ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #38 : Chapter 29 | สู่ยอร์คชิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.98K
      397
      13 เม.ย. 63


    Chapter 29



    “ปัดโธ่โว้ย อะไรกันวะ!?”

    เสียงตะโกนลั่นดังมาจากชั้นใต้ดินภายใต้พื้นที่ของภูเขาคูคูลู เมฆครึ้มลอยวนเวียนอยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟสูงไม่ต่างจากอารมณ์ของมิรุคิ โซลดิ๊ก ในตอนนี้เลยสักนิด

    ตึง!

    “ก็ฉันแกะโค้ดโปรแกรมมันได้หมดแล้วนี่นา! แต่ทำไมมันถึงไม่มีอีเว้นท์อะไรตอบสนองเลยสักอย่างเดียว!!”

    กำปั้นหนัก ๆ ทุบลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย ชายร่างท้วมถลึงตาใส่จอคอมพิวเตอร์สี่ห้าเครื่องของตัวเองที่แสดงเนื้อหาเดียวกัน “ทั้งตัวละคร ทั้งฉาก ฉันก็แกะออกหมดแล้วนี่หว่า ฉันทำทุกอย่างถูกต้องแล้วนี่!”

    เขาหันไปคว้าขนมถุงโตขึ้นมาแกะ ล้วงลงไปหยิบขนมกรุบกรอบหนึ่งกำมือยัดเข้าปาก

    ‘หรือว่าเจ้าคิรัวร์มันหลอกเรา!? ไม่หรอกน่ะ! หมอนั่นไม่ได้มีความรู้ด้านนี้พอจะทำของปลอม แล้วก็ไม่ได้งี่เง่าขนาดจะกล้าเบี้ยวเวลาเจรจาธุรกิจกับเราด้วย!’

    ในหัวของมิรุคิเต็มไปด้วยคำสบถและคำถามที่แก้ไม่ตกยาวเหยียดเป็นหางว่าว มือล้วงจับขนมใส่ปากไม่คิดหยุดพัก

    หากไม่ใช่คิรัวร์ที่ติดต่อมาแล้วบอกว่ามีรอมการ์ดสำรองของเกมกรีดไอร์แลนด์ที่ตัวเขาตอนเด็กอยากจะได้ขึ้นมาละก็ — เขาคงไม่ตะบี้ตะบันหาข้อมูลมาเคลียร์เกมที่ว่าขนาดนี้ โดยเจ้าคิรัวร์ได้ข้อมูลเฉพาะของเว็บไซต์ฮันเตอร์ไป ส่วนเขาได้รอมการ์ดสำรองของเกมกรีดไอร์แลนด์มา

    ใบหน้าอวบกัดฟันแน่น ขนมห่อสุดท้ายในมือหมดเกลี้ยงแล้ว

    ในตอนนั้นเอง --- ลูกชายคนรองของตระกูลโซลดิ๊กตัดสินใจผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ตัวโปรด สองขาป้อมวิ่งออกจากห้องส่วนตัวมุ่งไปตามเส้นทางในชั้นใต้ดินของบ้านอย่างรวดเร็วจนหน้าท้องกระเพื่อมเป็นชั้น ๆ

    ยังไงเขาก็ต้องกระชากความลับของเกมนี้ออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ตาม!

    ติ๊ด

    “ชิ ยอดเงินคงเหลืออยู่หนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยล้านเรอะ...”

    ตากลมสีดำมองข้อความบนจอโทรศัพท์ระหว่างที่กำลังวิ่ง ...ถ้าจะประมูลเกมหายากแบบนี้มาให้ได้ก็ต้องเตรียมเงินไว้เป็นเท่าตัวล่ะนะ

    นิ้วอ้วนกดเบอร์โทรที่จำได้แม่นเวลาจะขออะไรก็ตามลงไป กดโทรออก แล้วยกขึ้นมาจ่อหู


    “พ่อ ขอเจรจาหน่อย ยืมเงินสักหมื่นห้าพันล้านแล้วจะฆ่าคนให้ 15 คน”


    แว่วเสียงตอบตกลงดังมาจากปลายสาย มิรุคิยิ้มเยาะ จัดการเก็บของมาเท่าที่จำเป็นแล้วบึ่งไปขึ้นบอลลูนส่วนตัวของโซลดิ๊กอย่างไม่รอช้า

