ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อผมเป็นตัวละครลับ พี่ชายตัวละครร้าย (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : ใครบอกกันครับ..ว่าสัตว์เลี้ยงที่เราเก็บมามันจะเชื่องเราเสียทุกตัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.17K
      199
      30 มิ.ย. 64



    ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการเปิดภาคเรียนเทอมแรกของชั้นประถมปีที่ 5 แล้วละครับ ผมที่มาสอบวันสุดท้ายของเทอม เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับเรย์ที่ถูกจับยัดเข้ากรงพลาสติก ที่อาจารย์เตรียมมาไว้ให้ผมโดยเฉพาะเพียงคนเดียวในห้อง

    ก่อนที่จะยึดเรย์ไปไว้หน้าห้อง เพื่อไม่ให้เรย์ห่างจากผมมาก เพราะเมื่อเรย์ห่างจากผมเกินหนึ่งเมตรเมื่อไร จะกลายเป็นงูยางไร้ความรู้สึก ไม่เคลื่อนไหว แกล้งตายอย่างสงบไปแทน 

    จนทำให้อาจารย์รู้สึกแย่ ที่ทำเจ้าเรย์งูเผือกตาแดงๆของผมตาย ผมเลยรีบนำเสนอให้เอามันไปฝั่งกลบในหลุมดิน ที่ลึกสักห้าสิบเมตรเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้มันจากผมไปอย่างสงบ ไม่มารบกวนผมได้อีก

    แต่ดูเมื่อจะไม่ได้ผล เพราะพอผมพูดแบบนั้นออกไป ตอนที่มันกำลังแกล้งตาย ร่างที่เคยเหมือนงูยางของปลอม ก็พลันเด๋งขึ้นมาอย่างกับมีสปริง เต้นระบำงูให้ผมดูพลางดิ้นกระแด๋วๆไปมา ชูคอส่ายหัวอย่างแรง จนเหมือนลูกคลื่น ด้วยความสนุกสนานและร่าเริงเท่าที่งูตัวหนึ่งจะทำได้ เพื่อบอกว่ามันยังชีวิตอยู่..

    ผมเลยได้แอบเบ้แรงๆให้เจ้าเรย์ไปหนึ่งที ก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งที เตรียมสอบปิดเทอมต่อ เจ้าเรย์ก็กลับไปเป็นงูยางอีกครั้งอย่างเฉียบพลัน อยู่นิ่งไม่ขยับตัว ล้มลงไปนอนกับพื้นกรงพลาสติกสีใสอย่างแรง ดังตึก เหมือนตุ๊กตาถ่านหมด เมื่ออาจารย์นำเรย์ออกไปวางไว้ข้างนอก เพื่อให้มันได้รับแสงแดด และมันจะเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้ง เมื่อมันมองหาผมไม่เจอ

    ลำบากอาจารย์ต้องย้ายเข้ามาอยู่หน้าห้อง เพื่อให้เจ้าเรย์ได้มองเห็นผม แล้วกลับมาเต้นระบำงูตามเดิม เหมือนชาร์ตพลังงานเต็มที่แล้ว แต่พอหมดปัญหาเรื่องเรย์งูเผือกเสร็จ ปัญหาใหม่ก็เข้ามา...

    "ริกิ..อาจารย์ว่าเธอกลับไปนั่งที่เถอะนะ..จะได้เริ่มแจกข้อสอบเสียที..ดีไหม.."อาจารย์เอ่ยขึ้น เมื่อริกิเจ้าตัวปัญหาอับดับสอง รองมาจากเรย์ที่จัดการได้แล้ว เอาเก้าอี้มานั่งข้างผม พร้อมกับเอาหัวมาซบไหล่ของผมอย่างถือสิทธิสุดๆ

    "ไม่เอาครับอาจารย์...แบบนี้ก็ทำข้อสอบได้ครับ ริกิไม่ลำบากเลยสักนิดครับ.."ริกิตอบแบบก้มหน้าซุกไหล่ผมอย่างเอาเป็นตาย ไม่ยอมปล่อย แม้กระทั้งเจ้าสามหมามาดึงออกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากผม กอดรัดแขนของผมเอาไว้ จนแขนของผมแทบจะไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง

    "ถ้าปล่อยจะให้ไปเที่ยวบ้าน.."ผมเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป เพราะอยากจะสอบให้เสร็จไวๆ แล้วกลับบ้านไปนอนต่อให้หายง่วงเสียที กับการที่ต้องฝืนถ่างตาขึ้นมาทำข้อสอบเหล่านี้

    "จริงนะ..ริทสึพูดแล้วนะ..อย่าขี้โกงริกิละ..เพราะริกิจะตามไปถึงบ้านริทสึเลยคอยดู..คิคิ.."ริกิพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานดอกไม้เหี่ยวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อย่างน่าอดสูใจ กับความสามารถสร้างบรรยายกาศให้หดหู่ได้ทุกครั้งที่ริกิกำลังมีความสุข

    ก่อนที่ริกิจะซุกหน้าที่ซอกคอของผมทีหนึ่ง สูดเอาลมหายใจเอาจนเต็มปอด แล้วจึงเดินอารมณ์ดีผีป่าช้าแตก จากผมไปอย่างน่าสยดสยองสำหรับผม ที่ถึงแม้ว่าหลังจากที่ริกิได้เจอกับผมที่ห้องเรียนครั้งแรก และนั้นเองก็เป็นครั้งแรกเช่นกัน ที่ผมได้รับรู้ว่า..แท้จริงแล้วริกินั้นเรียนอยู่ห้องเดียวกับผมมาตั้งแต่แรกแล้ว

