คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : Chapter 38 | ไล่ตาม
April
Fool's Day!
แฮร่ สุขสันต์วันโกหกค่ะ!
แต่ที่บอกว่าคอมเสียน่ะ เรื่องจริงนะ
ตอนนี้กำลังส่งซ่อมอยู่ และมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่เพราะหมีง่วงแต่งในโทรศัพท์
ค่อยกลับมาจัดหน้าอีกครั้งก็ไม่สาย 555
อีกสามตอน(?)ก็จะจบภาคแมงมุมแล้ว
เลยจะมาเปิดรับรีเควสตอนพิเศษตามจี้ตูดหลังจบภาค /จริงๆ แอบลังเลระหว่าง PV
เพลงกับตอนพิเศษ แต่มันเลือกไม่ได้ซะที เลยจะทำสองอันไปเลย!
รีเควสตอนพิเศษ [>จิ้ม<] ไปรีเควสในลิ้งก์ หรือถ้ากดเข้าลิ้งก์ไม่ได้ ให้ไปที่ สารบัญตอนพิเศษ
หน้าบทความเพื่อความสะดวกสำหรับการสุ่มของหมีง่วงค่ะ เพราะตอนนี้จะเอาไว้ลงตอน 38 เพื่อความต่อเนื่องค่ะ ส่วนเรื่อง PV อุบไว้ก่อนยังไม่บอก(?)
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
♝
Chapter 38
เปรี๊ยะ
เสี้ยวพลังสีดำลอยวนอยู่เหนือฝ่ามือซีด
ภาพของพลังปริศนาสะท้อนในแววตาไร้ประกายสีแดงเสี้ยว
คุเรฮะนั่งชันเข่าอยู่ในมุมมืดของรังแมงมุมในขณะที่ทุกคนกำลังประชุมอยู่อีกด้าน
แต่แทนที่เธอจะตกใจกับพลังสีดำในตัวที่ไม่รู้สาเหตุว่ามาจากไหน
เด็กสาวกลับสงบนิ่งราวกับรู้ว่ามันคืออะไร
นี่น่ะหรือ...สิ่งที่พ่อถึงกับต้องให้ผู้ใช้เน็นเข้ามาจัดการ
ไม่ต้องสืบก็พอคาดเดาได้ว่ามันคือตัวการที่ทำให้ผมเธอกลับมายาวเหมือนเดิม
แอบแปลกใจที่มันมาแทนที่ออร่าในตัวเธอโดยไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน
ทั้ง ๆ ที่ออร่าก็คือ พลังชีวิต อย่างหนึ่ง มันไม่ควรมีอะไรมาแทนที่ได้
แต่พลังนี่กลับ...
เธอหลับตาลง
กำมือให้เน็นสีดำซึมหายเข้าไปในร่างกาย
‘...อบอุ่น’
“หัวหน้า?”
เสียงฝนตกหนักข้างนอกไม่มีผลอะไรต่อการประชุม
แต่ตอนนี้สิ่งที่เป็นศูนย์กลางของแมงมุมกำลังชะงักนิ่ง
ราวกับเพิ่งคว้าจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญเข้าให้
เขาเอ่ย
“ชิซึคุ ปาคูโนด้า”
“คะ?”
“เยี่ยมเลย” หญิงสาวทั้งสองคนทำหน้างง คุโรโร่กุมหน้าครึ่งล่างพึมพัม
“ฉันโง่ไปหน่อย ชิ...มัวไปคิดอะไรอยู่”
“ทำไมลูกสาวของบอสถึงมาที่ยอร์คชิน? ถ้าฉันฉุกใจเรื่องนี้แต่เนิ่น
ๆ ก็คงเข้าถึงตัวเจ้าคนใช้โซ่ไปแล้ว”
“สาเหตุที่ยัยนั่นมายอร์คชินมีบอดี้การ์ดคุ้มกันเพียบ
ก็คงเพราะการประมูลนั่นแหละ ฉันมัวแต่สนใจเรื่องความสามารถการทำนายเลยมองข้ามเรื่องสำคัญไป
ตามข้อมูลในไซต์ยัยนั่นเป็นนักสะสมชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ด้วย”
“ร่างกาย... เนตรสีเพลิง!?” ชาร์แน็คมุ่นคิ้วกับคำอธิบาย
การเชื่อมโยงหลักฐานต่าง ๆ เข้าด้วยกันของหัวหน้าแมงมุมยังน่าทึ่งไม่เคยเปลี่ยน
“ใช่ เจ้าคนใช้โซ่เข้าแก๊งนอสทราดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เป้าหมายของมันมีอยู่สองอย่าง”
ล้างแค้นแมงมุมและแย่งชิงดวงตาของพวกพ้องคืน
ชนเผ่าคูลท์ผู้รอดชีวิต
คุโรโร่หันไปหากอลโทปี้
“เห็นบอกว่าในตัวก๊อปปี้ของนายมี ‘รัศมี’ อยู่ด้วยใช่ไหม?
พอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ตัวก๊อปปี้ของเนตรสีเพลิงอยู่ที่ไหน”
คนตัวเล็กที่มีผมยาวปิดหน้าปิดตาพยักหน้าตอบ
“ถ้าได้สัมผัสของจริงละก็นะ”
เงาสีดำเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังเสา
ลูกแก้วสองเฉดสีเรืองรองในมุมมืดมองแมงมุมทุกคนที่กำลังขนย้ายสินค้าที่ขโมยมาตามคำสั่งหัวหน้า
เพื่อค้นหาเนตรสีเพลิงที่นำไปสู่ตัวคนใช้โซ่
ไม่มีใครสังเกตเห็นจนน่าประหลาดใจ
ปกติแล้วพวกแมงมุมจะระวังภัยรอบตัวตลอดเวลา
แค่เดินเข้ามาในรัศมีการป้องกันตัวทุกคนก็พร้อมจับตามอง แต่นี่ไม่เลย
แม้แต่คนที่ใช้เอ็นรอบตัวเกือบตลอดเวลายังไร้ท่าทีเอะใจ
“รู้แล้ว”
หลังจากแตะเนตรสีเพลิงของจริง
กอลโทปี้ชี้นิ้วออกไป “ของที่มีรูปร่างเดียวกันนี้ อยู่ทางทิศโน้นราวๆ 2,500
เมตร”
ทุกคนเตรียมพร้อม
ออร่าในกายพลุ่งพล่าน
เจ้าคนใช้โซ่อยู่ที่นั่น!!
“รีบหน่อยก็ดีนะ อีกไม่กี่ชั่วโมงของที่ฉันก๊อปปี้มันก็จะสลายไปแล้ว”
กอลโทปี้ย้ำ
คุโรโร่คว้าแผนที่จากฟิงค์มากางออก
“จากนี้ไป 2,500 เมตร —โรงแรมเวจตาเคิล!”
แกร๊ก
เศษหินร่วงกราวเมื่อเด็กสาวในมุมมืดขยับกายออกมา
แมงมุมรวมทีมกันออกไปตามล่าชนเผ่าคูลท์ที่กล้ามาเด็ดขาตัวเอง
ไม่นับบางคนที่อยู่ในที่พักอีกบางส่วน
อีกไม่นานคุราปิก้าคงเจองานหินแล้ว
ขาก้าวออกมายืนตรงกลางที่แมงมุมเคยใช้ประชุม
ใบหน้าไร้อารมณ์เงยขึ้นสูง กระจกหลากสีด้านบนสะท้อนแสงจันทร์ส่องผ่านลงมา
ละอองฝุ่นฟุ้งราวกับภาพวาด
“...”
เสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบแว่วเข้ามาจากด้านหลัง
คุเรฮะหรี่ตามองกระจกพังร้าวด้านบน ก่อนจะหลับตาลงเชื่องช้า
เงาที่เธอยกเลิกคำสั่งติดตามพวกคิรัวร์กลับมารวมตัวกัน
บอกว่าพวกนั้นกำลังร่วมมือกับคุราปิก้าเพื่อจับตัวพวกแมงมุม
อีกไม่นานคงเข้าปะทะกัน
ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“เจ้าพวกโง่นั่น...”
