ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 15 | เกมที่ยังไม่จบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.91K
      790
      26 มี.ค. 63


    Chapter 15



    อีกแล้ว เหรอฮะคุณเดเรค?”


    “ครับ พอดีท่านคุเรฮะเพิ่งกลับมาจากภารกิจล่าสุด วันนี้เลยพักผ่อนยาวน่ะครับ”

    พักผ่อนที่ว่าเป็นอันรู้กันว่าคงนอนซ้อมตายเหมือนเคย

    กอร์นที่ถามคำถามเดิม ๆ เหมือนหลายวันที่ผ่านมาทำหน้าเหมือนหมาหงอย แต่สักพักก็กลับมายิ้มให้และวิ่งไปเล่นกับคิรัวร์ที่รออยู่ด้านหลัง

    พ่อบ้านผู้รับคำสั่งให้มาดูแลทั้งสี่คนที่เรือนรับรอง หันหน้ากลับมาทางเลโอลีโอที่จ้องเขาเขม็งจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

    “มีอะไรรึเปล่าครับท่านเลโอลีโอ?”

    “อ่า... เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรทำน่ะ” คนตัวสูงโย่งดันแว่นนิด ๆ อย่างประหม่า

    ที่นี่ให้พวกเขาเข้ามาข้างในง่ายก็จริง แต่ก็อยู่ได้แค่บริเวณที่เรือนรับรอง เข้าไปมากกว่านี้ไม่ได้ เว้นเสียแต่คนข้างในจะออกมาหาด้วยเอง

    และตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา— เป้าหมายหลักที่เด็กชายผมดำต้องการจะเจอก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักครั้งเดียว ถามพ่อบ้านผมสีควันบุหรี่ไปกี่ครั้งก็ได้รับคำตอบเดิม ๆ ที่เปลี่ยนแค่บริบทบางอย่างเท่านั้น

    ใบหน้าของผู้ที่ยิ้มตาปิดตลอดเวลายิ้มสุภาพ

    “ผมทราบมาว่าท่านเลโอลีโอต้องการจะเป็นแพทย์”

    เจ้าของชื่อผงะไปนิดหน่อยด้วยความแปลกใจ

    ไม่นึกว่าคนตระกูลนี้จะหันมาสืบข้อมูลที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจของเขาด้วย “ประมาณนั้น ที่มาสอบฮันเตอร์ก็เพื่อเอาบัตรฮันเตอร์ไปจ่ายค่าเล่าเรียนในสถาบันแพทย์นั่นแหละ”

    “ถ้างั้นระหว่างที่รอท่านคุเรฮะว่างมาพบ ท่านเลโอลีโอสนใจที่จะอ่านงานวิจัยทางการแพทย์ฆ่าเวลาหน่อยไหมครับ?”

    คุราปิก้าที่กำลังนั่งอ่านหนังสือไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมา ข้างตัวมีกองหนังสือตั้งเป็นกองสูง “ฉันไปสำรวจห้องสมุดบนชั้นบนมาแล้ว แต่ไม่เห็นมีวิจัยอะไรเกี่ยวกับแพทย์เลยนะ”

    “ครับ ที่นี่ไม่มี แต่คฤหาสน์ของสายตระกูลหลักมีครับ” เดเรคอธิบายขณะที่ปรบมือสองที ส่งสัญญาณให้พ่อบ้านคนอื่น ๆ เอาของว่างมาให้แขกของนายน้อยทานระหว่างวัน

    “ผมสามารถไปนำมาให้ได้ เพราะนายท่านอนุญาตเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วน่ะครับ”

    “งานวิจัยของพวกหมอน่ะเหรอ?” คิรัวร์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา คิ้วย่นเข้าหากัน “ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย”

    กอร์นที่ตามหลังหัวเราะกับท่าทางเพื่อนผมขาว “ไม่แน่นะคิรัวร์ บางทีคุเรฮะอาจจะเอามาอ่านเล่นแก้เซ็งก็ได้”

    คุณพ่อบ้านผมยาวยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง

    “ส่วนใหญ่งานวิจัยต่าง ๆ จะถูกนำไปเก็บไว้ที่นั่น เพราะคนของคราวน์ต้องการหลักฐานอ้างอิงหลายอย่างมาใช้ในการสมมติฐานประกอบการคัดกรองข่าวที่ได้รับน่ะครับ”

    “—แน่นอนว่าท่านคุเรฮะก็ต้องอ่านอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน”

