Shortfic [HSJ-BuHik] Boku wa Vampire... (Yaoi) - Shortfic [HSJ-BuHik] Boku wa Vampire... (Yaoi) นิยาย Shortfic [HSJ-BuHik] Boku wa Vampire... (Yaoi) : Dek-D.com - Writer

    Shortfic [HSJ-BuHik] Boku wa Vampire... (Yaoi)

    โดย POP_okamo

    ความรักไม่อาจยุติสงคราม สงครามไม่อาจยุติความรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    702

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    702

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ส.ค. 55 / 11:07 น.

    แท็กนิยาย

    Fic hsj BuHik Vampire



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    Kota Yabu




    Hikaru Yaotome

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Guest



    Keito Okamoto
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      Boku wa Vampire...


      สามร้อยปีล่วงผ่านมานับตั้งแต่สงครามครั้งนั้นได้ยุติ

      สงครามเย็นระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ที่กินเวลามาหลายศตวรรษถูกดำเนินการอย่างเงียบๆ เหล่าแวมไพร์ต่างถูกไล่ต้อนและสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยฝีมือมนุษย์ผู้ที่เชื่อในอำนาจแห่งแวมไพร์ว่าคือความมืดมนและความตาย เมื่อครั้งที่ความดุเดือดของสงครามปะทุขึ้นมันก็ไม่ได้เป็นแค่สงครามเย็นอีกต่อไปหากแต่แวมไพร์ต่างถูกฆ่าอย่างเปิดเผย ผู้คนในยุคนั้นต่างตื่นตัวในการตามล่าแวมไพร์ แม้ในบางความเชื่อแวมไพร์จะเป็นผีดิบที่ร้ายกาจหากทว่ากลับมีข้อจำกัดด้านร่างกายหลายอย่าง เหล่าแวมไพร์อาจไม่ได้ถูกฆ่าด้วยแสงแดดแต่ก็ไม่ได้ปลื้มในแสงสว่างของมันดังเช่นมนุษย์ที่หวาดกลัวต่อความมืดมิด

      เมฆดำเคลื่อนคล้อยเข้าปกคลุมท้องฟ้ายามราตรีแห่งกรุงโตเกียวแต่ผู้คนที่แออัดกันอยู่ในเมืองแห่งนี้ไม่อาจสังเกตเห็นมันได้ ณ หอคอยโตเกียวทาวเวอร์ที่สูงเสียดฟ้า โคตะเฝ้าสังเกตเมฆที่เคลื่อนตัวเข้ามาที่เป็นเหมือนสัญญาณแห่งสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ได้ยุติโดยเหล่าแวมไพร์ที่ต้องหนีตายไปอยู่ในป่าลึกเพื่อหลีกหนีการตามล่าและการฆ่าที่โหดเหี้ยมจากเหล่ามนุษย์

      'เหล่ามนุษย์หน้าโง่จะต้องถึงกาลอวสานในคราวนี้'

      เขาได้รับสาส์นนี้เมื่อสามวันก่อนจากหัวหน้าแวมไพร์อักษะ สี่ร้อยปีในฐานะหัวหน้าแวมไพร์อารยะ เขาได้พบเจอกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์มากมาย แม้มันจะเป็นแค่เรื่องง่ายๆในการฆ่ามนุษย์เพื่อแก้แค้นแก่เหล่าแวมไพร์ผู้สูญเสียแต่ถึงกระนั้นด้วยความโง่เง่าของมนุษย์ทำให้พวกเขา เหล่าแวมไพร์อารยะไม่อาจทำใจฆ่ามนุษย์ได้ลง มนุษย์อาจไม่รู้ว่าพวกตนได้ถูกปกป้องจากการถูกฆ่าด้วยเหล่าแวมไพร์อักษะที่พร้อมจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อใดก็ได้ เมื่อเกิดการแตกแยกระหว่างแวมไพร์ด้วยกัน จึงไม่มีแค่เพียงสงครามระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์อีกต่อไป แต่หากเป็นสงครามระหว่างแวมไพร์ด้วยกันเองด้วย

