มาตรา 218 Vs. มาตรา 219
การชำระหนี้หลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ ลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้น(มาตรา 218)
มาตรา 218 “ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบไซร้ ท่านว่าลูกหนี้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้เพื่อค่าเสียหายอย่างใดๆ อันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้น
ในกรณีที่การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน ถ้าหากว่าส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้นจะเป็นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าจะไม่ยอมรับชำระหนี้ส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำได้นั้นแล้ว และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้”
คำว่า “ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ” ตามบทบัญญัติดังกล่าวก็คือ ลูกหนี้เป็นฝ่ายผิดที่ว่าผิดอาจเนื่องมาจากลูกหนี้หระทำโดยจงใจ ประมาทเลินเล่อ รวมทั้งประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดระดับของความระมัดระวังไว้ ถ้าไม่ใช่ความระมัดระวังถึงระดับนั้นลูกหนี้ก็เป็นผู้ผิด[1]
[1]อาจารย์ไพโรจน์ วายุภาพ, รวมคำบรรยาย วิชา กฎหมายหนี้ (ม.ป.ท. : สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, 2545 ) หน้า 355.

หน้าที่รับผิดชอบทรัพย์นั้น ทำให้ไม่สามารถนำทรัพย์นั้นไปชำระหนี้ได้ ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้
ตามมาตรา218 วรรคท้าย หากทรัพย์ที่ระบุไว้ข้างต้น ยังสามารถที่จะนำไปชำระหนี้ได้บางส่วน หรือไม่ครบจำนวนทั้งหมดตามที่เจ้าหนี้ต้องการ เจ้าหนี้สามารถไม่ยอมรับทรัพย์ส่วนที่เหลืออยู่จากลูกหนี้ไม่ได้เพราะว่าส่วนที่เหลือจะยังคงมีสภาพสมบูรณ์และเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้และเจ้าหนี้สามารถเรียกให้ลูกหนี้จ่ายค่าสินไหมทดแทนราคาทรัพย์ที่ต้องนำมาชำระหนี้ได้เพียงส่วนที่พ้นวิสัยไปแล้วเท่านั้น
ดังนั้น ตามมาตรา 218 วรรคสอง การชำระหนี้บางส่วนหลายเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบหรืออันโทษลูกหนี้ได้ ถ้าการชำระหนี้บางส่วนที่ยังอยู่ในวิสัยเป็นอันไร้ประโยชน์ เจ้าหนี้คงไม่รับชำระหนี้หรือใช้สิทธิเลิกสัญญาที่ยังเหลือบางส่วนนั้นไป แต่ถ้าการชำระหนี้ที่เหลือบางส่วนยังเป็นประโยชน์ เจ้าหนี้ต้องไม่เลิกสัญญาเพราะตอนทำสัญญาคู่สัญญาต้องการผูกพันให้เกิดการชำระหนี้ตามสัญญา[2]
คำพิพากษาฎีกาที่ 2625/2551 โจทก์จัดให้มีบริการเช่าใช้เครื่องวิทยุคมนาคมและอุปกรณ์โดยผู้เช่าจะต้องเสียเงินค่าเช่าเครื่องวิทยุคมนาคมและเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (6) และค่าตอบแทนที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยมีลักษณะทำนองเดียวกับค่าเช่า เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าตอบแทนเกินกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่โจทก์สามารถทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ได้ จึงขาดอายุความ และเมื่อสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทนอันเป็นหนี้ประธานขาดอายุความ ค่าตอบแทนในการใช้ความถี่วิทยุเพิ่มซึ่งเป็นเบี้ยปรับและเป็นหนี้อุปกรณ์ย่อมขาดอายุความด้วยตามมาตรา 193/26
[2]รองศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์, กฎหมายหนี้ หลักทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่3 แก้ไขเพิ่มเติม(ม.ป.ท. : เดือนตุลา, 2556), หน้า 92

ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชอบ จึงจะมีสิทธิเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคือชดใช้ราคาพร้อมด้วยดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่เป็นราคาเครื่องอุปกรณ์โดยนับตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการกะประมาณราคาตาม ป.พ.พ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง และมาตรา 225 ดังนั้นเวลาที่จะกะประมาณราคาเครื่องอุปกรณ์จึงมิใช่เวลาที่จำเลยผิดนัดไม่ส่งมอบเครื่องอุปกรณ์คืนโจทก์ตามกำหนด แต่หมายถึงเวลาที่การชำระหนี้คือการส่งมอบเครื่องอุปกรณ์คืนโจทก์กลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นพ้นวิสัยตั้งแต่เมื่อใด จำเลยจึงต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยในราคาทรัพย์ดังกล่าวนับแต่วันฟ้องอันเป็นเวลาที่โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามมาตรา 213