    เด็กชายผมขาวกลืนช็อกโกโรโบที่จัดไว้ให้ลงคอแทบไม่ทัน “ยัยนั่นอะนะ!?” ตามมาด้วยเสียงเกรียวกราวของสามคนที่เหลือด้วยความคาดไม่ถึง

    คนจงใจเปิดประเด็นร้อนหัวเราะเบา ๆ

    “หากหล่นจากตำแหน่งสูง ๆ เมื่อไหร่ย่อมต้องโดนเหยียบหัวให้ต่ำลงยิ่งกว่า ในฐานะผู้สืบทอดคนสำคัญจังต้องต้องมีพื้นฐานหลายอย่างเป็นแนวทางเมื่อถึงเวลานั้นไงครับ”


    “ไม่ได้ทำแค่งานลอบสังหารตามใบสั่งอย่างเดียว”


    คนอื่นมีชะงักกับน้ำเสียงที่เข้มขึ้นในประโยคสุดท้ายที่บ้าง แต่ก็ไม่เอะใจอะไร ยกเว้นเจ้าของผมฟูฟ่องที่ค่อยๆ หันไปทางขนมบนโต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    อืม…

    ถ้าเปรียบเป็นการหวงเจ้านาย พ่อบ้านของคุเรฮะคงเป็นพวกเฉือนนิ่ม ๆ แต่เจ็บ ต่างจากฝั่งพ่อบ้านโซลดิ๊กของเขาที่เน้นปิดประตูตีคนเสียมากกว่า

    ต— แต่เขาก็ไม่ได้ทำงานฆ่าคนอย่างเดียวนะ บางทีว่าง ๆ เขาก็ไปหาหนังสืออย่างอื่นที่เป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่มาอ่านเหมือนกัน...!


    หนังสือโป๊อะ!



    “นี่ก็หลายวันแล้วนา”

    เสียงของพี่สาวคนสวยกระซิบข้างหู ทำเอาคนหูผีขนลุกเกรียวอย่างอดไม่ได้

    คุเรฮะที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นหมากรุกคนเดียวตวัดหางตามอง สองมือของคนใส่เสื้อแขนกุดโอบรอบคอเธอจากด้านหลัง

    ฟีลคลี่ยิ้มหวาน “สี่คนนั้นรอเจอคุเรฮะอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

    ในบรรดาคราวน์ที่คุเรฮะรู้จัก ฝาแฝดฟีโอนิกซ์นับว่าเป็นคนสายตระกูลเดียวกันที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ขอเกี่ยวข้องกับศึกชิงตำแหน่ง และขอไปทำหน้าที่สายข่าวแทน


    แทรกแซงและสืบข่าวจากสมาคมฮันเตอร์

    นั่นแหละงานของพวกเขา


    ไม่เพียงแต่แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ลอบกัด แต่ฝาแฝดคนพี่อย่างฟีลยังเป็นพวกขี้อ้อนที่ชอบมานัวเนียน้องสาวอย่างเธอเป็นประจำ ต่างจากฟีโอคนน้องที่ค่อนข้างนิ่งเงียบไปคนละทาง

    แต่ถามว่าคุเรฮะไว้ใจพี่น้องร่วมพ่อมากแค่ไหน


    ก็มากพอที่จะเตรียมจับอาวุธเวลาทุกคนเผยช่องโหว่นั่นแหละ


    มือที่สวมถุงมือไม่เว้นแต่ภายในตัวบ้านเลื่อนกระดานหมากรุกออกห่าง ศอกวางบนแขนเก้าอี้บุหนัง ก่อนจะยกนิ้วทั้งสิบขึ้นแตะกันอย่างแผ่วเบา

    ราวกับกำลังประเมินว่าสิ่งที่พี่กำลังจะพูดสำคัญมากน้อยแค่ไหน

    “แล้วยังไง?” เธอถามกลับ

    “ก็แหม... นั่นน่ะเพื่อนของคุเรฮะตอนไปสอบฮันเตอร์นี่นา”

    คนเป็นน้องเอ่ยแก้ “แค่หนึ่งในสี่เป็นเป้าหมายที่พ่อสั่งให้ตามดูเฉย ๆ”

    หญิงสาวเจ้าของหน้าอกไซส์ใหญ่เอียงคอเหมือนแมว กะพริบตาปริบ

    “ไม่ใช่เพื่อนเหรอ”

    ดวงตาคมสองเฉดสีเลื่อนไปมองเตาผิงริมห้องที่กำลังติดไฟ แสงสีส้มที่โชติช่วงในแววตาราวกับกำลังเริงระบำทำให้ดวงตาคู่นั้นโดดเด่น แต่ก็ว่างเปล่าในคราวเดียวกัน


