ

                      ก็นอนบนเตียงด้วยกันเนี่ยแหละ ลุกไปปิดไฟให้หน่อยสิ

                      เจสสิก้าลุกจากเตียงเดินไปปิดไฟ ความมืดถูกแทนที่ ร่างบางรอให้สายตาปรับเข้ากับความมืด เมื่อพอมองเห็นอะไรได้ลางๆ ก็เดินคลำทางไปทางเตียงของยูริ

                      ทิ้งตัวลงนอนด้านข้างยูริ แม้จะล้มตัวลงนอนแล้วแต่ยังลืมตาภายใต้ความมืด ก็คนมันนอนไม่หลับ...

                      พี่ยูลนอนหรือยังคะ

                      ยังอ่ะ พอเอาเข้าจริงก็นอนไม่หลับ

                      สิก้าชวนคุยได้ไหมคะ

                      อืม  พออีกฝ่ายตอบตกลงเจสสิก้าก็รีบนอนหันไปทางยูริที่นอนหงายลืมตามองเพดาน

                      เมื่อไหร่พี่ยูลจะยอมคบกับสิก้าคะ

                      นี่ยังไม่เลิกอีก ก็บอกแล้วไงว่าพี่มีคนที่ชอบแล้ว ยูริเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการตอบคำถามเดิมซ้ำๆ ก็บอกแล้วว่ามีคนที่ชอบแล้ว ไม่เข้าใจหรือไงเนี่ย?

                      แต่สิก้าชอบพี่นี่คะ ต้องทำยังไงสิก้าถึงจะได้เป็นแฟนกับยูลล่ะคะ

                      ง่ายๆ เลยนะ

                      ....

                      ก็ทำให้พี่เปลี่ยนใจไปชอบสิก้าสิ

                      แล้วทำยังไงพี่ยูลถึงจะเปลี่ยนใจมาชอบสิก้าล่ะคะ

                      ไม่รู้ล่ะ คิดเอง พี่นอนล่ะ

                      อย่าพึ่งสิคะพี่ยูล พี่ยูล

                      คร่อก

                      เฮ้อ...แล้วสิก้าต้องทำยังไง...พี่ยูลถึงจะหันมามองสิก้าบ้างนะ...

                      ร่างสูงปิดเปลือกตาลงหากแต่ยังไม่หลับ ได้ยินร่างบางพึมพำเบาๆ ก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

                      จะว่าไป...ยัยเด็กจุ้นนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ...      

       

       

                      พี่ยูล...พี่ยูลคะ

                      อืม...

                      เสียงกระซิบเรียกปลุกร่างสูงให้รู้สึกตัว ค่อยๆ ปรือตาขึ้น แสงว่างจากโคมไฟบนโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ ข้างเตียง พอทำให้เห็นอะไรได้ลางๆ

                      ฮะ...เฮ้ย!”

                      จุ๊ๆ อย่าเสียงดังสิคะพี่ยูล เดี๋ยยวถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ได้ยินขึ้นมาจะสงสัยเอานะ

                     

      จะบ้าเรอะ! จะไม่ให้ฉันเสียงดังได้ยังไง!

      ....ในเมื่อเธอเล่นขึ้นมาคร่อมฉันเนี่ย!....

                     

      เล่นบ้าอะไรเนี่ยสิก้า ลุกออกไปเลย กระซิบไล่เสียงเบาเพราะกลัวจะเป็นอย่างที่เจสสิก้าเตือน ขืนพ่อกับแม่เปิดประตูเข้ามาเจอในสภาพนี้ล่ะก็...งานเข้า!

                      ใครบอกว่าสิก้าเล่นคะ...สิก้าเอาจริง

                      ไม่พูดเปล่าโน้มตัวลงมาจนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ ลมหายใจร้อนรินรดบนใบหน้าของร่างสูง

                      สะ...สิก้า...ลุกออกไปเถอะ ยูริเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าร้องผ่าว รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น คนด้านบนได้ยินดังนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วเคลื่อนหน้าออกแต่ยังคงคร่อมร่างสูงไว้

                      อืม...พี่ยูล...สิก้าร้อนจัง.. เจสสิก้าเอ่ยขึ้นมา พูดยังไม่เท่าไหร่ เจสสิก้ากลับปลดกระดุมลงมาจนเผยให้เห็นเนื้อข้าวนวล

                      ยูริกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถ้าตั้งใจจริงๆ ก็สามารถผลักคนด้านบนออกไปได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร...ทำให้ยูรินอนนิ่งๆ เพียงแค่พูดปรามเจสสิก้า...

                      พี่ยูลรู้สึกร้อนเหมือนสิก้าบ้างไหมคะ... เอ่ยเสียงแหบพร่า โน้มหน้าไปใกล้กว่าครั้งแรก ใกล้จนจมูกของทั้งคู่สัมผัสกัน...

                      แสงจากโคมไฟตัวเล็กพอทำให้เห็นหน้าของกันและกัน ยูริเห็นสายตาของเจสสิก้าที่จดจ้องมายังตนก็แทบทำอะไรไม่ถูก...

                      สายตาที่พร้อมจะกินเธอทุกเมื่อ!...

                      เจสสิก้ามองสบกับสายตาของยูริอย่างต้องการสื่อความหมายก่อนจะค่อยๆ ทาบทับริมฝีปากลงมาบนตำแหน่งเดียวกัน ยูริไม่ขัดขืนกลับหลับตาพริ้มตอบรับสัมผัสที่ปลายลิ้น....

                     

                      อืม...สิก้า...

                      คิกๆ...ฮ่าๆ

                      อืม...

                      ยูริปรือตาขึ้นมองรอบตัว เห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนเตียงด้านข้างของตนหัวเราะเสียงดัง

                      หัวเราะอะไร

                      ฮ่าๆ ก็พี่ยูลอ่ะ ฟัดหมอนข้างใหญ่เลย แถมพูดด้วยว่า อืม...สิก้า... ฝันว่าอะไรคะพี่ยูล! บอกสิก้ามาเลยนะ

                     

      หือ...? นี่ฝันหรอเนี่ย? ...

