ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 17 | ลานประลองกลางเวหา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.82K
      729
      7 เม.ย. 63

     

    ภาคลานประลองกลางหาว


    . . . 


    Chapter 17



    ‘ไปเถอะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่ลูกต้องเรียนรู้’


    ทำไม

    ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้...?


    ฉึก!

    มีดสั้นปักคั่นรูปวาดของนักมายากรผมสามเส้นกับนินจาหัวโล้น เด็กชายสองคนก้มหน้าจ้องตาปริบ ๆ

    “เห... คุเรฮะเก่งกว่าฮันโซอีกเหรอ”

    กอร์นเอ่ยถามเมื่อดึงมีดขึ้นมาคืนให้ ตอนแรกที่คิรัวร์วาดเส้นความต่างชั้นของฝีมือบนพื้นดิน เขาถูกขีดไปไกลซะฉิบ ไม่นึกว่าแค่เอ่ยถามไปลอย ๆ คนที่นอนงีบอยู่บนหลังจะตื่นขึ้นมามีส่วนร่วมกลางคันด้วย

    เสียงงึมงัมเอ่ยประชิดหลังคอ

    “...เสียเวลาจับทางนิดหน่อยก็ซัดให้สลบได้แล้ว”

    “แล้วฮิโซกะล่ะ?”

    คิรัวร์เอียงตัวมามองคนงัวเงีย ญาติผู้พี่ส่ายหน้า ถูไถไปมากับแผ่นหลังกอร์นอย่างรำคาญแสงแดดกลางสนามบิน เอ่ยงึมงัม

    “หมอนั่นอารมณ์แปรปรวน เล่นด้วยยาก”


    ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ทิศทาง และไร้หลักการ

    เป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองเพียงเพราะต้องการความตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้ พลิกแพลงสนามได้เสมอตามแบบฉบับเน็นสายเปลี่ยนแปลง

    - เสี่ยงเกินไป -


    “ว้าว— ทั้งสองคนเนี่ยสุดยอดไปเลยนะ!”

    เสียงชื่นชมของกอร์นแทบจะปัดเป่าความคิดที่กำลังฟุ้งไปได้หมด หูของคนซุกหน้าลงบนหลังกระดิกเล็กน้อย ส่วนอีกคนท่าทางไม่ต่างจากแมวที่ขนฟูขึ้นตามอารมณ์

    “อย่ามาทำเป็นพูดจริงจังเด้ อายนะเฟ้ย!”

    กอร์นหัวเราะกับปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของสองนักฆ่า ก้าวขาเดินต่อขณะเอ่ยเสริม “ฉันน่ะวัดความต่างชั้นของตัวเองกับคู่ต่อสู้ไม่ค่อยออกหรอก”

    “จะบ้าเรอะ เรื่องพรรค์นั้นฉันเองก็แค่กะ ๆ เอาเท่านั้นแหละ พอมีประสบการณ์มากขึ้น เซ้นส์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็มีมาเองนั่นแหละน่า”

    ดวงตาสีฟ้าครามเหล่มองคนหลับบนหลังเพื่อนตัวเอง เจ้าตัวยังขี้เซาเหมือนเดิมแม้พวกเขาจะพาออกมาโดยไม่มีเป้าหมายแน่ชัด


    ยัยนี่…

    พอมีคนคอยรับเวลาชัทดาวน์ใส่ก็ไปได้หมดเลยเรอะ!


    “ฮิโซกะน่ะเก่งกาจเอาเรื่องอยู่แล้ว ถ้าฝึกแบบธรรมดานายไม่มีทางชกหน้าหมอนั่นได้ภายในครึ่งปีหรอก” คนอยากชกหน้าเพื่อคืนป้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กอร์นนั่นแหละ

    ก่อนจะหยุดเดินกลางทาง

    “กอร์น คุเรฮะ พอมีเงินติดตัวมาบ้างป่ะ?” ไม่ใช่เพราะเขินนะเลยเปลี่ยนมาเรียกชื่อเต็มของญาติผู้พี่เหมือนเดิม เรียกเพราะชื่อคุเรฮะมันคุ้นหูมากกว่าหรอก!