ใช่
เจ้าพวกไร้หัวคิด ชอบพุ่งเข้าไปหาอันตรายให้กับตัวเองไม่เลิก
รู้ทั้งรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ก็ยังจะทำ
—แต่คนที่โง่กว่าคือตัวเธอเอง
ทั้งๆ
ที่ตัดสินใจแล้วว่าจะตัดขาดกับคนพวกนี้ ทั้ง ๆ
ที่ถอยห่างออกมารวมถึงยกเลิกการจับตาดูแล้วแท้ๆ
แต่สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาคว้าเอาไว้อยู่ดี
มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ดวงตาสีผสมสั่นไหวอัดความรู้สึกอยู่ในนั้น
...ในสายตาทุกคน
เธอที่ไม่ใยดีสิ่งรอบตัวคือคนแข็งแกร่งที่ยืนหยัดได้ด้วยด้วยเอง
แต่แท้จริงแล้วเธอก็แค่คนอ่อนแอคนนึง
คนที่ต้องการคว้าอะไรสักอย่างมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวเท่านั้น
เพื่อยับยั้งไม่ให้ตนพังทลายไปมากกว่านี้
เธอมองรูปในโทรศัพท์
ภาพหน้าจอเป็นกอร์นกับคิรัวร์ที่พากันกอดคอเธอมาถ่ายรูปบนเกาะปลาวาฬ
ก่อนจะกำมันแน่น
ต้องประคองตัวเองต่อไป
พยุงตัวเองให้ไหว และเดินหน้าต่อให้ได้ในฐานะคนที่ยังมีเสียงหัวใจเต้นอยู่
...ก็แค่นั้นเอง
♝
ตรู๊ด
ห่างออกไปจากรังชั่วคราวของแมงมุม
บนดาดฟ้าตึกแห่งนึงมีร่างของเด็กชายในชุดวอร์มฮู้ดนั่งสังเกตการณ์อยู่
ผมสีเงินบางส่วนลู่ลงเพราะเปียกฝน
ดวงตาสีฟ้าครามกะพริบ
เขาหยุดรัวสายใส่เด็กสาวบางคนที่ตัดการติดต่อไป
ก่อนจะกดรับเบอร์แปลกที่ไม่รู้จักจากโทรศัพท์อีกเครื่องนึง
“ฮัลโหล”
“อ๊ะ คิรัวร์คุงใช่ไหม?” เสียงใสกังวานเอ่ยทัก คิรัวร์ขมวดคิ้ว “ฮื่อ คุณเป็นใคร?”
“เพื่อนร่วมงานของคุราปิก้า— ช่วยดูด้านขวาหน่อยสิ” ดวงตาแมวเหลือบมองตามคำขอ
“ตัดสายก่อน แล้วลองออกคำสั่งฉัน เบาเสียงให้ค่อย ๆ เลยนะ”
คิรัวร์กดวางสาย
เอ่ยเสียงกระซิบ “ยกมือซ้าย”
บุคคลที่ยืนอยู่อีกตึกดูตัวเล็กจนแทบมองไม่เห็น
เขาเห็นเธอยกมือซ้ายขึ้น โบกไปมาให้
หูผีจริง ๆ
แบบนี้ใช้ได้
“เดี๋ยวลงมาเจอกันที่... ว๊าย!”
“!?” คิรัวร์ตาโต เธอตกใจอะไร? หรือถูกพวกแมงมุมเจอเข้า—
ฟุ่บ!
คิรัวร์ลดการ์ดป้องกันลงเมื่อสบกับดวงตาคมกริบ
เด็กสาวผู้ขาดการติดต่อปล่อยคอเสื้อคนตัวเล็กที่หิ้วมาลงบนพื้น เซ็นริทสึไอค่อกแค่กกับการเทเลพอร์ตในเสี้ยววิ
คุเรฮะที่เขาเห็นตอนนี้กับก่อนจากกันราวกับเป็นคนละคน
ผมสีดำปลายแดงบางส่วนนอกเสื้อฮู้ดลู่ลงเมื่อโดนฝน
ดวงตาที่เคยเบื่อหน่ายทุกสิ่งตอนนี้มันไม่ต่างจากหลุมลึก
มือข้างนึงกำโทรศัพท์ที่เขาโทรหาเป็นสิบๆ สายเอาไว้
ไวกว่าความคิด
เขาแยกเขี้ยวใส่
“ยัย—”
โป๊ก!
