ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #17 : III Slam Dunk III ...17...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.68K
      27
      27 ต.ค. 52

     

     

    พอเสียงออดที่ดังเป็นสัญญาณว่า เลสโกโฮมกันเต๊อะพี่น้อง!!! ดังขึ้น หลายชีวิตที่เตรียมเก็บกระเป๋าไว้ตั้งแต่สิบหน้านาทีที่แล้ว และรอคอยนับเวลาถอยหลังที่จะได้ปิ๊กบ้าน ก็พุ่งทะยานเหมือนนักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิคออกนอกเขตสถานกักกันที่ขึ้นชื่อว่า โรงเรียนโดยทันที ..เหลือทิ้งไว้แต่เด็กอนาคตมืดมนอย่างทงเฮให้นั่งเป็นผีเฝ้าสุสานต่อไป เพราะวิญญาณหลุดเนื่องจากตั้งใจเรียนเกิดพิกัดกำลังสมอง ซีพียูก็เลยเจ๊งกระบ๊งด้วยประการฉะนี้แล

     

    "เฮ้ย! ซีวอน ..ทงเฮเป็นอะไรวะ ตั้งแต่ตอนกลางวันที่โดนทำโทษกลับมาก็ทำหน้าเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก นี่พวกกูกะจะให้มันเล่าเรื่องที่มันอะโช๊ะอะเช๊ะกับแฟนมันต่อซะหน่อย เมื่อไหร่เดอะด๊องจะรีเทรินวะ?!"

     

    เพื่อนชมรมหื่นไม่จำกัดเวลา(และสถานที่) เดินเข้ามากระซิบถามเอากับเพื่อนสนิทของทงเฮ เพราะเห็นมันทำหน้าเหมือนปลาบู่ทองเหม็นบูดอย่างนั้น ถึงเรื่องมันจะเล่าได้สุโค่ยแค่ไหน พอมองหน้าคนเล่า มันก็ย่อมหมดมู้ดกันเป็นธรรมดา

     

    อย่าน้อยก็ให้มันช่วยทำตัวสดใสกระปรี้กระเปร่ากว่านี้หน่อยก็ยังดี

    ทำหน้าเหมือนเสียบริสุทธิ์ให้สาวแก่คราวยายให้กูสยองเล่นซะงั้นน่ะ -*-

     

    อารมณ์หื่นๆพวกูหายโม้ดดดดดดดดดดดดดด

     

    "พวกเมิงยังจะรอมันรีเทรินอยู่อีกเหรอ เมื่อวานไม่เห็นมันสาวแตกหรือไง?"

     

    "เออ เห็น"

     

    "หรือว่ามันเป็น..........." เพื่อนอีกคนทำตาวาวแล้วหันไปมองยังคนที่นั่งเอาหัวทุบกับโต๊ะ ระบายความเครียด(?!)

     

    "อืม กูไม่คิดว่ามันจะเคยมีอะไรกับผู้หญิงจริงๆหรอกนะ เรื่องพรรค์นั้นไปหาอ่านเอาตามหนังสือลามกอะไรก็ได้นี่ อย่างท่าบางท่า อย่างเช่นอุ้มแฟนมันขึ้นเตียงเนี่ย พวกเมิงคิดเหรอว่าตัวเล็กๆบางๆแบบมันจะทำให้ผู้หญิงไหวน่ะ" หลายคนทำสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยังอดแย้งไม่ได้อยู่ดี

     

    "แต่ผู้หญิงเค้าก็อาจจะตัวเล็กก็ได้นี่"

     

    "ขนาดตอนอาจารย์ให้ไปแบกแผนที่โลกมาจากห้องโสตฯ มันยังบ่นโวยวายแทบตายว่าหนักๆ จนกูต้องยอมทนแบกแทนมันหมด แล้วยอมให้มันเดินตัวปลิว เพราะกูรำคาญเสียงงอแงของมันที่หาว่ากูหน้าม้า หาว่ากูใจร้าย -*- แล้วยิ่งถ้ามันอุ้มผู้หญิงจริงๆ ตอนนั้นมึงคิดว่ามันจะทำได้โดยไม่ปริปากบ่นเลยหรือไง?!"

     

    เหตุผลของซีวอนช่างเป็นการชักชวนให้คล้อยตามได้อย่างไม่มีที่ติ เพื่อนๆหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานนั้นกันใหญ่

     

    "แล้วตกลง ที่มันสาวแตกแหวกสปีชี่คนมาดแมนเมื่อวานน่ะ เพราะอะไรเหรอ?" นายแว่น ผมทรงกะลาครอบเอ่ยถามขึ้น หน้าตาไม่ได้บ่งบอกเลยว่าจะเป็นสมาชิกชมรมหื่นกะเค้าด้วย

     

    "เออๆ ใช่ ปกติเห็นแต่มันแบบหน้ามันๆหัวยุ่งๆ แต่ตอนที่เห็นมันแต่งตัวดีๆ กูก็เพิ่งจะสังเกตเหมือนกันว่าไอ้ทงเฮมันก็น่ารักดีนี่หว่า หน้าขาวๆ ปากแดงๆ ตัวเล็กๆ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงกูจีบไปแล้วเหอะ!!!" อีกคนเสริมอย่างตื่นเต้นตกใจเหมือนเพิ่งเจอกระทิงป่าที่สามารถปัดขนตาให้งอนเช้งได้ด้วยกีบเท้าของตัวเอง!

     

    "ถึงเป็นผู้ชายกูยังแอบใจเต้นเลยนะ แต่เสียดายที่รู้เช่นเห็นชาติกันมาก่อน ไม่งั้นกูอาจจะปิ๊งมันก็ได้" เด็กหนุ่มคนแรกที่เดินเข้ามาถามซีวอนถอนหายใจด้วยความเสียดาย ...เห็นนิสัย อ้อ ไม่สิ เวรี่โคตรของสันดานออริจินัลของมัน แล้วก็ทำใจจีบไม่ลงจริงๆ

     

    ....มันเลวร้ายเกินทน!!!!!!  T.T

     

    "อยากรู้งั้นเหรอ?" ซีวอนยิ้มกริ่ม ..หน้าตาไม่น่าไว้วางใจ

     

    "อือ" ประสานเสียงกันร้องพร้อมกับทำหน้าตาตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

     

    "เพราะว่า.................."

     

    "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!"

     

    ยังไม่ทันได้แฉ ตัวต้นเรื่องก็ส่งเสียงร้องเป็นทาร์ซานจ้าวป่าออกมาเสียก่อน ทำให้หลายคนที่ยังอยู่ในห้องนั้น หันไปมองต้นเสียงกันเป็นตาเดียว รวมถึงซีวอนและผองเพื่อนคณะหื่นอีกด้วย

     

    ผีบ้าเข้าสิงมึงหรือไง  =___=*

     

    "ร้องทำไมวะ ทงเฮ..?" ฮยอคแจเอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆระหว่างที่กำลังจดการบ้านข้อสุดท้ายลงสมุด ...ขวัญเอ้ย ขวัญมา  เมื่อกี้ตกใจเสียงมันซะจนเกือบกรี้ดตามแน่ะกู -*-

     

    "เลิกเรียนแล้วเหรอ?! ทำไมเลิกเร็วจังล่ะ อ๊ากกกกกกกกกก!!!!" ท่าทางคงสติหลุดจริงๆ ฮยอคแจส่ายหน้าให้กับความซวยของตัวเองที่มีเพื่อนไม่เต็มเต็ง ..รู้งี้ไม่แบ่งนมสตอเบอรี่ให้มันกินตอน ป.2 ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเป็นเพื่อนกะมันตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง

     

    "เลิกแล้วไม่ดีใจหรือไง เห็นปกติมึงแทบจะกระโจนออกนอกหน้าต่างทันทีที่ออดดัง ทีอย่างนี้ล่ะมาทำเป็นถามว่าทำไมเลิกเร็ว ธ่อ~"

     

    "ก็กูอยากเรียน อยากจะเอาความรู้ใส่สมอง ความใฝ่ฝันสูงสุดของกูคือการเรียนจบด๊อกเตอร์ แล้วได้รับปริญญาที่ ‘ฮา-หวาด' อ่ะ มึงไม่รู้หรือไง!"

     

    ทงเฮหันมาค้อนประหลับประเหลือกใส่ฮยอคแจ ซึ่งคนโดนค้อนวงโตได้แต่งงกับชื่อมหาลัยของเพื่อนรักเหลือหลาย

     

    มันอยู่แห่งใดในโลกล่ะวะ ไอ้(ฮา-หวาด)เนี่ย  -*-

    แล้วโทษนะ ....ถ้าหน้าอย่างเมิงจบด๊อกเตอร์ล่ะก็....