                     

      บะ...บ้า  ไม่ได้ฝันอะไร ไปๆ ไปอาบน้ำก่อนไป ยูริลุกขึ้นนั่งบนเตียง โบกมือไล่เจสสิก้าให้ไปอาบน้ำ

                      คิกๆ... อย่าคิดนะว่าสิก้าเดาไม่ออก

                      เจสสิก้าหัวเราะคิกคักแล้วลุกจากเตียงไป กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่วายหันมาพูดอะไรบางอย่างกับยูริที่นั่งหัวยุ่งบนเตียง...

                      พี่ยูลต้องรับผิดชอบสิก้าด้วยนะคะ...ได้จูบแรกของสิก้าไปแล้ว...

                      พูดจบก็รีบเข้าห้องน้ำปิดประตูทันที ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าแดงเรื่อกับรอยยิ้มที่ปิดไว้ไม่มิด...

                     

      ห๊ะ!? ตกลงเรื่องเมื่อคืน...ไม่ใช่ความฝันงั้นหรอ...?

                     

      ยูริคิดสับสนในใจ เผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปาก ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงขึ้นราวกับจะหลุดออกมาจากอก รู้สึกโหวงที่ช่วงท้องเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน...ที่ไม่ใช่ความฝัน...

       

       

                      อ้าว เด็กๆ ตื่นกันแล้วหรอจ๊ะ มากินข้าวเลยมา แม่พึ่งทำเสร็จพอดี

                      ยูริกับเจสสิก้าที่พึ่งเดินลงมาจากด้านบนเดินตรงเข้าไปในห้องครัว นั่งลงบนเก้าอี้ อาหารตรงหน้าส่งกลิ่นหอมกรุ่น

                      เมื่อคืนเป็นไงบ้างสิก้า นอนหลับสบายไหมลูก

                      สบายมากค่ะ....แต่ว่าร้อนไปหน่อย ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ประโยคหลังหันไปมองยูริเหมือนต้องการจะสื่อความหมายบางอย่าง...

                      นี่ยูล! ใช้ไม่ได้เลยนะ!” ตวาดเสียงดัง

                      อะ...อะไรเนี่ยแม่ ยูริที่กำลังกินข้าวแทบสำลัก เอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพร้อมมองหน้าผู้เป็นแม่

                      ทำไมปล่อยให้หนูสิก้าร้อน ทำไมไม่เร่งแอร์ให้แรงขึ้นห๊ะ

                      แม่จะอะไรนักหนาเนี่ย แค่ร้อนไม่ตายซักหน่อย โอ๊ย! แม่จะตีปากยูลทำไมเนี่ย!”

                      แล้วใครสั่งสอนให้แกพูดคำอัปมงคลแบบนั้นห๊ะ!

                      อ่ะ...เอ่อ...จริงๆ สิก้าก็ไม่ได้อะไรหรอกนะคะ คุณแม่ไม่ต้องโมโหขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เจสสิก้าที่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ลูกมีปากเสียงกันเอ่ยขึ้น

                      ไม่ได้หรอกสิก้า แบบนี้มันใช่ไม่ได้ พูดขึ้นพร้อมมองสบตากับเจสสิก้า กระพริบตาข้างเดียวเหมือนส่งซิกส์อะไรบางอย่าง...

                      ยูล! วันนี้ต้องพาสิก้าไปเที่ยว โทษฐานที่เมื่อคืนดูแลสิก้าไม่ดีพอ ไหนๆ วันนี้โรงเรียนก็หยุดอยู่แล้วหนิ

                      ห๊ะ!? แม่ นี่แม่เป็นอะไรมากป่ะ ไร้สา...

                      อย่าๆ อย่ามาเถียงฉัน สั่งอะไรก็ทำไปเข้าใจไหม!”

                      เฮ้ย? อะไรวะเนี่ย? ตามไม่ทัน!?

                      ยูริยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความสงสัย แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวตรงหน้าต่อ...หารู้ไม่ว่ากำลังโดนต้มโดยไม่รู้ตัว!

       

                      ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณแม่

       

                      เจสสิก้าขยับปากเอ่ยขอบคุณหญิงสูงอายุที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่ส่งยิ้มให้อย่างรู้กัน...

                     

       

                      พี่ยูลจะพาสิก้าไปไหนหรอคะ ร่างบางหันไปเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งฮัมเพลงอยู่ด้านข้างหลังจากขึ้นมานั่งบนรถประจำทางได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

                      แล้วสิก้าอยากไปไหนล่ะ ยูริไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายถามกลับ

                      อืม...เจสสิก้าครางในลำคอทำท่านึกถึงสถานที่ที่ตนอยากไป

                      ....

                      สิก้าอยากไปอยู่ในใจพี่ยูลค่ะ เจสสิก้าเอ่ยเสียงแผ่วแต่กลับได้ยินชัด ก้มหน้าปกปิดใบหน้าแดงเรื่อจนไม่ทันสังเกตว่าคนฟังก็มีทีท่าแทบไม่แตกต่างไปจากตน...

                      ยูริที่ได้ยินคำตอบของเจสสิก้าเผลออมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าร้อนผ่าวทั้งๆ ที่อากาศเย็นสบาย หัวใจเต้นระรัว...ยิ่งเมื่อได้เห็นท่าทางขวยเขินของเจสสิก้าก็ยิ่งเก็บรอยยิ้มไว้ไม่มิด...

                     

       

      แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใจเต้นแรง รู้สึกดีกับคำพูดของคนด้านข้างตั้งแต่เมื่อไหร่...

                     

       

      อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นยีหัวเจสสิก้าด้วยความเอ็นดู...

                      พี่ยูลลลลลล ผมสิก้ายุ่งหมดแล้วนะ! คนโดนแกล้งเงยหน้าขึ้นโวยทันที

                      ฮ่าๆ ก็อยากทำตัวน่าหมั่นไส้ทำไมล่ะ ตอบมาได้ล่ะ อยากไปเที่ยวไหน

                      อืม...ที่ไหนก็น่าไปหมดแหละค่ะ

                      ...

                      ถ้าสิก้ามีพี่ยูลไปด้วย

                      ครั้งนี้เจสสิก้ามองสบเข้ากับดวงตาของยูริแสดงความจริงใจ เผยยิ้มกว้างออกมาเหมือนเด็กๆ ได้อมยิ้ม ยูริที่เห็นรอยยิ้มนั้นก็อดที่จะยิ้มตามเสียไม่ได้...