    ฟิ้ว

    วิวนอกกระจกเป็นท้องฟ้าและก้อนเมฆลอยผ่านไปมา บอลลูนมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุดของสาธารณรัฐฯ ปาโดเกีย -- เมื่อหลายอย่างเริ่มคงที่ ร่างท้วมของมิรุคิก็เอนพิงเก้าอี้นุ่มอย่างเกียจคร้าน

    เขาเลื่อนสายตาไปมองวิวด้านนอก

    “เฮ้อ ออกไปข้างนอกครั้งล่าสุดตอน 10 ขวบได้มั้ง...”


    คงเป็นเพราะวันนั้นสินะถ้าจำไม่ผิด

    ...วันที่พ่อกับแม่พาทุกคนไปเยี่ยมญาติที่คราวน์



    อีกด้านหนึ่ง

    “พ—พี่เซ็นโคคุ ผมไม่ไปด้วยไม่ได้จริง ๆ เรอะ”

    ชายหนุ่มเจ้าของผมยาวสีน้ำเงินแซมแดงเหลียวหลังมอง ‘น้องสาม’ ที่พ่อสั่งให้ไปตามมาทำงานด้วยกันเอาแต่ซุกใบหน้าครึ่งล่างลงกับปกเสื้อวอร์มสีขาวดำ ดวงตาสีแดงเสี้ยวกลับกลอกไปมาใต้ผมหน้าม้ายาวตามประสาคนไม่มั่นใจกับอะไรทั้งนั้น

    เซ็นโคคุส่ายหน้าเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้

    “อ๊ะ!”

    เจ้าของผมสีเทายาวประบ่าสะดุ้งโหยง ฝ่ามืออุ่นของพี่ชายคนโตยื่นมาตบไหล่สองสามที ก่อนจะดันให้เดินไปด้วยกัน

    “แค่ไปช่วยพี่ทำงานเอง ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้”

    ลูกชายคนรองที่เกิดจากนายหญิงที่สอง


    ซีริล


    “แต่ผม... ผม—ต้องอยู่กินของว่างตอนบ่ายเป็นเพื่อนแม่นะ”

    “เรื่องแม่รองเดี๋ยวพ่อเขาจัดการให้อยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไป”

    “แต่... แต่..”

    คนผมยาวรวบต่ำหันมามอง แววตาแฝงความขบขันไว้เล็กน้อย สำหรับซีริล พี่ชายคนโตคนนี้เป็นคนเดียวที่มีแววตาเป็นมิตรและอ่อนโยนสุดในหมู่พี่น้องพ่อเดียวกันแล้ว

    ถึงฟีโอนิกซ์ผมปลายแดงจะยิ้มร่าเริงเก่งที่สุด แต่รายนั้นบางทีรอยยิ้มก็แผ่ไปไม่ถึงดวงตาสักเท่าไหร่เลย

    คุณพี่ชายดันหลังน้องให้เดินมาถึงประตูเรือเหาะส่วนตัวจนได้ “ว่าไงครับ”

    “แต่—ยัยเด็กนั่นก็อยู่ข้างนอกด้วยนะครับ!!”

    ‘ยัยเด็กนั่น’ ที่ว่าก็คงไม่พ้นคุเรฮะนั่นแหละ

    “อ้อ” เซ็นโคคุลากเสียงยาว

    เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด อาการกลัวน้องสาวคนเล็กที่อายุห่างกันถึง 5 ปียังคงไม่หายไปไหน แถมนั่นยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ซีริลแทบไม่อยากออกมานอกเขตของตัวเองถ้าไม่จำเป็น วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับนายหญิงที่สองผู้เป็นแม่จนเซ็นจิที่เป็นน้องเขาตั้งฉายาให้ว่าลูกแหง่ติดแม่เลยทีเดียว

    ยิ่งถ้าได้ยินว่าออกมาจากเขตแล้วมีโอกาสเจอกับคุเรฮะซึ่ง ๆ หน้าจะรีบพุ่งเข้าไปปิดประตูลงกลอนในห้องเลยล่ะ

