คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Chapter 17 | ลานประลองกลางเวหา
ภาคลานประลองกลางหาว
. . .
♜
Chapter 17
‘ไปเถอะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกเยอะที่ลูกต้องเรียนรู้’
ทำไม
ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้...?
ฉึก!
มีดสั้นปักคั่นรูปวาดของนักมายากรผมสามเส้นกับนินจาหัวโล้น เด็กชายสองคนก้มหน้าจ้องตาปริบ ๆ
“เห... คุเรฮะเก่งกว่าฮันโซอีกเหรอ”
กอร์นเอ่ยถามเมื่อดึงมีดขึ้นมาคืนให้ ตอนแรกที่คิรัวร์วาดเส้นความต่างชั้นของฝีมือบนพื้นดิน เขาถูกขีดไปไกลซะฉิบ ไม่นึกว่าแค่เอ่ยถามไปลอย ๆ คนที่นอนงีบอยู่บนหลังจะตื่นขึ้นมามีส่วนร่วมกลางคันด้วย
เสียงงึมงัมเอ่ยประชิดหลังคอ
“...เสียเวลาจับทางนิดหน่อยก็ซัดให้สลบได้แล้ว”
“แล้วฮิโซกะล่ะ?”
คิรัวร์เอียงตัวมามองคนงัวเงีย ญาติผู้พี่ส่ายหน้า ถูไถไปมากับแผ่นหลังกอร์นอย่างรำคาญแสงแดดกลางสนามบิน เอ่ยงึมงัม
“หมอนั่นอารมณ์แปรปรวน เล่นด้วยยาก”
ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ทิศทาง และไร้หลักการ
เป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองเพียงเพราะต้องการความตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้ พลิกแพลงสนามได้เสมอตามแบบฉบับเน็นสายเปลี่ยนแปลง
- เสี่ยงเกินไป -
“ว้าว— ทั้งสองคนเนี่ยสุดยอดไปเลยนะ!”
เสียงชื่นชมของกอร์นแทบจะปัดเป่าความคิดที่กำลังฟุ้งไปได้หมด หูของคนซุกหน้าลงบนหลังกระดิกเล็กน้อย ส่วนอีกคนท่าทางไม่ต่างจากแมวที่ขนฟูขึ้นตามอารมณ์
“อย่ามาทำเป็นพูดจริงจังเด้ อายนะเฟ้ย!”
กอร์นหัวเราะกับปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไปของสองนักฆ่า ก้าวขาเดินต่อขณะเอ่ยเสริม “ฉันน่ะวัดความต่างชั้นของตัวเองกับคู่ต่อสู้ไม่ค่อยออกหรอก”
“จะบ้าเรอะ เรื่องพรรค์นั้นฉันเองก็แค่กะ ๆ เอาเท่านั้นแหละ พอมีประสบการณ์มากขึ้น เซ้นส์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็มีมาเองนั่นแหละน่า”
ดวงตาสีฟ้าครามเหล่มองคนหลับบนหลังเพื่อนตัวเอง เจ้าตัวยังขี้เซาเหมือนเดิมแม้พวกเขาจะพาออกมาโดยไม่มีเป้าหมายแน่ชัด
ยัยนี่…
พอมีคนคอยรับเวลาชัทดาวน์ใส่ก็ไปได้หมดเลยเรอะ!
“ฮิโซกะน่ะเก่งกาจเอาเรื่องอยู่แล้ว ถ้าฝึกแบบธรรมดานายไม่มีทางชกหน้าหมอนั่นได้ภายในครึ่งปีหรอก” คนอยากชกหน้าเพื่อคืนป้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กอร์นนั่นแหละ
ก่อนจะหยุดเดินกลางทาง
“กอร์น คุเรฮะ พอมีเงินติดตัวมาบ้างป่ะ?” ไม่ใช่เพราะเขินนะเลยเปลี่ยนมาเรียกชื่อเต็มของญาติผู้พี่เหมือนเดิม เรียกเพราะชื่อคุเรฮะมันคุ้นหูมากกว่าหรอก!
