ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #24 : III Slam Dunk III ...24...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.56K
      49
      26 มี.ค. 53

     

     

    การเรียนในคาบบ่ายเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยดีแต่เบื้องหลังความสงบมักจะมีคลื่นพายุตามมาเสมอ

     

    "เอาน่า... เรื่องแค่นี้ทำงอนเป็นตุ๊ดไปได้นะมึง"

     

    ซีวอนพยายามที่จะไม่หันไปถลึงตาใส่ไอ้เพื่อนเวรที่นั่งอมยิ้มหลิ่วตากลั้นหัวเราะไปตลอดทั้งคาบอย่างทงเฮแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเมื่อลองนึกย้อนกลับไปว่าไอ้ปลาบู่นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เค้าเกือบอกหักกลางอากาศยังไงบ้างเค้าก็ยิ่งอยากจะจับมันตีเข่าให้หักเป็นสองท่อนเตี้ยๆชะมัด!

     

    "อย่างน้อยกูก็สืบมาให้มึงได้แล้วไงว่าไอ้ไก่มันไม่ได้ชอบพี่ฮยอนจุงอะไรนั่นแบบแฟน"

     

    ทงเฮเอียงตัวมาป้องปากกระซิบเพราะเกรงว่าคนที่นั่งงมอยู่กับสูตรเลขจะได้ยินที่พวกเค้าคุยกันหลังจากที่ทงเฮเขยิบก้นเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ข้างๆซีวอน ทันทีที่เพื่อนร่วมห้องที่เป็นเจ้าของที่นั่งเก็บของกลับบ้านไปแล้ว

     

    "เฮอะ!" ซีวอนพ่นลมหายใจเยาะ "หมอนั่นอาจจะพูดเพราะกลบเกลื่อนก็ได้"

     

    "ไม่มีทางหรอก จากสัญชาตญาณอันดิบเถื่อนและแม่นยำของกูแล้วกูขอฟันธงเลยว่า........"

     

    "อีทงเฮ!!!!"

     

    ธรรมดาแล้วทงเฮไม่ค่อยจะรู้สึกรู้สาอะไรเท่าไหร่เวลาที่ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองด้วยน้ำเสียงกระชากห้วนแต่บังเอิญว่าคนที่เรียกเค้าด้วยน้ำเสียงแบบนั้น คือเจ้าของไม้หน้าสามที่เดินอาดๆเข้ามาราวกับพวกนักเลงคุมถิ่นมาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจึงไม่แปลกเท่าไหร่ที่ทงเฮจะรู้สึกหวาดกลัวน้ำเสียงของอาจารย์ท่านนี้เวลาที่โดนเรียกชื่อ

     

    "คะ..ครับ อาจารย์"

     

    "เป็นยังไงบ้าง ให้เพื่อนติววิชาของครูไปถึงไหนแล้วล่ะ" พูดไปพลางตีไม้หน้าสามนวดต้นคอตัวเองไปพลางอะไรจะน่าเกรงขามขนาดนั้นคร้าบบบบ คุณครู

     

    "เอ่อ...ก็ถึง...."

     

    "อ้อ~ อาจารย์คิมแกก็ฝากมาถามเรื่องนี้ มาถึงเธอแล้วก็อีฮยอคแจด้วยเหมือนกันนะ"พอถูกเอ่ยพาดพิงถึง เพื่อนไก่ก็รีบมุดหน้าลงไปหลบในหนังสือก่อนจะทำเป็นแกล้งหลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีอาจารย์เดินเข้ามาในห้องและพูดกับตัวเองอยู่

     

     

     

    หนอยไอ้ไก่เลว ทิ้งเพื่อนนนนนนน~~ ToT

     

     

     

    "อ้าว หลับอยู่งั้นเหรอ เมื่อกี้ยังเห็นเหมือนนั่งท่องหนังสืออยู่เลยนี่นา"อาจารย์บ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันมาพูดกับซีวอนโดยใช้ไม้หน้าสามชี้ไปทางศพไก่ที่นอนตายคากองหนังสือ

     

    "ว่าไง ชเวซีวอน ติวให้เพื่อนไปถึงไหนแล้วล่ะ?"