    ความหลังคงฝังใจน่าดู


    “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก คุเรฮะเองก็ไปอยู่กับเพื่อนเขา น่าจะไปเที่ยวกัน ส่วนเราก็กำลังจะไปทำงานคุ้มกันให้ลูกค้ามาเฟียไง”

    “ถ้าผมเจอยัยนั่นพี่ต้องช่วยผมนะ”

    “พี่ก็ต้องช่วยอยู่แล้วสิ”

    เขาหัวเราะเอ็นดู


    ความสัมพันธ์ซับซ้อนบางครั้งก็ขีดเส้นแบ่งให้แต่ละคนชัดเจน แต่หลังจากที่พ่อยอมให้คุเรฮะออกไปข้างนอก บางอย่างในใจก็รู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

    พร้อมกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะมา



    ในช่วงเวลาเดือนกว่าที่ไปพักอาศัยอยู่บนเกาะปลาวาฬ บางอย่างเปลี่ยนไปแต่บางอย่างไม่

    รองเท้าบูทสั้นเหยียบลงบนขอบตึกสูง ผมสีดำที่ยาวขึ้นถูกรวบเป็นหางม้าสั้น ๆ ชุดสีทึบกะทัดรัดทับด้วยเสื้อฮู้ดหลวม ๆ ปลิวไปตามลม

    กอร์นกับคิรัวร์แยกตัวไปหาข้อมูลและแนวทางในการหาเงินเพิ่มเพื่อซื้อเกมในงานประมูล โดยเธอส่งเงาคนนึงไปคอยสอดส่องดูแลเจ้าสองหมาแมวนั่นอยู่ห่าง ๆ หากมีอะไรแปลกไปให้รีบแจ้งเธอโดยทันที

    ดวงตาคมกริบละสายตาจากจอโทรศัพท์ในมือ หน้าจอแสดงรูปภาพที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว เป็นรูปกอร์นกับคิรัวร์ยิ้มกวน ๆ ให้จากในร้านคอมสาธารณะ

    ทั้งคู่ยกมือขึ้นมาชูสองนิ้ว สิ่งที่เพิ่มมาคือตราประทับรูปงูสีดำตัวเล็กที่เกี่ยวพันข้อมือของทั้งคู่ไม่ต่างจากสร้อยข้อมือทั่วไป เว้นแต่ว่ามันแนบเนื้อไม่ต่างจากรอบสัก

    มันคือสื่อกลางที่สร้างขึ้นจากเน็น

    ต่อให้เธออยู่ไกลแค่ไหน แต่ถ้ามีสื่อกลางติดอยู่ที่ส่วนใดส่วนนึงของร่างกายหรือสถานที่ เธอก็สามารถเทเลพอร์ตไปหาได้ไม่ยาก

    ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์พยักหน้า เงาหลายคนด้านหลังก้มหัวให้ก่อนจะหายตัวแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนต่อเมื่อผู้เป็นนายให้สัญญาณ

    เหลือไว้เพียงเด็กสาวที่เพิ่งได้รับข้อมูลบางอย่างจากเงา— หลังจากก้าวเท้าลงจากเรือโดยสารมาสู่ตัวเมืองยอร์คชินได้ไม่นาน

    คุเรฮะมองวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ด้วยสายตาอ่านยาก


    “คราวนี้เปลี่ยนลุคเป็นหนุ่มน้อยซะแล้วเหรอ ♥️”


    เธอเลื่อนไปมองเจ้าของเสียงด้วยหางตา คนคุ้นหน้าคุ้นตายืนกอดอกพิงประตูทางเข้าเรือเหาะอยู่ด้านหลัง ฮิโซกะยิ้มหยีจนดวงตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

    ผมสีฮอตพิ้งค์ที่เคยเสยขึ้นถูกจัดทรงลงมาปรกหน้า ชุดตัวตลกเปลี่ยนเป็นชุดสูทสีเลือดหมู ใบหน้าหล่อเหลาไร้หยดน้ำกับดวงดาวเหมือนทุกที

    คุเรฮะหรี่ตา ทำเป็นเอนตัวหนีไปฝั่งตรงข้ามอย่างเหลอหลา

    “แล้วนั่นลุคอะไรของนาย คุณชายเจ้าสำอาง?” ท้ายประโยคเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง

    ต่างคนต่างเอ่ยสิ่งที่ไม่ใช่คำถามออกมาอย่างรู้ ๆ กันอยู่ คนตัวโตเป็นฝ่ายหลุดหัวเราะก่อน เขาโค้งตัวให้ ผายมือเชื้อเชิญขึ้นประตูเรือเหาะพร้อมขยิบตาหยอก

    “งั้นคุณชายอย่างผมก็ขอเชิญหนุ่มน้อยตรงนั้นมาคุยเล่นด้านในหน่อยก็แล้วกันครับ”

    “...”