      "ในที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้" โคตะพึมพำเมื่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณแห่งเหล่าแวมไพร์อักษะที่เคลื่อนคล้อยใกล้เข้ามา มีเพียงแค่เหล่าแวมไพร์อารยะเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องมนุษย์จากเปล่าแวมไพร์อักษะได้และถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว เขากางปีกขนนกสีดำใหญ่ที่หลังออกก่อนจะพาตัวเองบินขึ้นไปยังทิศเหนือเพื่อให้เหล่าแวมไพร์อารยะได้เตรียมพร้อม

       

      ปีกขนนกสีดำของโคตะหุบลงและหายไปเมื่อเท้าของเขาแตะพื้นกว้างหน้าคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่งที่เขาใช้เป็นที่ซ่องสุมกำลังของเหล่าแวมไพร์อารยะ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยหากทว่าเขารู้ว่าในใจของหนุ่มคนนี้หวาดกลัวแค่ไหน แม้จะเรียกว่าเด็กหนุ่มแต่แวมไพร์ตนนี้ก็มีอายุกว่าสามร้อยปีแล้ว แวมไพร์หนุ่มหยุดยืนตรงหน้าเขา "วันนี้มีมนุษย์สิบคนที่ถูกสังหารตามที่เหล่าแวมไพร์อักษะได้แจ้งไว้ พวกเขาถูกกัดและเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด" แวมไพร์หนุ่มเงียบไปสักพักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม "ท่านพ่อครับ แวมไพร์อักษะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ผมไม่แน่ใจว่าเราจะ....."

      "กลัวหรือเคโตะ"

      เคโตะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย "ครับท่านพ่อ"

      โคตะยิ้มน้อยๆ เคโตะเป็นลูกชายคนโตในบรรดาลูกชายทั้ง 3 คนของเขา และเป็นเพียงคนเดียวที่เกิดกับภรรยาคนแรกแต่อีกสองคนนั้นเกิดกับภรรยาคนที่สองซึ่งหล่อนได้ถูกเหล่าแวมไพร์อักษะสังหารไปเมื่อร้อยปีก่อน

      แม้เคโตะจะเป็นถึงลูกชายหัวหน้าแวมไพร์อารยะแต่หากเป็นคนที่ไม่ชอบสงครามและการฆ่าฟันเอาเสียเลยซึ่งต่างจากน้องชายทั้งสองที่กระหายในการฆ่าเหล่าแวมไพร์อักษะเสียเต็มกำลัง "เจ้าไม่น่าเกิดมาเป็นแวมไพร์เลยเคโตะ สามร้อยปีมานี้โลกสอนอะไรแก่เจ้าบ้างเจ้าก็น่าจะรู้ ถ้าไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตโง่เง่าที่เราต้องปกป้องเพราะนั่นคืออาหารของเรา เจ้าไม่ใช่มนุษย์เพราะฉะนั้นอย่าได้ทำตัวอ่อนแอแบบนี้อีก"

      เคโตะเม้มริมฝีปากแน่น ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้สิ่งที่เขาต้องพบเจอคือการฆ่าและการดื่มเลือดเพื่อดำรงชีพ เพราะเกิดเป็นแวมไพร์การดื่มเลือดจึงสำคัญ แต่กระนั้นทุกครั้งที่ดื่มเขากลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวอันน่ารังเกียจของมันแต่หากจะไม่ดื่มร่างกายเขาก็อ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรได้ แม้การดูดเลือดจะไม่ทำให้มนุษย์ถึงตายหรือกลายเป็นแวมไพร์ได้แต่เขาก็รังเกียจที่จะทำมัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตแบบนี้ได้ การเกิดเป็นแวมไพร์ทำให้เขาทรมานจนแทบจะทนไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้สู้เกิดเป็นมนุษย์และใช้ชีวิตสงบๆ กับพวกหน้าโง่พวกนั้นดีกว่า เคโตะพยักหน้าน้อยๆ "ผมจะจำไว้ครับ"

