คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 15 | เกมที่ยังไม่จบ
♚
Chapter 15
“อีกแล้ว เหรอฮะคุณเดเรค?”
“ครับ พอดีท่านคุเรฮะเพิ่งกลับมาจากภารกิจล่าสุด วันนี้เลยพักผ่อนยาวน่ะครับ”
พักผ่อนที่ว่าเป็นอันรู้กันว่าคงนอนซ้อมตายเหมือนเคย
กอร์นที่ถามคำถามเดิม ๆ เหมือนหลายวันที่ผ่านมาทำหน้าเหมือนหมาหงอย แต่สักพักก็กลับมายิ้มให้และวิ่งไปเล่นกับคิรัวร์ที่รออยู่ด้านหลัง
พ่อบ้านผู้รับคำสั่งให้มาดูแลทั้งสี่คนที่เรือนรับรอง หันหน้ากลับมาทางเลโอลีโอที่จ้องเขาเขม็งจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“มีอะไรรึเปล่าครับท่านเลโอลีโอ?”
“อ่า... เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรทำน่ะ” คนตัวสูงโย่งดันแว่นนิด ๆ อย่างประหม่า
ที่นี่ให้พวกเขาเข้ามาข้างในง่ายก็จริง แต่ก็อยู่ได้แค่บริเวณที่เรือนรับรอง เข้าไปมากกว่านี้ไม่ได้ เว้นเสียแต่คนข้างในจะออกมาหาด้วยเอง
และตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา— เป้าหมายหลักที่เด็กชายผมดำต้องการจะเจอก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยสักครั้งเดียว ถามพ่อบ้านผมสีควันบุหรี่ไปกี่ครั้งก็ได้รับคำตอบเดิม ๆ ที่เปลี่ยนแค่บริบทบางอย่างเท่านั้น
ใบหน้าของผู้ที่ยิ้มตาปิดตลอดเวลายิ้มสุภาพ
“ผมทราบมาว่าท่านเลโอลีโอต้องการจะเป็นแพทย์”
เจ้าของชื่อผงะไปนิดหน่อยด้วยความแปลกใจ
ไม่นึกว่าคนตระกูลนี้จะหันมาสืบข้อมูลที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจของเขาด้วย “ประมาณนั้น ที่มาสอบฮันเตอร์ก็เพื่อเอาบัตรฮันเตอร์ไปจ่ายค่าเล่าเรียนในสถาบันแพทย์นั่นแหละ”
“ถ้างั้นระหว่างที่รอท่านคุเรฮะว่างมาพบ ท่านเลโอลีโอสนใจที่จะอ่านงานวิจัยทางการแพทย์ฆ่าเวลาหน่อยไหมครับ?”
คุราปิก้าที่กำลังนั่งอ่านหนังสือไม่ไกลเงยหน้าขึ้นมา ข้างตัวมีกองหนังสือตั้งเป็นกองสูง “ฉันไปสำรวจห้องสมุดบนชั้นบนมาแล้ว แต่ไม่เห็นมีวิจัยอะไรเกี่ยวกับแพทย์เลยนะ”
“ครับ ที่นี่ไม่มี แต่คฤหาสน์ของสายตระกูลหลักมีครับ” เดเรคอธิบายขณะที่ปรบมือสองที ส่งสัญญาณให้พ่อบ้านคนอื่น ๆ เอาของว่างมาให้แขกของนายน้อยทานระหว่างวัน
“ผมสามารถไปนำมาให้ได้ เพราะนายท่านอนุญาตเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วน่ะครับ”
“งานวิจัยของพวกหมอน่ะเหรอ?” คิรัวร์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา คิ้วย่นเข้าหากัน “ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย”
กอร์นที่ตามหลังหัวเราะกับท่าทางเพื่อนผมขาว “ไม่แน่นะคิรัวร์ บางทีคุเรฮะอาจจะเอามาอ่านเล่นแก้เซ็งก็ได้”
คุณพ่อบ้านผมยาวยังคงยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง
“ส่วนใหญ่งานวิจัยต่าง ๆ จะถูกนำไปเก็บไว้ที่นั่น เพราะคนของคราวน์ต้องการหลักฐานอ้างอิงหลายอย่างมาใช้ในการสมมติฐานประกอบการคัดกรองข่าวที่ได้รับน่ะครับ”
“—แน่นอนว่าท่านคุเรฮะก็ต้องอ่านอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน”
เด็กชายผมขาวกลืนช็อกโกโรโบที่จัดไว้ให้ลงคอแทบไม่ทัน “ยัยนั่นอะนะ!?” ตามมาด้วยเสียงเกรียวกราวของสามคนที่เหลือด้วยความคาดไม่ถึง
คนจงใจเปิดประเด็นร้อนหัวเราะเบา ๆ
“หากหล่นจากตำแหน่งสูง ๆ เมื่อไหร่ย่อมต้องโดนเหยียบหัวให้ต่ำลงยิ่งกว่า ในฐานะผู้สืบทอดคนสำคัญจังต้องต้องมีพื้นฐานหลายอย่างเป็นแนวทางเมื่อถึงเวลานั้นไงครับ”
“ไม่ได้ทำแค่งานลอบสังหารตามใบสั่งอย่างเดียว”
คนอื่นมีชะงักกับน้ำเสียงที่เข้มขึ้นในประโยคสุดท้ายที่บ้าง แต่ก็ไม่เอะใจอะไร ยกเว้นเจ้าของผมฟูฟ่องที่ค่อยๆ หันไปทางขนมบนโต๊ะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อืม…
ถ้าเปรียบเป็นการหวงเจ้านาย พ่อบ้านของคุเรฮะคงเป็นพวกเฉือนนิ่ม ๆ แต่เจ็บ ต่างจากฝั่งพ่อบ้านโซลดิ๊กของเขาที่เน้นปิดประตูตีคนเสียมากกว่า
ต— แต่เขาก็ไม่ได้ทำงานฆ่าคนอย่างเดียวนะ บางทีว่าง ๆ เขาก็ไปหาหนังสืออย่างอื่นที่เป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่มาอ่านเหมือนกัน...!
หนังสือโป๊อะ!
“นี่ก็หลายวันแล้วนา”
เสียงของพี่สาวคนสวยกระซิบข้างหู ทำเอาคนหูผีขนลุกเกรียวอย่างอดไม่ได้
คุเรฮะที่กำลังนั่งไขว่ห้างเล่นหมากรุกคนเดียวตวัดหางตามอง สองมือของคนใส่เสื้อแขนกุดโอบรอบคอเธอจากด้านหลัง
ฟีลคลี่ยิ้มหวาน “สี่คนนั้นรอเจอคุเรฮะอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ในบรรดาคราวน์ที่คุเรฮะรู้จัก ฝาแฝดฟีโอนิกซ์นับว่าเป็นคนสายตระกูลเดียวกันที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ขอเกี่ยวข้องกับศึกชิงตำแหน่ง และขอไปทำหน้าที่สายข่าวแทน
แทรกแซงและสืบข่าวจากสมาคมฮันเตอร์
นั่นแหละงานของพวกเขา
ไม่เพียงแต่แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ลอบกัด แต่ฝาแฝดคนพี่อย่างฟีลยังเป็นพวกขี้อ้อนที่ชอบมานัวเนียน้องสาวอย่างเธอเป็นประจำ ต่างจากฟีโอคนน้องที่ค่อนข้างนิ่งเงียบไปคนละทาง
แต่ถามว่าคุเรฮะไว้ใจพี่น้องร่วมพ่อมากแค่ไหน
ก็มากพอที่จะเตรียมจับอาวุธเวลาทุกคนเผยช่องโหว่นั่นแหละ
มือที่สวมถุงมือไม่เว้นแต่ภายในตัวบ้านเลื่อนกระดานหมากรุกออกห่าง ศอกวางบนแขนเก้าอี้บุหนัง ก่อนจะยกนิ้วทั้งสิบขึ้นแตะกันอย่างแผ่วเบา
ราวกับกำลังประเมินว่าสิ่งที่พี่กำลังจะพูดสำคัญมากน้อยแค่ไหน
“แล้วยังไง?” เธอถามกลับ
“ก็แหม... นั่นน่ะเพื่อนของคุเรฮะตอนไปสอบฮันเตอร์นี่นา”
