ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 3 | กับดักลวงตา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.94K
      1.05K
      26 มี.ค. 63


    Chapter 3



    คิรัวร์เคลื่อนที่ด้วยสเก็ตบอร์ดคู่ใจไปตามเส้นทางที่พวกกอร์นมุ่งหน้าไป ดวงตาสีฟ้าครามลอบเหล่มองเด็กสาวข้าง ๆ ที่วิ่งตามมาตลอดทาง

    ความเร็วในการเคลื่อนที่สม่ำเสมอไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรง ไม่แม้แต่จะบ่นหรือระแวงเขาด้วยซ้ำ

    “เธอ...”

    คุเรฮะมองด้วยหางตาพร้อมเลิกคิ้วเป็นคำถาม

    เขาอึกอักเล็กน้อย “เธอเป็นคราวน์จริง ๆ น่ะเหรอ?”

    คำถามดูน่าขำ แต่คิรัวร์จริงจัง

    เขาได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตระกูลนี้จนนึกอยากจะเจอตัวเป็น ๆ อยู่หลายครั้ง คราวน์เป็นตระกูลมือสังหารที่มีอิทธิพลต่อสมาคมฮันเตอร์มากที่สุด อันตรายและทรงอำนาจมากกว่าตระกูลไหนๆ หากแต่ทุกคนกลับสั่งห้ามไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลนี่ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

    ทำไมกัน เขาไม่เข้าใจเลย คราวน์เองก็เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับตระกูลโซลดิ๊กของเขาไม่ใช่หรือ?

    คนถูกถามไม่ได้แปลกใจอะไร แค่พยักหน้ารับแกนๆ แต่เพราะมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่บนหน้าคิรัวร์ตัวโตถึงได้ถามกลับ “สงสัยอะไรล่ะ?”

    “ก็— นิดหน่อย” เขาเกาแก้มอย่างทำตัวไม่ถูก “ว่าแต่ตานั่นเป็นสีตาจริง ๆ งั้นเหรอ? สีแดงกับสีทองนั่นน่ะ”

    “อือฮึ”

    “มัน... ดูเหมือนจะเรืองแสงด้วย”

    “ประมาณนั้น แต่เป็นแบบนี้เฉพาะตอนอยู่ในที่มืด ๆ เท่านั้นแหละ”

    “มันมีอะไรพิเศษรึเปล่า?”

    “อืม...” เธอเลื่อนสายตาไปมอง ลอบหยักมุมปากเหมือนหลอกล่อเด็กที่อยากได้ขนม “แล้วคิดว่าไงล่ะ?”

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุเรฮะเป็นคนที่มีเสน่ห์แบบผู้ชายอย่างร้ายกาจ หากเธอผมสั้นลงกว่านี้และไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้น บางทีอาจจะมองไม่ออกเลยก็ได้เธอเป็นผู้หญิง

    คิรัวร์ที่เคยคิดว่าตัวเองมีภูมิต้านทานเรื่องนี้เผลอเกาแก้มนิด ๆ รู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะนัยน์ตาคมที่จ้องมา

    “…ไม่รู้สิ”

    หนึ่งในข่าวลือที่ได้ยินมาคือคราวน์เป็นพวกหยิ่งทระนง ไม่ค่อยเห็นหัวคนอื่นนัก แต่เด็กสาวที่คุยโต้ตอบกับคิรัวร์แตกต่างจากข่าวพวกนั้นจากหน้ามือเป็นหลังเท้า บางทีกลับบ้านไปเขาน่าจะลองให้พ่อบ้านช่วยคัดกรองข่าวที่ดูเชื่อถือมากกว่านี้มาให้ซะแล้ว

    แต่สิ่งนึงที่เหมือนจะตรงกับข่าวคือหน้าตาไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่นี่แหละ คุยกันมาหลายประโยคมากสุดก็แค่ยิ้มมุมปาก หรือไม่ก็—

    เจ้าของผมหางม้าสีดำขลับยกมือปิดปากหาวหวอดใหญ่


    “...ง่วง”

    โอเค... ทำความเข้าใจใหม่ นั่นเป็นใบหน้าของคนอยากนอน ข่าวลืออะไรนั่นช่างไร้สาระจริง ๆ


    ไม่นานนักก็เจอเข้ากับทอมป้าผู้กำลังวิ่งสวนทางตรงมาพอดี ร่างท้วมหยุดชะงักอย่างแปลกใจเมื่อเห็นเด็กสองคนที่ดูอันตรายตามพวกกอร์นมาด้วย