      ใบหน้าของโคตะกลับมานิ่งเฉยอีกครั้ง "พ่อได้ยินเจ้าพูดแบบนี้มากว่าสามร้อยปีแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ากลัวนักเจ้าก็จงอยู่ที่นี่แล้วเอากระโปรงใส่ซะ น้องทั้งสองจะจัดการในส่วนของเจ้าเอง" เขาพูดอย่างเย็นชาแล้วเดินผ่านลูกชายคนโตมาอย่างไม่แยแส แค่เกิดมาผิดแผกจากแวมไพร์ทั้งหลายก็ทำให้เคโตะทรมานมากพออยู่แล้วยังต้องมาอยู่ในกฎระเบียบอันเข้มงวดของเหล่าแวมไพร์อารยะอีกคงทำให้ลูกชายของเขาทรมานมากพอดู แต่ในเวลานี้เขาไม่มีสิทธิ์มาสงสารลูก เมื่อสงครามได้เกิดขึ้น ความเมตตาไม่มีในพจนานุกรม

      โคตะเดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยค้างคาวนับร้อยตัวที่เกาะอยู่อย่างเงียบกริบ เด็กหนุ่มสองคนยืนขึ้นทันทีเมื่อเขาเข้ามา "ยูโตะ ยูริ เตรียมพร้อมแล้วใช่มั้ย" เขาถาม

      "ครับท่านพ่อ" ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

      "พี่เคโตะจะไปกับเราด้วยหรือเปล่าครับ" ยูริถาม เขารู้ว่าพี่ชายนั้นลำบากในการใช้ชีวิตแค่ไหน ยิ่งจะให้ไปพบเจอกับการฆ่าฟันเหล่านั้นอีก พี่ชายเขาจะทนได้ยังไง

      "เคโตะไม่มีข้ออ้างในการหลีกหนี ถ้าเขาไม่ไปเขาก็จะกลายเป็นตัวถ่วงของพวกเรา และเมื่อถึงเวลานั้นพ่อจะฆ่าเขาด้วยมือของพ่อเอง" โคตะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนยูริและยูโตะต้องนิ่งเงียบ "แวมไพร์อักษะจะต้องฆ่ามนุษย์เพิ่มอีกแน่เพราะฉะนั้นพวกเจ้าทั้งสองจงไปเตรียมตัวไว้ บอกเคโตะด้วย อย่าทำตัวเป็นตัวถ่วงของพวกเราเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่จะต้องตายเมื่อถึงเวลาอันสมควร" เขาพูดแล้วเดินจากลูกชายทั้งสองมา

      ภายในห้องพักส่วนตัวของโคตะที่ทั้งเงียบและหนาวเย็น ไม่มีแม้ไฟเพียงสักดวงเดียวส่องสว่าง แต่ด้วยเลือดแวมไพร์ในตัวเขา ความมืดไม่เป็นอุปสรรคในการมองเห็น เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเมื่ออยู่ตามลำพัง ไมใช่เพียงเคโตะหรอกที่เกลียดสงคราม เขาเองก็เกลียดมันเช่นกัน เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามร้อยปีก่อนเมื่อภรรยาคนแรกของเขาถูกแวมไพร์อักษะส่งให้เหล่ามนุษย์และ.....

