ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dark Princess:เจ้าหญิงแห่งความมืด [เฮอร์ไมโอนี่/ลูเซียส]

    ลำดับตอนที่ #9 : The Black Wedding: งานแต่งงานที่แสนมืดมน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.93K
      42
      19 ธ.ค. 55

     

     

    คุยกันก่อนอ่านนะคะ

    ตอนที่ 9 นี้เราเขียนไปถึง 20 หน้าเลยหวังว่าคงชอบกันนะคะ

    อ้อ  สำหรับฉากแต่งงานเราอาจจะเขียนไม่เหมือนงานแต่งงานในหนังฝรั่งทั่วไปนะคะ  เพราะ 1) เราไม่เคยแต่งงานมาก่อนค่ะ ^^  2) งานแต่งงานครั้งนี้ดำเนินโดยโวลเดอมอร์ซึ่งเขาน่าจะไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการได้อำนาจของเฮอร์ไมโอนี่มาครอบครองเขา  เราจึงตัดคำปฏิญาณให้สั้นลง  และกระชับมากที่สุดน่ะค่ะ  เพราะงานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เน้นความรัก  แต่เป็นการเน้นการครอบครองค่ะ  ตามนั้น

    ส่วนอันนี้เป็นชุดแต่งงานของนู๋เฮอร์  เอามาให้ดูกันค่ะ

     



     

     


    ***Chapter 9 The Black Wedding: งานแต่งงานที่แสนมืดมน***

     

    It was a black wedding, you could hear the organs not,
    The violins or the words the pope was saying.
    It was a black wedding, you could hear the organs but,
    No drunken snoring or real hallelujahs.
    And some people swore they saw the devil,
    But most prayed they wouldn't last a winter
    It was a black wedding,
    Throw those blessings all around

    Black Wedding – Meg and Dia

     

    …………………………………………….

     

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ลูเซียส มัลฟอยจูบเธอต่อหน้าผู้เสพความตายทั้งห้องซึ่งในความคิดของเด็กสาวเขาทำเช่นนั้นเพียงเพื่อต้องการดึงความสนใจของคนในห้องไปที่อื่นและเพื่อเป็นการปกปิดว่าเธอทำตัวอ่อนแอโดยการร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น  แต่สิ่งเดียวที่เฮอร์ไมโอนี่พอจะจำได้มีอีกอย่างหนึ่ง  ซึ่งอันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะจดจำแม้แต่น้อย  เพราะสิ่งนั้นก็คือสายตาที่แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งเดรโกมองมาที่เธอก่อนเขาจะออกจากห้องไป  และเมื่อเด็กสาวรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็กำลังเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธอโดยมีนายลูเซียสอยู่ข้าง ๆ หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว

     

    ทั้งเธอและเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยในระหว่างที่เดิน  จนกระทั่งเมื่อทั้งสองมาถึงห้องของของเฮอร์ไมโอนี่  นายลูเซียสก็เปิดประตูให้เธอและถือวิสาสะเดินตามเธอเข้ามาในห้องด้วย

    หลังจากประตูปิดลงและเด็กสาวกำลังจะถามชายผมบลอนด์ว่าเขาเข้ามาในห้องของเธอทำไม  นายลูเซียสก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน

    เธอทำได้ดีพอใช้ทีเดียวในวันนี้ เขาเริ่มบทสนทนาด้วยคำพูดที่ดูราบเรียบและสุภาพแต่น้ำเสียงที่เอ่ยมันขึ้นมาช่างเย็นชายิ่งนัก

    แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอสามารถควบคุมอารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีมากกว่านี้ เขาพูดพลางเดินไปรอบ ๆ ห้อง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ  เขากล้าดียังไงมาตัดสินเธอน่ะเขาคิดว่ามันง่ายสำหรับเธอนักหรือที่จะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเขารวมทั้งเผชิญหน้ากับจอมมารและผู้เสพความตายทั้งหมดในแบบที่เธอเจอในวันนี้น่ะ!

    แม้จะคิดว่าเธอสมควรจะตอบโต้ชายตรงหน้าด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อนก็ตาม  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น  ตรงกันข้ามเธอแค่เถียงเขาออกไปว่า ฉันไม่ได้อ่อนแอ

    นายลูเซียสหันกลับมามองหน้าเพราประโยคนั้น  สายตาของเขาที่มองมานั้นราวกับเขากำลังประเมินเธออยู่หรือในอีกแง่หนึ่งเขากำลังสมเพชเธอ  เพราะเขามองเธอราวกับเธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่ประสีประสา

    ฉันไม่ได้พูดว่าเธออ่อนแอ  มิสซิลเวีย  ฉันรู้ดีว่านักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์มีจุดแข็งอยู่ที่ความกล้าหาญเพียงแต่...... เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกสองก้าว  และเมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงถอยหลังหนีเขาไปจนติดกำแพง  ลูเซียสหัวเราะน้อย ๆ กับท่าทีนั้น

    เพียงแต่ถ้าหากเธอจะเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดจริง ๆ เธอจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้  ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของเธอมากกว่านี้  และที่สำคัญเธอต้องรู้จักใช้ไหวพริบมากกว่านี้ เขาพูดราวกับเขากำลังสอนเธอในการโตเป็นผู้ใหญ่อยู่

    แต่ฉันไม่ใช่สลิธีรินอย่างพวกคุณ เฮอร์ไมโอนี่เถียง  แต่ชายผมบลอนด์หัวเราะเพราะคำพูดนั้น

    แน่นอนว่าเธอยังไม่ใช่  แต่เธอจะกลายเป็นอย่างพวกเราในไม่ช้า  ชะตาของเธอได้กำหนดไว้แล้วให้เธอต้องมาอยู่ฝ่ายผู้เสพความตาย  รวมทั้งต้องแต่งงานกับฉันด้วย เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มดุลแพรไหม  แต่ดวงตาสีเงินของเขากลับจ้องมองเธออย่างอันตราย  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะสรรหาคำพูดใดมาโต้เถียงเขาได้นายลูเซียสก็พูดต่อ

    ฉันยอมรับว่าฉันพอใจกับการวางตัวของเธอในวันนี้อยู่บ้าง  หลังจากพิจารณาดูแล้วว่ามันเป็นครั้งแรกเธอที่ไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้เสพความตายมากขนาดนั้น  อันที่จริงฉันมีข่าวดีมาบอกเธอว่าฉันไม่มีธุระใด ๆ ที่จะต้องจะมารบกวนเธออีกก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของเรา เขาพูดอย่างราบเรียบราวกับเขากำลังตกลงธุรกิจกับเธออยู่

    ส่วนเธอต้องอยู่ในห้องนี้ตลอดเวลา ทิสซี่จะเป็นคนดูแลเธอรวมทั้งนำอาหารมาให้  เธอจะออกจากห้องนี้ได้ก็ต่อเมื่อฉันมารับเธอไปเท่านั้น  บางทีเราอาจจะต้องไปทานอาหารเย็นกันที่ห้องอาหารบ้างถ้าฉันสะดวก  นอกเหนือจากกรณีนี้แล้วเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องนี้อย่างเด็ดขาด นายลูเซียสกล่าว  แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่พอใจเท่าไหร่ที่จะต้องมาเป็นนักโทษของเขาแบบนี้  แต่เธอก็รู้ดีว่าการต่อปากต่อคำของเขาไม่เป็นประโยชน์กับเธอแต่อย่างใด

    เธอคงรู้แล้วว่ามีเสื้อผ้าที่จำเป็นอยู่ในตู้เสื้อผ้า เขาใช้ไม้เท้าชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าเพียงตู้เดียวในห้อง ถ้าเธอขาดเหลืออะไรก็บอกทิสซี่ได้  ฉันจะสั่งให้มันหาหนังสือมาให้เธออ่านระหว่างอยู่ที่นี่  และฉันคงต้องบอกเธอว่าฉันอาจจะไม่ว่างมาพบเธออีกจนกว่าจะถึงวันก่อนพิธีแต่งงาน เขาพูดราวกับเธอและเขาเป็นคู่รักหวานซึ้งที่อยู่ห่างกันไม่ได้แม้แต่เพียงวินาทีเดียว  เขาจึงจำเป็นต้องขอโทษเธอเมื่อเขาอาจมาพบเธอไม่ได้เป็นเวลาหลายวัน

    ที่ฉันต้องการคือให้เธอทำตัวดี ๆ อยู่ในห้องนี้และทำทุกอย่างตามที่ฉันบอกเมื่อครู่จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน  เธอเข้าใจไหม เขาพูดพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่  แต่เด็กสาวกลับเลือกที่จะหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของเขามากกว่าที่จะตอบคำถาม

    และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงใช้มือใหญ่ของเขาเชยคางเด็กสาวเอาไว้และบังคับให้เธอกลับมาสบตาเขาก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง

    เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหมมิสซิลเวีย เขากล่าวพลางมองเธอด้วยสายตาคาดคั้น  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องตอบดวงตาสีเงินที่แสนจะเย็นชาของเขาก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า ฉันเข้าใจ

    แล้วเธอจะทำตามที่ฉันบอกได้ไหม เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอจะทำตามที่เขาต้องการจริง ๆ และการกระทำนี้มันช่างดูเป็นการบังคับขู่เข็ญเหลือเกินในความคิดของเด็กสาว

    ฉันเข้าใจที่คุณพูดดี  แล้วฉันก็จะทำตามที่คุณต้องการ  คุณพอใจหรือยัง เธอประชด แต่นายลูเซียสกลับไม่สนใจเรื่องนั้น  ตรงกันข้ามเขากลับดูพอใจในคำตอบที่ได้รับ

    ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะรบกวนเธออีกแล้ว ลูเซียสกล่าวขณะที่มือใหญ่ของเขาคว้ามือเล็ก ๆ ที่ชื้นเหงื่อของเด็กสาวขึ้นมา  เฮอร์ไมโอนี่แทบต้องกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากของนายมัลฟอยสัมผัสหลังมือของเธอขณะที่ดวงตาสีเงินของเขายังคงไม่ละไปจากเธอ  เขากระซิบเบา ๆ ขึ้นมาหลังจากนั้น

    ยินดีต้อนรับสู่ด้านมืด  เจ้าหญิง เขาเอ่ย ขณะที่เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง  และวินาทีนี้เองเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้แล้วว่าเธอได้ก้าวเข้ามาสู่ด้านมืดอย่างแท้จริงแล้ว  แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้แต่งงานกับนายลูเซียสก็ตาม  แต่เธอก็ไม่มีทางหนีพ้นชะตาชีวิตนี้ได้ราวกับว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเธอจะต้องถูกชิงตัวไปอยู่ฝ่ายมืด  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจะโทษอะไรได้เล่า โชคชะตาอย่างนั้นหรือ

    แล้วพบกันอีกครั้ง นายลูเซียสกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากปล่อยมือเธอก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป

    และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พบเขาก่อนจะถึงคืนก่อนวันแต่งงาน

     

    …………………………………………….