คนเป็นน้องเอ่ยแก้ “แค่หนึ่งในสี่เป็นเป้าหมายที่พ่อสั่งให้ตามดูเฉย ๆ”
หญิงสาวเจ้าของหน้าอกไซส์ใหญ่เอียงคอเหมือนแมว กะพริบตาปริบ
“ไม่ใช่เพื่อนเหรอ”
ดวงตาคมสองเฉดสีเลื่อนไปมองเตาผิงริมห้องที่กำลังติดไฟ แสงสีส้มที่โชติช่วงในแววตาราวกับกำลังเริงระบำทำให้ดวงตาคู่นั้นโดดเด่น แต่ก็ว่างเปล่าในคราวเดียวกัน
คุเรฮะตอบเสียงเรียบ
“ไม่”
...ไม่รู้สิ
♚
แม้จะสอบตกแต่เตียงคู่ชีพยังคงอยู่ดีจนน่าสงสัย
หลายวันจนเกือบครบเดือน— ที่พวกกอร์นมารอเจอเธอที่เรือนรับรอง พ่อไม่ได้ว่าอะไรแค่จับตามองอยู่ห่าง ๆ รู้ได้ทันทีว่าคงเป็นแผนของเจ้าตัวอีกนั่นแหละ
แต่การสอบมันจบลงแล้ว
ไม่จำเป็นที่เธอต้องให้ความสนใจกับคนพวกนั้นอีก เบื่อเมื่อไหร่ก็คงพากันกลับไปเอง
หากอยู่ในที่ของตัวเองเด็กสาวก็ไม่ค่อยได้เจอใครเท่าไหร่ นอกเสียจากพี่สาวฝาแฝดที่ชอบเข้าหาในช่วงนี้บ่อย ๆ และช่วงหัวค่ำของวันนี้ สองฝาแฝดก็พากันมาหมกตัวที่ห้องน้องคนเล็กอีกแล้ว
ฟีโออ่านหนังสือนิตยสารผู้หญิงบนโซฟา ส่วนฟีลเอ่ยเจื้อยแจ้ว มือม้วนปลายผมคุเรฮะข้างตัวเล่นไปเรื่อย
“วันนี้กอร์นก็ยังถามหาคุเรฮะไม่เปลี่ยนเลยนะ ดูเหมือนแขนที่สวมเฝือกจะหายแล้วด้วย คุราปิก้าก็สนใจแต่หนังสือ เลโอลีโอก็ไม่ต่างกัน รายนั้นนี่ก้มหน้าอ่านงานวิจัยที่เดเรคเอาไปให้ใหญ่เลยละ”
คุเรฮะฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา มือพลิกหน้ากระดาษอ่านรายงานเกี่ยวกับหุ้นในช่วงนี้เงียบ ๆ
“ส่วนคิรัวร์— ให้ตายเถอะ จะดูกี่ครั้งเด็กนั่นก็แทบไม่ต่างจากตอนเด็กเลย ซึนซ่าเหมือนเดิม! ฮะฮะฮะ”
จนถึงท่อนนี้คนนั่งเงียบช้อนตาขึ้นมอง
“เคยเจอคิรัวร์ตอนเด็ก?”
“ทำไมจะไม่เคยเจอล่ะ ก็ตอนโซลดิ๊กมาเยี่ยมบ้านเรา คิรัวร์ยังจ้องจะไปเล่นกับ—”
ปึก!
จู่ ๆ ฟีลก็หุบปากฉับพร้อมกับฟีโอที่ปิดนิตยสารเสียงดัง ราวกับไปจี้จุดอะไรเข้า
“ตอนไหน? ไม่เห็นจำได้”
คุเรฮะเอ่ยถาม ขมวดคิ้วเข้าหากัน
ดวงตาสีผสมของพวกพี่สาวหลุบต่ำ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเหมือนหลุดความลับ น้องสาวคนเล็กหรี่ตามองความผิดปกติที่ก่อตัวขึ้น
เธอเอ่ยเสริม “ตอนเจอกันครั้งแรกคิรัวร์ก็ไม่ได้ทำท่าเหมือนคนเคยเจอกันด้วยนะ”
“...”
“ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ”
“ฟีล” เธอถามซ้ำ
แต่ไม่ว่าจะถามยังไง คำตอบที่เธอได้ยินกี่ครั้งก็เหมือนเดิม
“ไม่มีอะไร พี่แค่จำผิดไปเอง”
ตุบ!
หมอนสีขาวใบใหญ่ปะทะเข้าหน้า เด็กชายวัยเดียวกันสองคนพากันเล่นปาหมอนในห้องพักอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะดังทั่วบริเวณ ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วลง
“เฮ้อ...”