    คนทั้งโลกก็จบกลายเป็นโคตรด๊อกเตอร์กันหมดแล้วเฟ้ยยย!!!!

     

    "เออๆ งั้นกูก็ขออวยชัยให้เมิงสมปารถนาในเร็วๆนี้ล่ะกัน" ฮยอคแจตัดบทเพราะขี้เกียจเถียง พูดกับมันทีไรเป็นได้ปวดหัวทุกที สู้ยอมให้มันอยู่กับเพื่อนในจินตนาการต่อไปเสียยังดีกว่า

     

    "ซีวอน!!!!"

     

    เพื่อนไก่เดินหลีกหนีตีจากปลากระป๋องหมดอายุ มาร้องหาบาทหลวงชเวที่กำลังยืนจับกลุ่มเม้าท์อยู่กับกลุ่มหื่นของห้อง เพราะถึงเวลาที่พวกเค้าจะออกไปบวช เอ๊ย! ออกไปโบสถ์เพื่อติวหนังสือกันตามที่ได้นัดหมายกันไว้แล้ว

     

    "จะไปกันได้หรือยัง?"

     

    "อือ...ได้ๆ" ซีวอนหันมาพยักหน้าให้ฮยอคแจพร้อมสะพายเป้ขึ้นบ่า แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาให้คำตอบกับพ้องเพื่อนคณะหื่นก่อนจะไปว่า...

     

    "ส่วนเรื่องที่พวกเมิงอยากรู้ว่าทำไมมันถึงสาวแตก..." เว้นช่วงจังหวะนิดหน่อยพอให้ตื่นเต้น แต่ถ้าเว้นนานกว่านี้ซีวอนก็อาจจะโดนสหบาทาได้ เพราะเพื่อนๆเริ่มหมั่นไส้หน้าตายิ้มกรุ้มกริ่ม ประมาณว่า กูรู้แต่อมพะนำไว้ ของชเวซีวอนเหลือทนแล้วล่ะ -*-

     

    "เชื่อกูสิว่า พวกเมิงไปถามคิมคิบอมจะดีกว่านะ"

    "...ไปกันเถอะ ฮยอคแจ"

     

    พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปคว้ามือบางมาถือครองเป็นของตัวเอง ก่อนจะออกแรงดึงน้อยๆ ให้ฮยอคแจที่กำลังเหวอๆ เดินตามการลากจูงของตัวเองมา (กุไม่ใช่ควายนะเฟ้ย! -*-) โดยที่ไม่สนใจว่าร่างบางจะอยาก..สะเอือก..เรื่องที่ซีวอนเพิ่งพูดทิ้งท้ายไว้กับเพื่อนๆเต็มพิกัด เพราะคนอย่างอีฮยอคแจน่ะ อย่าให้เห็นคนจับกลุ่มคุยกันเกินสองคนเชียว ไม่งั้นต่อม ‘เพททาทูกูยะอากจะสู่รู้' จะกำเริบขึ้นมาทันที!!!!

     

    "จะไปไหนกันน่ะ!?" และแล้วก็มี ‘ปลามาผจญ' ซีวอนลอบถอนหายใจเซ็งชีวิต ก่อนจะพูดตอบคนที่ยืนเท้าสะเอวจังก้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

     

    "ติวหนังสือ"

     

    "ที่ไหน?"

     

    "ที่โบสถ์ ...มึงจะไปด้วยเหรอ?" ฮยอคแจถามอย่างมีความหวัง เผื่อจะท่านศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์อีทงเฮจะอยากมาร่วมติวที่โบสถ์กับพวกเค้าบ้าง

     

    "เอ่อะ ไม่ดีกว่านะ" น้องปลาหน้าหมวยเบ้ปากทันทีที่ได้ยินคำว่าโบสถ์ ฮยอคแจเห็นแล้วก็พาลทำให้รู้สึกว่าตัวองเพิ่งจะพูดเรื่องสุดสยองให้เพื่อนตัวเล็กฟังยังไงยังงั้น

     

    "ถ้ามึงไม่ไป ก็ช่วยหลีกทางไปให้ไกลๆเลย พวกกูรีบ..." ทงเฮชูกำปั้นใส่หน้าม้าๆของซีวอน แล้วก็ต้องจำใจยอมหลีกทางให้คนทั้งสองแต่โดยดี

     

    ...แหม๊ ทำยังกะจะรีบพาเมียไปทำคลอดที่โรงพยาบาลแน่ะ ไอ้ชเวเอ๊ย!!

    นี่กูอีทงเฮ..เพื่อนเมิงนะ ไม่ใช่กรวยสีส้มที่ตั้งขวางทางจราจร!!!

     

    ทงเฮโวยวายในใจไล่หลังคู่ผัวตัวเมียที่เพิ่งจะจูงมือกันไปจดทะเบียน เอ๊ย! ไปติวหนังสือที่โบสถ์ โดยทิ้งเพื่อนผู้แสนน่ารักให้โลนลี่เดียวดายอยู่ภายใต้สายตาเรดาห์ของแกนนำกลุ่ม ครคฮ.

     

    ง่ะ...เจ๊แกถือหลุยส์โฉบมาหยุดยืนแล้วจ้องหน้าทงเฮตาไม่กระพริบเสียแล้ว

    อืม สายจาเจ๊แกจะสื่อถึงอะไรล่ะเนี่ยยยย....

     

    "มอง'ไร" ยังจำมิเคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ ที่เธอทำกับชั้นนั่นไง ยังเก็บเอาไว้ในใจเรื่อยมา...

     

    จู่ๆเพลงนี้มันก็ผุดขึ้นมากลางใจโดยไร้สาเหตุ เมื่อเห็นหน้ายัยชิมแชอึน ภาพตอนที่หล่อนโมเมเอาคิบอมมาเป็นติวเตอร์ให้เค้าโดยพลการ ก็ฉายซ้ำขึ้นมาในหัวสมองระดับด๊อกเตอร์ของทงเฮทันที

     

    "มองพวกไม่รู้จักโพสิชั่นตัวเอง"

     

    อะโห....เหยียดมากๆ

    รู้สึกได้ว่ามันเป็นคำด่า ถึงทงเฮจะไม่ค่อยแน่ใจเรื่องความหมายของประโยคนั่นสักเท่าไหร่ -*- แต่ก็นั่นแหละ  มันสัมผัสได้ด้วยอวัจนภาษาว่าแชอึนจะต้องด่าเค้าอยู่อย่างแน่นอน!

     

    "ชั้นจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ‘โลเกชั่น' มันก็เรื่องของชั้น ไม่ใช่ของเธอ!!" เป็นไงล่ะ...เจ๊ โดนด่ากลับเจ็บแสบดีมั้ยล่ะ เหอๆ (แชอึน : กุควรจะเจ็บดีมั้ยเนี่ย =_=)

     

    "เฮ้อ~~ หวังว่าคิบอมคงไม่ต้องติวให้นายทุกวิชาหรอกนะ" รู้ได้ทันทีว่างานนี้คิบอมเหนื่อยแน่ เพราะต้องมาติวให้คนจบด๊อกเตอร์คณะกระบือสาด(ๆ)อย่างอีทงเฮคนนี้

     

    "มันจะเป็นไปได้ยังไง อันบีลีฟเอเบิ้ล!!"

     

    "...=_________=..."

     

    แชอึนยังชักหน้าเหนื่อยใจเข้าไปใหญ่ เวลาที่ได้ยินทงเฮเอาภาษาอังกฤษมาใช้แบบผิดๆถูกๆแบบนี้

    อยากรู้ซะจริงๆว่ามันจบประถมมาได้ยังไง ถ้าไม่ลอกข้อสอบเพื่อนมาหรือไม่ก็ติดสินบนอาจารย์

     

    "เออๆ ช่างเถอะ วันนี้ชั้นต้องกลับก่อนล่ะ มีงานเซล์ปราด้ากับหลุยส์วิตอง เดี๋ยวต้องรีบไปสอยก่อนของหมด ยังไงก็อย่าลืมทำตัวให้มันเหมาะสมกับที่เป็นแฟนคิมคิบอมด้วยล่ะยะ อีทงเฮ!"

