ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] light&dark {lubaek , kaido ,etc.}

    ลำดับตอนที่ #8 : -SEVEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 230
      1
      3 ก.พ. 57

    ……………………………………………………………………………………………………

     

    “เชิญนั่งก่อนเลยครับ” เสียงขอหมอคริสที่ดังขึ้นมาไม่ได้ช่วยให้แบคฮยอนขยับตัวแม้แต่น้อย เขายืนนิ่งเหม่อลอยแต่ในใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ

     

    ในที่สุดก็พ้นสายตานายนั่นออกมาซะทีนะ แบคจะเป็นลม ฮื้ออ

     

    “แบค..แบคฮยอนลูก มานั่งสิ แบค!” แทยอนเรียกลูกชายให้มานั่งข้างๆเพราะลูกชายตัวดีมัวแต่ยืนเหม่อลอยอยู่หน้าประตู

     

    “อ๊ะ!” แบคฮยอนสะดุ้งเดินมานั่งเก้าอี้ข้างแม่ตัวเอง หันยิ้มแห้งๆให้แม่และคุณหมอที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเขา

     

    มัวแต่คิดอะไรเนี้ยเรา แล้วทำไมสายตานั่นเหมือนยังจ้องอยู่ตลอดเลยนะ

     

    “สวัสดีครับคุณแทยอนแล้วก็แบคฮยอน ผมคริสเป็นหมอดูแลเคสนี้เองนะครับ” คริสพูดทักทายอย่าเป็นกันเองเพื่อให้แบคฮยอนคลายความกังวล

     

    “ขอบคุณที่ไว้ใจโรงพยาบาลขอเรานะครับ แบคฮยอนไม่ต้องกังวลนะโรงพยาบาลเจจองของเราประวัติของคนไข้ทั้งหมดเป็นจะเป็นความลับ เพราะโรงบาลเราไม่ได้มีแต่คนไข้ทั่วไป แต่จะมีคนไข้ พิเศษพวก ดารา นักการเมือง ผู้นำในประเทศอื่นๆ หรือ บางรายที่มารักษาเฉพาะอาการโฟเบีย(โรคกลัวอะไรบางอย่างสุดขีด) เท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้ารักษากับเราแล้วหายออกไปจะไม่มีประวัตติดตัวแน่นอนครับ”

     

    “แล้วถ้าไม่หาย..ถ้ารักษาไม่หายหละครับหมอ” แบคฮยอนเงยหน้ามามองคนตรงข้าม เขาไม่กลัวว่าใครจะรู้ว่าเค้าเป็นอะไรมาก่อน เพราะปกติเพื่อนที่โรงเรียนก็ไม่ค่อยมีใครจะมาคุยกับเขาอยู่แล้ว และพี่จงอินก็เกลียดเขาไปอีกคน เค้าแค่กลัวว่าจะไม่หายกลัวไม่ได้กลับไปอยู่กับแม่อีกครั้ง

     

    “แบคฮยอน..” แทยอนอุทานออกมาเบาๆ แต่ก็หันไปมองหมอเพื่อเราคำตอบ บางทีคำถามนี้เธอก็อยากจะถามออกไปเหมือนกัน ถ้าลูกไม่หายหละ..เธอจะได้ลูกชายกลับคืนไปไหม..

     

    “หมอบอกไม่ได้หรอกนะครับว่าคนไข้ทุกรายจะหาย และหมอก็จะไม่รับปากอะไรแบบนั้นด้วย แต่ที่คุณแทยอนพาแบคฮยอนมาที่นี่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เพราะมีความหวังว่าจะหายหรอครับ? ถ้ามาที่นี่แล้วคิดแต่ว่าจะไม่มีทางหาย หมอก็อยากให้กลับไปเถอะครับ ถ้ามีกำลังใจและหมอก็จะรักษาอย่างเต็มที่ หมอเชื่อว่าต้องหายแน่นอน”  คริสบอกอย่างเรียบๆ ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนคือคนไข้คนแรกที่ถามคำถามนี้ เพราะคนไข้เกือบจะทุกคนก็ถามคำถามนี้กับเขา การรักษาทางจิตมันยากกว่าการรักษาทั่วไปตรงที่คนไข้ต้องให้ความร่วมมือและมีกำลังใจไปพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหายแน่นอน