    กริ๊ง


    กระดิ่งสีเหลืองทองถูกสั่นเบา ๆ ตามด้วยแก้วน้ำอัดลมที่วางลงบนโต๊ะที่ทำจากแก้วชั้นดี คนสองคนนั่งอยู่บนเบาะนุ่มติดกระจกใส ด้านนอกเป็นวิวตอนกลางคืนที่เรือเหาะลอยขึ้นเหนือกลุ่มเมฆ

    เด็กสาวผมสั้นสีดำขลับนั่งไขว่ห้าง ดวงตามองไกลออกไป

    มือหนาสีขาวซีดหยิบแก้วใสที่มีน้ำสีอำพันสวยข้างในขึ้นมาถือ เขย่าเบา ๆ ให้น้ำแข็งเข้ากัน

    “จนถึงตอนนี้ก็ยังสืบเรื่องอดีตฟลอร์มาสเตอร์ได้ไม่ครบหรือยังไงเอ่ย?”

    เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามพลางยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นจิบ ดวงตาสีผสมสะท้อนแสงจันทร์สวยนิ่งเรียบ ไม่หันกลับมาสบตา มองวิวข้างนอกอยู่อย่างนั้น

    “รู้เพิ่มมาหลายอย่าง แต่ก็ยังไม่หายข้องใจเท่าไหร่”

    “งั้นเหรอ งั้นเหรอ♦️”

    เงาบางส่วนแบ่งกลุ่มไปย้อนสืบเรื่องฟลอร์มาสเตอร์ ข้อมูลที่ได้รับบ่งบอกว่าว่าเธอเคยมาที่ลานประลองกลางหาวจริง ๆ และสู้ชนะจนเลื่อนลำดับขึ้นมาเป็นฟลอร์มาสเตอร์ลำดับสุดท้าย เป็นนักสู้ที่อายุน้อยที่สุด และช่วงเวลานั้นคือ—


    เมื่อ 9 ปีที่แล้ว


    ในช่วงเวลานั้นเธอมีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น

    เด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบกับตำแหน่งฟลอร์มาสเตอร์ที่เด็กที่สุด -- คิ้วขมวดเข้าหากันอีกครั้ง

    คุเรฮะได้แต่รู้สึกขัดแย้งในใจ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นถึงตัวเก็งผู้สืบทอดของตระกูล ฝีมือหลายด้านถูกขัดเกลาจนประสาทสัมผัสเฉียบคม แต่เธอก็ยังคิดว่าตัวเองที่เด็กขนาดนั้นไม่น่าจะมีฝีมือไปถึงฟลอร์มาสเตอร์ได้

    เด็กตัวแค่นั้นยังไงก็อ่อนประสบการณ์เกินไป แรงน้อยเกินไป การจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อายุมากกว่าตัวเองเป็นเท่าตัวในวิหารคนเถื่อนแบบนั้นมันมีโอกาสน้อยถึงน้อยมาก

    เว้นเสียแต่…

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวหรี่ลง -- อาจจะมีคนคอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ และคงเป็นคนที่มีประสบการณ์คอยชี้แนะแนวทางต่าง ๆ ให้ในระหว่างนั้น


    ข้อสมมติฐานนี้อาจเป็นไปได้


    “นี่ นี่! สลีปปี้!”

    เสียงเรียกจากฝั่งตรงข้ามทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด ตัวตลกในชุดสูทโบกไม้โบกมือเรียก

    เธอเลิกคิ้วเป็นคำถาม

    “นั่นน่ะ เปลี่ยนไปใส่ที่คอแล้วเหรอ” ฮิโซกะทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม มือที่ถือแก้วชี้ตรงมา “ดูดีนี่ ♣️”

    บาร์เทนเดอร์ที่ถูกจ้างมาโดยเฉพาะตรงเข้ามารินเครื่องดื่มให้กับคุณผู้ชายตามหน้าที่ ร่างสูงเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายใจเฉิบ เขายกแก้วขึ้นดื่มทีเดียวน้ำสีอำพันในแก้วก็หมดลง ลิ้นเลียน้ำที่ติดอยู่ตรงมุมปากช้า ๆ

    “อา...”

