ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝึกเรียนฮิรางานะกับป่านคุง

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 - อักษรฮิรางานะ แถวอักษร นะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.46K
      5
      6 ม.ค. 52

    มาซะสาย ขอโทษด้วยนะครับ

    เอาหละครับ วันนี้เรามาต่อกันด้วยตัวอักษร นะ นะครับ เดี๋ยวผมจะทวนให้ก่อนเข้าสู่บทเรียนนะครับ

    บทที่เท่าไหร่ไม่รู้ ลืม  -  อักษรฮิรางานะ แถวอักษร นะ









    วันนี้ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า เลยทวนให้ 2 รอบพอนะครับ เดี๋ยวเรามาทวนอีกรอบตอนเย็นละกัน

    ส่วนการบ้าน วันนี้ไม่ต้องให้ผมตรวจก็ได้ ถือว่าลองฝึกอ่านทวนไปในตัวนะครับ





    ของฝากจากญี่ปุ่น

    เมื่อวานเอาของติดเรทมาให้ดูละ วันนี้เอาเรื่องเศร้ามาให้อ่านมั่งดีกว่า

    ฮาจิ - สุนัขยอดกตัญณู

    เดินผ่านแถว ชิบูยะ ไม่รู้จักรูปหล่อสุนัขอันโด่งดัง ชื่อ ฮาจิโกะหรือฮาจิ ก็จะรู้สึกแปลกสักหน่อย เพราะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่นีหรือจุดนัดพบที่สำคัญซะแล้ว ยิ่งได้อ่านประวัติความเป็นมาแล้ว จะซาบซึ้งมาก มารู้จักเจ้าตัวนี้กันสักหน่อยดีกว่า

    “สิ่งที่ยังคงอยู่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้คือ ความกตัญญูต่อเจ้าของ ซึ่งเป็นตัวแทนให้ระลึกถึงความซื่อสัตย์ โดยการเฝ้าการกลับมาของเจ้านายอยู่เสมอ” น่าจะเป็นคำพูดที่กล่าวถึงเจ้าฮาจิโกะได้ดี
    ฮาจิโกะเป็นสุนัขสายพันธ์อากิตะ ซึ่งลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อ 10 พฤศจิกายน 1923 ในจังหวัดอากิตะ โดยเมื่ออายุได้เพียง 2 เดือนเจ้าฮาจิโกะถูกส่งตัวไปอยู่กรุงโตเกียวกับเจ้านายของมันคือ เอชะบุโระ อุเอะโนะ (Hidesamuroh Ueno) ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล (มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) ซึ่งศาสตราจารย์รู้สึกภาคภูมิใจกับเจ้าฮาจิโกะเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันเป็นสุนัขอากิตะสายพันธุ์แท้ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น

    ในวันที่นายต้องไปสอนหนังสือ ฮาจิโกะจะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน โดยอุเอะโนะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบุยะ จากนั้นเมื่อถึงเวลา 15.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานแล้ว เจ้าฮาจิโกะจะมากระดิกหางรอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟอยู่เสมอ แต่แล้ววันหนึ่งในวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม 1925 ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในวันนั้น ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกแล้ว เนื่องจากเขาได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

    หลังจากที่ศาสตราจารย์อุเอะโนะเสียชีวิต ภรรยาของเขาได้ย้ายบ้านไปและนำเจ้าฮาจิโกะไปให้กับญาติของศาสตราจารย์ที่อยู่ห่างออกไปจากสถานีรถไฟหลายกิโลเมตร แต่ว่าเจ้าสุนัขพันธุ์อากิตะผู้ซื่อสัตย์กลับไม่ยอมอยู่กับเจ้านายใหม่ของมัน เพราะทันทีที่มันหนีหลุดออกมาได้ มันวิ่งตรงไปที่บ้านเก่าของมันแต่เมื่อไม่เจอใคร มันจึงกลับไปรอที่สถานีรถไฟเหมือนเมื่อครั้งที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่ โดย คิคุซะบุโระ โคบายาชิ อดีตคนสวนของศาสตราจารย์ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเป็นคนคอยดูแลเจ้าฮาจิโกะแทน

    ทุกวันเมื่อถึงเวลา 15.00 น. เจ้าฮาจิโกะจะวิ่งไปรอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟไม่เคยขาด ทุกครั้งที่รถไฟเข้า มันก็จะชูคอชะเง้อมองหานายของมัน ทำแบบนั้นตรงเวลา เหมือนเดิมเช่นทุกๆ วัน ปฏิบัติแบบนั้นตลอดระยะเวลา 10 ปี บางคนก็ให้อาหารบ้าง และสงสัยว่า อาจจะเป็นเพราะหิวอาหารจึงมาทุกวัน แต่เมื่อดูพฤติกรรมอย่างถ่องแท้แล้ว มันจะมาเฉพาะช่วงตอนเย็นเท่านั้น โดยเฉพาะการชะเง้อมองรถไฟขบวน เวลา 15.00 น.เมื่อเข้าจอด ซึ่งไม่ใช่มาเพื่อหาอาหารกิน ทำให้เรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 1932 ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ นอกจากนั้น ชาวญี่ปุ่นยังได้ยกให้เจ้าฮาจิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆอีกด้วย