                      งั้นถ้าสิก้ายืนยันแบบนั้นคงไม่ว่าอะไรนะถ้าพี่จะพาไปที่ๆ พี่ชอบ อาจจะน่าเบื่อสำหรับสิก้าก็ได้นะ

                      ไม่เป็นไรค่ะ

                      โอ๊ะ...จะถึงพอดีเลย ลุกเร็วสิก้ายูริที่เห็นว่าใกล้จะถึงที่หมายแล้วลุกขึ้นเดินหมายจะไปรอตรงประตูแม้รถจะยังไม่จอด เจสสิก้าที่ลุกขึ้นเดินตามหลังยูริไปเซถลาจนชนกับแผ่นหลังของยูริ

                      ขอโทษค่ะพี่ยูล เจสสิก้าเอ่ยขอโทษออกมา ยูริหันมามองส่ายหน้าระอาน้อยๆ ทั้งๆ ที่ระบายรอยยิ้มตรงมุมปาก...

                      เอื้อมไปคว้ามือเจสสิก้ามากุมไว้ เบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่ต้องการให้เจสสิก้ารับรู้ว่าตนก็แอบหวั่นไหว...

                      ส่วนคนโดนจับมือก็ยิ้มหน้าแดงถึงใบหู มองมือของตนที่ถูกมือของยูริกุมอยู่ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาซะเฉยๆ...

                      เอา...จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม เดี๋ยวก็ไม่ทันลงรถพอดี ยูริหันมาพูดเสียงเข้มใส่เจสสิก้าทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขนาดไหน ยิ่งพอหันมาเห็นท่าทางของเจสสิก้าก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า...

                     

      เฮ้ย! ไอ้ยูล! ยิ้มอะไรของแกนักหนาเนี่ย!

       

                      เหมือนเจ้าตัวพึ่งจะรู้ตัวรีบหุบยิ้มเก๊กหน้าขรึมทั้งๆ ที่ในใจยิ้มกว้าง...

                      จะลงไหมครับสองคนนั้น มัวแต่ยืนกุ๊กกิ๊กกันอยู่นั่นแหละ ไม่ลงผมจะได้ไปเลย คนขับหันมาตำหนิเสียงดุ ยูริกับเจสสิก้าที่ได้ยินดังนั้นก็รีบก้มหัวเอ่ยขอโทษแล้วรีบเดินลงจากรถ

                      พี่ยูลจะพาสิก้าไปไหนหรอคะ ทันทีลงจากรถเรียบร้อยเจสสิก้าก็เอ่ยคำถามเดียวกับที่เอ่ยถามไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว

                      เดี๋ยวก็รู้เองแหละยูริเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วเดินนำไป เจสสิก้าจึงรีบวิ่งตามหลังยูริไป...

       

                      พี่ยูลชอบร้านหนังสือเก่าหรอคะ ?

                      อืม พี่ชอบมานั่งอ่านหนังสือที่นี่บ่อยๆ มันเงียบดี ไม่ค่อยมีคนด้วย

                      เจสสิก้าพยักหน้ารับฟังยูริในขณะที่สายตาก็มองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านในร้านหนังสือ ภายในร้านเงียบเสียจนดูเหมือนปิดร้างไปแล้ว สิ่งเดียวที่ยืนยันได้ว่าร้านนี้ยังเปิดบริการอยู่ก็คงไม่พ้นหญิงสาวสูงอายุสวมแว่น ท่าทางใจดีที่กำลังเช็ดโต๊ะที่ลูกค้าพึ่งเดินออกไป...

                      ถ้าสิก้าชอบอ่านหนังสือล่ะก็ รับรองต้องชอบที่นี่เหมือนพี่แน่ ยูริหันมาเอ่ยด้วยรอยยิ้มให้เจสสิก้าจนคนมองหวั่นไหวกับรอยยิ้มมีเสน่ห์นั่น แทบไม่รู้เลยว่าโดนยูริลากเข้ามายืนภายในร้านตั้งแต่เมื่อไหร่...

                      กรุ๊งกริ๊ง~

                      เสี่ยงกระดิ่งเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อยูริผลักประตูเข้ามาภายในร้าน เจ้าของร้านหันมามองแล้วก็เอ่ยทักด้วยท่าทางเป็นมิตร

                      อ้าว ว่าไงหนูยูล จะเอาแบบเดิมไหม

                      ยังดีกว่าค่ะ พอดียังไม่หิว

                      แล้วนั่น...พาสาวที่ไหนมาด้วย น่ารักเชียว แฟนหรอ ประโยคหลังขยับไปกระซิบถามข้างหูสียงเบาพอได้ยินกันสองคน

                      มะ...ไม่ใช่ค่ะ รุ่นน้องที่โรงเรียน ชื่อเจสสิก้า ยูริเอ่ยปฏิเสธทั้งๆ ที่หน้าเริ่มขึ้นสี เอ่ยแนะนำเจสสิก้าให้เจ้าของร้านฟัง

                      อืม...หนูสิก้า ตามสบายเลยนะจ๊ะ เจ้าของร้านเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน เจสสิก้าก้มหัวส่งยิ้มไปให้ เจ้าของร้านเดินไปอีกทางทำหน้าที่ของตน

      ภายในร้านขนาดกว้างมีตู้หนังสือไม้สูงใหญ่ตั้งเรียงเป็นระเบียบ ในชั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือจนไม่มีช่องว่าง เคาน์เตอร์ยาวติดกระจกพร้อมเก้าอี้สำหรับคนที่ต้องการจิบกาแฟไปอ่านหนังสือไป อากาศเย็นสบาย เปิดเพลงคลอเบาๆ กลิ่นกาแฟหอมจางๆ

                      ยูริลากเจสสิก้าเดินไปเข้าไปด้านใน มีคนเข้ามาใช้บริการไม่มากนัก สุดท้ายยูริก็พาเจสสิก้าเข้านั่งกับพื้นด้านในสุด มีตู้หนังสือสูงกั้นเป็นล็อค

                      เป็นไง ผิดหวังไหม

                      ไม่นี่คะ สิก้าเริ่มชอบแล้วยังไงก็ไม่รู้ เจสสิก้าตอบคำถามของยูริแล้วนั่งลงตาม กวาดสายตามองหาหนังสือซักเล่มที่น่าสนใจ แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับสันหนังสือสีขาวพิมพ์ตัวหนังสือสีหวานว่า...