     

    สั่งกำชับเด็กในคอนโทรลสองสามคนว่าให้ช่วยจับตาดูทงเฮอยู่ห่างๆ ก่อนที่เจ๊แชอึนจะเดินเชิดหน้าออกจากห้องเรียนไป

     

    "จะรีบไปซื้อปลาร้ากับคนขายที่ชื่อหลุยส์คิงคองกับเรื่องของเธอสิ แล้วจะมาสั่งการให้ลูกน้องอยู่คุมตัวชั้นแทนทำไมกัน ยัยแชอึนเอ๊ยยย"

     

    ทงเฮบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะเหล่มองสองสาวบอดี้การ์ดหน้ากลมอย่างหวาดๆ พอพวกหล่อนพยักหน้าขรึมๆให้ พร้อมทั้งชูสองนิ้วชี้ตาตัวเอง ก่อนจะชี้มายังทงเฮแล้ว ก็ทำให้เสียวสันหลังวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

     

    นี่กูเป็นนักโทษในเรือนจำหรือนักเรียนในโรงเรียนกันแน่เนี่ยยยย....เวรกรรม  (;¬_¬)

     

     

     

    ***************

     

     

    ถึงแม้ว่าผู้คุมความประพฤติทั้งสองของทงเฮจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าตอนนี้พวกชีอยู่ตรงส่วนไหนของโลก แต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกจับตาดูการเคลื่อนไหวของทงเฮอยู่ทุกฝีก้าว เพราะฉะนั้นการกระเดินของทงเฮจากตึกเรียนไปยังโรงยิมจึงดูค่อนข้างหลุกหลิกพิกล คอยระแวงอยู่ตลอดเวลาว่ายัยพวกนั้นจะคาบอะไรแปลกๆไปรายงานหัวหน้าใหญ่อย่างแชอึนหรือเปล่า...

     

    "เฮอะ! จะกลัวทำไมกัน... กะอีแค่ผุ้หญิงสองคน" พูดกับตัวเองเพื่อเพิ่มพูมกำลังใจ

     

    "หม่ามี้อุตส่าห์คลอดมาให้เรามีน้องชายขนาดบิ๊กเบิ้มซะอย่าง ก็ต้องทำตัวให้มันแมนๆสมขนาดน้องชายหน่อยสิวะ อีทงเฮ~" เป็นการไซโคตัวเองอย่างผิดหลัก เพราะสิ่งที่พูดมาเมื่อกี้แทบจะไม่มีความจริงอยู่เลยในประโยคนอกจากคำว่าทงเฮมีน้องชาย นอกจากคำนั้นก็ตัดทิ้งคำไปได้เลย!!

     

    แต่เมื่อคิดหลอกตัวเองสำเร็จแล้ว ความฮึกเหิมของทงเฮก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาด ร่างบางเงยหน้าขึ้นสู้แสงอาทิตย์ยามเย็น หลังจากที่เดินก้มหร้าหาเศษตังค์ตามทางมานาน ก่อนจะอกผายไหล่ผึงหน้าตึงนมตั้ง (กูไม่มีนมเว้ย) เริ่มเดินกร่างๆในท่านักเลงที่คิดว่าเจ๋งที่สุดและเท่ห์ที่สุดเทาที่จะทำได้

     

    ป๊อก!

     

    เศษหินถูกเขวี้ยงมาโดนหัวทันทีที่เดินขาแขนกางไม่เหมาะสมกับภาพพจน์ของนางงามอุเคะ ทงเฮกุมหัวร้องโอย ก่อนจะรีหันมองซ้ายขวาหาพิกัดของคนปา แต่ก็เงียบ โนบอดี้ โนบอดี้ บัทกู(เจ็บมากๆ)  T_T

     

    น้ำตาเล็ดน้ำตาไหล... บ่นสาปแช่งคนปาสองสามคำพลางก้มลงหยิบเศษหินที่ถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษ พอคลี่ออกก็เจอกับตัวหนังสือที่เขียนว่า ‘ครั้งหน้าจะเป็นก้อนอิฐ' นำมาซึ่งความขนพองสยองเกล้า จนทงเฮนึกสบานในใจว่าจะไม่หาเรื่องใส่ตัวอีก

     

    ...นี่กูกำลังถูกคุมประพฤติ หรือกำลังจะโดนลอบฆ่ากันแน่วะ ฮืออ 

    ครั้งหน้าเล่นปาก้อนอิฐกันเลยงั้นเหรอ?

     

    โหดไปม้างงงงงงง

     

    คิดแล้วก็น้ำตาตกใน แต่ก็ยอมทำตัวให้เรียบร้อยขึ้นแต่โดยดี เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมีอันมอดม้วยมรณาก่อนวัยอันควร

     

    "อีทงเฮ!!!!!!!!!"

     

    เสียงเรียกเหี้ยมเกรียมดังขึ้นทันทีที่ทงเฮเหยียบย่างเข้าไปในโรงยิม เกือบๆจะชักเท้ากลับออกมาเหมือนกำลังถูกนายสถานีบนรถไฟฟ้าตะโกนเรียกตอนที่ออกมายืนนอกเส้นสีเหลืองยังไงยังงั้น แต่เพราะพี่คังอินได้เดินดุ่มๆมาจนถึงตัวทงเฮแล้วน่ะสิ ถึงทำให้เค้าไม่สามารถโกยอ้าวกลับไปตั้งหลักใหม่ที่บ้านได้อย่างใจคิด

     

    "ฮะ!!"

     

    "คิบอมไปไหน? ทำไมยังไม่มาอีก วันนี้เรามีซ้อมกับนักกีฬาจากจุงวานด้วยนะ!"

     

    "คือผม........."

     

    "อ้าว แฟนหายไปไหนซะล่ะ ทำไมไม่มาด้วยกัน" วาจาเยี่ยงสุนัขอย่างนี้ อย่าอยู่ให้รกโลกเลยดีกว่านะครับ ไอ้พี่ปาร์ค -*-

     

    ทงเฮถลึงตาใส่รุ่นพี่ที่เดินเข้ามาสมทบกับคังอินอย่างปาร์คยูชอน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด หน่ำซ้ำยังฉีกยิ้มเป็นตลกสามช่าพาขำอยู่ได้ ...มันน่าจับไปตุ๋นยาจีนซะจริงๆ!

     

    "คือผม........."

     

    "ไม่ต้องมาอ้าง รีบไปตามคิบอมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ..จวนจะถึงเวลาแล้ว!!"

     

    ดุรุ่นน้องตัวกระเปี๊ยกที่อ้าปากจะเถียงก็เถียงไม่ทัน เพราะคังอินดันตัวทงเฮให้กลับหลังหันพร้อมทั้งผลักตัวเค้าให้เดินกลับไปตามโกดมีนัมรูปหล่อ น้องรักของประธานชมรมมาอย่างโดยด่วน มิเช่นนั้นความซวยจะม้ายือนคนที่มีชื่อว่า อีทงเฮ โดยไม่รู้ตัว

     

    "แล้วไอ้บ้านั่นมันหายหัวไปไหนวะ!!!" ฮึดฮัดอยู่คนเดียว หลังจากถูกเฉดหัวให้ออกมาจากชมรม แต่บ่นไปได้ไม่ถึงห้าวิ เศษหินก็ถูกปามาที่หัวเค้าอีกครั้ง แม่นยำราวจับวาง!

     

    "เอรี้ย! เจ็บนะเว้ย!!" สบถคำด่ามือมืดที่ปาหินใส่ แล้วก้มลงเก็บกระดาษที่ห่อก้อนหินขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

     

    ‘ตอนนี้คิบอมยังอยู่ที่ห้องเรียน ..แล้วก็ห้ามเรียกแฟนตัวเองว่าไอ้บ้าอีกล่ะ ไม่งั้นเจอยิ่งกว่าก้อนอิฐแน่!'

     

    =____=;

    เอิ่ม ...

    แน่ใจแล้วล่ะว่ากูถูกขู่ฆ่าอยู่จริงๆ!!!

     

    อยากจะวิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจ ฟ้องว่าหนูกำลังโดนประทุษร้าย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ทงเฮกำลังขนลุกซู่เนื่องจากคำขู่ช่างน่ากลัวเกินจะทานทน สองคนนั้นอาจจะเป็นนักแม่นธนูไม่ก็เขวี้ยงจักรทีมชาติก็ได้ ถ้าดูจากรูปร่างหน้าตาที่เหมือนแครบกะกอยล์เวอร์ชั่นผู้หญิงในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์อ่ะนะ -*-  เพราะฉะนั้นคงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่ทงเฮจะนึกลองของ!