คำพิพากษาฎีกาที่7030/2549 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเพราะไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์ได้ และโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกเงินมัดจำที่ให้ไว้คืนและหากโจทก์ได้รับความเสียหายก็มีสิทธิเรียกค่าปรับหรือค่าเสียหายจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 หลังโจทก์และจำเลยทั้งหกทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกันแล้ว กรุงเทพมหานครได้เข้าทำถนนในที่ดินดังกล่าวก่อนวันนัดโอนกรรมสิทธิ์โดยอ้างว่าเจ้าของที่ดินเดิมยกที่ดินบางส่วนให้เป็นที่สาธารณะ แต่ในสารบัญจดทะเบียนที่ดินไม่ปรากฏว่าเจ้าของเดิมได้จดแจ้งลงในสารบัญจดทะเบียนแต่อย่างใด จำเลยทั้งหกจึงน่าจะไม่ทราบเรื่องที่เจ้าของเดิมยกที่ดินบางส่วนให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่จำเลยไม่สามารถโอนที่ดินให้โจทก์ได้ครบถ้วนตามสัญญาจึงเป็นเรื่องพ้นวิสัยเนื่องจากเหตุซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าปรับหรือค่าเสียหายจากจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
มาตรา 219 “ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบนั้นไซร้ ท่านว่าลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้น
ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้วนั้น ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็นพฤติการณ์ที่ทำให้การชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยฉะนั้น”
ตามมาตรา219วรรค ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้และไม่ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้ ต้องเข้าพฤติการณ์ดังต่อไปนี้
- ลูกหนี้ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติการชำระหนี้ตามระดับมาตรฐานที่กฎหมายได้กำหนดไว้แล้ว หรือ[3]
- ลูกหนี้ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อให้มีการปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว หรือ[4]
- กรณีเกิดภัยธรรมชาติหรือเกิดจากบุคคลภายนอกเข้ามากระทำ อันไม่มีสาเหตุจากตัวลูกหนี้เลยหรือกรณีการปฏิบัติการชำระหนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะมีกฎหมายห้ามเด็กขาด ทำให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย แม้จะเกิดความเสียหายก็ตามลูกหนี้ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ[5]
ตามบทบัญญัติดังกล่าวเป็นกรณีที่การชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยที่เกิดจากพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ เมื่อลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ลูกหนี้ก็หลุดพ้นจากหนี้ แม้เจ้าหนี้จะได้รับความเสียหาย เจ้าหนี้ก็ต้องรับไว้แต่ผู้เดียวจะเรียกร้องเอาจากลูกหนี้ไม่ได้ แม้เป็นหนี้ที่เกิดจากสัญญาและมิได้มีการบอกเลิกสัญญาก็ไม่อาจบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายโดยอ้างสิทธิตามนั้นได้[6]
ตามมาตรา219 วรรคสอง เป็นกรณีที่ลูกหนี้ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถเฉพาะตัวในการชำระหนี้ ซึงไม่สามารถให้ผู้อื่นมาชำระหนี้แทนได้ ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถชำระหนี้ได้เช่น ลูกหนี้ตาย กลายเป็นคนพิการหรือคนไร้ความสามารถ เป็นต้น ทำให้การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย
[3] รองศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์, กฎหมายหนี้ หลักทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่3 แก้ไขเพิ่มเติม(ม.ป.ท. : เดือนตุลา, 2556), หน้า 93