    ริกิก็มักจะทำนิสัยแปลกๆแบบนี้กับผมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะชอบดมเสื้อนักเรียนด้านในของผมให้เห็นแบบคาตา ตอนที่ผมกำลังจะมาเปลี่ยนเสื้อ จากชุดพละมาเป็นชุดนักเรียนดังเดิม เพื่อไปเรียนคาบต่อไป แต่ริกิที่อ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำกลับมายืนถือเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านของชุดนักเรียนผมอยู่

    ทั้งยังมีเสื้อแบบเดียวกับเสื้อของผม ที่ริกิถือเอาไว้ในมือ เตรียมจะสับเปลี่ยนเสื้อของผม ค้างติ่งอยู่ในท่านั้น ก่อนที่จะหัวเราะแหะๆออกมา แล้วบอกกับผมว่าเห็นเสื้อของผมมันเหม็นเหงื่อมากไปแล้ว เลยเอาเสื้อตัวใหม่ที่เพิ่งไปซื้อมาของริกิ มาเปลี่ยนให้ผมแทน เพราะกลัวผมเหม็นเหงื่อของตัวเอง จนทนไม่ไหว แล้วอาจจะทำให้ผมหลับไม่สบาย เพราะกลิ่นเหงื่อ

    ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงก็จะนึกขอบคุณริกิอยู่หรอกนะครับ ถ้าไปเดินเข้าไปหารอยคลาบน้ำลายของริกิ ที่กำลังกัดเสื้อตัวเก่านักเรียนของผมจนชุ่มไปเป็นดวงๆเข้าละก็นะ.. 

    ริกิ!!! นี้นายมาแอบงีบหลับ จนน้ำลายของนายย้อยมาที่เสื้อของผมสินะครับ..ไม่งั้นนายคงไม่ต้องซื้อเสื้อนักเรียนตัวในมาให้ผมแบบนี้หรอก  ไอ้เรารึก็นึกว่านายเป็นคนแสนดี เป็นตัวประกอบพ่อพระที่สุดแสนจะเหี่ยวเฉา แล้วมีดอกไม้จันทร์ล้อมรอบตัวนายในตอนที่ยิ้ม เป็นแบล็คกราวน์หลังเสริมเสน่ห์ให้กับนาย

    ผมจึงไม่พูดอะไร แต่เดินดุ่มๆออกจากห้องไปเลยด้วยท่าทีขัดใจริกิ ที่แอบแทงข้างหลัง(?)ผมได้อย่างเจ็บแสบแบบนี้ ไอ้ตัวประกอบฉากไม่รักดีเอ๊ย.. 

    ไหนจะเป็นตอนที่ผมที่หลับ ริกิก็จะชอบให้ผมกอดตัวของริกิเอาไว้ เพราะเขาพยายามจะกอดผมแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะตัวผมใหญ่กว่าริกิมาก เพราะช่วงนี้น้ำหนักของผมเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าจนพุงแทบย้อย

     เลยทำให้ริกิอยากที่จะมานั่งบนตักของผม ในทุกๆวันแทน เลยกลายเป็นว่า..จะตอนไหนก็ตามที่เห็นผมนั่ง ริกิก็แทบจะสไลด์ตัวเข้ามานั่งบนตักของผมทันที จนบางครั้งผมก็แอบคิดอยู่เหมือนว่าจริงๆแล้ว ริกิแอบตามผมอยู่ตลอดเวลารึเปล่า ถึงได้มาเจอทุกครั้งที่ผมนั่งเสมอ

    นี้ยังดี ที่อย่างน้อยก็มีเจ้าสามหมานี้แหละ ที่คอยกีดกันริกิให้ผมบ้าง ในตอนที่ผมจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วริกิจะตามผมไปเข้าห้องน้ำห้องเดียวกันกับผม ด้วยใบหน้าใสซื่อจนผมด่าไม่ออก บอกไม่ถูก มันจุกอยู่ที่ลิ้นไก่ ได้ด่าอยู่ในใจอย่าอัดอั้น แถมกลัวพูดอะไรอะไรไปก็จะไปกระทบจิตใจเด็กใสๆอย่างวัยหมัวหมองของริกิเข้า จนต้องเสียน้ำตาให้เป็นเรื่องเป็นราวอีก

    แค่นี้ยังไม่หมดนะครับ..เรื่องของริกิน่ะ ยังมีอีกมากครับ เพียงแต่บางเรื่องผมก็ลืมๆไปบางแล้ว..ริกิที่เห็นผมพยักหน้ารับอีกครั้งอย่างหน่ายใจ ก็เดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง ก่อนที่จะนั่งลงกับที่นั่งของตัวเอง แล้วหันหน้ามามองผมต่ออย่างไม่ลดละ..ทำเอาผมอดรู้สึกแปลกๆเสียไม่ได้ กับพฤติกรรมของริกิ ที่ทำเอาผมรู้สึกขนลุกซู่อยู่ตลอดเวลา อย่างคนระวังหลัง...