กอร์นนอนแผ่บนเตียงยาว “นานเกินไปแล้วนะ”
“หรือว่า... คุเรฮะเองก็ถูกที่บ้านบังคับไม่ให้มีเพื่อนเหมือนกัน—”
คิรัวร์เอ่ยแทรก เหวี่ยงหมอนเข้าหน้าตุ๊บนึง “เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ถ้าเป็นงั้นจริงพวกเราไม่มีทางมาถึงข้างในนี้ได้หรอกน่า”
“โธ่คิรัวร์ จนฉันถอดเฝือกได้แล้วเราก็ยังไม่ได้เจอคุเรฮะเลย จะเข้าไปหาเองพวกพ่อบ้านก็ไม่ให้ไปอีก”
เด็กชายผมตั้งลุกขึ้นมานั่งจับปลายเท้า คิ้วผูกกันเป็นปม
“ทั้ง ๆ ที่พวกเราแค่มาหาเพื่อนเองนะ!”
“ฉันไม่เคยพูดว่ามีเพื่อน”
คำพูดที่เคยได้ยินในการสอบรอบสุดท้ายผุดขึ้นมาในความทรงจำ ทายาทโซลดิ๊กเอาสองมือรองท้ายทอย นอนแผ่บนเตียงข้าง ๆ กอร์นแล้วเหม่อมองเพดานห้อง
ปากขยับเอ่ยช้า ๆ แต่ฟังชัด
“บางทีนะ บางที... คุเรฮะอาจจะไม่ได้อยากมีเพื่อนก็ได้”
กอร์นก้มลงมองคนข้างตัวทันที ดวงตากลมมองแป๋ว “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคิรัวร์?”
“นายไม่อยู่เลยไม่ได้ยิน ตอนฉันแพ้พี่กลับมา ยัยนั่นพูดว่า—”
“ฉันรู้แล้ว คุณซาธ็อทเล่าให้ฟังหมดแล้วละ”
ดวงตาสีฟ้าครามสบเข้ากับตากลมสีเปลือกไม้ คิรัวร์ลุกขึ้นมานั่งบ้าง สองแขนค้ำเตียงยันแผ่นหลังเอาไว้
“งั้นนายก็น่าจะรู้นะกอร์น ในเมื่อคุเรฮะไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อน รอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากเสียเวลา เพราะงั้น...”
กอร์นส่ายหน้าเบาๆ
“แล้วถ้าที่เธอบอก ‘ไม่เคยพูดว่ามีเพื่อน’ มันหมายความว่าเธอไม่เคยมีเพื่อนมาก่อนล่ะ? "
“นั่นมัน...”
“คิรัวร์ก็ได้ยินที่คุเรฮะพูดตอนอยู่บนเรือเหาะนี่ ขนาดคนในครอบครัวเดียวกันคุเรฮะยังไว้ใจไม่ได้...” พอหยุดพูดตรงนี่ คิรัวร์ก็ต่อประโยคต่อไปได้อย่างไม่ต้องคิด
คนในครอบครัวยังไว้ใจไม่ได้
—แล้วพวกเขาที่เป็นแค่คนนอกเล่า?
“เพราะฉะนั้น”
เด็กชายผมขาวชะงักนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา เลโอลีโอกับคุราปิก้ายืนพิงประตูคนละข้าง ยิ้มเหมือนรู้กัน
กอร์มยิ้มหยี “เราถึงจะไปถามจากปากคุเรฮะคืนนี้ไง!”
พวกเขาหลบหนีออกมา
เสียงวิ่งซิกแซกไปตามพงหญ้าเบาจนแทบไม่ได้ยิน กอร์นและคิรัวร์วิ่งออกมาทางด้านหลังเรือนรับรอง โดยมีเลโอลีโอกับคุราปิก้าช่วยดึงความสนใจพวกพ่อบ้านให้
เป็นเพราะผ่านการวิ่งจากการสอบฮันเตอร์มาแล้ว ตอนนี้ทิวทัศน์รอบข้างจึงเคลื่อนผ่านไปเร็วมากเหมือนกดเร่งวิดีโอ
“เดี๋ยวสิกอร์น!” ถึงจะกะทันหันแต่ก็ใช่ว่าจะปรับตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าไอ้แสบนี่ไปตกลงแผนกับพวกคุราปิก้าตั้งแต่เมื่อไหร่
คิรัวร์ถามเสียงกระซิบ “นายวิ่งออกมาโต้ง ๆ แบบนี้ รู้เหรอว่าจะไปหาคุเรฮะได้ที่ไหน!?” มองไปทางไหนก็เจอแต่ป่า ยิ่งเป็นตอนกลางคืนยิ่งรู้สึกได้ถึงความฉิบหายเบา ๆ
สวนรอบบ้านคราวน์ไม่ใช่น้อย ๆ นะโว้ย!