     

     

    หลังจากลูเซียส  มัลฟอยพาเธอมาส่งที่ห้องในวันนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้มาพบเธอเลยตลอดเวลา 5 วันที่เหลือ  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของแต่ละวันหมดไปกับการอ่านหนังสือที่ทิสซี่นำมาให้  และอีกครึ่งหนึ่งหมดไปกับการคิดถึงพ่อแม่และเพื่อนรักของเธอ  รวมทั้งกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากที่เธอได้แต่งงานกับนายลูเซียสไปแล้ว  และบางครั้งความคิดนั้นก็ทำให้น้ำตาปริ่มดวงตาคู่สวยของเด็กสาว  แต่เธอก็ไม่คิดจะเช็ดมันออก  ตรงกันข้ามเธอกลับปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลต่อไปจนกว่ามันจะเหือดแห้งไปเอง

     

    ยิ่งวันแต่งงานใกล้เข้ามาเท่าไหร่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น  เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นนักโทษประหารที่กำลังจะได้รับการลงโทษในไม่ช้า  ทุก ๆ โมงยามที่เคลื่อนคล้อยทำให้หัวใจของเด็กสาวยิ่งเต้นแรง  แต่มันไม่ได้เกิดจากความตื่นเต้นที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานเหมือนกับว่าที่เจ้าสาวทั่วไป  ตรงกันข้ามมันกลับเกิดจากความกลัวเสียมากกว่า  ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น  เธอกลัวเหลือเกินว่าวันแต่งงานจะมาถึงและเมื่อถึงตอนนั้น  ตอนที่ลูเซียส มัลฟอยได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์แล้วเขาจะใช้อำนาจที่ได้มาจากเธอทำร้ายเพื่อน ๆ และคนที่เธอรัก 

     

    แต่ถึงจะหวาดกลัวมากเพียงใดก็ตามเด็กสาวก็ไม่อาจหยุดเวลาไว้ได้เช่นเดียวกับที่เธอไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตของเธอได้  เพราะถ้าเธอทำเช่นนั้นได้จริง  ถ้าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงเริ่มต้นการสอบคัดเลือกเป็นมือปราบมารรอบสุดท้ายได้ล่ะก็  แน่นนอนว่าเธอจะเลือกกลับไปที่สนามสอบทันทีที่เธอรู้ว่ามีอะไรผิดพลาด  เพราะถ้าเธอเอะใจและถอยหลังกลับตั้งแต่ตอนนั้นเธอคงไม่ต้องมาเผชิญชะตาชีวิตที่เลวร้ายเช่นนี้

    แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางทำเช่นนั้นได้พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจปฏิเสธงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลย!

     

    ในช่วงค่ำของคืนก่อนวันแต่งงาน  หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทานอาหารที่ทิสซี่นำมาให้เสร็จไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  เด็กสาวทำท่าจะลุกไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงนั้น  แต่ทิสซี่ซึ่งเผอิญยืนอยู่แถวนั้นก็พูดขึ้นก่อน

                                                                                                                                                                        

    เดี๋ยวทิสซี่เปิดเองเจ้าค่ะ  คุณผู้หญิงทานอาหารต่อเถอะค่ะ เอลฟ์ร่างเล็กบอกพลางเดินเตาะแตะไปที่ประตูเพื่อเปิดมัน  ทันทีที่ประตูเปิดออกเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของนายลูเซียสยืนอยู่ที่ธรณีประตู  ในคราวนี้เขามาคนเดียว  มือข้างหนึ่งของเขาถือไม้เท้าที่พกติดตัวอยู่เสมอ แต่อีกข้างหนึ่งเขากลับถืออะไรบางอย่างที่มันดูราวกับถุงสำหรับใส่ชุดราตรีไว้

    ชายร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องทันทีที่ประตูเปิด  เขาเดินเฉียดร่างเล็ก ๆ ของทิสซี่ไปทางตู้เสื้อผ้า และแขวนของที่กำลังถือไว้ที่เสาสำหรับแขวนเสื้อ  และเมื่อถึงตอนนั้นเด็กสาวก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งที่นายลูเซียสถือมานั้นคืออะไร  แต่เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

    เมื่อแขวนชุดเสร็จแล้วชายผมบลอนด์ก็หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่

    สวัสดีตอนเย็น  มิสซิลเวีย เขาพูดพลางก้าวเข้ามาใกล้ ไม่ทราบว่าฉันมารบกวนเวลาอาหารของเธอหรือเปล่า เขาถามอย่างสุภาพ  ขณะที่เด็กสาววางมีดกับส้อมลงก่อนจะตอบออกมา

    ไม่ค่ะ  ฉันอิ่มพอดี เธอพูดพลางเช็ดปากด้วยผ้าสำหรับเช็ดปากและจิบน้ำเข้าไปอีกอึก  และเมื่อเห็นว่าเธอทานอาหารเสร็จแล้วนายลูเซียสจึงยื่นมือมาให้เธอจับ

    ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะวางมือเล็กของเธอลงบนมือใหญ่ของชายตรงหน้าและลุกขึ้นจากเก้าอี้

    นายลูเซียสพาเฮอร์ไมโอนี่ไปยังเสาที่เขาแขวนชุดที่เพิ่งนำมาเมื่อครู่ไว้ก่อนจะหันไปพูดกับทิสซี่

    แกออกไปได้แล้ว  แล้วก็เก็บสำรับออกไปด้วย เขาพูดเสียงเข้ม  โดยที่เด็กสาวแอบมองเขาอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าทิสซี่เก็บสำรับอาหารออกไปจากห้องอย่างรีบเร่ง  แต่ดูเหมือนนายมัลฟอยจะไม่ได้สังเกตุเห็นสายตาที่เด็กสาวใช้มองเขาแต่อย่างใด  เพราะเมื่อเอลฟ์ออกจากห้องไปแล้วเขาก็หันมาพูดกับเธอด้วยท่าทีปกติว่า

    มันอาจจะช้าไปซักหน่อย  แต่ที่ฉันมาหาเธอก็เพราะต้องการจะบอกเธอเรื่องกำหนดการงานแต่งงานของเรารวมทั้งนำเอาชุดแต่งงานมาให้เธอด้วย เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างมองเขาอย่างไม่สามารถเก็บอาการตกใจไว้ได้  แน่นอนว่าเด็กสาวรู้ดีว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขาในวันพรุ่งนี้  แต่ในใจลึก ๆ เฮอร์ไมโอนี่กลับแอบคิดอย่างสิ้นหวังว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด  บางทีพวกเขาอาจจะเพิ่งมาค้นพบว่าตัวเองจับคนมาผิดและเธอไม่ใช่ทายาทของเรเวนคลอหรือเจ้าหญิงแห่งความมืดแต่อย่างใด  หรือไม่ทางภาคีก็อาจจะล่วงรู้ถึงแผนการชั่วร้ายของผู้เสพความตายและส่งคนมาช่วยเธอได้ทันท่วงที

    แต่ดูราวกับความหวังเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ได้สูญสลายไปสิ้นเมื่อนายลูเซียสพูดประโยคต่อไป

    งานแต่งงานจะมีขึ้นในเวลาหกโมงตรง  พรุ่งนี้เวลาสามโมงเบลลาทริกซ์จะมาช่วยเธอแต่งตัวและเธอจะต้องสวมชุดนี้ เขาพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ และซิปของถุงนั้นก็รูดลงเองด้วยเวทย์มนต์เผยให้เห็นชุดประโปรงยาวสีดำที่มีการตกแต่งด้วยผ้าเนื้อบางสีเขียวเข้มอยู่

     เฮอร์ไมโอนี่ตะลึงกับภาพที่เห็น  แม้ว่าเธอจะไม่ได้หวังที่จะได้สวมชุดแต่งงานที่สวยที่สุดในวันพรุ่งนี้ก็ตาม  แต่เธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะต้องสวมชุดเจ้าสาวดำแบบนี้!  ถ้าไม่นับผ้าสีเขียวนั้นแล้วชุดนี้ก็ดูไม่ต่างจากชุดของผู้เสพความตายที่ไม่มีส่วนไหนใกล้เคียงกับชุดเจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย!

    หลังจากสำรวจชุดอยู่ไม่นานเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมองนายลูเซียสด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ  จนชายผมบลอนด์ต้องทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง

    เธอจะต้องใส่ชุดเจ้าสาวชุดนี้ในพิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้ เขาย้ำอย่างราบเรียบและเฉยชา

    คุณเรียกมันว่าเป็นชุดเจ้าสาวอย่างนั้นหรือ เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

    มีร่องรอยของความงุนงงอยู่ในแววตาของนายมัลฟอยเมื่อเธอพูดเช่นนั้นออกไป 

    ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจเสียอีกว่าเธอจะต้องใส่ชุดแบบไหนในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ เขาพูดดักคอและเด็กสาวก็รู้ว่าเธอพลาดเสียแล้ว  เธอไม่ควรจะเรียกร้องอะไรในงานแต่งงานครั้งนี้เลยด้วยซ้ำเพราะเขารวมทั้งตัวเธอเองต่างรู้ดีว่าเธอไม่ได้ต้องการให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่านเมื่อถูกนายลูเซียสมองด้วยท่าทีเป็นต่อขณะที่เขาพูดขึ้น

    ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่าเธอก็เป็นห่วงด้วยว่าชุดแต่งงานที่เธอจะต้องใส่นั้นถูกใจเธอหรือไม่ เขาพูดด้วยท่าทีที่เกือบจะเรียกว่ายียวน  จนเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะต้องเถียงออกมา

    ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นซักนิด  ฉันก็แค่ไม่อยากใส่ชุดที่ดูเหมือนกับผู้เสพความตายเท่านั้นเอง เธอเถียงออกไปเท่าที่จะคิดได้  แต่นายลูเซียสกลับยิ้มเพราะคำพูดนั้น  เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกก้าวพลางมองเธอด้วยแววตาที่บอกว่าเขาไม่ประสงค์ดีกับเธอ

    เธอคงไม่โง่พอที่จะคิดว่าตัวเธอเองต่างจากผู้เสพความตายใช่ไหม  มิสซิลเวีย  แน่นอนว่าเธอไม่ต่างจากพวกเราเลย  ถึงจอมมารอาจจะยกย่องเธอให้เป็นเจ้าหญิงก็ตามแต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นหนึ่งในสมุนของท่านเหมือนกับพวกเราอยู่ดี ชายผมบลอนด์พูดพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน

    แล้วเธอคงไม่ได้คิดจริง ๆ ใช่ไหมว่าเธอจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้น่ะ  เพราะถ้าเธอคิดเช่นนั้นฉันขอบอกเธอเลยนะว่าเธอคิดผิดเพราะเธอจะต้องใส่ชุดนี้เข้าพิธีกับฉันอย่างไม่มีข้อแม้  อันที่จริงฉันว่าชุดนี้ก็เหมาะกับเธออยู่ไม่น้อยนะ  เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดได้อยู่แล้วนี่นา เขาพูดแทงใจดำเด็กสาว  และเพราะคำพูดของเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าความอดทนของเธอได้หมดลงตรงนั้น

    คุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะคุณไม่มีวันมาเข้าใจอะไรหรอกคุณก็รู้ว่าฉันไม่มีวันต้องการเป็นเจ้าหญิงบ้า ๆ อะไรนี่แม้แต่น้อย ฉัน....... เด็กสาวแผดเสียงออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู  เธอยกมือขึ้นปิดหน้าราวกับเธอไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้  และสิ่งต่อมาที่นายลูเซียสเห็นก็คือร่างเล็ก ๆ ที่สั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา

     

    …………………………………………….