    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------  


    ในที่สุดก็สอบเสร็จ ไม่รอช้า ผมเดินลิ่วออกนอกห้องไปเป็นคนแรก ไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว มุ่งหน้าเดินไปคว้าตัวของเจ้าเรย์ออกมาจากกรงพลาสติกเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องเรียนทันที

    และไม่คิดจะหยุดฟังเสียงเรียกเจือสะอื้นไห้ของริกิ ที่ราวกับกำลังวิ่งตามผมมา และเริ่มที่จะร้องไห้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เพียรเรียกหาแต่ชื่อของผม อย่างกับคนจะขาดใจใกล้ตาย แล้วเรียกหาลูกหลานให้มาดูใจก่อนลาโลก 

    พร้อมเจ้าสามหมา ที่เดี๋ยวนี้รู้หน้าทีของตัวเองดีขึ้นกว่าตอนแรกๆ ตรงเข้าไปล็อคตัวของริกิเอาไว้แน่น เพื่อกันให้ผมหลบหนี   จากริกิได้อย่างปลอดภัย ไร้มลทินที่ริกิจะทำกับผมมากไปกว่านี้

    แล้วรีบขึ้นรถ พร้อมกับสั่งให้ออกรถทันที เรย์ที่กำลังอยู่ในมือของผม ส่ายหัวไปมา เหมือนคนเมา เพราะแรงสะทือนตอนที่ผมวิ่งอย่างเต็มกำลัง กระโดดเข้ามานั่งในรถอย่างสวยงาม เพราะคนขับรถเปิดเอาไว้รอท่านานแล้วอย่างรู้หน้าที เมื่อเห็นท่าทีรีบร้อนของผม ที่เดินมาอย่างรีบเร่งสุดๆ จนเหงื่อโชกหน้าหล่อๆของตัวเอง..

    เสียงริกิวิ่งไล่หลังผมมา พร้อมกับเสียงเรียกของฮิบิกิ ที่กำลังเดินลัดสวนหย่อมหน้าโรงเรียน ที่ผมเคยเจอเรียวจิที่กำลังให้อาหารแมวอยู่ออกมาทางนั้น ใกล้จะถึงรั้วประตูโรงเรียนพอดี 

    มองตามผม ที่กำลังนั่งอยู่ในรถอย่างสบายใจเฉิบ เหมือนมองไม่เห็นฮิบิกิที่ยืนมองอยู่..ไม่มีความคิดที่จะให้รถหยุดรับเอาฮิบิกิขึ้นมา เพราะริกิกำลังวิ่งตามรถของผมอยู่ จนผ่านหน้าฮิบิกิ ที่จับไหล่ของริกิเอาไว้ ก่อนที่ะจ้องมองหน้าของริกิ ด้วยสายตาที่จ้องเขม็ง

    ริกิเองที่เมื่อไม่ได้อยู่กับผมในตอนนี้ก็ทำได้แค่ก้มหน้าร้องไห้เงียบ แล้วแอบมองตามรถที่ผมกำลังมองผ่านกระจกหลัง เพื่อสังเกตุทั้งคู่อยู่ว่าจะตีกันรึเปล่า เพราะยังไงตามเนื้อเรื่องเกม ก็ดูเหมือนฮิบิกิจะไม่ค่อยถูกกับพวกพระรอง(?)ทั้งสามคนอยู่ก่อนที่จะได้เจอกับนายเอกจุนของเรื่องอยู่แล้ว

    พร้อมกับส่งแรงใจแรงเชียร์ไปให้ทั้งคู่ ที่ฮิบิกิกำลังจ้องริกิเงียบ ๆ และริกิที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาอะไร ทำเอาผมอดแปลกใจเสียไม่ได้ว่าบางที่.. แล้วฮิบิกิจะกลับบ้านยังไงละเนี่ย..



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    คฤหารของตระกลูโทโมยะ

    "ริทสึ..แล้วลูกจะเอายังไงกับโอกิจ๊ะ แม่เห็นเก็บเขามาไว้นานแล้ว แต่ลูกยังไม่เคยไปหาเขาเลยสักครั้ง ทำแบบนี้เดี๋ยวเด็กที่เราเก็บมาจะเสียใจเอานะจ๊ะ.."ท่านแม่ฮานะเอ่ยขึ้น หลังจากที่ผมลงมานั่งรอทานเมื้อเย็น 

    "โอกิ?  ใครหรอครับท่านแม่.."ผมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้า ว่าใครคือโอกิ แล้วไปเก็บอะไรใครมาเลี้ยงต้อยเอาไว้ตอนไหน แล้วทำไมท่านแม่รู้ได้ ด้วยสีหน้าที่เริ่มขมวดคิ้มเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ

    "เอ๋..ลูกนี้ล่ะก็..โอกิก็เด็กขอทานคนที่ลูกไปเก็บมาได้ เพราะความซนของลูกยังไงละจ๊ะ"ท่านแม่ยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ แล้วอธิบายต่อ พร้อมกับหันไปมองหน้าท่านพ่อ ที่กำลังส่งยิ้มให้กำลังท่านแม่ ที่กำลังจะทำหน้าร้องไห้ เพราะลูกกลายเป็นคนความจำไปเสียแล้ว..

    "ไม่เห็นต้องไปสนใจก็ได้นี่ครับท่านแม่..ยังซะคนของพี่ริทสึก็ดูแลโอกิแทนพี่เขาได้อยู่แล้ว..ไม่จำเป็นต้องไปดูแลให้เสียเวลานอนของพี่ริทสึเลยนี้ครับ.."ฮิบิกิที่เงียบอยู่นาน เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ไร้พิษภัย แต่ทำไมผมกลับรู้ทะแม่งๆกับคำพูดที่สวนทางกับรอยยิ้มนั้นยังไงก็ไม่รู้ละครับ เมื่อมันด่าผมตงิดๆ..จนอดคิดไม่ได้ ว่าฮิบิกิหลอกด่าผมอยู่รึเปล่า

    "ไม่ได้นะจ๊ะฮิบิกิ..ในเมื่อเราเก็บใครมาแล้ว เราก็ต้องดูแลเขาให้ดี..อย่างทิ้งขวางเขาเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ..เพราะมันจะทำให้คนที่เราเก็บมาเลี้ยงเฉาตายเอาได้นะจ๊ะ.." ท่านแม่ฮานะเอ่ยขึ้น อย่างตักเตือนฮิบิกิ

    เออท่านแม่ครับ..ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เมื่อกี่แล้วครับ กับไอ้บทสนทนาของท่านแม่และฮิบิกิ ที่มันดูแปลกๆ มันทำให้ผมรู้สึกสงสารขอทานที่ชื่อโอกิคนนั้นละครับ เมื่อท่านแม่พูดอย่างกับว่าผมไปแอบเก็บลูกสุนัขมาเลี้ยง แล้วไม่ใส่ใจดูแลมัน จนท่านแม่ต้องดุ เพื่อกระตุ้นให้ผมไปดูแล และให้อาหารสุนัขที่ผมเก็บมาเลี้ยง

    "แต่ว่า.."

