คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [OS 2JAE] SICK (100%)
SICK
2JAE
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ผมเอื้อมมือออกมาจากผ้าห่มผืนหนาเพื่อคลำหาเจ้านาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่โต๊ะข้างๆเตียงนอน มันยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีในทุกๆเช้าด้วยเสียงดังแสนน่ารำคาญ แต่ที่แปลกไปจากทุกเช้าก็คือตัวผมเอง เปลือกตามันรู้สึกหนักอึ้งอาการปวดหัวเข้าเล่นงานอย่างหนักและรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก
ฮัชชิ้ว !!! ฮะ ฮะ ฮัชชิ้ว !!!
ผมคิดว่าผมคงโดนหวัดเล่นงานเข้าให้แล้ว……
น้ำมูกไหลออกจากจมูกหลังจากที่จามไปอย่างแรง อาการปวดหัวยังคงเล่นงานอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามรวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อฉุดตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน แค่ลุกขึ้นมานั่งก็ยากมากแล้ววันนี้ผมคงไปทำงานไม่ไหวแล้วแน่นอน
ฮัชชชิ้วว ! ! ! !
“สวัสดีครับ คุณคิม ผมอิมแจบอมนะคะ”แค่เสียงพูดขึ้นจมูก หัวหน้าปลายสายก็พอจะเดาได้บ้างถึงสาเหตุที่ลูกน้องโทรมาแต่เช้าแบบนี้
“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย เลยจะขอลาป่วยวันนึงครับ”
‘พักผ่อนเยอะๆแล้วกัน หายแล้วค่อยกลับมาทำงาน’
“ขอบคุณมากครับ”หลังจากวางสายผมทิ้งตัวลงที่นอนทันทีผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เช้าวันนี้ไม่มีแสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาเหมือนทุกเช้า สองหูได้ยินแต่เสียงฝนที่กำลังตกหนักและฟ้าร้องเสียงดัง พายุเข้ามาตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย ทำให้การจราจรในช่วงเย็นกรุงโซลติดขัดเพิ่มขึ้นสิบเท่า ถึงการจราจรติดขัดก็ยังไม่ได้กระทบกับมนุษย์เงินเดือนต๊อกต๋อยอย่างผมที่ยังคงต้องโหนรถไฟใต้ดินไปทำงาน ระยะทางจากออฟฟิตมาสถานีไม่ไกลมากแต่ก็ไม่ถือว่าใกล้เช่นกัน ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆพายุจะเข้าฝนตกยังกับฟ้ารั่วขนาดนี้เพราะตอนเช้าแดดยังจ้าอยู่แท้ๆ กว่าจะวิ่งมาถึงสถานีก็เปียกไปหมดทั้งตัว ทำให้รู้สึกว่าแอร์ในรถไฟวันนี้มันเย็นกว่าทุกวันถึงแม้ผู้คนมากมายจะเบียดเสียดกันในขบวนรถไฟอยู่ก็ตาม ผมนอนฟังเสียงฝนจนหลับไปอีกครั้ง
