Pics A Pen /Moment By Moment/ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

พื้นฐานทางชีววิทยา

แบบจำลองทางชีวภาพของเพศมักจะมองความรักเป็นเลี้ยงลูกด้วยนมไดรฟ์มากเช่นความหิวหรือกระหาย ^[20] เฮเลนฟิชเชอร์ , นักมานุษยวิทยาและนักวิจัยพฤติกรรมของมนุษย์แบ่งประสบการณ์ของความรักเป็นสามขั้นตอนที่ทับซ้อนกันบางส่วน: หื่นสถานที่และสิ่งที่แนบมา ความต้องการทางเพศเป็นความรู้สึกของความต้องการทางเพศ ; สถานที่โรแมนติกกำหนดว่าเพื่อนคู่คิดหาที่น่าสนใจและติดตามประหยัดเวลาและพลังงานด้วยการเลือก; สิ่งที่แนบมาเกี่ยวข้องกับการแบ่งปันบ้านหน้าที่ของผู้ปกครองการป้องกันซึ่งกันและกันและในมนุษย์เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของความปลอดภัยและความปลอดภัย ^[21]neurotransmitters และสามรูปแบบพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับทั้งสามรูปแบบโรแมนติก ^[21]

ความต้องการทางเพศเป็นครั้งแรกความต้องการทางเพศหลงใหลที่ส่งเสริมการผสมพันธุ์และเกี่ยวข้องกับการเปิดตัวที่เพิ่มขึ้นของสารเคมีเช่นฮอร์โมนเพศชายและสโตรเจน ลักษณะพิเศษเหล่านี้ไม่ค่อยมีผลมากกว่าสองสามสัปดาห์หรือหลายเดือน สถานที่น่าสนใจคือความปรารถนาที่เป็นรายบุคคลและโรแมนติกสำหรับผู้สมัครที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการผสมพันธุ์ซึ่งพัฒนาขึ้นจากความต้องการทางเพศเป็นความมุ่งมั่นที่จะรูปแบบคู่ของแต่ละบุคคล การศึกษาล่าสุดในประสาทได้ชี้ให้เห็นว่าเป็นคนที่ตกอยู่ในความรักสมองอย่างต่อเนื่องออกบางชุดของสารเคมีรวมทั้งฮอร์โมนสารสื่อประสาท , dopamine , norepinephrineและserotoninสารประกอบเดียวกันที่ปลดปล่อยออกมาจากแอมเฟตามีนกระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลายของสมองและนำไปสู่ผลข้างเคียงเช่นอัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้นการกระหายและการนอนหลับและความรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก การวิจัยชี้ให้เห็นว่าขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงครึ่งถึงสามปี ^[22]

เนื่องจากขั้นตอนความปรารถนาและการดึงดูดทั้งสองถือว่าเป็นการชั่วคราวขั้นตอนที่สามเป็นสิ่งจำเป็นเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระยะยาว สิ่งที่แนบมาคือพันธะที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ สิ่งที่แนบอยู่บนพื้นฐานของความมุ่งมั่นเช่นการสมรสและการมีลูกหรือการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันขึ้นอยู่กับสิ่งต่างๆเช่นความสนใจร่วมกัน มีการเชื่อมโยงกับระดับสารเคมีoxytocinและvasopressinในระดับสูงกว่าความสัมพันธ์ระยะสั้น ^[22] เอ็นโซเอ็มมานูเอลและเพื่อนร่วมงานได้รายงานโมเลกุลโปรตีนที่เรียกว่าปัจจัยการเจริญเติบโตของเส้นประสาท(NGF) มีระดับสูงเมื่อผู้คนตกหลุมรัก แต่กลับคืนสู่ระดับก่อนหน้านี้หลังจากหนึ่งปี ^[23]

พื้นฐานทางจิตวิทยา

 

