ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dark Princess:เจ้าหญิงแห่งความมืด [เฮอร์ไมโอนี่/ลูเซียส]

    ลำดับตอนที่ #16 : Tears of the Princess: น้ำตาของเจ้าหญิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      64
      10 ก.พ. 56



    คุยกันก่อนอ่านนะคะ

     

    เอาตอนที่ 16 มาลงให้แล้วนะคะ  แม้ว่าจะช้าไปหน่อย (หรือไม่หน่อย -*-) ก็ตาม  พอดีช่วงนี้ชีวิตไรเตอร์วุ่นวายเล็กน้อยอ่ะค่ะ  ตอนนี้จะดาร์กเล็กน้อยถึงปานกลางนะคะ  ป๋าลูกจะรุนแรงกับนางเอกแสนสวยของเราเล็กน้อย (หรือไม่น้อย - -“ ) แต่ที่ลงที่เด็กดีนี่ก็เป็นเวอร์ชั่น PG-13 ไม่มีอะไรโจ๋งครึ่มแน่นอนค่ะ  สำหรับเรทที่สูงกว่านั้นตามไปอ่านที่บ้านของเราที่บล็อกแก็งซ์เอาละกันนะคะ ^^

     

     

     

    ***Chapter 16 Tears of the Princess: น้ำตาของเจ้าหญิง***

     

    ถ้าเธอต้องการอย่างนั้นจริง ๆ เธอก็น่าจะบอกจอมมารเสียตั้งแต่วันนั้นเลยนะว่าเธอต้องการแต่งงานกับเขามากกว่าฉันน่ะ นายลูเซียสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาท่ามกลางอาการตกใจของเฮอร์ไมโอนี่และสเนป  ขณะที่ดวงตาสีเงินที่ตอนนี้ดูราวกับจะลุกเป็นไฟของเขานั้นกำลังสำรวจใบหน้าขาวซีดของภรรยาแล้วจึงเลื่อนไปมองเพื่อนผู้เสพความตายของเขาก่อนที่ริมฝีปากบางของชายผมบลอนด์จะขยับด้วยท่าทีเดียดฉันท์หลังจากที่เขาได้เห็นท่าทีที่มาตอกย้ำคำพูดที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อครู่นี้  คำพูดที่ทำให้เขาคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของเขานั้นแอบมีความสัมพันธ์กับเซเวอร์รัส  สเนป  เพื่อนเก่าแก่ของเขาเอง  เพราะในตอนนี้ทั้งสองแสดงอาการที่น่าสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด  สำหรับเฮอร์ไมโอนี่นั้นนอกจากใบหน้าที่ขาวซีดของเธอแล้ว  ดวงตาสีน้ำตาลของเธอซึ่งปกติจะแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาอย่างไม่มีปิดบังนั้นก็แสดงออกถึงความตกใจรวมทั้งหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน  ส่วนสเนปถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทีสงบนิ่งและไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมามากเท่าหญิงสาว  แต่ดวงตาสีดำรวมทั้งสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกใจรวมถึงความกังวลใจอยู่ไม่น้อย  ซึ่งมันมีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ลูเซียสเคยเห็นชายผมดำแสดงอาการแบบนี้ออกมา  ซึ่งแต่ละครั้งนั้นล้วนจะเป็นตอนที่มีเรื่องสำคัญหรือไม่ก็เรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นทั้งสิ้น

    หลังจากที่ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องซึ่งเกิดจากประโยคที่ชายผมบลอนด์ได้พูดออกมานั้นดำเนินไปได้ไม่นานนักภรรยาของเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาของเธอ

    ลูเซียส……ทำไ.......เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่คำพูดที่เหลือของเธอจะหายไปจากริมฝีปากเมื่อสามีของเธอตวัดสายตาของเขามามองเธออย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยจ้องมองราวกับจะแผดเผาเธอเมื่อเขาพูดขึ้นมา

    เธอกำลังจะถามอย่างนั้นหรือว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  หรือเธอแปลกใจที่เห็นฉันมาปรากฏตัวที่นี่ทั้ง ๆ ที่ฉันน่าจะกำลังเข้าร่วมประชุมอยู่กับจอมมารและผู้เสพความตายคนอื่น ๆ มากกว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนจะค่อย ๆ ปรายตามองไปยังเพื่อนผู้เสพความตายของเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวนัก  และเพราะสายตาที่นายลูเซียสใช้มองสเนปนั้นมันทำให้ชายผมดำเข้าใจทันทีว่าชายผมบลอนด์เข้าใจจุดประสงค์ที่เขามาปรากฏตัวที่คฤหาสน์มัลฟอยในเวลาที่เขารู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของนายลูเซียสนั้นอยู่บ้านเพียงลำพังผิดเพี้ยนไปอย่างมากทีเดียวเมื่อนายมัลฟอยพูดขึ้น

    อันที่จริงคนที่น่าจะแปลกใจน่าจะเป็นฉันมากกว่านะ  เพราะฉันไม่คิดว่าจะกลับมาเจอเขาอยู่กับเธอสองต่อสองในห้องทำงานของฉันซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับเธอในเวลาที่ฉันควรจะต้องอยู่ในที่ประชุมพอดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาหากแต่แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยวจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุก  หญิงสาวพยายามจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่สเนปกลับชิงพูดขึ้นก่อน

    มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ  ลูเซียส  ผมมาที่นี่เพื่อเอายารักษาบาดแผลมาให้ภรรยาของคุณเท่านั้น ชายผมดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ  หากแต่ดวงตาที่เคยดูไร้ความรู้สึกของเขานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล  อีกทั้งเฮอร์ไมโอนี่ยังสังเกตเห็นว่าอดีตอาจารย์ของเธอเลื่อนมือไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมซึ่งเป็นที่ที่พ่อมดส่วนมากใช้เก็บไม้กายสิทธิ์อย่างระมัดระวังขณะที่ลูเซียสมีสีหน้าขบขันปนรังเกียจกับคำพูดของสเนป

    ภรรยาของฉันอย่างนั้นหรือ  เซเวอร์รัส ชายผมบลอนด์ทวนคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันขณะที่เขาก้าวเข้าไปใกล้เพื่อนผู้เสพความตายของเขามากขึ้นโดยที่มือข้างหนึ่งของนายมัลฟอยกุมไม้เท้าที่มีไม้กายสิทธิ์ซ่อนอยู่ไว้แน่น ในเมื่อแกก็รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน  แล้วแกก็ยังจะกล้าเข้ามาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านของฉันอีกอย่างนั้นหรือ!” เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด  ขณะที่สเนปยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อเขาพูดต่อ

    ผมบอกคุณแล้วนะลูเซียส  ว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร  แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ  ผมจะขอย้ำอีกครั้งนะว่าสิ่งที่คุณคิดว่าเกิดขึ้นมันเป็นการเข้าใจผิด  ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับภรรยาของคุณทั้งนั้น  ผมมาที่นี่เพื่อแค่จะเอายารักษาบาดแผลมาให้เธอรวมทั้งอธิบายถึงสรรพคุณของมันให้เธอฟังเท่านั้น ชายผมดำพยายามอธิบายอย่างใจเย็น  แต่ดูเหมือนว่าชายผมบลอนด์จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่ต้องการจะฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้นเมื่อเขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นและชี้ไปที่ชายผมดำอย่างรวดเร็วจนเฮอร์ไมโอนี่แทบจะอุทานขึ้นมา

    แกคิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกของแกอย่างนั้นหรือ  สเนป!  แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกไม่พอใจแค่ไหนที่จอมมารเลือกที่จะยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับฉันแทนที่จะเป็นแก  ฉันรู้ดีว่าแกผิดหวังแค่ไหนที่ต้องเห็นฉันเป็นคนที่ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและได้ครอบครองอำนาจของเธอ  แต่ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าแกจะใช้วิธีสกปรกมาเข้าหาเธอตอนที่ฉันไม่อยู่แบบนี้  รวมทั้งฉันเองก็ไม่คิดด้วยว่าเธอก็อยากจะแต่งงานกับแกเหมือนกัน……..” นายลูเซียสกัดริมฝีปากที่ประโยคสุดท้ายราวกับเขาไม่ต้องการจะพูดถ้อยคำดังกล่าวออกมาดัง ๆ   พลางมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาราวโรจน์ราวกับเขาพร้อมที่จะร่ายคาถากรีดแทงใส่ชายผมดำได้ทุกเมื่อ  และเมื่อชายผมบลอนด์ขยับไม้กายสิทธิ์ของเขาอีกครั้งเนื่องจากเขาสังเกตเห็นมือข้างหนึ่งของสเนปที่เลื่อนเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมของตัวเอง  เฮอร์ไมโอนี่ก็อุทานขึ้นมาในทันที

    อย่าค่ะ!” ร่างเล็กของหญิงสาวร้องขึ้นพร้อมก้าวเข้าไปข้างหน้าสองก้าว  ราวกับเธอพร้อมที่จะเข้าไปรั้งแขนข้างที่ถือไม้กายสิทธิ์นายมัลฟอยเอาไว้เพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายอดีตอาจารย์ของเธอเองในทันที  และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่เป็นการปกป้องสเนปลงไป  แต่น้ำเสียงและท่าทีของเธอก็บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอพร้อมที่จะเข้าไปยับยั้งสามีของเธอจากการทำร้ายชายผมดำอย่างเต็มที่  เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นมันกลับยิ่งทำให้นายลูเซียสปักใจเชื่อในสิ่งที่เขาสงสัยมาก่อนหน้านี้มากขึ้นเมื่อเขาหันมามองภรรยาของเขาด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราดพร้อมกับพูดขึ้น

    เธอเป็นห่วงมันอย่างนั้นหรือ!” ชายผมบลอนด์คำรามออกมา  พลางมองภรรยาของตนด้วยสายตาผิดหวังระคนโกรธเกรี้ยว  ในวินาทีนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่คิดว่านายลูเซียสจะลงมือทำร้ายเธอเสียแล้วเมื่อเธอได้มองสบแววตาที่ดุดันของเขา  แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงสาวก็พยายามพูดประโยคที่เธอคิดว่ามันน่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นออกไป

    ไม่ใช่นะคะ  คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ  ลูเซียส เฮอร์ไมโอนี่พยายามอธิบายแต่ดูราวกับชายผมบลอนด์จะไม่ยอมเชื่อเธออีกต่อไปเมื่อเขาพูดลอดไรฟันออกมา

    ฉันเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ  งั้นเธอจะบอกว่าที่ฉันได้ยินที่เธอพูดออกมานั้นฉันก็หูฝาดไปเองสินะ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา  หากแต่ดวงตาสีเงินของเขาที่กำลังจ้องมองเธอนั้นดูราวกับจะลุกเป็นไฟจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับหัวใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเธอได้เห็นสายตาของสามีที่มองมา  และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงไม่อาจจะหาคำพูดอะไรออกมาพูดได้อีกต่อไปนอกจากส่งสายตาอ้อนวอนไปทางเขา  แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าชายผมบลอนด์จะไม่ยอมสงสารหรือใจอ่อนให้กับภรรยาสาวของเขาอีก  ตรงกันข้ามเขากลับมองข้ามสายตาที่กำลังอ้อนวอนเขาของภรรยาไปพร้อมกับหันไปหาสเนปที่บัดนี้ชักไม้กายสิทธิ์ของเขาขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

    คุณจะสู้กับผมที่นี่ก็ได้นะ  ลูเซียส  ถ้าคุณต้องการแบบนั้น  แต่ถึงยังไงก็ตามผมก็ยังจะยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรก็ตามที่คุณคิดลงไป  รวมทั้งผมก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำเรื่องแบบนั้นด้วย  ผมมาที่นี่เพียงเพื่อต้องการเอายารักษาบาดแผลมาให้คุณนายมัลฟอยเท่านั้น สเนปพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น  ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นเป็นจริงทุกประการ  จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่คิดว่าถ้าเธอเป็นนายลูเซียสที่ไม่ได้ล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  เธอก็อาจจะเชื่อคำพูดของชายผมดำที่เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อเอายารักษามาให้เธอเท่านั้นก็เป็นได้  แต่ถึงอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านายมัลฟอยจะไม่มีท่าทีว่าจะเชื่อคำพูดของเพื่อนเก่าแก่ของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

    แกจะให้ฉันเชื่อแกอย่างนั้นหรือ  สเนป ลูเซียสพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม  ซึ่งทั้งน้ำเสียง  แววตา  และสีหน้าของเขาในตอนนี้นั้นดูราวกับเขาไม่ได้พูดอยู่กับเซเวอร์รัส  สเนปที่เป็นเพื่อนกับเขามาเนิ่นนาน  หากแต่เขากำลังพูดอยู่กับใครอีกคนหนึ่งที่ไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันจากเขา  เพราะน้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับชายผมดำนั้นมันช่างเต็มไปด้วยการดูถูก  ดูแคลน  และเยาะเย้ยถากถางราวกับเขากำลังพูดอยู่กับศัตรูหรือไม่ก็คนที่ต่ำต้อยกว่าเขาอย่างพวกเลือดสีโคลนก็ไม่ปาน

    ผมไม่ได้บังคับให้คุณเชื่อผม  ลูเซียส  และผมก็ยินดีที่จะรับคำท้าดวลจากคุณหากคุณต้องการเช่นนั้น  เพียงแต่ผมคิดว่าหากผมหรือคุณได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอะไรที่ร้ายแรงกว่านี้ขึ้น  ผมว่าจอมมารคงจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอนถ้าหากท่านรู้ว่าลูกสมุนสองคนของท่านมาทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจผิดแบบนี้ สเนปพูดขึ้นด้วยท่าทีที่สุขุม  แม้ว่ามือข้างหนึ่งของเขาจะยังคงถือไม้กายสิทธิ์ไว้ในเชิงเตรียมพร้อมซึ่งดูจะขัดกับคำพูดของเขาอยู่มากก็ตาม  แต่เพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้นายลูเซียสมีท่าทีที่สงบนิ่งลง  ราวกับการเอ่ยถึงเจ้านายของเขาของสเนปนั้นได้ไปเตือนสติให้กับชายผมบลอนด์  และแม้ว่าในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คาดว่าเธอจะได้เห็นการทุ่มเถียงรวมถึงการต่อสู้กันของผู้เสพความตายสองคนตรงหน้าซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสามีของเธอเองเสียแล้ว  แต่ในอึดใจต่อมาหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคิดผิดเมื่อเธอเห็นว่านายลูเซียสมีท่าทีสงบนิ่งมากขึ้น  ดวงตาสีเงินของเขามีแววตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมา

    ออกไปจากคฤหาสน์ของฉันซะ  ก่อนที่ฉันจะสาปแก ชายผมบลอนด์พูดพร้อมกับกระดกไม้กายสิทธิ์ของเขาไปทางประตูห้องทำงานซึ่งเปิดอยู่  และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมเดินออกจากห้องไปยังห้องสมุดแต่โดยดี  โดยที่มือของเขายังคงกุมไม้กายสิทธิ์ไว้แน่นราวกับเขาคิดว่านายมัลฟอยจะร่ายคาถาสาปเขาเข้าในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง  แต่นายลูเซียสกลับไม่ได้ทำอย่างที่ชายผมดำคิด  ตรงกันข้ามนายมัลฟอยทำเพียงแค่เหลือบมองภรรยาของเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินตามสเนปไปติด ๆ และเมื่อทั้งสามมายืนอยู่ในห้องสมุดที่มีเตาผิงเรียบร้อยแล้ว  ชายผมบลอนด์ก็ตวัดไม้กายสิทธิ์ขึ้นครั้งหนึ่งเพื่อเสกกระถางสีเงินที่บรรจุผงฟลูขึ้นมาบนที่วางกระถางที่ว่างเปล่า  และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมดำเองก็เข้าใจดีว่านายลูเซียสต้องการให้เขาใช้ผงฟลูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ของเขาในทันที

    และเมื่อเป็นเช่นนั้นสเนปจึงเดินไปหน้าเตาผิง  เขาเอื้อมมือไปหยิบผงฟลูขึ้นมาจากกระถางกำหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในเตาผิงอย่างระมัดระวัง  เมื่อเขาเข้าไปยืนในเตาผิงเรียบร้อยแล้ว  ชายผมดำก็เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินของเพื่อนเก่าแก่ของเขาที่กำลังยืนมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนจะเลื่อนสายตาของเขาไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหน้าซีดอยู่เบื้องหลังนายมัลฟอยในขณะนี้

    แม้ในตอนนี้สเนปจะเป็นห่วงหญิงสาวรวมทั้งกังวลถึงความปลอดภัยของความลับของเขาที่บัดนี้เธอได้กลายมาเป็นผู้รู้เห็นคนหนึ่งไปแล้วอยู่มากก็ตาม  แต่สเนปก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ในตอนนี้  เนื่องจากเขาไม่ต้องการจะสู้กับลูเซียสทั้งในตอนนี้หรือตอนไหนก็ตามถ้าเขาสามารถหลีกเลี่ยงมันก็ได้  เพราะเขาไม่ต้องการให้การต่อสู้ระหว่างเขาและชายผมบลอนด์ล่วงรู้ไปถึงหูจอมมารเข้าซึ่งมันอาจจะนำความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงมาสู่พวกเขารวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วยก็เป็นได้  ดังนั้นในตอนนี้ชายผมดำจึงไม่อาจจะทำอะไรได้มากนัก  เขาไม่อาจทำได้แม้กระทั่งการมองสบตาหญิงสาวผู้เป็นอดีตลูกศิษย์ของเขานานเกินไปด้วยซ้ำ  เมื่อเขาตัดสินใจโยนผงฟลูลงบนเตาผิงก่อนจะพูดขึ้นอย่างชัดเจนว่า ศูนย์บัญชาการณ์ศาสตร์มืด

    สิ้นเสียงของสเนป  เปลวไฟสีมรกตก็ลุกขึ้นท่วมร่างของเขา  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งร่างสูงของชายผมดำผู้เป็นอดีตอาจารย์ของเธอก็หายไปแล้ว  เหลือเพียงแต่ร่างใหญ่ของสามีที่เพิ่งหันกลับมามองเธอด้วยแววตาที่ดูเย็นชาระคนดุดัน

    และไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดหรือทำอะไรออกไปร่างใหญ่นั้นก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว  พร้อมกับที่มือแข็งแกร่งของเขาเลื่อนเข้ามาจับแขนของเธอไว้ก่อนที่จะพาเธอเดินออกจากห้องสมุดไป

     

    …………………………………………….

     

    คุณจะทำอะไรน่ะ  ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อเธอถูกพาตัวออกมาจากห้องสมุดไปยังระเบียงทางเดินของบ้านขณะที่เธอพยายามใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดของเธอแกะแขนของเธอออกจากการเกาะกุมของสามี  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะว่ามือของนายลูเซียสนั้นกุมแขนของเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก  และแม้ว่าเธอจะดิ้นรนขัดขืนอย่างมากก็ตามเธอก็ทำได้เพียงแค่ให้เขาลำบากขึ้นเล็กน้อยในการคุมตัวเธอไปในที่ที่เขาต้องการเท่านั้น  และเมื่อชายผมบลอนด์เริ่มจะรำคาญการดิ้นรนที่เธอกำลังทำอยู่นั้น  เขาก็หันมาหาหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อพวกเขาเดินมาถึงบันไดที่จะพาพวกเขาลงไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ว่า

    ถ้าเธอยังไม่ยอมหยุดขัดขืนล่ะก็  ฉันก็จะสาปเธอให้ตัวแข็งเสียเลย!” นายลูเซียสพูด  พลางมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาที่บอกเธอว่าเขาทำอย่างที่พูดได้แน่นอน  และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงหยุดดิ้นรนขัดขืนในทันที  และเลือกที่จะหันมาขอร้องร่างตรงหน้าแทน

    ปล่อยฉันเถอะค่ะ  ฉันเจ็บ…” เธอขอพร้อมกับพยายามบิดข้อมือเล็กของเธอออกจากการเกาะกุมของเขา  หากแต่คราวนี้กลับไม่มีความปราณีอยู่ในดวงตาสีเงินที่บัดนี้กำลังจ้องมองเธออยู่เลยเมื่อชายผมบลอนด์ตอบออกมา

    เก็บน้ำตาของเธอไว้ออดอ้อนผู้ชายคนอื่นน่าจะดีกว่านะ  เพราะฉันจะไม่หลงกลของเธออีกต่อไปแล้ว เขาพูดพร้อมกับแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาราวกับหญิงสาวนั้นได้กลายมาเป็นเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจขึ้นมาในฉับพลัน  แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากจะพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย

    มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ หญิงสาวพูดออกมาอย่างหมดหวัง  เมื่อเธอสบดวงตาที่มองมาที่เธออย่างไร้ความปราณีของสามีซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเจอมาเสียแล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดประโยคต่อไปออกมาพร้อมกับที่เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นจนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถอยหนีออกจากเขาไปอย่างน้อยครึ่งก้าว  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าการทำเช่นนั้นเป็นความพยายามที่ไร้ผลเมื่อนายลูเซียสที่กำลังกุมข้อมือเล็กของเธอไว้นั้นดึงแขนของเธอเพื่อรั้งร่างเล็กให้กลับมาหาเขาอีกครั้งอย่างง่ายดายพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