    คุเรฮะตอบเสียงเรียบ

    “ไม่”


    ...ไม่รู้สิ


    แม้จะสอบตกแต่เตียงคู่ชีพยังคงอยู่ดีจนน่าสงสัย

    หลายวันจนเกือบครบเดือน— ที่พวกกอร์นมารอเจอเธอที่เรือนรับรอง พ่อไม่ได้ว่าอะไรแค่จับตามองอยู่ห่าง ๆ รู้ได้ทันทีว่าคงเป็นแผนของเจ้าตัวอีกนั่นแหละ

    แต่การสอบมันจบลงแล้ว

    ไม่จำเป็นที่เธอต้องให้ความสนใจกับคนพวกนั้นอีก เบื่อเมื่อไหร่ก็คงพากันกลับไปเอง

    หากอยู่ในที่ของตัวเองเด็กสาวก็ไม่ค่อยได้เจอใครเท่าไหร่ นอกเสียจากพี่สาวฝาแฝดที่ชอบเข้าหาในช่วงนี้บ่อย ๆ และช่วงหัวค่ำของวันนี้ สองฝาแฝดก็พากันมาหมกตัวที่ห้องน้องคนเล็กอีกแล้ว

    ฟีโออ่านหนังสือนิตยสารผู้หญิงบนโซฟา ส่วนฟีลเอ่ยเจื้อยแจ้ว มือม้วนปลายผมคุเรฮะข้างตัวเล่นไปเรื่อย

    “วันนี้กอร์นก็ยังถามหาคุเรฮะไม่เปลี่ยนเลยนะ ดูเหมือนแขนที่สวมเฝือกจะหายแล้วด้วย คุราปิก้าก็สนใจแต่หนังสือ เลโอลีโอก็ไม่ต่างกัน รายนั้นนี่ก้มหน้าอ่านงานวิจัยที่เดเรคเอาไปให้ใหญ่เลยละ”

    คุเรฮะฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มือพลิกหน้ากระดาษอ่านรายงานเกี่ยวกับหุ้นในช่วงนี้เงียบ ๆ

    “ส่วนคิรัวร์— ให้ตายเถอะ จะดูกี่ครั้งเด็กนั่นก็แทบไม่ต่างจากตอนเด็กเลย ซึนซ่าเหมือนเดิม! ฮะฮะฮะ”

    จนถึงท่อนนี้คนนั่งเงียบช้อนตาขึ้นมอง


    “เคยเจอคิรัวร์ตอนเด็ก?”

    “ทำไมจะไม่เคยเจอล่ะ ก็ตอนโซลดิ๊กมาเยี่ยมบ้านเรา คิรัวร์ยังจ้องจะไปเล่นกับ—”

    ปึก!


    จู่ ๆ ฟีลก็หุบปากฉับพร้อมกับฟีโอที่ปิดนิตยสารเสียงดัง ราวกับไปจี้จุดอะไรเข้า

    “ตอนไหน? ไม่เห็นจำได้”

    คุเรฮะเอ่ยถาม ขมวดคิ้วเข้าหากัน

    ดวงตาสีผสมของพวกพี่สาวหลุบต่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเหมือนหลุดความลับ น้องสาวคนเล็กหรี่ตามองความผิดปกติที่ก่อตัวขึ้น

    เธอเอ่ยเสริม “ตอนเจอกันครั้งแรกคิรัวร์ก็ไม่ได้ทำท่าเหมือนคนเคยเจอกันด้วยนะ”

    “...”

    “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ”

    “ฟีล” เธอถามซ้ำ


    แต่ไม่ว่าจะถามยังไง คำตอบที่เธอได้ยินกี่ครั้งก็เหมือนเดิม

    “ไม่มีอะไร พี่แค่จำผิดไปเอง”



    ตุบ!

    หมอนสีขาวใบใหญ่ปะทะเข้าหน้า เด็กชายวัยเดียวกันสองคนพากันเล่นปาหมอนในห้องพักอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังทั่วบริเวณ ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วลง

    “เฮ้อ...”