     

    "อืม...แต่อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์ล่ะนะ" ร่างบางพึมพำก่อนจะเก็บกระดาษเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ตึกเรียน โดยแทบจะลืมนึกไปเลยว่านอกจากการเดินไปตามคิบอมให้รีบมาที่ชมรมแล้ว

     

    ..เค้ายังต้องเสียอะไรบางอย่างให้เป็นค่าตอบแทนอีกด้วย

     

     

     

    ***************

     

     

    พอทงเฮมาถึงที่ห้อง 2A นักเรียนในห้องก็หายไปเกือบหมดแล้ว คนตัวเล็กรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะเค้าเองก็ไม่อยากจะเยื้องย่างกรายเข้ามาในถิ่นของเด็กพิเศษแถบนี้สักเท่าไหร่หรอก

     

    แต่การที่ต้องหอบสังขารเดินไปเดินมาระหว่างตึกเรียนไปโรงยิมแล้วก็กลับมาปีนขึ้นมาที่ชั้น6ของตึกเรียนอีกที มันก็ทำให้หนุ่มล่ำ(!?) อย่างทงเฮหอบจนลิ้นห้อยได้เหมือนกันนะ..!!

     

    ดวงตากลมโตทำหน้าที่สอดส่องหาเป้าหมายที่น่าจะนั่งอยู่ตรงประตูทางเข้าหลังห้อง และก็อยู่ตรงนั้นจริงๆซะด้วย ..คิมคิบอมที่กำลังนั่งล้วงกระเป๋าหลับตาฟังเพลงจากไอพอดน่ะ! แต่ มายก๊อดดดดด ไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามันเท่ห์มันหล่อมันเวรี่แฮนด์ซั่ม! มองแล้วก็อดทึ่งในความหน้าตาดีเหมือนรูปปั้นที่ถูกสรรสร้างปั้นแต่งขึ้นมาอย่างดีไม่ได้

     

    "นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากคนที่นั่งหลับตาอยู่ ทำให้ทงเฮตกใจแต่ก็อุดปากตัวเองไว้ทัน ก่อนที่จะร้องโวยวายให้เสียฟอร์มออกมา

     

    โธ่...นั่งหลับตาก็ไม่บอก ไอ้หอกนี่ -*-

    กุก็ยังนึกแปลกใจอยู่เลยว่า มันจะมีมนุษย์หน้าไหนที่นั่งหลับท่านี้จริงๆ...

     

    "ก..ก็นายไม่ไปชมรมนี่ ชั้นก็เลยถูกพี่คังอินบังคับให้มาตามนายอีกรอบ เหนื่อยจนหอบแล้วนะ รู้มั้ย!?"

     

    "เหรอ?" ลืมตาขึ้นมามองหน้าคนที่บอกว่าเหนื่อยจนหอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไอพอดมากดปิด แล้วดึงหูฟังออกจากหูทั้งสองข้าง

     

    "เออน่ะสิ รีบๆไปได้แล้ว วันนี้มีพวกนักเรียนจากโรงเรียนจุงวานมาเป็นคู่ซ้อมพิเศษให้ด้วยนะ"

     

    "อืม"

     

    "อืม...แล้วก็ลุกเด่ะ"

     

    "อืม"

     

    ทงเฮชักสีหน้าใส่คนที่ร้องว่าอืม แต่ก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวสักที ไม่รู้ว่าจะร้องอืม หาปะป๋าเมิงหรือไง?

     

    "รีบๆลุก แล้วไปที่โรงยิมสักที!!"

     

    "ลืมอะไรไปหรือเปล่า?"

     

    "ลืมอะไร?"

     

    ทงเฮทวนคำถามหน้ามึน แต่แล้วพอลองนึกดูให้ดีๆ คำสัญญาเมื่อสายันต์ ตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งเมื่อตอนกลางวันก็เข้ามาตอกย้ำกับเค้าอีกครั้งว่า......

     

    "จะ...จูบงั้นเหรอ!!!??" ถอยกรูดไปราวสิบก้าวจนหลังติดผนังระเบียงทางเดิน หน้าตาบ่งบอกได้ว่าร่างบางกำลังคาดหวังให้คิบอมพูดคำว่าล้อเล่นออกมาขนาดไหน

     

    "อืม~"

     

    "น..น่ะ...นายเป็นเกย์หรือไง!?" พูดหยั่งเชิง เพื่อว่าคิบอมจะลืมไปว่าการจูบผู้ชายด้วยกันมันเข้าข่ายผิดศีลธรรมจนสามารถทำให้ชายแท้ธรรมด๊าธรรมดากลายพันธุ์ มิวเตชั่นไปเป็นเกย์ตัณหากลับได้เลยนะ!

     

    "อืมก็น่าลอง..." คำพูดสองแง่สองง่าม ทำให้ทงเฮร้อง แว๊กกก เหมือนเป็ดถูกเชือดอยู่ในใจ

     

    "แต่ก็แล้วแต่นายนะ ไม่ต้องทำก็ได้ ชั้นไม่ได้บังคับนิ"

     

    "หมายความว่านายจะยอมไปชมรมถ้าชั้นไม่จูบนายเหรอ?"

     

    "เปล่า" ...อ้าว -*- แล้วจะพูดว่าไม่ได้บังคับทำซากอ้อยอะไรวะ ก็ในเมื่อถ้าไม่ยอมจูบเมิงก็ไม่ไปชมรม มันก็เป็นการบังคับให้กูจุ๊บุจุ๊บุกะเมิงกลายๆล่ะว้า~

     

    "นายนี่มัน........." นิ้วที่ชี้หน้าคิบอมสั่นระริก โฮกกก เมียในอนาคตจ๋า ทงเฮคนนี้ต้องขอโทษด้วยที่ต้องมาเสียจุ๊บุแรกของพวกเราให้กับไม้ป่าเดียวกันอย่างไอ้หน้าปลาตีนคิมคิบอมคนนี้ (สาบานว่าทีว่านั่นปากแก อีทงเฮ -*-)

     

    อ่อ...ไม่ใช่สิ จุ๊บุที่สองของเราต่างหาก  =__=*

     

    ระหว่างที่ทงเฮกำลังนึกกราบขอขมาเมียอินเดอะฟิวเจอร์ที่ไม่รู้ว่าจะได้มีจริงหรือเปล่าในใจ ร่างสูงของคิบอมก็ผุดลุกขึ้นยืน ทำท่าเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายหนังอย่างดี จนทงเฮต้องรีบตะครุบมือนั้นไว้เสียก่อน

     

    "นายจะไปไหนน่ะ!!???"

     

    "กลับบ้าน"

     

    "ตะ...แต่ว่า...."

     

    "จะเอายังไง" คิบอมเอ่ยถามเสียงเรียบกับคนที่ทำตาหลุกหลิกเหงื่อแตกพลั่กๆ สถานการณ์กดดันเช่นนี้กำลังทำให้ทงเฮตัดสินใจเลือกไม่ถูกจริงๆว่า จะยอมยากๆหรือยอมง่ายๆดี (สุดท้ายก็คือ ‘ยอม' ล่ะว้า~)

     

    "เอ่อ...คือ....."

     

    "ถ้าไม่งั้น ชั้นก็จะได้...................."

     

    ยังพูดไม่ทันจบ สัมผัสนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางสีแดงสดก็ทาบทับลงมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

    คิบอมตาค้างอยู่ไม่กี่วินาที แต่ก่อนที่กลีบเนื้ออ่อนนุ่มจะถูกเจ้าของผละออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมที่พัดผ่าน เค้าก็รีบคว้าร่างบอบบางไว้ในอ้อมแขนแกร่ง แล้วก้มลงกดริมฝีปากของตัวเองลงไปแนบชิดอีกครั้ง เพื่อซึมซับความนุ่มละมุนที่ครั้งหนึ่งเค้าเคยได้ครอบครอง...

     

    และมันก็ติดอยู่ที่ปลายริมฝีปากตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ...ไม่จางหาย

     

    "ปล่อยนะ...!!" พอเค้าปล่อยคนปากน่าจูบให้ได้ร้องประท้วง ทงเฮก็ใช้โอกาสนั้นทุบอกเค้าดังปั่ก แต่เรี่ยวแรงเท่ามดตัวน้อยๆอย่างนี้ มันไม่ได้ทำให้เค้าเจ็บปวดเท่าการที่เรียวปากถูกผละออกจากกันหรอก

     

    หวานดีชะมัด.....อีทงเฮ

     

    "ยิ้มบ้าอะไรวะ!!??" คิบอมยอมคลายอ้อมกอดตามคำร้องแต่โดยดี เค้ายิ้มให้ท่าทางขัดเขิน หน้าแดงหูแดงของทงเฮด้วยก้นบึ้งของหัวใจ แต่อีกฝ่ายกลับกลบเกลื่อนความเขินนั้นด้วยท่าทางห่ามๆ และวาจาหยาบๆตามนิสัย

     

    อย่างนี้มันน่าจับมาบดปากสั่งสอนอีกสักรอบจะดีมั้ยนะ?