     

    “ผมขอโทษครับหมอ ผมจะตั้งใจผมจะต้องหายให้ได้ครับ” แบคฮยอนตอบมาอย่างมุ่งมั่น ก่อนที่จะหันไปหาแม่ที่ลูบหัวเขา เหมือนจะบอกว่าพวกเขาต้องผ่านมันไปด้วยกัน

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ คนไข้ก็ถามผมแบบนี้ประจำเราต้องสู้ไปด้วยกันนะครับแบคฮยอน” คริสยิ้มให้กับแบคฮยอนเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาแล้วหมุนมันไปทางแทยอน

     

    “นี่คือเอกสารยินยอมให้รักษาและส่งมอบคนไข้ให้กับโรงบาลเรานะครับคุณแทยอน ในระหว่างสามเดือนนี้จะย้ายคนไข้เพื่อไปรักษาที่อื่น หรือกลับไปอยู่บ้านไม่ได้เด็ดขาด มันไม่ได้มีเพื่อกักขังไว้ตลอดไป แต่เพื่อตัวคนไข้เองเพราะการรักษาแบบนี้ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ ผู้ปกครองคนไข้บางรายทนไม่ไหวนำคนไข้ย้ายที่ไปหรือกลับไปก่อนที่สุขภาพจิตจะคงที่ อาจทำให้แย่กว่าเดิมนะครับ” คริสเว้นช่วงไว้เล็กน้อยเพราะเห็นท่าทางของแทยอนลังเล  “ถ้าไม่มั่นใจในความปลอดภัย หรือ การรักษาของเรา สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาเลยครับ”

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะคุณหมอแบคฮยอนว่ายังไงลูก” แทยอนตอบออกมาที่เธอลังเลไม่ใช่เพราะไม่เชื่อมั่นในการรักษาแต่เพราะการที่จะต้องไม่เจอลูกชายตลอดสามเดือน บางคนอาจจะง่ายแต่สำหรับเธอและแบคฮยอนที่ไม่เคยจากกันไปไหนนานเกินวันมันเป็นคำตอบที่ยาก

     

    “ไม่เป็นไรครับแม่ผมจะตั้งใจ” แบคฮยอนยิ้มให้แม่กว้างถึงจะใจหายแต่เพื่อเค้าจะได้เลิกเป็นไอ่โรคประหลาดนี้เขาก็พร้อมจะทำ

     

    “นี่ค่ะคุณหมอ แล้วจากนี้ต้องทำยังไงต่อคะ” แทยอนที่ได้ฟังคำตอบจากลูกชายก็ก้มลงเซ็นในเอกสารก่อนที่ยื่นคืนกลับไปให้คริส

     

    “ก็จากนี้เดี๋ยวแบคฮยอนจะต้องไปตรวจสภาวะของจิตกับคุณหมอจุนมยอนเพื่อส่งมอบให้ผมเพื่อวางแผนการรักษาอีกที เรื่องที่พักน่าจะอยู่ห้องรวมกับคนไข้อีกคน ส่วนเรื่องค่ารักษาผมจะคุยรายละเอียดกับคุณแทยอนอีกที ตอนนี้แบคฮยอนก็ตามไปทำประวัตกับหมอจุนมยอนที่แผนกนั้นก่อนนะครับ” คริสพูดจบก็ยกโทรศัพท์เพื่อให้พยาบาลเข้ามาพาตัวแบคฮยอนไปตรวจกับหมอจุนมยอน

     