“ฉันคิดว่าฉันรู้นะ!” กอร์นที่วิ่งนำหน้าหันมามอง “ฉันจำกลิ่นคุเรฮะได้ กลิ่นมันมาจากทางนี้ชัดมากเลย!”
ต่อให้ถูกจับได้ก็ยังมีคิรัวร์จากตระกูลพันธมิตรอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากลองเสี่ยงอยู่ดี!
“ตรงนี้ไง!!”
พรึ่บ—
สวนดอกไม้สีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้า ตรงกลางต้นไม้ที่ถูกปลูกล้อมเป็นวงกลม แสงจันทร์จากบนฟ้าที่ส่องลงมาทำให้ดูเหมือนพวกมันกำลังเปล่งประกายสวย
กลีบดอกที่มีรูปร่างเรียวบางปลิวว่อนเมื่อเท้าของพวกเขาก้าวเข้ามาหยุดในวงสีแดง
มีกลีบนึงปลิวมาแตะที่จมูก กอร์นขยับดมกลิ่นฟุดฟิด
“...กลิ่นนี้แหละ”
กลิ่นดอกไม้คนตาย
ดอกฮิกันบานะ
ดวงตาสีฟ้าครามสอดส่ายไปรอบแนวป่า แม้ที่นี่จะดูงดงามราวกับภาพที่ถูกวาดด้วยพู่กันอย่างบรรจง แต่บรรยากาศที่นี่ไม่ได้ดูจรรโลงใจไปด้วยเลย
“กอร์น... ดูท่าทางเราจะไม่ได้เจอคุเรฮะแล้วละ” เขาเอ่ยเบา ๆ
“แต่เจอสัตว์เลี้ยงบ้านนี้แทน”
ครืน…
อะไรบางอย่างเคลื่อนตัวรอบต้นไม้ที่ล้อมสวนไว้ มีแค่สวนสีแดงที่ด้านบนเปิดโล่งราวกับจงใจให้มองเห็นท้องฟ้า ดังนั้นรอบนอกออกไปจึงมีแต่ต้นไม้สูง ใบไม้บนกิ่งหนาจนพื้นข้างล่างแทบไม่มีแสงลอดผ่าน
แม้จะนิดเดียว แต่แสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านช่องของใบไม้ลงมาก็ทำให้ตาเรียวรีสังเกตเห็นบางอย่าง
นั่นมัน... เกล็ด?
“เดเรคไม่ได้สั่งห้ามเข้าป่าตอนกลางคืนรึไง”
เสียงคุ้นหูเรียกให้สองเด็กชายหันไปมองจุดเดียวกัน
ลูกแก้วสีแดงเสี้ยวทองอำพันเรืองแสงในความมืด มันหยุดนิ่งอยู่รอบนอกในตอนแรก ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนแสงส่องถึง ทำให้เห็นว่าลูกแก้วที่ว่าคือดวงตาคู่หนึ่ง
และนั่นคือคนที่พวกเขากำลังตามหา
♚
คุเรฮะหิ้วเจ้าเด็กซนสองคนมาส่งหน้าเรือนรับรอง เป็นตอนที่เลโอลีโอกับคุราปิก้ากำลังจนมุมกับคำถามของพวกพ่อบ้านอยู่พอดี
‘ออกไปข้างนอกกับพวกเราไหมคุเรฮะ!’
ตอนนั้นเป็นเด็กสาวที่ชะงักกับคำพูดที่ได้ยิน แต่เธอไม่เอ่ยอะไรนอกจากเดินหายลับไป ทิ้งให้พวกเขาถูกพวกพ่อบ้านต้อนให้เข้าไปนอนข้างใน
เธอไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
แบบนั้นแสดงว่าพวกเขายังมีหวัง —ใช่ไหม?
“คุเรฮะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ให้เวลาเธออีกสักหน่อยเถอะ”
เหมือนหุ่นยนต์ที่เจออะไรนอกเหนือจากคำสั่งที่ป้อนไว้ก็จะระบบรวนไปพักนึง จะอธิบายซ้ำก็คงไม่เข้าใจเท่าให้เจ้าตัวทบทวนทำความเข้าใจเอง
คุเรฮะเป็นแบบนั้น
หญิงสาวผมดำปลายแดงผู้เป็นพี่สาวของคุเรฮะยิ้มให้ กอร์นที่นั่งเช็ดคันเบ็ดอยู่บนต้นไม้ก้มลงมอง แสงแดดยามเช้าส่องพาดใบหน้ายิ้มแย้ม
กอร์นพยักหน้ารับ “ผมจะรอฮะ!”
ฟีลหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางมีกำลังใจของเด็กชาย เธอลอบสังเกตคนพวกนี้มาหลายวัน แม้จะฝีมือการต่อสู้จะยังไม่เข้าขั้นนักแต่นิสัยก็ใช้ได้เลยทีเดียว
“พวกเราไปถึงสวนฮิกันบานะ”
คิรัวร์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา เปิดประเด็น “ผมเห็นลำตัวยาวที่มีเกล็ดอันใหญ่ มันคือ...”
“อ๋อ สัตว์เลี้ยงประจำตระกูลน่ะ” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย “โชคดีนะที่คุเรฮะตามไปเจอพวกเธอก่อน ไม่งั้นคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
พอเดาได้ลาง ๆ ละว่ามันคือตัวอะไร
ดีนะที่เขากับกอร์นอยู่ในสวนดอกไม้ก่อนพวกมันมาเจอ...
“ในสวนนั่นมีอะไรอยู่เหรอครับ?”
"หืม..."
ร่างเพรียวเหมือนนางแบบหยุดขาที่กำลังจะก้าวออกไป เธอหันกลับมาเอียงคอ “อะไรเหรอ?”
“ถ้ามันเข้ามาโจมตีผมกับกอร์นก็คง เลื้อย ทับสวนฮิกันบานะไปครึ่งนึง แต่มันไม่ทำเพราะพวกเราอยู่ในสวนนั่นพอดี”
ดวงตาเรียวรีสีฟ้าใสจ้องเขม็ง
“ที่อยู่ในสวนฮิกันบานะ —มันคืออะไรครับ?”
ฟีโอนิกซ์คนพี่ไม่ตอบคำถามนั้น เธอแค่ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ท่ามกลางสายตาของเด็กชายที่ไล่ตามหลังจนลับสายตา
ก๊อก
เสียงหมากรุกเปลี่ยนช่องสลับกันไปมา เชสเตอร์นั่งเล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามกับลูกสาว มองลูกเคลื่อนตัวหมากบิชอปไปช่องหนึ่ง
หายากที่คุเรฮะจะลุกขึ้นมาเล่นหมากรุกกับเขาตอนเช้า ถ้าไม่ได้วางแผนอะไรไว้ ก็แสดงว่าในหัวมีเรื่องให้คิดอยู่
“เด็กพวกนั้นอยู่ที่นี่นานกว่าที่คิดนะ”
เด็กสาวยักไหล่เป็นนัยว่ารับรู้ ดวงตาจับจ้องไปที่การเคลื่อนตัวหมากของเขาและของตัวเองไม่ห่าง
“พวกนั้นรอให้ลูกออกไปด้วยกัน”
“ไม่เห็นต้องไปสนใจ...”
“เพราะลูกเอาแต่คิดว่าการสอบที่ผ่านมาเป็นคำสั่งพ่อ ตอนนี้ลูกเลยไม่สนใจพวกคิรัวร์สินะ คุเรฮะ”
ดวงตาสีผสมของลูกสาวยอมเลื่อนขึ้นมาสบตา
“หรือไม่ใช่?”
“แล้วที่ลูกสั่งให้เดเรคไปเฝ้าดูพวกเขาล่ะ?”
“นั่น—” น้ำเสียงขาดห้วง คุเรฮะหลุบตาลงไปมองที่ตัวหมากรุกเหมือนเก่า “ก็แค่ดูเฉย ๆ”
“แล้วที่ลูกไปช่วยกอร์นกับคิรัวร์จากโบอันโบอาล่ะ?”
“เพราะพ่อคงไม่คิดจะให้เด็กตระกูลพันธมิตรตาย”
“พ่อหรือลูก? หืม...”
“...”
ถึงคิรัวร์จะตายเพราะสัตว์เฝ้าบ้าน เขาก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นต่อให้นั่นจะเป็นลูกรักของคนรู้จัก
เพราะนั่นหมายความว่าเด็กคนนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ในรั้วบ้านนี้
“เอางี้ พ่อจะถามใหม่”
ปลายนิ้วทั้งสิบของเขาแตะกันเบาๆ เชสเตอร์ยิ้มมุมปากขณะจ้องมองไปที่ลูกสาวตรงหน้า
“ลูกยอมสอบตกเพื่อช่วยให้คิรัวร์สอบผ่าน ...ทำไม?”