     

    "เฮ้ย!! บอกว่าห้ามยิ้มไง หยุดยิ้มเลยนะเว้ย!!!!" ทงเฮใช้หลังมือถูปากที่เจ่อน้อยๆ เพราะถูกสายตาและรอยยิ้มของคิบอมโลมเลีย จนร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าจูบกัน....

    แต่มันก็ทำให้หัวใจของทงเฮเต้นแรงเหมือนกับครั้งแรกไม่มีผิด

    ถึงมันจะไม่ได้ทำให้สติเค้าหลุดดลอยเมื่ออย่างตอนนั้นเพราะเค้ารู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่

    หากแต่เมื่อเจออรอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็นมันจากคิมคิบอม เจ้าชายผู้เย็นชา ...มันก็พาลทำให้เค้ารู้สึกเขินอายเหมือนพวกผู้หญิงอย่างบอกไม่ถูก!!!

     

     

    นี่กูเป็นเกย์ไปแล้วใช่ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย~~!!!!!

     

     

    "ทำไม? ชั้นยิ้มแล้วไม่ดีเหรอ?"

     

    "ไม่ดีโว้ย!! ไม่ต้องมายิ้ม!! ทำหน้าบึ้งๆไปเหมือนเดิมยังจะดีซะกว่า!!!"

     

    "ทำไมล่ะ?" คิบอมเลือกที่จะกดยิ้มบางๆ แต่ใช้สายตาในการล้อเลียนคนตรงหน้าแทนการเผยรอยยิ้มกว้าง อย่างที่สาวๆในโรงเรียนหลายคนคาดหวังที่จะได้เห็นมัน

     

    "เอ่อะ...." ทงเฮเงียบ เพราะถ้าจะให้ตอบคำถามของคิบอม สิ่งเดียวที่เค้าจะตอบได้และเป็นความจริงที่ตรงกับใจที่สุดก็คือ.....

     

     

    เพราะกูเขินยังไงล่ะฟระ!!! ไอ้เบื๊อกนี่!!!!!  ≧△≦

     

     

    "ไม่รู้ล่ะ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะถามหาเหตุผลไปทำซากวัวปุ๋ยคอกอะไรกันวะห่ะ!!!"

     

    เริ่มขุดวิชาแถแทแด่ดมาใช้อีกครั้ง หลังจากที่พับเก็บเข้าตู้ไปตั้งแต่เมื่อวาน เพราะไม่คิดว่าจะได้ใช้อีก แต่ตราบใดที่ชีวิตเค้ายังคงต้องข้องแวะกับมนุษย์ที่ชื่อคิมคิบอมล่ะก็....ชาตินี้เค้าก็คงต้องแถ ต้องถู จนเกล็ดปลาหลุดหมดตัวนั่นแหละ!

     

    "อืม.........." คิบอมครางในลำคอ แต่แม่งโคตรดูน่าหมั่นไส้หมั่นพุงในสายตาของทงเฮมากเลยเหอะ!

     

    "ทีนี้ก็ไปเข้าชมรมได้แล้ว มัวโอ้เอ้อย่างนี้เดี๋ยวชั้นก็โดนพี่คังอินเตะตายพอดี"

     

    "ก็ได้"

     

    ข้าวของทั้งหมดถูกจัดเก็บลงกระเป๋าเรียบร้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเหวี่ยงเป้ขึ้นสะพายบนบ่า เหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานๆของคนอารมณ์ไม่ปกตินิดนึง คิบอมกระตุกยิ้มอีกครั้งแล้วบอกกับคนตัวเล็กโดยไม่หันไปมองหน้าว่า.....

     

    "แต่จูบไม่ถึงสิบวิแบบนั้น ชั้นยอมให้แลกกับเวลาชั้นแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ อีทงเฮ"

     

    ว่าแล้วก็สาวเท้าออกจากห้องไปก่อน ปล่อยทิ้งให้คนที่สมองประมวลผลช้าให้นึกคิดตรึกตรองคำพูดของคิบอมอยู่ตั้งนาน และแล้วทงเฮก็เก็ทจนได้....

     

    "อะ....ไอ้ขี้โกง!!!!!!!!!!"

     

    เสียงหวีดร้องดังก้องไปทั่วชั้นเรียน คิบอมอมยิ้มกลั้นขำสุดชีวิตในขณะที่เดินเอื่อยๆนำหน้าทงเฮไป เพราะคาดว่ายังไงคนตัวเล็กก็ต้องวิ่งมาเอาเรื่องกับเค้าให้ทันอยู่ดี

     

     

    บางครั้งเราก็จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัวเสียบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันขึ้น...จริงๆนะ!

     

     

    ***************

     

     

    "อ้าว มาแล้วเหรอคิบอมอา~" ทันทีที่มาถึงโรงยิม ประธานชมรมอย่างพี่คังดินก็เดินหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเข้ามาหาคิบอม โดยทำเป็นมองข้ามหัวรุ่นน้องผู้กล้าหาญ ซึ่งอุตส่าห์เสี่ยงภัย ...เอาปากไปสังเวย บูชายัญแก่ท่านจ้าวคิมคิ  ก่อนจะได้ตัวเป็นๆมาให้พี่คังอินกราบไหว้บูชาอย่างในตอนนี้ ซะฉิบ!

     

    "รีบไปเปลี่ยนชุดสิ เดี๋ยวตัวแทนของโรงเรียนจุงวานมาถึง เราจะได้ซ้อมกันเลยไง"

     

    คังอินดันหลังรุ่นน้องหน้าหล่อให้เข้าไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า คิบอมพยักหน้ารับคำรุ่นพี่ตัวโต ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปอย่างว่าง่าย

     

    แต่พอกำลังโล่งใจที่ได้ตัวรุคกี้มาเข้าชมรมก่อนที่พวกของโรงเรียนจุงวานจะมาถึงอยู่นั้น เสียงพ่นลมหายใจหนักๆของคนตัวกะเปี๊ยกที่ยังคงยืนจ้องหน้าเค้าเขม็ง ก็ทำให้คังอินจำเป็นต้องหันกลับมาเอาใจใส่มันบ้าง

     

    หัวก็ไม่ได้ล้านนี่หว่า ...ทำเป็นขึ้ใจน้อยไปได้  เตี้ยเอ้ยยยย~~

     

    "ไง?" คังอินหันมาเลิกคิ้วถามทงเฮที่ทำหน้าบูดหน้าบู้ ..เห็นคนอื่นถูกโอ๋มากกว่าตัวเองเป็นไม่ได้ มันจะต้องแสดงความอิจฉาริษยาออกมาทางสายตาและวาจาอยู่เสมอ

     

    และครั้งนี้ก็เช่นกัน........

     

    "เปล๊า~" ปฏิเสธเสียงสูง

     

    "ก็แค่กำลังมองหน้าคนชอบลำเอียง..."

     

    แน่ะ....พูดอย่างนี้ไม่กลัวโดนถีบออกจากชมรมหรือไงห๊า อีทงเฮ?!

     

    "ลำเอียงอะไรกัน ชั้นลำเอียงที่ไหน"

     

    "แหม ผมก็ไม่ได้ระบุชื่อใครสักหน่อย พี่ก็อย่าร้อนตัวดิ..."

     

    ทำสุ้มทำเสียงได้น่าโดนยัดใส่กระสอบแล้วเอาไปซ้อมมวยมากๆ แต่คังอินก็จำต้องข่มโทสะนั้นไว้ แล้วท่องบทสวดแผ่เมตตาจิตในใจ ไหนๆมันก็ยังมีประโยชน์กับชมรมอยู่บ้างล่ะว้า ถึงจะมีประโยชน์อยู่แค่ในตำแหน่งผู้ช่วยให้ได้ตัวคิมคิบอมมาก็ตาม

     

    "เออๆ ช่างเถอะ" ร่างหนาพูดปัดแบบไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด

     

    "ว่าแต่แกไม่ต้องแกล้งทำเป็นขาเจ็บให้เค้าอุ้มมาส่งแล้วหรือไงหึ?" คังอินถามในเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่ตั้งแต่ตอนพักกลางวัน เห็นทงเฮทำท่าอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบ แต่ก็ไม่คิดอยากจะซักไซ้อะไรมาก

     

    ขอแค่ให้ได้ตัวคิบอมมาไว้ในชมรม

    ทงเฮจะใช้เสน่ห์ยาแฝดหรือจะใช้น้ำมันพรายสาดใส่คิบอมให้หลงรักตัวเอง เค้าก็ไม่สนอยู่แล้วล่ะ!