    ถึงเธอจะอยากไปแต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ตาม  แต่ถึงยังไงเธอก็ได้แต่งงานกับฉันรวมทั้งเธอก็เป็นภรรยาของฉันแล้ว  เธอไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนอีกนอกจากฉัน  ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่!” เขาตะโกนออกมา  ขณะที่หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตาเมื่อนายมัลฟอยยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นจนเขาสามารถมองเห็นแม้กระทั่งประกายของแสงที่ส่องกระทบหยาดน้ำตาของเธอเมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

    เธอเป็นของฉัน  เธอเป็นภรรยาและเป็นสมบัติของฉันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดหากแต่หนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับคำพูดเหล่านั้นของชายผมบลอนด์เป็นมีดที่กรีดหัวใจของเธอ  โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าเธอเป็นสมบัติของเขาซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ได้มองเธอในฐานะมนุษย์อย่างที่เธอเป็น  แต่เธอกลับเป็นเพียงแค่สิ่งของ  เป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งของเขาเท่านั้น  และเพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่น้อยที่คิดว่าเธออยากจะแต่งงานกับสเนปมากกว่าผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้

     

    น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้มเนียนเมื่อเธอพูดประโยคต่อไปออกมา

    ฉันไม่ได้ต้องการจะเป็นสมบัติหรือสิ่งของที่ใครจะมาเป็นเจ้าของได้…….” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาหากแต่เต็มไปด้วยความปวดร้าว แต่ถ้าฉันสามารถเลือกได้  ฉันก็ต้องการจะแต่งงานกับเขามากกว่าคุณ!” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตาโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เธอเพิ่งเอ่ยออกไปนั้นมันจะส่งผลนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอมากแค่ไหน  หรือแม้ว่าเธอจะล่วงรู้ในเรื่องนี้ก็ตาม  แต่เธอก็ไม่อาจที่จะยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว  เธอทนที่จะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ชายคนนี้มามากพอแล้ว  และเธอก็จะไม่ยอมให้เขาคิดว่าเขาสามารถครอบงำหรือเป็นเจ้าของชีวิตของเธอได้อีกต่อไป!

    แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ตาม  อีกใจหนึ่งหญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะต่อต้านหรือขัดขืนชายตรงหน้าซึ่งบัดนี้ได้ควบคุมชีวิตของเธอไว้ในกำมือของเขาอย่างเบ็ดเสร็จได้แต่อย่างใด  รวมทั้งเธอกลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงลงไปก็ในตอนที่เธอได้เห็นดวงตาที่ราวโรจน์ไปด้วยความโกรธของสามี  ซึ่งทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกแผดเผาด้วยดวงตาสีเงินคู่นั้นของเขา  และในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันทีเมื่อมือใหญ่ของเขาเลื่อนมากุมใบหน้าเรียวของเธอไว้พร้อมกับที่นายลูเซียสพูดลอดไรฟันออกมา

    ดี  ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะแสดงให้เธอเห็นว่าเธอเป็นของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!” ชายผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน  และเมื่อสิ้นคำพูดของเขานายลูเซียสก็ลากภรรยาเดินลงบันไดไปยังห้องนอนของพวกเขาในทันทีโดยที่คราวนี้เขาไม่ให้โอกาสเธอดิ้นรนหรือขัดขืนเลยแม้แต่น้อย  เมื่อเขาใช้กำลังของเขาลากร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไปในทิศทางที่เขาต้องการ  เพื่อไปยังสถานที่ที่เขาจะสามารถสั่งสอนให้เธอได้รู้เสียทีว่าแท้ที่จริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นเจ้าของเธอ  และเธอก็เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!

     

    หากแต่ทั้งลูเซียสรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เลยว่า  บทสนทนารวมทั้งการทุ่มเถียงและทะเลาะเบาะแว้งของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นความลับเลยแม้แต่น้อย  เพราะจากอีกมุมหนึ่งของทางเดินเดรโกกำลังยืนมองพ่อของเขาและแม่เลี้ยงกำลังโต้เถียงกันโดยที่ทั้งสองไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าชายหนุ่มรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรวมทั้งล่วงรู้ทุกคำที่ทั้งสองพูดกันจนกระทั่งร่างของทั้งสองนั้นหายลับจากสายตาของเขาไป

     

    …………………………………………….

     

    ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงห้องนอนของพวกเขาเมื่อนายลูเซียสบอกรหัสผ่านสำหรับเปิดประตูห้องอย่างรีบเร่งพร้อม ๆ กับที่เขาพยายามจะรั้งร่างบางของภรรยาไว้ข้างกาย  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็พยายามจะดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของร่างใหญ่  แต่เธอก็ไม่อาจจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายผมบลอนด์ได้เลยเมื่อเขาลากเธอเข้าไปในห้องนอนหลังจากที่ประตูห้องเปิดออก  นายมัลฟอยเหวี่ยงร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปภายในห้องก่อนที่เขาจะหันไปร่ายคาถาเพื่อล็อคห้องอย่างแน่นหนา  และเมื่อนายลูเซียสหันกลับมาหาเธออีกครั้ง  ภาพที่เขาเห็นก็คือภาพของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาที่กำลังยืนอยู่กลางห้องนอนที่กว้างใหญ่ของพวกเขาในท่าทีสับสน  ใบหน้างามของเธอขาวซีดด้วยความหวาดกลัว  แต่ถึงกระนั้นก็ตามดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวออกมายามที่เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น

    แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพยายามหนีเมื่อร่างใหญ่ของชายผมบลอนด์เดินเข้ามาใกล้  แต่หญิงสาวก็ทำไม่สำเร็จเนื่องจากนายลูเซียสที่ไวกว่านั้นเข้ามารวบตัวของเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที  และเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของชายผมบลอนด์เสียแล้ว!

    ปล่อยฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับดิ้นรนให้ตัวเองหลุดจากการเกาะกุมของร่างใหญ่ตรงหน้า  แต่แน่นอนว่าการกระทำของเธอนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเลยแม้แต่น้อยเมื่อสามีของเธอรั้งร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนาจนไม่ว่าหญิงสาวจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางหลุดออกไปจากอ้อมกอดของเขาได้เลย  และในขณะที่กำลังมองภรรยาของตัวเองดิ้นรนอยู่นั้นเองนายลูเซียสก็พูดขึ้น

    เธอรังเกียจฉันนักหรือไง เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว  หากแต่มีแววปวดร้าวแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินที่เคยดูเย็นชาของเขา  แต่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขากลับไม่มีโอกาสได้สังเกตเห็นแววตานั้นของนายลูเซียสเลยเมื่อดวงตาสีเงินของเขาเปลี่ยนไปเป็นดวงตาที่ดูโกรธขึ้งอย่างรวดเร็วขณะที่เขาพูดประโยคต่อไปออกมา

    ถึงเธอจะรังเกียจฉันแค่ไหน  แต่ยังไงเธอก็ไม่มีวันปฏิเสธความจริงได้หรอกว่าฉันเป็นสามีของเธอและเธอก็เป็นภรรยาของฉัน!” เขาพูดลอดไรฟันออกมาพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาที่ดุดันก่อนที่เขาจะก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างรุนแรง!  โดยที่หญิงสาวไม่มีทางขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าได้เลย!

     

    แม้ว่าจะเคยถูกสามีของเธอจูบมาหลายครั้งแล้วก็ตาม  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าจูบในครั้งนี้ของชายผมบลอนด์นั้นเป็นจูบที่เกิดจากโทสะและการต้องการแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าอะไรทั้งหมด  เพราะมันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการครอบครองเช่นเดียวกับในตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรก  หากแต่สัมผัสของชายผมบลอนด์ในครั้งนี้กลับรุนแรงมากกว่าในตอนนั้นมาก  เพราะเขาจูบเธอราวกับเขาต้องการจะขโมยวิญญาณของเธอ  หรือไม่ก็ต้องการใช้การกระทำนี้ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่า  เขาเป็นเจ้าของของเธออย่างแท้จริง  และเธอก็เป็นของเขาแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น!

    และเมื่อนายลูเซียสจูบหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาจนพอใจแล้วเขาจึงถอนใบหน้าออกมา  และเมื่อเขาทำเช่นนั้นสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือหยาดน้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เธอกำลังมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองระคนปวดร้าวพร้อม ๆ กับที่เธอพยายามยกมือขึ้นเพื่อเช็ดริมฝีปากของตัวเองราวกับมันเพิ่งไปสัมผัสกับสิ่งที่สกปรกมา!

    และการกระทำดังกล่าวของหญิงสาวนั้นเองที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์โกรธของชายผมบลอนด์ให้เพิ่มมากขึ้น  เพราะในวินาทีต่อมาหลังจากที่นายลูเซียสมองภรรยาของเขาด้วยสายตาที่ดุดันแล้ว  เขาก็พูดขึ้นว่า

    เธอเสียดายหรือไงที่ฉันเป็นคนจูบเธอแทนที่จะเป็นเซเวอร์รัสน่ะ เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัดพร้อมกับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาสีเงินที่ทิ่มแทง  และเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบสายตาของชายตรงหน้า  เธอก็มองเห็นว่าร่างตรงหน้านั้นไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าปีศาจร้ายที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ  ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย  ชีวิต  หรือจิตวิญญาณของเธอ  และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่คิดว่าเธอจะไม่ยอมให้เขามาควบคุมชีวิตของเธอไปในทิศทางที่เขาต้องการหรือพยายามจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า

    ใช่  ฉันเสียดายมากที่คุณไม่ใช่เขา เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปด้วยท่าทีที่เด็ดเดี่ยว  แต่เมื่อจบคำพูดของเธอ  และหลังจากที่หญิงสาวได้เห็นปฏิกิริยาต่อคำพูดของเธอของร่างตรงหน้าแล้ว  เธอก็กลับรู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองขึ้นมาในทันที  เพราะบัดนี้ใบหน้าของนายลูเซียสนั้นดูโกรธขึ้ง  ดวงตาสีเงินของเขาที่จ้องมองมาทางเธออย่างราวโรจน์นั้นทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นแววตาของคนที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อซึ่งมันบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะความอวดดีของเธอเสียแล้ว!

    แต่ถึงจะโกรธภรรยาของเขามากแค่ไหนก็ตาม  นายลูเซียสก็ไม่อาจจะลงมือทำร้ายหญิงสาวตรงหน้าเขาลงไปได้  ตรงกันข้ามเขากับดันร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไปที่เตียงขณะที่หญิงสาวที่รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไปนั้นพยายามจะดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ  แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอก็ไม่อาจจะสู้แรงของผู้ชายอย่างนายลูเซียสได้  และสิ่งต่อมาที่หญิงสาวรู้สึกก็คือการที่แผ่นหลังของเธอกระทบเข้ากับที่นอนเมื่อสามีของเธอผลักร่างเล็กของเธอลงบนเตียงก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอ

    ฉันจะบอกเธอไว้เลยนะ  ว่าถึงเธอจะต้องการจะแต่งงานกับมันมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นเมียของฉัน!  และก็มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่จะทำอย่างนี้กับเธอได้!” เขาพูดลอดไรฟันออกมาก่อนจะก้มลงไปจูบซอกคอของหญิงสาวอย่างรุนแรง  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขัดขืนการกระทำของชายผมบลอนด์อย่างสุดความสามารถ  และเมื่อพบว่าไม่ว่าเธอจะดิ้นรนมากแค่ไหนเธอก็ไม่อาจจะขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าได้  เฮอร์ไมโอนี่จึงทำได้แค่เบี่ยงตัวเพื่อหลบสัมผัสของสามีอย่างสุดความสามารถพร้อมกับหลับตาลงอย่างหวาดกลัวเมื่อริมฝีปากของชายผมบลอนด์สัมผัสผิวเนื้อของเธออย่างรุนแรง

    และเมื่อนายลูเซียสเห็นท่าทีของภรรยาที่ทำราวกับว่าเขากำลังจะขืนใจเธออยู่นั้น  เขาจึงตัดสินใจเลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมคางของหญิงสาวเอาไว้แล้วบังคับให้เธอหันกลับมาสบตาเขา  และเมื่อดวงตาสีน้ำตาลที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะบังคับให้ดูเข้มแข็งมาสบเข้ากับดวงตาสีเงินที่ครุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธของชายผมบลอนด์แล้วนายลูเซียสก็พูดขึ้น

    ถ้าหากว่าเป็นมัน  เธอคงไม่มีท่าทีรังเกียจเลยสินะ  ฉันชักสงสัยแล้วสิว่าเธอเริ่มคบกับมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาแสร้งทำท่าทีครุ่นคิดก่อนจะพูดต่อ เท่าที่ฉันเห็นฉันคิดว่าเธอน่าจะแอบคบกับเซเวอร์รัสมาตั้งแต่ตอนที่เธอเรียนอยู่ฮอกวอตส์แล้วใช่มั๊ย  เพราะเดรโกเคยเล่าให้ฉันฟังว่าเธอได้คะแนนท็อปวิชาปรุงยาอยู่บ่อย ๆ แล้วฉันก็เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้เองว่าที่เธอได้คะแนนดีก็เพราะเธอมีบริการพิเศษให้อาจารย์ของเธอมากกว่า เขาพูดอย่างดูถูกจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบไปด้วยความโกรธ  และก่อนที่หญิงสาวจะทันได้คิดหรือพูดอะไรออกไปฝ่ามือเล็กของเธอก็ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าขาวซีดของนายลูเซียสเสียแล้ว!

    หลังจากเสียงเพี๊ยะดังขึ้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน!  และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นคนตบชายผมบลอนด์ด้วยตัวเองก็ตาม  แต่หญิงสาวกลับดูตกใจไม่น้อยเมื่อเธอรู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไป และสิ่งต่อมาที่เธอรู้สึกนอกจากความรู้สึกชาบริเวณฝ่ามือของเธอที่เพิ่งกระทบเข้ากับใบหน้าของนายลูเซียสนั้นก็คือดวงตาสีเงินของสามีที่มองมาทางเธอซึ่งมันดูราวโรจน์กว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็นขณะที่เขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา  จนเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเขาคงจะเสกคาถากรีดแทงใส่เธอเป็นแน่!  แต่เมื่อในตอนนี้หญิงสาวนั้นไม่มีทางขัดขืนหรือหนีไปจากการเกาะกุมของร่างตรงหน้าได้เธอจึงทำได้แค่เพียงอย่างเดียวซึ่งก็คือหลับตาลงเพื่อยอมรับชะตากรรมเท่านั้น!

     

    แต่แทนที่เฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากคาถากรีดแทงหลังจากที่เธอได้ยินเสียงสามีของเธอพึมพำคาถาบทหนึ่งออกมา  หญิงสาวกลับรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของเธอถูกดึงขึ้นไปเหนือศีรษะ  และในวินาทีต่อมาเธอก็รู้สึกราวกับมันถูกผูกไว้ด้วยผ้าหรือเชือกบางประเภท  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงพยายามดิ้นรนพร้อมกับลืมตาขึ้นเพื่อมองร่างตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองข้อมือของตัวเองที่ถูกมัดอยู่เหนือศีรษะ  และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นก็มีเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น  เพราะเธอไม่เห็นเชือกหรือวัตถุใด ๆ ที่มัดข้อมือของเธอเข้าด้วยกันอยู่เลย  แต่ถึงกระนั้นข้อมือบอบบางของหญิงสาวก็ยังคงถูกผูกอยู่ติดกันแบบนั้น  และเมื่อเธอพยายามจะดิ้นรนเธอก็พบว่าบางสิ่งบางอย่างที่ผูกข้อมือของเธอติดเข้าด้วยกันอยู่นั้นเริ่มรัดข้อมือเล็กของเธอแน่นขึ้นแม้ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ก็ตาม  และในวินาทีนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าใจในทันทีว่าสิ่งที่ผูกข้อมือของเธอให้ติดกันอยู่นี้นั้นคืออะไรขณะที่ชายร่างตรงหน้าของเธอพูดขึ้น

    เธอก็น่าจะรู้จักเวทย์มนต์ชนิดนี้ดีนี่นา  ยิ่งเธอดิ้นมันก็จะยิ่งรัดเธอแน่นขึ้น นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลางมองร่างเล็กภายใต้การควบคุมของเขาด้วยสายตาที่ปราศจากความปราณี  จนทำให้ร่างที่อยู่ในเงื้อมมือของเขาอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนเพื่อให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการของชายตรงหน้า  แม้ว่าหญิงสาวจะรู้อยู่เต็มอกก็ตามว่าเธอไม่สามารถหนีไปจากเขาได้อีกต่อไป  มิหนำซ้ำการดิ้นรนของเธอนั้นจะยิ่งนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอมากขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ  ราวกับเชือกที่มองไม่เห็นนั้นเริ่มรัดข้อมือบอบบางของเธอแน่นขึ้นจนมันบาดเข้าไปในผิวเนื้อของเธอ  ขณะที่สามีของเธอมองภาพเธอกำลังดิ้นรนด้วยแววตาที่เย็นชา  ดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์มองดูหยาดน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลรินจากดวงตาคู่สวยของเธอด้วยแววตาที่บอกว่าเขาไม่มีความปราณีหลงเหลือให้เธอเลยแม้แต่น้อย!

    หลังจากปล่อยให้ร่างตรงหน้าดิ้นรนไปได้ครู่หนึ่งนายลูเซียสก็ก้มลงไปจูบแก้มภรรยาสาวของเขา  ริมฝีปากบางจูบซับน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา  หากแต่มันกลับไม่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยเลยยามที่เขาละใบหน้าของเขาขึ้นมาจากแก้มของหญิงสาวและจ้องมองเธอพร้อม ๆ กับที่มือใหญ่ของเขาสัมผัสแก้มเนียนที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอเบา ๆ

    เธอคงเสียใจมากสินะที่ต้องมาแต่งงานกับฉัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยความปวดร้าวและโกรธเคือง  ขณะที่หญิงสาวพยายามจะส่งสายตาอ้อนวอนไปยังร่างตรงหน้า

    แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นของฉันแล้ว  แล้วฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉันแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น!” สิ้นคำพูดของชายผมบลอนด์เขาก็โน้มกายไปจูบร่างตรงหน้าอย่างหนักหน่วงและรวดเร็วเกินกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะทำได้แม้กระทั่งเบนหน้าหนีเขา  แต่ถึงเธอจะตกอยู่ในสภาวะที่ยากต่อการขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าก็ตามแต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะยอมให้เขามารังแกข่มเหงเธอได้ตามใจชอบอีกต่อไป

    “!!!!!” นายลูเซียสอุทานขึ้นพร้อมกับถอนใบหน้าของเขาออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอกัดลิ้นของเขาเข้า!  ชายผมบลอนด์ยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตนเองเบา ๆ เมื่อเขารับรู้ถึงรสเลือดในปากของตนเอง  ดวงตาสีเงินมีแววตกใจอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่ราวโรจน์มากกว่าเดิมเมื่อเขาเคลื่อนกายเข้าไปในหาหญิงสาวอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น

    เธอก็ฤทธิ์มากเหมือนกันนะ  ที่รัก เขาพูดราวกับเขาไม่ยี่หระที่เธอกัดลิ้นของเขา  แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองสบดวงตาสีเงินของร่างตรงหน้าแล้วหญิงสาวก็รู้ดีว่าเขาโกรธมากแค่ไหนกับการกระทำของเธอ แต่ฉันเกรงว่าเธอจะเสียใจกับการกระทำของเธอภายหลังอย่างแน่นอน สิ้นคำพูดของเขา  ชายผมบลอนด์ก็ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นและตวัดมันพร้อม ๆ กับร่ายคาถาอยู่เหนือร่างของเฮอร์ไมโอนี่ 

    ในตอนแรกหญิงสาวที่คิดว่าเขาจะร่ายคาถากรีดแทงใส่เธอก็รีบหลับตาลงพร้อมกับซบใบหน้าลงกับหมอนเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด  หากแต่ความเจ็บปวดที่เธอรอคอยนั้นก็ไม่ได้มาถึงแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามกลับเกิดเสียงราวกับแส้ฟาดอากาศดังขึ้นเหนือร่างของเธอ  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกทีเธอก็พบว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นขาดรุ่งริ่งราวกับมันถูกกรีดด้วยของมีคม

    ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าบัดนี้เธอตกอยู่ในสภาพใดรวมทั้งร่างตรงหน้านั้นต้องการจะลงโทษเธอด้วยวิธีเช่นใดเมื่อมือใหญ่ของนายลูเซียสเริ่มเคลื่อนเข้ามาแกะเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่างของเธอ!