มือข้างที่กำโทรศัพท์ประเคนลงกลางกระหม่อม
“โอ๊ย! เธอทำ—”
โป๊ก!
“คุเรฮะ!”
โป๊ก!
“มันเจ็บนะ!”
โป๊ก!
โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!
รัวยิ่งกว่าคำอุทาน
คิรัวร์กุมหัวน้ำตาคลอเบ้าอัตโนมัติ เขาช้อนมองคนกระทำตาขุ่น ก่อนจะเป็นฝ่ายชะงักไปซะเอง
บางครั้งคุเรฮะก็เป็นคนอ่านอารมณ์ยาก
เขารู้ แต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอที่แสดงออกผ่านสีหน้าและแววตากลับผสมปนเปกันไปหมด
เขาเห็นความเป็นห่วงชัดเจนอยู่ในนั้น
“เจ็บสิดี จะได้รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันจะไม่เจ็บแค่นี้”
“...”
คุเรฮะปรายตามองเซ็นริทสึ
หญิงสาวผู้ถูกวานให้มาช่วยเรื่องนี้เผลอสะดุ้งโหยงกับดวงตาสีผสม
“ค-คราวน์เหรอ!”
“แมงมุมกำลังไปที่โรงแรมเวจตาเคิล ชาย 3 หญิง 3
บอกคุราปิก้าให้เตรียมตัวไว้”
เสียงหัวใจหนักแน่นและเด็ดขาดไม่ต่างจากคำสั่ง
หญิงสาวลดอาการตื่นตกใจลงพลางพยักหน้ารับ คิรัวร์สะดุ้งโหยงเมื่อดวงตาคมกริบเหลือบมองนิ่ง
ไร้ความสับสนในดวงตาอีก
เด็กชายรีบตามติดทันทีที่อีกฝ่ายก้าวขาเดินออกไป
เซ็นริทสึเองก็ไม่ต่างกัน
เธอรีบติดต่อคุราปิก้าเพื่อแจ้งเรื่องที่เด็กสาวคราวน์คนนี้บอกมา
“ด-เดี๋ยวสิคุเรฮะ นั่นเธอจะไปไหนน่ะ!?”
“ไม่ว่าพวกนายจะวางแผนอะไรไว้ ฉันไม่เห็นด้วย” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยชัดเจน
ดวงตาสีผสมคุกกรุ่น
“ตัวแค่นี้คิดจะงัดข้อกับพวกแมงมุม งี่เง่าสิ้นดี”
ไหนขอดูหน้าคนผิดคำพูดหน่อย
คุราปิก้า
“เฮ้ๆๆ อย่าบอกว่ากำลังวิ่งไล่ตามอยู่นะ มันอันตรายนะเฟ้ยคุราปิก้า!!”
ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่
พวกคุเรฮะพากันเดินทางมาถึงสถานีลิป้า
จากการติดต่อผ่านโทรศัพท์ไปมาทำให้ได้รู้ว่ากอร์น
คุราปิก้าและเลโอลีโออยู่ในรถที่กำลังขับไปทางโรงแรมเวจตาเคิล
เพราะเนตรสีเพลิงที่ประมูลมาถูกเก็บไว้กับเพื่อนบอดี้การ์ดที่ชื่อซึคุวาร่า
ซึ่งมันเป็นของปลอม
และตอนนี้พวกแมงมุมกำลังมุ่งไปหามันโดยมีเป้าหมายหลักคือเจ้าคนใช้โซ่
ถึงจะบอกให้เตรียมพร้อมไว้แล้วแต่เวลาก็กระชั้นชิดเกินไป
ทุกอย่างเกินความควบคุมเกินไป
และเพราะรถติดจนแทบไม่ไปไหน
พอคุราปิก้าเห็นพวกแมงมุมผ่านหน้าไปก็เปิดประตูวิ่งตามไปโดยไม่สนใครทั้งสิ้น
แน่นอนว่ากอร์นก็ไม่รอช้า วิ่งตามไปติด ๆ เช่นกัน
ให้มันได้อย่างงี้สิ...