     

    "หูย~ มือขนาดอีทงเฮคนนี้แล้ว อย่าว่าแต่ชักแม่น้ำทั้งห้าเลย ให้ชักมหาสมุทรแปซิฟิกมาเจอกับแอตแลนติก คนหล่อๆอย่างผมก็แคนดูครับพี่!"

     

    ฟังมันพูดแล้วก็ต้องตามตบแมงโม้อีกเป็นล้านๆตัวที่บินรอบหัวมันเป็นออฟชั่นเสริม! 

     

    ใจจริง..ก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะว่ามันแคนดู แต่พอเห็นท่าทางยักคิ้วหลิ่วแบบคนหลงตัวเองสุดๆของอีทงเฮแล้ว ก็ทำให้เชื่อใจมันไม่ลงสักกะนิด ....

     

    ยังดีที่เห็นหลักฐานอยู่คาตาคือตัวของคิมคิบอมที่ยอมมาเข้าชมรมแต่โดยดี มิเช่นนั้นต่อให้มันอมชเวซีวอนมาพูดเค้าก็ไม่มีทางเชื่อออออ (แล้วกุเกี่ยวอะไรด้วยงิ๊ -*- : ชซว.)

     

    "อืม ถ้าเป็นอย่างที่ว่างั้นก็ดี"

     

    "อ่ะ...แน่นอนอยู่แล้ว!"

     

    "งั้นวันนี้ไปช่วยซองมินทำงานหน่อยนะ!"

    "ว๊อซซซซซซซซซซซซซ??!!!"

     

    พ่นภาษาปะกิดซะจนน้ำลายแตกกระเซ็นมาเกือบโดนหน้าประธานชมรม คังอินก้าวถอยหลังเพราะกลัวติดเชื้อจากน้ำลายมันที่มีพิษสุนัขบ้าตัวใหญ่ สายพันธ์ใหม่ 2009 ก่อนเอ่ยต่อ

     

    "ก็วันนี้มีนักกีฬาจากโรงเรียนอื่นมา เราก็ต้องอำนวยความสะดวกเค้าหน่อยสิ"

     

    "แล้วทำไมต้องเป็นผมอีกล่ะพี่" ชี้หน้าตัวเองด้วยความไม่เข้าใจอย่างแรงกล้าว่าทำไมคังอินถึงชอบให้เค้าทำงานจิปาถะในชมรมอยู่เรื่อย...

     

     

    เมื่อไหร่กุจะได้แสลมดังค์ซะทีว๊า~~!!!!!

    รอมาจนจะได้ผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนะ ไอ้ฟิคเรื่องเนี๊ยะ!!!!!  >[ ]<

     

     

    "ก็แกเป็นงานที่สุดแล้วนี่"

     

    "เกี่ยวตรงไหนกันพี่?!"

     

    "เกี่ยวสิ เพราะโรงเรียนนี้เค้าแชมป์ระดับจังหวัดเลยนะเว้ย! ที่เค้ายอมมาซ้อมให้พวกเราเนี่ยก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว เพราะฉะนั้น เราก็ต้องต้อนรับพวกเค้าให้ดีที่สุดสิ"

     

    คังอินยกเหตุผลร้อยแปดประการขึ้นมาอ้าง แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ต้องเอาไอ้เตี้ยหมาตื่นอย่างทงเฮไปรับหน้าอาคันตุกะจากต่างโรงเรียนก็เพราะว่า......

     

     

    มันหน้าตาน่ารักไงล่ะ!

     

     

    ตามันโต หน้ามันขาว ปากมันแดง ตัวมันเล็ก

    ครบสูตรหนุ่มหน้าหวานเลยทีเดียว

     

    ขอแค่ให้มันหุบปาก ระงับเสียงเห่าหอน แล้วทำตัวนิ่งๆไว้แค่นั้น อีทงเฮก็สามารถกลายเป็นหน้าเป็นตาของชมรมบาสได้อย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ และยิ่งเอาไอ้ตัวเล็กมาทำงานคู่ไปกับซองมินผู้อ่อนหวานแล้วล่ะก็ มันก็จะเหมือนมีสวนดอกไม้บานอยู่ในโรงยิมเลยล่ะ

     

    และนั่นคือแผนการตลาด โปรโมตชมรมบาสที่คิมยองอุนเป็นผู้คิดค้นขึ้นด้วยหัวสมองอันชาญฉลาด(กว่าอุรังอุตังหน่อยเดียว) เพราะนอกจากเราจะได้ตัวรุคกี้อนาคตไกลอย่างคิมคิบอมมาไว้ในชมรมแล้ว หากมีผู้จัดการหน้าตาดีและนักบาสหน้าตาหล่อเหล่าเช่นเค้า(?)อยู่ด้วยแล้ว การที่จะได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นชมรมบาสที่มีแต่คนหน้าตาดีและฝีมือเก่งกล้าสิงสถิตอยู่มากที่สุดในเกาหลีคงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว หึหึ!!!

     

    "แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้เล่นบาส เป็นตัวจริงกะเค้ามั่งอ่ะพี่"

     

    ทงเฮกอดอก ทวงสัญญาที่คังอินเคยให้ไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เท่าที่เค้าระลึกชาติได้ก็คือ เคยขู่มันไว้แค่ว่าถ้าเอาตัวคิบอมมาไม่ได้ ก็จะถูกไล่ออกจากชมรม ไม่เคยสัญญิงสัญญาอะไรกับมันสักหน่อยว่าได้ตัวคิบอมมาแล้วจะให้เสมิร์ฟอย่างอีทงเฮได้เล่นเป็นตัวจริง!

     

    "เฮ้ย แค่ไม่เอาแกออกก็บุญแล้วนะ!" พอบอกออกไปอย่างนั้น ไอ้ตัวดีมันก็ทำหน้าหงิกหน้างอใหญ่

     

    "ไม่เห็นหรือไงว่าปีหนึ่ง เค้าก็นั่งขัดลูกบาส ถูพื้นโรงยิมกันทั้งนั้นแหละ" คังอินแจงเหตุผล พร้อมทั้งชี้เด็กรุ่นน้องที่กำลังทำหน้าที่ดังกล่าวให้ทงเฮดูเป็นตัวอย่างว่าเค้าไม่ได้ขี้ฮกแต่อย่างใด

     

    ร่างเล็กหันไปมองสมาชิกชมรมปีหนึ่งแล้วทำตาโตเท่าไข่ห่าน ก่อนจะหันมาตะโกนใส่หน้าประธานชมรมอย่างคังอินหน้าเขียวเพราะความโกรธ

     

    "แต่ผมปีสองแล้วนะพี่!!!!"  

     

    "เอ่อ........" คนเป็นพี่เอ่ออ่า พูดไม่ออก...

     

     

    ซวยฉิบ เห็นมันเตี้ยๆ ดันลืมไปเลยว่ามันอยู่ปีสอง -*-

    คราวหน้าคราวหลังก็อย่าลืมเอาป้ายแขวนคอไว้ด้วยล่ะว่า....

     

    ‘ถึงหนูจะเตี้ย หนูก็อยู่ปีสองนะฮับ'

     

    คนเค้าจะได้ไม่เข้าใจผิดเพราะส่วนสูงอีกไงล่ะ อีทงเฮ!

     

     

    "จริงๆผมควรจะได้ลงเล่นแล้วด้วยซ้ำ" ทงเฮพูดด้วยท่าทางขุ่นเคืองสุดๆ เพราะชี้ช้ำกะหล่ำปลีดองมาเป็นปี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เลื่อนขั้นจากเด็กขัดลูกบาสไปเป็นตัวจริงกับเค้าบ้างเลย

     

    "เออน่า...เดี๋ยวก็ได้เล่นเองนั่นแหละ อ๊ะ!! นั่นไง ซองมินมาแล้ว รีบเข้าไปหาเพื่อนสิ!" คังอินรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นซองมินเดินหน้าตูมเข้ามา

     

    "พี่!!!........." ตอนแรกทงเฮก็ตั้งท่าจะไม่ยอมให้คังอินเฉไฉ แต่พอหันไปมองตามสายตาของรุ่นพี่ร่างหนา เค้าก็ได้เห็นใบหน้าหวานๆของเพื่อนใหม่บูดสนิท ไม่สมเป็นซองมินเอาซะเลย

     

    ....เป็นอะไรกันนะ?