ยายและหลานในศรีลังกา

จิตวิทยาแสดงถึงความรักเป็นปรากฏการณ์ทางความคิดและสังคม นักจิตวิทยา Robert Sternberg ได้สร้างทฤษฎีความรักแบบสามเหลี่ยมและแย้งว่าความรักมีองค์ประกอบสามประการที่แตกต่างกันคือความใกล้ชิดความผูกพันและความหลงใหล ความสนิทสนมเป็นรูปแบบที่คนสองคนมีส่วนร่วมในความเชื่อมั่นและรายละเอียดต่างๆในชีวิตส่วนตัวของพวกเขาและมักแสดงออกในมิตรภาพและความโรแมนติคหรือความรัก ในทางกลับกันความมุ่งมั่นคือความคาดหวังว่าความสัมพันธ์จะเป็นแบบถาวร รูปแบบสุดท้ายของความรักเป็นเรื่องดึงดูดใจทางเพศและความหลงใหล ความหลงใหลในความรักจะแสดงออกในความหลงใหลและความโรแมนติก ทุกรูปแบบของความรักจะถูกมองว่าเป็นชุดค่าผสมที่แตกต่างกันของทั้งสามองค์ประกอบ ความรักที่ไม่ได้มีองค์ประกอบใด ๆ เหล่านี้ ความรักเพียงอย่างเดียวก็รวมถึงความสนิทสนม ความหลงใหลในความรักรวมถึงความรักเท่านั้น ความรักที่ว่างเปล่ามีเพียงความมุ่งมั่นเท่านั้น รักโรแมนติกรวมทั้งความสนิทสนมและความหลงใหล ความรักที่แนบมารวมถึงความสนิทสนมและความมุ่งมั่น ความรักที่โหยหารวมถึงความรักและความมุ่งมั่น สุดท้าย^[24]นักจิตวิทยาชาวอเมริกันซิกรูบินพยายามที่จะกำหนดความรักโดย psychometricsในปี 1970 ผลงานของเขาระบุว่าปัจจัยทั้ง 3 ประการประกอบไปด้วยความรักความผูกพันการเอาใจใส่และความสนิทสนม ^[25] [26]

ต่อไปนี้การพัฒนาทฤษฎีไฟฟ้าเช่นกฎหมายของ Coulombซึ่งแสดงให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายในเชิงบวกและเชิงลบที่ดึงดูดความสนใจ, analogs ในชีวิตมนุษย์ได้รับการพัฒนาเช่น "opposites ดึงดูด" ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาการวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติของการผสมพันธุ์ของมนุษย์โดยทั่วไปพบว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเมื่อพูดถึงตัวละครและบุคลิกภาพผู้คนมักจะชอบคนที่คล้ายคลึงกับตัวเอง อย่างไรก็ตามในบางพื้นที่ที่ผิดปกติและเฉพาะเช่นระบบภูมิคุ้มกันดูเหมือนว่ามนุษย์ชอบคนอื่นที่ไม่เหมือนตัวเอง (เช่นระบบภูมิคุ้มกันมุมฉาก) เนื่องจากจะนำไปสู่ทารกที่มีสิ่งที่ดีที่สุดในโลกทั้งสอง ^[27]ในปีที่ผ่านต่างๆพันธะของมนุษย์ทฤษฎีได้รับการพัฒนาอธิบายในแง่ของสิ่งที่แนบผูกพันพันธบัตรและความสนิทสนม เจ้าหน้าที่ทางการตะวันตกบางส่วนแยกออกเป็นสองส่วนหลักคือเห็นแก่ผู้อื่นและหลงตัวเอง มุมมองนี้แสดงในผลงานของScott Peckซึ่งงานด้านการประยุกต์จิตวิทยาประยุกต์ได้สำรวจความหมายของความรักและความชั่วร้าย "ความห่วงใยในการเติบโตทางจิตวิญญาณของอีกฝ่ายหนึ่ง" และการหลงตัวเองอย่างง่ายๆ ^[28]ในการรวมกันความรักเป็นกิจกรรมไม่ใช่แค่ความรู้สึก

ความสัมพันธ์ ( เค้าร่าง )
ประเภท[show]
กิจกรรม[แสดง]
ตอนจบ[แสดง]
อารมณ์และความรู้สึก[ซ่อน] ความเป็นพี่น้องกัน ความผูกพัน ความใกล้ชิด ความหึงหวง Limerence ความรัก อย่างสงบ ไม่มีเงื่อนไข ความชอบ ความรู้สึกเรื่องเพศ
ปฏิบัติ[แสดง]
การละเมิด[show]
โวลต์ เสื้อ อี