    “อ— อือ ก็จวนจะบ๋อแบ๋แล้วเหมือนกัน” กอร์นล้วงกระเป๋ากางเกงดู ส่วนคุเรฮะยักไหล่ทีนึงเหมือนยังไงก็ได้

    “จริง ๆ แล้วมีอยู่ที่นึงยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอยู่” คิรัวร์ยิ้มมีแผนการ “แต่ก่อนอื่นเลย—”


    “ไอ้คนที่นอนซ้อมตายอยู่น่ะ ไปเปลี่ยนชุดสูทเป็นไปรเวทซะ!”


    กึก

    ถ้วยชาชั้นดีวางลงบนผืนเสื่ออย่างแผ่วเบา

    “ไม่รู้ว่าพวกที่สอบผ่านจะเป็นยังไงกันบ้างนะครับท่าน”

    บีนส์ที่คอยประสานงานต่าง ๆ นั่งพับเพียบเก็บเท้าเรียบร้อย ตรงหน้าคือประธานเนเทโล่ที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นมาถือไว้ รอบด้านล้อมไปด้วยสวนสีเขียวที่ถูกตัดแต่งอย่างดี

    “นั่นน่ะสิ... มีทั้งพวกที่อยากจะหาเงิน พวกที่อยากจะสร้างชื่อไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ แล้วก็พวกโบราณทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน”

    “ที่สำคัญ คนที่จะผ่านการสอบฮันเตอร์ในปีนี้ได้จะมีกันสักกี่คนกันครับเนี่ย” บีนส์ยื่นถาดขนมโมจิไส้ถั่วแดงให้

    “อืมมม ฉันก็ไม่อยากจะเดาเหมือนกัน ถึงตอนนั้นจะเป็นยังไง มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘ฮันเตอร์ตัวจริง’ คนนั้นจะกำหนดเอาไว้ยังไงน่ะสิ”

    “ทุกปีก็เป็นอย่างนี้มาตลอดนี่ครับ แต่ปีนี้ต่างออกไปหน่อยเพราะมีคราวน์สายหลักมาสอบ ...ถึงจะมาตกเอารอบสุดท้ายก็เถอะ”

    ชายแก่มองเงาที่สะท้อนในถ้วยชา “เฮ้อ พูดแล้วก็เสียดายเหมือนกันนะ ยัยหนูคราวน์นั่นเกือบจะสอบผ่านอยู่แล้วเชียว”


    เจ้าเชสเตอร์เองก็เหมือนกัน

    ถึงเรื่องในตระกูลจะซับซ้อนเกินคนทั่วไปก็เถอะ แต่ถ้ายังมัวอมพะนำใช้ภาษากายกับลูกคนเล็กอยู่ สักวันคงได้น้ำตาตกใน


    ถ้าเหตุการณ์มันบานปลายจน ควบคุมไม่ได้ อีกน่ะนะ



    “เฮ้อ...”

    ชายแก่ถอนหายใจอีกครั้ง


    “ครอบครัวอะไร กัดกันเองจนเป็นแผลเหวอะขนาดนี้”



    ลานประลองยุทธ์กลางหาว

    —สิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับสี่ของโลก มีจำนวนชั้นเหนือพื้นดิน 251 ชั้น ความสูง 991 เมตร เป็นสถานที่ที่ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามยาก ๆ แค่อัดคู่ต่อสู้ให้หมอบก็พอ ยิ่งไต่ระดับขึ้นสูงสไตล์การต่อสู้ก็ยิ่งสูงตาม ค่าตอบแทนนั้นมีทั้งเงินตราและชื่อเสียงที่พร้อมดังและดับในคราวเดียวกัน

    ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างที่คิรัวร์บอก ได้ทั้งฝึกฝีมือและเงินรางวัลเลยทีเดียว

    “โอ้โห คนต่อแถวยาวเหยียดเลย!”

    เด็กชายชาวเกาะตาเป็นประกายระยับหันไปหาคนด้านหลัง “ดูสิคุเรฮะ คนเพียบ—”

    “ฟี้...”