     

    แม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เขาก็ได้เห็นเด็กสาวที่กำลังจะแต่งงานกับเขาตะโกนและร้องไห้ออกมาแบบนี้  แต่ชายผมบลอนด์กลับเลือกที่จะไม่แสดงท่าดีใด ๆ ออกไป  แม้ในใจของเขาจะรู้สึกหงุดหงิดเสียเต็มประดาที่เห็นว่าที่เจ้าสาวของเขาทำตัวไม่ต่างจากเด็กตัวเล็ก ๆ ในตอนนี้  แต่นายลูเซียสก็ไม่ได้ต่อว่าเธอออกไปแต่อย่างใด  รวมทั้งเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะปลอบใจเธอด้วย  เพราะสิ่งเดียวที่เขาทำก็คือมองเธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

     

    เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก็เงียบลง  หลังจากเธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้วเธอรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างลวก ๆ พร้อมกับหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง  นายลูเซียสมองภาพนั้นก่อนจะถอนหายใจ  เด็กสาวคนนี้ไม่มีความสมดุลทางด้านอารมณ์เลย  แน่นอนว่าเธอเป็นคนฉลาด มีความสามารถ และกล้าหาญ แต่ในบางครั้งเรื่องบางเรื่องก็สามารถทำให้เธอร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กเล็ก ๆ โดยไม่ใส่ใจว่าใครจะมองอยู่ก็ตาม  ชายผมบลอนด์คิด

    ถ้าหากว่าเธอรู้จักควบคุมอารมณ์มากกว่านี้มันจะเป็นผลดีทั้งกับเธอและเขามากกว่านี้   เพราะการจะทำให้ผู้เสพความตายทั้งหมดยอมรับเธอในฐานะของเจ้าหญิงแห่งความมืดได้นั้นต้องอาศัยอะไรที่มากกว่าความฉลาดหรือโชคชะตา  ในบางครั้งมันก็ต้องอาศัยความโหดเหี้ยมที่จะทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอยังขาดสิ่งนี้ไป  และจากการที่เธอช่วยชีวิตมาดามมัลกิ้นโดยยอมสัญญากับเขาว่าเธอจะยอมเชื่อฟังเขาทุกอย่างทั้ง ๆ ที่หญิงคนนั้นก็ไม่ได้สนิทสนมกับเธอเลยแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นว่าเธอยังใจอ่อนอยู่มาก  ซึ่งจุดนี้น่าจะกลายเป็นปัญหาของเธอรวมทั้งของเขาด้วยในอนาคต  เพราะการเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดที่จะอยู่ในตำแหน่งมือขวาของจอมมารต้องโหดเหี้ยมกกว่านี้มาก  อาจจะต้องถึงขั้นเห็นชีวิตคนเป็นมดปลวกเลยทีเดียวซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถไปถึงขั้นนั้นได้

     

    เมื่อคิดถึงตรงนี้นายลูเซียสเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมดัมเบิลดอร์ที่วางแผนซ่อนเธอไว้กับพวกมักเกิ้ลรวมทั้งซ้อนแผนโดยการให้หมวดคัดสรรส่งเธอไปอยู่กริฟฟินดอร์ด้วย  เพราะที่สิ่งตาแก่ดัมเบิลดอร์ได้นั้นไม่ใช่แค่การซ่อนเจ้าหญิงจากจอมมารให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังเป็นการทำให้เธอเติบโตในสังคมของมักเกิ้ลและสังคมของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งทั้งโลกเวทย์มนต์ต่างรู้ดีว่ามันแตกต่างจากการถูกเลี้ยงดูจากครอบครัวของพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์และการถูกคัดสรรไปอยู่บ้านสลิธีรินหรือแม้กระทั่งเรเวนคลอมากเพียงใด  และด้วยเหตุนี้เธอจึงเติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวในแบบที่นักเรียนกริฟฟินดอร์ควรจะเป็นคือกล้าหาญ หากแต่โง่เง่า

     

    แต่เมื่อมองในอีกแง่มุมหนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเด็กอยู่มาก แม้ว่าเธอจะเป็นทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดก็ตามแต่เธอก็เป็นแค่แม่มดสาวที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเท่านั้น  ซึ่งนายลูเซียสคิดว่าเวลาอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนแปลงความคิดได้  หากเธอได้สัมผัสกับศาสตร์มืดมากเพียงพอเธออาจจะหลงใหลมันอย่างที่เขาเป็น  รวมทั้งเธอคงเปลี่ยนความคิดมาเข้ากับฝ่ายผู้เสพความตายได้อย่างไม่ยาก  มันแค่อาจจะต้องใช้เวลาบ้างเท่านั้น  เพราะถึงอย่างไรชะตาก็กำหนดให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดนี่นา  ในเมื่อชะตาของเธอกำหนดให้ชีวิตของเธอเข้ามาพัวพันกับสงครามและอำนาจเช่นนี้แล้วเธอจะไปภักดีกับใครได้เล่านอกจากเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของเขา  เธอเกิดมาเพื่อรับใช้ท่านเช่นเดียวกับเขา

     

    และเมื่อคิดถึงตรงนี้นายลูเซียสก็เริ่มยอมรับว่าบางทีเธออาจจะถูกกำหนดให้มาแต่งงานกับเขา  แต่นายลูเซียสไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำให้เธอต้องมาร่วมชีวิตกับเขานั้นเป็นพรหมลิขิตอย่างที่ชายหญิงทั่วไปเชื่อแบบนั้น  แต่เขากลับมองว่าเป็นโชคของเขามากกว่าที่ได้ครอบครองเธอรวมไปถึงอำนาจของเธอด้วย  และเมื่อถึงตอนที่เขาได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์  อำนาจของเธอก็จะตกอยู่ในมือเขาซึ่งเขาจะสามารถใช้มันทำให้จอมมารชนะสงครามในเวลาต่อมา

     

    หลังจากเงียบกันไปนาน  นายลูเซียสก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ยอมมองหน้าเขา

    ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับฉัน เขาเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแต่ไร้ซึ่งแววเย้ยหยัน  เด็กสาวหันมามองเขาเพราะคำพูดนั้น

    และฉันเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแต่งงานกับเธอ  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเราก็ไม่สามารถปฏิเสธโชคชะตาได้จริงไหม แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดปลอบใจที่ฟังดูแปลกมากก็ตามเมื่อมันออกมาจากปากของลูเซียส มัลฟอย  แต่เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบมันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสงบลงอย่างประหลาด

    และสิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็มีแค่เชื่อฟังฉันเท่านั้น  แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เขาพูดแต่กลับไม่มีแววบังคับอยู่ในน้ำเสียงของเขา  ราวกับเขาเพิ่งคิดได้ว่าการบังคับเธอนั้นจะยิ่งทำให้เธอต่อต้านมากกว่าเดิมเขาจึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนไปใช้วิธีโน้มน้าวเธอมากกว่า

    แล้วเธอก็ทำได้โดยเริ่มจากการลองชุดแต่งงานชุดนี้ให้ฉันดูก่อน เขาพูด  และก่อนที่เด็กสาวจะได้เถียงอะไรออกไปนายลูเซียสก็ส่งชุดที่อยู่บนไม้แขวนให้เฮอร์ไมโอนี่  เธอรับมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเปลี่ยนมัน

     

    นายลูเซียสมองภาพเด็กสาวที่ฉุนเฉียวเข้าห้องน้ำไปพลางยิ้มน้อย ๆ กับท่าทีนั้น  ขณะที่เขานั่งลงบนโซฟาภายในห้อง  เธอยังเด็กอยู่มากแม้ว่าเธอจะเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นของเธอก็ตามแต่การแสดงออกทางอารมณ์ของเธอนั้นบอกได้เลยว่าวุฒิภาวะทางอารมณ์ของเธอยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เท่ากับสติปัญญาของเธอเลย  ตรงกันข้ามเธอเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังคงฉุนเฉียวง่าย  และรักความถูกต้องจนเกินเหตุ  และดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องเหนื่อยมากกว่านี้แน่ ๆ หากเขาแต่งงานกับเธอไป  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเขาก็เชื่อว่าเขาสามารถปราบพยศเด็กสาวคนนี้ได้อย่างแน่นอน 

     

    และเมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจอมมารถึงได้ยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับเขาแทนที่จะเป็นเซเวอร์รัส  ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาเป็นคนพาตัวเธอมามอบให้จอมมารได้สำเร็จแม้จะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้มากก็ตาม  นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าจอมมารล่วงรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยินยอมภักดีต่อฝ่ายมืดได้อย่างง่าย ๆ แถมเธอยังเป็นเพื่อนรักของแฮร์รี่  พอตเตอร์อีกด้วย  เพราะฉะนั้นการยกเธอให้แต่งงานกับเขาซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคู่มาก่อนคงจะดีกว่า  เพราะเขาน่าจะรู้วิธีที่จะควบคุมเธอรวมทั้งโน้มน้าวให้เธอมาภักดีต่อจอมมารได้ดีว่าเซเวอร์รัส  นี่ยังไม่นับเรื่องที่เขาเป็นเลือดบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเธอด้วย

     

    ริมฝีปากบางของนายลูเซียสยกขึ้นขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีปราบพยศเด็กสาวในกรณีที่เธอเกิดมีปัญหาขึ้นมาก่อนเข้าพิธีแต่งงานกับเขาหรือว่าหลังจากนั้น  ชายผมบลอนด์ประสานมือทั้งสองของเขาไว้ระดับอกขณะกำลังรอคอยการปรากฏตัวของคู่หมั้นของเขาอยู่

     

    ไม่นานนักประตูห้องน้ำก็เปิดขึ้น  และร่างเพรียวบางของเด็กสาวคนหนึ่งก็เดินออกมา ลูเซียส มัลฟอยแทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากร่างงามของเฮอร์ไมโอนี่ได้เลยเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่สวมชุดแต่งงานที่เขานำมาให้อยู่  ดวงตาสีเงินของนายลูเซียสมองเธออย่างประทับใจระคนแปลกใจ  เธอช่างสมบูรณ์แบบ ชุดสีเข้มขับผิวเนียนของเธอให้ดูเปล่งปลั่งขึ้น  และนี่เป็นครั้งแรกที่ชายผมบลอนด์ได้เห็นเฮอร์ไมโอนี่ในชุดราตรี  เพราะที่ผ่านมาเขามักจะเห็นเธอสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดอย่างเสื้อคลุมแม่มดหรือไม่ก็สวมชุดของมักเกิ้ลที่มีเสื้อคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง  และเขาก็เพิ่งสังเกตุเห็นในครั้งนี้เองว่าทรวดทรงองเอวของเด็กสาวนั้นงดงามเพียงใด

     

    เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวมาใกล้กระจกอย่างประหม่า  และเมื่อเห็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงเข้าไปจูงมือเธอเข้ามายืนตรงหน้ากระจกพลางสำรวจเงาสะท้อนของเด็กสาวอย่างพอใจก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม  มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีเข้มขนาดใหญ่ประมาณหนังสือทั่วไป  เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างสงสัยและเมื่อเห็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงเปิดกล่องกำมะหยี่นั้นออกและเด็กสาวก็พบว่ามันบรรจุเครื่องประดับครบชุดเอาไว้ซึ่งประกอบไปด้วยสร้อยคอที่ทำจากทองคำขาวประดับด้วยมรกต  ต่างหูและสร้อยข้อมือที่เข้าชุดกัน  ซึ่งเธอยอมรับว่าเครื่องประดับชุดนี้สวยมากถ้าไม่ติดที่ว่านายมัลฟอยต้องการให้เธอใส่มันในงานแต่งงานระหว่างเขากับเธอ