    "ก็ได้ครับ วันพรุ่งนี้ผมจะดู..แล..สักหน่อยก็ได้ครับ"ผมเอ่ยขึ้นแทรกฮิบิกิที่กำลังจะเถียงให้ผมอย่างไม่ลดละ เน้นคำว่าดูกับแลอย่างบอกความหมายของคำพูด ที่ว่าจะไปแค่ดูกับแค่แล แล้วจะกลับบ้านมาหาที่นอนต่อ อย่างเจ้าของที่ดู ที่เก็บสัตว์เลี้ยงมาแล้วก็ต้องดู..แล..ให้ดีเสียหน่อย..

    "ดีมากจ๊ะริทสึน้อยของแม่..ลูกน่ารักจริงๆ"ท่านแม่ฮานะเอ่ยชมผม ในขณะที่อาหารก็เริ่มเรียงรายกันเข้ามาวางไว้ตรงหน้าของผม เป็นการหมดเวลาพูดคุยกันในโต๊ะอาหารได้แล้ว..



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    "พี่น่าจะปฎิเสธท่านแม่ไป ถ้าพี่ไม่ได้อยากจะทำนะครับ"ผมที่กำลังเดินลงไปดื่มนมในห้องครัวชั้นล่าง ที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นของตัวบ้าน เพื่อใช้รับแขกที่มาเยี่ยมเยียนบ้านของผม แม้จะไม่เคยมีคนมาเยี่ยมเลยสักครั้งก็ตาม

    "พี่ไม่ได้บอกสักหน่อย ว่าพี่ไม่อยากทำ.."ผมตอบหลังจากดื่มนมจนหมดแก้วแล้ว หันไปหลังให้ฮิบิกิที่เอาหลังไปพิงกับตู้เย็น เพื่อมองหน้าผม ที่กำลังดื่มนมอย่างตระกะจากแก้วเซรามิกสีใส ข้างซิ้งล้างจาน

    "หึ..ช่างเรื่องนั้นเถอะครับ..แต่ว่า..เจ้าคนที่วิ่งไล่ตามรถของพี่ไปนั้น..คือใครอย่างนั้นหรอครับ.."นั้นไงครับ มาแล้วกับคำถามยอดฮิตติดชาร์จ ว่าด้วยเรื่องถามถึงบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง เพื่อสืบหาข้อมูลของคนที่เป็นเป้าหมาย ฮิบิกินายมันเริ่มจะร้ายกาจมากขึ้นทุกวันแล้วนะ

    "คนในห้องน่ะ..ทำไม..สนใจเรื่องเจ้านั้นรึไงกัน.."ผมถาม พลางเอาหลังไปพิงขอบซิ้งค์ ที่เอาแก้วไปวางเอาไว้ข้างในซิ้งค์ แล้วหันหลังมากอดอกมองฮิบิกิ อย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อเจอเรื่องน่าสนุกให้ทำแล้วในช่วงปิดเทอมนี้

    "ครับสนใจ..สนใจมากๆด้วย.."ฮิบิกิเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ผม ด้วยสีหน้าสีหน้าที่ผมมองได้ไม่ค่อยชัดเจน เพราะไม่ได้เปิดไฟในห้องครัว อาศัยแค่แสงจากพระจันทร์เท่านั้น ที่กำลังส่องสว่างพอให้ได้เห็นทางเดิน..

    "หึ..อย่างงั้นสินะ..ดูท่า นายคงจะสนใจมากจริงๆนั้นแหละ.."ผมเอ่ยขึ้น ก่อนที่เดินเข้าไปเผชิญหน้ากับฮิบิกิ ด้วยสายตาที่เป็นประกาย อย่างคนที่กำลังสนุก สงสัยงานนี้เราคงต้องทำตัวเป็นพ่อสือที่ดี เพื่อฮิบิกิและริกิแล้วละมั่งงานนี้ เพราะดูท่าน้องชายของผมจะต้องเริ่มสนใจเจ้าริกิน้อยนั้นเข้าแล้วแน่ ๆ 

    "ครับ..ผมสนใจ..แล้วพี่จะบอกผมได้ไหมครับ ว่าทำไมเขาถึงได้วิ่งตามพี่ไปแบบนั้น..ทำไมเขาต้องทำเหมือนกับว่ากำลังจะพยายาม..แย่งพี่ไปจากผม"ฮิบิกิที่พูดในช่วงท้ายเสียงเบาลงจนผมจับใจความไม่ได้ เหมือนเขาพูดอยู่คนเดียว ไม่ได้พูดกับผม ที่กำลังรอฟังอย่างเสือกๆอยู่ตรงหน้า

    "อืม..เอาไว้ก่อนละกัน ตอนนี้พี่ง่วงแล้ว..ราตรีสวัสฮิบิกิ.."ผมที่รีบชิ่งไปวางแผนการร้ายในการจับคู่ให้น้องชายของตัวเองทันที

    "พี่ครับ..พี่!! จิ๊..น่าหงุดหงิดชะมัด..เจ้าหมอนั้น.."ฮิบิกิสถบออกมาเล็กน้อย เมื่อร่างของพี่ชายบุญวิ่งหนีออกไปจากครัวห้องแล้ว ด้วยท่าทีกระดี๊กระด๊า แตกต่างจากตอนปกติ ที่ชอบทำหน้านิ่งๆ ไม่สนใจโลก

    ฮิบิกิที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึ่งพอใจจากริทสึ ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็วิ่งหนีไปเสียก่อนจะทันได้รู้เรื่อง จึงเดินหันหลังเข้าห้องนอนของตัวเองบ้าง ด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจ แล้วสถบไปตลอดทาง จนถึงห้องนอน..