    อันตรายเพราะอีกคนนึงมาสอบพร้อมกับฮิโซกะโดยไม่มีรอยขีดข่วน ทั้งยังหายตัวไปจากสายตาเขาที่คิดจะเอาน้ำผสมยาถ่ายไปให้ดื่ม ส่วนอีกคนนึงก็กินยาถ่ายที่ว่าเข้าไป 5 กระป๋องยังไม่เป็นอะไรด้วยซ้ำ

    คิรัวร์หยุดสเก็ตบอร์ดเมื่อเข้ามาใกล้ในระยะที่คุยได้ คุเรฮะหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของคนถูกจ้องด้วยแววตารู้ทันสองคู่เหงื่อตกเล็กน้อย

    “ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ?” เด็กชายถามหน้าซื่อ

    “ปะ— เปล่านี่”

    “นายวางแผนเอาไว้สินะ” คิรัวร์ที่หัวเราะหึหึ ส่วนคนถูกกล่าวหารีบละล่ำละลักแก้ตัว ก่อนจะเอ่ยแทรกด้วยแววตาของคนจากโลกมืด “ฉันจะบอกอะไรให้อย่างนึง….”

    เท้าเลื่อนสเก็ตบอร์ดเข้าประชิดตัว ทอมป้าผงะหนี

    “คนที่ทำเลวน่ะ สักวันนึงจะต้องตายอย่างน่าสมเพช” คิรัวร์หัวเราะหยัน “ฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ อยากจะลองดูสักครั้งไหมล่ะ? ตอนนี้ ที่นี่”

    “เป็นเด็กที่ขี้แกล้งซะจริง” เสียงในสายของพ่อออกความเห็น อันนี้เธอพยักหน้าเล็ก ๆ เห็นด้วยโดยไม่มีใครสังเกต

    หน้าที่ข่มขู่ยกให้คิรัวร์ไปน่ะดีแล้ว เพราะเธอไม่ค่อยชอบตะล่อมให้เหยื่อกลัวหัวหดเท่าไหร่


    ถนัดทรมาณให้ตายมากกว่า


    ทอมป้าสู้กับท่าทีเอาจริงของเด็กชายไม่ไหว เขาก้าวถอยหลังไปชนกับกำแพงโดยไม่รู้ตัว พอหันหน้าไปทางเด็กอีกคนนึงข้าง ๆ กันขนทั้งตัวก็พากันลุกเกรียว ดวงตาสีแดงที่เด่นชัดตัดกับความมืดนั้นไม่ต่างจากปีศาจที่มีตัวตนอยู่จริง

    แม้ไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้สึกถึงความกดดันได้ ทันทีที่นัยน์ตาคมเลิกจ้องเขม็งเขาก็รีบโกยอ้าวออกไปทันที!

    “ไม่เบาเลยนี่นา”

    คิรัวร์เอ่ยอย่างสนใจ คุกคามด้วยแววตางั้นเรอะ…

    เขาลองหรี่ตาข่มขู่ไปทางคุเรฮะดู จิตสังหารเข้มข้นระดับนึงพุ่งเข้าหาคนที่ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทนิ่ง ๆ จนชายเสื้อปลิวตามแรงกดดัน

    คนถูกหยอกเพียงแค่เอียงคอมองตาปริบ ๆ

    “เลียนแบบแมวขู่เหรอ?”

    คิรัวร์แยกเขี้ยวใส่ รับไม่ได้กับคำเปรียบเทียบ “ถ้าพูดแบบนี้อีกหน้าเธอได้เละแน่!” มีการเกร็งกรงเล็บคมขึ้นมาโชว์อีก


    อืม— เหมือนแมวจริง ๆ นั่นแหละ



    อย่างที่คาดไว้ กอร์นกับคุราปิก้ายังไม่ทันตามหาเลโอลีโอเจอก็ถูกมิติลวงตาของไม้ราตรีเล่นงานเอา โดยเฉพาะคุราปิก้าที่กรีดร้องเสียสติไม่หยุด ร่างในชุดชนเผ่าสีน้ำเงินขอบแดงชักกระตุกบนพื้นสกปรก

    ก่อนจะได้สติเมื่อคิรัวร์ไถสเก็ตบอร์ดพุ่งไปเตะหน้าผั้วะ!