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่เช่นเดิม ผมไม่รู้ตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้วรู้แค่ที่ต้องตื่นขึ้นมาเพราะทนเจ้าพยาธิในท้องมันเรียกร้องหาอาหารไม่ไหว ในหัวยังคงหนักอึ้งพอๆกับเปลือกตาได้แต่บอกตัวเองในใจว่าจะมานอนอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว อิมแจบอม นายต้องลุกขึ้นมาล้างหน้ากินข้าวและหายากินซะ ผมฝืนตัวลุกขึ้นอีกครั้ง
“อ๊า ทำไมปวดหัวจังวะ ฮะ ฮะ ฮัชเชร้ยยยย !!”จามแต่ละทีปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเหมือนสมองจะระเบิด ก่อนที่ผมจะลุกออกจากที่นอนผมเหลือบเห็นเจ้าแสงไฟจากจอโทรศัพท์สว่างขึ้นพอดี ผมหยิบมันขึ้นมา
“ว่าแล้วทำไมหิวขนาดนี้ จะบ่ายแล้ว”
โปรแกรมแชทเตือนขึ้นข้อความเข้าขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้ผมยิ้มออกเมื่อเห็นว่าใครคือเจ้าของข้อความที่ส่งมา
[YJ] วันนี้ฝนตกพกร่มไปทำงานด้วยเข้าใจ? ----- 07.09
[YJ] อากาศดีขี้เกียจไปเรียนจังเลย อยากนอน ----- 07.10
[YJ] นอนกอดหมอนอุ่นๆ ----- 07.10
[YJ] ทำไมไม่อ่าน ตื่นยังเนี่ย? อย่ามาเรียกร้องความสนใจไม่สนนะเว้ย ----- 08.23
[YJ] ยุ่ง? ----- 09.56
[YJ] ไอ้พี่แจบอม ตอบด้วยเดะ!! ----- 10.34
[YJ] ทำไมเงียบ? -----10.40
[YJ] เป็นไรป่าวเนี่ย? -----10.40
[YJ] ถ้าไม่ติดว่าสอบตอนบ่ายนะจะไปถล่มถึงที่ทำงานเลยนะอิมแจบอม -----11.41
[YJ] ให้เวลาชั่วโมงถ้ายังไม่อ่านไม่ตอบ จะกระหน่ำโทรให้โทรศัพท์พังเลยนะ พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ ------12.48
“ไม่เรียนหรือไง เจ้าเด็กนี่พิมพ์มารัวซะขนาดนี้”ถึงจะบ่นออกไปแบบนั้นแต่ก็ยิ้มออกมาได้ ร่างกายกับมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันทีถึงจะเป็นข้อความที่ดูเอาใจแต่ก็เพราะความเป็นห่วงใช่มั้ยหละ…..ชเวยองแจ
[JB] อ่านแล้ว ๆๆ ๆๆๆ ------ 13.13
[JB] ไม่ค่อยสบายหนะเลยเพิ่งตื่น------13.14
[JB] ตั้งใจสอบไปเลยชเวยองแจ สู้ๆ ------13.14
[JB] เดี๋ยวพาไปกินไอติม ------13.14
ฮัชชเชร้ยยยยยยยยยย !!ฮะ ฮัชชเชร้ยย !!
อยากให้ยองแจมาอยู่ด้วยกันตอนนี้จังเลยนะ ผมกลายเป็นพวกทำตัวอ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คงเพราะไม่สบายแถมบรรยากาศฟ้ามืดฝนตกแบบนี้มันชวนเหงาชะมัด ถ้ามียองแจมาดูแลตอนนี้ก็คงจะดี น่าจะเป็นก่อกวนมากกว่าดูแลสินะ แต่อย่างน้อยก็จะได้ไม่เหงาแบบนี้
โครกกกก กก
เสียงร้องประท้วงทำลายความเหงาในจิตใจจิตใต้สำนึกบอกว่าต้องรีบหาอะไรยัดใส่กระเพาะแล้วหละ