       

                      รบกวนมารักกัน...

       

                      ไม่รอช้ารีบดึงออกมาดูด้วยความสนใจ ก้มเปิดอ่านทันที...

      .

      .

      .

                      ฮึกๆ

                      ...

                      ฮึกๆ ฮือๆ

                      เฮ้ย! สิก้าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม

                      ยูริที่กำลังอยู่ในภวังค์นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ มารู้สึกตัวตื่นจากภวังค์อีกทีก็ตอนได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่นั่งด้านข้าง รีบหันไปถามด้วยความตกใจ

                      ฮึกๆ

                      เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม ยูริเอ่ยถาม ดวงตาฉายชัดถึงความเป็นห่วงที่มีต่อคนตรงหน้า มือข้างนึงจับไหล่เจสสิก้าไว้ ส่วนอีกมือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาให้

                      หนังสือมันเศร้าอ่ะพี่ยูล ฮึกๆเจสสิก้าสะอื้น ปิดหนังสือในมือ ยูริจึงก้มหน้าอ่านชื่อหนังสือด้วยความสงสัย

                      รบกวนมารักกัน...ชื่อเรื่องดูไม่เศร้าเลยนะ ไหนเรื่องเป็นยังไง เล่าให้พี่ฟังบ้างสิ ยูริเช็ดน้ำตาให้เจสสิก้าแล้วยกมือขึ้นลูบผมด้วยความอ่อนโยน

                      ตอนแรกมันก็สนุกนะคะพี่ยูล ตลกด้วยซ้ำ แต่พระเอกไม่สนใจนางเอกเลยแถมไล่ให้นางเอกออกไปไกลๆ ด้วย ทั้งๆ ที่นางเอกรักพระเอกมากตามตื้อตลอดแต่พระเอกมีคนที่ชอบแล้วเลยไม่สนใจ สิก้าสงสารนางเอกค่ะ ทุ่มเทตั้งเยอะแต่ก็ไม่มีค่าในสายตาของพระเอก สุดท้ายก็วิ่งตามพระเอกจนโดนรถชนตาย ฮึกๆ แถมพระเอกก็พึ่งมารู้ตัวว่าเผลอรักนางเอกไปแล้วก็ตอนที่สายไป ฮึกๆ

                      เจสสิก้าร่ายยาว เล่าไปเล่ามาก็เริ่มปล่อยโฮอีกครั้ง ยูริลนลานรีบดึงเจสสิก้าเข้ามากอด ยกมือขึ้นลูบหัวปลอบประโลม

                      มันก็แค่ในหนังสือ อินมากไปล่ะ ไม่ร้องนะๆ

                      ก็สิก้าสงสารนางเอกนี่คะ ฮึกๆ ... แถม...สิก้ารู้สึกว่าเหมือนสิก้าเป็นเหมือนนางเอกในหนังสือเล่มนั้นเลยค่ะ...

                      สิก้าแน่ใจได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเหมือนนางเอกในเรื่อง...

                      ก็สิก้าชอบพี่ยูล...แต่พี่ยูล...มีคนที่ชอบแล้ว... เจสสิก้าเอ่ยเสียงแผ่วเบา ซบหน้าลงกับไหล่ของยูริ น้ำใสเริ่มไหลออกมาจากดวงตาสวยมากขึ้น แต่เหตุผลคงไม่ได้มาจากหนังสือเล่มนั้น....เหตุผลคงจะมาจากคนตรงหน้าเสียมากกว่า...

                      สิก้าเป็นพี่หรือไง ถึงรู้ว่าตอนนี้พี่ชอบใคร...

                      จบคำของยูริเจสสิก้าก็นั่งตัวนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ความหวังเริ่มปรากฏ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะคิดไปเองฝ่ายเดียว...

                      แล้วตอนนี้...พี่ยูลชอบใครอยู่หรอคะ... ในที่สุดก็ทนข้องใจต่อไปไม่ไหว รีบผละจากอ้อมกอด สบตาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้...

                     

      พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า พี่ชอบสิก้า...

       

                      เจสสิก้าภาวนาในใจให้สิ่งที่ยูริพูดออกมาเป็นสิ่งที่ตนคิดในใจ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น...

                     

      พี่ชอบ....

                      ....

                      ชอบ...

                      ....

                      ชอบ...

                      ....

                      ไม่บอก! คิดเองดิ ยูริพูดเสียงยียวนแล้วหันไปก้มหน้าแกล้งยกหนังสือขึ้นมาอ่านทันที เจสสิก้าถอนหายใจรีบตื้อให้อีกฝ่ายบอกทันที

                      พี่ยูลลลล บอกสิก้าหน่อยนะๆ เจสสิก้ายื่นหน้าไปใกล้ยูริ ทำเสียงออดอ้อน

                      ไม่บอกยูริพูดออกมาทั้งๆ ที่ยังแกล้งก้มหน้าอ่านหนัง ทั้งๆ ที่ไม่ได้อ่าน พยายามเก็บกลั้นรอยยิ้ม

                      บอกหน่อยน้าพี่ยูลเจสสิก้ายังอ้อนไม่เลิก ควงแขนเอาหน้าทูกับไหล่ของยูริเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ

                      ไม่บอก เลิกเซ้าซี้ได้แล้วน่าสิก้า ยูริพยายามเอ่ยเสียงแข็งก่อนที่จะหวั่นไหวยอมบอกออกไป ยิ่งใกล้ก็ยิ่งหวั่นไหว เริ่มไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงกับเจสสิก้ากันแน่...

                     

      จากที่เคยมั่นใจ ยืนยันให้ตายยังไงก็ไม่มีวันยอมเป็นแฟนกับเด็กแสนจุ้นคนนี้เป็นแน่...

                      แต่ตอนนี้...เฝ้าถามใจตัวเองเท่าไหร่ก็เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะยังกล้ายืนยันอีกหรือเปล่าว่าไม่มีวันยอมเป็นแฟนกับเด็กจุ้นที่เริ่มทำให้ตัวเองหวั่นไหว...

                     

      พี่ยูลจะบอกไม่บอก เจสสิก้าเริ่มเอ่ยเสียงแข็ง ทำแก้มป่องด้วยความขัดใจ

                      ไม่บอก

                      แน่ใจนะว่าจะไม่บอก เจสสิก้าตอนยูริจนแผ่นหลังของยูริติดกับผนัง

                      นะ...แน่ ยูริเริ่มเอ่ยเสียงสั่นด้วยความลนลาน พยายามคิดปลอบตัวเองในใจ...