    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ที่พักอาศัยของคนรับใช้


    "โอกิ..มานี้สิ.." ผมเรียกสัตว์เลี้ยงตัวใหม่(?) ที่เพิ่งมาดูแลเป็นครั้งแรก ด้วยสีหน้านิ่งๆ พร้อมกระดิกนิ้วเรียกโอกิให้เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางของพระเอกที่กำลังสั่งลูกน้อง นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ที่มีหนังสีแดงสดเป็นเบาะนั่ง  ไขว้ขาที่สวมกางเกงสีดำเข้มสามส่วน เสื้อสีขาวแขนสั้นติดกระดุมคอปก ทับในกางเกงที่สวม มีเส้นเอี้ยมปล่อยเอาไว้ข้างตัว ไม่เอาขึ้นมาพาดบ่าอย่างที่ควรจะเป็น 

    โอกิเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย เดินก้มหน้าก้มตา ผมปกใบหน้าจนมองไม่เห็นสัดส่วนบนใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจน เดินเข้ามาหาผมอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ต้องยอมทำ เมื่อไม่ใครสามารถเข้ามาช่วยได้ เพราะผมจัดการปิดปากของเจ้าห้ากล้ามเอาไว้ ด้วยเจ้าเรย์ ที่กำลังเลื้อยเล่นอยู่กับพื้น เพื่อให้เรียกร้องความสนใจจากเจ้าห้ากล้ามน่ารำคาญทั้งหลาย

    ผมมองโอกิที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ในขณะที่โอกิเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้กับผม ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เคลื่อบมัน จนเงาวับภายในห้องพักของโอกิ ที่เข้ามาอยู่ในบ้านพักของคนในแก๊ง โดยมีคนยกเก้าอี้มาให้ผมนั่งอย่างรู้หน้าที่ ไม่จำเป็นต้องบอก พร้อมกับฮิบิกิ ที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังผม อย่างกับการด์อีกคนของผมเสียอย่างนั้นละ..

    "คุกเข่าลงไป.."โอกิอึกอักเล็กน้อยกับคำสั่งของผม ที่ดูเอาแต่ใจ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งนั้นของผม 

    ไหล่ของโอกิดูสั่นเล็กน้อย เมื่อมาอยู่ต่อหน้าผม เขาดูเกร็งจนดูแล้วเหมือนจะหวาดกลัวผมมาก ทำเอาผมชักจะตงิดๆใจขึ้นมาหน่อยๆ ว่าเจ้าพวกห้ากล้ามคงไปเล่าวรีกรรมของผมให้โอกิได้ฟังเป็นแน่ ถึงได้ตัวสั่น เมื่ออยู่ต่อหน้าผมออกมานอกหน้านอกตาขนาดนี้..

    "เงยหน้าขึ้น.."ผมที่กำลังมองอีกฝ่ายเหมือนกับมองลูกนกในกำมือ ออกคำสั่งอีกครั้ง ด้วยท่าทีของพ่อพระมาโปรดสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากบาปกรรมของตน

    "โอ๊ย!!!"

    "..หื้ม..พวกตาสีแดง..."โอกิที่ถูกผมสั่งให้เงยหน้าขึ้น แต่ไม่ยอมทำตามสักที ถูกผมกระชากจุกผมข้างหน้าของโอกิขึ้นอย่างแรง จนอีกฝ่ายเซมาข้างหน้าตามแรงดึงของผมที่กำลังจับเข้าที่เส้นผมสีดำยาวถึงกลางหลังของโอกิเอาไว้จนเต็มกำมือ..

    ดวงตาสีแดงสดที่กำลังมีน้ำตาปริ่มอยู่ เพราะความเจ็บจากหนังหัวที่ถูกดึงอย่างแรง มองผมด้วยสายตาละห้อยจนน่าแกล้งให้เจ็บมากกว่าเดิม เพราะสีหน้าที่กำลังแสดงออกมาของโอกิ เจ้าเด็กหนุ่มร่างโต แต่เหมือนจะใจเสาะซะจนน่าจับไปรังแกเสียให้เข็ดหลาบ..

    "ย..อย่ามองครับ..ตาของผมมันน่ารังเกียจ..อย่าไปมองมันเลยครับ มันจะทำให้นายน้อยโชคร้าย.."โอกิเอ่ยขึ้น ทั้งที่ยังเจ็บหนังหัวของตัวเองอยู่ เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน และใจดี เหมือนพูดกับเด็กน้อยๆ ที่เอาแต่ใจจนโกธรไม่ลง

    "หึ..คิดว่านายเป็นใครกัน มาสั่งฉัน..แล้วอีกอย่าง..แค่สีตาของนาย มันไม่ทำให้ฉันโชคร้ายได้หรอกนะ เจ้าบื้อ.."ผมปล่อยมือที่เส้นผมสวยๆของโอกิ ก่อนที่จะกลับไปนั่งท่าเดิม เมื่อเจ้าห้ากล้ามเดินผ่านประตู เข้ามาดูในห้องของโอกิ เมื่อได้ยินเสียงร้องของโอกิ ที่อยู่ๆก็ร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด 