หลังจากได้อาบน้ำล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าครัว ช่างโชคร้ายถึงร้ายที่สุดไม่มีของสดเหลืออยู่ในตู้เย็นเลยสักนิด ปกติผมไม่ใช่ คนชอบทำอาหารมากเท่าไหร่ ส่วนมากจะโทรสั่งมากินหรือกินมาจากข้างนอกแล้วก็เป็นผู้ชายอยู่คนเดียวแบบนี้มันก็ไม่แปลกแต่จริงๆแล้วผมทำอาหารอร่อยนะ บางครั้งเจ้าแฟนเด็กตัวแสบก็อ้อนให้ทำอาหารให้กินอยู่บ่อยๆช่วงวันหยุดไม่ได้ไปไหนยองแจมักจะมาคลุกอ่านหนังสือดูหนังเล่นเกมอยู่ที่ห้องผมเสมอ โดยเหตุผลคือยองแจไม่ชอบความวุ่นวายไม่ชอบออกไปข้างที่คนเยอะ เราเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่นี่มากกว่า ผมกับยองแจเราอายุห่างกันสามปี เราคบกับตอนผมอยู่มหาลัยปีสี่และยองแจอยู่ปีสองจากนั้นผมก็เรียนจบออกมาหางานทำก่อนถึงจะมีทะเลาะนิสัยค่อนข้างเด็กแต่เค้าก็มีเหตุผลของเค้าเสมอบางทีผมก็ถึงกับเถียงไม่ออกเลยทีเดียว แต่ถ้าผมมีเหตุผลที่ดีพอเค้าก็ยินดีและยอมฟังผมเช่นกัน แต่ส่วนมากจะต้องเป็นผมนี่แหละที่ยอมฟังเจ้าเด็กนั้น อยู่กันมาแบบนี้จนตอนนี้ยองแจอยู่ปีสี่แล้ว
แล้วท้ายที่สุดผมก็ประทั้งชีวิตด้วยรามยอนซองสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตู้ ในซดอะไรร้อนๆตอนนี้มันค่อยโล่งคอขึ้นมาหน่อยจากนั้นก็ตามด้วยยาแก้ปวดลดไข้ธรรมดาไปก่อน รอฝนหยุดตกค่อยออกซื้อยาแก้หวัดเมื่อจัดการชีวิตตัวเองเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจะให้นอนก็พึ่งตื่นคงต้องรอสักพักว่ายาที่กินไปจะออกฤทธิ์ โทรทัศน์ก็ไม่มีอะไรดู มีแต่รายการน่าเบื่อทั้งนั้น หรือเป็นที่ความเบื่อของผมเองก็ไม่แน่ใจ
ผมลุกขึ้นจากโซฟาหน้าโทรทัศน์ สองเท้าก้าวเดินไปที่หน้าต่างกระจกใส ผมยืนมองเม็ดฝนเริ่มซ่าลงกว่าเมื่อเช้า ท้องฟ้าเริ่มมีแสงแดดสาดส่องขึ้นมาบ้าง เวลาที่ฝนตกผมมักจะนึกถึงยองแจคนแรกเสมอ
ยองแจเด็กนั้นชอบฝน………..
ไหนบอกจะโทรมาไงทำไมยังเงียบ อยากจะโทรไปก็เห็นว่าสอบกลัวจะไปรบกวน
อยากได้ยินเสียงยองแจ…………….
หนาวจังเลย…………ถ้าได้นอนกอดเด็กอ้วนใต้ผ้าห่มอุ่นๆคงจะดี
ผมละสายตาออกจากฟ้าฝนด้านนอก เดินตรงไปที่เตียงนอนทันทีหวังจะซุกตัวใต้ผ้าห่มอย่างน้อยมันก็ช่วยให้อุ่นกายได้บ้าง ผมนอนลืมตามองเพดานสีขาว ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวมั้ย โชคดีที่ไม่มีงานด่วนที่ต้องส่งลูกค้าภายในสองสามวันนี้ แต่งานเก่าที่ทำค้างไว้ก็ยังไม่เสร็จงานใหม่ที่จะเข้าสัปดาห์หน้าอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ไม่รู้จะมาป่วยอะไรกันตอนนี้นะ ต้องหาเวลาไปออกกำลังกายซะหน่อยละ อิมแจบอม
คิดอะไรไปเรื่อย……….. จนในที่สุดเปลือกตาก็ปิดลง
“อืมม อือออออ”ทำไมอยู่ดีๆก็รู้สึกหนาวๆเย็นๆวาบที่แขนที่ตัวแปลกๆ นี่ผมฝันอะไรอยู่ ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงไปมาหนีความเย็นนั้น