    นิ้วเล็กที่สวมถุงมือหนังแตะลงบนสายรัดที่ถูกให้มาเล็กน้อย เธอยักไหล่ให้ราวกับไม่ใส่ใจมันนัก แล้วยกแก้วน้ำอัดลมของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง

    เสมือนเป็นช่วงเวลาพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง

    เจ้างูน้อยเริ่มมีเค้าโครงความเติบใหญ่ ทั้งร่างกายและคำพูดบางอย่างเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง—

    นัยน์ตาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

    ช่วงแรกที่พบกันมันเรียบนิ่งกว่านี้ ใสกระจ่างกว่านี้ ว่างเปล่ากว่านี้ เด็กคนนี้แทบไม่คิดอะไรเลยด้วยซ้ำไป แต่ทว่าปัจจุบันมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

    “คราวน์ได้สอนให้สลีปปี้กินอะไรแบบนี้บ้างไหมนะ~?”

    ปากทำเป็นพูดจ้อไปเรื่อย ส่วนมือเลื่อนแก้วแอลกอฮอล์สีอำพันของตัวเองยื่นไปให้ เหมือนเป็นแค่การชวนคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ แก้เซ็งระหว่างทางเท่านั้น

    คุเรฮะปรายตามอง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจรดริมฝีปากอย่างลื่นไหล เป็นคำตอบโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ฮิโซกะหัวเราะในลำคออย่างรู้อยู่แล้ว

    เขายกแก้วน้ำอัดลมของเด็กน้อยขึ้นมาแนบที่ริมฝีปากบ้าง ดวงตาเรียวเจ้าเล่ห์มองเด็กน้อยผ่านขอบแก้วใส

    —ดวงตาคู่นั้นล้ำลึกขึ้น ซับซ้อนขึ้น เยือกเย็นขึ้น ราวกับภายในเวลาเดือนเดียวมีบางอย่างไปกระตุ้นให้หลายอย่างจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง


    แต่บางอย่างยังคงเดิม


    โจ๊กเกอร์หนุ่มหลุดหัวเราะเมื่อจ้องไปยังสายรัดบนลำคอน้อย ๆ ตรงหน้า ตอนที่ให้ไปท่าทางดูเซ็งจิตมาก หากเจ้าตัวจะรู้ไหมว่าของอย่างนี้มันปลดออกมาแล้วโยนใส่กระเป๋าแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ก็ได้

    แต่เด็กน้อยกลับเอาติดตัวไปได้ทุกที -- เหมือนเด็กเล็กที่ผู้ใหญ่แปลกหน้าสั่งให้ทำอะไรก็เชื่อฟังซะงั้น

    และเขาก็พอใจกับภาพที่เห็นซะด้วย



    “ฮ้า~”

    ชายหนุ่มที่แต่งตัวเหมือนซามูไรหลงยุคยืดแขนบิดขี้เกียจ ข้างกันเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่มีแขนสองข้างไม่ต่างกับเครื่องจักร ข้างหน้าเป็นร่างของมาจิกับเฟย์ตันที่กำลังเดินนำ รอบด้านเป็นทะเลทรายที่มีถนนสายเดียวมุ่งตรงไปยังตัวเมืองยอร์คชิน

    รถยนต์สีดำหลายคันขับผ่านถนนเส้นนั้นไป

    ฝุ่นทะเลทรายปลิวว่อนแต่ไม่ระคายผิวกลุ่มคนที่กำลังเดินอยู่แค่อย่างใด

    “กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้มารวมหัวกันครบ 13 คนแบบนี้” โนบุนากะ เจ้าของดาบซามูไรยาวลูบคางคิด

    “สามปีกับอีกสองเดือน จะว่าไปแล้วพวกเราหน้าไม่เหมือนเก่าสองคนนะ” เฟย์ตันซุกหน้าครึ่งล่างลงบนคอเสื้อหนังอันใหญ่ “เบอร์ 4 กับเบอร์ 8 เป็นคนละคน”

    “มาจิ” แฟรงคลิน ชายเจ้าของแขนอันมหึมาผิดมนุษย์หันไปหาหญิงสาวตาคมในกลุ่ม “เจ้าเบอร์ 4 นั่น วันนี้มันมาแน่ใช่ไหม?”