“อ— อือ ก็จวนจะบ๋อแบ๋แล้วเหมือนกัน” กอร์นล้วงกระเป๋ากางเกงดู ส่วนคุเรฮะยักไหล่ทีนึงเหมือนยังไงก็ได้
“จริง ๆ แล้วมีอยู่ที่นึงยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอยู่” คิรัวร์ยิ้มมีแผนการ “แต่ก่อนอื่นเลย—”
“ไอ้คนที่นอนซ้อมตายอยู่น่ะ ไปเปลี่ยนชุดสูทเป็นไปรเวทซะ!”
กึก
ถ้วยชาชั้นดีวางลงบนผืนเสื่ออย่างแผ่วเบา
“ไม่รู้ว่าพวกที่สอบผ่านจะเป็นยังไงกันบ้างนะครับท่าน”
บีนส์ที่คอยประสานงานต่าง ๆ นั่งพับเพียบเก็บเท้าเรียบร้อย ตรงหน้าคือประธานเนเทโล่ที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นมาถือไว้ รอบด้านล้อมไปด้วยสวนสีเขียวที่ถูกตัดแต่งอย่างดี
“นั่นน่ะสิ... มีทั้งพวกที่อยากจะหาเงิน พวกที่อยากจะสร้างชื่อไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ แล้วก็พวกโบราณทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน”
“ที่สำคัญ คนที่จะผ่านการสอบฮันเตอร์ในปีนี้ได้จะมีกันสักกี่คนกันครับเนี่ย” บีนส์ยื่นถาดขนมโมจิไส้ถั่วแดงให้
“อืมมม ฉันก็ไม่อยากจะเดาเหมือนกัน ถึงตอนนั้นจะเป็นยังไง มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘ฮันเตอร์ตัวจริง’ คนนั้นจะกำหนดเอาไว้ยังไงน่ะสิ”
“ทุกปีก็เป็นอย่างนี้มาตลอดนี่ครับ แต่ปีนี้ต่างออกไปหน่อยเพราะมีคราวน์สายหลักมาสอบ ...ถึงจะมาตกเอารอบสุดท้ายก็เถอะ”
ชายแก่มองเงาที่สะท้อนในถ้วยชา “เฮ้อ พูดแล้วก็เสียดายเหมือนกันนะ ยัยหนูคราวน์นั่นเกือบจะสอบผ่านอยู่แล้วเชียว”
เจ้าเชสเตอร์เองก็เหมือนกัน
ถึงเรื่องในตระกูลจะซับซ้อนเกินคนทั่วไปก็เถอะ แต่ถ้ายังมัวอมพะนำใช้ภาษากายกับลูกคนเล็กอยู่ สักวันคงได้น้ำตาตกใน
ถ้าเหตุการณ์มันบานปลายจน ควบคุมไม่ได้ อีกน่ะนะ
“เฮ้อ...”
ชายแก่ถอนหายใจอีกครั้ง
“ครอบครัวอะไร กัดกันเองจนเป็นแผลเหวอะขนาดนี้”
♜
ลานประลองยุทธ์กลางหาว
—สิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับสี่ของโลก มีจำนวนชั้นเหนือพื้นดิน 251 ชั้น ความสูง 991 เมตร เป็นสถานที่ที่ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามยาก ๆ แค่อัดคู่ต่อสู้ให้หมอบก็พอ ยิ่งไต่ระดับขึ้นสูงสไตล์การต่อสู้ก็ยิ่งสูงตาม ค่าตอบแทนนั้นมีทั้งเงินตราและชื่อเสียงที่พร้อมดังและดับในคราวเดียวกัน
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอย่างที่คิรัวร์บอก ได้ทั้งฝึกฝีมือและเงินรางวัลเลยทีเดียว
“โอ้โห คนต่อแถวยาวเหยียดเลย!”
เด็กชายชาวเกาะตาเป็นประกายระยับหันไปหาคนด้านหลัง “ดูสิคุเรฮะ คนเพียบ—”
“ฟี้...”