    คุเรฮะมองตามภาพนั้นสลับกับกอร์นที่ตนเพิ่งเข้าประชิดตัวมาเมื่อกี้ แววตาลูกหมาใสกระจ่างมองเธอตาแป๋วเหมือนงง ๆ ว่าเธอกับคิรัวร์มาโผล่ที่นี่ได้ยังไง

    เพื่อความชัวร์…

    “อ๊ะ! คุเรฮะ” กอร์นร้องเสียงหลงเมื่อมือที่สวมถุงมือหนังของคนตรงหน้าจับแก้มเค้ายืดออก ไม่เจ็บแต่ก็ทำให้ตื่นตัวปุบปับ

    “อ้าว สติยังอยู่ดีนี่”

    “อย่าไปเชื่อ ยัยนั่นแค่หาเรื่องจับแก้มนายเท่านั้นแหละ”

    พอถูกเปรียบเทียบเป็นแมวที่ไร้ซึ่งความเกรงขาม ความเกรงใจในชื่อคราวน์กับท่าทีเป็นมิตรในตอนแรกก็หายวับไปกับตา คิรัวร์ยืนล้วงกระเป๋าทำเสียงหึขึ้นจมูกใส่ ‘ยัยนั่น’ ที่เหล่มองอย่างไม่คิดโต้แย้ง

    แมว …อืม แมวนั่นแหละ ถูกแล้ว

    คุราปิก้าที่ได้สติลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่เกาะตามตัวแล้วมองคิรัวร์ที่เข้ามาช่วย “ขอบใจนะ”

    จริง ๆ แค่เรียกสติไม่จำเป็นต้องเตะหน้าหงายขนาดนั้น แต่สงสัยเคืองเธอไม่หายเลยไปลงกับเด็กหนุ่มหน้าหวานนั่นแทน

    คุเรฮะลอบมองรอยช้ำบนแก้มคุราปิก้าด้วยแววตาเวทนา โดนเตะฟรียังจะไปขอบคุณเขาอีก

    “ที่นี่เป็นมิติลวงตา”

    “เอ๊ะ?” ทั้งสองคนที่ถูกช่วยไว้ทำหน้าสงสัย

    คิรัวร์อธิบายขณะมองสำรวจอุโมงค์สายนี้ที่แยกออกมาจากทางหลัก รูปลักษณ์เปลี่ยนไปสมชื่อมิติลวงตาจริง ๆ

    “หมอนั่นน่ะ หลอกให้ทุกคนมาที่มิติลวงนี้ทางกลิ่นหอมของไม้ราตรี เพื่อให้คู่ต่อสู้ได้เห็นอดีตที่แต่ละคนเกลียดชังที่สุดและทำให้ประสาทเสียจนตาย”

    “แปลว่าทอมป้า…”

    “วางแผนที่จะเก็บพวกนายยังไงล่ะ” เด็กสาวผมรวบสูงเอ่ยต่อคำพูดคุราปิก้าอย่างลงล็อก เด็กหนุ่มผมทองสั้นกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจที่เสียรู้

    “เราต้องรีบไปแล้ว ว่าแต่นาย…” กอร์นพูดเว้นไว้ เขายังไม่รู้ชื่อของเพื่อนใหม่คนนี้เลย

    “ฉันคิรัวร์— ยังมีวิธีที่จะไปช่วยตาลุงนั่น แล้ววิ่งตามพวกกลุ่มหัวแถวไปให้ทันอยู่นา” คิรัวร์เอ่ยต่ออย่างมั่นใจ “ถ้าเกมมันราบรื่นไป มันก็คงน่าเบื่อไปไม่ใช่รึไง? เนอะ คุเรฮะ”

    เธอยักไหล่รับคำเรียกนั่น มือล้วงเข้าไปด้านในเสื้อโค้ท หยิบระเบิดมือขนาดเล็กของตระกูลออกมาชูระดับไหล่พร้อม ๆ กับเด็กชายตาสีฟ้าครามที่เป็นผู้นัดแนะความคิดนี้


    มือสังหารจากสองตระกูลเคาะระเบิดมือเข้าหากันดังก๊อก



    ตูมมมมมมม!!!