[4] รองศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์, กฎหมายหนี้ หลักทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่3 แก้ไขเพิ่มเติม(ม.ป.ท. : เดือนตุลา, 2556), หน้า 93
[5] รองศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์, กฎหมายหนี้ หลักทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่3 แก้ไขเพิ่มเติม(ม.ป.ท. : เดือนตุลา, 2556), หน้า 93
[6] อาจารย์ไพโรจน์ วายุภาพ, รวมคำบรรยาย วิชา กฎหมายหนี้ (ม.ป.ท. : สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, 2545 ) หน้า 356
คำพิพากษาฎีกาที่551/2551 ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบมายังรับฟังไม่ได้ว่า หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้แจ้งให้ราษฎรในท้องที่ที่น้ำจะท่วมทราบถึงความรุนแรงของภาวะน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นโดยถูกต้องและทั่วถึงแล้ว ดังนั้นที่จำเลยที่ 1 เริ่มขนย้ายข้าวเปลือกไปเก็บรักษาที่อื่นก่อนถูกน้ำท่วมเพียง 3 วันจึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อหรือละเลยเพิกเฉยไม่ป้องกันความเสียหายก่อนที่น้ำจะท่วมโรงสี และการที่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถคืนข้าวเปลือกให้แก่โจทก์ได้ย่อมเป็นการชำระหนี้ที่กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้และลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ จำเลยที่ 1 เป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 219
คำพิพากษาฎีกาที่1768/2549 จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้โจทก์ในวันที่ 5 สิงหาคม 2540 แต่มาชำระวันที่ 8 สิงหาคม 2540 จำเลยทั้งสองย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดและต้องรับผิดในดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดแก่โจทก์ ดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดไม่ระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 320, 321 และ 326 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยระหว่างวันที่ 6 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2540
กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งระงับการดำเนินกิจการของบริษัทเงินทุนจำเลยที่ 1 และห้ามมิให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาท จำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ แต่มิใช่เรื่องการชำระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยเนื่องจากจำเลยที่ 1 กลายเป็นคนไม่สามารถจะชำระหนี้ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 219 วรรคสอง เพราะการที่จำเลยที่ 1 ถูกกระทรวงการคลังระงับการดำเนินกิจการนั้น จำเลยที่ 1 ยังสามารถที่จะฟื้นฟูกิจการและอาจดำเนินกิจการต่อไปได้ในอนาคตหากแก้ไขฐานะและการดำเนินงานสำเร็จตามแนวนโยบายของทางการ ทั้งการระงับการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 หลุดพ้นจากหนี้
จำเลยที่ 1 ไม่สามารถจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้เพราะจำเลยที่ 1 ถูกกระทรวงการคลังสั่งระงับการดำเนินกิจการอันเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 205 จำเลยที่ 1 ยังหาได้ชื่อว่าผิดนัดไม่
บรรณานุกรม
รองศาสตราจารย์ ดร.ดาราพร ถิระวัฒน์. กฎหมายหนี้ หลักทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่3 แก้ไขเพิ่มเติม. ม.ป.ท.: โรงพิมพ์เดือนตุลา, 2556.
อาจารย์ไพโรจน์ วายุภาพ. รวมคำบรรยาย วิชา กฎหมายหนี้ . ม.ป.ท. : สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, 2545
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในศาลฏีกา. ระบบสืบค้นคำพิพากษา คำสั่งคำร้องและคำวินิจฉัยศาลฎีกา[Online].แหล่งที่มา: http://www.deka2007. supremecourt.or.th/ deka/web/searchlist.jsp[24 สิงหาคม 2556].
ความคิดเห็น