เจ้าของชื่อเอนตัวไปพิงคิรัวร์ที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังอีกทีอย่างเหมาะเจาะ และเพราะตัวสูงกว่า หัวทุย ๆ ที่ควรจะพิงอกเลยยืดออกไปหงายแหมะอยู่บนหัวไหล่
ยืนเงยหน้าหลับคาไหล่
ท่าโยคะแบบใหม่ฉบับพิศดารเรอะ!
“บางทีก็เหมือนจะชิน แต่บางทีมันก็ไม่ชินซะที” คิรัวร์ผู้กลายเป็นที่พิงแทนกอร์นทำหน้าเบื่อโลก ทว่ากอร์นกลับขำคิกคัก
“เอาน่า ยังดีที่คุเรฮะยอมเปลี่ยนชุดตามที่บอก ชุดแบบนี้ดูสบายตัวกว่าเยอะเลย”
ชุดสูทเสื้อกั๊กถูกพับเก็บไป ที่มาแทนคือเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวทับด้วยเสื้อโค้ทแขนพับถึงศอก ตั้งแต่กางเกงขาสั้นไปไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนนัก ยกเว้นรองเท้าบูทสั้นที่ถูกเพิ่มมา
ไม่น่าอึดอัดและไม่เป็นทางการเท่าชุดสูท
“แต่เปลี่ยนแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรต่าง...”
ตาเรียวรีแบบแมวเหล่ลงต่ำ “ไอ้เราก็นึกว่าชุดสูทหนาไปเลยมองไม่ค่อยเห็นซะอีก”
ปากคนหลับขยับออกเสียง
“นายเองก็เหมือนกัน”
“นึกว่ากางเกงจะหนาไปเลยมองไม่ค่อยเห็นซะอีก”
“...”
เด็กชายผมดำตั้งทำหน้าเหรอหราไปทางอื่น
เรื่องนี้กอร์นจะไม่ยุ่ง เรื่องนี้กอร์นจะไม่ยุ่ง
หลังจากโดนสวนสั้น ๆ แต่เป็นเหมือนหมัดฮุคเข้ากลางหน้าคิรัวร์ก็สงบเสงี่ยมปากตัวเองขึ้นเยอะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ายอมลงให้เพราะเถียงไม่ออก หรือเพราะเห็นแก่อีกฝ่ายที่เป็นญาติฝั่งแม่กันแน่
จนกระทั่งลงชื่อสมัครเป็นนักสู้เสร็จ ก็ยังไม่วายเนียนบ่นประปอดกระแปดอยู่ดี
“ทั้ง ๆ ที่เธอก็ใส่คอนแทคเลนส์กลบสีตาแล้ว แต่ทำไมยังมีคนมองเยอะอยู่ฟะ —โดยเฉพาะพนักงานที่นี่เนี่ย!”
คนแหงนหน้าหลับเอ่ยสั้น ๆ
“หล่อ”
“...”
“...”
“ไว้มีตังค์จะพาไปทำนม”
กอร์นไอค่อกแค่กแทบไม่ทัน
จะว่ายังไงดี คุเรฮะเหมือนจะนิ่งแต่ก็แอบกวน ส่วนคิรัวร์ โดนสวนไปยังไม่เข็ดอีกเหรอ!?
พอกันทั้งคู่เลย!!
ตึง!!