     

    "ก็เน้นให้จำสูตรกับทำแบบฝึกหัดน่ะครับ เรื่องอื่นผมคงสอนไม่ได้มาก..."

     

    คำพูดของซีวอนทำให้ฮยอคแจแอบเงยหน้าจากสันหนังสือขึ้นมาตวัดตามองอย่างเคืองๆทงเฮล่ะอยากจะเข้าไปตบปากมันด้วยตีนซะจริงๆ ไหงพูดไม่คิดอย่างนี้วะเนี่ย?!! กำลังจะได้คืนดีกันอยู่แล้วเชียวเดี๋ยวฮยอคแจโกรธจนมึงง้อไม่ได้แล้วจะรู้สึก!

     

    "แล้วเธอล่ะ อีทงเฮ ได้ข่าวว่าได้ติวเตอร์ดีด้วยนี่" พอถึงตาตัวเองถูกถามบ้างทงเฮก็กลืนน้ำลายดังเอื้อกสวดภาวนาในใจขออย่าให้อาจารย์มาทดสอบภูมิความรู้เค้าในตอนนี้เลย

     

    เพราะเมื่อวานบทเรียนภาษาอังกฤษของเค้าแค่คำว่า แทงยู แทงกู แซงคิว อะไรนั่น เค้ายังไม่แน่ใจเลยว่าที่คิบอมปิดหนังสือแล้วเปลี่ยนมาเป็นติวเลขแทนมันเป็นเพราะเค้าออกเสียงถูกแล้ว หรือคิบอมเอือมระอาที่จะสอนภาษาอังกฤษให้เค้ากันแน่?

     

    "เธอรู้มั้ย...คิมคิบอมน่ะเป็นความหวังของโรงเรียนฮวาซอนเราเชียวน้า~"

     

    เมื่อสั่นหน้าพั่บๆเพราะความไม่รู้ทงเฮก็ได้ฟังวีรกรรมตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงไฮสคูลปีสองของคิบอมจากปากของอาจารย์ ว่าหมอนั่นทั้งเรียนเก่ง กีฬาเจ๋ง รวยเหมือนบ้านขายทองฮั่วเซ้งเฮงสาวๆที่ชอบคิบอมมีเป็นเข่งๆ ผิดกับชีวิตเส็งเคร็งของตัวเค้าเองเหลือเกิน -*-

     

    จนกว่าอาจารย์จะพูดจบหรือจะเรียกให้ถูกคือการยกยอปอปั้นคิมคิบอมให้เค้าฟังจนจบทงเฮก็เกือบจะลืมภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำก่อนเข้าชมรมวันนี้ซะแล้ว

     

    "เอ่อ... อาจารย์ครับ ผมคงต้อง...."

     

    "ถ้าเข้าใจแล้ว อาทิตย์หน้าก็อย่าลืมเตรียมตัวสอบซ่อมมาให้ดีๆล่ะหวังว่าครูกับอาจารย์คิมคงไม่ต้องมานั่งออกข้อสอบซ่อมใหม่เป็นครั้งที่สองให้เธออีกหรอกนะอีทงเฮ"

     

    พอกำลังจะขยับปากใช้ข้ออ้างนั้นหลบอาจารย์ออกไปจากห้อง เฮียแกก็เล่นสวนมาแบบม้วนเดียวจบ แล้วก็หันหลังเดินออกไปทันทีเล่นเอาทงเฮแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียวว่าอาจารย์แกจะเดินเข้ามาพูดข่มขวัญให้เด็กกลัวทำไมกัน

     