       

       

      ยัยเด็กนี่คงไม่กล้าทำอะไรเราหรอก... ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเรา...

       

                      ตายหอก! เคยแล้วนี่หว่า!

       

                      ตอนนั้นคร่อม...แล้วตอนนี้จะทำอะไรวะเนี่ย!

       

                     

      สิก้าให้โอกาสพี่ยูลบอก จะบอกไม่บอก เจสสิก้ายื่นหน้าเข้าใกล้จนยูริเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามเบือนหน้าหนีเจสสิก้าทั้งๆ ที่หนียังไงก็ไม่พ้น!

                      มะ...ไม่

       

                      จุ๊บ!

       

                      เจสสิก้ายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มยูริฟอดใหญ่อย่างรวดเร็ว นึกสงสัยตัวเองว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน ตั้งแต่ครั้งนั้นที่คร่อมยูริก็ทีนึง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...

                      แต่แบบนี้มันก็ดีไม่ใช่หรอ?

                     

      ยูริที่โดนหอมแก้มหน้าแดงขึ้นมาทันที ตาโตด้วยความตกใจ เริ่มหวาดกลัวเด็กน้อยตรงหน้า...

                      เจสสิก้าให้โอกาสพี่ยูล... เจสสิก้ากระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูยูริ กระตุกยิ้มนึกขำยูริที่ดูไร้เดียงสาขึ้นมาซะทันที

                      พะ...พอเถอะสิก้า...นี่มันไม่ใช่ที่บ้านนะ... ยูริพยายามยกแขนที่อ่อนแรงขึ้นผลักเจสสิก้าออกแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย

                      พูดแบบนี้...แสดงว่าถ้าที่บ้านสิก้าก็สามารถทำอะไรแบบนี้กับพี่ยูลก็ได้ใช่ไหมคะ... เจสสิก้าขยับหน้าไปใกล้ยูริที่เบือนหน้าไปทางอื่น ใบหน้าแดงขึ้นทุกขณะ หัวใจเต้นแรง

                      ทะ...ที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละสิก้า...ออกไปซักที...พี่อึดอัด...

                      สิก้าไม่ออกจนกว่าพี่ยูลจะตอบสิก้า

                      กะ...ก็บอกแล้วไงว่าไม่บอก ออกไปเถ...

                      จบคำยืนยันแต่ไม่จบประโยคของยูริเจสสิก้าก็โน้มหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากทันที มือว่างก็จับใบหน้าของยูริไม่ให้ขยับหนี ลิ้นเรียวกวาดหาความหวานภายในโพรงปากของยูริที่นั่งตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีแรงขัดขืน

                      เมื่อลิ้มรสหวานจนพึงพอใจเจสสิก้าก็ถอนริมฝีปากออกมา ยูริหายใจหอบใบหน้าแดงจัด เหงื่อผุดพรายตามใบหน้าและแผ่นหลังทั้งๆ ที่อากาศเย็นสบาย

                      สิก้าจะนับหนึ่งถึงสามอีกครั้ง ถ้าพี่ยูลยังไม่บอก...สิก้าจะทำอย่างที่พี่ยูลคาดไม่ถึง

                     

                      แม่เจ้า! นี่มันก็คาดไม่ถึงพอแล้วว่าเธอกล้าทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ!

       

                      ยูริได้แต่นั่งลังเลในขณะที่เจสสิก้าก็นับถอยหลังเรื่อยๆ...

                      สาม...

                      ...

                      สอง...

                      ...

                      หนึ่ง

                      ...

                      เจสสิก้ามองยูริที่นั่งปิดปาดเงียบก็กระตุกยิ้มขึ้นมาทันที กำลังจะโน้มหน้าไปทาบทับริมฝีปากอีกครั้ง...

                     

      ตุ๊บ!!!

       

                      เจสสิก้าชะงักรีบหันไปมอง ส่วนยูริที่นั่งหลับตาปี๋ก็รีบลืมตาขึ้นมองแล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงร่างเล็กยืนทำหน้าตกใจอยู่ไม่ไกล ตรงพื้นมีหนังสือเล่มหนาตกอยู่ คาดว่าร่างเล็กคงเดินหอบหนังสือมาแล้วมาเจอหนังสดเลยตกใจทำหนังสือร่วง...

                      ขะ...ขอโทษค่ะ

      ร่างเล็กที่ดูเหมือนพึ่งได้สติรีบก้มเก็บหนังสือแล้วเดินเร็วๆ ออกมาทันที ยูริถอนหายใจว่าอย่างน้อยสวรรค์ก็ไม่ใจร้ายกับเธอเกินไป มองเจสสิก้าที่นั่งขมุบขมิบปากตำหนิผู้หญิงร่างเล็กเข้ามาขัดจังหวะแล้วก็วิ่งออกไป เห็นโอกาสอยู่ตรงหน้าก็รีบดันเจสสิก้าออกแล้วลุกขึ้นยืนทันที

      กลับกันเถอะ เดี๋ยวถึงบ้านเย็น พูดเร็วๆ แล้วรีบเดินออกมาจากซอกมรณะทันที กนด่าตัวเองในใจที่เลือกที่ได้เหมาะสมกับโอกาสอะไรขนาดนี้

      เจสสิก้าถอนหายใจฟึดฟัดด้วยความขัดใจ ลุกขึ้นเดินตามยูริที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปไกลแล้ว

      อ้าวยูลจะกลับแล้วหรอ ทำไมวันนี้รีบกลับจัง

      อะ...เอ่อ...แม่โทรตามค่ะ ลานะคะ ยูริรีบเอ่ยลาแล้ววิ่งออกมาจากร้าน เจ้าของร้านยกมือเกาหัวด้วยความสงสัย

      ไปแล้วนะคะคุณน้า เจสสิก้าที่พึ่งรีบวิ่งตามยูริมากล่าวลาเจ้าของร้านแล้ววิ่งตามยูริไปทันที...

