คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [ตอนที่ 10] เปิดตัวกับแม่เหรอจ๊ะหนุ่มๆ
By.Changfan
So beautiful my girl is you
ผู้หญิงที่งดงามของฉันคือเธอ
Even if time goes by compared to anyone else…
ถึงเวลาจะผ่านไปแล้วไม่มีใครเทียบเธอได้เลย
I will cherish you my girl, I will give you my everything
ฉันจะหวงแหนเธอ ฉันจะให้เธอทุกอย่าง
I can’t run to anywhere you are
ฉันสามารถวิ่งไปได้ทุกที่ที่มีเธออยู่
ข้าวผัด
10
เปิดตัวกับแม่เหรอจ๊ะหนุ่มๆ
ตึก ตึก
“O_O”
แต่เหมือนนายนั่น จะไม่ได้ยินที่ฉันพูด เขายังมีหน้าเขยิบเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันอีก แล้วนั่น! นั่น! แขนนั่น...ยื่นออกมาใกล้ๆฉันทำไมง่ะ แถมยังก้มตัวลงทำท่าทางเหมือนจะอุ้มฉันขึ้นจากเตียงอีก!
ไม่นะ!!!
บอกว่าไม่ไง! ไม่ได้ยินหรือไง!!
ทำไมยังจะเข้ามาอุ้มอยู่อีกกกกก
“T[]T” จะวิ่งหนีก็ไม่ได้ ขายังเจ็บอยู่ โฮฮฮฮฮ กรีดร้องในใจอย่างแค้นเคือง
ฉึบ!!
“อ๊ะ! O_O!! นายบ้า!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!”
ฉะ... ฉันตกไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว T^T
“เอาเลยๆพี่ พาไปขึ้นรถเลย ^^” นั่นคือเสียงของผัด -_-
“เลิกดื้อได้แล้วตัวเองเดินไม่ได้ยังจะมาเล่นตัวอีก” นายนั่นกระซิบหน้านิ่ง
“ฉันไม่ได้เล่นตัวนะ และฉันไม่เคยคิดอยากจะมาอยู่ในอ้อมแขนของนายอย่างนี้เลย!! น่ารังเกียจสิ้นดี!!”
“น่ารังเกียจงั้นเหรอ?...”
วูบบบบ
O_O|||
“กรี้ดดดด” ฉันเล็ดฉันกรี้ดออกมาจากปากเบาๆ
เหมือนนายไส้เดือนจงใจจะปล่อยมือที่จับฉันไว้ให้มันหลวมๆ เพื่อที่จะให้ฉันหล่นลงไป
“ฉันน่ารังเกียจจริงๆใช่มั๊ย?...” น้ำเสียงโรคจิตเหมือนฆาตกร
วูบบบบ
O_O||||
“กรี้ดดดด” เขาจงใจปล่อยมือให้หลวมๆอีกแล้ว ฉันกำลังจะหล่นลงไป
ไม่นะ!! TOT
“ฉันถามว่าฉันน่ารังเกียจจริงๆใช่มั๊ย?!!”
ควับ!!
“ไม่แล้ว!! ไม่แล้วจ้า >.<” ทันทีที่ได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา แขนของฉันก็รีบเอือมขึ้นไปกอดคอเขาโดยอัตโนมัติทันที จากนั่นก็ทำหน้าเบ้ปากร้องไห้ไปมองทางยัยผัด เพื่อที่จะบอกว่าพี่ชายสุดที่รักของเธอนั่นสุดแสนจะนิสัยเสีย แต่ยัยผัดกลับ...
“แปะๆ J”
...ปรบมือ -_-^
“แปะๆ (ตกมือ) เป็นฉากที่ดีมาก ^___^”
ชิ ยัยเพื่อนใจร้าย!!! T^T
แถวนี้นักเรียนก็เริ่มน้อยลงแล้ว จะมีเพียงก็แค่สองสามคนที่มองมายังพวกเรา นายไส้เดือนอุ้มร่างฉันเดินหลิ่วๆออกมาที่รถ ราวกับตัวของฉันเป็นแพรผ้าไหมที่ไม่ได้หนักอะไรมากมาย ทำไมพวกผู้ชายที่อุ้มฉันถึงชอบทำเหมือนฉันตัวไม่หนักอยู่เรื่อยเลยนะ นายอาเทอร์เองก็อีกคน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาแข็งแรงมาก เอ๊ะ! หรือว่าฉันตัวเบาอย่างนั้นจริงๆนะ ...อืม สงสัยคงจะใช่ ฉันต้องน้ำหนักลดลงไปเยอะแน่ๆเลย ช่วงหลังๆนี้ไม่ได้ชั่งซะด้วยสิ
อิ อิ บางทีฉันน่าจะสร้างสถานการณ์สำออย เอ๊ย! เจ็บป่วย ให้พี่ลูเชลล์อุ้มซะแล้วสิ แผนการร้ายกาจ คึๆ >.<
คิดถึงตายิ้มที่แสนอบอุ่นนั้นจังเลย...