“หนาวว ววว”ร่างกายรับรู้ถึงความเย็นเข้ามาปะทะตรงๆ สองตายังคงไม่ลืมขึ้น สองมือปัดป่ายไปทั่วหาผ้าห่มซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนแล้ว ควานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“อยู่นิ่งๆสิ ขยับไปมาแบบนี้มันเช็ดตัวให้ไม่ได้เห็นมั้ย”
เสียงใคร …………เสียงยองแจ
ผมตาลืมขึ้นทันทีหลังจากตั้งสติได้ว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่คือใคร
“ยองแจ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมดีใจที่ยองแจมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้จนหุบยิ้มไว้ไม่อยู่
“ก็ตอนที่พี่แจบอมหลับอยู่นั้นแหละ”เจ้าตัวยังคงตั้งใจเช็ดตัวให้ผมต่อ แต่เสียงที่ยองแจพูดกับผมมันดูนิ่งผิดปกติ
“เสร็จแล้ว ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาซะ ซื้อมาให้แล้วอยู่บนโต๊ะหนะ”ยองแจเอาผ้าห่มกลับขึ้นมาห่มให้ผมตามเดิม ผมละสายตาออกไปนอกหน้าต่างเห็นฝนยังคงตกอยู่เบาๆ
“ฝนตก ยะ ฮะฮัชชิ้วววว ยองแจมาทำไม”ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าอีกคนจะโดนฝนละต้องมาป่วยแบบผมอีกคน แต่สิ่งที่ได้คือเจ้าตัวเพียงหันมามองผมด้วยหางตาเท่านั้นก่อนจะหยิบถังน้ำที่เช็ดตัวให้ผมเมื่อครู่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมลุกขึ้นมานั่งด้วยความมึนงง นี่ผมไปทำอะไรให้เด็กนี่งอนอีกเนี่ย
ผมลุกไปดูที่โต๊ะอาหารมีถ้วยข้าวต้มร้อนๆ ถุงยาวางอยู่ใกล้ ยองแจเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายไว้ โดยที่ไม่มองหน้าผมสักนิด
“ยองแจ จะกลับแล้วหรอฝนตกอยู่นะ โกธรอะไรพี่อยู่หรือป่าว”ผมเอ่ยถามขึ้นก่อนเจ้าตัวจะหนีไปซะก่อน
“ป่าว”ยองแจยืนหน้านิ่งตาเล็กจ้องมองมาที่ผม ทำผมขนลุกขึ้นมาทันทีไม่ใช่เพราะอากาศหนาวแต่ผมรู้สึกถึงรัศมีความโกรธจากดวงตานั้น
“ป่าวแล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ มานั่งคุยกันก่อนได้มั้ย”ผมเดินไปคว้าแขนยองแจมานั่งลงที่โต๊ะกินข้าวใกล้ๆ เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนอะไร ปกติถ้ายองแจโกรธจะออกแนวโวยวายนิดๆ แต่คราวนี้ไม่โวยวายแต่กลับนิ่ง หรืองอนที่ตอบไลน์ช้า
“ฮัชเชร้ยยย”ผมรีบเมือปิดปากไว้ก่อนจาม กลัวว่าน้ำลายจะกระเด็นไปโดนคนข้างหน้าเข้า เจ้าตัวจะติดหวัดไปด้วย ยองแจยื่นผ้าเช็ดหน้าของเค้าให้ผม ผมยิ้มแล้วรับมาเช็ดปากเช็ดจมูกทันที
“ทำไมต้องปิดเครื่อง”อยู่ๆยองแจก็ถามขึ้นมา
“ฮืมมมม พี่ปิดเครื่องหรอ”ผมก็งงว่าตัวเองปิดเครื่องไปตอนไหน หลังจากตอบไลน์เจ้าตัวไปก็ไม่ได้แตะโทรศัพท์อีกเลย หรือว่า แบตหมด
“……………..”