คำสั่ง... ไม่สิ เกมของเขากับคุเรฮะ กำหนดตัวแปรหลักไว้ที่กอร์นเพียงคนเดียว ปกป้องกอร์นเท่าที่จะทำได้ในการสอบฮันเตอร์ นั่นคือสิ่งที่เราตกลงกันไว้
คิรัวร์เป็นตายยังไงไม่สำคัญ
“...”
ตัวหมากฝั่งคุเรฮะไม่ขยับอีก ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งจนได้ยินเสียงลมที่พัดผ่านไปตามหมากบนกระดานหมากรุก
เชสเตอร์พ่นลมหายใจออกมาทั้งรอยยิ้ม
ความเงียบ— นั่นแหละคือคำตอบของลูกคนนี้
“มานี่สิ คุเรฮะ”
ร่างเล็กเม้มปากมองฝ่ามือหนาที่ยื่นมาให้อย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมยกมือตัวเองขึ้นไปแตะอย่างเบาแผ่ว มือใหญ่กว่ากอบกุมมือเธอไว้ กระตุกเล็ก ๆ ให้ลุกขึ้นไปหา
พอเธอลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างเก้าอี้ เชสเตอร์ก็ตบตักเป็นนัยว่าให้มานั่งตรงนี้ ซึ่งลูกสาวคนเล็กไม่ตอบรับใด ๆ กับคำร้องทางสายตา
ความรู้สึกบางอย่างกดร่างกายของเธอไว้ ไม่ให้เข้าไปใกล้พ่อในช่วงเวลานี้มากกว่านี้ ...มากกว่านี้ไม่ได้
เชสเตอร์จึงได้แต่กุมมือลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ แม้จะหยาบกร้านกว่ามือของลูกแต่มันก็อบอุ่น
ไม่รู้ว่าคุเรฮะจะรู้สึกถึงมันไหม
“ไม่ว่าจะเป็นเพราะช่วยให้คิรัวร์ได้อยู่กับกอร์น หรือเพราะช่วยไม่ให้คิรัวร์กลับบ้านตามที่อิรุมิขู่บังคับ ทุกเหตุผลนั่น ไม่ได้มาจากคำสั่งของพ่อ”
“นั่นแสดงว่าลูกไม่ใช่เครื่องจักร อาวุธ หรือหุ่นเชิด ...อย่างน้อยพ่อก็ไม่เคยต้องการให้ลูกเป็น”
เจ้าของผมสีดำแซมแดงยกมือของผู้เป็นลูกขึ้นมาแนบแก้ม มันเย็นเชียบเหมือนศพ แต่เขาไม่สนเรื่องนั้น
“คุเรฮะอาจจะไม่เข้าใจถึงการรอคอยของเด็กพวกนั้น แต่นั่นเป็นเพราะลูกไม่เคยเจอและไม่คิดจะเจออะไรแบบนี้ไง —พ่อถึงต้องลงมือเอง”
ดวงตาสีผสมที่ถอดแบบกันมาสบตากัน
เชสเตอร์ยิ้มบาง
“ไปเถอะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่ลูกต้องเรียนรู้”
ดีกว่ามาเต็มใจจมปลักอยู่ในกรงขังที่ชื่อว่าคราวน์แห่งนี้
บานประตูเปิดออก เป็นเดเรคที่เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าสัมภาระในมือ เขายิ้มตาปิดเมื่อนายน้อยของเขาหันมาสบตา
“ผมเตรียมเสื้อผ้า อาวุธและของใช้เท่าที่จำเป็นให้เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน”
ร่างสูงมองคุเรฮะรับกระเป๋ามาถือ แม้แววตาจะเรียบนิ่งจนว่างเปล่าแต่ก็คิดว่าคงแปลกใจไม่น้อย
พอหันมามองกระดานหมากรุกอีกที
คิ้วเข้มค่อย ๆ เลิกขึ้นก่อนจะค้างเติ่งเหมือนหยุดสต็อปเอาไว้ นายใหญ่ของคราวน์เลื่อนสายตากลับไปมองลูกอย่างเชื่องช้า “ลูกรัก...”