     

    และเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องกระพริบตาอย่างแปลกใจเมื่อชายผมบลอนด์หยิบสร้อยคอออกมาจากกล่องและทำมือราวกับต้องการให้เธอรวบผมของเธอขึ้นก่อนที่เขาจะบรรจงสวมมันลงบนลำคอเรียวระหงส์ของเธอ  เด็กสาวรู้สึกขนลุกเมื่อปลายนิ้วของนายลูเซียสสัมผัสเข้ากับลำคอของเธอแต่เธอก็ไม่เลือกที่จะแสดงท่าทีใด ๆ ออกไป  ขณะที่เขามองภาพสะท้อนของเธอในกระจกและพึมพำคำชมที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจับใจความได้ออกมา  และเมื่อเธอมองตามเขาไปยังกระจกบ้างเด็กสาวก็ไม่อาจหาข้อโต้เถียงใด ๆ มาวิจารณ์ชุดรวมทั้งครื่องประดับที่เธอกำลังสวมอยู่ได้  แน่นอนว่าทั้งชุดและเครื่องประดับนั้นดูเข้ากันมาก  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเธอก็ทำใจให้รู้สึกชอบมันไม่ได้อยู่ดีเมื่อคิดว่าเธอจะต้องสวมมันเข้าพิธีแต่งงานกับเขาในวันพรุ่งนี้

     

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกครั้งนิ้วเย็นเฉียบของนายมัลฟอยก็แกะสร้อยเส้นนั้นออกจากคอของเธอและเก็บมันลงในกล่องอย่างเบามือ  ก่อนจะบอกให้เธอช่วยไปเปลี่ยนชุดคืนให้เขา  ซึ่งเด็กสาวก็ทำตามแต่โดยดี  และหลังจากที่เธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเขาก็จัดการแขวนชุดแต่งงานนั้นไว้บนเสาสำหรับแขวนชุดก่อนจะวางนำกล่องเครื่องประดับไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง  และหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่

    ฉันขอย้ำกับเธออีกครั้งนะว่างานแต่งงานจะมีขึ้นในเวลาหกโมงเย็น  และเบลลาทริกซ์จะมาหาเธอเพื่อช่วยเธอแต่งตัวตั้งแต่สามโมง  ฉันเกรงว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกจนกว่าจะถึงเวลางาน เขาอธิบายอีกครั้ง

    ใครจะมาร่วมงานบ้างคะ เฮอร์ไมโอนี่ถามคำถามที่ทำให้นายลูเซียสหรือแม้กระทั่งตัวเธอเองแปลกใจออกมาได้อย่างไรเธอก็ไม่อาจตอบได้เหมือนกัน  แต่เท่าที่เด็กสาวรับรู้ก็คือชายผมบลอนด์มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามนั้นแต่เขาก็ยอมตอบคำถามของเธอแต่โดยดี

    จอมมารและผู้เสพความตายทุกคนจะมาร่วมงานนี้  รวมทั้งเซเวอร์รัสและเดรโกด้วย เขาพูด พวกเขาจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานวันพรุ่งนี้ เมื่อนายลูเซียสพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็มีสีหน้าตกใจ  นี่เขายังสติดีอยู่รึเปล่าที่ให้ลูกชายของตัวเองมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานครั้งใหม่ของเขาแบบนี้น่ะ!  แต่เมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าอึดอัดใจของชายตรงหน้าเด็กสาวก็พอจะเดาได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่มีทางเลือกพอ ๆ กับเธอก็ได้

    ส่วนเพื่อนเจ้าสาวของเธอก็คือเบลลาทริกซ์กับอะมีเลีย  อะมีเลียเป็นผู้เสพความตายที่เธอยังไม่เคยพบน่ะ

    เขาพูดต่อขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เยี่ยม!  ยอดเยี่ยมจริง ๆ! งานแต่งงานที่เธอต้องใส่ชุดเจ้าสาวสีดำและต้องเข้าพิธีแต่งงานกับผู้เสพความตายที่เป็นพ่อของเดรโก  มัลฟอย  แถมเพื่อนเจ้าบ่าวก็ยังไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเดรโก  มัลฟอยเองกับผู้เสพความตายที่คนเป็นคนสังหารดัมเบิลดอร์อย่างสเนป!  ส่วนเพื่อนเจ้าสาวของเธอก็เป็นผู้เสพความตายทั้งสองคน  และหนึ่งในนั้นเป็นเบลลาทริกซ์ เลสแตรงค์เสียด้วย  การแต่งงานครั้งนี้มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ ทำไมพวกนั้นไม่เอาโวลเดอมอร์มาทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาเสียเลยล่ะ!

    แต่เมื่อคิดถึงตรงนั้นเด็กสาวก็อ้าปากค้าง  เธอเงยหน้าขึ้นมองคู่หมั้นของเธอพลางถามขึ้น

     

    ใครจะเป็นคนทำพิธีในวันพรุ่งนี้ เสียงที่ดังออกมาจากปากของเฮอร์ไมโอนี่ช่างแผ่วเบานัก  ขณะที่นายลูเซียสเดินเข้ามาใกล้เธอที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงอีกสองก้าวจนเด็กสาวต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาเขา

    เธอรู้ไหมมิสซิลเวียว่าเธอได้รับเกียรติมากแค่ไหนจากจอมมาร เขาพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับน้ำเสียงนั้นแทงทะลุหัวใจของเธอ  นี่พวกเขาล้อเล่นใช่ไหม

    ไม่จริง!” เธอพึมพำออกมาอย่างหมดหวัง  ดวงตาสีน้ำตาลดูสับสนยิ่งนัก  แม้ว่าเธอจะไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้แม้แต่น้อยก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงคิดว่าการแต่งงานเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง  และเธอคงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถ้าเธอจะต้องเดินเข้าพิธีไปแต่งงานกับลูเซียส  มัลฟอยโดยมีโวลเดอมอร์เป็นผู้ประกอบพิธีให้น่ะ!

    น้ำตาเริ่มรื้นขอบตาของเด็กสาวอีกครั้ง  แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ยกมือขึ้นเช็ดมันออกนายลูเซียสก็ยื่นมือขึ้นไปเชยคางของเธอขึ้นมาเสียก่อน  ชายผมบลอนด์จ้องเธอด้วยแววตาสีเงินที่เย็นเยียบก่อนจะพูดขึ้นว่า

    เธอควรจะดีใจนะที่เธอได้รับเกียรตินี้  เธอไม่รู้หรือยังไงว่าเธอเป็นแม่มดที่พิเศษขนาดไหนน่ะมิสซิลเวีย…...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มแต่มันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกจะเป็นไข้มากกว่าเมื่อเธอตะโกนออกมา

    หยุดซะที  หยุดเรียกฉันด้วยชื่อนั้นซะที!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา  นายลูเซียสชะงักไปครู่หนึ่งกับท่าทีก้าวร้าวของเธอแต่เขาก็ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว

    ถ้าอย่างนั้นเธอจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ เขาพูดเสียงนุ่ม

    อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อนี้ เด็กสาวพูดพลางหลบสายตาเขา 

    แม้จะรู้ดีว่าพ่อแม้แท้ ๆ ของเธอไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอก็ตาม  แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเธอไม่ได้นามสกุลซิลเวียเธอก็คงจะไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้  ถ้าเธอไม่ใช่ทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดเธอก็คงมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตที่มีความสุขมากกว่านี้

    ลูเซียสยิ้มกับท่าทีของเด็กสาว  แม้ว่าเธอจะเป็นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ก็ตามแต่ในบางครั้งเธอก็มีมุมที่อ่อนแอซึ่งไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็นบ่อยนัก  แล้วชายผมบลอนด์ก็พอใจเหลือเกินที่ได้เห็นเธอในมุมนี้  เพราะมันบอกให้เขารู้ว่าการครอบงำเธอนั้นไม่ได้ยากไปกว่าที่เขาคิดเลย

    เธอไม่สามารถฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้หรอก  มิสเกรนเจอร์ เขาเปลี่ยนมาเรียกนามสกุลของพ่อแม่อุปถัมด์ของเธอแทน ไม่ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธมันเพียงใดก็ตาม  เขาพูดพลางมองดูเด็กสาวที่บัดนี้กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเงียบ ๆ และเมื่อช่วงเวลาที่น่าอึดอัดผ่านไปครู่หนึ่ง  เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะทำใจได้และสงบลงแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า  เด็กสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป

    ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของฉัน  ฉันหมายถึงพ่อแม่แท้ ๆ ของฉัน

     

     

    …………………………………………….

     

     

    นายลูเซียสดูแปลกใจไม่น้อยกับคำถามนั้นของเด็กสาว  และในวินาทีต่อมาเขาก็นั่งลงบนเตียงถัดจากเฮอร์ไมโอนี่  และยิ้มให้กับท่าทีของเธอเมื่อเธอพยายามเขยิบหนีเขาก่อนจะพูดออกมา

    ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเธอจากความทรงจำของฉันแล้ว เขาพูดเรียบ ๆ แต่กลับไม่มีแววแสดงอำนาจอยู่ในน้ำเสียงของเขาเลย  มันฟังดูนุ่มนวลดุจแพรไหม

    เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

    ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉัน  ฉันรู้ว่าท่านเสียชีวิตหลังจากพ่อไม่นาน เธอพูดออกมา

    นายลูเซียสมีท่าทีหนักใจกับคำถามของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงชายผมบลอนด์ขยับตัวอย่างอึดอัดใจก่อนจะตอบออกมา

    ชาร์ล็อตต์  ซิลเวียโชคร้ายเพราะความงามของเธอเอง เขาพูดพลางใช้สายตาสำรวจใบหน้าของเด็กสาวราวกับเขาต้องการหาเค้า ความงาม ซึ่งเธอได้รับมรดกมาจากแม่มดที่งามที่สุดในฝรั่งเศส

    เธอตายหลังจากถูกฟรองซัวร์  โกริยาร์ดจับตัวไปได้ไม่นาน  เธอกระโดดลงมาจากห้องนอนของเขาในวันรุ่งขึ้น  ทางกระทรวงเวทย์มนต์ฝรั่งเศสเชื่อว่าชาร์ล็อตต์ถูกฟรองซัวร์  โกริยาร์ด.......รังแก  ประกอบกับเธอรู้ข่าวการเสียชีวิตของสามีรวมทั้งการหายตัวไปของลูกสาว  เธอก็เลยไม่เหลือเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่

    เฮอร์ไมโอหายใจกระตุกเพราะคำพูดนั้น  ดวงหน้างามดูเศร้าหมองขึ้นมาทันทีเมื่อได้รู้ว่าชาร์ล็อตต์  ซิลเวียฆ่าตัวตายเพราะถูกขืนใจ  แม้ว่าเด็กสาวจะจำแม่แท้ ๆ ของเธอไม่ได้รวมทั้งเธอไม่ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของท่านก่อนหน้านี้ก็ตาม  แต่เมื่อได้มารู้ถึงชะตากรรมอันโหดร้ายที่ท่านต้องเผชิญแล้วเธอก็อดเจ็บปวดแทนไม่ได้  ขณะที่นายลูเซียสมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป

    แล้วตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน  ฉันหมายถึงหลุมฝังศพของท่านน่ะค่ะ เธอถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปได้พักหนึ่ง