    กอร์นนอนแผ่บนเตียงยาว “นานเกินไปแล้วนะ”

    “หรือว่า... คุเรฮะเองก็ถูกที่บ้านบังคับไม่ให้มีเพื่อนเหมือนกัน—”

    คิรัวร์เอ่ยแทรก เหวี่ยงหมอนเข้าหน้าตุ๊บนึง “เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ถ้าเป็นงั้นจริงพวกเราไม่มีทางมาถึงข้างในนี้ได้หรอกน่า”

    “โธ่คิรัวร์ จนฉันถอดเฝือกได้แล้วเราก็ยังไม่ได้เจอคุเรฮะเลย จะเข้าไปหาเองพวกพ่อบ้านก็ไม่ให้ไปอีก”

    เด็กชายผมตั้งลุกขึ้นมานั่งจับปลายเท้า คิ้วผูกกันเป็นปม

    “ทั้ง ๆ ที่พวกเราแค่มาหาเพื่อนเองนะ!”



    “ฉันไม่เคยพูดว่ามีเพื่อน”



    คำพูดที่เคยได้ยินในการสอบรอบสุดท้ายผุดขึ้นมาในความทรงจำ ทายาทโซลดิ๊กเอาสองมือรองท้ายทอย นอนแผ่บนเตียงข้าง ๆ กอร์นแล้วเหม่อมองเพดานห้อง

    ปากขยับเอ่ยช้า ๆ แต่ฟังชัด

    “บางทีนะ บางที... คุเรฮะอาจจะไม่ได้อยากมีเพื่อนก็ได้”

    กอร์นก้มลงมองคนข้างตัวทันที ดวงตากลมมองแป๋ว “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคิรัวร์?”

    “นายไม่อยู่เลยไม่ได้ยิน ตอนฉันแพ้พี่กลับมา ยัยนั่นพูดว่า—”

    “ฉันรู้แล้ว คุณซาธ็อทเล่าให้ฟังหมดแล้วละ”

    ดวงตาสีฟ้าครามสบเข้ากับตากลมสีเปลือกไม้ คิรัวร์ลุกขึ้นมานั่งบ้าง สองแขนค้ำเตียงยันแผ่นหลังเอาไว้

    “งั้นนายก็น่าจะรู้นะกอร์น ในเมื่อคุเรฮะไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อน รอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากเสียเวลา เพราะงั้น...”

    กอร์นส่ายหน้าเบาๆ

    “แล้วถ้าที่เธอบอก ‘ไม่เคยพูดว่ามีเพื่อน’ มันหมายความว่าเธอไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนล่ะ? "

    “นั่นมัน...”

    “คิรัวร์ก็ได้ยินที่คุเรฮะพูดตอนอยู่บนเรือเหาะนี่ ขนาดคนในครอบครัวเดียวกันคุเรฮะยังไว้ใจไม่ได้...” พอหยุดพูดตรงนี่ คิรัวร์ก็ต่อประโยคต่อไปได้อย่างไม่ต้องคิด


    คนในครอบครัวยังไว้ใจไม่ได้

    —แล้วพวกเขาที่เป็นแค่คนนอกเล่า?


    “เพราะฉะนั้น”

    เด็กชายผมขาวชะงักนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เลโอลีโอกับคุราปิก้ายืนพิงประตูคนละข้าง ยิ้มเหมือนรู้กัน

    กอร์มยิ้มหยี “เราถึงจะไปถามจากปากคุเรฮะคืนนี้ไง!”



    พวกเขาหลบหนีออกมา

    เสียงวิ่งซิกแซกไปตามพงหญ้าเบาจนแทบไม่ได้ยิน กอร์นและคิรัวร์วิ่งออกมาทางด้านหลังเรือนรับรอง โดยมีเลโอลีโอกับคุราปิก้าช่วยดึงความสนใจพวกพ่อบ้านให้

    เป็นเพราะผ่านการวิ่งจากการสอบฮันเตอร์มาแล้ว ตอนนี้ทิวทัศน์รอบข้างจึงเคลื่อนผ่านไปเร็วมากเหมือนกดเร่งวิดีโอ

    “เดี๋ยวสิกอร์น!” ถึงจะกะทันหันแต่ก็ใช่ว่าจะปรับตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าไอ้แสบนี่ไปตกลงแผนกับพวกคุราปิก้าตั้งแต่เมื่อไหร่

    คิรัวร์ถามเสียงกระซิบ “นายวิ่งออกมาโต้ง ๆ แบบนี้ รู้เหรอว่าจะไปหาคุเรฮะได้ที่ไหน!?” มองไปทางไหนก็เจอแต่ป่า ยิ่งเป็นตอนกลางคืนยิ่งรู้สึกได้ถึงความฉิบหายเบา ๆ

    สวนรอบบ้านคราวน์ไม่ใช่น้อย ๆ นะโว้ย!

    “ฉันคิดว่าฉันรู้นะ!” กอร์นที่วิ่งนำหน้าหันมามอง “ฉันจำกลิ่นคุเรฮะได้ กลิ่นมันมาจากทางนี้ชัดมากเลย!”