คุเรฮะยักคิ้วให้ข้างนึง
“รุกฆาต”
“...พ่อว่าพ่อเปลี่ยนใจไม่ให้ลูกไปดีกว่า”
“พูดแล้วไม่คืนคำ”
ร่างเล็กยักไหล่ให้ก่อนจะสะพายกระเป๋าคาดอก เปิดเช็กของอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดจึงเงยหน้าขึ้นมา มือตบกระเป๋าแปะ ๆ พร้อมก้าวออกจากบ้านแล้วตอนนี้
เชสเตอร์กระแอมไอ เริ่มหาข้ออ้าง
“ถ้าไปพ่อจะอายัติแบล็กการ์ดนะ อีกอย่าง ถ้าขี้เกียจแล้วอยากนอนเหมือนเดิมก็ไม่ต้องไปแล้วก็ได้ เตียงลูกพ่อก็ยังไม่ได้เผา”
นี่ไงสาเหตุที่ยังไม่เผาเตียงทิ้ง เอาไว้ล่อลูกกลับบ้านนี่เอง
ส่วนเรื่องเงิน
คุเรฮะยิ้มมุมปากรู้ทัน มือล้วงกระเป๋ากางเกงชูเครดิตการ์ดขึ้นมา กระดิกหน่อย ๆ “บอกให้เดเรคเก็บทุนไว้ล่วงหน้าส่วนนึงแล้ว คิดว่าออกไปก็คงต้องหาเงินเพิ่มเองอยู่ดี”
เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพ่อวางแผนจะให้ออกไปกับพวกกอร์น การกระทำหลายอย่างมันฟ้อง แค่รอจนกว่าเจ้าตัวจะยอมเผยไต๋บอกมาตรง ๆ เท่านั้นแหละ
ที่ผ่านมาเดือนครึ่งนี่คือรอดูเชิงพ่อคนเดียวล้วน ๆ
ฝั่งคุณพ่อที่เสียรู้กอดไม้เท้าหน้าหยิก ทั้งอยากและไม่อยากให้ลูกไปในคราวเดียวกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้
เชสเตอร์ถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าก้าวออกไป พ่อจะปกป้องลูกไม่ได้ทุกทางแล้วนะ”
“รู้”
“ถ้างั้—”
“ไม่เนียน”
“...”
“ก่อนลูกออกจากบ้านยกเลิกจีพีเอสและเครื่องดักฟังออกด้วย พวกที่ตามอยู่ลับ ๆ นั่นก็ด้วย”
เชสเตอร์ส่งซิกไปทางสายตาให้เดเรคด้านหลังยิก ๆ ไหนว่าจะตะล่อมให้คุเรฮะลืมเรื่องนี้ก่อนออกจากบ้านไง!
“เสร็จรึยัง?” ส่งซิกกันต่อหน้าต่อตาเลยนะ
คนเป็นพ่อถอนหายใจยาวอีกรอบ ก่อนจะทำหน้าเข้ม ขยับปลายไม้เท้าแตะที่ไหล่ของลูกสาวคนเล็ก
“ขอให้โชคดี คุเรฮะ”
เด็กสาวหยักมุมปากขึ้น หมุนปลายรองเท้าเดินไปที่ประตู ขณะเดียวกันก็ยกเครดิตการ์ดที่ถืออยู่มาแนบริมฝีปากเบา ๆ แล้วยกขึ้นโบกลาคนข้างหลัง
‘คุเรฮะ!’
ร่างของเด็กชายผมตั้งกระโจนเข้าหาเด็กสาวที่เทเลพอร์ตไปหาที่หน้าเรือนรับรอง ตามมาด้วยเด็กชายผมขาวที่พุ่งเข้ามาคว้าคอแล้วขยี้จนผมเผ้ากระเซิง
คนโตกว่าสองคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เดินมาถามไถ่ว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง แล้วพากันเดินไปที่ทางออกด้วยกัน
ใบหน้าของเด็กสาวชำเลืองมองไปทางทิศที่ตัวเองจากมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้นำตระกูลคราวน์ยืนมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างบานยาว มือจับไม้เท้าตั้งฉากพื้นห้อง
ดวงตาสีผสมอ่อนแสงลง
“เกมของเรามันยังไม่จบหรอกนะ ลูกรัก”
__________C H E C K M A T E__________
จบพาร์ทตระกูลคราวน์ในภาคการสอบฮันเตอร์แร้ว ยาวหน่อยแต่จบเร็ว ถ้าใครสังเกตก็จะเห็นว่ามีปมหลายอย่างโผล่มา ทั้งคิรัวร์ตอนเด็ก สวนฮิกันบานะ หรือแม้กระทั่งทั่นพ่อของน้องเอง
ปล.ใครที่ถามหาบทเฮียฮิ บอกเลยว่าต่อให้เฮียจะใช่หรือไม่ใช่พระเอก (?) หมีก็แต่งให้เฮียออกก่อนเวลาไม่ได้ เฮียค่าตัวแพงและถูกเป็นภาค ๆ ค่ะ! 5555555
ความคิดเห็น