    อย่าค่ะ  ได้โปรด!” เฮอร์ไมโอนี่อ้อนวอนออกมา  หากแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วสำหรับการร้องขอความเมตตาจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเอง  เพราะในตอนนี้นายลูเซียสนั้นไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคำขอร้องของร่างเล็กตรงหน้าแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามเขากลับพยายามปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกโดยไม่คำนึงถึงคำอ้อนวอนหรือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอเลยพร้อมกับที่เขาก้มลงจูบผิวเนื้อบริเวณซอกคอของหญิงสาวอย่างหนักหน่วงราวกับเขาต้องการจะประทับร่องรอยที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของของเขาลงบนตัวของเธอ!

    ได้โปรด  หยุดเถอะค่ะ!” เธอร้องออกมาเมื่อรู้ว่าชายตรงหน้ากำลังรุกรานร่างกายของเธอไปมากแค่ไหนแล้ว  แต่ถึงหญิงสาวจะอ้อนวอนหรือร้องขอเพียงใดนายลูเซียสก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจจะหยุดการกระทำของเขาได้พอ ๆ กับที่ไม่ว่าเธออ้อนวอนเขามากแค่ไหนก็ตามเขาก็จะไม่มีวันเชื่อคำพูดของเธออีกต่อไปแล้ว!  ตรงกันข้ามเขาจะต้องทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อเขาดำเนินบทรักของเขาต่ออย่างไร้ความปราณีต่อร่างเล็กภายใต้การควบคุมของเขาในตอนนี้!

    ในขณะที่รู้สึกว่าสามีของเธอกำลังไล้ริมฝีปากของเขาไปตามร่างกายของเธออยู่นั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว  และแม้ว่าเธอจะตกเป็นภรรยาของนายลูเซียสแล้วก็ตาม  แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าบทรักของชายผมบลอนด์ในครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง  เพราะเท่าที่ผ่านมาแม้ว่านายลูเซียสจะบังคับรวมทั้งเร่งรัดเธอมากเกินไปในคืนแต่งงานของพวกเขา  แต่มันก็ยังมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในสัมผัสของเขาต่างจากครั้งนี้ซึ่งดูเหมือนว่าความอ่อนโยนที่ชายผมบลอนด์มีต่อหญิงสาวนั้นจะหายไปตั้งแต่ตอนที่เขาค้นพบว่าเธอแอบติดต่อกับเพื่อนผู้เสพความตายของเขาแล้ว  รวมทั้งความปราณีที่เขาเคยมีให้เธอนั้นก็น่าจะเลือนหายไปตั้งแต่ตอนที่เธอตบเขาเมื่อครู่นี้แล้ว  ดังนั้นเมื่อปราศจากทั้งสองสิ่งที่กล่าวมานี้  ชายตรงหน้าจึงไม่เหลือสิ่งใดที่จะหยิบยื่นให้เธอนอกจากการกระทำที่รุนแรงเพื่อเป็นการสั่งสอนหญิงสาวเท่านั้น!

     

    และเพราะเหตุผลที่ว่าชายผมบลอนด์ต้องการครอบครองร่างกายของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของรวมทั้งสั่งสอนเธอในสิ่งที่เธอได้ทำลงไปกับเขานั้นเอง  ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้มากกว่าครั้งไหน  ๆ ที่ผ่านมา  และเธอก็อาจจะไม่ต้องการมันมากกว่าในคืนแต่งงานของเธอเสียด้วยซ้ำ!  เพราะหญิงสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะถูกขืนใจ  แม้ว่าผู้ชายที่กำลังรุกรานร่างกายของเธออยู่นั้นจะเป็นคนเดียวกับคนที่เป็นสามีที่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเธออย่างถูกต้องแล้วก็ตามและความรู้สึกนั้นของเธอก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นหลังจากที่ร่างใหญ่ตรงหน้าละจากร่างบางของเธอ  ซึ่งในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ที่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับการกระทำของสามีก็แอบหวังลึก ๆ ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจหรือเกิดปราณีเธอขึ้นมา  แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินอันเย็นชาของเขาพร้อม ๆ กับที่เธอสังเกตเห็นว่ามือใหญ่ของนายลูเซียสนั้นเลื่อนไปแกะเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกทำให้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเธอคิดผิดโดยสิ้นเชิง!

     

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอกและเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะความหวาดกลัวที่บัดนี้กำลังท่วมท้นหัวใจของเธอจนหญิงสาวรู้สึกว่าความหวาดกลัวที่เต็มเปี่ยมนี้ได้ล้นเอ่อออกมาในรูปของน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มเนียนของเธออีกครั้ง  เมื่อเธอรู้แล้วว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอพอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะไม่ต้องการมันมากเพียงใดก็ตาม  เธอก็ไม่อาจจะขัดขืนหรือปฏิเสธสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย  และสิ่งที่เธอทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอเท่านั้นเมื่อสามีของเธอโน้มกายเข้ามาหาเธออีกครั้งก่อนจะเริ่มดำเนินบทรักของเขาต่อโดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะต้องการมันหรือไม่  รวมทั้งเธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหนกับการกระทำที่ไม่ต่างจากการข่มเหงจิตใจของเธอแบบนี้!

     

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว  แต่เท่าที่เธอรู้ก็คือเธอรู้สึกราวกับมันได้ผ่านไปแล้วชั่วนิรันดร์ยามที่เธอตกอยู่ในอ้อมกอดของนายลูเซียสผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ  อ้อมกอดที่เธอไม่ต้องการเลยแม้แต่น้อย  อ้อมกอดที่คุมขังเธอไว้เพื่อรับโทษทัณฑ์ที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อขึ้น  อย่างน้อย ๆ เธอก็ไม่ได้ทำความผิดอย่างที่เขาเข้าใจแต่เขากลับไม่สนใจที่จะฟังคำอธิบายของเธอเลยแม้แต่น้อย  รวมทั้งเขาไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเจ็บปวดเพียงใดกับสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้เธอ  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทราบแน่ชัดว่าน้ำตากี่หยดแล้วที่เธอต้องสูญเสียไปกับการกระทำของเขาในครั้งนี้  การกระทำที่ไม่ต่างจากการขืนใจเท่าไหร่นัก  ท่ามกลางความเจ็บปวดร้าวรานของเธอภายใต้เวทย์มนตร์ที่เขาพันธนาการร่างของเธอไว้เพื่อรอรับการลงโทษจากเขาจนกว่าเขาจะพอใจเท่านั้น!!!

     

    …………………………………………….

     

    หลังจากบทรักของทั้งคู่จบลง  มันต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าที่นายลูเซียสจะปรับอารมณ์รวมทั้งลมหายใจของเขาได้  และเมื่อลมหายใจของชายผมบลอนด์กลับมาเป็นปกติพอ ๆ กับอารมณ์ของเขาซึ่งเปรียบได้ราวกับท้องทะเลที่เพิ่งผ่านพ้นพายุแห่งโทสะไปและคลื่นลมก็เริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง  นายลูเซียสก็เพิ่งตะหนักได้เป็นครั้งแรกว่าเขาได้ทำอะไรลงไปกับหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขา

    เพราะว่าภาพเบื้องหน้าของชายผมบลอนด์นั้นก็คือภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่มีดวงตาแดงก่ำและคราบน้ำตาเปรอะแก้มเนียน  ริมฝีปากอิ่มของเธอนั้นห้อเลือดเนื่องมาจากการกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อกั้นเสียงร้องที่น่าอายของเธอ  และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ  เมื่อนายลูเซียสมองตามแขนเรียวของหญิงสาวไปเขาก็พบว่าข้อมือเล็กของเธอนั้นเกิดบาดแผลเนื่องจากเวทย์มนต์ของเขาจนมันปรากฏรอยสีแดงขึ้นที่ผิวของเธอราวกับผิวบริเวณนั้นห้อเลือดขึ้นมาเพราะเชือกเวทย์มนต์ที่มองไม่เห็นของเขานั้นบาดลึกเข้าไปในข้อมือเล็กของเธอ  และสิ่งที่ทำให้นายลูเซียสรู้สึกราวกับเขาเพิ่งถูกคลื่นแห่งความรู้สึกผิดถาโถมเข้าใส่นั้นก็คือดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวดระคนเกลียดชัง  ราวกับเขาเป็นสัตว์ร้ายที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ!

    และเป็นเพราะได้สบดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความเสียใจของหญิงสาวนั้นเองที่ทำให้นายลูเซียสตัดสินใจละจากร่างบางที่บอบช้ำตรงหน้า  ดวงตาสีเงินของเขาสำรวจไปตามร่างกายของเธอด้วยสายตาราวกับเขาเองก็ไม่แน่ใจกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเหมือนกัน  และก่อนที่ขาจะค้นพบอะไรที่จะมาทำให้เขารู้สึกผิดไปมากกว่าเดิมนั้นชายผมบลอนด์ก็เลื่อนมือของเขาไปยังข้อมือเล็กที่ถูกพันธนาการไว้ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา  ซึ่งเธอก็พยายามเบี่ยงตัวหลบสัมผัสของเขาอย่างหวาดกลัวหากแต่ไร้ประโยชน์  แต่นายลูเซียสทำเป็นไม่สนใจท่าทีของเธอเมื่อเขาพึมพำอะไรบางอย่างขึ้นมาพร้อม ๆ กับแตะมือของเขาลงที่เชือกที่มองไม่เห็น  และในวินาทีต่อมาหญิงสาวก็รู้สึกถึงความผ่อนคลายที่ข้อมือเมื่อเวทย์มนต์ที่พันธนาการเธอได้ถูกถอนออกไปแล้วหากแต่ความเจ็บปวดที่ข้อมือของเธอก็ยังคงอยู่ 

    ขณะที่ดวงตาสีเงินของสามีกำลังจ้องมองเธออยู่นั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ดึงแขนของเธอกลับมาพร้อมกับสำรวจข้อมือที่บอบช้ำของเธออย่างเบามือโดยมีนายลูเซียสมองเธออยู่เงียบ ๆ เขาไม่ได้พูดหรือทำอะไรมากไปกว่าจ้องมองเธออยู่แบบนั้น  ไม่มีคำขอโทษ  ไม่มีถ้อยคำดูถูก  และไม่มีคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น  ชายผมบลอนด์จ้องมองหญิงสาวอยู่เงียบ ๆ แบบนั้นจนกระทั่งเธอเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง  น้ำตาใสไหลอาบแก้มเนียนของเธออีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะบอกได้  แต่ขณะที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นเอง  มันก็เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวสังเกตเห็นว่าชายตรงหน้าทำท่าทีราวกับจะยื่นมือมาเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธอ  แต่อาจจะเป็นเพราะการกระทำของเธอเองที่ทำให้นายลูเซียสต้องชะงักการกระทำของเขาไปเมื่อเธอเบี่ยงตัวหลบเขาในทันทีราวกับเธอกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายเธอมากกว่าจะเข้ามาปลอบใจเธอ