    กำแพงอุโมงค์ปริแตกแล้วระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ หินปูนก้อนเล็กก้อนน้อยกระจัดกระจายไปทั่ว จนผู้เข้าสอบหัวแถวยกมือกันบังพัลวัน

    ในแสงสีส้มที่สว่างวาบนั้น มีร่างของผู้เข้าสอบที่หายไปช่วงแรกกระโดดออกมาโดยไม่เสียจังหวะ ยกเว้นเลโอลีโอที่กระเด็นหัวทิ่มออกมาเพราะตั้งตัวไม่ทัน

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

    ซาธ็อทหยุดเดินขณะเหลียวมองต้นตอของระเบิด ก่อนจะไปหยุดสายตาลงที่เจ้าของดวงตาสีผสม เด็กสาวในชุดสูทประจำตัวยืนปัดฝุ่นออกจากมือหน้าตาย ไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น

    อืม… การมาของคราวน์ต้องเป็นที่น่าโจษจันประจำปีอย่างที่คิดไว้ นี่มีผู้เข้าสอบปลิวหายไปกับแรงระเบิดกี่คนแล้วนะ?

    ก่อนจะเลื่อนสายตามามองเด็กชายชุดเขียวที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด กอร์นหัวเราะแห้ง

    “แหะ ๆ กำแพงมันพังไปแล้วน่ะฮะ…”

    “เราไม่ได้สั่งห้ามใครไม่ให้ทำลายกำแพงตามมา ถึงจะหลงทางแต่ก็ยังสามารถเอาตัวรอดกลับมาได้ ถือว่ามีฝีมือไม่ใช่ย่อยเลยนะ เจ้าหนู”

    ซาธ็อทเอ่ยชม ก่อนจะหันหน้าเดินต่อไป ผ่อนความเร็วลงอีกนิดเผื่อผู้เข้าสอบบางคนยังมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หาย

    นัยน์ตาคมมองตามเลโอลีโอที่ปรี่ไปทางทอมป้าหมายจะชกดั้งมันสักตั้ง ก่อนจะปราดมองรอบ ๆ เป็นเพราะระเบิดกลายเป็นจุดสนใจ จึงทำให้หลายคนในที่นี้เริ่มสังเกตกันแล้วว่าการสอบครั้งนี้มีคราวน์ผู้มีค่าหัวสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเบื้องหลังเข้ามาร่วมสอบด้วย

    คุเรฮะพ่นลมหายใจออกจมูก เด่นขนาดนี้ใช้เซ็ทสึพรางตัวยังไงก็ไม่ทัน ถุงมือหนังครึ่งมือที่สวมอยู่ถูกดึงให้กระชับ เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์บางอย่างที่อาจจะเกิดต่อจากนี้อย่างเบื่อหน่าย

    “ไปกันเถอะคุเรฮะ!” กอร์นเข้ามาดึงแขนเสื้อให้ไปรวมกลุ่มราวกับไม่ได้รับรู้จิตสังหารที่จงใจส่งมาทางเธอ คุเรฮะกะพริบตาก่อนจะเดินไปพร้อมกัน

    เดินมาได้อีกสักพักใหญ่ เสียงจากกรรมการคุมสอบและภาพเบื้องหน้าก็ทำเอาหลายคนอยากจะเป็นลมซะตอนนี้


    “เอาล่ะครับทุกคน ผมจะเร่งความเร็วขึ้นอีกล่ะนะ”


    วิ่งขึ้นบันไดสูงชัน นี่แหละจุดแข็งที่ตัดกำลังคนได้ดีที่สุด

    คุเรฮะหาวอีกครั้ง ตอนนี้เธอวิ่งอยู่ตรงกลาง ข้างหน้าคือคิรัวร์กับกอร์นที่กำลังทำความสนิทกันตามนิสัยเด็กผู้ชาย ส่วนข้างหลังคือคุราปิก้ากับเลโอลีโอผู้ถอดเสื้อวิ่งหน้าตั้ง

    …บรรยากาศชื้น ๆ เย็นสบายแบบนี้น่านอนจริง ๆ …

    เด็กสาวตั้งท่ากำลังจะหลับ วิ่งหลับเลยนี่แหละ ความสามารถพิเศษอีกอย่างที่ไร้เทียมทาน มีหลายคนอยากก็อปตามแต่ก็เห็นพลาดเดี้ยงไปซะทุกราย

    อีกนิดนึงตากำลังจะปิด และ—

    “คุเรฮะ”

    ฟีลลิ่งน่านอนถูกขัดดังเอี๊ยด เหมือนคนกำลังจะดริฟท์รถเข้าทางโค้งแต่แหกโค้งดับกลางทาง

    เจ้าของชื่อตากระตุกโดยไม่มีใครสังเกตเห็น ตาสีผสมเหลือบมองคนหน้าหวานที่เร่งความเร็วขึ้นมาวิ่งข้าง ๆ คุราปิก้าทำหน้าเหมือนใช้ความคิด