    ต่อให้ถูกจับได้ก็ยังมีคิรัวร์จากตระกูลพันธมิตรอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากลองเสี่ยงอยู่ดี!

    “ตรงนี้ไง!!”

    พรึ่บ—

    สวนดอกไม้สีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้า ตรงกลางต้นไม้ที่ถูกปลูกล้อมเป็นวงกลม แสงจันทร์จากบนฟ้าที่ส่องลงมาทำให้ดูเหมือนพวกมันกำลังเปล่งประกายสวย

    กลีบดอกที่มีรูปร่างเรียวบางปลิวว่อนเมื่อเท้าของพวกเขาก้าวเข้ามาหยุดในวงสีแดง

    มีกลีบนึงปลิวมาแตะที่จมูก กอร์นขยับดมกลิ่นฟุดฟิด

    “...กลิ่นนี้แหละ”


    กลิ่นดอกไม้คนตาย

    ดอกฮิกันบานะ


    ดวงตาสีฟ้าครามสอดส่ายไปรอบแนวป่า แม้ที่นี่จะดูงดงามราวกับภาพที่ถูกวาดด้วยพู่กันอย่างบรรจง แต่บรรยากาศที่นี่ไม่ได้ดูจรรโลงใจไปด้วยเลย

    “กอร์น... ดูท่าทางเราจะไม่ได้เจอคุเรฮะแล้วละ” เขาเอ่ยเบา ๆ

    “แต่เจอสัตว์เลี้ยงบ้านนี้แทน”

    ครืน…

    อะไรบางอย่างเคลื่อนตัวรอบต้นไม้ที่ล้อมสวนไว้ มีแค่สวนสีแดงที่ด้านบนเปิดโล่งราวกับจงใจให้มองเห็นท้องฟ้า ดังนั้นรอบนอกออกไปจึงมีแต่ต้นไม้สูง ใบไม้บนกิ่งหนาจนพื้นข้างล่างแทบไม่มีแสงลอดผ่าน

    แม้จะนิดเดียว แต่แสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านช่องของใบไม้ลงมาก็ทำให้ตาเรียวรีสังเกตเห็นบางอย่าง

    นั่นมัน... เกล็ด?


    “เดเรคไม่ได้สั่งห้ามเข้าป่าตอนกลางคืนรึไง”


    เสียงคุ้นหูเรียกให้สองเด็กชายหันไปมองจุดเดียวกัน

    ลูกแก้วสีแดงเสี้ยวทองอำพันเรืองแสงในความมืด มันหยุดนิ่งอยู่รอบนอกในตอนแรก ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนแสงส่องถึง ทำให้เห็นว่าลูกแก้วที่ว่าคือดวงตาคู่หนึ่ง

    และนั่นคือคนที่พวกเขากำลังตามหา



    คุเรฮะหิ้วเจ้าเด็กซนสองคนมาส่งหน้าเรือนรับรอง เป็นตอนที่เลโอลีโอกับคุราปิก้ากำลังจนมุมกับคำถามของพวกพ่อบ้านอยู่พอดี

    ‘ออกไปข้างนอกกับพวกเราไหมคุเรฮะ!’

    ตอนนั้นเป็นเด็กสาวที่ชะงักกับคำพูดที่ได้ยิน แต่เธอไม่เอ่ยอะไรนอกจากเดินหายลับไป ทิ้งให้พวกเขาถูกพวกพ่อบ้านต้อนให้เข้าไปนอนข้างใน

    เธอไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

    แบบนั้นแสดงว่าพวกเขายังมีหวัง —ใช่ไหม?


    “คุเรฮะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ให้เวลาเธออีกสักหน่อยเถอะ”


    เหมือนหุ่นยนต์ที่เจออะไรนอกเหนือจากคำสั่งที่ป้อนไว้ก็จะระบบรวนไปพักนึง จะอธิบายซ้ำก็คงไม่เข้าใจเท่าให้เจ้าตัวทบทวนทำความเข้าใจเอง

    คุเรฮะเป็นแบบนั้น

    หญิงสาวผมดำปลายแดงผู้เป็นพี่สาวของคุเรฮะยิ้มให้ กอร์นที่นั่งเช็ดคันเบ็ดอยู่บนต้นไม้ก้มลงมอง แสงแดดยามเช้าส่องพาดใบหน้ายิ้มแย้ม

    กอร์นพยักหน้ารับ “ผมจะรอฮะ!”

    ฟีลหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางมีกำลังใจของเด็กชาย เธอลอบสังเกตคนพวกนี้มาหลายวัน แม้จะฝีมือการต่อสู้จะยังไม่เข้าขั้นนักแต่นิสัยก็ใช้ได้เลยทีเดียว

    “พวกเราไปถึงสวนฮิกันบานะ”

    คิรัวร์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา เปิดประเด็น “ผมเห็นลำตัวยาวที่มีเกล็ดอันใหญ่ มันคือ...”

    “อ๋อ สัตว์เลี้ยงประจำตระกูลน่ะ” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย “โชคดีนะที่คุเรฮะตามไปเจอพวกเธอก่อน ไม่งั้นคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก”

    พอเดาได้ลาง ๆ ละว่ามันคือตัวอะไร

    ดีนะที่เขากับกอร์นอยู่ในสวนดอกไม้ก่อนพวกมันมาเจอ...


    “ในสวนนั่นมีอะไรอยู่เหรอครับ?”

    "หืม..."


    ร่างเพรียวเหมือนนางแบบหยุดขาที่กำลังจะก้าวออกไป เธอหันกลับมาเอียงคอ “อะไรเหรอ?”

    “ถ้ามันเข้ามาโจมตีผมกับกอร์นก็คง เลื้อย ทับสวนฮิกันบานะไปครึ่งนึง แต่มันไม่ทำเพราะพวกเราอยู่ในสวนนั่นพอดี”

    ดวงตาเรียวรีสีฟ้าใสจ้องเขม็ง


    “ที่อยู่ในสวนฮิกันบานะ —มันคืออะไรครับ?”


    ฟีโอนิกซ์คนพี่ไม่ตอบคำถามนั้น เธอแค่ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ท่ามกลางสายตาของเด็กชายที่ไล่ตามหลังจนลับสายตา



    ก๊อก

    เสียงหมากรุกเปลี่ยนช่องสลับกันไปมา เชสเตอร์นั่งเล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามกับลูกสาว มองลูกเคลื่อนตัวหมากบิชอปไปช่องหนึ่ง

    หายากที่คุเรฮะจะลุกขึ้นมาเล่นหมากรุกกับเขาตอนเช้า ถ้าไม่ได้วางแผนอะไรไว้ ก็แสดงว่าในหัวมีเรื่องให้คิดอยู่

    “เด็กพวกนั้นอยู่ที่นี่นานกว่าที่คิดนะ”

    เด็กสาวยักไหล่เป็นนัยว่ารับรู้ ดวงตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนตัวหมากของเขาและของตัวเองไม่ห่าง

    “พวกนั้นรอให้ลูกออกไปด้วยกัน”

    “ไม่เห็นต้องไปสนใจ...”

    “เพราะลูกเอาแต่คิดว่าการสอบที่ผ่านมาเป็นคำสั่งพ่อ ตอนนี้ลูกเลยไม่สนใจพวกคิรัวร์สินะ คุเรฮะ”

    ดวงตาสีผสมของลูกสาวยอมเลื่อนขึ้นมาสบตา

    “หรือไม่ใช่?”

    “แล้วที่ลูกสั่งให้เดเรคไปเฝ้าดูพวกเขาล่ะ?”

    “นั่น—” น้ำเสียงขาดห้วง คุเรฮะหลุบตาลงไปมองที่ตัวหมากรุกเหมือนเก่า “ก็แค่ดูเฉย ๆ”

    “แล้วที่ลูกไปช่วยกอร์นกับคิรัวร์จากโบอันโบอาล่ะ?”

    “เพราะพ่อคงไม่คิดจะให้เด็กตระกูลพันธมิตรตาย”

    “พ่อหรือลูก? หืม...”

    “...”


    ถึงคิรัวร์จะตายเพราะสัตว์เฝ้าบ้าน เขาก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นต่อให้นั่นจะเป็นลูกรักของคนรู้จัก

    เพราะนั่นหมายความว่าเด็กคนนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ในรั้วบ้านนี้


    “เอางี้ พ่อจะถามใหม่”

    ปลายนิ้วทั้งสิบของเขาแตะกันเบาๆ เชสเตอร์ยิ้มมุมปากขณะจ้องมองไปที่ลูกสาวตรงหน้า

    “ลูกยอมสอบตกเพื่อช่วยให้คิรัวร์สอบผ่าน ...ทำไม?”

    คำสั่ง... ไม่สิ เกมของเขากับคุเรฮะ กำหนดตัวแปรหลักไว้ที่กอร์นเพียงคนเดียว ปกป้องกอร์นเท่าที่จะทำได้ในการสอบฮันเตอร์ นั่นคือสิ่งที่เราตกลงกันไว้


    คิรัวร์เป็นตายยังไงไม่สำคัญ


    “...”