คุเรฮะกรอกตาเซ็ง
“ชิ ต่างคนต่างลงมือกันตามใจชอบ!” คิรัวร์อยากจะร้องว๊ากใส่โทรศัพท์
สุดท้ายเลยหันไปคว้ามือญาติที่ผมเปลี่ยนสีให้ตามคุราปิก้าไปด้วยกัน
อย่างน้อยมีคุเรฮะไปด้วยก็อุ่นใจกว่า
“ว่าแต่เธอประทับตราเน็นไว้กับพวกฉันไม่ใช่เรอะ
ทำไมถึงไม่พาวาร์ปไปหากอร์นทีเดียวจบเล่า!” เขาวิ่งไปพูดไป
“เอาออกไปนานแล้ว”
คิรัวร์หันขวับมามอง
ทำท่าจะถามเหตุผลต่อ
แต่พอเห็นใบหน้าอ่านยากสบตากลับมากลายเป็นว่าต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอไป
จู่ๆ
ก็รู้สึกว่าไม่ถามจะดีกว่า...
คุเรฮะถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทีของเด็กชายอ่อนลง
มุมปากเธอยกขึ้น “ไปหากอร์นทีเดียวไม่ได้ แต่เร่งความเร็วได้นะ”
คิรัวร์หันกลับมาอย่างรู้ทัน
“งั้นเอาเลย!”
สองแขนคว้าตัวญาติโซลดิ๊กและสาวเสียงใสขึ้นแนบเอว
เท้าแข็งแรงถีบตัวขึ้นไปไต่ขอบตึก ก่อนจะเทเลพอร์ตหายวับไปกับตา
♝
“เราถูกตามอยู่”
คุโรโร่พูดเตือนทุกคนที่กำลังวิ่งตามของก๊อปปี้
เกินคาดที่รู้ตัวอีกทีกลับเป็นฝ่ายถูกไล่ตามเอาซะได้
“ตั้งแต่เมื่อไหร่!” มาจิมุ่นคิ้ว ส่วนชิซึคุยังหน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“แย่จริง มัวแต่ไล่เพลินจนไม่ทันรู้ตัว”
“เจ้าคนใช้โซ่มันอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง!?” โนบุนากะถอดผ้าคลุมดาบซามูไรออก
พร้อมปะทะเต็มที่ เขาหันไปขอสัญญาณจากคุโรโร่ “หัวหน้า!”
คุโรโร่ออกคำสั่ง
“โนบุนากะ ปาคูโนด้า กอลโทปี้ตามคนข้างหน้าไป”
“ทราบแล้ว!!”
ควับ!
คุโรโร่
มาจิและชิซึคุหยุดวิ่งกะทันหัน แมงมุมทั้งสามคนหันกลับมาพร้อมประจันหน้ากับฝ่ายที่ไล่ตามมา
ในขณะเดียวกันคุราปิก้าและกอร์นก็หลบเข้ามุมจากสายตาแมงมุมได้ทันท่วงที
คุโรโร่มองนิ่ง
“เห็นรึเปล่า?”
“เห็นแค่เป็นเงา ๆ อยู่ในตรอกคนนึง”
ชิซึคุถือเครื่องดูดฝุ่นที่สร้างจากเน็นเตรียมพร้อม มาจิเอ่ยต่อ มือขึงด้ายเน็น
“อีกคนอยู่หลังถังขยะ”
“โอเค ใช้เงียวตลอดเวลานะ”
“ทราบแล้ว!”
คุราปิก้าในชุดสีดำทั้งตัวพร้อมสวมแว่นและวิกสีทองยาวอำพรางกัดฟันแน่น
มือยกขึ้นมา ออร่าแปรสภาพกลายเป็นโซ่ตามเรียวนิ้ว
แผ่นหลังพิงกำแพงในตรอกอย่างพร้อมปะทะ
‘เจ้าพวกแมงมุม ถ้าจะเข้าก็เข้ามาเลย!’
กอร์นที่ซ่อนอยู่หลังถังขยะส่ายหน้าปรามไม่เห็นด้วย
แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายไม่ฟังเขาเลยนี่สิ—
แต่จู่ ๆ
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ก็กะพริบปริบ กอร์นกำหมัดแน่น
‘ได้ มาวัดดวงกันหน่อย!’
เขาถลาออกไป
ยกสองมือยอมแพ้
“ขอโทษค้าบ! ผมไม่ตามแล้วค้าบ ยกโทษให้ผมด้วย!!”