    “หมอคะ ห้องรวมหรอคือหมอก็รู้ว่าแบคฮยอนเค้า….” แทยอนรีบหันกลับมาถามออกมาทันที่เห็นแบคฮยอนออกจากห้องไป

     

    “ผมทราบดีครับแบคฮยอนจะได้อยู่ห้องเดี่ยว แต่ที่พูดไปเพื่อไม่ให้แบคฮยอนเค้าคิดว่าตัวเอกแปลกแยกหนะครับ คุณแทยอนวางใจได้”

     

    “อ๋อ ขอบคุณนะคะคุณหมอ ฉันไม่ทันคิดเลย” แทยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     

    “ไม่เป็นไรครับ แล้วเรื่องค่ารักษาผมขอไม่คิดนะครับเพราะในเคสของแบคฮยอนแปลกมากผมจะเก็บข้อมูลเพื่อทำการวิจัยในอาการนี้ต่อไป แล้วประวัติของแบคฮยอนจะเป็นความลับอย่างแน่นอนครับ”

     

    “จะดีหรอคะคุณหมอ”

     

    “ดีสิครับ ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณแทยอนมากนะครับที่ไว้ใจให้แบคฮยอนมารักษากับโรงพยาบาลของเรา เดี๋ยวถ้าแบคฮยอนตรวจกับหมอจุนมยอนเสร็จคุณแทยอนก็เข้าไปเพื่อเล่าที่มาของอาการที่แบคฮยอนเป็นไว้ให้หมอจุนมยอนนะครับ เพื่อผมจะได้หาแนวการรักษา อ๋อ แล้วก็ทุกอย่าจะเป็นความลับนะครับ”

     

    “เข้าใจแล้วคะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ” แทยอนพูดจบก็ลุกโค้งให้กับคริสแล้วเดินออกออกจากห้องไป สวนกับเด็กชายสองคนที่เธอเห็นตอนที่รออยู่หน้าหองของหมอคริส คนตัวเล็กยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร แต่เด็กผมขาวอีกคนกลับมองเธอแบบพิจารณาเหมือนกำลังตรวจหาอะไรบางอย่าง ทำเอาแทยอนเสียวสันหลังหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเธอเข้าใจว่าเขาคงไม่ปกติ..

     

    ………………………………………………………………………

     

    “สวัสดีครับคุณหมอคริส” ซิวหมินโค้งให้กับหมอที่นั่งอยู่หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นออกจากห้องไปแล้ว

     

    “เชิญนั่งเลยครับคุณซิวหมินแล้วก็อ่า..ลู่หาน” คริสยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะผายมือเชิญทั้งสองคนนั่ง ก่อนที่จะก้มมองไปเห็นหมาน้อยสีขาวตรงเท้าของลู่หานถ้าไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นเลย เพราะหมาน้อยตัวนั้นกัดเชือกรองเท้าแล้วเกาะเท้าของลู่หานไว้แน่นหลับตาพริ้มเหมือนมีความสุขกับท่านอนที่ดูประหลาดนั่น

     

    “ครับๆ ลู่หานมานี่” ซิวหมินพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะลากลู่หานมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะหมอ จากนั้นคริสเปิดแฟ้มประวัตของลู่หานออกมาอ่าน

     

    “จากประวัติที่ส่งมาให้คุณลู่หานมีอาการรุนแรง ไม่ชอบพูดคุย ชอบภาพสยองขวัญ ชอบแมลงน่าเกลียด จากที่ส่งมาก็ไม่น่าจะมีอะไรแปลกเท่าไหร่นะครับ ไม่น่าที่จะต้องมารักษาในโรงบาลแบบนี้” คริสเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนซิ่วหมินที่ยิ้มให้แห้ง กับลู่หานที่ไม่แม่แต่จะสนใจคำพูดของเขาเอาแต่ก้มมองหมาน้อยที่อยู่ที่เท้าของตัวเอง

     

    “คือจริงๆแล้วมันก็มีมากกว่านี้นะครับ แต่จะให้ผมอธิบายมาทั้งหมดก็คงไม่ได้..