    โดยมีเจ้าเรย์ติดหัวของหนึ่งในห้ากล้ามนั้นมาอย่างหงอยเหงา เมื่อไม่เจอผม ก่อนที่จะเด๋งเป็นงูเต้นระบำอีกครั้งเมื่อเจอตัวผมเข้าให้แล้ว ฮิบิกิที่ยืนดูพฤติกรรมของผมกับโอกิอยู่ ทำได้เพียงแค่จ้องโอกิเขม็งอยู่อย่างเงียบ ๆ  เมื่อผมปล่อยมือ แต่ไม่ได้เข้าไปต่อว่าอะไรโอกิ แต่เดินมานั่งอยู่บนเก้าอี้กับผมแทน 

    "นายน้อย!!!..ทำอะไรโอกิครับ"

    "โอกิ..เจ็บรึเปล่า..ถูกนายน้อยทำอะไรบ้าง.."

    "นายน้อยซาดิส.."

    "นายน้อยโรคจิต.."

    "หา!!! นายน้อยเป็นเกย์!!!!!!.."

    เจ้าห้ากล้ามที่ทยอยเข้าประตูห้องเข้ามาที่ละคนปิดประตู ก่อนที่ตะโกนออกมา พร้อมกับใบหน้าที่ตื่นตระหนก โดยเฉพาะไอ้คนสุดท้าย ที่เข้ามาแบบไม่รู้เรื่องอะไร แถมยังตะโกนออกมาอย่างลั่นห้อง 

    จนผมแทบจะหาอะไรขว้างเจ้ากล้ามนั้นให้สลบตายคาทีไปเสียเลย ด้วยความหงุดหงิดใจกับคำพูดของเจ้าพวกนั้น..ที่ชอบแดกดันผมเป็นประจำ จนเหมือนหน้าที่ของเจ้าพวกห้ากล้ามนี้ไปเสียแล้ว

    "เจ้าพวกบ้า..หุบปากได้แล้ว..น่ารำคาญซะจริงเลยพวกแกเนี่ย.."ผมที่เอ่ยขึ้นอย่างเผลอตัว หลุดคำว่าพวกแกออกไป

    ทำให้สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นเงียบกริบทั้งห้อง มีแค่เรย์ที่ใจกล้าเลื้อยมาหาผม ก่อนที่จะเลื้อยขึ้นมาที่คอของผมอย่างรักใคร่ พลางงับเบาๆไปแก้มของผมอย่างคิดถึงกับผมที่กำลังพยายามตีหน้านิ่งอยู่ให้ดูหล่อที่สุด ถึงกับต้องชะงักด้วยความเจ็บ

    "โอ๊ย..เรย์เจ็บนะ ปล่อย!!.."ผมที่ดึงตัวยาวๆของเรย์ออกมา เมื่อเรย์ทำท่าจะโกธรผม ที่ทิ้งเรย์เอาไว้เพียงลำพังอีกครั้ง เอา      เหงื่อกมางับผมอย่างแรง แถมยังไม่ยอมปล่อยๆอย่างทุกที สงสัยครั้งนี้เจ้าไส้เดือนเผือกคงจะโกธรผมจริงๆแล้วละครับ ดูสิกัดแก้มของผมไม่ลืมหูลืมตาเลย..

    ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ เมื่อเห็นเรย์งับผมไม่ยอมปล่อย ก็กรูกันเข้ามาช่วยผมแงะปากของเจ้าเรย์ออกกันให้อย่างตื่นตระหนก กระทั้งฮิบิกิเอง ก็ยังจับไหล่ของเพื่อส่งกำลังใจให้ ด้วยดวงตาที่ปริ่มน้ำใสๆอยู่เล็กน้อย อย่างสงสารผมจับใจ

    "เรย์..ปล่อยริทสึก่อนนะครับ..จุ๊บ..เด็กดี.."ผมที่เห็นว่าพูดยังไงก็ไม่ยอมปล่อย ดึงแค่ไหนก็ไม่ยอมหลุด 

    จัดการจุ๊บเบาๆที่กลางตัวของเรย์ พร้อมกับคำพูดที่ดูเอาใจใส่ ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ไม่เรียบเฉยเหมือนปกติ เรย์ที่ได้เจอท่าไม้ตายจุ๊บสะท้านโลกันต์ของผมเข้าไป ผงะตัวออกมาจากแก้มของผมด้วยท่าทีที่ตื่นกลัว เลื้อยหนีเข้าไปอยู่ในเสื้อของผมแทน อย่างน่ารักน่าชัง จนผมแอบเบ้ปากให้

    "พี่ครับ..พี่ขี้โกง..จุ๊บแต่เรย์ ไม่จุ๊บผมเลย..ผมไม่ยอมนะครับ.."ฮิบิกิที่ที่ยืนอยู่ข้างตัวผม ว่าพลางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้หน้าผมทันที จนใบหน้าของเราทั้งคู่เกือบจะติดกัน ริมฝีปากน้อย ๆ นั้นพูดออกมาอย่างน้อยอกน้อยใจผมแบบสุด  ๆ ในแก้มของฮิบิกิอมลมเอาไว้จนเหมือนกับแฮมเตอร์ที่เก็บเมล็ดทานตะวันเอาไว้ในแก้มจนตุง ตาโตๆก็ช้อยมองผมอย่างไม่พอใจ แก้มแดงระเรื่อจนดูน่าฟัดสุดๆ สไลต์น้องชายสุดโมเอะ ที่ยังคงคอนเซิปเดิมไม่เปลี่ยนไปไหน 


    ปัง!!!!