    และเพราะการกระทำของหญิงสาวนั้นเองที่ทำให้มือใหญ่ของชายผมบลอนด์นั้นชะงักอยู่กลางอากาศก่อนที่เขาจะชักมันกลับอย่างรวดเร็ว  นายลูเซียสจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาประเมินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงไป

    แม้ว่าจะแสร้งหันหน้าไปทางอื่น  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกได้จากความยวบยาบของเตียงเมื่อร่างใหญ่ของชายผมบลอนด์ลุกขึ้นจากเตียง  และถึงแม้ว่าเธอจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าสามีของเธอนั้นกำลังจะเดินไปที่ไหนในตอนนี้  แต่หญิงสาวก็ไม่ต้องการที่จะหันไปมองพอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการจะหันไปสบตาเขา  ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้นั้นก็คือการฟังเสียงฝีเท้าของร่างใหญ่ที่กำลังเดินไปตามพื้นห้องเท่านั้น  แต่หลังจากสงสัยในเรื่องดังกล่าวอยู่ไม่นานนัก  คำตอบก็ปรากฏขึ้นให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น  อันที่จริงจะต้องเรียกว่าเธอได้ยินมันมากกว่าเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนขึ้นพร้อมกับเสียงมันปิดลงอย่างรวดเร็วซึ่งบอกให้เธอรู้ว่านายลูเซียสนั้นออกจากห้องนอนไปแล้ว  และหลังจากเสียงประตูที่ปิดลงดังขึ้นไม่นานนักเฮอร์ไมโอนี่ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น  ร่างเล็กของเธอสะอื้นราวกับจะขาดใจก่อนจะซบร่างลงบนกับที่นอนและร้องไห้อย่างหนักมากที่สุดเท่าที่เธอเคยร้องมาก่อนครั้งหนึ่งในชีวิตของเธอ

     

    …………………………………………….

     

    ทางด้านชายผมบลอนด์นั้นเขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น  หลังจากที่สติสัมปชัญญะของเขากลับคืนมาแล้วนายลูเซียสก็รู้สึกราวกับคนที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝัน  เขารู้สึกสับสนและไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป  และยิ่งไปกว่านั้นคือเขาก็รู้สึกผิดมากกว่าอะไรทั้งหมดในเรื่องที่เกิดขึ้น  ในเรื่องที่เขาได้ทำลงไปกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเอง  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้  พอ ๆ กับที่เขาไม่อาจจะพูดปลอบใจหรือเอ่ยคำอธิบายในสิ่งที่เขาได้ลงไปกับเฮอร์ไมโอนี่ได้เลย  โดยเฉพาะในตอนที่เธอเบี่ยงตัวหลบสัมผัสของเขาพร้อมกับตัวสั่นด้วยความหวาดหลัวราวกลับลูกนกตัวเล็ก ๆ อยู่นั้น  และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นส่งผลกระทบต่อหญิงสาวมากเพียงใด  และเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจลุกออกมาจากเตียงและเดินออกมาจากห้องเสียเพื่อปล่อยให้เธออยู่ภายในห้องตามลำพัง  แต่ถึงเขาจะตัดสินใจแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังร่างเล็กที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากห้องมา  แม้ว่าหญิงสาวจะไม่หันมามองเขาก็ตาม  แต่เขาก็สามารถเห็นได้ว่าแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่นั้นสั่นเทาแค่ไหนในตอนที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องไป  และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงถอนหายใจก่อนจะเดินออกจากห้องมา  แต่หลังจากที่เขาปิดประตูเบื้องหลังของเขาลงโดยที่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินออกจากหน้าธรณีประตูที่ว่านั้นเองเสียงสะอื้นของหญิงสาวก็ดังกระทบหูของเขา  มันไม่ใช่เสียงสะอื้นที่แผ่วเบาเลยแม้แต่น้อยเพราะมันสามารถดังเล็ดลอดประตูไม้บานหนาออกมานอกห้องที่มีระยะห่างจากเตียงนอนอยู่พอสมควรนี้ได้  ซึ่งมันบอกเขาว่าในตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องไห้อย่างหนัก  และสาหตุที่หญิงสาวเป็นเช่นนี้ก็มาจากการกระทำของเขาทั้งสิ้นและถึงแม้ว่าเสียงสะอื้นนั้นจะเปรียบเสมือนมีดที่กรีดหัวใจของเขาอย่างที่เขาเองก็ไม่สามารถค้นหาสาเหตุได้ว่าทำไม  นายลูเซียสก็ไม่ได้ตัดสินใจที่จะกลับเข้าไปปลอบโยนภรรยาของเขาที่กำลังเสียใจอยู่แต่อย่างใด  เขาทำเช่นนั้นไม่ได้พอ ๆ กับที่เขาไม่อาจจะเอ่ยคำขอโทษในสิ่งที่เขาได้ทำกับเธอออกไปได้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงตัดสินใจที่จะหันหลังให้กับเสียงสะอื้นนั้นและเดินไปตามระเบียงทางเดินก่อนจะลงบันไดไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์

     

    ภายในห้องนั่งเล่นของคฤหาส์มัลฟอย  ตรงเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมของเจ้าของบ้านนั้น  ลูเซียส  มัลฟอยกำลังรินวิสกี้ไฟใส่แก้วอย่างลวก ๆ ก่อนจะกระดกมันลงคออย่างรวดเร็ว  ดวงตาสีเงินดูสับสนในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นราวกับเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร  แต่เมื่อเขารู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าเขาได้ทำร้ายเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของเขาลงไปด้วยมือของเขาเองเสียแล้ว

    เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพหญิงสาวที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มและกำลังมองเขาด้วยสายตาราวกับเขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าปีศาจร้ายในร่างมนุษย์และค้นพบว่าการนึกถึงภาพดังกล่าวไม่อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ใด ๆ กับเขาได้มากไปกว่าเป็นการนำเอาความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดมาสู่ตัวของเขาเองนั้น  นายลูเซียสก็กระดกวิสกี้ไฟแก้วที่สองตามไปอย่างรวดเร็ว  หลังจากรู้สึกถึงความร้อนของวิสกี้ไฟที่แผดเผาลำคอของเขากระเพาะที่ว่างเปล่าของเขาแล้ว  ชายผมบลอนด์ก็รินแก้วที่สามขึ้นมาจิบอย่างช้า ๆ  ซึ่งในครั้งนี้ดวงตาสีเงินของเขานั้นเริ่มดูสุขุมมากขึ้นและมันก็ไม่ได้ถูกครอบงำด้วยโทสะเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว  หลังจากเริ่มตั้งสติได้นายมัลฟอยก็เริ่มคิดทบทวนในเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนี้อย่างมีสติหนักแน่นเป็นครั้งแรก

     

    นายลูเซียสคิดทบทวนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องทำงานของเขา  เริ่มตั้งแต่ตอนที่เขากลับมาพบเฮอร์ไมโอนี่อยู่กับเซเวอร์รัสสองต่อสองในห้องทำงานของเขาซึ่งควรจะเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับเธอ  รวมทั้งเธอยังสารภาพออกมาด้วยว่าเธอต้องการที่จะแต่งงานกับอดีตอาจารย์ของเธอมากกว่าเขา  ในตอนแรกนั้นเขาตกใจและโกรธมากกับสิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยิน  จนเขาคิดไปว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นนอกใจเขากับเซเวอร์รัส  สเนป  หนึ่งในเพื่อนผู้เสพความตายที่เขาสนิทสนมมากที่สุด  และดูเหมือนว่าท่าทีของทั้งสองคนในตอนที่เขาจับได้ว่าทั้งคู่แอบพบกันรวมทั้งคำแก้ตัวต่าง ๆ นานาที่ทั้งสองสรรหามาพูดกับเขานั้นยิ่งทำให้เขาปักใจเชื่อไปก่อนแล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเซเวอร์รัส  รวมทั้งเธออาจจะคบหากับอดีตอาจารย์ของเธอมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้  แต่หลังจากที่นายลูเซียสได้ลองใช้สติคิดไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้ง  เขากลับพบว่ามีบางอย่างที่ขัดแย้งในสิ่งที่เขาเชื่อในตอนแรกอยู่หลายประการ

     

    อย่างแรกก็คือมันไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่เฮอร์ไมโอนี่จะต้องการแต่งงานกับสเนปแทนที่จะเป็นเขา  และลูเซียสเองก็ไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่อย่างใดที่คิดเช่นนี้  เพราะเขาเพิ่งนึกได้ถึงความจริงที่ว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นรังเกียจสเนปแค่ไหนที่เขาเป็นคนสังหารดัมเบิลดอร์ด้วยมือของเขาเอง  อีกทั้งนายลูเซียสยังจำถึงปฏิกิริยาของเธอได้เป็นอย่างดีในตอนที่เธอพบสเนปครั้งแรกที่ศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดหลังจากที่เขาจับตัวเธอมา  ซึ่งปฏิกิริยาของหญิงสาวเมื่อเซเวอร์รัส  สเนปปรากฏกายขึ้นในห้องนั้นมันช่างแตกต่างจากในตอนที่เขาพบเธอที่กองปริศนาก่อนหน้านั้นมากนั้น  เพราะในตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ดูต่อต้านและเกลียดชังสเนปมากกว่าอะไรทั้งหมด  และแม้ว่าในตอนนี้หญิงสาวจะตกเป็นภรรยาของเขาแล้วก็ตาม  แต่ลูเซียสก็ค่อนข้างแน่ใจว่าลึก ๆ แล้วเธอยังคงภักดีกับฝ่ายภาคีและเพื่อนรักของเธออยู่  และถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว  มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะต้องการแต่งงานกับผู้เสพความตายที่เป็นคนสังหารดัมเบิลดอร์กับมือกันเล่า