“เชิญเลยคร่า... ^^”
!!
สติกลับมาอยู่ ณ จุดเดิม -_-^
เป็นเสียงยัยผัดที่ช่วยนายไส้เดือนเปิดประตูรถออก เพื่อเอาฉันเข้าไปนั่งข้างใน ในระหว่างที่เขาก้มตัวลงนำตัวฉันเข้าไปในเบาะหลังรถ ...แก้มเนียนๆของนายไส้เดือนก็สัมผัสกับปลายจมูกของฉันโดยที่เขาไม่รู้ตัว จะมีก็เพียงแต่ฉันที่นั่งนิ่งเป็นเป่าสาก ซึ่งมันเหมือนกับว่าเป็นการหอมแก้มกลายๆด้วย!! >O<
O_O\\\
ตึกตัก! ตึกตัก!
แม้ว่าเขาจะพาตัวเองพ้นจากรัศมีของรถไปแล้ว แต่กลิ่นแก้มหอมๆของเขายังติดอยู่ที่ปลายจมูกฉันไม่ได้จางหายไปไหน...
นี่...ฉันเผลอไปใจเต้นกับเรื่องแค่นี้ และกับผู้ชายคนนี้ได้ไงเนี่ย!!
นายไส้เดือนเนี่ยนะ!!
ไม่ๆ ไม่มีทาง
ปึง! ปึง!
เสียงปิดประตูรถของหอมและผัดดังขึ้น ผัดนั่งข้างหน้าคู่กับพี่ชายของเธอ ส่วนหอมนั่งอยู่ข้างหลังกับฉัน คนขับก็คือนายไส้เดือน โอ๊ย! เอาอีกแล้วไง!! ฉันเผลอไปมองต้นคอขาวของนายนั่นทำไมเนี่ยยยย ไม่เอาๆ >O<
ฉันสะบัดหัวไปมา ไล่ความคิดอัปมงคลนั่นออกไป
“เธอจะไปป้ายรถเมล์เลยมั๊ยหอม เดี๋ยวจะให้พี่ชายฉันขับรถไปส่งก่อน”
“ไม่ๆ ฉันอยากไปเล่นบ้านโอ๊ต เลยไปที่บ้านโอ๊ตเลย เดี๋ยวค่อยส่งฉันตอนกลับก็ได้”
“เอาจริงนะ เธอจะไปบ้านโอ๊ตจริงๆอ่ะ! ^^”
“อือ ทำไมล่ะ”
“เปล่าๆ ไม่มีไร ฉันก็แค่ดีใจน่ะ ที่เธอก็จะไปด้วย อิ อิ >.<”
“แหม... เห็นวันนี้ฉันเป็นอย่างนี้ ฉันก็อยากจะไปบ้านเพื่อนที่อยู่แก๊งเดียวกันเหมือนกันนะ ถ้ามีโอกาส ^^” ฉันมองไปที่หอมและสังเกตอย่างเธอเงียบๆ... ดูเหมือนว่าหอมจะดีขึ้นจากตอนเมื่อกลางวันนั่นสักหน่อยแล้ว แม้ว่าอาจจะเหลือเค้าโครงความเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าดีอยู่
“แล้วขาเธอเป็นไงบ้างเจ็บมากมั๊ย” เสียงทุ้มของคนที่ฉันพยายามต่อสู้กับความคิดของตัวเองดังขึ้น
“...”
“ทำไมไม่ตอบล่ะ หลับแล้วเหรอ” นายไส้เดือนมองผ่านกระจกหลังมาที่ฉัน ซึ่งฉันก็เหลือบสายตาขึ้นไปปะทะกับดวงตาสีน้ำอ่อนของเขาพอดี
“กะ ก็...เจ็บนิดหน่อย มาโดนเองมั๊ยล่ะ” พูดเสร็จฉันก็ก้มหน้าลงไปโฟกัสที่เข่าตัวเอง
“ปากดีอย่างนี้แสดงว่าไม่เป็นไรมาก” นั่นคือคำสุดท้ายที่นายไส้เดือนพูดกับฉันบนรถ และนับจากนั่นเขาก็ไม่คุยกับฉันอีกเลยจนกระทั่งถึงหน้าบ้าน...
“นายจะอุ้มฉันอีกแล้วเหรอ!! O_O\\\” ฉันพูดขณะที่นายไส้เดือนเปิดประตูรถฝั่งของฉันออก และยืนทำหน้านิ่งรออุ้มฉัน
“...”
“ไม่! ไม่เอา!! T^T”
O_O
นั่นไง อีกแล้ว!