“คงแบตหมดหนะ พี่ไม่ได้ดูเลย”
“ทำไมไม่ดู โทรหาจะร้อยครั้งละ ติดต่อไม่ได้ตลอดเลย เห็นไลน์มาว่าป่วยคิดมั้ยว่าคนอื่นเค้าจะเป็นห่วงแค่ไหน”ผมมองหน้าคนโมโหคิ้วขมวดชนกันแล้วก็ต้องเผลอยิ้มออกมา ทำไมเด็กคนนี้มันน่ารักแบบนี้นะที่แท้ก็โกธรเรื่องนี้นี่เอง งานนี้ผมผิดเต็มๆโทษฐานทำแฟนเป็นห่วง
“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ยองแจเป็นห่วงนะ แต่พี่ก็ดีใจมากๆเลยนะที่ยองแจมาอยู่ตรงนี้ด้วยกันตอนนี้ อยากเจอใจจะขาด อย่างอนเลยนะพี่ป่วยอยู่นะ”ผมเอื้อมมือไปลูบแยกคิ้วเรียวที่มันขมวดเกือบจะชนกันให้กลับมาอยู่สภาพปกติ พร้อมส่งสายตาสำนึกผิดและออดอ้อนสำออยอย่างเต็มที่
ใจจริงอยากจะดึงเข้ามากอดไว้ แต่ก็กลัวจะติดหวัดจากผมเข้า
“เมื่อกี้ยังถามอยู่เลยว่ามาทำไม ชิ ป่วยก็กินข้าวกินยาไปสิ ใครใช้ให้ง้อหละ จะกลับแล้ว”ผมรีบกดไหล่ยองแจไว้ก่อนเจ้าตัวจะลุกหนีไป
“ป้อนก่อนสิ ไม่มีแรงยกช้อนเลย”
“หืมมมมม อย่ามาสำออย”
“ไม่ได้สำออยนะ ปวดหัวมากจนไม่อยากจะขยับตัวเลย ขยับนิดเดียวก็เวียนหัวแล้วเนี่ย”
“จะให้เคี้ยวแล้วป้อนให้เลยมั้ยหละ”
“ก็ดีนะแต่ยองแจต้องป้อนด้วยปากนะ โอเคมั้ย”คนฟังถึงกลับหูแดงหน้าแดงขึ้นมา
“ไอ้พี่แจบอมบ้า ป่วยละยังจะมาเจ้าเล่ห์อีก ไม่ต้องกินเลยถ้าจะยากขนาดนั้น ทิ้งให้หมดเลย”ยองแจหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาเพราะวามเขิน สองมือเล็กวุ่ยวายอยู่กับถ้วยข้าวตรงหน้าทำเหมือนจะหยิบมันไปทิ้งจริงๆ
“เดี๋ยวสิ ยองแจฟังพี่ก่อนนะ”ผมคว้ามือเล็กมือกุมไว้
“มีอะไรอีก”ถึงจะพูดเสียงแข็งแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนหรือดึงมือตัวเองกลับไป
“พี่ขอโทษจริงๆจะที่ทำให้ยองแจเป็นห่วง รู้มั้ยว่าเวลาไม่สบายแล้วมีคนที่รักมาดูแลแบบนี้มันรู้สึกดีมากเลยนะ ที่ถามว่ามาทำไมไม่ใช่ไม่อยากให้มารู้มั้ย กลัวว่าเราจะตากฝนแล้วไม่สบายไปอีกคนต่างหากหละ เข้าใจใช่มั้ย”ผมใช้อีกมือนึงลูบผมของคนรักอย่างเอ็นดูพร้อมรอยยิ้ม
“………”ผมสังเกตุว่ายองแจก็เหมือนจะยิ้มแต่พยายามกลั้นไว้ เด็กดื้อคงกลัวเสียงฟอร์มหละมั้งถ้าจะหายโกรธกันง่ายๆ
“หายงอนได้แล้วนะ แล้วก็ป้อนข้าวคนป่วยได้แล้ว จะป้อนด้วยปากก็ได้นะถ้าติดหวัดเดี๋ยวพี่จะลางานมาดูแลยองแจเอง”
“ใครเค้าจะป้อนแบบนั้นกันเล่า ไอ้พี่แจบอมบ้า ปล่อยมือสิจะตักข้าวได้ไงหละถ้าจับอยู่แบบนี้”ไม่รู้จะต้องตะโกนบอกใครดีเพราะเคยบอกเจ้าตัวไปร้อยรอบเห็นจะได้ ว่าเวลายองแจเขินแบบนี้มันน่ารักมากที่สุดเลยผมได้แต่ยิ้มกว้างแล้วปล่อยมือยองแจให้เป็นอิสระ ก่อนที่เจ้าตัวจะตักข้าวในจานมาป้อนคนป่วยอย่างผมทีละคำ