     ถ้าข้อมูลที่ฉันได้มาไม่ผิดพวกเขาน่าจะถูกฝังอยู่คู่กันในสุสานประจำตระกูลซิลเวียที่ฝรั่งเศส เขาตอบกลับมาเรียบ ๆ  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างรับรู้พลางคิดในใจว่ามันคงจะดีถ้าหากเธอมีโอกาสไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่แท้  ๆ ของเธอซักครั้ง  แม้เด็กสาวจะรู้ว่าเธอหวังมากไปก็ตามแต่เธอก็คิดว่าเธอต้องการพบพวกท่านซักครั้งหลังจากที่เธอรู้ความจริงทั้งหมด

    และดูเหมือนว่านายลูเซียสจะล่วงรู้ถึงสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดเพราะหลังนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นมา

    บางทีเธออาจจะไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่เธอที่ฝรั่งเศสได้  แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ชายผมบลอนด์พูดพลางลุกขึ้นจากเตียง  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองตามเขาอย่างสงสัยราวกับเธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นถูกต้องรึเปล่า  คนอย่างลูเซียส  มัลฟอยน่ะรึจะใจดีกับเธอถึงขนาดนี้

    แต่ก่อนที่เด็กสาวจะสามารถหาคำตอบได้นายลูเซียสก็พูดขึ้นก่อน

    นี่ก็ดึกแล้ว  ฉันควรจะปล่อยให้เธอพักผ่อน เขากล่าว  แต่กลับยื่นมือหนึ่งมาดึงร่างของเธอขึ้นมาจากเตียง แล้วพบกันพรุ่งนี้ในพิธี  มิสเกรนเจอร์ นายมัลฟอยพูดพลางจูบเธอที่แก้มเบา ๆ ก่อนจะละจากร่างบาง  แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเขาก็หันกลับมาพูดกับเด็กสาวอีกครั้ง

    แล้วฉันขอบอกเธอไว้เลยนะว่าการทำลายชุดเจ้าสาวชุดนี้จะไม่ช่วยให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปเลย  เพราะว่าฉันสั่งให้มาดามมัลกิ้นตัดชุดสำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้ว  แล้วพบกัน เขาพูดอย่างรู้ทัน  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองชายตรงหน้าด้วยสายตาที่บอกไม่ได้ว่าเธอโกรธหรือทึ่งมากกว่ากันที่เขารู้ทันเธอขนาดนี้  และภาพที่เธอเห็นต่อมาก็คือแผ่นหลังของนายลูเซียสที่หายลับไปจากประตูซึ่งเป็นภาพสุดท้ายของเขาที่เธอได้เห็นก่อนจะถึงพิธีแต่งงาน

    หลังจากนายมัลฟอยออกจากห้องนอนไปแล้ว  เด็กสาวก็ทรุดตัวลงกับเตียงพลางกอดเข่าตัวเองไว้  เฮอร์ไมโอนี่รู้ได้เลยว่าเธอจะไม่อาจข่มตาหลับได้เลยในตลอดทั้งค่ำคืนที่เหลืออยู่นี้

     

    …………………………………………….

     

    และก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้จริง ๆ เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถนอนหลับได้ในตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเลย  แม้ว่าเด็กสาวจะพยายามจะนอนหลับหลายครั้งแล้วก็ตาม  แต่ถึงกระนั้นเธอไม่อาจข่มตาหลับได้เลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามเธอกลับพบว่าตัวเองเดินไปเดินมาภายในห้องหรือไม่ก็นั่งกอดเข่าไปจนกระทั่งเช้า และทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะล้มตัวลงนอนภาพชุดแต่งงานที่แขวนอยู่บนผนังก็หลอกหลอนเธอราวกับวิญญาณร้ายมันจึงทำให้เด็กสาวไม่อาจข่มตาหลับได้เลย  แม้จะรู้ดีว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลเพื่อเผชิญเหตุการณ์ที่แสนจะหนักหนาและเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอก็ตาม

     

    เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในห้องจนถึงเวลาอาหารเช้า  ทิสซี่ที่นำอาหารมาให้เธอตามปกตินั้นดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ  และมันดูตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

    คุณผู้หญิงคงตื่นเต้นมากสินะเจ้าคะ  เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณผู้หญิงกับนายท่าน!” เอลฟ์ร้องเสียงแหลม  เด็กสาวแทบจะลำลักอาหารเพราะคำพูดของมันแต่เธอก็เหนื่อยอ่อนเกินที่จะไปอธิบายอะไรออกไปได้  

    คุณผู้หญิงรู้ไหมคะว่าทิสซี่ดีใจแค่ไหนตอนที่รู้ว่าคุณผู้หญิงจะมาเป็นนายหญิงมัลฟอยคนต่อไปน่ะเจ้าค่ะทิสซี่พูดเสียงเจื้อยแจ้วพลางขยับตัวเข้ามาใกล้

    บอกตามตรงนะเจ้าคะ  คุณผู้หญิงเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดเลยค่ะ  ทิสซี่ต้องการให้คุณผู้หญิงมาเป็นนายหญิงของทิสซี่ค่ะ!  แล้วความฝันของเธอก็เป็นจริงเมื่อนายท่านบอกทิสซี่ให้เธอดูแลคุณผู้หญิงอย่างดีที่สุดเพราะคุณผู้หญิงกำลังจะแต่งงานกับนายท่านและจะมาเป็นนายหญิงคนใหม่ของทิสซี่!” มันพูด  และเมื่อเห็นใบหน้าที่เปล่งปลั่งไปด้วยความสุขของเอลฟ์แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจพูดความจริงซึ่งอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจของมันออกไปได้ว่าเธอไม่ได้ต้องการเป็นนายหญิงมัลฟอยเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงเธอยอมแต่งงานกับมักเกิ้ลธรรมดา ๆ เสียยังดีกว่าที่จะต้องมาแต่งงานกับลูเซียส  มัลฟอยแบนี้  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ว่าเธอไม่อาจทำอย่างนั้นได้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงได้แต่พยักหน้าอย่างฝืน ๆ เท่านั้น

    คุณผู้หญิงไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ  หน้าของคุณผู้หญิงดูซีดมากเลยเจ้าค่ะ เอลฟ์ถามอย่างกังวลเมื่อมันสังเกตุเห็นว่าหน้าของเฮอร์ไมโอนี่นั้นซีดเพียงใด

    ฉันแค่เพลียน่ะ เด็กสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่เอลฟ์จะร้องเสียงแหลม

    อ้อ  จริงสิเจ้าคะ  ทิสซี่เกือบลืมไปเลยนายท่านสั่งทิสซี่ไว้เจ้าค่ะว่าให้เอาเครื่องดื่มนี่ให้คุณผู้หญิงดื่ม  ถ้าหากคุณผู้หญิงมีท่าทางอ่อนเพลียเอลฟ์กล่าวพลางยื่นแก้วสีเงินที่บรรจุอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนน้ำผลไม้เอาไว้

    มันคืออะไรน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นอย่างระแวงทันทีเมื่อรู้ว่านายลูเซียสเป็นคนสั่งให้เอลฟ์นำสิ่งนี้มาให้เธอ

    เป็นแค่น้ำผลไม้ผสมยาบำรุงและยานอนหลับอ่อน ๆ เจ้าค่ะ ทิสซี่ตอบเสียงเจื้อยแจ้ว นายท่านบอกทิสซี่ว่าคุณผู้หญิงอาจจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ  นายท่านเลยสั่งให้ทิสซี่ผสมเครื่องดื่มนี้ให้คุณผู้หญิงดื่มเจ้าค่ะ  พอดื่มแล้วเธอจะได้พักผ่อนไปจนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน

     

    เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮอร์ไมอนี่ก็รู้สึกโมโหนายลูเซียสขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  อันที่จริงเมื่อลองนึกดูแล้วเธอไม่ได้ไม่พอใจที่เขาเข้ามายุ่งในเรื่องส่วนตัวของเธอแทบจะทุกเรื่องแบบนี้  แต่ในทางกลับกันสิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจก็คือการที่เขารู้ทันเธอไปเสียทุกเรื่องราวกับเขาสามารถอ่านใจเธอได้  ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นและไม่เคยมีใครเอาชนะหรือรู้ทันเธอแบบนี้มาก่อนหงุดหงิดมากกว่าอะไรทั้งหมด  บวกกับความจริงที่ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเขาด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เด็กสาวเกรงกลัวว่าเขาจะเป็นคนที่มากำราบเธอได้!

    และแล้วจู่  ๆ คำพูดของชายผมบลอนด์ก็ดังขึ้นในหัวของเด็กสาว

     

    และสิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็มีแค่เชื่อฟังฉันเท่านั้น  แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น

     

    แน่นอนว่าการเชื่อฟังเขาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะทำ  เพียงแต่ว่าบางครั้งเธอก็ไม่อาจหาเหตุผลมาโต้เถียงในสิ่งที่เขาสั่งได้  เช่นเดียวกับในครั้งนี้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์โอนี่จึงตัดสินใจยื่นมือไปรับแก้วสีเงินจากทิสซี่แต่โดยดี  เด็กสาวดื่มมันหลังจากทานอาหารเสร็จ [เธอทานน้อยเสียจนเอลฟ์กังวล]  หลังจากนั้นเฮอร์โอนี่กล่าวขอบคุณเอลฟ์ที่นำอาหารมาให้เธอขณะมันกำลังเก็บสำรับ  พร้อมกับเสริมว่าเธอต้องการการพักผ่อนมากกว่าอะไรทั้งหมด   

     

    และเมื่อทิสซี่ออกจากห้องไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง  ขณะที่กำลังรอให้ตัวเองหลับอยู่นั้นสายตาของเด็กสาวก็ทอดไปยังเพดานพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นรวมทั้งเรื่องของลูเซียส  มัลฟอย เจ้าบ่าวของเธอ

    หลังจากใช้ความคิดอยู่ไม่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถหาเหตุผลที่ชายคนนี้รู้ทันความคิดของเธอทุก ๆ เรื่องแบบนี้ได้  ซึ่งเด็กสาวคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่มากกว่าของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุที่มากกว่าเธอมากรวมทั้งเรื่องที่เขาเคยแต่งงานมาแล้วและการที่เขาเป็นผู้เสพความตายด้วยนั้นพอจะอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเดาใจเธอออกโดยไม่ต้องอาศัยการพินิจใจแบบนี้  และเมื่อคิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ตัวว่าเธอคงจะต้องลำบากไม่น้อยเป็นแน่หลังจากแต่งงานกับเขาไป  เพราะแน่นอนว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วนายลูเซียสคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของเธออยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการที่ได้รับรู้ความจริงที่ว่า เธอคงจะต้องลำบากมากอย่างแน่นอนที่จะต่อกรกับคนที่อยู่เหนือเธอทุกอย่าง รวมทั้งสามารถอ่านใจเธอออกได้อย่างง่ายดายแบบนี้

     

    ใช่  เธอคงต้องลำบากมากอย่างแน่นอน  เด็กสาวคิดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะรู้สึกถึงความง่วงงุนที่เข้าจู่โจมเธอเป็นครั้งแรกในเวลาสิบชั่วโมงที่ผ่านมา  และก่อนที่เธอจะคิดหาวิธีต่อต้านนายลูเซียสได้เฮอร์ไมโอนี่ก็จมดิ่งสู่ห่วงนิทราอย่างที่เธอไม่สามารถจะต้านทานได้

     

     

    *************************************************

     

     