    เจ้าของชื่อเอนตัวไปพิงคิรัวร์ที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังอีกทีอย่างเหมาะเจาะ และเพราะตัวสูงกว่า หัวทุย ๆ ที่ควรจะพิงอกเลยยืดออกไปหงายแหมะอยู่บนหัวไหล่


    ยืนเงยหน้าหลับคาไหล่

    ท่าโยคะแบบใหม่ฉบับพิศดารเรอะ!


    “บางทีก็เหมือนจะชิน แต่บางทีมันก็ไม่ชินซะที” คิรัวร์ผู้กลายเป็นที่พิงแทนกอร์นทำหน้าเบื่อโลก ทว่ากอร์นกลับขำคิกคัก

    “เอาน่า ยังดีที่คุเรฮะยอมเปลี่ยนชุดตามที่บอก ชุดแบบนี้ดูสบายตัวกว่าเยอะเลย”

    ชุดสูทเสื้อกั๊กถูกพับเก็บไป ที่มาแทนคือเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวทับด้วยเสื้อโค้ทแขนพับถึงศอก ตั้งแต่กางเกงขาสั้นไปไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนนัก ยกเว้นรองเท้าบูทสั้นที่ถูกเพิ่มมา

    ไม่น่าอึดอัดและไม่เป็นทางการเท่าชุดสูท

    “แต่เปลี่ยนแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรต่าง...”

    ตาเรียวรีแบบแมวเหล่ลงต่ำ “ไอ้เราก็นึกว่าชุดสูทหนาไปเลยมองไม่ค่อยเห็นซะอีก”

    ปากคนหลับขยับออกเสียง

    “นายเองก็เหมือนกัน”


    “นึกว่ากางเกงจะหนาไปเลยมองไม่ค่อยเห็นซะอีก”


    “...”

    เด็กชายผมดำตั้งทำหน้าเหรอหราไปทางอื่น

    เรื่องนี้กอร์นจะไม่ยุ่ง เรื่องนี้กอร์นจะไม่ยุ่ง

    หลังจากโดนสวนสั้น ๆ แต่เป็นเหมือนหมัดฮุคเข้ากลางหน้าคิรัวร์ก็สงบเสงี่ยมปากตัวเองขึ้นเยอะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายอมลงให้เพราะเถียงไม่ออก หรือเพราะเห็นแก่อีกฝ่ายที่เป็นญาติฝั่งแม่กันแน่

    จนกระทั่งลงชื่อสมัครเป็นนักสู้เสร็จ ก็ยังไม่วายเนียนบ่นประปอดกระแปดอยู่ดี

    “ทั้ง ๆ ที่เธอก็ใส่คอนแทคเลนส์กลบสีตาแล้ว แต่ทำไมยังมีคนมองเยอะอยู่ฟะ —โดยเฉพาะพนักงานที่นี่เนี่ย!”


    คนแหงนหน้าหลับเอ่ยสั้น ๆ

    “หล่อ”

    “...”

    “...”

    “ไว้มีตังค์จะพาไปทำนม”


    กอร์นไอค่อกแค่กแทบไม่ทัน

    จะว่ายังไงดี คุเรฮะเหมือนจะนิ่งแต่ก็แอบกวน ส่วนคิรัวร์ โดนสวนไปยังไม่เข็ดอีกเหรอ!?

    พอกันทั้งคู่เลย!!


    ตึง!!