     

    "ซองมินอา~" ร้องเรียกเสียงอ่อน เมื่อเพื่อนตัวขาวเดินมาใกล้

     

    "ซองมิน..." คังอินช่วยเรียกให้ ก่อนที่เจ้าของชื่อจะตอบรับด้วยอาการคล้ายเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าถูกเรียกอยู่

     

    "อ่ะ! พี่คังอิน ...ทงเฮ"

     

    "เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมวันนี้ถึงเข้าชมรมสายล่ะ?" คังอินถามเสียงเรียบ ไม่ได้มีแววดุด่าเหมือนอย่างที่ใช้กับทงเฮ จนรุ่นน้องจอมเซี้ยวนึกงอนอยู่ในใจ

     

    ทีกูมาสายแค่ห้านาทีล่ะ ทำเป็นดุด่า เหมือนจะจับทงเฮอัดก็อปปี้ลงห่วงซะให้ได้

    ทีซองมินมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงล่ะทำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    โลกนี้ช่างโหดร้ายยยยยยยยยยย ToT

     

    "เอ่อ...ขอโทษนะฮะพี่ คือเมื่อกี้มีเรื่องนิดหน่อย ก็เลย...มาสาย"

     

    "อืม...ไม่เป็นไรหรอก แต่วันนี้เราจะมีแขกมานะ ซองมินกับทงเฮก็อย่าลืมช่วยกันอำนวยความสะดวกพวกเค้าด้วยล่ะ เพื่อหน้าตาของชมรมและก็โรงเรียนของเรา" อยากจะติดประกาศหาความยุติธรรมซะเหลือเกิน ว่ามันอยู่ในเซลลูไลท์ชั้นไหนของรุ่นพี่คนนี้กัน!!

     

    โอ้แม่เจ้า ลำเอียงกว่านี้มีอีกมั้ย???

     

    "ฮะ" ซองมินรับคำด้วยเสียงน่ารัก แม้หน้าตาจะติดนิ่งๆไปเสียหน่อย แต่ก็ให้อภัยได้มากกว่าหน้าตากวนๆของทงเฮล่ะกัน -*-

     

    "งั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวชั้นจะไปจัดการคุมทีมต่อล่ะ ฝากทางนี้ด้วยแล้วกันนะ ทงเฮ ซองมิน"

     

    พอมองตามร่างรุ่นพี่ที่กลับมาตรงกลางสนาม ทงเฮถึงเพิ่งสังเกตว่าไอ้คุณโกดมีนัมมันได้เปลี่ยนเสื้อเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังลงไปวอร์มร่างกายท่าเท่ห์เรียกสียงกรี้ดจากซอกหลืบในใจของทงเฮได้มากโข

     

     

    อ่า....แล้วนี่กูจะกรี้ดสาวแตกตุ๊ดแดกในใจทำไมวะ -*-

    นะโม โอมเพี้ยง ผีเกย์เฒ่าที่สิงตัวกูอยู่จงออกไป ณ บัดนาวววว

     

     

    "ทงเฮอา~"

     

    "หืม?"

     

    หลุดออกจากโลกแห่งจินตนาการไร้สาระ แล้วหันมามองคนข้างตัวที่ทำหน้าเครียดซะจนทงเฮเริ่มเครียดตาม ซองมินจับชายเสื้อของเค้าไว้ แล้วกระตุกเบาๆ เหมือนคนต้องการทั้งที่พึ่งทางใจ

     

    "ถ้าหมอนั่นมา เรียกเราด้วยนะ"

     

    "เอ๋?" ทงเฮเอียงคองงๆ ไม่เข้าใจว่า ‘หมอนั่น' ของซองมินหมายถึงใคร

     

    "ก็คนที่หัวเราะเยาะทงเฮเมื่อตอนกลางวันไง" สมองเท่าเม็ดถั่วเขียวที่ปลูกจนโตก็ยังเป็นได้แค่ถั่วงอกของทงเฮกำลังทำการประมวลผล ติ๊ด~ ติ๊ด~ ..แทบจะต้องลงไปนั่งขัดสมาธิแบบอิคคิวซัง เพราะคนที่หัวเราะเยาะเค้าตอนกลางวันมันมีราวๆหมื่นแปดสิบคนได้  T_Tb

     

    "ใครเหรอ ซองมิน?" จนปัญญาจริงๆ ถึงได้กลั้นใจถามออกไปแบบหมดฟอร์ม

     

    "ก็คนที่เดินมากับคิบอมไงล่ะ"

     

    "อ...อ๋อ~" ครางเหมือนนึกถึงโกดมีนัมเบอร์สองของโรงเรียน

     

    "ไอ้โจซัมติงอะไรนั้นน่ะเหรอ?" คราวนี้เป็นซองมินที่ชักสีหน้างงๆแทน ก่อนที่ทงเฮจะขยายความให้ฟังอย่างคนใจกว้าง(ตรงไหน?)

     

    "ก็ไอ้หน้าแหลมๆ ปากหมาๆ หน้าซีดๆ คนนั้นใช่มั้ยล่ะ"

     

    "เอ่อ....คงใช่ล่ะมั้ง" ซองมินนึกภาพตามคำบอกเล่าของทงเฮแล้วก็คิดได้ว่าไอ้หน้ายังงั้นมันคงมีแค่คนเดียวในโลกล่ะนะ

     

    "อือ~ นึกออกแระ ว่าแต่ซองมินมีอะไรกับมันงั้นเหรอ?"

     

    "คือเรา........" ร่างเล็กท่าทางอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี ทงเฮเลยต้องจูงมือเดินพามานั่งตรงม้านั่งข้างสนามให้ซองมินได้พักเสียก่อน แล้วค่อยๆตะล่อมถามอย่างใจเย็น

     

    "ถ้ามันทำอะไรซองมิน บอกเรามาได้เลย เดี๋ยวเราจะส่งมือปืนไปยิงเจาะกะโหลกมันเอง!" คนฟังหน้าเสีย ไม่ทราบว่าพี่แกจะโหดไปแข่งกับกลุ่มตาลีบันหรืออย่างไร ฆ่าคนติดคุกนะจ้ะ ทงเฮ....

     

    "มะ..ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก" ตอบเสียงเบา เพราะจริงๆเค้าก็ไม่ได้อยากจะทำร้ายใครให้ถึงขั้นเลือดตกยางออกนักหรอก

     

    เอาแค่จ้างจิ๊กโก๋หน้าปากซอยไปรุมซ้อมมันให้แค่เขียวๆช้ำๆก็พอ! (อ่ะ กระต่ายโหด -*-)

     

    "คือเราแค่รำคาญน่ะ"

     

    "รำคาญ?" ทงเฮทวนคำพลางขมวดคิ้วเป็นปมเงื่อนพิรอด

     

    "อืม....นี่กว่าจะสลัดมันพ้นนะ เราต้องเดินอ้อมโรงเรียนอยู่ตั้งนาน จนมาเข้าชมรมสายนี่แหละ!!"

     

     

    (⊙_⊙)

     

     

    ที่แท้ตัวการสำคัญที่ทำให้คนที่มีความรับผิดชอบสูงล้นอย่างซองมินมาสายก็คือ มิสเตอร์โจ นี่เอง!

     

    ‘ท่าทางไอ้โจซัมติงมันคงตื้อได้แบบที่เรียกว่าเลวร้ายสุดๆแน่เลย! ไม่งั้นซองมินคงไม่ต้องเดินหนีมันสุดหล้าฟ้าเขียวอย่างนี้หรอก  เสียทีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโกดมีนัมเบอร์สองของโรงเรียน ทำไมถึงได้มีวิธีจีบคนที่ปิ๊งได้ห่วยแตกขนาดนี้วะ!!!'