    "ไม่ได้!! ห้ามจุ๊บนะริทสึ..ริกิไม่ยอม!! "ผมที่กำลังมองฮิบิกิที่จ้องผมอย่างคาดหวัง ถูกคนที่เพิ่งมาใหม่ ถีบประตูห้องของโอกิอย่างแรง จนเรียกความสนใจของทุกคนไปไว้กับผู้ที่เข้ามาใหม่ด้วยความตกใจปนแปลกใจ

    "ริทสึ..มาหาริกิเถอะนะครับ..เจ้าเด็กนั้นนิสัยไม่ดี"ริกิเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับยืนมือทั้งสองมาให้ผมทั้งรอยยิ้มที่สุดแสนจะดูขาดกลัวเหมือนเดิม พยายามเดินเข้ามาช้า ๆ ด้วยขาเล็ก ๆ ที่สั่นเทา

    "นายนั้นแหละนิสัยไม่ดี..พี่ครับอย่าไปสนใจเจ้าหมอนั้นเลยนะครับ.." ฮิบิกิที่ชักสีหน้าออกมาเล็กน้อย เดินตรงเข้าไปหาริกิที่ยังเดินมาหาผมไม่ถึงสักพัก ผมที่กำลังนั่งมองทั้งคู่อย่างงุงงง เมื่อลองย้อนคิดดูว่าริกิมาที่บ้านของผมได้ยังไง ในเมื่อผมนัดกับริกิไว้ ให้มาวันพรุ่งนี้นี่ครับ แล้วทำไมถึงมาก่อนวันนัดกันละ

    หรือว่า..นี้สินะที่เรียกว่ารักแรกมันแยกยาก(?) เพราะรักมากๆเลยไม่อยากแยก นี้นายถึงขั้นต้องรีบมาหากันขนาดนี้เลยรึไงริกิ..ถ้างั้นผมขอยกน้องถวายตัวเจ้าเรย์ให้เป็นสินสอดทองหมั้นเลยละกันครับ แถมยังยกเจ้าห้ากล้ามสมองฟองสบู่ให้ไปพร้อมเป็นของกำนัลสินสอดด้วยเลยครับ แหมความรักอันโรแมนติกของทั้งคู่เนี้ย..มันช่างยากยั้งถึงจริงเลยครับ ผมละน้ำตาแทบเล็ดจริงๆ..

    "โอกิไปกันเถอะ..วันนี้ทั้งวันฉันจะเป็นคนดูแลนายเอง..หึหึ..ดังนั้นไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นกับฉันหรอกน้า..หึหึ.." 

    ผมกระชากเส้นผมยาว ๆ ของโอกิขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับเจ้ากล้ามทั้งที่วิ่งตามผมมา เพราะผมได้จูงผมของโอกิดึงติดมือมาด้วย เพราะสนุกที่ได้แกล้งคนอื่นสักที เพราะในบ้านหลังนี้ตอนนี้ผมแทบจะแกล้งใครไม่ได้แล้วน่ะสิ อ่า..ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะจริงเลยครับ เสียงโอกิเนี่ย...ทำเอาผมแอบเก็บอาการ และซ่อนรอยยิ้มเอาไว้แทบไม่อยู่ อยากจะเล่นกับโอกิเต็มทน.. 

    หมับ

    "พี่จะพาเจ้าหมอนั้นไปไหนกันครับ"

    "ริทสึ..อย่าทิ้งริกิ น..นะ ครับ"

    ริกิกับฮิบิกิที่วิ่งมาตอนไหนไม่รู้ กระชากเสื้อของผมเอาไว้ก่อนที่จะพูดขึ้นพร้อมกันอย่างสามัคคี อะไรครับเนี่ย..ก็ผมหาคู่ให้แล้วไง ทำไมถึงไม่ปล่อยผมไปกัน แล้วทั้งคู่ก็ไปหาที่สวีตกันสองต่อสองละครับ หรือว่าตัดสินไม่ได้ว่าใครอยู่บนอยู่ล่าง เลยต้องเอาผมมาเป็นผู้ตัดสินกันครับ

    ผมบอกแล้วไง ว่าให้ตัดสินใจกันเอาเอง อย่ามาถามผมเลยครับผมไม่รู้ พวกนายไปคิดท่ากันเองเถอะ ผมขอร้อง ขอผมไปเล่นกับเจ้าของเล่นใหม่ก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวพอผมเบื่อแล้วจะกลับมาตอบก็ได้เอ้า..ดังนั้น ปล่อยพระเอกแบบผมไปเถอะครับทั้งสองคน..

    "พี่กำลังยุ่งอยู่ นายก็ด้วย.. ไปเล่นอะไรอย่างอื่นกันก่อนเถอะนะ.." ผมกล่าวอย่างพยายามให้นุ่มที่สุด ก่อนที่จะให้เจ้ากล้ามสองโพนีเข้ามาแกะมือของทั้งคู่ออกจากตัวผม ก่อนที่จะเดินไปแบบไม่สนใจใคร พร้อมกับออกคำสั่งอีกครั้ง เมื่อเจ้าห้ากล้ามยังเดินตามผมมาอยู่อย่างไม่ลดละ เพราะตอนนี้ริกิกับฮิบิกิหันไปจ้องหน้ากันเองอย่างไม่มีใครลดละ จ้องกันจนท้องป่องได้คงป่องไปนานแล้วทั้งคู่

    "ใครก็ตามที่ยังขัดคำสั่งฉันอยู่..หึหึ คงจะรู้สินะครับ ว่าฉันจะทำยังไงกับคนที่กล้าขัดคำสั่งของฉันน่ะ..เจ้าพวกสมองนิ่ม.."ผมเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังอยู่