     

    “มากกว่านี้..มีอะไรอีกหรอครับ” คริสเลิกคิ้วถาม เพราะถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่อยากให้คนที่ไม่ได้เป็นอาการทางจิตมาเกินไปมารักษาแบบพักอยู่ยาว ถ้าเป็นอาการพวกนี้น่าจะรักษาแบบเป็นรายอาทิตย์ก็ได้  แต่ซิวหมินก็ไม่ตอบคำถามเอาแต่นั่งยิ้มแห้งๆสลับตีหน้ายุ่ง

     

    โอ้ย ไอ่หมอจะให้ผมบอกไงว่ะ อ๋อหมอลู่หานอ่ะนะครับ ชอบนั่งคุยกับศพ ชอบทรมาณเหยื่อยแบบแปลกๆก่อนที่จะฆ่าหน้าตาเฉย ชอบกินข้าวไปแทงท้องศพจนไส้ไหลไปด้วยเพราะเขาบอกว่าทำงี้แล้วเจริญอาหารดี ดีเลยครับ นี่ไม่ต้องให้ตำรวจหาตัวให้ยากจากที่จะหนีก็กลายเป็นให้หมอพาไอ่นี่ไปเข้าคุกเองเลย!!!’

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrr

     

    “อ๊ะ ขอโทษนะครับหมอ” จู่ๆเสียงโทรศัพเขาก็ดังขึ้นพอล้วงออกมาดูคนโทรเข้าก็แปลกใจเล็กน้อย

     

    เซฮุน

     

    “ฮัลโหล..

     

    หมินอ่า หมินจ๋า พี่หมินหมินของผมมม

     

    “เอ่อคือเซฮุนพี่กำลังทำธุระอยู่” ซิวหมินขมวดคิ้วแต่ว่าหน้ากลับร้อนขึ้นมาแปลกๆ เด็กคนนี้หนิชอบเล่นไม่ดูเวลาเลย คิดว่าวันนั้นที่เขาพูดแบบนั้นใส่จะโกรธไปแล้วเสียอีก..

     

    ผมก็โทรมาหาหมินอ่าเพราะว่ามีธุระเหมือนกันนะ แต่จริงๆไม่มีธุระก็อยากโทรเพราะว่าได้ยินเสียงหมินอ่าแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจเสียปลายสายที่ร่าเริงบวกประโยคแสนจะเลี่ยน แต่ฟังแล้วซิวหมินแทบจะยิ้มแก้มปริแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้จะให้เด็กนั่นได้ใจไม่ได้เด็ดขาด แอบหายใจลึกๆแล้วปรับเสียงให้นิ่งก่อนจะตอบกลับไป

     

    “แล้วมีอะไรหละ พี่มีเวลาไม่มาก”

     

    หมินอ่าใจร้ายยย ผมก็จะโทรมาบอกเรื่อง หนอน ว่าพวกเราจับได้แล้วนะทำไงกับเขาดีอ่าหมอนอ่า ตอนนี้ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ผมตลอดเลยยย

     

    “เรื่องแค่นี้เนี้ยนะเซฮุน ในเมื่อเจอแล้วก็ K ซะ แค่นี้ก่อนนะพี่ไม่ว่างจริงๆ….แล้วเอ่อ ไว้จะโทรไปหาใหม่แล้วกัน” พูดจบก็รีบวางสายทันทีแต่ก็ได้ยินเสียงขอเด็กนั่นโวยวายดีใจที่ลอดโทรศัพท์มา… 

     

    “หึ K ซะแล้วแย่จังนะไอ่หมา” ลู่หานพูดออกมาประโยกแรกที่หลุดออกมาจากปากว่าที่คนไข้ของเขาทำเอาคริสต้องหันมามองขวับแต่ก็พบว่ามีแต่เสียงที่หลุดออกมาจากปาก แต่ท่าทางของเขาก็ยังเหมือนเดิมกับที่มานั่งตอนแรก