     

    ทงเฮคิดในใจด้วยความปลงสังเวช ไอ้ที่ตอนแรกที่กะจะทำตัวเป็นไม้กันหมาให้ซองมินก็มีอันต้องตกไป เพราะเพื่อนเค้าคนนี้คงจะไม่ใช่คนที่จะถูกใครจีบได้ง่ายๆอยู่แล้ว

     

    มิน่าล่ะ...คนน่ารักๆอย่างซองมินถึงไม่มีแฟนมาจนถึงทุกวันนี้

    เพราะใจแข็งเหมือนเสาไฟฟ้าคอนกรีตเสริมใยเหล็กสองชั้นนี่เอง ที่ทำให้ซองมินไม่หลงกลมุกจีบตื้นๆของเพื่อนคิบอมคนนั้นง่ายๆ

     

    "อ่อ...เหรอ"

     

    "อืม~" ซองมินพยักหน้าให้สำทับ "แต่ถ้าทงเฮเห็นต้องรีบบอกเรานะ หูตามันเป็นสัปปะรด ตอนแรกที่คิดว่าสลัดหลุดแล้ว มันยังโผล่มาจ๊ะเอ๋จนเราหัวใจเกือบวายตายเลยอ่ะ"

     

    ฟังคำเล่าของซองมินแล้วก็พาลทำให้นึกหน้าตัวร้ายในหนังเรื่องสครีมที่ชอบโผล่มาแบบให้เหยื่อขวัญผวาเล่น แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าคนหล่อก็สามารถทำให้คนที่ตัวเองชอบตกใจแบบในหนังได้เหมือนกัน

     

    สยองเกินไปเปล่า ซัมติงเอ้ยยยย~~

     

    "ซองมิน! ทงเฮ!" ระหว่างที่สองอุเคะกำลังหารือกันอยู่นั้น ไอ้รุ่นพี่ปาร์คปากมอมก็เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งตะโกนเรียกชื่อพวกเค้า ประมาณว่ายืนอยู่ห่างไกลกันคนละฝากทวีป

     

    "ตะโกนเรียกทำไมพี่! ขี้หูพวกผมมันจะออกมาเต้นมิโรติกให้ดูอยู่แล้วนะ!!" ทงเฮตวาดกลับ

     

    "เต้นเพลงอื่นเหอะ เพลงนั้นเบื่อแล้ว" ...มุกไม่ฮา พาน้องเครียด ยูชอนหุบยิ้มขำมุกตัวเองลงทันทีที่ถูกรุ่นน้องทั้งสองมองด้วยสายตาเอือมระอา

     

    อ้าว...นี่กูอุตส่าห์ลงทุนบินไปดูหม่ำออนเสตจมาเลยนะเว้ย~!!

    ช่วยขำเป็นเกียรติให้กับค่าตั๋วเครื่องบินหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ...

     

    "มีไรพี่? โดดซ้อมมายังงี้ เดี๋ยวก็โดนพี่คังอินแหวกอกล้วงตับสดมากินหรอก"

     

    "ไม่กลัวว่ะ เพราะมันเป็นคนให้ชั้นเดินมาบอกแกกับซองมินว่าให้ออกไปต้อนรับพวกนักกีฬาจากจุงวานได้แล้ว"

     

    "มาถึงกันแล้วเหรอฮะ?" ซองมินเอ่ยถามขึ้นบ้าง และมนุษย์หน้าม่อปากมอมแต่เมียสวย ก็หันควับมาตอบคำถามของซองมินด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มระรื่นหูผิดกับที่ใช้พูดกับทงเฮลิบลับ

     

    "ครับ น้องซองมิน"

     

    "แล้วทำไมต้องออกไปต้อนรับด้วยล่ะ พวกนั้นไม่มีขาหรือไง ถึงเดินมาชมรมเองไม่ได้" ทงเฮค้านหน้ามุ่ย

     

    แค่ให้กูวกกลับไปรับเจ้าชายคิมมาจากห้องก็เหนื่อยจนอยากจะบ้าตายแล้ว

    นี่ถ้าต้องถ่อไปรับเสด็จไอ้พวกจุงวานอะไรนั้นอีก

    อีทงเฮไม่กลายเป็นคนง่อยเพราะกล้ามเนื้อขาหยุดทำงานเรอะ!?

     

    "เอาเถอะน่า ยังไงก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วนี่" ฉึก! เจ็บแปล๊บๆเหมือนมีมีดล่องหนมาปักลงที่กลางใจ

     

    ทงเฮเหวี่ยงตามองไอ้พี่ปาร์คแบบถ้าจับมันแล่เนื้อเฉือนหนังเอาไปให้โลมากินได้ก็คงจะทำไปแล้ว ก่อนที่เสียงใสๆของซองมินจะเป็นคนเอ่ยขัดขึ้นมา

     

    "งั้นเรารีบไปกันเถอะ ทงเฮ ให้เค้ารอนานมันไม่ดีนะ"

     

    "อะ....อืม"

     

    ทงเฮเดินตามแรงจูงของซองมินอย่างจำใจ แต่ก่อนที่จะได้ทันก้าวเท้าออกจากโรงยิม ปาร์คยูชอนก็รีบวิ่งมารั้งไหล่เค้าไว้ พร้อมทั้งยัดผ้าอะไรบางอย่างลงบนมือของทงเฮอย่างรวดเร็ว

     

    "นี่อะไร?" จ้องผ้าสักหลาดหลากสีในมือ แล้วเหลือบตาขึ้นมามองรุ่นพี่ตัวสูงงงๆ

     

    "ป้ายผ้า"

     

    "อะไรนะ!?"

     

    "ก็ให้แกจับชายผ้าข้างหนึ่ง ซองมินจับอีกข้างหนึ่ง แล้วชูขึ้นสูงๆ ตอนที่เห็นพวกนั้นเดินเข้ามาในโรงเรียนเรา คังอินบอกว่าจะได้เป็นการสร้างความประทับใจ~"

     

    ได้ยินแล้ว ก็ร่ำๆอยากจะเขวี้ยงผ้าสีฉูดฉาดบาดตากระบือตามท้องทุ่งให้เกิดความอยากไล่ขวิดทิ้งลงพื้น

     

    ใครมันจะไปถือป้ายผ้าสีสะเหร่อขนาดนี้ชูหน้าโรงเรียนกันวะ! อายตายชัก!!!

    บ่งบอกถึงรสนิยมคนครีเอทจริงๆ ว่ามันล้ำยุคไปจนถึงตอนที่มนุษยชาติตาบอดสีกันหมดโลกขนาดไหน!!

     

    "ไม่เอาๆ ไม่ถือหรอก เอาคืนไปเลย"

     

    "เฮ้ย คังอินมันบอกว่าห้ามเถียง ไม่งั้นเจอดีแน่ๆ" เจอดีหมีหรือเจออุ้งตีนหมี ทงเฮก็คิดว่ามันเลวร้ายพอๆกัน เพราะฉะนั้นมือบางเลยจำใจต้องกำผ้าผืนเดิมไว้ในมืออย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    "เออๆ รู้แล้วน่า~"

     

    ปรายสายตาอาฆาตแค้นฝังหุ่นที่รุ่นพี่ชื่อ ‘คังอ้วน!' (ฉายาใหม่ บัญญัติโดยอีทงเฮ) ก่อนที่จอเรตินาจะบังเอิ๊ญเหลือบไปโฟกัสที่คนหล่อข้างๆโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    "...อึก!" ลมหายใจสะดุด เพราะหลบสายตาคมๆของอีกฝ่ายที่หันมาทางนี้ไม่ทัน

     

    คิบอมวาดรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของทงเฮ หลังจากที่ถูกจับได้ว่าแอบลอบมองเค้าอยู่ ร่างสูงที่กำลังตั้งใจฟังแผนการเล่นของคังอินอยู่เพลินๆ ก็พลันนึกแผนสำหรับใช้กลั่นแกล้งคนตัวเล็กได้พอดี

     

    "หึ...." คิบอมพ่นลมหายใจสั้นๆคล้ายกับกำลังหัวเราะ ทันทีที่เห็นทงเฮทำทาตกใจ หน้าแดงก่ำตั้งแต่พวงแก้มใสจรดใบหู ซึ่งสาเหตุก็มาจากเค้าทั้งนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล... ก่อนที่ร่างบางจะหุนหันจ้ำอ้าวออกไปนอกโรงยิม พร้อมกับจูงมือซองมินให้ตามออกไปติดๆ

     

    เค้าแกล้งอะไรอีทงเฮน่ะหรือ...?

    ก็แค่ย้ำให้รู้เฉยๆว่า...

     

     

    นี่มันกี่โมงแล้วเท่านั้นเอง.....!!!!

     

     

     

    TBC.

     

     

     

    ยังคงพายเรือวนอยู่ในอ่างปลากันต่อปายยยย

    ตอนหน้าจะเอาแขกรับเชิญออกมาเล่นจริงๆแล้วล่ะค่ะ  เอิ๊กๆ

    ขอบคุณสำหรับเม้นท์และโหวตนะคร้า~ (ขึ้นถึงอันดันที่ 42 ด้วยแน่ะ เย้ๆ) 

    ตอนหน้าเจอกันเนอะ  ^O^  จุ๊บๆ

     

     

     

     


    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×