เป็นเหมือนอย่างตอนแรกอีกแล้ว ที่เขาก้มตัวลงมาอุ้มฉันโดยที่ไม่พูดอะไร ฉันตัวลอยไปอยู่ในอ้อมแขนเขาภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำไมการที่ใครจะซ้อนฉันขึ้นไปอุ้มเนี่ยมันทำง่ายจังเลยนะ >.<\\\
โอ๊ะ! นายไส้เดือนมีซิกแพคกับเขาด้วยเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย... แล้วหน้าอกเนี่ยนะ แข็งโป๊ะเลย ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่มือมันไปโดนนมเขาเอง อุ๊ย! นี่ฉันพูดอะไรออกมาเนี่ยยยย >.<\\\
กริ้งงงง กริ้งงงง
ผัดเป็นคนกดกริ้งหน้าบ้าน ไม่นานแม่ฉันก็เดินออกมาเปิดประตู เมื่อแม่เห็นหน้าฉันและโดนนายไส้เดือนอุ้มอยู่ก็ตกใจจนตาโต แม่เอามือกุมหน้าอกตัวเองและรีบมาเปิดประประตูให้ทันที จากนั่นก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแตกตื่น
“ข้าวต้ม น้องเป็นอะไรลูก”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะแม่ ไม่เป็นไรมากหรอก” ฉันตอบขึ้น
“ไม่เป็นไรมาก แต่ถึงกับให้พี่เขาอุ้มมากส่งเนี่ยนะ!!” แม่มองตัวฉันที่อยู่ในอ้อมแขนของนายไส้เดือน
“...”
เงียบ... มันหาคำเถียงไม่ออกจริงๆ
“สวัสดีค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนสนิทของข้าวโอ๊ต” ผัดกับหอมรีบยกมือสวัสดีแม่ฉัน
“อ้อ เป็นพวกหนูเองเหรอจ๊ะ ^_^” แม่ยิ้มให้พวกเธออย่างเป็นมิตร “ยินดีต้อนรับหนูข้าวทั้งสองคนนะจ๊ะ มาๆเข้าในบ้านกันก่อนเถอะ”
แม่ยกถาดแก้วน้ำเปล่าสามแก้วมาตั้งไว้ที่โต๊ะ และเอาให้แขกทั้งสามคน จากนั่นกิจกรรมซักไซ้ฉันก็เริ่มขึ้น
“เรื่องมันเป็นมายังไง เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะข้าว” ทุกคนเงียบตั้งตารอฟังเรื่องที่ฉันจะเล่า รวมถึงนายข้าวต้มด้วย แม้เขาจะมีสีหน้าที่นิ่งๆแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าข้างในนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองคู่นั่น...กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องที่ฉันจะเล่ามาก
“คือ...ข้าวไปส่งงาน แล้วทีนี้กระจกบานใหญ่ที่ใครก็ไม่รู้เอามาตั้งไว้ผิงกับขอบหน้าต่างมันตกลงมา แล้วเศษของมันเลยกระเด็นขึ้นมาปักขาของข้าว...”
“ว้าว! ตายจริง! ปักเลยเหรอข้าว!!” แม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ และมองไปที่ขาของฉันที่ถูกผ้าพันแผลสีขาวพันไว้
“ค่ะ”
“แล้วใครพาลูกลงมาห้องพยาบาล พวกอาจารย์เหรอข้าว...” น้ำเสียงของแม่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่มือทั้งสองข้างของแม่กุมฝ่ามือฉันไว้แน่น ...สัมผัสอุ่นๆจากแม่อย่างนี้ ฉันไม่ได้รับมันมานานแค่ไหนแล้วนะ ...มันนานมาก จนบางครั้งฉันถึงกับน้อยใจ จนคิดว่าแม่รักฉันน้อยลงไม่เหมือนตอนที่ฉันเป็นเด็ก เพราะเมื่อฉันโตขึ้นแม่เอาแต่ดุฉันและเผด็จการกับฉันซะส่วนใหญ่
...แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมันก็ดีเหมือนกัน เพราะมันก็ทำให้ฉันได้รับสัมผัสและแววตาอย่างนี้จากแม่อีกครั้ง มันทำให้ฉันไม่เข้าใจผิด... มันทำให้ฉันรู้ว่า... แม่...ยังไงก็คงรักฉันอยู่เสมอ
“แถวนั้นไม่มีอาจารย์เลยค่ะ โชคดีที่มีเพื่อนคนหนึ่งมาเห็น แล้วเขาก็ช่วยอุ้มข้าวลงมา” ฉันนึกถึงอาเทอร์ที่มองฉันด้วยความเป็นห่วงในตอนนั้น
“หนู... โชคดีมากเลยนะลูก โชคดีจริงๆที่ได้เพื่อนคนนั่นมาช่วย” แม่บีบมือฉันแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“...”
“...”