    “ฉันไม่รู้ อย่ามาถาม”

    “นั่นมันหน้าที่หล่อนไม่ใช่เรอะ”

    “ฉันแค่บอกให้มา แค่นั้นแหละ” เธอเท้าเอวระหว่างเดินไปไม่หยุด “แต่ฉันว่ามา เพราะหัวหน้าบอกให้หมอนั่นพาคุเรฮะติดมาด้วย”

    เฟย์ตันทำหน้าหน่ายใจ บ่นอุบอิบ “ฉันเกลียดเจ้านั่น ทำไมหัวหน้าถึงยอมตามใจมันนักนะ” ไอ้เรื่องไปรับยัยเด็กหน้าตายนั่น ให้เขากับฟิงค์ไปรับมาแทนก็ได้ไม่ใช่รึไง

    “เพราะมันรู้จักกับยัยเปี๊ยกด้วยล่ะมั้ง” พูดถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้ ชายผมซามูไรหันไปถามมาจิหน้ายิ้มแป้น “เธอเจอกับยัยเด็กนั่นแล้วใช่มะ? เป็นไงมั่ง โตมาแล้วหายหน้ามึนรึยัง!”

    เป็นเฟย์ตันที่ตอบแทน

    “ยัยเด็กนั่นถูกผนึกความทรงจำ จำพวกเราไม่ได้สักคน”

    “...อะไรนะ?”

    “เกิดอะไรขึ้น?” แฟรงคลินขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน

    มาจิทำหน้าไม่มั่นใจ ลางสังหรณ์ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้มันดูไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด


    “หัวหน้าบอกว่าถ้าไปรวมตัวกันครบแล้วคุเรฮะยังมาไม่ถึงจะเล่าให้ฟัง”



    “ไอ้เจ้าฮิโซกะ มาช้าขนาดนี้ เจอกันคราวหน้าฉันจะเป่าหัวมันให้เป็นชิ้น ๆ เลย!”

    อุโบกิน ชายร่างกำยำราวกับราชสีห์คำรามในลำคออย่างหงุดหงิด หัวหน้าบอกวันนัดชัดเจนแต่ไม่ได้นัดเวลามาด้วยก็จริง แต่ตอนนี้แมงมุมทุกคนยกเว้นมันมากันครบหมดแล้ว จนกลางวันเป็นกลางคืนมันก็ยังไม่โผล่หัวมา!

    “ตายจริง...ตายจริง พูดอะไรน่ากลัวจังเลย น่ากลั๊วน่ากลัว♥️”

    “ฮิโซกะ! หนอยแก—”

    บ่นปุ๊บมาปั๊บ น่าตบกะโหลกยุบจริง ๆ!

    อุโบกินผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงน่าหมั่นไส้ดังออกมาจากความมืดไม่ไกล กัดฟันโมโหเมื่อเจ้าคนมาสายประจำกลุ่มโผล่หัวออกมาซะที แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นดวงไฟสีแดงแซมทองสองดวงจ้องกลับมา

    ท่ามกลางตึกร้างที่มีเพียงแสงไฟจากเทียนและแสงจันทร์ด้านบนเป็นแสงสว่าง --- เจ้าของดวงตาสีแดงเสี้ยวที่สว่างตัดกับความมืดก้าวเท้าออกมา แสงจันทร์ตกกระทบเสี้ยวใบหน้าบางส่วน ข้างกันเป็นนักมายากรยิ้มหน้าแป้นไม่สำนึกเรื่องที่ตนเองมาสายเลยสักนิด

    “คุเรฮะ...งั้นเรอะ?”

    เป็นโนบุนากะที่ร้องถาม ภาพของเด็กสาวตรงหน้าซ้อนทับกับเจ้าตัวเล็กในอดีตที่เลือนราง เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้น ไม่คุ้นหน้ากับสมาชิกแมงมุมที่เพิ่มขึ้นมา

    “...ใคร?”

    ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ คุเรฮะกะพริบตา บรรยากาศที่นี่ดูแปลกไปผิดกับทุกที สายตาของใครหลายคนนั้นจ้องเธอมาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย บางคนก็เฉยเมย แต่เธอสังเกตได้ว่ามาจิยกมือเช็ดจมูกเงียบ ๆ ขอบตาแดงรื้นชัดเจน

    ไม่สิ พูดให้ถูกคือในที่มืด ๆ แห่งนี้เธอสังเกตเห็นได้คนเดียวต่างหาก


    เพราะดวงตาที่มองผ่านความมืดได้กับตระกูลคราวน์น่ะเป็นของคู่กัน -- แน่นอนว่าความสามารถพิเศษนี้จำกัดแค่ดวงตาสีผสมเท่านั้น


    “ผมยาวขึ้นจนรวบได้แล้วนี่คุเรฮะ”

    เป็นคุโรโร่ที่เอ่ยขัดบรรยากาศแปลกประหลาดนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ชายผู้เสยผมเผยรอยสักกางเขนหัวกลับกับชุดหนังประจำตัวปิดหนังสือในมือ แล้วลุกขึ้นยืนจากบนจุดสูงสุดที่มองเห็นสมาชิกได้หมดทุกคน

    “เข้ามาสิ เรากำลังจะประชุมกัน”

    ราวกับนั่นเป็นคำจุดชนวน แมงมุมทุกคนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อุโบกินแผดเสียงดังอย่างตื่นเต้น รวมถึงทุกคนที่เปลี่ยนจุดรวมสายตาจากคุเรฮะไปเป็นหัวหน้าของตนด้านบน


    “หัวหน้า! คราวนี้จะให้เราขโมยอะไรดีล่ะ!?”

    “เราจะชิงสมบัติจากงานประมูลใต้ดิน”

    “ชิงสมบัติอะไรกันนะ?” ชาร์แน็คร้องถาม

    “ไม่คัมภีร์โบราณก็หนังสือหายากล่ะมั้ง หัวหน้าชอบอ่านหนังสือนี่...” มาจิเดาไปเรื่อย

    เฟย์ตันเอ่ยบ้าง “ไม่ใช่หรอก เป็นเกมต่างหาก มีเกมที่แพงที่สุดในโลกอยู่ในงานด้วย”

    “ปกติมันต้องเป็นสมบัติที่ทำจากเงินหรือทองไม่ใช่รึไง” โนบุนากะเอ่ยแย้ง


    “ทั้งหมดนั่นแหละ”


    ทุกคนเงยหน้าขึ้น อุโบกินร้องถามคนแรก “เอาจริงเรอะหัวหน้า การค้าใต้ดินน่ะมีพวกแก๊งมาเฟียทั่วโลกคุ้มกันอยู่นา ถ้าเราลงมือเท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกอิทธิพลทั้งโลกเชียวนะ!”

    แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่มีคราวน์ ตระกูลใหญ่ของเธอเน้นทำธุรกิจซื้อขายกันมากกว่า น้อยครั้งจะมีส่วนร่วมกับงานประมูลนี่ว่ามาด้วย

    คุเรฮะกอดอก เอนตัวพิงกำแพงโทรม ๆ ด้านหลัง มองทุกอย่างด้วยสายตาอ่านยาก

    คุโรโร่แสยะยิ้ม

    นั่นเป็นรอยยิ้มที่เด็กสาวเห็นเป็นครั้งแรก


    รอยยิ้มของการท้าทาย


    “กลัวรึไง?”

    “ดีใจต่างหากเล่า! สั่งมาเลยหัวหน้า สั่งมาเลย!!” จอมพลังประจำกลุ่มเผยสีหน้าตื่นเต้นจนกัดฟันแน่นออกมา และแม้ทุกคนจะไม่เอ่ยปาก แต่จุดประสงค์ก็คงตรงไปในทิศทางเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย

    “ฉันอนุญาต ฆ่าได้”

    ใครขวางฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือ


    “ฮ่าห์—!!”



    “เราได้ข่าวมาว่ามีคนจะบุกงานประมูลใต้ดิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะพลิกแพลงตามสถานการณ์ เคลื่อนไหวตามจุดประสงค์หลักคือ ‘เอาของประมูลมาให้ได้’ !”