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น  เด็กสาวลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างยากลำบากเพราะยังคงรู้สึกง่วงอยู่  สายตาของเธอเลื่อนไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังซึ่งบอกเวลาสามโมงห้านาที  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเตียงก่อนมันจะเปิดออกเผยให้เห็นร่างของแม่มดกลุ่มหนึ่งที่ทยอยกันเดินเข้ามาในห้องซึ่งประกอบด้วยเบลลาทริกซ์ เลสแตรงค์  มาดามมัลกิ้น  และแม่มดผมดำอีกคนที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้จัก รวมทั้งทิสซี่ด้วย
                   
    สวัสดีแม่สาวน้อย เบลลาทริกซ์ทักเธอด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อมซึ่งมันไม่เหมาะกับหล่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันหวังว่าลูเซียสคงบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเราจะมาช่วยเธอแต่งตัวสำหรับเข้าพิธีน่ะ

    และเมื่อหล่อนได้รับคำตอบเป็นสีหน้าที่ดูงุนงงของเฮอร์ไมโอนี่  เบลลาทริกซ์จึงพูดขึ้นอีกครั้ง

    ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอในวันนี้  รวมทั้งอะมีเลียด้วย เธอพยักเพยิกไปทางแม่มดผมดำอีกคนที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้จักขณะที่อะมีเลียซึ่งเป็นหญิงสาววัยประมาณสามสิบปลาย ๆ เดินเข้ามาทางเด็กสาว  หล่อนเป็นแม่มดร่างเล็กที่มีผมสีดำสนิทรับกับดวงตาสีดำ และผิวที่ซีดเผือด

    ยินที่ได้รู้จักค่ะ  คุณซิลเวีย  ฉันอะมีเลีย  เลสสแตรงค์ หล่อนกล่าวมองสำรวจเด็กสาวด้วยดวงตาสีดำที่ดูเยือกเย็น ใช่แล้วค่ะ  ฉันเป็นน้องสาวของโดโรลฟัดจ์ และเบลลาทริกซ์เป็นพี่สะใภ้ของฉัน เธอเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่

    เด็กสาวพยักหน้ารับคำพูดนั้น  แม้เฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกปั่นป่วนในท้องที่ได้รู้ว่าเพื่อนเจ้าสาวทั้งสองคนของเธอเป็นหญิงสาวตระกูลเลสแตรงค์ และเป็นผู้เสพความตายด้วยก็ตามแต่เธอก็พยายามไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป  อันที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเรื่องที่เธอจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับลูเซียส  มัลฟอยรวมทั้งต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในฐานะภรรยาของเขาหลังจากนี้

    ฉันยินดีจริง ๆ นะคะที่ได้รับเกียรติเป็นเพื่อนเจ้าสาวของคุณ อะมีเลียพูดอย่างประจบประแจง  แต่ดวงตาสีดำขลับของเธอกลับมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างประเมินราวกับเธอพิจารณาอะไรบางอย่างในตัวเด็กสาวอยู่  และเมื่อดูใกล้ ๆ แล้วเด็กสาวก็พบว่าอะมีเลียคนนี้ดูเหมือนเบลลาทริกซ์มากกว่านางนาร์ซิสซาที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเบลลาทริกซ์เสียอีก  เพราะทั้งคู่นั้นมีผมสีดำ ดวงตาสีดำ และรอยยิ้มที่เยือกเย็นเหมือนกัน

    ฉันว่าเราน่าจะลงมือกันได้แล้วจริงไหม  เมอร์ลินก็รู้ว่าเราต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการแต่งตัวให้แม่หนูนี่น่ะ เบลาทริกซ์พูดพลางออกคำสั่งให้มาดามมัลกิ้นไปตรวจดูชุดเจ้าสาวที่แขวนอยู่บนผนังว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่  ขณะที่หญิงร่างท้วมรับคำสั่งด้วยท่าทีหวาดกลัวก่อนจะเดินข้ามห้องไปที่ที่ชุดเจ้าสาวแขวนอยู่ 

    แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ได้หวังมาก่อนว่าจะได้พบมาดามมัลกิ้นอีกครั้งในวันนี้  แต่เธอก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อยเมื่อเห็นว่าหญิงร่างท่วมนั้นดูปกติดีและไม่ได้มีสภาพเหมือนเธอถูกทารุณกรรมมาแต่อย่างใด  ซึ่งมันแสดงให้เฮอร์ไมโอนี่เห็นว่าอย่างน้อย ๆ ลูเซียส  มัลฟอยก็สามารถรักษาคำพูดของเขาได้  และการได้เห็นมาดามมัลกิ้นในสภาพที่ปกติดีแบบนี้ทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าสิ่งที่เธอได้ทำลงไปเพื่อช่วยชีวิตของหล่อนนั้นคุ้มค่าไม่น้อย  แม้ว่ามันจะเป็นการยอมให้นายมัลฟอยมามีอำนาจเหนือเธอก็ตาม

    ตรวจสอบชุดนั้นให้ดีล่ะ  ถ้าหากเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาในพิธีล่ะก็แกโดนดีแน่ ๆ เบลลาทริกซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะหันมาทางเด็กสาว

    ส่วนเธอไปอาบน้ำแล้วก็ล้างหน้าล้างตาซะ แล้วค่อยออกมาให้เราช่วยแต่งตัว หล่อนพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ด้วยน้ำเสียงราวกับเธอกำลังพูดอยู่กับเด็กคนหนึ่ง  และมันก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะเบลลาทริกซ์ดูจะไม่ยำเกรงเธอในฐานะเจ้าหญิงแห่งความมืดเลย  หรือว่าบางทีหล่อนอาจจะไม่คิดว่าเด็กสาวเหมาะที่จะมาเป็นมือขวาของโวลเดอมอร์เช่นเดียวกับที่หล่อนเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจว่าเบลลาทริกซ์จะมีความเห็นหรือรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเธอ  เพราะไม่ว่าเบลลาทริกซ์จะพูดจาดี ๆ กับเธอหรือไม่ก็ตามมันก็ไม่อาจช่วยให้เธอหลีกเลี่ยงงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้

     

    และเมื่อไม่มีหนทางใด ๆ ที่เธอจะสามารถทำเพื่อปฏิเสธงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นได้  เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องจำใจทำตามที่เบลลาทริกซ์บอก  เด็กสาวหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป  หลังจากประตูห้องน้ำปิดลงเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าขอบตาของเธอร้อนผ่าวขณะที่น้ำตาเริ่มรื้นดวงตาคู่สวยแต่เด็กสาวก็พยายามกลั้นมันไว้  เพราะเธอรู้ดีว่าการร้องไห้นั้นไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้รวมทั้งเธอไม่ต้องการให้ผู้เสพความตายทั้งสองคนนั้นรับรู้ถึงความอ่อนแอของเธอด้วย  เมื่อคิดได้เช่นนั้นเด็กสาวจึงยกมือขึ้นเพื่อปาดน้ำตาออกก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ และเดินไปที่อ่างอาบน้ำ

     

    …………………………………………….

     

     

    เฮอร์ไมโอนี่จำไม่ได้ว่าเธอนั่งอยู่หน้ากระจกนานเท่าไหร่แล้วเมื่อเบลลาทริกซ์และอะมีเลียเถียงกันเป็นรอบที่สามสิบเรื่องโทนสีที่ควรจะใช้ในการแต่งหน้าให้เธอหรือทรงผมที่น่าจะเข้ากับชุดเจ้าสาวของเธอมากที่สุด  ขณะที่เธอนั่งนิ่ง ๆ ราวกับตุ๊กตาให้ทั้งสองเล่นแต่งตัวเธอได้ตามใจชอบโดยไม่แม้แต่จะโต้แย้งอะไรเลย  ราวกับงานแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว 

     

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองตัวเองในกระจกอีกครั้งขณะที่เพื่อนเจ้าสาวของเธอทั้งสองคนยังคงถกเถียงกันอยู่นั้น  เด็กสาวก็อดแปลกใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น  เพราะภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกนั้นดูไม่ค่อยจะเหมือนตัวเธอเลยแม้แต่น้อย  แน่นอนว่าเด็กสาวในกระจกนั้นเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย  เพียงแต่ชุดที่เธอสวมรวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ที่ตกแต่งร่างกายอยู่นั้นมันทำให้เธอดูแตกต่างจาก เฮอร์ไมโอนี่ คนเดิมราวกับภาพในกระจกนั้นเป็นคนละคนกัน  แต่เธอจะไปคาดหวังอะไรได้เล่าเพราะว่าในไม่ช้าเธอก็จะไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์คนเดิมอีกต่อไปแล้ว  เด็กสาวคิดขณะมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังอย่างวิตก  เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็จะหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้น  และเมื่อถึงตอนนั้น  เมื่อเธอได้แต่งงานกับลูเซียส  มัลฟอยไปแล้วเธอก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมได้อีกตลอดไป

     

    เมื่อคิดถึงตรงนั้นเด็กสาวรู้สึกว่ามือของเธอชื้นเหงื่อและหัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความวิตก  ยิ่งใกล้พิธีแต่งงานมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น  และความกลัวในครั้งนี้นั้นมากกว่าความกลัวที่เธอต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้เสพความตายนับร้อยเมื่ออาทิตย์ก่อนหลายเท่านัก  เพราะเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอหายใจติดขัดทุกครั้งเพียงเพราะเธอนึกถึงพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น  และยิ่งใกล้พิธีแต่งงานมากเท่าไหร่มือของเด็กสาวก็เริ่มเย็นเฉียบและสั่นเทาราวกับเธอกำลังจะต้องเดินเข้าสู่ลานประหารในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

     

    ฉันว่าทรงนี้ดีที่สุด!” เสียงของเบลลาทริกซ์ดังขึ้นก่อนจะขยับไม้กายสิทธิ์อีกครั้งเพื่อจัดการกับผมของเฮอร์ไมโอนี่และดูเหมือนว่าครั้งนี้น้องสามีของเธอจะเหนื่อยที่จะโต้เถียงอะไรออกไปอะมีเลียจึงพูดแค่ว่า

    ก็ได้  ถ้าคุณว่าอย่างนั้น เมื่อแม่มดสองคนเข้าใจกันได้ดีแล้วพวกเขาก็มาร่วมมือกันแต่งตัวให้เฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง  ซึ่งในครั้งนี้ไม่มีสำคัญมากไปกว่าการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเมคอัพ  ทรงผม  และใส่เครื่องประดับให้เธอเป็นขั้นตอนสุดท้าย

    เสร็จแล้ว อะมีเลียพูดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานก่อนจะช่วยพยุงเฮอร์ไมโอนี่ให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปยังหน้ากระจกเงาบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นเธอได้ทั้งตัว  ดวงตาสีดำของหล่อนมองภาพสะท้อนของเด็กสาวในกระจกอย่างชื่นชมราวกับเธอเป็นผลงานชิ้นเอกของหล่อน

     

    และเมื่อฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปในกระจกเธอก็พบเด็กสาวคนหนึ่งจ้องตอบกลับมา  หล่อนมีใบหน้าที่เหมือนเฮอร์ไมโอนี่มาก  แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแตกต่างจากเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมโดยสิ้นเชิง  และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเธอได้พบกับ เฮอร์ไมโอนี่  ซิลเวีย  ผู้เป็นทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดอย่างแท้จริง  และที่น่าเศร้าก็มิสซิลเวียคนนี้ช่างแตกต่างกับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ที่เกิดจากมักเกิ้ลและเป็นเด็กกริฟฟินดอร์อย่างเต็มตัวเสียเหลือเกิน  และเธอก็รู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะต้องการกลับไปเป็นเด็กสาวเลือดสีโคลนคนเดิมมากเพียงไร  เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  เพราะในตอนนี้เธอได้กลายเป็นเฮอร์ไมโอนี่  ซิลเวียไปเสียแล้ว  และหลังจากนี้เพียงไม่กี่นาทีเธอก็จะต้องกลายเป็นเฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอยหรือมิสซิลมัลฟอยอีกด้วย