    ชื่อเสียงความภักดีของฮาจิได้รู้ไปถึงพระราชินีญี่ปุ่น พระองค์จึงได้ทรงให้ช่างหล่อรูปทองแดง ฮาจิโกะ สร้าง
    ขึ้นในเดือนเมษายน 1934 โดย อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดัง เพื่อยกย่อง และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ อย่างไรก็ตาม วันที่ 8 มีนาคม 1935 ฮาจิโกะก็ได้กลับไปพบกับเจ้านายของมันอีกครั้ง โดยมีคนพบว่าฮาจิโกะนอนตายยังจุดที่มันคอยมารอเจ้านายของมัน ที่ทำมาทุกวันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งข่าวการตายของฮาจิโกะนั้นถือว่าเป็นข่าวใหญ่มาก จนถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น สำหรับร่างของฮาจิโกะนั้นถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว

    แม้ว่าฮาจิโกะจะจากไปแล้วแต่เรื่องที่น่าสนใจจากฮาจิโกะยังคงไม่จบ เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้เหล็กและโลหะเป็นอย่างมาก จนถึงกับต้องเอารูปหล่อของเจ้าฮาจิโกะมาหลอมเลยทีเดียว กระนั้นความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะยังคงไม่เคยถูกลืมไปจากใจชาวญี่ปุ่น เพราะในเวลาต่อมาได้มีการจัดทำรูปหล่อของฮาจิโกะขึ้นมาอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 1947 และศิลปินผู้รับหน้าที่นี้ก็คือ อันโดะ ทะเคะชิ ลูกชายของ อันโ ดะ เทะรุ ผู้ที่ทำหน้าที่สร้างรูปหล่อฮาจิโกะเมื่อครั้งแรกนั้นเอง ซึ่งปัจจุบันจุดที่รูปหล่อฮาจิโกะตั้งอยู่นั้นได้กลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของย่านชิบูยะ





    ทั้งนี้ นอกจากรูปหล่อที่ย่านชิบูยะแล้ว ยังคงมีรูปปั้นที่เตือนให้ระลึกถึงฮาจิโกะอยู่อีกหลายแห่ง เช่น ที่หน้าสถานีรถไฟโอะดะเตะ ในจังหวัดอากิตะ บ้านเกิดของเจ้าฮาจิโกะ เป็นต้น ส่วนเรื่องของเจ้าฮาจิโกะยังคงเป็นที่เล่าขานในญี่ปุ่น ถึงขนาดมีการนำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน และอื่นๆอีกมากมาย

    เรื่องราวความอดทน ความหวัง ความซื่อสัตย์ที่มีอยู่ในตัวสุนัขตัวเล็กๆ ตัวนี้เลยกลายไปเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ และคนญี่ปุ่นทุกคนได้เรียนและรู้เรื่องของฮาจิซึ่งมีอยู่ตามสื่อต่างๆ แม้กระทั่งหนังสือเรียน ขนาดมีการนำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน และอื่นๆอีกมากมาย

    หนังสือที่ว่า เท่าที่ทราบ มี 2 เล่ม เล่มแรกคือ ฮาจิ รอตราบจนสิ้นใจ (Hachiko Waits) เขียนโดยนักเขียนอเมริกันชื่อเลสเลีย นิวแมน (แปลโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ) ส่วนเล่มถัดมาชื่อ เรื่องจริงของฮาจิ (Honto No Hachiko Monogatari) เขียนโดยชาวญี่ปุ่นชื่ออายาโนะ มาซารุ (แปลโดย ซุ้มซาโบ้) 





    ** รูปปั้นฮาจินี้มีตำนานด้วย เขาว่าใครจะมาสารภาพรัก ให้มาสารภาพรักที่นี่ ความรักจะบังเกิดผล
     

    สำหรับคนที่ไม่ชอบหมา อ่านแล้วก็คงบอกว่า เฮ้ย โม้เปล่าวะ หรือ ไอ้หมาตัวนี้โคตรเว่อร์เลย แต่แล้วแต่คุณจะคิดนะ


    ที่มา -  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=moddang2&month=01-2008&date=23&group=9&gblog=5

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×