“...ข้าวรักแม่นะคะ” ฉันไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แต่อยู่ๆฉันก็พูดคำนี้ออกไประหว่างที่ฉันกับแม่มองตากันด้วยความลึกซึ้ง ฉันโผเข้ากอดแม่ที่นั่งอยู่ติดๆกัน แม่เองก็กอดฉันเช่นกัน น้ำตาของฉันเล็ดออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ฉันรีบยกฝ่ามือหลังขึ้นมาปามันออก อายจังที่ต้องมาทำอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ ลืมไปเลยว่ามีคนอื่นๆนั่งอยู่ด้วย...
“...หนูขอโทษนะคะแม่ ความจริงมันเป็นความผิดของหนูเองแหละคะ ถ้าหนูไปส่งงานตอนนั้นพร้อมกันกับโอ๊ต บางทีมันอาจจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ได้” ผัด
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกผัด จะขอโทษทำไม ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น บางทีถ้าเธอไปกับฉัน เราทั้งสองคนก็อาจโดนเหมือนกันทั้งสองคนก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นอาเทอร์คงแยกร่างพามาห้องพยาบาลพร้อมกันทั้งสองคนในเวลาเดียวกันไม่ได้แน่ๆ” ฉันพูดขึ้นและเล่นมุกเพื่อให้ผัดสบายใจ
“หนูคือข้าวผัดเหรอจ๊ะ ...ส่วนนี่ก็หนูข้าวหอมใช่มั๊ย?”
“ค่ะ หนูคือข้าวผัด ส่วนนี่คือข้าวหอม” ผัดพูดขึ้น
“ข้าวพูดถึงพวกหนูทั้งสองคนบ่อยๆตอนพวกเราทานข้าวกัน ขอบคุณพวกหนูที่มานะ และขอบคุณที่เป็นเพื่อนกับข้าวลูกแม่ อ้อ แล้วนี่ข้าวต้มเป็นพี่ชายของข้าวผัดใช่มั๊ย ตอนที่เราบอกแม่ครั้งนั้น” แม่หันไปถามนายไส้เดือน
“ครับ”
“พี่ข้าวต้ม! นี่พี่เคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วเหรอเนี่ย! ...หืม ร้ายนะเนี่ย o-O!” ผัดพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับทำหน้าท่าทางจิกกัดนายไส้เดือน จากนั่นก็ยิ้มให้กับนายนั่นอย่างมีเหล่นัย ต่างจากนายไส้เดือนที่รีบหลบตาน้องสาวแล้วก็นั่งทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ดีใจจังเลยเนอะที่วันนี้พวกลูกๆมากัน แล้วก็มีแต่คนชื่อว่าข้าวกันหมดเลย เหมือนแม่มีลูกตั้งสี่คนแน่ะ ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ” พวกเราต่างหัวเราะ
“อยู่กินข้าวเย็นกันที่นี่กับเราก่อนนะลูกอย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยววันนี้แม่จะทำอาหารให้สุดฝีมือเลย ไม่ได้ทำอย่างนี้มานานแล้ว ^^ แล้วเดี๋ยวพ่อของข้าวก็จะกลับมาแล้ว พ่อจะได้เจอพวกเราทั้งหมดด้วย”
“...จะดีเหรอคะ” หอม
“ดีสิ!”
“งั้นก็ได้ค่ะ ตกลง เราอยู่นี่กันก่อนนะพี่ข้าวต้ม” ผัดพูดขึ้นและไปสะกิดแขนนายไส้เดือนที่มัวแต่ตีหน้านิ่งอยู่นั่นแหละ คนขี้เก๊กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาแป๊บหนึ่งก็พูดขึ้น
“อืมๆ กลับช้าสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”
กริ้งงงง กริ้งงงง
ขณะที่พวกเรากำลังคุยกันเสียงกริ้งที่หน้าบ้านก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวแม่ออกไปดูเอง สงสัยจะมีของมาส่ง แม่สั่งไว้เมื่อตอนเช้าน่ะ ทำไมมาเร็วจังนะ” แล้วแม่ก็เดินออกไป ไม่นานแม่ก็เดินเข้ามาใหม่
“ข้าว ดูซิว่าใครมาหา” ทันทีที่เสียงของแม่เอ่ยจบ ผู้ชายร่างสูงสุขภาพดี รูปหน้าเรียวยาวงดงามเข้าทรงผมสีน้ำตาลเข้มสับๆหน้าม้าเฉียงๆปรกหน้าผากนิดหน่อยไม่ยาวมาก ก็เดินเข้ามา
“ไฮ!! หวัดดี ^_^”
“อาเทอร์!!”