มาจิเป็นฝ่ายคุ้นหน้าก่อน
เธอเท้าเอวพลางเดินเข้ามาใกล้
“เด็กนี่อีกแล้วเหรอ?”
ในขณะที่ชิซึคุจำไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว
ลืมสนิทว่าตนเคยแพ้แข่งงัดข้อกับเด็กคนนี้หรือแม้แต่ลืมว่าเด็กผมตั้งนี่เคยถูกพามาที่รังด้วย
ส่วนคุโรโร่มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นี่เรอะเด็กที่ว่าน่ะ”
“มีอีกคนไม่ใช่เรอะ ออกมาซะสิ”
“...”
เป็นคิรัวร์ที่โผล่ออกมาจากซอกตรอก
เด็กชายในชุดวอร์มล้วงกระเป๋าเสื้อด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน มาจิหรี่ตามอง
“มีธุระอะไร พวกมาเฟียยกเลิกเงินค่าหัวเราแล้วนะ”
“เอ๋! จริงเหรอ ทำไมอะ!?” คราวนี้เด็กตาแมวทำเป็นตกใจ
ใบหน้าใสซื่อจ้องตอบอย่างมืออาชีพ ส่วนอีกคนเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
ครืน...
เสียงฟ้าผ่าผสานไปกับเสียงฝน
แมงมุมจ้องตานิ่งราวกับลองเชิงจนน่าอึดอัด ความกดดันแผ่ซ่านเป็นวงกว้าง
“เอาไงดีหัวหน้า?” มาจิร้องถาม
“จับมันไว้”
บนยอดตึกด้านบน—
คุเรฮะซ่อนตัวลอบมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่บนนั้น
เธอสูดหายใจลึกเมื่อกอร์นกับคิรัวร์ไม่ได้ถูกทำอะไรนอกจากมัดแขนด้วยด้ายเน็น
แล้วถูกดึงไปทางโรงแรมเวจตาเคิลพร้อมกัน
แสดงว่าคุโรโร่เอะใจบางอย่างเข้าแล้ว
แต่แค่พวกนั้นปลอดภัยก็ไม่มีอะไรน่าห่วง
แค่ตอนนี้คาบเกี่ยวระหว่างถูกฆ่ากับไม่ถูกฆ่าก็เท่านั้นเอง
เซ็นริทสึกับคุราปิก้ามองภาพทุกอย่างอยู่ห่างออกไป
หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยปรามอย่างใจเย็น
“ถ้าไม่รักษาระยะห่างไว้ขนาดนี้ละก็จะเข้าไปในรัศมีระแวดระวังของพวกมันทันที
อำพรางจิตซะด้วยล่ะ”
ชายร่างโปร่งบางสบถด้วยแรงอารมณ์
“บ้าที่สุด!!”
“ใจร้อนจะเป็นภัยนะคุราปิก้า...!”
“รู้แล้วน่า!”
ผั้วะ—!!
ใบหน้าสวยหันตามเสียงกระทบ
หมัดหลุน ๆ ทำเอาเขาเซเสียหลักโดยไม่ทันตั้งตัว เขากุมแก้มหันกลับอย่างมึนงง
และพบว่าคนลงมือยืนอยู่ระยะประชิด
“รู้แล้ว? รู้แล้วงั้นเหรอ? ไม่หรอกคุราปิก้า
นายไม่รู้อะไรเลยต่างหาก”
ดวงตาสีแดงเสี้ยววาวโรจน์
แวบนึงเขาเห็นตาขาวของคุเรฮะเป็นสีแดงเลือด แค่แวบเดียวเท่านั้น
“เพราะนายมุทะลุไล่ตามไปนั่นแหละ สองคนนั้นถึงตกอยู่ในอันตราย
นี่น่ะเหรอที่บอกฉันไว้ว่าจะไม่ให้สองคนนั้นมายุ่งเรื่องนี้...!”
“...”
