รักคือสภาวะที่คนเรา โง่เขลาด้วยกันทั้งคู่
love is being stupid together
พอล วาเลอรี่ (Paul Valery) ค.ศ.1871-1945
------------------------------------------------------------------------------
เป็นวลีที่เปรียบเปรยความรักไว้อย่างขบขันและลึ้กซึ้งในเวลเดียวกัน
วาเลอรี่ ได้ขยายความต่อในบทกวีของเธอว่า
คนที่มีรักนั้นจะว่าโง่ก็โง่ เพราะพวกเขาต่างต้องเจอกับปัญหา ความสับสน
และเหนื่อยล้า เมื่อความรักดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง ก็ยังอุตสาห์ยินยอมเผชิญกับเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ
ซึ่่งเป็นความจริง เมื่อชีวิตรักหรือชีวิตคู่เมื่อดำเนินรักกันไปได้พักหนึ่ง ก็ย่อมถึงจุดเหนื่อย จุดที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการเวลาที่จะพัก เว้นวรรคเพื่อให้หายใจกันบ้าง
ซึ่งการเสียดสีว่า "คนมีรักเหมือนคนโง่" นั้นก็เพื่อเตือนสติว่า
ถ้ามันทำให้เราดูเหมือนคนโง่มากๆขึ้นก็จงพักผ่อน
บรรเทาความรัก เพราะคนเรายิ่งเหนื่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องหาทางผ่อนคลาย
ให้ความโง่เขลานั้นสลายตัวไปบ้าง
ถ้าคุณเหนื่อยจากความรัก
"จงผักผ่อนเสียที"
อย่าได้ดันทุรังทำอะไรต่อ
โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากับความรัก หากมีมากจนเรารู้สึกเหนื่อยแล้วเหลือเกิน ก็จงถอยออกมาให้เวลาเราและคนรักได้พัก ได้มีเวลาส่วนตัวกันสักน้อย มันคงเป็นทางที่ฉลาดที่สุด
หากตอนนั้นกำลังเราล้าเพราะ แล้วรักยังฝืนดันทุรัง ลงมือแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเราและคนรักอีก
มันก็รังแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น
เราอาจจะทำอะไรไปโดยใช้อารมณ์ ออกอาการหงุดหงิดโวยวายคนรัก ซึ่งจะทำให้เราต้องเสียใจในภายหลัง
ซึ่งคนที่ดันทุรังนี่แหละ ที่สังคมเสียดสีว่า "เป็นคนโง่เขลา" เหมือนว่ารู้ว่ามันเป็นทางตันก็ไม่ยอมคิดหาทางออกอื่น ดื้นด้านพุ่งไปที่ทางตันนั้นเข้าเรื่อยๆ ซึ่งทำแบบนั้นก็มีแต่มำให้เกิดความเสียหายและเจ็บช้ำ หากปล่อยให้โง่เขลาแบบนั้นมากๆ ก็มีแต่ต้องเสียหายและเจ็บปวดไปเรื่อยๆ
รักนั้นคือความสวยงาม สดใส และเป็นอมตะในตัวของมันเอง แต่ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวและความเหนื่อยล้าของมนุษย์จะสามารถทำลายความสวยงามนี้ได้ในชั่วเสี้ยววินาที
ดังนั้นเราควรรู้ทันจิตใจของเรา อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบทำลายความรัก
-------------------------------------------------
โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากับความรัก หากมีมากจนเรารู้สึกเหนื่อยแล้วเหลือเกิน ก็จงถอยออกมาให้เวลาเราและคนรักได้พัก ได้มีเวลาส่วนตัวกันสักน้อย มันคงเป็นทางที่ฉลาดที่สุด
หากตอนนั้นกำลังเราล้าเพราะ แล้วรักยังฝืนดันทุรัง ลงมือแก้ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเราและคนรักอีก
มันก็รังแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น
เราอาจจะทำอะไรไปโดยใช้อารมณ์ ออกอาการหงุดหงิดโวยวายคนรัก ซึ่งจะทำให้เราต้องเสียใจในภายหลัง
ซึ่งคนที่ดันทุรังนี่แหละ ที่สังคมเสียดสีว่า "เป็นคนโง่เขลา" เหมือนว่ารู้ว่ามันเป็นทางตันก็ไม่ยอมคิดหาทางออกอื่น ดื้นด้านพุ่งไปที่ทางตันนั้นเข้าเรื่อยๆ ซึ่งทำแบบนั้นก็มีแต่มำให้เกิดความเสียหายและเจ็บช้ำ หากปล่อยให้โง่เขลาแบบนั้นมากๆ ก็มีแต่ต้องเสียหายและเจ็บปวดไปเรื่อยๆ
รักนั้นคือความสวยงาม สดใส และเป็นอมตะในตัวของมันเอง แต่ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวและความเหนื่อยล้าของมนุษย์จะสามารถทำลายความสวยงามนี้ได้ในชั่วเสี้ยววินาที
ดังนั้นเราควรรู้ทันจิตใจของเรา อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบทำลายความรัก
-------------------------------------------------
ความคิดเห็น