“อะ!!ร้อนอะ”โดนเด็กแสบแกล้งเข้าให้จนได้ ผมต้องอ้าปากค้างไว้ให้อาหารที่ถูกส่งเข้าไปเมื่อครู่เย็นขึ้น รู้สึกถึงอาการลิ้นด้านชาขึ้นมามากกว่าเดิม จากเดิมที่เป็นหวัดก็ไม่ค่อยจะรู้รสชาติเท่าไหร่อยู่แล้ว
“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า คนเจ้าเล่ห์ต้องโดนแบบนี้นะรู้มั้ยๆๆๆ”แฟนเด็กตัวแสบหัวเราะพอใจที่แกล้งผมได้
“ใจร้ายว่ะ นี่ป่วยอยู่นะ”
“แบร่ :P”
หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จ เรานั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่ใหญ่ ยองแจรีบเล่าว่าตัวเองเป็นห่วงผมมากแค่ไหนพอเห็นว่าป่วยโทรหาผมก็ไม่ติด เด็กดื้อของผมแทบไม่มีสมาธิสอบกันเลยทีเดียว สอบเสร็จก็รีบกระโดดขึ้นแท็คซี่มาหาผมทันที พอมาเห็นว่าไม่สบายอยู่ก็ออกไปซื้อยาซื้ออาหารมาไว้ให้กิน ยิ่งฟังผมยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนเป็นห่วงขนาดนี้ โดยสัญญาว่าจะไม่ทำให้เป็นห่วงอีก วันหยุดคราวน่าจะพาไปเที่ยวหาอะไรกินอร่อยที่ต่างจังหวัดด้วยกัน ยองแจดีใจเหมือนเด็กๆ ทุกครั้งเวลาผมบอกจะพาไปเที่ยว น่ารัก ทำไมหลงขนาดนี้นะอิมแจบอม ยองแจนี่มันดีกว่ายาแก้หวัดซะอีก
ตอนนี้ยาแก้หวัดของผมคงจะออกฤทธิ์ มันเริ่มทำให้ผมรู้สึกง่วง ฮ้า ววววววว วว
“กลับดีกว่า พี่แจบอมนอนพัก”ผมเหลือบมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ฝาผนังสี่ทุ่มแล้วหรอเนี่ย
“พรุ่งนี้มีเรียนมั้ย”ยองแจส่ายหน้าปฏิเสธ
“นอนนี่เถอะนะ มันดึกแล้วพี่เป็นห่วง”
“ไม่ดีกว่าจะให้นอนไหนอะ ไม่นอนโซฟาหรอกนะ ปวดหลัง”
“เคยนอนตรงไหนก็นอนที่เดิมนั้นแหละ นอนด้วยกันเหมือนเดิมนั้นหละ”
“เมื่อกี้ใครกลัวว่าเราจะติดหวัดนะ”
“ก็นอนเฉยๆ สัญญาไม่นอนกอดนะ นะ นะ”
“นี่กลัวเราอันตรายหรือ หรือตัวเองอยากให้นอนแต่แรกเนี่ยไอ้พี่แจบอมเจ้าเล่ห์”โดนรู้ทันอีกจนได้ ผมได้แต่ยิ้มตาปิดให้คนตรงหน้า
“ก็ทั้งคู่แหละ ไปอาบน้ำไปพี่เข้าไปนอนก่อนละ ง่วง ตามไปนอนทีหลังอะห้ามแอบกอดเค้าหละ”
ยองแจคงกำลังนึกหมั่นไส้ผมในใจอย่างมาก ดูจากหน้าแล้วเหมือนอยากจะทำร้ายร่างกายผมประมาณนึง ถ้าไม่ติดว่าป่วยอาจโดนทุบไปละ ผมลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องนอน พร้อมหมอนเล็กลอยตามหลังมา ฝีมือยองแจนั้นเอง
“ลุงเอ๊ย !!”