เจ้าของผมทองสั้นกุมมุมปากช้ำเลือด
เขาหลบตาไปทางอื่น
...ทำไมเธอต้องทำเหมือนเรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนด้วย
“คนที่เกิดมาในตระกูลดี ๆ อย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก”
เสียงจอแจรอบตัวเงียบลง
ราวกับมีแค่พวกเขาสองคนที่ยืนอยู่ตรงนี้
“ชนเผ่าฉันต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในขณะที่เธออยู่ท่ามกลางชื่อเสียง
พวกฉันถูกฆ่าล้างเผ่าเพื่อเอาดวงตา แต่คราวน์กลับเป็นที่เกรงกลัวและไม่กล้าแตะต้อง
นั่นมันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!”
พวกเขายืนอยู่คนละฝั่งกันตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนแรกคิดว่าเธอจะเข้าใจเขา
แต่เปล่า นั่นมันเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดไปเองทั้งนั้น
สายตาที่ว่างเปล่านั่นหมายความว่าเธอกำลังเย้ยหยันเขาอยู่ใช่ไหม
เธอกำลังสมเพชเขา
มองว่าเขามันเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเองอยู่ใช่รึเปล่า
ใช่
คุราปิก้ากำลังน้อยใจ น้อยใจมาตลอดทุกครั้งที่อยู่กับคุเรฮะและพบว่าเขากำลังดิ้นรนอยู่คนเดียว
เขาไม่เคยมีค่าในสายตาคุเรฮะเลย
“นั่นเป็นเหตุผลที่นายพาเพื่อนมาเสี่ยงอันตรายเพื่อความต้องการของตัวเองเหรอ”
ความว่างเปล่าในแววตาแฝงความผิดหวัง
คุเรฮะคลายมือที่กำหมัดลง “การจะเข้าใจนายได้ ทุกคนต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้นายได้ล้างแค้นงั้นเหรอ...คุราปิก้า”
“ฉัน...”
แววตาภายใต้คอนแทคเลนส์ฉายแววสับสน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้พวกนั้นเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้...”
“...”
เซ็นริทสึมองทั้งสองคนด้วยแววตาเห็นใจ
แม้ทั้งสองคนจะมีเหตุผลและเส้นทางของตัวเองแตกต่างกัน
แต่เสียงหัวใจของคุเรฮะกับคุราปิก้ากลับเหมือนกันจนน่าเศร้า
เสียงหัวใจที่กรีดร้องเจ็บปวดของทั้งคู่น่ะ...
ติ๊ด
เสียงข้อความเข้า
คุเรฮะเหลือบมองโทรศัพท์ตัวเองก่อนจะเก็บลงไป
ตัดสินใจเอ่ยเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ขึ้นมา
“ฉันฟังแผนของนายจากคิรัวร์แล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาลงมือ ตอนนี้เลโอลีโอคงถึงโรงแรมเวจตาเคิลพร้อมกับพวกแมงมุม
เราต้องให้หมอนั่นเป็นคนส่งสัญญาณ”
“ค-คุเรฮะ” คุราปิก้าเรียก ทำท่าจะคว้ามือของเด็กสาวเอาไว้ เธอเอ่ยทิ้งท้าย
“ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องคัตเอาท์โรงแรมเอง”
เด็กสาวตาสีผสมเทเลพอร์ตหายวับไป
__________C
H E C K M A T E__________
อีกสองตอน
(น่า) จะจบภาคแมงมุมแล้ว
ตอนนี้จะอิรุงตุงนังหน่อยเพราะคุเรฮะเลือกที่จะช่วยฝั่งกอร์นโดยเลี่ยงไม่ให้แมงมุมรู้
บวกกับความใจร้อนของคุราปิก้าด้วยที่ทำให้เรื่องบานปลาย
แต่มันก็มองได้สองมุมมองเนอะ
เพราะคุราปิก้าก็มองว่าตัวเองสูญเสียเผ่าเพราะแมงมุมเลยไม่แปลกใจที่ฟิวส์ขาดเมื่อพบตัวฆาตกรที่ลงมือทำ
ส่วนคุเรฮะก็ไม่เข้าใจเรื่องนั้น เพราะน้องเจ็บมาจากตระกูลเยอะแล้ว
ทำให้น้องเลือกที่จะปกป้องกอร์นและคิรัวร์
เลยมองว่าคุราปิก้ากำลังลากพวกกอร์นไปเสี่ยงเพราะความมุทะลุของตัวเอง
ความคิดเห็น