    "เฮ้ย ไอ้ไก่ มึงเงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว กะจะกลั้นหายใจตายคาสูตรเลขเลยหรือไงวะ"ทงเฮลุกขึ้นไปคว้าไหล่ฮยอคแจให้เลิกกดจมูกตัวเองลงไประหว่างหน้าหนังสือแกล้งตายสักที

     

    "ฮ้า~~" พอเงยหน้าขึ้นมาได้ก็สูดอากาศหายใจเป็นการใหญ่เกือบได้ตายจริงๆแล้วมั้ยล่ะเมิ๊งงงง -*-

     

    "เมิงนี่ชั่วช้าสามานย์เข้าขั้นอลังการงานสร้างเลยนะไอ้ไก่ ทิ้งให้กูเผชิญหน้าขาโหดไม้หน้าสามอย่างอาจารย์ฮวังคนเดียวได้ไงวะ"

     

    "กูเปล่าน๊า~ แค่อ่านหนังสือแล้วง่วงมันผิดตรงไหนวะอาจารย์เข้ามาเมื่อไหร่ กูไม่เห็นรู้เรื่องเล้ยย"

     

    ทงเฮนิ่วหน้าใส่ฮยอคแจที่ทำเป็นขยี้ตาเปิดปากหาวหวอด พูดกับเค้าหน้าซื่อด้วยความหมั่นไส้

     

    ชิชะ...จะตอแหลตอหลด ตดไม่บอกยังไงไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ไอ้ไก่ อย่าลืมสิว่า เมิงกำลังทำตัวเป็น‘ลายอ้า'(Liar) อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ด้านการสตอเบอรี่อย่าง อีทงเฮเชียวนะเฟ้ยยยย!!! เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะจับไม่ได้ล่ะว่า เมิงพูดจริงหรือคอสจิม๋า~

     

    "เออๆ ช่างเถอะ" ทงเฮบอกปัดแบบไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเพราะมันถึงเวลาที่ควรจะไปแล้ว

     

    "วันนี้กูมีธุระ" บอกเพื่อนทั้งสองคนโดยไม่เจาะจงสั้นๆก่อนจะกวาดของลงเป้แล้วยกขึ้นสะพายหลัง "กูไปก่อนนะเพื่อนๆแล้วเจอกัน อาดิโอ๊สสสส"

     

    "เฮ้ย! เดี๋ยวดิมึง!! ...."

     

    "ทงเฮ!!!"

     

    พูดจบแล้วก็รีบใส่เกียร์หมาเผ่นแน่บออกจากห้องไม่ฟังเสียงทัดทานของทั้งซีวอนและฮยอคแจที่กลัวการอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองซะเหลือเกิน

     

     

    แหม...ทีก่อนทะเลาะกันล่ะ หาว่ากูเป็นก้างขวางคอ

    ทีตอนนี้ล่ะมาเห็นกูเป็นคนสำคัญขึ้นมาเชียวนะพวกเมิง~

     

     

    ทงเฮบ่นขมุบขมิบเบาๆระหว่างที่วิ่งขึ้นบันไดแบบก้าวกระโดด.....

     

    อันที่จริงที่เค้าช่วยซีวอนก็เพราะมันเป็นเพื่อนและฮยอคแจเองก็เป็นเพื่อน ถึงซีวอนจะปากหมาท่าทางกวนโอ๊ย แต่ก็ช่วยเหลือเค้ามาตลอดพอๆกับฮยอคแจที่ดูแลเค้าเหมือนแม่คนที่สองไม่มีผิด

     

    แม้จะเหงาๆอยู่บ้างหากคิดว่าถ้าเพื่อนสองคนรักกันแล้วเค้าจะกลายเป็นปลาหัวเน่า

     

    แต่ด้วยเหตุผลแค่นี้จะให้ทงเฮไปทำตัวขัดขวาง มันก็ดูจะเพื่อนที่ใช้ไม่ได้เลยที่เห็นความสุขของตัวเองสำคัญกว่าความสุขของเพื่อนทั้งสอง ....