    เด็กสาวรู้สึกว่าเลือดของเธอแข็งตัวขึ้นฉับพลันเมื่อนึกถึงความจริงที่น่าสะพรึงกลัวนั้น  เธอรู้สึกถึงความกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายราวกับยาพิษที่ซึมเข้าสู่กระแสเลือดเมื่อเธอได้ยินเสียงของเบลลาทริกซ์พูดขึ้น

    เรียบร้อยก็ดีแล้ว  เราจะได้ไปกันเสียที เบลลาทริกซ์กล่าวพลางมองภาพเฮอร์ไมโอนี่ในกระจกอย่างพอใจไม่น้อย

    เธอคงพร้อมแล้วใช่ไหม แม่มดผมดำถามเด็กสาว  เธอกับอะมีเลียต่างแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว  และชุดที่ทั้งสองจะใส่ไปร่วมพิธีนั้นต่างก็เป็นสีดำสนิท  เพื่อนเจ้าสาวทั้งสองของเฮอร์ไมโอนี่ต่างมองมาที่เด็กสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพออกพอใจผสมกับความคาดหวัง  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจตอบอะไรออกไปได้  แต่ดูเหมือนว่าเบลลาทริกซ์จะถือว่าการนิ่งเงียบของเด็กสาวเป็นการตอบตกลง  เพราะหลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็พูดขึ้น

    พร้อมแล้วก็ดี  งั้นเราก็ไปกันเถอะ เบลลาทริกซ์พูดก่อนที่ทั้งหล่อนและอะมีเลียจะพาหรือถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือคุมตัวเฮอร์ไมโอนี่ออกจากห้องไปยังพิธีแต่งงาน

     

    …………………………………………….

     

    แม่มดทั้งสองคนพาเฮอร์ไมโอนี่เดินออกจากห้องไปตามทางเดินลงไปยังชั้นล่างของปราสาทซึ่งเด็กสาวจำได้ว่าเป็นทางเดียวกับที่นายลูเซียสเคยพาเธอไปทานอาหารเช้ากับเหล่าผู้เสพความตาย  และเมื่อทั้งสามเดินมาถึงประตูไม้โอ๊คบานใหญ่ที่คุ้นเคยเธอก็รู้ทันทีว่าพวกเขาได้แปลงห้องอาหารของปราสาทเป็นห้องสำหรับจัดพิธีแต่งงานในครั้งนี้

     

    แม่มดทั้งสามเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองประตูบานยักษ์นั้นอย่างหวาดกลัวราวกับมันเป็นประตูที่กำลังจะพาเธอข้ามไปสู่โลกหลังความตาย  แต่เด็กสาวก็แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูบานนี้เลวร้ายมากกว่าความตายมากมายหลายเท่านัก  และตอนนี้ในหัวของเฮอร์ไมโอนี่ได้แต่จินตนาการถึงห้องหลังประตูบานนั้นที่น่าจะถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่สำหรับจัดพิธีแต่งงานของเธอและนายลูเซียส  แน่นอนว่าแขกผู้มาร่วมงานล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสพความตายทั้งสิ้น  และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการแต่งงานในครั้งนี้มีจอมมารทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินพิธี  แค่คิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็เข่าอ่อนเสียแล้ว

     

    ใกล้ถึงเวลาแล้ว  เธอต้องยืนตรงนี้ เบลลาทริกซ์จัดแจงพาเด็กสาวมายืนในจุดที่อยู่ตรงกึ่งกลางหน้าประตู  ก่อนจะยัดช่อดอกไม้สีขาวแซมเขียวเข้าในมือของเฮอร์ไมโอนี่  แม่มดผมดำยิ้มขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดผวาของเจ้าสาวในชุดแต่งงงานสีดำ

    ฉันว่าน่าจะถึงเวลาที่เธอจะดึงความกล้าหาญแบบกริฟฟินดอร์ของเธอมาใช้ได้แล้วนะ  ถ้าเธอมีมันอยู่บ้างล่ะก็  อ้อ  แล้วก็พยายามอย่าเป็นลมเข้าระหว่างทางล่ะเบลลาทริกซ์พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่น่ารังเกียจมาให้เฮอร์ไมโอนี่ก่อนที่เธอจะเดินไปสมทบกับอะมีเลีย  แม่มดทั้งสองเดินแยกไปอีกทางหนึ่งซึ่งเด็กสาวคิดว่าเธอคงจะเข้าไปประจำที่ของเพื่อนเจ้าสาวเคียงคู่กับเพื่อนเจ้าบ่าวในงานโดยใช้ประตูอีกบานหนึ่งและปล่อยให้เฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าใหญ่เพียงลำพัง

     

    เด็กสาวรู้สึกราวกับหัวใจของเธอจะหลุดออกนอกอก  เธอรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ซึมออกมาตามไรผมและแผ่นหลังรวมทั้งมือที่กำลังกุมช่อดอกไม้ของเธออยู่ด้วย  มันช่างเป็นการรอคอยที่เงียบงันและทรมานยิ่งนัก  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับมันผ่านไปชั่วนิรันดร์ก่อนที่ประตูบานยักษ์ตรงหน้าจะเปิดออก

     

    ภาพที่เธอได้เห็นหลังจากประตูเปิดออกนั้นเป็นภาพพิธีแต่งงานที่เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอไม่มีโอกาสจะได้เห็นที่ไหนในโลก  เพราะมันช่างดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมากกว่าที่จะดูสวยงามเหมือนงานแต่งงานทั่ว ๆ ไป  เพราะภายในห้องที่ควรจะตกแต่งด้วยสีขาวและทองนั้นกลับถูกแตกต่างด้วยสีดำตามแบบฉบับของผู้เสพความตาย  ทุกอย่างในห้องนั้นเน้นไปในโทนสีดำ  มีสีเขียวแซมอยู่บ้างเพื่อแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในความเป็นสลิธีรินของโวลเดอมอร์และรวมทั้งเจ้าบ่าวของเธอด้วย  แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายด้วยสีดำสนิท  พวกเขายืนขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออกและสายตาของทุกคนในห้องต่างก็พุ่งมายังเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีดำแกมเขียวซึ่งยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทีราวกับเธอกำลังจะเป็นลมลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

     

    เฮอร์ไมโอนี่มองผ่านภาพผู้เสพความตายที่ยืนเรียงกันอยู่เต็มสองฝั่งไปยังประรำพิธีและตรงนั้นเธอก็พบร่างสองร่างยืนอยู่ที่ปลายสุดของห้อง  ร่างหนึ่งเป็นชายผมบลอนด์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำอย่างดีที่สุดซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งของเจ้าบ่าว  ใบหน้าซีดเซียวของเขาเชิดขึ้นอย่างยโส  ถัดจากเขาไปในตำแหน่งของพระผู้ทำพิธีนั้นเป็นร่างที่ไม่อาจจะเรียกว่ามนุษย์เสียได้  ตรงกลางประรำพิธีลอร์ดโวลเดอมอร์ยืนอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรติของงานและกำลังมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีแดงที่ดูพออกพอใจ

     

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับลมหายใจของเธอติดขัดมาชั่วขณะ เด็กสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะเดินไปสู่ลานประหารสู่ตะแลงแกง  และไปยังวาระสุดท้ายของเธอ  และความคิดนั้นทำให้ขาของเธอไม่มีแรงขึ้นมาราวกับมันกลายเป็นหินอ่อนไปเสียเฉย ๆ เด็กสาวหันไปมองรอบกายและเธอก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังจ้องมองมาที่เธอราวกับฝูงหมาป่าจ้องลูกกวางตัวเล็ก ๆ

    แม้จะรู้ดีว่าเธอจะต้องเดินผ่านทางเดินที่ปูด้วยพรมสีเขียวเข้มนี้เข้าไปงาน  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทำได้  และที่เธออยากจะทำมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือวิ่งหนีไปไกล ๆ เท่านั้น  แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำไม่ได้  เธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  เพราะเธอจะเป็นต้องเดินเข้าไปในพิธีแล้วแต่งงานกับผู้ชายคนสุดท้ายในโลกที่เธอคิดจะญาติดีด้วยเพื่อรักษาชีวิตพ่อแม่ของเธอไว้

     

    พ่อแม่อย่างนั้นหรือ  เด็กสาวทวนคำนั้นในใจอย่างปวดร้าว 

    ใช่แล้วเธอต้องทำเพื่อพวกท่าน ถ้าหากเธอต้องการให้พวกท่านมีชีวิตอยู่ล่ะก็  เธอก็ต้องเดินเข้าไปในพิธีและแต่งงานกับนายลูเซียสเพื่อรักษาชีวิตของพวกท่านไว้ 

     

    เสียงในหัวนั้นเตือนเธอเบา ๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเด็กสาวจึงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะก้าวขาที่เริ่มมีความรู้สึกอีกครั้งและเริ่มเดินเข้าไปในพิธี

    ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามพรมสีเขียวเข้มไปสู่ประรำพิธี  เด็กสาวรู้สึกว่าสายตาทุกคู่ในห้องจับตาดูเธอทุกฝีก้าวแต่เธอไม่อาจหันไปมองอะไรได้นอกจากก้มหน้าลงมองเท้าของตนเองเพื่อช่วยไม่ให้เธอเดินสะดุดหรือล้มลงก่อนจะเดินไปถึงที่หมาย  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับมันผ่านไปชั่วนิรันดร์เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงด้านในสุดของห้อง 

     

    และขณะที่เด็กสาวกำลังจะก้าวขึ้นไปบนประรำพิธีก็มีมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของเธอ  แน่นอนว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าบ่าวของเฮอร์ไมโอนี่เอง  และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กสาวเห็นเขาอย่างชัดเจนในพิธี  เด็กสาวยื่นมือไปจับมือของนายลูเซียสเพื่อให้เขาช่วยเธอขึ้นไปยืนหน้าแท่นสำหรับทำพิธีเคียงคู่กับเขา  และหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่แอบลอบสังเกตุเขาแล้วเด็กสาวก็ต้องยอมรับว่าเขาดูดีไม่น้อยในชุดคลุมพ่อมดสีดำชุดนี้  ผมบลอนด์ของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ที่ต้นคอ  แต่ใบหน้าและแววตาของเขายังคงดูเป็นมัลฟอยของแท้เพราะมันช่างดูหยิ่งยโสและเย็นชามากกว่าอะไรทั้งหมด  และเมื่อเธอมองไปด้านหลังเขาในตำแหน่งของเพื่อนเจ้าบ่าวเด็กสาวก็เห็นเซเวอร์รัส สเนป และเดรโก มัลฟอยยืนอยู่  ทั้งสองต่างสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท  และถ้าเธอดูไม่ผิดใบหน้าซีดเซียวของเดรโกนั้นแสดงออกถึงความรังเกียจมากกว่าอะไรทั้งหมดออกมาขณะที่เขาเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่กำลังมองเขาอยู่

     