       

      ยูริเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ในใจก็ยังแอบเคืองๆ เจสสิก้า ที่ทำอะไรแบบนั้น แต่อีกใจมันก็แอบรู้สึกดีเสียไม่ได้... ภายในบ้านเงียบจนผิดปกติ ได้แต่ภาวนาขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิด...

       

      แม่ออกไปข้างนอกกับพ่อนะยูล

      ดูแลหนูสิก้าดีๆ ด้วย

      ถ้าหิวก็ไปหาอะไรในตู้เย็นกินเอาแล้วกัน

      แม่

                     

                      เป็นอย่างที่คาดไว้แม้จะไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิดก็ตาม ยูริถอนหายใจเหนื่อยทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนล้า เจสสิก้าที่พึ่งเดินเข้ามาภายในบ้านเอ่ยถามยูริทันทีเมื่อเห็นว่าทั้งบ้านเงียบสนิท

                      คุณแม่ไม่อยู่หรอคะพี่ยูล

                      อืม

                      ยูริตอบรับเพียงสั้นๆ สายตาไม่แม้แต่จะมองคู่สนทนา ในใจยังรู้สึกเคืองขุ่นกับการกระทำของเจสสิก้าไม่หาย เจสสิก้าที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติเดินไปนั่งด้านข้างยูริ พยายามมองหน้ายูริแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี ท่าทางของยูริทำให้เจสสิก้ารู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

                      พี่ยูลโกรธสิก้าหรอคะ เจสสิก้าตัดสินใจเอ่ยถามออกไปตรงๆ

                      ...

                      แม้จะไม่มีคำตอบยืนยันจากอีกฝ่ายแต่ท่าทางที่แสดงออกมาก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ายูริโกรธเจสสิก้าขนาดไหน...

                      เจสสิก้าถอนหายใจยาว รู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตา พยายามกลั้นเก็บไม่ให้น้ำตาไหลออกมา สรรหาคำมาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                      ถ้าสิก้าอธิบายไป ไม่รู้พี่ยูลจะหาว่าสิก้าแก้ตัวหรือเปล่า...

                      ...

                      คือ...สิก้าขอโทษ...สิก้าไม่ได้ตั้งใจ...เรื่องเมื่อคืนสิก้าไม่รู้ตัวเลย พอรู้สึกตัวอีกที...สิก้าก็ก้มลงไปจูบพี่ยูลแล้ว...

                      ...

                      แล้ววันนี้...จะบอกว่าสิก้าเอาเรื่องที่อยากรู้ว่าพี่ยูลชอบใครมาเป็นข้ออ้างในการจูบพี่ยูลก็ได้...มัน...ห้ามใจตัวเองไม่ไหว...เผลอทำอะไรแบบนั้นลงไปจนได้...

                      ...

                      พี่ยูลจะไม่ให้อภัยสิก้าก็ได้...แต่อยากให้รู้ว่าสิก้าเสียใจ...สิก้าขอโทษ... เจสสิก้าพูดอธิบายคนเดียว รู้ดีว่ายูริรับฟังทุกคำพูดของตน เมื่อเอ่ยจบก็ก้มหน้านิ่ง สุดท้ายน้ำตาที่เก็บไว้ก็เอ่อไหลออกมา พยายามเม้มปากกลั้นเก็บเสียงสะอื้นไว้...

                      ยูริที่เหลือบมองไปทางเจสสิก้า...เป็นอย่างที่รู้สึกถึงแรงสะอื้นจากคนด้านข้าง กัดเม้มริมฝีปากแน่น เกลียดตัวเองที่เป็นคนใจแข็งไม่พอ สุดท้ายก็หันไปดึงเจสสิก้าเข้ามาในอ้อมกอด...

                      ยิ่งได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของยูริ เจสสิก้าก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า กระชับกอดยูริแน่นขึ้น...

                      แววตาที่เคยเรียบนิ่งของยูริอ่อนแสงลง แพ้หัวใจตัวเองยกมือขึ้นลูบผมเจสสิก้าอย่างปลอบประโลม...

      .

      .

      .

       

                      เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบตัวเจสสิก้ากับยูริที่เดินเข้ามาภายในโรงเรียนพร้อมกัน สายตาทุกคู่จับจ้องทั้งสองคนไม่วางตาในขณะที่ซุบซิบกับคนด้านข้าง มีบ้างบางคนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้...

                      ยูริได้แต่เดินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่บทสนทนาของคนรอบข้างที่ตนได้ยินก็แทบทำให้คลั่ง...

                     

      นี่แก! พี่ยูลเขาเป็นแฟนกับสิก้าหรอ

                      ฉันว่าน่าจะใช่นะ เมื่อเย็นวันจันทร์มีคนเห็นสิก้าควงแขนพี่ยูลเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมกันด้วย

                     

                      เฮ้ย! ทำไมสิก้าไปเดินกับไอ้ยูลได้วะ

                      ไม่น่าถามนะไอ้โง่! ก็คนเขาเป็นแฟนกัน ไม่เดินด้วยกันสิแปลก

                      เฮ้ยจริง!? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยวะ

                      ก็แกมันตกข่าวไง ฉันนี่สิ นอนร้องไห้เสียดายสิก้ามาสองคืนแล้ว ฮึกๆ

       

                      ยูลเป็นแฟนกับสิก้าหรอเนี่ย

       

                      ทำไมสิก้าถึงเลิกไอ้ยูลมาเป็นแฟนเนี่ย

       

                      “%^*&(*&_*(&_%(*)#%&^@$*^%”

                     

                      ยูริรีบเดินเร็วๆ ไม่ต้องการได้ยินเสียงซุบซิบนินทาจากคนรอบข้าง พยายามข่มอารมณ์ไม่ถลาตัวเข้าไปประเคนหมัดให้คนเหล่านั้น ได้แต่คิดหงุดหงิดในใจ...


                     
      ไอ้พวกนี้หนิ
      ! จะนินทาก็ช่วยนินทาหลังจากที่คนเขาเดินไปก่อนไม่ได้หรือไง! ไม่ก็ช่วยนินทากันเบาๆ พอได้ยินกันเองได้ไหมวะเนี่ย!

       

                      พี่ยูลจะไปไหนคะ

                      เจสสิก้าเอ่ยถามออกมาเมื่อยูริลากตนเดินไปคนละทางกับทางที่ใช้เดินขึ้นตึกเรียน ยูริไม่ตอบคำถามกลับลากเจสสิก้าให้เดินตามมาเรื่อยๆ

                      สุดท้ายยูริก็พาเจสสิก้ามาด้านหลังโรงเรียน...