     

    หวังว่าพวกเมิงคงจะเคลียร์กันรู้เรื่องนะไม่อย่างนั้นกูคงจะแบ่งภาคอวตารมาช่วยพวกเมิงไม่ไหวเพราะแค่เรื่องไอ้โกดมีนัมหน้านิ่งที่กูต้องไปรับเสด็จลงมาจากชั้น 6 ไปยังโรงยิมกูยังแทบเอาตัวไปรอดเล้ยยยย

     

    คิดแล้วก็เครียดจนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆจนป่านนี้เค้ายังนึกหาคำพูดเพื่อกล่อมคิบอมก่อนที่เข้าไปเจอกับโค้ชในวันนี้ไม่ออกเลยดูท่าว่างานนี้คงจะต้องมีการเสียเนื้อเสียตัว เอ๊ย! เสียเลือดเสียเนื้อ กันอีกแล้วซะล่ะมั้ง?!

     

    "เฮ้อ~ เอาไงดีว้า" คนตัวเล็กพรูลมหายใจหนักๆออกทางปากเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องศักดิ์สิทธิ์ 2A

     

    พวกหัวกะทิที่เดินสวนออกมามองหน้าทงเฮเหมือนเป็นตัวประหลาดจากต่างดาวไม่ก็พวกต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายเพราะธรรมดาแล้วพวกเด็กจากห้องบ๊วย น้อยคนนักที่จะใจกล้าหน้าด้าน เดินขึ้นมายังชั้น6 ที่เป็นแหล่งรวมของพวก ‘เมพขิงๆ' อย่างทงเฮ

     

    แต่อย่างน้อยเค้าก็เคยด้านมาแล้วครั้งนึงตอนที่มาตามหาตัวคิมคิบอมจะด้านครั้งที่สองสาม สี่ ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกเนอะ จริงม๊า~?

     

    "นายมาทำอะไรที่นี่" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นบนหัวทำให้ทงเฮหลุดจากความคิดหมกมุ่นของตัวเอง

     

    ร่างบางเงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วต้องกรอกตาอย่างสุดเซ็ง เมื่ออีกฝ่ายคือ มนุษย์สโตรกเกอร์ตัวยง ..นายโจซัมติงนั่นเอง

     

    "มาหาคิมคิบอม"

     

    "อะไรกัน ถึงขนาดต้องถ่อมารับไปชมรมเลยหรือไง" คยูท้ามือกับกรอบประตูห้องก่อนหัวเราะขึ้นจมูก

     

    "ชั้นมีเรื่องจะมาคุยกับเพื่อนนาย" ทงเฮบอกธุระ พร้อมกับเหล่ตามองคนตัวสูงแล้วอ้อมแอ้มเพิ่มเติมว่า

     

    "..เอ่อ จริงๆแล้วชั้นว่าเรื่องนี้ นายฟังไว้ด้วยก็คงได้แหละนะยังไงนายก็เป็นสมาชิกชมรมของเราแล้วนี่"

     

    "มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"

     

    เสียงของคนที่เดินเข้ามาสมทบจากทางด้านหลังของคยูฮยอนทำให้ทงเฮเผลอกลั้นหายใจของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานหน้าของเค้าก็แดงแปร๊ดขึ้นมาทันที

     

    ปั๊ดโธ่เว้ย...จะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะกรู~

    เพราะข่าวลือนั้นแท้ๆเลยเชียวเค้าถึงเข้าหน้าคิบอมไม่ติดแบบนี้

     

    พอเห็นทงเฮหุบปากฉับแล้วก้มหน้างุด คยูอยอนก็กระตุกยิ้มร้าย ก่อนจะหันไปกระซิบกับคิบอมเสียงเบา

     

    "กูว่า... อีทงเฮเขินรื่องข่าวลือของพวกมึงชัวร์ป้าบเลย"

     

    "อยากมีชื่อใหม่ให้คนอื่นเรียกมั้ยล่ะ โจนาธาน?"