     

    จะว่าแปลกก็ไม่แปลก แต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่น่าสนใจในตัวของลู่หาน

     

    “เอ่อขอโทษนะครับหมอ เรื่องที่รักษาลู่หานจะให้ผมบอกให้ทั้งหมดผมก็ไม่เข้าใจอาการ แต่ผมว่ามันน่าจะเป็นหน้าที่ของหมอนะครับที่จะตรวจให้ละเอียดและรักษา เพราะพ่อของเขาก็กำชับให้ผมนำมารักษาอย่างดี” ซิวหมินพูดขึ้นเพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ลู่หานรักษาที่นี่ให้ได้ และอีกอย่างเขาก็ต้องรีบกลับไปเพราะถ้าเซฮุนบอกว่าเจอ หนอนแล้วนั่นก็หมายความว่าหลังจากที่จะ K หนอนก็ต้องคายความลับออกมาแน่นอน เข้าต้องรีบไปจัดการ

     

    “เข้าใจแล้วครับ นี่ครับเซ็นตรงนี้เพื่อมอบคนไข้ให้อยู่ในการดูแลของผมนะครับเป็นเวาสามเดือนจะย้ายออกหรือจะกลับก่อนกำหนดไม่ได้เด็ดขาดครับ” คริสยื่นเอกสารที่เหมือนกันกับที่เขาให้แทยอนไปก่อนหน้ากับซิวหมินและเขาก็แปลกใจเล็กน้อยที่ซิวหมินเซ็นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

     

    แปลกทั้งสองคนนี้แปลก...แปลกจริงๆ

     

    “ขอบคุณมากครับแล้วลู่หาน จะนำสุนัขนี้เข้ามาในโรงบาลด้วยหรอครับ” คริสหันไปถามลู่หานแต่เขาก็ไม่ได้คำตอบเสียทีจนซิวหมินต้องพูดออกมาแทน

     

    “คือเจ้าหมาตัวนี้ลู่หานรักมากหนะครับ ถ้าไม่ได้เอาไปด้วยเขาก็จะอาละวาด”

     

    “อ๋องั้นก็ได้ครับเดี๋ยวเชิญไปตรวจสภาวะจิตกับคุณหมอจุนมยอนเพื่อให้ผมวางแผนดำเนินการรักษาต่อไปนะครับ ส่วนเรื่องค่ารักษาผมจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ”

     

    “ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ” ซิวหมินลุกขึ้นโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะดึงลู่หานให้ตามไปด้วยออกจากห้องไปพร้อมกับพยาบาลสาวที่มารอเพื่อนำพวกเขาไปยังห้องของหมอจุนมยอน

     

     

    ทิ้งให้คริสมองตามอย่างสับสนเล็กน้อย คนไข้สองคนของเขาวันนี้ น่าสนใจจริงๆ…..

     

     

     

     

     

    ………………………………………………………………………………………..

     

    “แบคฮยอนหมออยากให้หายใจช้าๆนะ ไม่ต้องกังวลนะครับผ่อนคลายทำใจให้สบาย” 

    แบคฮยอนที่นอนอยู่บนเตียงมองตามมือขาวๆของหมอจุนมยอนเขาได้กลิ่มหอมอ่อนๆโชยมา รู้สึกเหมือนผ่อนคลายก่อนที่จะหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะถูกหมอตัวขาวปลุกขึ้นเหมือนเขาหลับไปนานมาก พอมองนาฬิกาก็เห็นว่าก่อนที่เขาจะนอนไปพึ่งผ่านไปได้แค่สิบนาที

     