                      นี่สิก้า! คนอื่นเขาคิดว่าเราเป็นแฟนกันหมดแล้ว!” ยูริตะเบ็งเสียงอยากโมโห ใบหน้าแดงก่ำ ทั้งอาย ทั้งโกรธ

                      แล้วไงคะ อีกไม่นานเดี๋ยวเราก็ได้เป็นแฟนกันอยู่ดี ให้พวกนั้นคิดล่วงหน้าไปก่อนก็ได้นี่คะ เจสสิก้าตอบยียวน ใบหน้ายังคงรอยยิ้มไว้เสมอต้นเสมอปลาย แตกต่างจากยูริที่ยิ้มไม่ออก

                      ไม่ขำนะสิก้า! เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้

                      ทำไมพี่ยูลต้องโมโหแล้วก็เสียงดังใส่สิก้าด้วย เจสสิก้าเอ่ยเสียงแผ่ว รอยยิ้มที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

                      คือ...พี่ขอโทษ...พี่แค่ไม่ชอบให้คนอื่นคิดกันไปผิดๆ

                      แล้วพี่ยูลรู้สึกแย่มากเลยหรอคะ?

                      ...

                      กับการที่คนนอกเข้าใจผิดว่าเราเป็นแฟนกัน...

                      ...

                      สิก้าคงไม่มีค่าพอที่จะเป็นแฟนพี่ยูลสินะคะ...พี่ยูลถึงได้ดูรังเกียจการถูกคนอื่นมองว่าเป็นแฟนกับสิก้า...

                      ไม่...

                      ยังไม่ทันปฏิเสธ เจสสิก้าก็หันหลังวิ่งออกไป ยูริพยายามจะเปล่งเสียงรั้งเจสสิก้าไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปไหนหมด...

                      ทรุดลงกับพื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรง ถ้อยคำ น้ำเสียงเจ็บปวด แววตาเศร้าโศกของเจสสิก้ายังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของยูริได้เป็นอย่างดี...

                      รู้ตัวอีกทีก็เมื่อน้ำใสเอ่อไหลออกมาจากดวงตา เอ่ยคำพูดที่ตอนนี้เจ้าตัวไม่ทันอยู่ฟัง...

                      สิก้า...พี่รักสิก้านะ...

       

       

      ทันทีที่อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยปากอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ ยูริก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง ตั้งใจจะไปหาเจสสิก้าเพื่อเอ่ยคำขอโทษ...

      หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พยายามถามคนรอบข้าง สุดท้ายคำตอบที่ได้มาก็คือ...

      สิก้าน่ะหรอ...ตอนเช้าก็ไม่เห็นเข้าเรียนนะ เห็นอาจารย์บอกว่าสิก้าขอตัวกลับบ้านก่อนน่ะ

      จบคำของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับเจสสิก้า ยูริก็ถอนหายใจยาวอย่างหมดหวัง แล้วก็เกิดความคิดดีๆ

      เดี๋ยวๆ แล้วรู้ไหมว่าบ้านสิก้าอยู่ไหน...

      .

      .

      .

      หลังจากที่ถามหาบ้านของเจสสิก้าจากรุ่นน้องนักเรียนหญิงเสร็จ ยูริก็รีบขึ้นรถบอกที่อยู่ตามที่รุ่นน้องหญิงจดมาให้ ไม่นานนักรถก็เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านหลังโต ยูริยื่นเงินให้คนขับรถแล้วก็เดินลงจากรถ หยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่ดูเงียบราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่ด้านใน...

      มองหาออดแล้วก็เดินเข้าไปกด ยืนรอไม่นานนักก็มีผู้หญิงร่างท้วมในชุดแม่บ้านวิ่งออกมา ใบหน้าเศร้าสร้อยพยายามฝืนยิ้มต้อนรับแขกผู้มาเยือนจดจ้องมายังยูริด้วยความสงสัย

      มาหาใครคะ

      เอ่อ...ที่นี่ใช่บ้านของสิก้าหรือเปล่าคะ

      ชะ...ใช่ค่ะ

      สิก้าอยู่ด้านในหรือเปล่าคะ คือหนูเป็นเพื่อนของสิก้า อยากคุยกับสิก้าหน่อยน่ะค่ะ ยูริเอ่ยบอกความต้องการของตน รู้สึกสงสัยกับท่าทางของแม่บ้านที่ดูเศร้าสร้อยเมื่อตนพูดถึงเจสสิก้า

      คือ...คงจะไม่ได้หรอกค่ะ...

      ทำไมล่ะคะ

      คือ...หนูสิก้าอยู่โรงพยาบาลค่ะ

       

      ทันทีที่ตอบตกลงขอตามแม่บ้านร่างท้วมมาด้วย หลังลงจากรถทั้งสองก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบไปที่หน้าห้องICUระหว่างทางที่นั่งรถมาโรงพยาบาล ยูริก็เริ่มบทสนทนาโดยการถามถึงสาเหตุที่เจสสิก้าเข้าโรงพยาบาล...

       

                      คุณหนูอยู่ห้อง ICU ทางโรงพยาบาล...ฮึก...โทรมาที่บ้านแล้วบอกว่าคุณหนูโดนรถชน ฮึกๆ

       

                      คำพูดของแม่บ้านร่างท้วมยังคงดังก้องอยู่ภายในหัวของยูริขณะที่เดินไปมาหน้าห้อง ICU ด้วยความร้อนใจ ภาวนาขอให้เจสสิก้าปลอดภัย...

                      เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง ชายท่าทางภูมิฐานในชุดกาวน์ก็เดินออกมาจากห้อง ICU ทั้งสองคนรีบเดินเข้าไปถามอาการของเจสสิก้าด้วยความร้อนอกร้อนใจ

                      คุณหมอคะ สิก้าเป็นไงบ้างคะ

                      เอ่อ...

                      ...

                      หมอต้องขอโทษด้วยนะครับ...ที่ช่วยคนไข้ไว้ไม่ได้ คนไข้เสียเลือดมากจนเกิดอาการช็อค หมอเสียใจด้วยครับ

                      เอ่ยตามหน้าที่จบก็เดินเลี่ยงออกไป คนฟังแทบล้มทั้งยืน แม่บ้านทรุดลงบนเก้าอี้ก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือ ส่วนยูริได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก สมองเบลอ ตาพร่า แทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน...