นักจิตวิทยาErich Frommยังคงรักษาไว้ในหนังสือของเขาThe Art of Lovingความรักนั้นไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำที่จริงแล้วความรู้สึกของความรักคือผิวเผินเมื่อเทียบกับความมุ่งมั่นของคนที่จะรักผ่านการกระทำที่น่ารักมากมาย เวลา. ^[18]ในแง่นี้ฟรอม์จัดขึ้นความรักที่เป็นที่สุดไม่ได้ความรู้สึกที่ทุกคน แต่เป็นความมุ่งมั่นและยึดมั่นในการกระทำความรักที่มีต่ออีกตัวเองหรือคนอื่น ๆ ในช่วงระยะเวลาอย่างต่อเนื่อง ^[18]ฟรอม์มยังอธิบายความรักเป็นทางเลือกที่ใส่ใจว่าในช่วงแรกอาจจะเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นใส่ใจ ^[18]

พื้นฐานวิวัฒนาการ

 

Wall of Love in Paris: "ฉันรักคุณ" ใน 250 ภาษา

จิตวิทยาวิวัฒนาการได้พยายามที่จะให้เหตุผลต่างๆสำหรับความรักเป็นเครื่องมือการอยู่รอด มนุษย์ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้ปกครองเป็นส่วนใหญ่ของอายุขัยเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ความรักจึงถูกมองว่าเป็นกลไกในการสนับสนุนการสนับสนุนจากพ่อแม่ของเด็กในช่วงเวลาที่ยืดเยื้อนี้ นอกจากนี้นักวิจัยเมื่อต้นชาร์ลส์ดาร์วินเองได้ระบุถึงลักษณะเฉพาะของความรักของมนุษย์เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ และความรักด้านเครดิตเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างระบบสนับสนุนทางสังคมที่ช่วยให้สามารถพัฒนาและขยายสายพันธุ์ของมนุษย์ได้ ^[29]ปัจจัยอีกประการหนึ่งอาจเป็นได้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถก่อให้เกิดในหมู่ผลกระทบอื่น ๆ ลดลงอย่างถาวรอุดมสมบูรณ์ได้รับบาดเจ็บไปยังทารกในครรภ์และการเพิ่มขึ้นภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการคลอดบุตร นี้จะสนับสนุนความสัมพันธ์ของคู่สมรสมากกว่าสามี ^[30]

การเปรียบเทียบแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์

แบบจำลองทางชีวภาพของความรักมักจะเห็นมันเป็นไดรฟ์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมที่คล้ายกับความหิวหรือกระหาย ^[20]จิตวิทยาเห็นความรักเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมมากขึ้น แน่นอนความรักจะได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน (เช่นoxytocin ) neurotrophins (เช่นNGF ) และฟีโรโมนและการที่คนคิดและประพฤติในความรักนั้นได้รับอิทธิพลจากแนวคิดเรื่องความรักของพวกเขา มุมมองทางชีววิทยาทั่วไปคือมีสองไดรฟ์ที่สำคัญในความรักคือเสน่ห์ดึงดูดใจและสิ่งที่แนบมา. การยึดติดระหว่างผู้ใหญ่ถือเป็นหลักการเดียวกันกับการที่แม่นำทารกมาติดกับแม่ มุมมองทางจิตวิทยาแบบดั้งเดิมมองว่าความรักคือการรวมกันของความรักและความรักที่หลงใหล ความรักที่หลงใหลคือความปรารถนาที่รุนแรงและมักมาพร้อมกับการกระตุ้นทางสรีรวิทยา(หายใจถี่, อัตราการเต้นของหัวใจอย่างรวดเร็ว); รักร่วมเพศเป็นความเสน่หาและความรู้สึกของความสนิทสนมไม่พร้อมกับความตื่นตัวทางสรีรวิทยา
   เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ขาว ดำ สร้างราว ต้นปี2520 เป็นเรื่องราวความรักที่แตกต่างระหว่าง วัย และฐานันดร ซึ่งศิลปินมักชอบที่จะเอาไปใส่ในงานศิลปะของพวกเขา เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างจากผลงานออื่นๆ และจะก่อให้เห็นถึงความน่าประทับใจ และความทรงจำที่ดี แก่พวกวัยรุ่น ที่กำลังค้นหาว่า ความรัก มันคืออะไร ผู้เขียนคิดว่า ในสมัยนั้น มันก็น่าสร้างความประหลาดใจแก่สังคมไทยได้บ้างพอสมควร หากได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้
   ปัจจุบัน นักแสดงดังๆอย่าง จอห์น ทราโวลตา ก็ยังมีชีวิตอยู่ และยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง
   ความรู้สึกตรงนี้ ที่ทำให้เกิดความตื่นเต้น และน่าค้นหา  ซึ่งก็ตรงกับความหมายของความรักพอดี