     ก่อนที่จะหันไปแสยะยิ้มหล่อๆจนเหมือนฆาตกรโรคจิตให้ห้ากล้ามก่อนจะจิกผมของโอกิเดินต่อไปอย่างไม่มีใครคิดจะมาขัดขวางทางของผมอีกต่อไป แถมยังบทสวดส่งท้ายให้กับโอกิผู้น่าสงสารเป็นระยะๆ จนผมแอบเบ้ปากแรง.. ทำอย่างกับว่าผมจะพาโอกิไปเชือดซะอย่างนั้นแหละครับ...เจ้าพวกบ้า 

    "โอ๊ยยยย..นายน้อย...เจ็บ...เจ็บครับ..ปล่อยผมไปเถอะนะครับ..โอ๊ย.."โอกิจับมือของผมที่กำลังกระชากเส้นผมสวยๆของเขาอยู่ เพื่อให้โอกิเดินตามมาผมมาอย่างกลัวโอกิหลงทางกับผม..เอาจริงแค่ชอบเสียงร้องของโอกิก็เท่านั้นแหละครับ อย่างกับเสียงนกร้องเลยะครับ..เพราะสุดๆไปเลย..

    ตุบ

    "อึก..นา..นายน้อย.."โอกิที่ถูกผมเขวี้ยงไปชนกับกำแพงห้องของผม ที่ลากโอกิให้เดินตามมาอย่างนุ่มนวลที่สุดของผม ที่เหมือนเด็กน้อย กำลังพยายามจะชวนเพื่อนที่สนิทกันแล้ว ขึ้นมานั่งเล่นบนห้องของตัวเองเป็นครั้งแรก

    "อยู่นิ่งๆสิครับโอกิ.."ผมที่พาโอกิไปนั่งพิงกำแพงอย่างนุ่มนวลเสร็จ เดินไปหยิบกรรไกรออกมาจากลิ้นชัก

    หันไปแสยะยิ้มร้ายให้โอกิได้กลัวผมเล่นๆ แล้วเดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับกรรไกรสีเงินคมกริบที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ติดมือมากด้วย โอกิที่ยิ่งเห็นผมเดินไปใกล้เท่าไร ตัวของเขาก็ยิ่งสั่นมากเท่านั้น เรย์ที่ออกมาจากคอเสื้อมาดูผม ว่ากำลังจะแกล้งอะไรโอกิ มองด้วยสายตาเวทนาเล็กน้อย จึงมุดกลับเข้าไปในเสื้อเหมือนเดิม เพราะไม่อยากมีเอี่ยวไป โดนหางเลไปด้วย   

    "เรามาตัดผมกันเถอะโอกิ..หึหึ.."ผมหัวเราะในลำคออย่างมาดหมายในใจ ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องทำให้เจ้านี้ร้องไห้ให้จงได้ เพื่อความสนุกของตัวเอง และเพื่อความสะใจแบบพ่อพระ ที่กำลังจะให้ลูกแกะได้ปลดปล่อยอารมณ์ แล้วร้องไห้ไถ่บาปของตัวเองออกมา ว่าด้วยเรื่องที่ไม่น่าเอาตัวมาเสี่ยงเข้ามาช่วยผม จนได้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้

    ฉับ ฉับ

    เสียงของกรรไกรเล่มงามที่กำลังทำร้ายจิตใจของโอกิ โดยการตัดเลิมปลายเส้นผมที่แตกและแห้งอย่างโหดเหี้ยม ด้วยฝีมือของ   ริทสึ พระเอกของเรื่องที่รับบทคนเดียว แสดงคนเดียว กำกับบทคนเดียว แสตนอินก็คนเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นคนเดียวกันไปหมดเสียทุกอย่าง เรียกง่ายๆคือ เรื่องนี้ริทสึแสดงคนเดียว..

    หมับ

    "อ่าห์.. หึหึ.." ข้อมือของผมที่กำลังตัดเล็มปลายผมของโอกิที่แตกแห้ง และดูชี้ฟูจนน่าเกลียด ถูกข้อมือของคนที่ผมกำลังทรมานอย่างแสนสาหัส เลือดอาบไปไกลกว่าสิบเมตร ด้วยความที่เลือดกระเซ็นจากการถูกทำร้ายที่ปลายเส้น จากฆาตกรโรคจิตริทสึเดอะริปเปอร์...

    "หืม..ใจกล้าจังนะ..ไม่แสดงต่อแล้วหรอ โอกิคุง.."รอยยิ้มที่กำลังแสยะอย่างถูกใจของผม ถูกส่งไปให้โอกิที่เคยตัวสั่นกลัว แต่ความจริงแล้วเขาก็แค่แกล้งทำไปแบบนั้นเองแหละครับ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว เขาไม่ได้กลัวผมเลยสักนิด..

    "หึหึ..ไม่จำเป็นแล้วละ..ในเมื่ออยู่กันแค่สองคนแล้วนี้ครับ..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว..มาเรามอบความรักของเจ้านายผู้สูงส่ง กับสัตว์ผู้น่ารังเกลียด..ที่เจ้านายเผลอไปเก็บมันได้ระหว่างทาง..ดีรึเปล่าล่ะครับ..ท่านนายน้อยริทสึของกระผมผู้ต่อยต่ำคนนี้.."โอกิยืนขึ้นเต็มความสูง ที่เลยหัวของผมไป เพราะอายุมากกว่าผมหนึ่งปี 

    ก้มมองผม จนดวงตาสีแดงสดของเขาดูวาววาบขึ้นเหมือนสัตว์ป่า ที่กระหายเลือด แต่จริงๆคงจะกระหายความเจ็บปวดเสียมากกว่า.. แสยะยิ้มมาให้ผมอย่างกับคนที่วิปริตสุดขั้ว..

















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×