    ดวงตานั่น...เธอเป็นคราวน์จริง ๆ ด้วยสินะ”

    ดวงตาสีเลือดนกประทับเสี้ยวอำพันที่แสนจะหายาก ถูกเปรียบเปรยไม่ต่างจากจ้าวแห่งอสรพิษ สีแดงของสัตว์ร้าย และสีทองของพลังอำนาจ ทุกอย่างบ่งบอกถึงตัวตนในสายเลือดของตระกูลใหญ่

    ไหนจะความสามารถพิเศษที่แฝงมากับดวงตานั่นอีก

    “ส่วนนาย …ก็เนตรสีเพลิง ชนเผ่าคูลท์คนสุดท้าย”

    ประสาทสัมผัสทางหูของเธอแยกแยะเสียงที่ได้ยินได้ดีเยี่ยม แม้จะอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากหรือกระซิบเบาจนมีแต่ลมก็ยังสามารถรับรู้ได้— ถึงจวนเจียนจะหลับ แต่เธอก็คอยฟังอยู่หรอกว่าไอ้คนข้างหน้ากับข้างหลังนี่คุยอะไรกัน

    คุราปิก้ายิ้มบาง แม้คำว่าชนเผ่าคูลท์คนสุดท้ายที่ได้ยินจะทำให้ในอกโหวง ๆ นิดนึง

    เนตรสีเพลิงของชนเผ่าเขา แม้จะได้รับการบันทึกว่าเป็นเนตรที่มีสีสวยที่สุดในโลก แต่ก็เป็นเพราะถูกฆ่าล้างเผ่าเพื่อควักดวงตา เป็นสิ่งที่หาได้ยากแต่ก็ยังมีสิทธิ์ได้ครอบครองหากกำลังเงินสูงพอ

    เทียบกับดวงตาของคุเรฮะแล้วช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว ดวงตาคู่นั้นเป็นที่ต้องการมากกว่าเนตรไหน ๆ แต่กลับหายากมากที่สุดในโลกเท่าที่มีการบันทึกมา

    ใครที่ได้ครอบครอง คราวน์ล้วนแต่จะไปทวงคืน


    หากเจ้าของไม่คิดจะยกให้

    ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์แย่งชิง


    “ได้ยินว่าคราวน์นี่มีแบ่งสายตระกูลด้วย มันเป็นยังไงเหรอ?” เขาถามด้วยความสนใจ

    (…บางทีหมอนี่ก็ใฝ่รู้ใฝ่เรียนผิดเวลานะ)

    “เอ้า แนะนำตระกูลเราให้เขาฟังหน่อย” เสียงพ่อแทรกมา คุเรฮะลอบกลอกตาสามตลบ อยากจะหาอะไรอุดปากคนทั้งคู่จริง ๆ อุดทั้งคนถาม ทั้งคนส่งเสริมนี่แหละ

    “ก็…”

    เธอนับนิ้ว เสียงยานคางตามระดับความง่วงนอน

    “มีสายตระกูลหลัก สายตระกูลรอง แล้วก็สายตระกูลสาขาแยกย่อยไปอีก…”


    สายตระกูลหลัก เอเรอัส

    สายตระกูลรอง ออร์ฟิอัส

    สายตระกูลสาขาย่อยเท่าที่จำได้ ก็โดว์กัล เมลันทิออส… และอื่นๆ ซึ่งขี้เกียจนึกชื่อ


    ไม่ถามล้วงลึกไปอีกจะเป็นพระคุณ ตระกูลเธอมันเป็นตระกูลใหญ่ จะให้ท่องจำชื่อสายตระกูลยิบย่อยลงไปอีก นี่คงต้องแบกสารานุกรรมบ้านคราวน์มาเปิดให้ดูแทน

    “แล้วคุเรฮะอยู่สายตระกูลไหนอะ?”