    อีกประการหนึ่งก็คือ  แม้ว่าชายผมบลอนด์จะไม่สามารถหาเหตุผลใดมาตอบคำถามที่ว่าทำไมเฮอร์ไมโอนี่จึงต้องการจะแต่งงานกับสเนปที่เป็นผู้สังหารดัมเบิลดอร์ออกมาได้แล้วนั้น  เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มาขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเชื่อไปก่อนหน้านี้ด้วยอารมณ์ที่ว่า  เฮอร์ไมโอนี่นั้นแอบคบหากับสเนปจนอาจถึงขั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว  ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด  เพราะแม้ว่าทั้งสองจะลักลอบพบกันในสภาพที่น่าสงสัยมากก็ตาม  แต่สภาพที่เขาไปเจอพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันในตอนนั้นสเนปและภรรยาของเขามีท่าทางเหมือนกำลังยืนพูดคุยกันมากกว่า  พวกเขาไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกัน  รวมทั้งไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนเช่นในวันที่เขาไปเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันในห้องทำงานของสเนปซึ่งเขาพาหญิงสาวไปรักษามือของเธอแต่อย่างใด  แต่ถึงกระนั้นก็ตาม  มันก็เป็นเพราะคำพูดของหญิงสาวที่ทำให้เขาเกิดโทสะและคิดไปก่อนแล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นมีความสัมพันธ์เกินเลยกับเพื่อนของเขาเอง  ซึ่งเมื่อลองมาทบทวนดูอีกทีเขาก็ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาคิดผิด  ภรรยาของเขาไม่น่าจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเซเวอร์รัส  สเนป  อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ก่อนที่เธอจะมาแต่งงานกับเขา  เพราะเฮอร์ไมโอนี่เป็นสาวบริสุทธิ์จวบจนคืนวันแต่งงานของเขาและเธอ  และลูเซียสก็แน่ใจว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ  เป็นสามีของเธออย่างถูกต้อง  และเมื่อเขานึกย้อนไปถึงคืนแต่งงานของเขาและเฮอร์ไมโอนี่ชายผมบลอนด์ก็รู้สึกถึงกระแสแห่งความจริงที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองของเขาซึ่งมันได้เข้ามาคัดค้านกับสิ่งที่เขาเคยเชื่อก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง  ลูเซียสนึกไปถึงร่างที่สั่นเทาของหญิงสาวเมื่อเขาสัมผัสร่างกายของเธอในคืนแต่งงานของพวกเขา  นึกถึงท่าทีเอียงอายและการขัดขืนที่ไร้ประโยชน์ของเธอยามที่เขาแตะต้องร่างกายของเธอ  รวมทั้งใบหน้าแดงก่ำและท่าทีเขินอายของเธอในตอนที่เขามาปลุกเธอที่เตียงนอนในยามเช้า  และภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเองที่เตือนให้นายมัลฟอยคิดได้ว่าเขาเข้าใจผิดอย่างมหันต์ไปก่อนหน้านี้ว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นผู้หญิงที่นอกใจเขาไปกับเพื่อนของเขาเองซึ่งเป็นอดีตอาจารย์ของเธอด้วย  รวมทั้งเธออาจจะคบหากับเซเวอร์รัสมาก่อนหน้าที่จะมาแต่งงานกับเขาแล้ว  เนื่องจากภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับอาจารย์ของตัวเองและผู้หญิงที่นอกใจสามีของเธอหลังจากที่เธอเพิ่งแต่งงานกับเขาได้ไม่ทันจะครบอาทิตย์ดีนั้นมันช่างขัดกับภาพของหญิงสาวบริสุทธิ์ที่เขาได้มาเป็นภรรยาเหลือเกินแม้ว่าจะเธอแต่งงานกับเขาโดยไม่เต็มใจก็ตาม  แต่เธอก็ยังคงมีท่าทีเขินอายอยู่แม้แต่ตอนที่เธอตกเป็นของเขาแล้ว  ซึ่งมันบอกเขาได้ว่าผู้หญิงที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาอย่างเธอนั้นไม่น่าจะลักลอบพาเพื่อนผู้เสพความตายของเขาเข้ามามีสัมพันธ์รักกันในบ้านของเขาเองแบบนี้

     

    หลังจากที่คิดได้เช่นนั้นก็เกิดคำถามผุดขึ้นในสมองของนายลูเซียสต่อมา

    ถ้าเช่นนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันเล่า  เป็นเพราะอะไรเฮอร์ไมโอนี่ถึงต้องการจะแต่งงานกับเซเวอร์รัสมากกว่าเขา  และเป็นเพราะอะไรทั้งสองถึงต้องมาลอบพบกันในตอนที่ชายผมดำเองก็รู้ดีกว่าเขาไม่อยู่บ้าน  หากไม่ใช่เรื่องชู้สาวแล้วทั้งสองมาพบกันด้วยเรื่องอะไรกัน

    หลังจากที่พยายามระดมสมองเพื่อหาคำตอบในคำถามที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่นี้อยู่ครู่หนึ่ง  ลูเซียสก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหาคำตอบให้มันได้พอ ๆ กับที่เขาไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปเองได้เลย  และมีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะสามารถล่วงรู้คำตอบที่แท้จริงของเรื่องราวที่แสนจะซับซ้อนที่เกิดขึ้นนี้ก็คือเขาต้องไปถามมันจากปากของเฮอร์ไมโอนี่เองเท่านั้น

    แต่เธอจะบอกเขาอย่างนั้นหรือ นั่นเป็นคำถามแรกที่เกิดขึ้นในใจของชายผมบลอนด์หลังจากนั้น  และเพราะคำถามดังกล่าวนั้นเองที่ทำให้นายลูเซียสนึกไปถึงภาพของภรรยาสาวของเขาที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มและกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาราวกับเขาเป็นสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์  และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อม ๆ กับที่เขาวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงเมื่อเขาไม่เห็นประโยชน์ในการดื่มมันต่อไปอีกแล้ว  ดวงตาสีเงินที่เต็มไปด้วยแววครุ่นคิดเปลี่ยนมาเป็นแววตาที่ดูเคร่งเครียดเมื่อเขาคิดสงสัยไปว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นจะเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่เขาได้ทำรุนแรงกับเธอลงไปขนาดนั้น

     

    และเมื่อนึกถึงตรงนี้สายตาของนายลูเซียสก็ปรายลงมามองที่มือใหญ่ของตัวเองพร้อม ๆ กับนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็เริ่มสงสัยว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร  เขาได้ทำอะไรลงไปกับหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาเองและเขาทำเช่นนั้นกับเธอลงไปได้อย่างไร  แต่เมื่อใช้ความคิดอยู่ได้ไม่นานนักชายผมบลอนด์ก็ได้คำตอบว่า  เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นมาจากการที่เขาเข้าไปพบเฮอร์ไมโอนี่อยู่ตามลำพังกับเซเวอร์รัส  สเนปซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา  เพียงแต่ที่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่มากจนเขาถึงกับบันดาลโทสะสั่งสอนหญิงสาวไปนั้นเป็นเพราะคำพูดของเธอที่พูดว่าเธอต้องการจะแต่งงานกับสเนปมากกว่าเขารวมทั้งความพยายามที่จะปิดบังเขาจากการรับรู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นนั้นได้นำไปสู่การกระทำที่อาจจะเรียกได้ว่าเลวร้ายที่เขาได้ทำลงไปกับเธอ

    เมื่อคิดถึงตรงนี้ภาพของเฮอร์ไมโอนี่ที่พยายามขัดขืนดิ้นรนรวมทั้งอ้อนวอนให้เขาหยุดการกระทำของเขาทั้งน้ำตาก็แวบเข้ามาในหัวสมองของนายลูเซียสอย่างรวดเร็วจนเขาต้องสะบัดศีรษะของเขาเบา ๆ เพื่อไล่ภาพนั้นออกไปจากสายตา  หากแต่เขากลับไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด  เพราะแม้ว่าเขาจะสามารถลบภาพดังกล่าวไปจากความคิดคำนึงของเขาในขณะนี้ได้  แต่เขาก็ไม่สามารถลบล้างความจริงที่ว่าเขาได้ทำรุนแรงลงไปกับเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นภรรยาของเขาลงไปได้เลย  และยิ่งไปว่านั้นก็คือยิ่งเขาพยายามจะลบภาพเลวร้ายที่เขาทำลงไปกับเฮอร์ไมโอนี่มากเพียงใด  ภาพหญิงสาวที่พยายามดิ้นรนขัดขืนการกระทำของเขาในวันนี้ก็ไปซ้อนทับกับภาพของเธอที่มีกริยาไม่ต่างกันนักในคืนวันแต่งงานของเขา  ซึ่งมันตอกย้ำถึงสิ่งที่นายลูเซียสเพิ่งค้นพบก่อนหน้านี้ว่าเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่จะทำเรื่องในแบบที่เขาคิดกับผู้ชายที่เป็นอาจารย์ของเธอรวมทั้งเป็นเพื่อนผู้เสพความตายของเขาลงไปได้  บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นการเข้าใจผิด  และบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก็ได้  แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่  แล้วมันเกิดมาจากอะไร  ทำไมสเนปต้องมาหาเฮอร์ไมโอนี่ถึงที่บ้านแบบนี้ด้วย  เพราะถึงจะเข้าใจแล้วว่าภรรยาของเขาไม่น่าจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยกับเซเวอร์รัส  หากแต่นายลูเซียสก็ยังไม่ปักใจเชื่อทันทีว่าเซเวอร์รัสจะลงทุนมาหาภรรยาของเขาที่บ้านในเวลาที่เขาไม่อยู่เพราะต้องการเอายารักษาบาดแผลมาให้เธอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ถึงกระนั้นชายผมบลอนด์ก็ไม่อาจจะหาคำตอบหรือคาดเดาได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่เซเวอร์รัส  สเนปมาพบเฮอร์ไมโอนี่ในวันนี้นั้นคืออะไร  และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะได้คำตอบในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้  ซึ่งนั่นก็คือการถามทุกอย่างจากปากภรรยาของเขาเอง

    หลังจากที่ได้บทสรุปจากความคิดที่ยุ่งเหยิงของเขาแล้วนายลูเซียสก็ไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นจากเคาเตอร์ที่เขากำลังนั่งอยู่โดยไม่สนใจจะดื่มเครื่องดื่มที่เหลืออยู่ในแก้วให้หมดแต่อย่างใด  ตรงกันข้ามเขากลับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินกลับไปยังห้องนอนของเขาที่อยู่ที่ชั้นสองของคฤหาสน์ในทันที

     

    …………………………………………….