เสียงของการต่อสู้บนสนามประลองดังผสมโรงไปกับเสียงโห่ร้อง ผู้คนมากมายล้อมกรอบเป็นวงกลมบนอัฒจรรย์คนดู ทั้งส่งเสียงเชียร์คู่ต่อสู้และลงพนันกันอย่างออกนอกหน้า ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาให้ที่นี่ ย่อมไม่มีอะไรผิดกฏหมายแม้แต่จะท้าตะลุมบอนกันก็ตาม
สมาคมฮันเตอร์เองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิหารคนเถื่อนแห่งนี้เหมือนกัน
“ไม่ได้มาซะนาน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยแฮะ” คิรัวร์ยิ้มอย่างนึกถึงความหลัง มือข้างนึงจูงคนหลับทั้งยืนให้เดินตามมาต้อย ๆ
“เอ๊ะ คิรัวร์เคยมาที่นี่แล้วเหรอ?” กอร์นละสายตาจากเปลหามคนเจ็บมามองเพื่อนข้าง ๆ
“อื้อ ตอนอายุหกขวบมั้ง พ่อฉันพามาทิ้งไว้ที่นี่ไม่ให้เงินสักแดง บอกว่าขึ้นไปที่ชั้น 200 ให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน ตอนนั้นใช้เวลาตั้งสองปีแน่ะ”
“สองปีเลยเหรอ!?”
“ตกใจอะไรกันเล่า ถ้าคิดจะสู้กับคนอย่างฮิโซกะ ถ้าไม่ขึ้นไปชั้นสูง ๆ ก็ไม่มีทางสำเร็จหรอกน่า”
“หมายเลข 1973 และหมายเลข 2055 เชิญไปที่เวที E ได้เลยค่ะ”
เสียงประกาศเสียงออกไมค์ทำให้กอร์นเจ้าของหมายเลข 2055 ผุดลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน แม้จะประหม่าไปบ้าง แต่พอคิรัวร์กระซิบเคล็ดลับให้ก็พอมีความมั่นใจขึ้นมา
“คุเรฮะ” ดวงตาสีฟ้าครามมองเพื่อนที่วิ่งด๊อกแด๊กลงไปข้างล่างเหมือนลูกหมา แต่มือกระตุกคนข้างตัวที่หลับปุ๋ยแล้วเอนหัวมาซบไหล่เหมือนคนไหลตายสองสามที
เจ้าของผมสีดำรวบสูงครางรับในลำคอเบา ๆ
“เธอเคยมาที่นี่มะ?”
อย่างที่บอก ที่นี่เป็นการฝึกการต่อสู้ชั้นดีในสายตาของใครหลายคน ขนาดซิลเวอร์ผู้เป็นพ่อยังวางใจปล่อยลูกไว้ที่นี่หัวเดียวกระเทียมลีบ บางทีคุณลุงเชสเตอร์เองก็คงไม่ต่างกัน
ดวงตาคมปรือขึ้นมองสนามประลองตรงหน้า คอนแทคเลนส์สีดำเสริมให้นัยน์ตาข้างในดูลึกลับมากกว่าเดิม
“...คิดว่าไม่”
แต่แปลก... ที่สัญชาตญาณบางอย่างกลับรู้สึกคุ้นเคย กลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้ลอยฟุ้งไปทั่ว ราวกับสัตว์ที่เคยออกล่าจะจำอาณาเขตตัวเองได้แค่เพียงผ่านตา แต่ความทรงจำที่พยายามเค้นมาตลอดทางกลับไม่มีวี่แววอะไรให้เอะใจ
เหมือนกับตอนที่อยู่กับคุณน้าคิเคียว
...นึกอะไรไม่ออกเลย...
♜
“ทั้ง ๆ ที่เธอก็ใส่คอนแทคเลนส์กลบสีตาแล้ว แต่ทำไมยังมีคนมองเยอะอยู่ฟะ —โดยเฉพาะพนักงานที่นี่เนี่ย!”
ไม่
ไม่ได้มองเพราะหน้าตาอย่างที่เธอแกล้งหยอกคิรัวร์ไป
ทุกสายตาที่จ้องมามีแต่ความสงสัยผสมเคลือบแคลงใจ ประเมินจากลักษณะแล้วล้วนแต่เป็นคนที่ดูจะชาชินกับที่นี่มากกว่าพวกมือสมัครเล่น ประสบการณ์ที่สั่งสมมาบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
โดยเฉพาะเสียงกระซิบจากหลายคนที่ลอดเข้าหูมาตลอดทางนั่น...