      ใจเขาเจ็บแปลบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ไฟที่โหมลุกลามเลียไปทั่วตัวภรรยาทำให้เขาเจ็บปวดจนไม่อาจทนมองได้ ทั้งๆ ที่อยู่แค่เอื้อมมือนี้แต่กลับไม่สามารถช่วยอะไรภรรยาได้เลย แต่ในขณะที่ภรรยาเขากำลังจะสิ้นใจก็ปรากฏความมืดของหมอกดำกลืนไปทั่วบริเวณ พอหมอกจางหายภรรยาเขาก็หายไปด้วยโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้แม้แต่เถ้าถ่านหรือเศษเสื้อผ้าสักชิ้น ใครบางคนมาช่วยชีวิตภรรยาเขาไปแต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอยู่ที่ไหน เขาเฝ้าเพียรตามหามานานกว่าสามร้อยจนถึงตอนนี้แต่ก็ไม่พบ โคตะลูบแหวนเงินในมืออย่างเลื่อนลอย "ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินฮิคารุ"

      "ท่านพ่อ!! แวมไพร์อักษะเริ่มลงมือแล้วครับ!!"

      เสียงตะโกนของยูโตะทำให้เขาหลุดจากภวังค์ ถึงเวลาแล้วสินะ! โคตะหยิบดาบที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะรีบเดินออกไป แวมไพร์นั้นว่องไวชนิดหาตัวจับยากดังนั้นวิธีฆ่าจึงมีวิธีเดียวคือ การเข้าต่อสู้ประชิดตัว ดาบที่ถูกร่ายมนตร์ไว้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถฆ่าเหล่าแวมไพร์อักษะได้ รวมทั้ง แวมไพร์อารยะอย่างพวกเขาด้วย

      โคตะเดินออกมาหน้าคฤหาสน์ เหล่าแวมไพร์อารยะนับพันรอเขาอยู่แล้ว เคโตะก็อยู่ที่นั่นด้วย กองทัพแวมไพร์อารยะดูจะรู้หน้าที่ของตนดีโดยไม่ต้องให้สั่ง ทุกตนกางปีกของตนออกก่อนจะบินขึ้นพร้อมกันเมื่อโคตะบินนำหน้าไปก่อน โคตะไม่เสียเวลาหันกลับไปมองว่ากองทัพของเขาตามมาครบหมดหรือถูกโจมตีระหว่างทางหรือไม่ หน้าที่ของเขาคือนำเหล่าแวมไพร์อารยะมุ่งหน้าสู่สงครามที่กำลังจะปะทุขึ้น ณ ใจกลางกรุงโตเกียว

       

      ยิ่งบินเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่าไรเคโตะก็ยิ่งได้กลิ่นคาวเลือดที่น่ารังเกียจมากขึ้นเท่านั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่ามนุษย์ทำให้เขาเวียนหัวและพร้อมจะหุบปีกแล้วจอดแวะที่ใดก็ตามที่จะทำให้เขาหลบไปให้พ้นจากสงครามเหล่านี้ไปได้ แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป ถ้าไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า นั่นคือสิ่งที่เขาถูกปลูกฝังมาโดยตลอด เคโตะฝืนใจบินต่อไปอีกจนได้แต่ก็แทบหมดแรงเต็มที

      เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อเขาเข้าไปถึงกลางกรุงโตเกียวพร้อมเสียงร้องโหยหวนของเหล่ามนุษย์ที่คละเคล้ากันอยู่พร้อมกลิ่นคาวเลือดที่อบอวลไปทั่วบริเวณ เหล่าทหารของแวมไพร์อารยะที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ตายไปเกือบหมดด้วยฝีมือของแวมไพร์อักษะ

      เคโตะหลบดาบของแวมไพร์อักษะตนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างทันท่วงที เขาหันกลับไปมองพร้อมกระชับดาบในมือเตรียมต่อสู้ แต่ทว่าร่างกายของอักษะตนนั้นกลับเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดที่ชวนสะอิดสะเอียนนัก ดาบของเจ้าอักษะต้องแสงไฟจ้าจนทำให้เขาตาลายไปชั่วขณะก่อนที่คมดาบของมันจะพุ่งเข้ามาเฉียดสีข้างเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เคโตะปัดดาบของเจ้านั่นออกก่อนจะจ้วงแทงออกไปแต่เจ้านั่นก็หลบได้ทันท่วงที