“แฮะๆ เผอิญว่าฉันเป็นห่วงเธอนิดหน่อยน่ะ มาดูอาการถึงที่บ้านอย่างนี้... คงไม่เสียหายอะไรมากใช่มั๊ย ^_^” ดวงตาสีดำหรี่ยิ้มลงไปพร้อมกับริมฝีปากรูปกระจับ
“เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนของลูก แม่เลยให้เข้ามา”
“อ่อ ค่ะ เขาเป็นเพื่อนข้าวเอง และเป็นคนที่ช่วยข้าวไว้ด้วย”
“จริงเหรอลูก” แม่หันหน้าไปหาอาเทอร์
“มาๆ มานั่งกินน้ำกินท่ากันก่อน ขอบคุณมากนะลูกที่ช่วยข้าวไว้” แม่จูงมืออาเทอร์ไปนั่งใกล้ๆกันกับนายไส้เดือน อาเทอร์มองดูคนในบ้านฉันแป๊บหนึ่งแล้วก็ทำท่าแปลกใจเล็กน้อย จากนั่นก็เป็นปกติ
“นายมาที่นี่ได้ไง รู้บ้านของโอ๊ตด้วยเหรอ” ผัดถามอาเทอร์อย่างอยากรู้ในระหว่างที่แม่เดินเข้าไปเอาน้ำในครัว
“บ้านฉันก็อยู่แถวนี้น่ะ”
“แถวนี้?...”
ฉันไม่กล้าที่จะพูดต่อ บอกทุกคนไปว่าแถวนี้ที่เขาว่าคือบ้านหลังที่อยู่ข้างๆกัน
“อ่อ อาเทอร์นี่ข้าวผัดแล้วก็ข้าวหอม ส่วนนี่...” ฉันผายมือไปทางนายไส้เดือนแล้วก็หยุดชะงักไป “...พี่ชายของข้าวผัด”
“พวกเธอ นี่อาเทอร์นะ” ฉันแนะนำตัวอาเทอร์กลับบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จักนายนะ เห็นหน้านาย ได้ยินชื่ออยู่โรงเรียนบ่อยๆแต่ไม่เคยรู้จักหรือเคยคุยด้วยสักที” ผัด
“อืม ฉันก็เคยเห็นหน้า รู้จักชื่อพวกเธอเหมือนกันแต่ไม่เคยคุยด้วย ^^”
ก็แน่ล่ะ! ชื่อเสียงของเพื่อนฉันทั้งสองคนนั้นน่าเกรงกลัวมากในโรงเรียน แต่ไปทางชื่อเสียมากกว่าอ่ะนะ
“น้ำเย็นๆมาแล้วจ้า” แม่ของฉันยกน้ำเปล่ามาอีกแก้ว พร้อมกับขนมหวานถาดหนึ่ง
“ขอบคุณครับ คุณแม่ ^^” แม้จะเป็นครั้งแรกที่เจอกัน แต่อาเทอร์ก็กล้าเรียกชื่อแม่ฉันเต็มปากว่าเป็นคุณแม่ได้อย่างสนิทใจ
“เราเนี่ย... เวลายิ้มแล้วดูหล่อจังเลยนะ ดูสิผิวก็เข้ม กล้ามแขนก็แน่น หุ่นก็ดียังกับนักกีฬามืออาชีพ คิ้วก็หนา ตาก็คม เพอร์เฟ็กมากเลยลูก ^_^” แม่เอื้อมมือไปหยิกแขนข้างขวาของอาเทอร์เบาๆ อาเทอร์ก็ยิ้มรับอย่างเขินๆ ฉันได้แต่แปลกใจที่แม่กล้าพูดอย่างนี้กับเขาออกมาตรงๆ “แม่ไม่ยักรู้ว่าข้าวโอ๊ตมีเพื่อนหล่อๆอย่างนี้ด้วย นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนนะ ผู้ชายอย่างเราเนี่ยแหละเป็นสเป๊กแม่เลย...”
“แม่...” ฉันเอื้อมมือไปสะกดแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆกัน แรกๆก็ดีอยู่หรอก แต่หลังๆนี่เหมือนแม่จะพูดเกินไปแล้ว
“อ่อ ส่วนพี่ชายของข้าวผัด ข้าวต้มเอง...ก็ดูดีใช่ย่อยเลยนะ ตัวสูง ผิวที่ขาวราวกับหิมะ ใบหน้าก็ใส๊ใส มีดวงตาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ปากเป็นสีชมพูระเรื่อ... อ่า...ข้าวผัดพี่ชายของเธอดูดีมากเลยแหละ” นายไส้เดือนยิ้มที่มุมปากให้แม่ฉันเล็กน้อยแล้วก็กลับไปเก๊กหน้านิ่งๆเหมือนเดิม
!!
แม่ฉันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย ปกติแล้วแม่ฉันไม่ได้เป็นคนอย่างนี้นะ!!