“เธอคิดเหมือนกันไหม”
“คล้ายมากเลยว่ะ”
“ที่ดูเปลี่ยนไปเพราะโตขึ้นรึเปล่า ก็มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นา”
“ไม่มีทางจำผิดหรอกเฟ้ย ฉันส่องนักสู้ที่นี่มาตั้งกี่ปีทำไมจะจำไม่ได้!”
“ ---- น่ะ ใครจะไปลืมลง!!”
กร๊อบ!
“น...นี่เธอ”
กรรมการตัดสินวัยกลางคนเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ดวงตาเบิกกว้างขึ้นราวกับเจอเรื่องน่าประหลาดใจ
เด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาที่อ่านยากปัดฝุ่นออกจากเสื้อ ทิ้งร่างที่สลบเหมือดเพราะแขนถูกดัดจนหักซ้ำยังถูกทุบกล่องเสียงจนร้องไม่ออกไว้ด้านหลัง ท่าทางที่ดูสะลึมสะลือยามเดินขึ้นมาบนเวทีเปลี่ยนไปทันตาเห็น
เสียงพึมพำจากกรรมการแทบจะเป็นเสียงกระซิบกับตัวเอง
“อดีต...ฟลอร์มาสเตอร์”
ดวงตาภายใต้แผ่นพลาสติกบางที่สร้างขึ้นมาเพื่อกลบสีตากะพริบปริบ ซ่อนความวาวโรจน์ไว้ใต้สีหน้าอย่างแนบเนียน สิ่งที่รับรู้ทำให้ตะกอนขุ่นในใจใต้ก้นบึ้งถูกตีวนขึ้นมา
เธอเคยมาที่นี่ เคยก้าวเท้าขึ้นเวทีแห่งนี้ เคยสู้ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับพัน
และทั้งหมดนั้น เธอจำไม่ได้
“การเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ ขึ้นไปที่ชั้น 180 ก็แล้วกั...”
“แค่ชั้น 150 ก็พอ”
“ค— ครับ”
สองเท้าก้าวออกลงจากเวที ใบหน้าเรียบนิ่งมองตั๋วในมือที่ได้รับมา
อาจจะผิดแผนไปหน่อยที่กอร์นกับคิรัวร์พากันนัดไปเจอที่ชั้น 50 ...แต่บางทีการขึ้นไปชั้นสูง ๆ อาจทำให้เธอสืบเรื่องอดีตฟลอร์มาสเตอร์ที่คนพูดถึงกันได้เร็วกว่า และเพราะนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่ชั้น 200 ขึ้นไปจะไม่มีเงินค่าต่อสู้ เลยยอมลดชั้นลงมาอีกหน่อยเพื่อเก็บทุนสำรองไว้เผื่อมีอะไรไม่คาดคิด
“ไหนว่าจะไปชั้น 50 ไหงเธอโผล่พรวดไปชั้น 150 คนเดียวเลยฟะ!” ทันทีที่ก้าวขึ้นมาถึงที่นั่งคนดู ญาติผู้น้องก็แทบจะกระโจนเข้าเขย่าคอถาม กอร์นพยายามห้ามเสียงหลง
“เดี๋ยวสิคิรั๊วร์—ว่าแต่คุเรฮะ เป็นอะไรไปเหรอ?”
คิรัวร์ชะงักไปกับคำถามนั่น พอเห็นคนตัวสูงกว่าตรงหน้าเอาแต่จ้องตั๋วในมือด้วยท่าทางครุ่นคิดก็เริ่มเอะใจ
“เฮ้ ตั๋วนั่นมันทำไม?” เขาร้องถาม ก้มมองตั๋วในมือคุเรฮะไปด้วยแต่ไม่เห็นมีอะไรแปลก
“พอดี... มีเรื่องที่อยากสืบนิดหน่อย”
คำตอบราบเรียบที่ได้ยินทำให้ทายาทโซลดิ๊กพอจะจับทางได้ แม้จะยังสงสัยว่าเรื่องอะไร แต่ในเมื่อคนตรงหน้ายังไม่พร้อมจะบอกเขาก็ยังไม่คิดจะถามไปมากกว่านี้ คงมีแต่กอร์นที่มองพวกเขาสลับกันไปมาเอ๋อ ๆ รู้สึกไม่เข้าใจอยู่คนเดียว
คิรัวร์ยักไหล่ มือสองข้างล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง
“ตั้งแต่ชั้น 100 ขึ้นไปจะมีห้องพักส่วนตัวให้ ขึ้นไปรอก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวพวกฉันตามไป”
เสียงของลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนที่กับพนักงานที่อธิบายการไต่ระดับของนักสู้ไม่ได้เข้าหัวคุเรฮะนัก เด็กสาวเหลือบมองตัวเลขที่แสดงจำนวนชั้นที่เลื่อนผ่าน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
“อดีตฟลอร์มาสเตอร์ที่ผ่านมาของที่นี่มีใครบ้าง?”