                      พยายามประคองสติรีบผลักประตูเข้าไปในห้อง ICU ที่บัดนี้เงียบสนิท อยากพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่หอมพูด...คงไม่ใช่ความจริง...

                     

      เจสสิก้านอนนิ่งบนเตียง ใบหน้าซีดเซียวราวกับไม่ใช่คนที่เคยรู้จัก ยูริก้าวช้าๆไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างเตียง  กุมมือเย็นของร่างไร้วิญญาณไว้แน่น...

                     

      สิก้า...สิก้า....สิก้า...ตื่นขึ้นมาสิ...อย่ามัวแต่ขี้เซา ตื่นขึ้นมาได้แล้ว

       

                      มือว่างอีกข้างเขย่าตัวปลุกคนที่หลับไม่มีวันตื่น แม้จะไม่มีเสียงสะอื้นแต่สิ่งยืนยันความเศร้าคือน้ำใสที่ไหลอาบแก้มนวล หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงัน...

       

                      เด็กบ้า...ฮึกๆ...ตื่นขึ้นมาด้วยนี้นะ...ตื่นสิ!”

       

                      ยูริยังคงเขย่าตัวเจสสิก้า หวังให้คนที่นอนนิ่งลืมตาตื่นขึ้นมายิ้มร่าเริงให้อย่างเก่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้...

       

                      เป็นคนแบบนี้ใช่ไหม...ตื่นขึ้นมาเลยนะ...ขโมยจูบแรกพี่ไปแล้วไม่คิดจะรับผิดชอบเลยใช่ไหมเอ่ยเสียงสั่นเครือขณะยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ

       

                      ก็บอกให้ตื่นไง...เล่นขโมยหัวใจพี่ไปทั้งดวง...รับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลยนะ... ยูริเอ่ยออกมาเป็นประโยคสุดท้ายแล้ซบหน้าลงกับหน้าท้องของเจสสิก้า ตัวสั่นด้วยแรงสะอื้น ไม่อยากรับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดคือความจริง...

       

                      พี่ดีใจกับสิก้าด้วยนะ...ที่สามารถทำให้พี่เปลี่ยนใจไปชอบสิก้าได้... ยูริเอ่ยด้วยรอยยิ้มเศร้า ใบหน้ายังคงเปรอะน้ำตา...

       

                      พี่ต้องทำยังไง...สิก้าถึงจะตื่นขึ้นมากวนใจพี่อีก...

                      ง่ายมากค่ะพี่ยูล เป็นแฟนกับสิก้าสิคะ

                      เสียงหวานที่สวนขึ้นมาทำให้ยูริที่ก้มหน้าสะอื้นตัวสั่นชะงักไป ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองทางต้นเสียง...

                      สิก้าตื่นขึ้นมากวนใจพี่ยูลแล้วน้า เจสสิก้าเอ่ยเสียงร่าเริงขัดกับใบหน้าซีดเผือดที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพื่อความสมจริง ส่งรอยยิ้มสดใสให้ยูริที่ทำหน้านิ่ง เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

      โกรธสิก้าหรอคะ เจสสิก้าเอ่ยถาม ยกนิ้วจิ้มแก้มยูริด้วยท่าทางออดอ้อน

      ใช่ โกรธมากด้วย

      ...

      เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง รู้ไหมพี่ตกใจหมดเลยนะ ทีหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกรู้ไหม ยูริเอ่ยเสียงจริงจัง เจสสิก้าเผยยิ้มกว้างออกมาแล้วพูดประโยคที่ทำให้ยูรินั่งตัวแข็งหน้าแดงลามไปถึงหูทันที

      ถ้าสิก้าไม่เล่นแบบนี้...แล้วสิก้าจะได้รู้หรอคะว่าพี่ยูลรู้สึกยังไงกับสิก้า คนฟังนั่งหน้าแดง อยากจะปฏิเสธแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ในเมื่อมันคือความจริง

      พี่ยูล... เจสสิก้าเอ่ยเสียงจริงจัง เลื่อนไปกุมมือของยูริ

      ...

      เป็นแฟนกับสิก้านะคะ

      จบคำขอของเจสสิก้า ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังขึ้นของทั้งสอง ยูริพยายามเก็บรอยยิ้มแต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ

      อะ...อื้ม...

      เย้! พี่ยูลยอมเป็นแฟนกับสิก้าแล้ว!”

       

      จุ๊บ!

       

      ทันทีที่ยูริตอบตกลงเสียงแผ่ว เจสสิก้าก็โผกอดยูริแน่นแถมด้วยขโมยหอมแก้มยูริฟอดใหญ่

      นี่ๆ พอยอมบอกเป็นแฟนด้วยก็ลวนลามพี่เลยนะ

      ทำไม หวงตัวหรอคะ

       

      จุ๊บ!

       

      โดนซะบ้าง ยัยเด็กจุ้น!”

      จบคำถามของเจสสิก้า โดยไม่ทันตั้งตัวเจสสิก้าก็โดนยูริขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่เหมือนกัน ใบหน้าของทั้งสองแดงเรื่อไม่แพ้กัน เจสสิก้ายกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนยูริหอมด้วยอาการเพ้อ...

      ในที่สุด...สิก้าก็ได้ไปเที่ยวในที่ที่อยากไปที่สุด...

      ...

      ตรงนี้ไง

      เอ่ยพร้อมชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของยูริ เผยยิ้มกว้างออกมา ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความสุข...

       

       

       

      --The End--

       

       

      ว๊ากกกกกกกกกก!

      จบซักกะที>< ปลื้มอ่ะฟิคเรื่องนี้>[]</

      มีคนบอกชอบเยอะ ไรเตอร์แทบลอย 555+

      มีต่อเรื่องหน้านะเออ คู่แทนี่-.,- ตามรีเควซ ตามมาเร็วๆ นี้><

      จะมีคนอ่านต่อมั้ยเนี่ย?? TT’

      ยังไงก็ขอบคุณรีดเดอร์ที่ติดตามอ่านจนจบค่ะT/\T

      ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณทำกำลังใจ ขอบคุณค่ะ>/\<

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×