      เคโตะรู้สึกถึงร่างกายที่เริ่มอ่อนล้าและหัวเริ่มจะปวดมากขึ้นเพราะกลิ่นเลือดที่ตลบอบอวล อักษะตนนั้นจ้วงแทงดาบมาที่เขาอีกครั้งแต่ร่างกายเขาอ่อนล้าเกินกว่าจะต้านทานได้ทำให้ดาบนั้นแทงทะลุท้องเขาออกไป เคโตะรู้สึกถึงความแสบร้อนบริเวณที่โดนแทง เลือดของเขาพุ่งออกจากร่างเหมือนท่อแตกเมื่อเจ้านั่นดึงดาบออก อักษะตนนั้นหัวเราะเสียงแหบแห้งก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะขาดห้วงไป

      โคตะตัวชาเมื่อเห็นร่างของลูกชายคนโตตกลงไปข้างล่างต่อหน้าต่อตาเขา โคตะกระชับดาบในมือแน่นแล้วพุ่งเข้าไปหาอักษะตนนั้นอย่างเคียดแค้น แต่ทันทีที่อักษะตนนั้นหันหน้ามาก็ทำให้เขาต้องเบี่ยงคมดาบที่จะจ้วงแทงเจ้านั่นให้หันไปอีกทางเพื่อจะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อคนตรงหน้า โคตะมองหน้าของอักษะตนนั้นอีกครั้ง "เจ้าคือฮิคารุใช่มั้ย" เขาเรียกชื่อของอักษะตนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง สามร้อยปีในการตามหาแต่เขาไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ภรรยาคนแรกของเขาได้กลายเป็นพวกแวมไพร์อักษะไปเสียแล้ว! "แวมไพร์คนที่เจ้าฆ่าไปเมื่อกี้นี้ เขาเป็นลูกของเรานะ!"

       

      ฮิคารุมองตามร่างที่หล่นลงไปข้างล่างด้วยความหดหู่ใจ ลูกชายของเขาที่ต้องอยู่อย่างทรมานมาตลอดสามร้อยปี เขาจะทำให้มันจบๆ ไปซะ เขาไม่อยากให้ลูกชายต้องอยู่อย่างทรมานอีกแล้ว ฮิคารุละสายตาจากเคโตะหันไปมองอดีตสามีที่ทำหน้าตกตะลึงอยู่

      "ทำไมกันฮิคารุ ทำไมถึงได้กลายเป็นอักษะไปได้" น้ำเสียงของโคตะดูหดหู่ยิ่งนัก

      ฮิคารุไม่ตอบคำถาม เขาจับดาบไว้มั่นแล้วพุ่งตรงเข้าไปยังคนตรงหน้าด้วยหวังจะแทงให้ดับชีวิตเสียแต่โคตะก็เก่งพอที่จะหลบดาบของฮิคารุได้ ดาบของทั้งคู่ปะทะกันจนเกิดประกายไฟวาบไปทั่วท้องฟ้า โคตะฟันดาบตรงมาที่เขาแต่ฮิคารุก็ปัดมันไปได้ทัน "ตอนนี้ข้าเข้ากับฝ่ายอักษะแล้ว จบกันสักทีกับพวกมนุษย์หน้าโง่พวกนี้!" ฮิคารุพูดแล้วพุ่งดาบเข้าใส่โคตะอีกครั้งก่อนที่ร่างสูงจะบินหลบไปอีกทาง

      โคตะบินอ้อมมาด้านหลังแล้วล็อคตัวของอดีตภรรยาไว้ "หยุดนะฮิคารุ ตั้งสติหน่อยสิ เจ้าไม่ใช่แวมไพร์อักษะ ตัวตนของเจ้าคืออารยะ!"

