pindhunath
ดู Blog ทั้งหมด

สุขสันต์ฮัลโลวีน : เรื่องผีๆ กับคำอธิบาย

เขียนโดย pindhunath

              ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันฮาโลวีน เราก็ต้องคุยเรื่องผีๆ กันหน่อยดีกว่า เห็นพินธุนาถว่าชอบเขียนเรื่องผีๆ ถ้าถามว่าเชื่อเรื่องผีหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่า “ไม่เชื่อ แต่อย่าหลบหลู่”

               แหม้...พูดแบบนี้ก็แปลว่าแกเชื่อนั่นล่ะ เรียกสวยๆ ว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งดีกว่า ก็มันยังไม่มีใครรู้หรอกนี่นา ว่าผีมันมีจริงหรือเปล่า จะบอก เฮ้ย...ผีไม่มีจริง มันก็ยังไม่แน่ใจซะทีเดียว งั้นเราตายแล้วกลายเป็นความว่างเปล่าของจักรวาลงั้นเลยเหรอ โหย...งั้นยิ่งน่ากลัวกว่าอีกไหม งั้นตอบแบบเกรงใจว่าไม่เชื่อ แล้วก็ไม่ลบหลู่ละกัน เผื่อเหนียว...

               ตั้งแต่เกิดมาหลายหน้าฝน(คำยาวๆ ของคำว่าเริ่มแก่แล้ว) พินธุนาถ ก็ไม่เคยเจอผีนะ ขนาดไปอยู่ในสถานการณ์ที่น่าจะเจอคุณผีมากๆ ก็ยังไม่เจอเลยซักที มีครั้งหนึ่งตอนยังเด็ก ไปงานศพอาที่วัดต่างจังหวัด ไปถึงก็มืดแล้ว ศาลาตั้งศพเป็นศาลาโล่ง แต่ด้านหลังที่วางโลงศพมีผ้าขึงเอาไว้ ด้านหลังเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
               เราก็จะไปเข้าห้องน้ำ ปรากฏว่าสวิชต์ไฟเสีย เปิดไม่ติด ตอนนั้นก็คิดแต่ว่าจะเข้าห้องน้ำยังไงไม่มีไฟ ก็เลยเปิดประตูดูจุดยุทธศาตร์ว่า อ้อ...คอห่านอยู่ตรงนี้ (คอห่านคือส้วมซึม แบบที่ไม่มีชักโคกนะคะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีส้วมแบบนี้แล้ว) อ่างใส่น้ำที่กั้นเป็นสี่เหลี่ยมอยู่ตรงนี้ คือห้องน้ำแคบมาก พอปิดประตูปั๊บ มืดสนิทแบบมองอะไรไม่เห็นเลย ใจตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือ กลัวตกส้วม แต่ก็ทำภารกิจในความมืดลุล่วง ออกมาจากห้องน้ำอย่างปลอดภัย 
               พอจะกลับ แม่ของพินธุนาถก็จะเข้าบ้าง เราก็บอกว่าเขาไฟเสียนะ แม่ก็บอกยังไงก็ต้องเข้า นึกยังไงไม่รู้ลองกดสวิตช์ไฟอีกที อ้าว...ไฟติดซะงั้น แม่ก็เลยเข้าห้องน้ำปกติ 
              ระหว่างรออยู่หน้าห้องน้ำ เริ่มคิดสะกิดใจ เออ...กูนี่ก็ช่างกล้าเนอะ เข้าห้องน้ำในวัดมืดๆ ไม่เปิดไฟ แถมอยู่หลังศาลาตั้งศพ จะว่าความรู้สึกช้าก็ได้ พอคิดได้ปุ๊บ กลัวขึ้นมาซะงั้น แต่ก็เป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งได้ว่า ผีถ้าหากเขาจะไม่มา ให้อยู่ในที่มืด อยู่ในศูนย์กลางรวมผี ให้สุ่มเสี่ยงจะเจอขนาดไหน เขาไม่อยากมาให้เห็น เราก็ไม่เห็นเขานะเออ อันนี้ก็เล่าไว้เผื่อจะช่วยคนกลัวผีได้บ้าง