    เสียงของการต่อสู้บนสนามประลองดังผสมโรงไปกับเสียงโห่ร้อง ผู้คนมากมายล้อมกรอบเป็นวงกลมบนอัฒจรรย์คนดู ทั้งส่งเสียงเชียร์คู่ต่อสู้และลงพนันกันอย่างออกนอกหน้า ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาให้ที่นี่ ย่อมไม่มีอะไรผิดกฏหมายแม้แต่จะท้าตะลุมบอนกันก็ตาม

    สมาคมฮันเตอร์เองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิหารคนเถื่อนแห่งนี้เหมือนกัน

    “ไม่ได้มาซะนาน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยแฮะ” คิรัวร์ยิ้มอย่างนึกถึงความหลัง มือข้างนึงจูงคนหลับทั้งยืนให้เดินตามมาต้อย ๆ

    “เอ๊ะ คิรัวร์เคยมาที่นี่แล้วเหรอ?” กอร์นละสายตาจากเปลหามคนเจ็บมามองเพื่อนข้าง ๆ

    “อื้อ ตอนอายุหกขวบมั้ง พ่อฉันพามาทิ้งไว้ที่นี่ไม่ให้เงินสักแดง บอกว่าขึ้นไปที่ชั้น 200 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน ตอนนั้นใช้เวลาตั้งสองปีแน่ะ”

    “สองปีเลยเหรอ!?”

    “ตกใจอะไรกันเล่า ถ้าคิดจะสู้กับคนอย่างฮิโซกะ ถ้าไม่ขึ้นไปชั้นสูง ๆ ก็ไม่มีทางสำเร็จหรอกน่า”


    “หมายเลข 1973 และหมายเลข 2055 เชิญไปที่เวที E ได้เลยค่ะ”


    เสียงประกาศเสียงออกไมค์ทำให้กอร์นเจ้าของหมายเลข 2055 ผุดลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน แม้จะประหม่าไปบ้าง แต่พอคิรัวร์กระซิบเคล็ดลับให้ก็พอมีความมั่นใจขึ้นมา

    “คุเรฮะ” ดวงตาสีฟ้าครามมองเพื่อนที่วิ่งด๊อกแด๊กลงไปข้างล่างเหมือนลูกหมา แต่มือกระตุกคนข้างตัวที่หลับปุ๋ยแล้วเอนหัวมาซบไหล่เหมือนคนไหลตายสองสามที

    เจ้าของผมสีดำรวบสูงครางรับในลำคอเบา ๆ

    “เธอเคยมาที่นี่มะ?”

    อย่างที่บอก ที่นี่เป็นการฝึกการต่อสู้ชั้นดีในสายตาของใครหลายคน ขนาดซิลเวอร์ผู้เป็นพ่อยังวางใจปล่อยลูกไว้ที่นี่หัวเดียวกระเทียมลีบ บางทีคุณลุงเชสเตอร์เองก็คงไม่ต่างกัน

    ดวงตาคมปรือขึ้นมองสนามประลองตรงหน้า คอนแทคเลนส์สีดำเสริมให้นัยน์ตาข้างในดูลึกลับมากกว่าเดิม

    “...คิดว่าไม่”

    แต่แปลก... ที่สัญชาตญาณบางอย่างกลับรู้สึกคุ้นเคย กลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้ลอยฟุ้งไปทั่ว ราวกับสัตว์ที่เคยออกล่าจะจำอาณาเขตตัวเองได้แค่เพียงผ่านตา แต่ความทรงจำที่พยายามเค้นมาตลอดทางกลับไม่มีวี่แววอะไรให้เอะใจ

    เหมือนกับตอนที่อยู่กับคุณน้าคิเคียว


    ...นึกอะไรไม่ออกเลย...



    “ทั้ง ๆ ที่เธอก็ใส่คอนแทคเลนส์กลบสีตาแล้ว แต่ทำไมยังมีคนมองเยอะอยู่ฟะ —โดยเฉพาะพนักงานที่นี่เนี่ย!”


    ไม่

    ไม่ได้มองเพราะหน้าตาอย่างที่เธอแกล้งหยอกคิรัวร์ไป

    ทุกสายตาที่จ้องมามีแต่ความสงสัยผสมเคลือบแคลงใจ ประเมินจากลักษณะแล้วล้วนแต่เป็นคนที่ดูจะชาชินกับที่นี่มากกว่าพวกมือสมัครเล่น ประสบการณ์ที่สั่งสมมาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ

    โดยเฉพาะเสียงกระซิบจากหลายคนที่ลอดเข้าหูมาตลอดทางนั่น...