“แล้วถ้าเป็นตอนที่แม่ยังสาว ถ้าเห็นผู้ชายสองคนนี้ในเวลาเดียวกัน แม่จะชอบใครก่อนเป็นคนแรกคะ” อยู่ๆเพื่อนของฉันก็ถามคำถามที่ทำให้ฉันสะดุ้งในใจและขนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง ยัยผัดถามอะไรแปลกๆอีกแล้ว
“อืม... ก็คงจะเป็น...”
ตื้ดดดด ตื้ดดดด
เสียงโทรศัพท์ที่ว่างอยู่ๆข้างตัวฉันสั่นและดังขึ้นในระหว่างที่แม่กำลังคุย ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูชื่อคนโทร
พี่ลูเชลล์
หา!! O).(O
เป็นสายของพี่ลูเชลล์ที่โทรมา ทำไมโทรมาได้ถูกเวลาอย่างนี้นะ หัวใจฉันเต้นตึกๆแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ภาพของเจ้าของดวงตาสีดำอมน้ำตาลปรากฏขึ้นในความคิดของฉัน
“แม่คะ ขอตัวเดี๋ยวนะคะ” ฉันขัดจังหวะของแม่ที่กำลังจะพูดให้จบประโยค และลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปที่ห้องครัว แต่...
เอ๊ะ! ฉันเดินไม่ได้นี่นา T^T
โฮฮฮฮ
ให้ตายเถอะ!!
ฉันมองไปที่หน้าทุกคนอย่างช้าๆ พลางส่งเสียงร้องไห้ในใจ อือๆ
“ใครโทรมาน่ะ” แม่
“เอ่อ... เพื่อนที่โรงเรียนเก่าน่ะคะ นานๆทีเขาจะโทรมาครั้ง ไม่เป็นไรหรอกคะ เดี๋ยวค่อยรับก็ได้ อิ อิ T^T”
ใช่แล้ว! ฉันโกหก
“รับไปเลยสิ นานๆเขาจะโทรมานะ” แม่
“เอ่อ...”
“คุยไปเถอะน่า เผื่อเขามีเรื่องสำคัญอะไร”
TOT
“งะ... งั้น...เดี๋ยวข้าวขอคุยกับเขาแป๊บหนึ่งนะคะ”
ติ้ด!
“ฮัลโหล... T^T” ฉันกดรับสายและนั่งอยู่ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา พยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคุยกับเพื่อนให้มากที่สุด แม้ข้างในใจจะอยากพูดหวานจนกระอักตายก็เถอะ
“หวัดดีครับข้าวโอ๊ต พี่โทรมากวนเราหรือเปล่า” น้ำเสียงทุ้มๆน่าหลงใหลที่ฉันหลงรักดังออกมาจากโทรศัพท์
ไม่รบกวนคะ แต่โคตรโทรมาผิดเวลาเลย T^T
“ไม่คะ... มะ ไม่หรอก! วะ ว่าแต่มีอะไรเหรอ” ฉันเกือบจะหลุดคำว่า ‘ค่ะ’ ออกไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าทุกคนมองฉันอยู่ ทำให้ฉันรีบเปลี่ยนคำลงท้ายที่กำลังจะพูดเป็นพัลวัน
“คิดถึงน่ะ อยากเห็นหน้า ว่าจะชวนออกไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อย ว่างมั๊ยครับ”
เป็นประโยคไม่กี่ประโยชน์ แต่เล่นเอาฉันไปไม่ถูกทางเลยทีเดียว >.<\\\
พี่ลูเชลล์เขาบอกว่าคิดถึง!! อยากเห็นหน้าฉัน!!!
กรี้ดดดด อยากจะกรี้ดให้บ้านแตกแล้วลุกขึ้นกระโดดลัลลาเต็มที่ ติดแต่ตรงที่ว่าเมื่อมองไปข้างๆ...
“[-_-]” หอม
“[-_-]” ผัด
“[-_-]” แม่
“[-_-]” อาเทอร์
“[-_-]” นายไส้เดือน
“ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าวันนี้ไม่ค่อยสบายน่ะ”
กรี้ดดดด ฉันพูดไม่เพราะกับพี่ลูเชลล์อีกแล้ว ปกติฉันจะต้องมีคะ มีขานะ >O<
“ข้าวโอ๊ตเป็นอะไรหรือเปล่าน้ำเสียงเราดูแปลกๆไปนะ” พี่ลูเชลล์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“ไม่ค่อยสบายน่ะ แค่นี้ก่อนนะ”
ติ้ด!!
กรี้ดดดด เพราะสายตาที่เอาแต่จ้องมองฉันของทุกคน ทำให้ฉันต้องเป็นนางมารร้ายรีบตัดสายพี่ลูเชลล์ ทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี ตอนนี้พี่ลูเชลล์จะคิดยังไงกับสิ่งที่ฉันทำนะ เขาคงไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของฉันผิดไปหรอก ใช่มั๊ย...