    ตัวหมากฝั่งคุเรฮะไม่ขยับอีก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งจนได้ยินเสียงลมที่พัดผ่านไปตามหมากบนกระดานหมากรุก

    เชสเตอร์พ่นลมหายใจออกมาทั้งรอยยิ้ม


    ความเงียบ— นั่นแหละคือคำตอบของลูกคนนี้


    “มานี่สิ คุเรฮะ”

    ร่างเล็กเม้มปากมองฝ่ามือหนาที่ยื่นมาให้อย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมยกมือตัวเองขึ้นไปแตะอย่างเบาแผ่ว มือใหญ่กว่ากอบกุมมือเธอไว้ กระตุกเล็ก ๆ ให้ลุกขึ้นไปหา

    พอเธอลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างเก้าอี้ เชสเตอร์ก็ตบตักเป็นนัยว่าให้มานั่งตรงนี้ ซึ่งลูกสาวคนเล็กไม่ตอบรับใด ๆ กับคำร้องทางสายตา

    ความรู้สึกบางอย่างกดร่างกายของเธอไว้ ไม่ให้เข้าไปใกล้พ่อในช่วงเวลานี้มากกว่านี้ ...มากกว่านี้ไม่ได้

    เชสเตอร์จึงได้แต่กุมมือลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ แม้จะหยาบกร้านกว่ามือของลูกแต่มันก็อบอุ่น

    ไม่รู้ว่าคุเรฮะจะรู้สึกถึงมันไหม

    “ไม่ว่าจะเป็นเพราะช่วยให้คิรัวร์ได้อยู่กับกอร์น หรือเพราะช่วยไม่ให้คิรัวร์กลับบ้านตามที่อิรุมิขู่บังคับ ทุกเหตุผลนั่น ไม่ได้มาจากคำสั่งของพ่อ”

    “นั่นแสดงว่าลูกไม่ใช่เครื่องจักร อาวุธ หรือหุ่นเชิด ...อย่างน้อยพ่อก็ไม่เคยต้องการให้ลูกเป็น

    เจ้าของผมสีดำแซมแดงยกมือของผู้เป็นลูกขึ้นมาแนบแก้ม มันเย็นเชียบเหมือนศพ แต่เขาไม่สนเรื่องนั้น

    “คุเรฮะอาจจะไม่เข้าใจถึงการรอคอยของเด็กพวกนั้น แต่นั่นเป็นเพราะลูกไม่เคยเจอและไม่คิดจะเจออะไรแบบนี้ไง —พ่อถึงต้องลงมือเอง”

    ดวงตาสีผสมที่ถอดแบบกันมาสบตากัน

    เชสเตอร์ยิ้มบาง



    “ไปเถอะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่ลูกต้องเรียนรู้”

    ดีกว่ามาเต็มใจจมปลักอยู่ในกรงขังที่ชื่อว่าคราวน์แห่งนี้



    บานประตูเปิดออก เป็นเดเรคที่เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าสัมภาระในมือ เขายิ้มตาปิดเมื่อนายน้อยของเขาหันมาสบตา

    “ผมเตรียมเสื้อผ้า อาวุธและของใช้เท่าที่จำเป็นให้เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน”

    ร่างสูงมองคุเรฮะรับกระเป๋ามาถือ แม้แววตาจะเรียบนิ่งจนว่างเปล่าแต่ก็คิดว่าคงแปลกใจไม่น้อย

    พอหันมามองกระดานหมากรุกอีกที

    คิ้วเข้มค่อย ๆ เลิกขึ้นก่อนจะค้างเติ่งเหมือนหยุดสต็อปเอาไว้ นายใหญ่ของคราวน์เลื่อนสายตากลับไปมองลูกอย่างเชื่องช้า “ลูกรัก...”