    “เธอคิดเหมือนกันไหม”

    “คล้ายมากเลยว่ะ”

    “ที่ดูเปลี่ยนไปเพราะโตขึ้นรึเปล่า ก็มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นา”

    “ไม่มีทางจำผิดหรอกเฟ้ย ฉันส่องนักสู้ที่นี่มาตั้งกี่ปีทำไมจะจำไม่ได้!”

    “ ---- น่ะ ใครจะไปลืมลง!!”


    กร๊อบ!

    “น...นี่เธอ”

    กรรมการตัดสินวัยกลางคนเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ดวงตาเบิกกว้างขึ้นราวกับเจอเรื่องน่าประหลาดใจ

    เด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาที่อ่านยากปัดฝุ่นออกจากเสื้อ ทิ้งร่างที่สลบเหมือดเพราะแขนถูกดัดจนหักซ้ำยังถูกทุบกล่องเสียงจนร้องไม่ออกไว้ด้านหลัง ท่าทางที่ดูสะลึมสะลือยามเดินขึ้นมาบนเวทีเปลี่ยนไปทันตาเห็น

    เสียงพึมพำจากกรรมการแทบจะเป็นเสียงกระซิบกับตัวเอง


    “อดีต...ฟลอร์มาสเตอร์”


    ดวงตาภายใต้แผ่นพลาสติกบางที่สร้างขึ้นมาเพื่อกลบสีตากะพริบปริบ ซ่อนความวาวโรจน์ไว้ใต้สีหน้าอย่างแนบเนียน สิ่งที่รับรู้ทำให้ตะกอนขุ่นในใจใต้ก้นบึ้งถูกตีวนขึ้นมา

    เธอเคยมาที่นี่ เคยก้าวเท้าขึ้นเวทีแห่งนี้ เคยสู้ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับพัน


    และทั้งหมดนั้น เธอจำไม่ได้


    “การเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ขึ้นไปที่ชั้น 180 ก็แล้วกั...”

    “แค่ชั้น 150 ก็พอ”

    “ค— ครับ”

    สองเท้าก้าวออกลงจากเวที ใบหน้าเรียบนิ่งมองตั๋วในมือที่ได้รับมา

    อาจจะผิดแผนไปหน่อยที่กอร์นกับคิรัวร์พากันนัดไปเจอที่ชั้น 50 ...แต่บางทีการขึ้นไปชั้นสูง ๆ อาจทำให้เธอสืบเรื่องอดีตฟลอร์มาสเตอร์ที่คนพูดถึงกันได้เร็วกว่า และเพราะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ชั้น 200 ขึ้นไปจะไม่มีเงินค่าต่อสู้ เลยยอมลดชั้นลงมาอีกหน่อยเพื่อเก็บทุนสำรองไว้เผื่อมีอะไรไม่คาดคิด

    “ไหนว่าจะไปชั้น 50 ไหงเธอโผล่พรวดไปชั้น 150 คนเดียวเลยฟะ!” ทันทีที่ก้าวขึ้นมาถึงที่นั่งคนดู ญาติผู้น้องก็แทบจะกระโจนเข้าเขย่าคอถาม กอร์นพยายามห้ามเสียงหลง

    “เดี๋ยวสิคิรั๊วร์—ว่าแต่คุเรฮะ เป็นอะไรไปเหรอ?”

    คิรัวร์ชะงักไปกับคำถามนั่น พอเห็นคนตัวสูงกว่าตรงหน้าเอาแต่จ้องตั๋วในมือด้วยท่าทางครุ่นคิดก็เริ่มเอะใจ

    “เฮ้ ตั๋วนั่นมันทำไม?” เขาร้องถาม ก้มมองตั๋วในมือคุเรฮะไปด้วยแต่ไม่เห็นมีอะไรแปลก

    “พอดี... มีเรื่องที่อยากสืบนิดหน่อย”