เมื่อกดวางสายแล้วฉันก็รีบกดปิดเครื่องเผื่อพี่ลูเชลล์โทรมาอีก ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกให้ใครรู้ จนกว่าฉันจะแน่ใจในเรื่องนี้ซะก่อนว่าพี่ลูเชลล์จะเป็นพระเอกในนิยายที่ฉันตามหาจริงๆ แม้ว่าข้างในหัวใจของฉันมันจะเชื่ออย่างนั้นไปแล้วแปดสิบห้าเปอร์เซ็นก็ตาม ที่เหลืออีกแค่สิบห้าเปอร์เซ็นคือเวลาในการพิสูจน์
06.33 PM.
เพราะแม่บอกว่าจะทำอาหารให้ทุกคนทานรวมถึงอาเทอร์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วย แม่บอกให้เขาอยู่ร่วมทานข้าวกับพวกเราก่อน และดูเหมือนเขาก็ไม่ขัดข้องอะไรออกจะดีใจด้วยซ้ำ แต่ติดที่ว่าอาหารในครัวนั่นเหลือน้อยมากคงไม่พอต่อจำนวนคนที่มากกว่าปกติของทุกวันแน่ๆ แม่เลยออกไปซื้อของพร้อมกับชวนพวกนั้นไปด้วยกัน และตอนนี้เลยมีแค่ฉันที่นั่งอยู่โซฟาสีขาวบริสุทธิ์กลางห้องคนเดียว
ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อเช็คดูความปลอดภัย เห็นเพียงเจ้าเสือดาวที่เดินนำร่างเล็กๆและขนนุ่มๆปุ่ยๆออกมาจากช่องว่างของประตูห้องครัว ปลอดภัยแล้วสินะ
ตื้ออออ
ฉันกดเปิดโทรศัพท์ที่ปิดเอาไว้เพราะกลัวว่าพี่ลูเชลล์จะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเปลี่ยนไป ไม่น่ารักเหมือนเดิม!! เมื่อเครื่องเปิดอย่างเต็มที่แล้วก็รู้ว่าพี่เขาโทรมาหาฉันอีกสองสายในระหว่างที่ฉันปิดเครื่อง โอ๊ะ! มีข้อความของพี่ลูเชลล์ส่งมาด้วย
‘ข้าวโอ๊ตเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ว่าเราดูแปลกๆไปนะ เป็นห่วงนะครับ’
>\\\<
ตึกตัก! ตักตัก!
เมื่ออ่านข้อความจบฉันก็เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์และมองไปยังเพดานห้อง พยายามควบคุมอัตราการเต้นหัวใจให้เป็นปกติ ข้อความสั้นๆของพี่ลูเชลล์ทำฉันใจสั่นมากทีเดียว รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวและเลือดสูบฉีดไปมาทั่วทั้งร่าง ราวกับมีเจ้าของดวงตาสีดำอมน้ำตาลที่มีเสน่ห์คนนั้นมานั่งอยู่ตรงหน้า
“ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด” ฉันตัดสินใจกดโทรออกไปหาพี่เขา
“ข้าวโอ๊ต...” รอเพียงไม่นาน ไม่ถึงห้าวินาทีซะด้วยซ้ำ พี่ลูเชลล์ก็กดรับสายฉัน
“พี่ลูเชลล์... ข้าว... อยากจะโทรมาขอโทษพี่ที่ก่อนหน้านี้... ข้าวพูดจาไม่ค่อยสุภาพกับพี่เท่าไหร่ ...ขอโทษนะคะ”
“...” เสียงปลายสายเงียบไป หวังว่าเขาจะไม่เข้าใจฉันผิดจริงๆ...
“โถ่...เด็กดี จะขอโทษทำไม... หายดีแล้วเหรอ เราบอกกับพี่ว่าป่วยนิ เป็นหนักมากเลยเหรอครับ พี่เป็นห่วงเรานะ” ฉันเผลอยิ้มออกมาเบาๆกับถ้อยคำของพี่ลูเชลล์ที่ออกมาจากปากของเขา ไม่ใช่แค่เพียงตัวอักษรในโทรศัพท์เหมือนเมื่อกี้
“ก็ข้าวรู้สึกไม่ดีที่พูดกับพี่ห้วนๆอย่างนั้น... ข้าวกลัวว่าพี่จะมองข้าวว่าเป็นเด็กนิสัยเสีย...” ฉันพูดอู้อี้เสียงในลำคอเหมือนเด็กๆ
“ไม่หรอก สำหรับพี่แล้วข้าวไม่ใช่เด็กที่นิสัยเสีย แต่ก็ไม่ใช่เด็กที่นิสัยดีเช่นกัน...”
“...”