     

    นายลูเซียสเดินมาถึงห้องนอนของเขาในเวลาต่อมา  ชายผมบลอนด์เปิดประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาและสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ก็คือความเงียบภายในห้อง  ซึ่งในตอนแรกนั้นเขาคาดหวังไว้ว่าจะได้ยินเสียงสะอื้นของหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนอนของเขาและเธอเหมือนกับในตอนแรกที่เขาออกจากห้องไป  แต่ปรากฏว่านายลูเซียสกลับต้องแปลกใจที่พบว่าห้องทั้งห้องนั้นเงียบงัน  และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงเดินเข้าไปภายในห้องด้วยท่าทีที่สงบนิ่งมากกว่าเดิมราวกับเขากังวลว่าการมาของเขาจะไปทำให้ร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนั้นตกใจ 

    นายลูเซียสเดินไปถึงเตียงนอนของเขาพร้อม ๆ กับสังเกตเห็นว่าร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่บนเตียงนั้นกำลังนอนตะแคงหันหลังไปอีกทางหนึ่ง  ในตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าหญิงสาวตื่นอยู่หรือไม่  แต่เมื่อชายผมบลอนด์เข้าไปใกล้ร่างดังกล่าวมากขึ้นเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ดังมาจากร่างเล็กเบื้องหน้าพร้อม ๆ กับที่เขาเห็นว่าแผ่นหลังของร่างนั้นสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นของเธอ  หากแต่เสียงที่ดังออกมาช่างแผ่วเบายิ่งนักราวกับเธอพยายามที่จะกลั้นมันไว้ด้วย  เนื่องจากในตอนนี้เธอรู้ว่าเขาได้กลับเข้ามาในห้องแล้ว  และเมื่อนายลูเซียสเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงนอนของเขาซึ่งใกล้กับตรงที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังนอนอยู่นั้นเขาก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากของตนเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นของตนไม่ให้ดังออกมา

    และเมื่อเขาเห็นเช่นนั้นความต้องการที่จะถามรวมถึงคาดคั้นเอาคำตอบในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้จากหญิงสาวนั้นก็มลายหายไปในพริบตาหลังจากเขาได้เห็นเธอกำลังนอนร้องไห้อยู่เงียบ ๆ แบบนี้แล้วเขาก็ไม่อาจที่จะไปคาดคั้นหรือซักถามอะไรเธอไปมากกว่านี้ได้  ตรงกันข้ามนายลูเซียสกลับทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำ  ซึ่งนั่นก็คือการที่เขาขึ้นไปบนเตียงเพื่อไปนอนข้าง ๆ ร่างเล็กของภรรยาของเขา

     

    เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอน  แม้จะรู้ดีว่า เขา คงต้องกลับมาที่ห้องนี้แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาที่นี่เร็วขนาดนี้  อย่างน้อย ๆ มันก็ไม่เร็วพอสำหรับให้เธอทำใจให้พร้อมกับการเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง  หรือบางทีเธออาจจะไม่พร้อมที่จะต้องเผชิญหน้าเขาตลอดไปเลยก็เป็นได้

    เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาหากแต่สามารถจับทิศทางได้ทำให้หญิงสาวรู้ว่าบัดนี้ร่างใหญ่ของนายลูเซียสนั้นกำลังเดินมายังเตียงที่เธอกำลังนอนอยู่  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็มีความรู้สึกอยากจะหนีไปจากที่ ๆ  เธอกำลังอยู่เสียเดี๋ยวนี้  เธอต้องการจะลุกขึ้นจากเตียงและหนีไปให้พ้นจากผู้ชายที่ได้ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสมากกว่าอะไรทั้งหมด  เพียงแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้เมื่อเสียงฝีเท้าของนายมัลฟอยนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับที่ความกลัวเริ่มแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งเมื่อเธอจินตนการไปว่านายลูเซียสจะทำอะไรกับเธอต่อไปบ้าง  เขาจะทำร้ายหรือทรมานเธอเพื่อเป็นการลงโทษในสิ่งที่เขาคิดว่าเธอได้ทำลงไปอีกหรือไม่  หรือที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือเขาจะใช้กำลังข่มเหงเธออย่างที่เขาทำเมื่อครู่อีกหรือเปล่า!!!

    และเพราะการจินตนการถึงสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงสะอื้นออกมาเบา ๆ อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่  น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วได้ไหลออกมาอีกรอบ  แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวซึ่งไม่ต้องการทำให้สามีของเธอล่วงรู้ถึงความอ่อนแอของเธอไปมากกว่านี้ได้ก็ยกมือขึ้นปิดปากของตนเองเพื่อห้ามไม่ให้เสียงสะอื้นของเธอนั้นเล็ดรอดออกมา  หากแต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธอนั้นอยู่ในสายตาของชายผมบลอนด์ตั้งแต่ในตอนที่เขาเข้ามาภายในห้องนอนเสียแล้ว

     

    แม้ว่าจะพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถแล้ว  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็สะดุ้งขึ้นมาเมื่อเธอรู้สึกถึงแรงยุบที่เตียงด้านหลังของเธอเมื่อร่างใหญ่ของนายมัลฟอยนั้นขึ้นมาบนเตียงและเข้ามานอนถัดจากร่างของเธอไปหลังจากที่เธอรู้สึกได้ว่าเขามายืนมองเธอจากด้านหลังอยู่ครู่หนึ่ง  แม้จะตกใจและหวาดกลัวมากก็ตาม  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถหนีไปจากที่ ๆ เธออยู่ในตอนนี้ได้  พอ ๆ กับที่เธอไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะไปขัดขืนการกระทำของร่างใหญ่ที่บัดนี้ได้มามีอำนาจเหนือเธอในแทบจะทุกด้านได้เลย

    แม้ว่าจะจินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้วก็ตาม  แต่สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกต่อมานั้นกลับเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาบริเวณหัวไหล่ของเธอเมื่อมือใหญ่ของนายลูเซียสเลื่อนมาปัดผมสีน้ำตาลดกหนาของเธอออกจากบริเวณไหล่และซอกคอ  ในขณะที่หญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจเพราะการกระทำของเขาอยู่นั้นชายผมบลอนด์ก็ก้มลงจูบเธออย่างแผ่วเบาที่หัวไหล่

    เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงเมื่อริมฝีปากของสามีสัมผัสผิวเนื้อของเธอ  แม้ว่ามันจะไม่มีความรุนแรงเจือปนอยู่ก็ตามรวมทั้งรอยจูบของเขานั้นก็ดูราวกับแผดเผาผิวเนื้อของเธอให้ร้อนรุ่มด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนของมัน  แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงสาวก็ไม่อาจจะคลายตัวเองจากความหวาดกลัวที่มีต่อสามีของเธอเพียงเพราะจูบที่อ่อนโยนจากเขาได้  ไม่ใช่หลังจากที่เขาได้ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสมาขนาดนี้แล้ว

    และเมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบรับใด ๆ จากร่างตรงหน้า  ชายผมบลอนด์ก็ก้มลงไปจูบร่างเล็กตรงหน้าอีกครั้ง  หากแต่คราวนี้เขาเลือกที่จะประทับจูบของเขาที่ซอกคอขาวผ่องของเธอก่อนจะเลื่อนมันไปยังแก้มเนียนที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอแทน  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงเมื่อเธอรู้สึกถึงสัมผัสของสามีที่แทบจะแผดเผาร่างกายของเธอ  แม้ว่าเธอจะรังเกียจรวมทั้งหวาดกลัวผู้ชายคนนี้มากกว่าอะไรทั้งหมด  แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสัมผัสของเขานั้นทำให้ร่างกายของเธอร้อนรุ่มได้ทุกครั้งที่เขาสัมผัสมัน  แม้กระทั่งในตอนนี้หลังจากที่เขาเพิ่งทำสิ่งที่เลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยลงไปกับเธอก็ตาม

    และเมื่อคิดได้เช่นนั้นน้ำตาใสก็ไหลจากดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นน้ำตาหยดที่เท่าไหร่แล้วที่ไหลรินจากดวงตาของเธอนับตั้งแต่ที่เธอต้องตกมาเป็นของผู้ชายคนนี้  แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เฮอร์ไมโอนี่สามารถบอกตัวเองได้ก็คือ  เธอคงจะต้องเสียน้ำตาเพราะการกระทำของเขาไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอที่เธอจะต้องใช้มันในฐานะภรรยาของเขาเท่านั้น

    แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็กลับไม่รู้เลยว่าน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลที่แสนจะอ่อนโยนของเธอนั้นมันสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ไม่น้อย  และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เธอรู้สึกแต่นายลูเซียสก็กลับไม่รู้สึกสบายใจเลยที่ได้เห็นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของภรรยาของเขาแบบนี้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเองชายผบลอนด์ที่เป็นต้นเหตุในแทบจะทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ตั้งแต่เขาแต่งงานกับเธอมาก็คิดได้ว่าบางทีเขาก็ควรจะหยุดทำให้เธอร้องไห้เสียที

    และเมื่อได้ข้อสรุปในสิ่งที่เขาควรจะทำพร้อม ๆ กับที่เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ นายลูเซียสก็ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของภรรยาสาวของเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาหากแต่ฟังดูหนักแน่นว่า

    เธอเป็นของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น

    เขากระซิบขึ้นพร้อม ๆ กับที่ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาปะทะเข้ากับผิวเนื้อของหญิงสาวจนเธออดขนลุกกับถ้อยคำอันหนักแน่นของชายผมบลอนด์ไม่ได้  โดยเฉพาะเมื่อมันตามมาด้วยสัมผัสที่อ่อนโยนของเขาเมื่อเขาจูบผมของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้แม้กระทั่งคิดหรือพูดอะไรออกไปนั้นนายลูเซียสก็ลุกขึ้นจากเตียงที่เธอกำลังนอนอยู่อย่างรวดเร็ว  เขาหันมามองร่างเล็กที่กำลังนอนหันหลังให้เขาอยู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนไปอีกครั้งโดยที่เขาไม่ได้หันกลับไปมองร่างของหญิงสาวอีกเลยแม้แต่น้อย

    หลังจากที่ได้ยินเสียงประตูห้องนอนที่ปิดลงแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยันกายขึ้นจากที่นอนและหันไปมองด้านหลัง  แต่สิ่งที่เธอพบก็มีเพียงห้องนอนที่ว่างเปล่าปราศจากวี่แววของร่างใหญ่ที่เพิ่งนอนอยู่ข้าง ๆ เธอก่อนหน้านี้เท่านั้น  แต่ถึงนายลูเซียสจะเดินออกไปจากห้องแล้วก็ตาม  หญิงสาวกลับรู้สึกราวกับว่าชายผมบลอนด์นั้นไม่ได้จากเธอไปเลยแต่อย่างใด  เพราะอย่างน้อย ๆ ในตอนนี้คำพูดที่เขาเพิ่งพูดกับเธอนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอพอ  ๆ กับที่ผิวเนื้อของเธอบริเวณที่เขาเพิ่งสัมผัสนั้นยังคงร้อนรุ่มอยู่  ถ้อยคำที่เขาเพิ่งเอ่ยกับเธอนั้นดังก้องไปมาอยู่ในห้วงคำนึงของหญิงสาวราวกับว่ามันเป็นความจริงที่เธอจะไม่อาจจะปฏิเสธหรือลบล้างได้  เพราะมันเป็นความจริงที่ว่าเธอเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

     

     

    *************************************************

     



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×