    คำตอบราบเรียบที่ได้ยินทำให้ทายาทโซลดิ๊กพอจะจับทางได้ แม้จะยังสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ในเมื่อคนตรงหน้ายังไม่พร้อมจะบอกเขาก็ยังไม่คิดจะถามไปมากกว่านี้ คงมีแต่กอร์นที่มองพวกเขาสลับกันไปมาเอ๋อ ๆ รู้สึกไม่เข้าใจอยู่คนเดียว


    คิรัวร์ยักไหล่ มือสองข้างล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง

    “ตั้งแต่ชั้น 100 ขึ้นไปจะมีห้องพักส่วนตัวให้ ขึ้นไปรอก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวพวกฉันตามไป”


    เสียงของลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนที่กับพนักงานที่อธิบายการไต่ระดับของนักสู้ไม่ได้เข้าหัวคุเรฮะนัก เด็กสาวเหลือบมองตัวเลขที่แสดงจำนวนชั้นที่เลื่อนผ่าน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

    “อดีตฟลอร์มาสเตอร์ที่ผ่านมาของที่นี่มีใครบ้าง?”

    “อะ— เอ๊ะ” พนักงานสาวสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามทำหน้านึก “ฉันเองก็จำได้ไม่หมดหรอกนะคะ พอดีฉันเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามปีเอง”

    ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีทีท่าอะไรแปลกไป ไม่ได้คุ้นหน้าเธอเหมือนคนอื่น ๆ

    ช่วงเวลาสามปีที่แล้วถูกปัดตกไป ตอนเธอมาที่นี่มันต้องนานกว่านี้อีก


    “ที่ดูเปลี่ยนไปเพราะโตขึ้นรึเปล่า ก็มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นา”


    นานกว่านี้ ...จะเป็นสี่ปีที่แล้ว หรือห้าปีที่แล้วกันล่ะ? ช่วงเวลาที่เธอถูกบันทึกว่าเป็นนักสู้ชั้นฟลอร์มาสเตอร์ทำไมถึงไม่เคยมีอยู่ในหัว ทำไม ทำไมถึงมันถึงหายไป

    ติ๊ง

    “ชั้น 150 ค่ะ”

    ประตูลิฟต์ที่เปิดออก ในขณะเดียวกันก็สัมผัสบางอย่างที่ทำให้ขนทุกเส้นบนร่างกายพากันลุกพรึ่บ เด็กสาวกระชับเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ขณะเดินออกไปข้างหน้า

    นัยน์ตาคมสองเฉดสีที่ถูกกลบไว้ค่อย ๆ หรี่ลง


    บางที…

    ถ้าเป็นหมอนั่นอาจจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย หรือไร้ประโยชน์สุดคือแค่ซนให้รำคาญใจ


    ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ทิศทาง และไร้หลักการ

    เป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองเพียงเพราะต้องการความตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้ พลิกแพลงสนามได้เสมอตามแบบฉบับเน็นสายเปลี่ยนแปลง

    - เสี่ยงเกินไป -



    ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นทั้งเป็นมือสังหารและนักธุรกิจ

    ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ



    __________C H E C K M A T E__________


    เปิดภาคลานประลองกลางหาวล๊าวว มาช้าหน่อยแต่อร่อยมาก (?)

    (ภาคสองกับคุเรฮะชุดใหม่ไงล่ะ!)

    และล่าสุด --- หมีง่วงเพิ่งเปิดแอคทวิตใหม่ ใช้สำหรับบอกความเคลื่อนไหวตัวเองคร่าว ๆ แต่หลัก ๆ คือเอาไว้เวิ่นฟิคที่แต่ง ลงรูป และเก็บพล็อตตัวเอง อาจจะมีรีวิว (?) นิยายคนอื่นที่สนใจบ้างตามอารมณ์ หรือจะมีสปอยตอนหลักตอนพิเศษอะไรถ้าใครอยากรู้ล่วงหน้าก็ไปฟอลได้ คุยได้ทวงได้ เหงา หรือจะไม่ฟอลเลยก็ตามแต่ศรัทธา

    /แค่จะเอามาอวดแค่นั้นแหล— แค่ก!

    อ้อ มีตั้งแท้กของฟิคนี้ไว้ด้วย ! #CheckmateHxH





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×