“เพราะสำหรับพี่แล้ว พี่ไม่เคยมองว่าข้าวเป็นเด็กเลย... ในสายตาของพี่ข้าวคือผู้หญิงคนหนึ่ง...”
O_O
เมื่อได้ฟังประโยคเมื่อกี้จากในโทรศัพท์มันก็ทำเอาฉันลืมหายใจไปชั่วขณะ ...นี่พี่ลูเชลล์กำลังสารภาพรักกับฉันกลายๆอยู่ใช่มั๊ย...
...มะ เหมือนกับฉากในนิยายที่แสนโรแมนติกในตอนที่พระเอกที่แสนดีสารภาพรักกับนางเอกเลย...
“ตะ ตอนนี้พี่ลูเชลล์กำลังทำให้ข้าวไขว่เขวนะคะ”
“...งั้นพี่จะปล่อยให้ข้าวไขว่เขวอย่างนี้ต่อไปแล้วกันจนกว่าเราจะได้เจอกัน แล้วพี่จะทำให้มันกระจ่างขึ้นกว่านี้เอง ตกลงนะครับ...”
“...”
“ข้าว ยังฟังพี่อยู่มั๊ย?” น้ำเสียงอบอุ่นมีเสน่ห์ที่ใครก็ไม่สามารถเหมือนถามขึ้น
“อ้อ ค่ะๆ”
“งั้นนอนพักผ่อนเยอะๆนะครับ พี่เป็นห่วงเราจัง อยากจะไปนั่งป้อนยาอยู่ใกล้ๆ หายเร็วๆนะครับ...”
>.<\\\
ทะ ทำไมวันนี้พี่ลูเชลล์หยอดคำหวานกับฉันเยอะจัง
“ค่ะ! แล้วเจอกันนะคะ >\\\<”
ติ้ด!
เฮ้อ... มีความสุขจัง ฉันรู้สึกว่าในท้องของฉันมีผีเสื้อนับพันๆตัวบินอยู่ข้างใน ...มันเป็นความรู้สึกที่ดีอะไรอย่างนี้ J
“ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” อยู่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลัง ฉันรีบหันหลังไปมองอย่างตกใจ
“นาย...มาตั้งแต่เมื่อไหร่!!” เป็นนายไส้เดือนที่ทักฉัน เขายืนกอดอกและริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเหยียดยิ้มให้ฉัน
“เข้ามาตั้งแต่ทีแรก” นายไส้เดือนตอบหน้าตาเฉย และเดินมายืนอยู่ข้างหน้าฉันในระยะใกล้ๆ จนฉันถึงแหงนหน้าขึ้นไปคุยกับเขา
“เสียมารยาท!!” ฉันพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียและก็ตวัดสายตามองเขาด้วยความเกลียดชัง
“ไม่ยักรู้ว่าฉันเองก็มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ...และดูเหมือนว่าคู่แข่งคนนี้จะมาแรง จนน่ากลัวซะด้วย...”
“นาย...พูดถึงเรื่องอะไรน่ะ”
“...” นายไส้เดือนก้มตัวลงมาหาฉันและใช้แขนทั้งสองข้างของเขาจับโซฟาทั้งสองข้างตัวลำตัวของฉันเพื่อไม่ให้ฉันขยับไปไหนนอกจากนั่งอยู่ตรงกลางที่เดิม
“...” ฉันมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยความตกใจ และเอนตัวไปที่ข้างหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้... แต่ใบหน้าของนายไส้เดือนเองก็เขยิบตามมาด้วยเช่นกัน สิ่งที่อยู่ข้างในอกฉันก็กำลังลุกขึ้นเต้นดุจดั่งกลองนับสิบๆใบมารวมกัน
“ฉันช้าไม่ได้แล้ว...” เขาตอบ
“.....”
“....ต่อจากนี้ไปฉันจะเดินหน้ารุกเธอเต็มที่”
โปรดติดตามตอนต่อไป
"นี่พี่ลูเชลล์กำลังสารภาพรักกับฉันกลายๆอยู่ใช่มั๊ย..." : ข้าวโอ๊ต
Add fan จิ้มๆ
บทที่ 10 คลอดแล้วววว!! เย้!!
ข้าวต้มประกาศตัวว่าจะรุกอย่างเต็มที่แล้ว ผู้ชายหน้านิ่งๆแต่มีนิสัยขี้อายยิ่งกว่าใครๆทั้งหมดจะทำได้ถึงขั้นไหนกันเชียวน่าาาา ต้องติดตามๆ
แล้วลูเชลล์เองในตอนต่อไปที่เจอกันก็เหมือนจะทำให้ชัดเจนขึ้น แต่จะเป็นชัดเจนเรื่องอะไรน่าาาา จะเป็นเรื่องที่ไรท์เตอร์เดากันไว้หรือเปล่า ต้องลุ้นๆค่ะ อิ อิ ^_^
ความคิดเห็น