“อะ— เอ๊ะ” พนักงานสาวสะดุดไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามทำหน้านึก “ฉันเองก็จำได้ไม่หมดหรอกนะคะ พอดีฉันเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามปีเอง”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีทีท่าอะไรแปลกไป ไม่ได้คุ้นหน้าเธอเหมือนคนอื่น ๆ
ช่วงเวลาสามปีที่แล้วถูกปัดตกไป ตอนเธอมาที่นี่มันต้องนานกว่านี้อีก
“ที่ดูเปลี่ยนไปเพราะโตขึ้นรึเปล่า ก็มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนี่นา”
นานกว่านี้ ...จะเป็นสี่ปีที่แล้ว หรือห้าปีที่แล้วกันล่ะ? ช่วงเวลาที่เธอถูกบันทึกว่าเป็นนักสู้ชั้นฟลอร์มาสเตอร์ทำไมถึงไม่เคยมีอยู่ในหัว ทำไม ทำไมถึงมันถึงหายไป
ติ๊ง
“ชั้น 150 ค่ะ”
ประตูลิฟต์ที่เปิดออก ในขณะเดียวกันก็สัมผัสบางอย่างที่ทำให้ขนทุกเส้นบนร่างกายพากันลุกพรึ่บ เด็กสาวกระชับเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ขณะเดินออกไปข้างหน้า
นัยน์ตาคมสองเฉดสีที่ถูกกลบไว้ค่อย ๆ หรี่ลง
บางที…
ถ้าเป็นหมอนั่นอาจจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย หรือไร้ประโยชน์สุดคือแค่ซนให้รำคาญใจ
ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ทิศทาง และไร้หลักการ
เป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองเพียงเพราะต้องการความตื่นเต้นระหว่างการต่อสู้ พลิกแพลงสนามได้เสมอตามแบบฉบับเน็นสายเปลี่ยนแปลง
- เสี่ยงเกินไป -
ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอเป็นทั้งเป็นมือสังหารและนักธุรกิจ
ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ
__________C H E C K M A T E__________
เปิดภาคลานประลองกลางหาวล๊าวว มาช้าหน่อยแต่อร่อยมาก (?)
(ภาคสองกับคุเรฮะชุดใหม่ไงล่ะ!)
และล่าสุด --- หมีง่วงเพิ่งเปิดแอคทวิตใหม่ ใช้สำหรับบอกความเคลื่อนไหวตัวเองคร่าว ๆ แต่หลัก ๆ คือเอาไว้เวิ่นฟิคที่แต่ง ลงรูป และเก็บพล็อตตัวเอง อาจจะมีรีวิว (?) นิยายคนอื่นที่สนใจบ้างตามอารมณ์ หรือจะมีสปอยตอนหลักตอนพิเศษอะไรถ้าใครอยากรู้ล่วงหน้าก็ไปฟอลได้ คุยได้ทวงได้ เหงา หรือจะไม่ฟอลเลยก็ตามแต่ศรัทธา
/แค่จะเอามาอวดแค่นั้นแหล— แค่ก!
อ้อ มีตั้งแท้กของฟิคนี้ไว้ด้วย ! #CheckmateHxH
ความคิดเห็น