    “ไม่ต้องคิดมากนะครับ หมอสะกดจิตให้หลับไป เพื่อทดสอบสภาวะจิตที่คงที่”  จุนมยอนบอกกับคนไข้ตัวน้อยที่ทำหน้าสงสัยหลับจากที่ตื่นขึ้นมา แต่ความจริงแล้วเขาสะกดจิตเพราะเวลาทำแบบนี้จะได้คำตอบที่ต้องการและคนไข้ก็จะไม่เลี่ยงที่จะตอบบางคำถาม ทำให้ได้ข้อมูลครบทั้งหมด แถมคำตอบและคำถามบางคำถาม ถามตอนหลับน่าจะดีกว่าเพราะบางคำถามก็จะสะเทือนใจจนคนไข้ที่เป็นแบบนี้อยู่แล้วอาจจะกระเจิงไปใหญ่

     

    “อ๋อครับ มันเจ๋งมากเลยเหมือนในหนังที่ผมดูเลยอ่ะหมอ” แบคฮยอนพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นมองหมอตรงหน้าด้วยแววตาระยิบระยับทำเอาจุนมยอนกลั้นขำไว้ไม่อยู่

     

    “ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณครับแบคฮยอน เดี๋ยวออกไปรอคุณแม่ก่อนนะครับ” จุนมยอนยิ้มหวานให้แบคฮยอนที่เดินออกไปนอกห้องพร้อมกับพยอนแทยอนที่เดินสวนลูกชายเข้ามานั่งที่เตียงที่แบคฮยอนพึ่งลุกออกไป

     

    “นอนลงไปในท่าที่สบายๆเลยครับคุณแทยอน” แทยอนพยักหน้ารับก่อนนะนอนราบลงไปกับเตียง งงหน่อยๆเพราะหมอคริสบอกให้เธอมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้วหมอจุนมยอนให้เธอนอนทำไมกัน

     ยังไม่ทันคิดอะไรมากก็ได้ยินเสียงเหมือนกับน้ำหยดลงพื้น พอเธอกำลังจะมองหา หมอจุนมยอนก็เข้ามาแกว่งมือไปมาที่หน้าของเธอทำให้เธอต้องมองตามือขาวๆนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ กลิ่นหอมอ่อนๆกับเสียงน้ำหยอดลงพื้นก็ทำเอาเธอเคลิ้มเข้าไปใหญ่

     

    “หมออยากให้คุณแทยอนผ่อนคลายนะครับ ค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายอย่าคิดมานะครับ ดีมากครับ..ดีแล้ว ค่อยๆหลับตานะครับ” จุนมยอนหลุดแกว่งมือไปมาแต่ขยับเก้าอี้ที่เป็นล้อเลื่อนเข้ามาใกล้กับเตียงของพยอนแทยอนเพื่อดูว่าแทยอนสงบไปเรียบร้อยแล้ว

     

    “คุณแทยอนครับได้ยินหมอไหม” จุนมยอนถามออกมาด้วยน้ำเสียงคงที

     

    ….ได้ยินค่ะ..” แทยอนตอบออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ร่างกายสงบนิ่ง อาการน้ำทำให้จุนมยอนยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะแทยอนถูกทำให้อยู่ในสภาวะสะกดจิตเรียบร้อย

     

    “ดีครับ จากนี้เรากำลังย้อนไปเมื่อหกปีก่อนนะครับ คุณแทยอนเห็นแบคฮยอนไหมครับ..บอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าเมื่อหกปีก่อน….เกิดอะไรขึ้นกับแบคฮยอน..เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคุณ..

     

    “แบคฮยอนเมื่อหกปีก่อน………..




    ...............................................................................50%...................................................................................
    เอาไปครึ่งนึงก่อนนะ ถ้าไหวจะมาต่อตอนกลางคืน จะสอบแล้วงานเยอะมากๆๆ
    ต้องขอโทษที่อัพช้า T^T ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้นะคะ
    ขอบคุณที่เม้น และเตือนคำผิด อ๊ายอาย/-\








    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×