      "หุบปาก!!" ฮิคารุเหวี่ยงตัวออกจากการเกาะกุมของโคตะ "แม้ข้าจะไม่ใช่อักษะโดยกำเนิด แต่สำหรับมนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะอักษะหรืออารยะพวกนั้นก็ฆ่าหมด ตัวข้าเองก็จะไม่สนเหมือนกันว่าจะเป็นพวกไหน มนุษย์คือศัตรูที่สมควรถูกกำจัด"

      โคตะปัดดาบของฮิคารุที่ฟาดฟันมา "หยุดเถอะฮิคารุ มนุษย์พวกนั้นควรที่จะอยู่อย่างสงบในที่ที่พวกเขาอยู่"

      "แล้วพวกเราล่ะ พวกเราเหล่าแวมไพร์ก็อยู่อย่างสงบมาโดยตลอด แม้จะดื่มเลือดมนุษย์แต่เราก็ไม่เคยฆ่าใครเลยสักครั้งแล้วทำไมเจ้ามนุษย์ทั้งหลายถึงฆ่าพวกเราอย่างไม่เลือกหน้าแบบนั้น" ฮิคารุพูดแล้วฟันดาบไปยังคนตรงหน้า

      โคตะเหวี่ยงตัวหลบดาบของฮิคารุ "มนุษย์จำเป็นต้องได้รับการเรียนรู้"

      "แล้วมันเมื่อไรล่ะ!" ฮิคารุพุ่งตัวเข้าใส่โคตะแต่ร่างสูงก็หลบได้ทันอีก "เมื่อไรพวกนั้นจะอยู่กับเราอย่างสงบสักที!" โคตะไม่ตอบ แม้มนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก็มีประโยชน์ที่เป็นอาหารของเหล่าแวมไพร์อย่างพวกเขา

      ดาบของทั้งคู่เข้าฟาดฟันกันอีกครั้งอย่างดุเดือด โคตะปัดดาบของฮิคารุได้อีกครั้งก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอันดัง "ที่เคโตะเป็นลูกในไส้ของเจ้า ทำไมเจ้าถึงฆ่าเขาได้ลงคอ" ด้วยความเสียใจอย่างที่สุดต่อการจากไปของเคโตะทำให้โคตะพลาดท่าและปล่อยช่องโหว่ให้ฮิคารุได้แทงดาบโดนสีข้างของเขาได้สำเร็จ โคตะถอยห่างออกมาแล้วกุมแผลที่มีเลือดไหลไว้พลางมองอดีตภรรยาด้วยความผิดหวังและเสียใจ

      ฮิคารุแสยะยิ้ม "สามร้อยปีก่อนถ้าข้ารู้ว่าเคโตะโตมาแล้วจะเป็นแบบนี้ข้าคงฆ่าเขาเสียตั้งแต่ยังแบเบาะเพื่อไม่ให้เขาต้องทรมาน เจ้าอาจจะบอกว่าข้าโหดเหี้ยมก็ได้โคตะ แต่สำหรับข้าแล้วการที่เห็นลูกชายต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานมาตลอดสามร้อยปีมันทำให้ข้าทรมานใจมากกว่าการที่ข้าเห็นเขาตายเสียอีก"

      "แต่ตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว แล้วทำไมเจ้ายังต้องเป็นฝ่ายอักษะอยู่เล่า!"

      "เจ้ารู้เหตุผลข้อนั้นดีโคตะ" ฮิคารุตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง โคตะสังเกตได้ว่านัยน์ตาคู่นั้นแฝงเร้นไปด้วยความเสียใจและรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา

      โคตะส่ายหน้าอย่างไม่อาจรับได้ "เจ้าก็รู้ว่าข้าทำไม่ได้"

      "แต่เจ้าจำเป็นต้องทำ เคโตะตายไปแล้วข้าไม่มีเหตุผลจะต้องอยู่ต่ออีก ตอนนี้ข้าคือแวมไพร์อักษะศัตรูของเจ้า ฆ่าข้าเสียทีสิ!"

      ดวงตาของโคตะรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลริน "แล้วข้าล่ะ ข้าเฝ้าคิดถึงเจ้าและรักเจ้าตลอดมา แต่เจ้าหมดรักข้าแล้วหรือ" ดวงหน้าของฮิคารุเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาแต่ไม่ตอบคำถามของเขา สายตานั้นอ้อนวอนให้เขากระทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจเขาอย่างสิ้นเชิง โคตะน้ำตาไหลด้วยความทรมานใจ "ข้าทำไม่ได้ฮิคารุ ข้าเสียเคโตะไปแล้วข้าไม่อยากเสียเจ้าไปอีก"

      ฮิคารุหลับตาลงครู่หนึ่งคล้ายกำลังตัดสินใจก่อนพุ่งดาบเข้าใส่โคตะหวังจะฆ่าเสียแต่โคตะก็หลบได้อีก "เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่า ในโลกของแวมไพร์ถ้าไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า ในเมื่อเจ้าไม่ยอมฆ่าข้า เห็นทีข้าคงต้องฆ่าเจ้าเสียแล้ว" และโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงฮิคารุพุ่งดาบเข้าใส่โคตะอีกครั้งอย่างรวดเร็วจนโคตะตั้งตัวไม่ติด

      ด้วยสัญชาตญาณนักรบของโคตะ เมื่อภัยมาถึงตัวเขาก็ต้องรีบป้องกันและสวนกลับ ดาบของฮิคารุถูกปัดออกไปอย่างง่ายดายราวกับมันพร้อมจะยอมแพ้เขาเมื่อไรก็ได้ก่อนที่ดาบของโคตะจะแทงทะลุร่างของอดีตภรรยาจนมิดด้าม ฮิคารุไม่ร้องออกมาสักนิดเมื่อดาบนั้นแทงเข้าสู่ร่างทั้งๆ ที่ฤทธิ์ของมันสามารถสร้างความเจ็บปวดแก่ร่างกายได้อย่างเหลือแสน

      ฮิคารุยิ้มให้กับโคตะที่ตอนนี้กำลังตกตะลึงในสิ่งที่ตนทำ น้ำตาของฮิคารุไหลรินพร้อมรอยยิ้มที่ระบายออกมา "สามร้อยปีที่ข้าต้องอยู่อย่างอัปยศด้วยเป็นพวกเดียวกับแวมไพร์อักษะ บัดนี้เจ้าได้ล้างความอัปยศนั้นให้ข้าแล้ว ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้ารักเจ้าเสมอ ลาก่อน"

      คำพูดสุดท้ายที่ออกจากปากภรรยานั้นช่างบาดใจเขายิ่งนัก ร่างของฮิคารุค่อยๆ ไหม้และสลายกลายเป็นอากาศธาตุด้วยฤทธิ์ของดาบของเขา โคตะแทบหมดแรงเมื่อในมือนั้นเหลือเพียงแค่ดาบที่เขาใช้แทงอดีตภรรยาจนสิ้นชีพเท่านั้น ปีกขนนกอันใหญ่ของเขาค่อยๆ หลุดร่วงหล่นลงไปด้วยพิษจากแผลที่โดนแทงและอารมณ์เศร้าหมองที่กินใจเขาอยู่

      ยูโตะบินมาอยู่ข้างๆ "ท่านพ่อครับ ท่านพ่อบาดเจ็บอยู่ไปรักษาตัวก่อนเถอะครับ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

      แต่โคตะก็ไม่ได้ตอบอะไรไปในทันที เขาหันไปมองหน้าลูกชายคนรองซึ่งตอนนี้มีฐานะเทียบเป็นพี่ใหญ่เมื่อเคโตะตายไปแล้ว "ยูโตะ" ยูโตะนิ่งฟังเขาจึงพูดต่อ "ดูแลน้องและเหล่าแวมไพร์อารยะแทนพ่อด้วย ตอนนี้คงถึงเวลาของพ่อแล้ว"