             ตั้งแต่เด็ก พินธุนาถชอบอ่านเรื่องผี แต่ไม่ชอบผีหลอกวิญญาณหลอนแบบปลิ้นตาแหกอกอะไรแบบนั้น แต่ชอบอ่านเรื่องผีวิญญาณที่เอาวิทยาศาสตร์มาจับหาเหตุผลให้กับชีวิตนิดหนึ่ง 
             อย่างตอนเด็กๆ มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ได้อ่าน เป็นเรื่องผจญภัยของสี่สหายผจญภัย แล้ววันหนึ่งต้องไปสำรวจโรงหนังผีสิง ซึ่งใครๆ ที่เข้าไปก็จะเจอกับความรู้สึกแปลกๆ เย็นจนเสียวสันหลัง มีเสียงหลอนๆ ในที่สุดเด็กๆ ก็หาสาเหตุได้ว่าเป็นเพราะโรงหนังมันเก่า มีรอยรั่วน้ำก็เลยซึมเข้ามาทำให้เกิดความชื้น แล้วเสียงที่ได้ยินก็เป็นคลื่นของเครื่องอะไรสักอย่าง สรุปก็คือ เป็นผีน้ำซึม บางครั้งความชื้น อากาศ คลื่นบางอย่างก็ทำให้เราสามารถรู้สึกกลัวขึ้นมาได้ อันนี้คืออ่านตอนเป็นเด็กประถม แต่ก็ทำให้เกิดความรู้ขึ้นมาได้ว่าบางทีการเห็นผีก็อาจจะไม่ได้เกิดจากวิญญาณของคนที่ตายไปแล้วอย่างเดียว 
              อีกเรื่องที่ชอบมากๆ คือ ล่องไพร ของน้อย อินทนนท์ ซึ่งชอบมาก อ่านครบทุกเล่ม เป็นแฟนนิยายเลยล่ะ กลับมาอ่านตอนนี้ก็ไม่ล้าสมัยแต่อย่างใด จะว่าเป็นนิยายชุดแฟนตาซีที่เป็นครูให้กับการเขียนของพินธุนาถเชียวล่ะ จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่เล่าถึงหน้าผาซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันว่าผู้ชายคนไหนไปยืนต้องมีอันกระโดดลงไปตาย เพราะเชื่อกันว่าที่เหวข้างล่างมีผีผู้หญิงมายืนเรียก แต่ ศักดิ์ สุริยาพระเอกของเรื่องก็หาเหตุจนเจอว่า มันเกี่ยวกับคลื่นหรือพลังงานอะไรบางอย่างที่ทำให้คนหลอนไปเอง ไม่ได้มีผีสาวสวยมายืนอยู่ตรงนั้นแต่อย่างไร ซึ่งมันก็จะคล้ายๆ กับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่ง ที่อธิบายว่า การที่คนสามารถเห็นผีได้ บางทีมันเป็นเรื่องของออกซิเจนที่น้อยเกินไป ครือๆ ว่าเป็นภาพหลอนที่สมองสั่งการให้มองเห็นขึ้นมา
 

             แต่ผีจะมีจริงหรือไม่ ก็ไม่สามารถทำลายความสนุก ตื่นเต้นของการอ่านเรื่องผีๆ จากมนุษยชาติลงไปได้หรอกค่ะ การอ่านเรื่องผีๆ เป็นเรื่องสนุกเหมือนกินส้มตำแซบๆ เผ็ดร้อน ระทึกใจ สำหรับคนหลายๆ คน รวมทั้งพินธุนาถ การเสพเรื่องผีๆ เรื่องลึกลับถือเป็นความบันเทิง เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน
เรื่องหัวใจรักสองวิญญาณ นิยายเรื่องล่าสุดที่กำลังเขียนอยู่ และเอาลงให้อ่านในเว็บเด็กดี ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่นคุณไสย ถ้าถามว่าพินธุนาถเชื่อเรื่องพวกนี้ไหม ก็อย่างที่บอกค่ะ เรื่องพวกนี้คืออ่านเป็นความบันเทิง

              เคยอ่านกระทู้ผีต่างๆ มีหลายคนที่เจอไสยศาสตร์ ต้องไปหาหมอผีมาทำของแก้ หมอผีก็จะแนะนำให้ทำโน่นทำนี่ เสียเงินแล้วยังต้องทำอะไรแปลกๆ ที่ก็ดูไม่ค่อยเป็นมงคลนัก เรื่องที่เล่าก็อ่านเอาเพลินๆ แต่มีคอมเม้นต์หนึ่งที่ประทับใจพินธุนาถมาก อ่านตอนแรกก็ตกใจเหมือนกันว่าเขียนแรง แต่พออ่านจบก็คิดว่าจริงมาก คือเขาบอกว่า
ถ้าคุณเอาไสยศาสตร์ไปแก้ไสยศาตร์ก็เหมือนเอาน้ำปัสสาวะไปล้างอุจจาระ อ่านตอนแรกขนลุก ไม่ได้กลัวนะแต่รู้สึกอี๋เมื่อนึกภาพน่ะ แต่เขาก็เขียนต่อไปว่า ล้างยังไงมันก็ไม่หมดหรอก คุณต้องเอาน้ำสะอาดล้าง น้ำสะอาดที่ว่าก็คือคุณงามความดี การสวดมนต์ ทำสมาธิให้ใจบริสุทธิ์ เออ...จริงนะ
ในบรรดาเรื่องลึกลับหาคำอธิบายไม่ได้ มีเรื่องเดียวที่พินธุนาถเชื่อและศรัทธาก็คือการสวดมนต์ แผ่เมตตา ทำสมาธิ อันนี้ได้ผลจริงๆ

              เพราะในที่สุดแล้ว ธรรมะย่อมชนะอธรรมวันยังค่ำ สุขสันต์วันฮาโลวีนค่ะ


ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น