    เงยหน้าขึ้นมาจากนิ้ว ก็พบสองหน่อหัวขาวดำยื่นหน้ามาร่วมวงด้วย แววตากอร์นมีประกายวาววับ รายนี้ดูแล้วน่าจะยังไม่รู้ว่าคราวน์คือตระกูลอะไร แค่ได้ยินคำว่าสายตระกูลมันน่าสนใจเลยเผลอหลุดถามออกมา คิรัวร์เองก็ดูสนใจไม่น้อย เลโอลีโอไม่ต้องถาม รายนั้นเอาแต่วิ่งลูกเดียวไม่ฟงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น

    “…ก็สายตระกูลหลัก เอเรอัสนั่นแหละ”

    มาอยากรู้อยากเห็นอะไรกันตอนนี้ ปุ่มความอยากเผือกนี่กะพริบปิ๊บ ๆ อยู่บนหัวทุกคนเชียวนะ

    “โห งั้นชื่อเต็มเธอก็…?” คุราปิก้าเอ่ย

    “อาฮะ …คุเรฮะ เอเรอัส คราวน์— บ้านฉันนับสายตระกูลเป็นชื่อกลาง” เพิ่มเติมต่อท้ายป้องกันการสงสัยต่อ

    “แล้ว—” คิรัวร์อ้าปาก เห็นลิ้นไก่แวบๆ

    “พอ”

    คุเรฮะยกมือปางห้ามญาติ ในเวลานี้คือปางห้ามแมว หยุดในที่นี้คือไม่ต้องถามห่าเหวอะไรอีกแล้ว ไม่งั้นจะวิ่งหลับให้ดูเป็นขวัญตา

    คุราปิก้าหัวเราะคิกคัก กับท่าทางที่ดูออกว่ารำคาญแต่ก็ไม่ได้ไล่จริงจัง “เธอเนี่ย ไม่เหมือนกับที่ได้ยินมาเลยนะ”

    “เหรอ ข่าวมันลือไปว่าอะไรบ้างล่ะ” คุเรฮะถามอย่างไม่ใส่ใจ พูดยาว ๆ ไปเลยก็ได้

    “ก็— คราวน์เป็นพวกเลือดเย็น โหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เห็นหัวใคร ไม่สนใจพวกคนชนชั้นล่าง ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา บางทีก็ไม่ได้ฆ่าเพราะเป็นงาน ฆ่าเอาสนุกก็มี”

    ทุกคนเบนสายตามาที่คนนามสกุลคลาวน์ตัวเป็น ๆ ภาพเจ้าตัวตอนยืดแก้มกอร์นหน้านิ่งแวบเข้ามาในหัว สลับกับตัวจริงที่หลับตาวิ่งกลางวง— เดี๋ยวนะ


    หลับตาวิ่ง?


    “นี่เธอหลับเรอะะะะ!!”

    เลโอลีโอกรีดร้องโหยหวน นี่คนหรืออะไร เขาวิ่งขึ้นบันไดเหนื่อยแทบตาย ยัยเด็กนี่กลับหลับได้หน้าตาเฉย เหงื่อสักหยดก็ไม่มี!

    ถามว่าได้ยินไหม แน่นอนว่าได้ยิน แต่ไม่คิดตื่น

    ชิ่งหลับหนีพวกอยากรู้อยากเห็นไปต่อหน้าต่อตานี่แหละ

    กอร์นอ้าปากค้างก่อนจะรีบคว้ามือมาจับไว้เผื่อก้าวพลาด คิรัวร์หัวเราะเหอะ ขณะวิ่งต่อ ปล่อยให้กอร์นดูแลคนหลับไป ส่วนคุราปิก้าได้แต่ยิ้มอ่อนกับความแตกต่างระหว่างตัวจริงกับข่าวลือที่ได้ยินมา ระหว่างนั้นก็คอยวิ่งดูด้านหลังให้ไปด้วย


    “เชื่อเค้าเล๊ย…”

    ทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย



    __________C H E C K M A T E__________


    เห็นมีคนสงสัย ใช่ค่ะ นี่คือการรีไรท์ฟิครอบ 2 เนื่องจากรอบแรกหมีง่วงเห็นว่าพล็อตเริ่มมาก็จริง แต่เนื้อเรื่องค่อนข้างเครียดเลยรีไรท์ใหม่ และนี่คงเป็นการรีฟิคครั้งสุดท้าย เพราะคนแต่งก็อยากปันใจไปแต่งฟิคหมวดอื่นบ้างเช่นกัน *หัวเราะ*

    แอบเสียดายเหมือนกันนะเนี่ยที่ไรท์ฟิค HxH คนเก่า ๆ เริ่มหายหน้าหายตากัน แต่ก็คงยุ่งนั่นแหละ ก็ไม่มีใครที่ว่างมาแต่งฟิคได้ตลอดเวลาหรอกนี่เนอะ ส่วนทางนี้แค่คนอ่านยังตามกันอยู่ก็ใจชื้นแล้ว มากอดทีค่— แค่ก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×