ภายในห้องนอน
ยองแจอาบน้ำเสร็จแล้วตามมานอนที่เตียง ผมยังคงหลับไม่สนิท เจ้าตัวค่อยๆสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มเบาๆเพราะกลัวผมจะตื่น มือเล็กจับมาที่หน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ไข้ลดลงแล้ว ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อตอนเย็นแล้ว”ยองแจพูดพึมพำคนเดียวเบาๆก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ฝันดีนะ ที่รัก”ผมพูดด้วยที่ตาไม่ได้ลืมขึ้น เดาว่าคนข้างๆต้องเขินอยู่มากแน่ๆ
“แหวะที่รักอะไรกัน พี่แจบอมฝันดีเหมือนกันนะ อืมมมมม นอนกอดได้มั้ย”ทั้งผมและยองแจขยับพลิกตัวนอนตะแคงหันเข้าหากัน ใจตรงกัน ผมสบตากับตาเล็กของคนตรงหน้า
“อยากกอดใจจะขาด แต่เดี๋ยวยองแจติดหวัดนะ”ผมใช้มือดึงจมูกรั้นยองแจเบาๆอย่างเอ็นดู
“ก็ได้”
“งั้นเอาแบบนี้ได้มั้ย”ผมเอื้อมมือหยิบหมอนข้างข้างหลังตัวเองมากั้นระหว่างผมกับยองแจไว้
“ทำอะไรอะ พี่แจบอม”
“ยองแจก็กอดหมอนข้างไว้สิ แล้วพี่ก็กอดหมอนข้างอีกทีไง”
“เหมือนจะดีนะ แต่พี่คิดจริงๆหรอว่าแบบนี้มันจะช่วยไม่ให้ผมไม่ติดหวัดจากพี่”
“ก็ไม่ได้หายใจรดกันใกล้ๆตรงๆสักหน่อยอย่างน้อยก็มีหมอนกั้นนะ”
“คิดว่าเค้าอยากนอนกอดตัวเองขนาดนั้นเลยหรอไงนะ ลุงคนนี้”ว่าไม่ทันขาดคำยองแจก็กอดหมอนข้างมาอย่างที่ผมบอก ผมกอดตามไปที่หมอนใบเดียวกัน หมอนกั้นไว้แค่หน้าของเราสองคน แต่ร่างกายก็เหมือนได้นอนกอดกันเหมือนเดิม
“ยังรู้สึกป่วยหนักอยู่เลยพรุ่งนี้คงต้องลางานอีกวันแล้ว อยู่ให้พยาบาลยองแจดูแลที่บ้านดีกว่า”เมื่อตอนกลางวันอิมแจบอมยังกลัวทำงานไม่ทันอยู่เลย แต่เจอคนดูแบบนี้ก็อยากจะป่วยไปซะนานๆเลย
“อย่ามาละเมอ นอนพักผ่อนไปเลย”
“รักนะยองแจ”ชเวยองแจเด็กแสบปากร้ายเอาแต่ใจ แต่ก็ทำให้อิมแจบอมมีความสุขที่สุด
“รักเหมือนกันแหละ ไม่รู้หรอ”
++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะพี่น้องผองเพื่อนทุกท่าน
วันนี้เอาทูแจมาฝาก อิอิ
ฟิคเรื่องนี้เราคิดพล็อตตอนวันที่ฝนตกนั่งขี้เกียจอยู่ที่ทำงาน
กะว่ากลับบ้านมาจะมาแต่ง จากนั้นที่บ้านเราก็ไม่มีฝนตกเลย อารมณ์ไม่มาสุดๆ
ตอนแรกอยากแต่งฟิคเหงาๆ แต่พอแต่งละมันออกมาไม่เหงาดั่งใจนึก
เวลาเขียนออกมากับนึกในหัวนี่ต่างกันมากเลยออกมาเป็นแบบนี้ซะ
ขอบคุณทุกคนเช่นเคยที่เข้ามาอ่านฟิคเรานะคะ
เด็กกัซจะคัมแบ็คกับลุคใหม่เท่ห์มากๆ ตื่นเต้นเนาะ
27/09/15
แก้คำผิด ถ้ายังมีคำไหนผิดอยู่บอกได้เลยนะคะ
เราพิมพ์ผิดบ่อยมากเลย จะพยายามแก้ไขนะคะ
27/09/2015
ความคิดเห็น