      "ไม่นะครับท่านพ่อ!" ยูโตะน้ำตาไหลอาบแก้มและร้องอย่างตกใจ "ท่านพ่อต้องเป็นอะไรนะครับ"

      โคตะยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นยูริบินมาอยู่เคียงข้างเขาอีกคน "เคโตะตายไปแล้วต่อไปคงไม่มีใครปกป้องเหล่าแวมไพร์อารยะได้อีกนอกจากเจ้า พ่อฝากเจ้าด้วยยูโตะ" โคตะยิ้มให้ลูกทั้งสองด้วยความเมตตาก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ ไหม้และสลายกลายเป็นอากาศธาตุ

       

      การจากไปของพ่อและพี่ชายทำให้ความแค้นสุมในหัวใจของยูโตะและยูริยิ่งนัก พวกเขาฆ่าเหล่าแวมไพร์อักษะอย่างดุเดือดจนในที่สุดสงครามก็ยุติลงด้วยชัยชนะของแวมไพร์อารยะในคืนนั้น ความทรงจำของมนุษย์ทั้งหมดถูกลบทิ้ง เช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนต่างใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่อาจจำได้ว่า การฆ่าอย่างดุเดือดของเหล่าแวมไพร์เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อคืนที่ผ่านมา

       

      แสงแดดจ้าส่องทะลุดวงตาเขาจนแสบแทบจะมองไม่เห็น เคโตะค่อยๆ ปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างที่แยงตาเขาอยู่

      "นายน้อยริวทาโร่ไปเถอะขอรับ เขาน่ากลัวออก"

      เสียงของใครคนหนึ่งดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทของเขา ตอนนี้เขานอนอยู่ในสวนใหญ่โตของคฤหาสน์หลังหนึ่ง เคโตะค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ดาบนั่นสามารถฆ่าเขาได้แต่แผลที่โดนแทงเมื่อคืนกลับหายสนิทโดยไม่เหลือร่องรอย เขารู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างในตัวเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป

      "เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยขอรับ บอกท่านชายยูยะให้คนมาลากตัวเขาออกไปดีกว่านะขอรับนายน้อยริวทาโร่"

      เคโตะหันไปตามเสียงนั้น หนุ่มน้อยตาโตคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปกำลังจ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจพร้อมด้วยพ่อบ้านคู่กายที่พร้อมจะลากหนุ่มน้อยนั้นไปจากเขาเสียให้ได้ ความรู้สึกบางอย่างในตัวของเคโตะเริ่มคุกกรุ่นเมื่อสบตากับดวงตาโตคู่นั้น

      "พี่เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ"

      น้ำเสียงน่ารักนั้นทำให้ภายในกายเขายิ่งร้อนทุรนทุราย พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างเด็กหนุ่มคนนั้นจ้องหน้าเขาด้วยความหวาดกลัวก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่รอนายน้อยของตัวเองเลยแต่หนุ่มน้อยคนนั้นก็ยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ

      "พี่เป็นนักแสดงเหรอครับ ผมดูเมื่อวานนี้ พระเอกเป็นแวมไพร์และเขาก็มีเขี้ยวแบบพี่นี่แหละ" ริวทาโร่พูดกับเขาอย่างใสซื่อ

      เคโตะยิ้มอย่างยินดี เขี้ยวสีขาวต้องแสงแดดแวววับ กลิ่นเลือดในกายมนุษย์ที่เขาเคยรังเกียจแต่บัดนี้มันกลับทำให้เขากระหายจนอยากจะฝังเขี้ยวลงไปบนต้นคอขาวเนียนของเด็กหนุ่มคนนี้เต็มทน เขาเดินเข้าไปใกล้ริวทาโร่แล้วมองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาแดงโรจน์ เป็นเวลากว่าสามร้อยร้อยปีที่ในที่สุด สัญชาตญาณแห่งแวมไพร์ของเขาก็ได้ถือกำเนิด!
       

      ------------------------------ THE END ------------------------------

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×