    คุเรฮะยักคิ้วให้ข้างนึง


    “รุกฆาต”


    “...พ่อว่าพ่อเปลี่ยนใจไม่ให้ลูกไปดีกว่า”

    “พูดแล้วไม่คืนคำ”

    ร่างเล็กยักไหล่ให้ก่อนจะสะพายกระเป๋าคาดอก เปิดเช็กของอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดจึงเงยหน้าขึ้นมา มือตบกระเป๋าแปะ ๆ พร้อมก้าวออกจากบ้านแล้วตอนนี้

    เชสเตอร์กระแอมไอ เริ่มหาข้ออ้าง

    “ถ้าไปพ่อจะอายัติแบล็กการ์ดนะ อีกอย่าง ถ้าขี้เกียจแล้วอยากนอนเหมือนเดิมก็ไม่ต้องไปแล้วก็ได้ เตียงลูกพ่อก็ยังไม่ได้เผา”

    นี่ไงสาเหตุที่ยังไม่เผาเตียงทิ้ง เอาไว้ล่อลูกกลับบ้านนี่เอง

    ส่วนเรื่องเงิน

    คุเรฮะยิ้มมุมปากรู้ทัน มือล้วงกระเป๋ากางเกงชูเครดิตการ์ดขึ้นมา กระดิกหน่อย ๆ “บอกให้เดเรคเก็บทุนไว้ล่วงหน้าส่วนนึงแล้ว คิดว่าออกไปก็คงต้องหาเงินเพิ่มเองอยู่ดี”

    เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพ่อวางแผนจะให้ออกไปกับพวกกอร์น การกระทำหลายอย่างมันฟ้อง แค่รอจนกว่าเจ้าตัวจะยอมเผยไต๋บอกมาตรง ๆ เท่านั้นแหละ

    ที่ผ่านมาเดือนครึ่งนี่คือรอดูเชิงพ่อคนเดียวล้วน ๆ

    ฝั่งคุณพ่อที่เสียรู้กอดไม้เท้าหน้าหยิก ทั้งอยากและไม่อยากให้ลูกไปในคราวเดียวกัน

    แต่สุดท้ายก็ต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้

    เชสเตอร์ถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าก้าวออกไป พ่อจะปกป้องลูกไม่ได้ทุกทางแล้วนะ”


    “รู้”

    “ถ้างั้—”

    “ไม่เนียน”

    “...”

    “ก่อนลูกออกจากบ้านยกเลิกจีพีเอสและเครื่องดักฟังออกด้วย พวกที่ตามอยู่ลับ ๆ นั่นก็ด้วย”


    เชสเตอร์ส่งซิกไปทางสายตาให้เดเรคด้านหลังยิก ๆ ไหนว่าจะตะล่อมให้คุเรฮะลืมเรื่องนี้ก่อนออกจากบ้านไง!

    “เสร็จรึยัง?” ส่งซิกกันต่อหน้าต่อตาเลยนะ

    คนเป็นพ่อถอนหายใจยาวอีกรอบ ก่อนจะทำหน้าเข้ม ขยับปลายไม้เท้าแตะที่ไหล่ของลูกสาวคนเล็ก

    “ขอให้โชคดี คุเรฮะ”

    เด็กสาวหยักมุมปากขึ้น หมุนปลายรองเท้าเดินไปที่ประตู ขณะเดียวกันก็ยกเครดิตการ์ดที่ถืออยู่มาแนบริมฝีปากเบา ๆ แล้วยกขึ้นโบกลาคนข้างหลัง


    ‘คุเรฮะ!’


    ร่างของเด็กชายผมตั้งกระโจนเข้าหาเด็กสาวที่เทเลพอร์ตไปหาที่หน้าเรือนรับรอง ตามมาด้วยเด็กชายผมขาวที่พุ่งเข้ามาคว้าคอแล้วขยี้จนผมเผ้ากระเซิง

    คนโตกว่าสองคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เดินมาถามไถ่ว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง แล้วพากันเดินไปที่ทางออกด้วยกัน

    ใบหน้าของเด็กสาวชำเลืองมองไปทางทิศที่ตัวเองจากมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้นำตระกูลคราวน์ยืนมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างบานยาว มือจับไม้เท้าตั้งฉากพื้นห้อง

    ดวงตาสีผสมอ่อนแสงลง



    “เกมของเรามันยังไม่จบหรอกนะ ลูกรัก”



    __________C H E C K M A T E__________


    จบพาร์ทตระกูลคราวน์ในภาคการสอบฮันเตอร์แร้ว ยาวหน่อยแต่จบเร็ว ถ้าใครสังเกตก็จะเห็นว่ามีปมหลายอย่างโผล่มา ทั้งคิรัวร์ตอนเด็ก สวนฮิกันบานะ หรือแม้กระทั่งทั่นพ่อของน้องเอง

    ปล.ใครที่ถามหาบทเฮียฮิ บอกเลยว่าต่อให้เฮียจะใช่หรือไม่ใช่พระเอก (?) หมีก็แต่งให้เฮียออกก่อนเวลาไม่ได้ เฮียค่าตัวแพงและถูกเป็นภาค ๆ ค่ะ! 5555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×