    แต่ก่อนที่เด็กสาวจะคิดอะไรได้มากกว่านั้นเสียงของจอมมารก็ดังขึ้นหลังจากแขกผู้มาร่วมงานทั้งหมดนั่งลงแล้ว

    สหายทั้งหลายของข้า  วันนี้เรามาชุมนุมกันเพื่อเป็นสักขีพยานในการแต่งงานของสมุนที่ซื่อสัตย์ของข้า  ลูเซียส มัลฟอย  และเจ้าหญิงแห่งความมืด จอมมารเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่มีอำนาจ

    เจ้า  ลูเซียส  มัลฟอย  เจ้าจะรับเฮอร์ไมโอนี่  ซิลเวียเป็นภรรยาของเจ้า จะซื่อสัตย์และดูแลนางตลอดไปหรือไม่ จอมมารกล่าวขึ้นพลางมองไปยังนายลูเซียส

    รับครับ เขาตอบ  ไม่มีแววลังเลอยู่ในน้ำเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย

    ส่วนเจ้า  เจ้าหญิง โวลเดอมอร์หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่  ใบหน้าเหมือนงูนั้นดูพอใจยิ่งนักที่เห็นเธอมายืนอยู่ตรงจุดนี้ เฮอร์ไมโอนี่  ซิลเวีย เจ้าจะรับลูเซียส  มัลฟอยเป็นสามีของเจ้า จะซื่อสัตย์ เชื่อฟัง และดูแลเขาตลอดไปหรือไม่ จอมมารกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพอใจซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขนลุก  เด็กสาวรู้สึกว่าริมฝีปากของเธอแห้งผากขณะที่เจ้าบ่าวของเธอที่จ้องเธอด้วยสายตาข่มขู่ราวกับเขากลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นมา

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับเธอกำลังยืนอยู่บนตะแลงแกงและกำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายมากนัก  และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือแม้ว่าเธอต้องการที่จะปฏิเสธงานแต่งงานครั้งนี้มากแค่ไหนแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากยอมรับมันเท่านั้น!

    เจ้าจะรับลูเซียสเป็นสามีของเจ้าไหม  เจ้าหญิง โวลเดอมอร์ถามซ้ำอีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่สามารถจับโทสะในน้ำเสียงของเขาได้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมรับในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น  ริมฝีปากที่แห้งผากของเธอขยับอย่างยากลำบากก่อนจะพูดออกไป

    ......รับค่ะ

    เสียงที่ดังออกไปนั้นช่างสั่นเทาและแผ่วเบายิ่งนัก  หากแต่จอมมารรวมทั้งผู้เสพความตายที่เหลือในห้องต่างได้ยินถ้อยคำนี้อย่างชัดเจนยิ่งนัก  ราวกับพวกเขากลั้นใจเพื่อรอคอยมันเลยทีเดียว  และหลังที่เฮอร์ไมโอนี่เปล่งคำสาบานอันเป็นการผูกมัดตัวเธอไว้กับลูเซียส  มัลฟอยตราบชั่วนิรันดร์ออกไปแล้วเด็กสาวก็รู้สึกว่าแขกที่มาร่วมงานทั้งหมดนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พิธีผ่านไปได้ด้วยดี  พอ ๆ กับที่เธอรู้สึกว่าสายตาของโวลเดอมอร์ที่มองมาทางนั้นมีความหมายมากกว่าแค่เขาพอใจที่การแต่งงานครั้งนี้ดำเนินไปด้วยดี  เพราะสีหน้าของจอมมารนั้นบ่งบอกถึงความพอใจในชัยชนะที่เขาได้ครอบครองอำนาจของที่เขาแสวงหามานานแสนนานเสียที!

     

     “เจ้าบ่าวเจ้าสาวแลกแหวนกันได้ สิ้นเสียงของโวลเดมอร์เบลลาทริกซ์ซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าสาวอันดับหนึ่งของเธอก็ยัดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนตลับกำมะหยี่ใส่มือของเด็กสาว  เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสสำรวจของสิ่งนั้นนานนักเมื่อเสียงเยือกเย็นของลูเซียสดังขึ้น

    ยื่นมือมาสิ เขาพูดในมือข้างหนึ่งมีกล่องกำมะหยี่สำหรับใส่แหวนเหมือนกับของเธออยู่  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำตามมือใหญ่ของชายผมบลอนด์ก็คว้ามือเล็ก ๆ ของเด็กสาวไปกุมก่อนจะค่อย ๆ ถอดแหวนหมั้นรูปงูออกจากนิ้วนางของเธอและสวมแหวนแต่งงานให้เธอแทน

    แหวนวงใหม่ที่นายลูเซียสสวมให้เฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นแหวนทองคำขาวประดับด้วยมรกตเม็ดใหญ่ที่ดูโบราณหากแต่สวยงาม  แม้มันจะไม่ใช่แหวนแต่งงานในแบบที่เธอชอบแต่เด็กสาวก็รู้สึกชอบแหวนวงนี้มากกว่าแหวนหมั้นที่เป็นรูปงูวงก่อน  แต่พอคิดถึงตรงที่ว่าแหวนวงนี้ก็น่าจะถูกกำกับเวทย์มนต์ไว้ให้มันดูดอำนาจเวทย์มนต์ไปจากเธอหากเธอทำผิดสัญญาแต่งงานรวมทั้งจะเป็นตัวบอกตำแหน่งของเธอได้อย่างแม่นยำหากเธอคิดหนีแล้วล่ะก็เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกชอบมันน้อยลงกว่าเดิมมาก

    หลังจากตัวเรือนของแหวนที่เย็นเฉียบสัมผัสนิ้วของหญิงสาวได้ไม่นาน  นายลูเซียสก็ปล่อยมือจากเธอและเก็บแหวนหมั้นรูปงูเข้าไปในกล่อง  เมื่อถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้แล้วว่าเธอควรจะทำอะไรต่อไป

    หญิงสาวเปิดกล่องใส่แหวนที่เบลลาทริกซ์ยื่นให้เธอก่อนหน้านั้นออกและพบว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นแหวนทองคำขาวเรียบ ๆ สำหรับผู้ชายที่ไม่มีลวดลายอะไรอยู่เลย  เฮอร์ไมโอนี่สบตาเจ้าบ่าวของเธอแวบหนึ่งก่อนที่มือที่สั่นเทาของเธอจะสวมมันเข้ากับนิ้วนางของนายลูเซียส  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าชายผมบลอนด์มองเธออย่างพอใจขณะที่เธอยอมแลกแหวนแต่งงานกับเขาแต่โดยดี  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงปล่อยมือเขาทันทีที่เธอสวมแหวนเสร็จ

    ลอร์ดโวลเดอมอร์มองภาพของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่เพิ่งแลกแหวนเสร็จอย่างพอใจก่อนจะพูดขึ้นหลังด้วยน้ำเสียงแหลมสูงที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขนลุกว่า

    เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้!”

    สิ้นคำประกาศนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกถึงมือใหญ่ของนายลูเซียสที่ดึงร่างของเธอเข้ามากใกล้จนเธอเห็นดวงตาสีเงินที่ดูพออกพอใจของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม  และในวินาทีต่อมาชายผมบลอนด์ก็เลื่อนมือมาเชยคางของเธอก่อนจะจูบเธอที่ริมฝีปากท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างยินดีของผู้เสพความตายทั้งห้อง  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกปั่นป่วนในท้องพอ ๆ กับที่เธอรู้สึกว่าขนทั้งร่างกายลุกชันรู้ว่าร่างตรงหน้านั้นจูบเธออย่างล้ำลึกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา  ราวกับเขาต้องการควานหาความหอมหวานในริมฝีปากของเธอ  และก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะคิดไว้ว่าเธอควรจะขัดขืนหรือทำอะไรลงไปได้มากกว่าจะนิ่งเฉยแบบนี้เด็กสาวก็รู้สึกถึงบางอย่างที่เปียกชื้นที่แก้มของเธอเอง  และในวินาทีต่อมานายลูเซียสก็ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะมองเธอด้วยแววตาที่ผสมปนเปไประหว่างความความประหลาดใจและความหงุดหงิด  แต่เมื่อเจ้าบ่าวของเธอยื่นมือมาเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ตัวว่าเธอกำลังร้องไห้  แต่ในครั้งนี้เธอกลับไปไม่แปลกใจตัวเองนักรวมทั้งไม่อับอายด้วยที่เธอร้องไห้ออกมาในพิธีแต่งงานแบบนี้ 

     

    ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นของแขกทุกคนในงานซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เสพความตายทั้งสิ้น  นายลูเซียสเช็ดน้ำตาให้เธอขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสแก้มของเธอเบา ๆ  ถ้ามองจากสายตาของคนภายนอกแล้วพวกเขาคงคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักแสนหวานที่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้เสียจนเจ้าสาวร้องไห้ออกมา  แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาและเธอไม่มีวันเป็นเช่นนั้นพอ ๆ กับที่เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางรักหรือญาติดีกับชายตรงหน้าซึ่งในตอนนี้ได้เขากำลังจะได้เป็นสามีของเธออย่างแน่นอน

     หลังจากทั้งคู่ละจากกันไปแล้ว  โวลเดอมอร์ซึ่งกำลังมองทั้งสองด้วยอย่างพอใจเหลือประมาณนั้นก็พูดด้วย

    ข้าขอประกาศให้เจ้าทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน!” จอมมารประกาศก้องด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี  ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างปวดร้าว  หญิงสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะร้องไห้ออกมาอีกรอบเมื่อเธอพบว่าได้เธอสูญเสียชีวิตของเธอไปอยู่ในความครองครอบของลูเซียส  มัลฟอยเสียแล้ว

     

    และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เธอเห็นก็มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉยของนายมัลฟอยและดวงตาสีเงินที่มองเธอมาอย่างเย็นชาจนทำให้เธอแทบจะต้องหยุดหายใจก่อนที่เสียงปรบมือจะดังขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่คู่แต่งงานใหม่อย่างพวกเขา  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่นิดเดียว  ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกราวกับเธอเพิ่งสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปอย่างไม่มีวันกลับคืน  เพราะในตอนนี้เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นเฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์คนเดิมไปอีกต่อไปแม้ว่าเธอจะต้องการมากเพียงใดก็ตาม  พอ ๆ กับที่เธอไม่สามารถกลับไปเป็นเด็กสาวได้อีกต่อไปแล้วเพราะในตอนนี้เธอได้กลายเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว  และสามีของเธอซึ่งจากนี้ต่อไปนี้จะเป็นผู้มีอำนาจเหนือเธอในทุก ๆ ด้านนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้  ชายผู้เป็นผู้เสพความตายและเป็นปีศาจร้ายในร่างมนุษย์อย่าง  ลูเซียส  มัลฟอย!

     

     

    *************************************************

     



     

    คุยกันหลังอ่าน

    เป็นไงบ้างคะตอนนี้ชอบกันไหมคะ มีความคิดเห็นยังไงก็เอามาแชร์กันนะคะ ทุกคอมเม้นของคนอ่านคือกำลังใจและแนวทางให้นักเขียนปรับปรุงเรื่องให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ

    อ้อ ตอนท้ายสุดของตอนพิกเอาแผนผังตระกูลซิลเวียและตระกูลมัลฟอยมาให้ดูค่ะ เพื่อน ๆ จะไม่ได้ไม่งงเวลาอ่านเรื่องนี้นะคะ ^^


     



     
     

     


     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×