    เจ้าของผมสีทองสั้นกำมัดแน่น ดวงตาที่สวมคอนแทคเลนส์สีดำมองของประมูลที่นายจ้างต้องการครอบครองบนจอโปรเจคเตอร์ด้วยความเคียดแค้นและสะอิดสะเอียน

    เขาแฝงตัวเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดให้กับ เนออน เด็กสาวผู้มีเน็นสายพิเศษในการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของแก๊งมาเฟียนอสทราดได้แล้ว ที่ต้องทำต่อไปคือทำให้นายจ้างไว้ใจเขามากที่สุด! ไว้ใจจนบอกความลับและทุก ๆ อย่างให้เขารู้!


    ดวงตาของคุราปิก้าวาวโรจน์

    เนตรสีเพลิงในงานประมูล...เขาจะต้องคว้ามันมาให้ได้!!



    กริ๊ก

    อาวุธที่ถูกซ่อนไว้ในเสื้อสูทเตรียมพร้อม เซ็นโคคุและซีริลที่เสยผมปรกหน้าขึ้นพยักหน้าให้กัน เป็นสัญญาณว่าพร้อมทำงานที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นหัวหน้าตระกูล

    สองชายหนุ่มตระกูลคราวน์ก้าวเท้าลงจากรถ เดินด้วยฝีเท้าที่เบาจนไม่มีเสียงเล็ดลอดเข้าไปหาคนคุ้มกันของนายจ้างด้วยใบหน้าสุขุม แม้แต่ซีริลเองก็เก็บอารมณ์ส่วนตัวไว้ในส่วนลึกไม่คิดเอามาปนกับงานเช่นกัน

    เอกสารและของที่ใช้ในการแสดงตัวถูกยื่นออกไป


    “พวกเราคือคราวน์ ก่อนอื่นเลย ขอทราบตารางการประมูลของนายจ้างด้วยครับ”



    “ฉันนึกวิธีเจ๋ง ๆ ที่จะหาเงินเป็นตั้ง ๆ ได้แล้ว!”

    “เอ๋—”

    ในห้องพักของโรงแรมราคาประหยัด เลโอลีโอที่ตามมาเจอกอร์นและคิรัวร์ในตลาดกลางเมืองร้องเสียงดังอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เด็กชายสองคนมองหน้ากัน

    ว่าที่แพทย์ยกนิ้วโป้งให้

    “ลงมือกันเถอะคิรัวร์! กอร์น! แป๊บเดียวก็หาเงินเข้างานประมูลได้แล้วแน่นอน เชื่อมือฉันได้เลย!”

    “อ...โอ๊ส!!”



    “มาด้วยกันสิ คุเรฮะ”

    ฝ่ามือหนาของหัวหน้ากองโจรยื่นมาให้ ทุกคนที่กำลังจะเดินออกไปทำทุกอย่างตามหน้าที่ของตัวเองหยุดลงแล้วมองตรงมาที่เธอ เชื้อเชิญมือสังหารตัวน้อยที่บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปด้วยรอยยิ้ม

    คุเรฮะเลิกคิ้วอยู่สักพัก ก่อนที่ร่างเล็กในชุดเตรียมพร้อมจะเทเลพอร์ตเข้าไปยืนข้างกัน เธอวางฝ่ามือเย็นเฉียบของตัวเองลงไปตอบรับคำเชิญ

    กรอบหน้าคมยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตามีบางอย่างพาดผ่าน


    “แค่เฝ้าดูเท่านั้น”


    ใช่ เฝ้าดูเพื่อรอคอย

    จนกว่าจะเจอไอ้พวกเวรตะไลนั่น อย่าหวังเลยว่าเธอจะยอมกลับไปมือเปล่า

    พวกมันต้องโผล่หัวมาหาเธอแน่





    หลายฝักหลายฝ่ายต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง และในตอนนี้ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน

    และเป้าหมายที่ว่า


    คืองานประมูลยอร์คชิน



    __________C H E C K M A T E__________


    พี่น้องที่คุเรฮะบอกว่ามี 5 คน ในตอนนี้คือออก ครบ แล้วนะคะ

     



    Cyril Ereous Crown

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×