     

    คราวหน้าคยูฮยอนเป็นฝ่ายงับปากลงทันทีที่ถูกกัดสวนแบบเจ็บแสบร่างสูงสะบัดหน้าพรืดกลับไปเก็บของที่โต๊ะ ปล่อยให้คิบอมคุยกับทงเฮเองดีกว่ากูไม่น่าแส่หาเรื่องใส่ตัวเลยจริงๆ ...

     

    แค่แซวเด็กมันนิดแซวเด็กมันหน่อยไอ้นี่แม่งเล่นคิดจะปล่อยข่าวลือชื่อใหม่เค้าซะงั้น

     

    ไอ้เพื่อนเวรรรรร~~

     

    "ท่องศัพท์กับจำสุตรเลขได้หมดหรือยัง?" คิบอมเริ่มต้นบทสนทนาด้วยคำถามที่ทำให้ทงเฮเสียวสันหลังวาบ

     

    ตายหอง...เมื่อคืนก็ว่าท่องจนจำได้แล้วนะ แต่เพราะต้องหลับๆตื่นๆเพราะกลัวพี่แจจุงจะเผาบ้านแล้วไหนจะเรื่องเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้เพื่อนม้าวอนกับไก่ฮยอคอีก

     

    พ้มไม่อยากจะบอกเลยว่า.... T [ ] T

     

     

    "จำไม่ได้ล่ะสิ"

     

     

    คิบอมคาดเดาคำตอบของทงเฮได้จากที่สีหน้าเหมือนผีในเรื่องสครีมคนตัวเล็กทำปากงอนแล้วสั่นหน้าให้กับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยแย้งเสียงแข็ง

     

    "ใครว่าชั้นจำไม่ได้"

     

    "งั้นก็ท่องให้ฟังหน่อย" พอถูกสั่งให้ท่องทงเฮก็พูดจากำกวมพลางหลุบตาต่ำ ก้มลงมองปลายเท้าของตัวเอง "ชั้นเคยจำได้"

     

    "หืม"

     

    "แต่ลืมไปแล้ว..."

     

    "ลืม?"

     

    คิบอมทวนคำหน้านิ่งทงเฮเลยต้องรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

     

    "ก็ชั้นมีเรื่องที่ต้องให้คิดเต็มหัวเลยนี่นา พี่แจจุงชั้นเกือบย่างสดชั้นกับพี่ชายตอนรุ่งสางเพื่อนชั้นสองคนมีปัญหาที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ชั้นเลยต้องช่วยคิดวางแผนให้พวกนั้นคืนดีกันจนหัวแทบระเบิด แล้วไหนจะ ..อ้า!!! เกือบลืมเรื่องของพี่คังอินไปเลยแน่ะ"

     

    ทงเฮร้องเสียงดังเมื่อพูดไปพูดมาเค้าก็สามารถหาทางหลบเลี่ยงประเด็นร้อนที่ว่า เค้าลืมสูตรเลขและศัพท์ภาษาอังกฤษที่คิบอมสั่งให้ท่องจนได้ในที่สุด

     

    "คือวันนี้โค้ชจะเข้าชมรมนะ"

     

    "โค้ช" คิบอมทวนคำอีกครั้ง "ชมรมนี้มีโค้ชด้วยหรือไง"

     

    "ทุกๆชมรมต้องมีโค้ชหรืออาจารย์ที่ปรึกษาอยู่แล้วล่ะหน่า~" ทงเฮทำสุ้มเสียงเหมือนตำหนิคิบอมหน่อยๆที่เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้

     

    "แต่โค้ชคนนี้เป็นโค้ชคนใหม่ที่เข้ามาแทนคนเก่าได้แค่หนึ่งเดือนเอง"

     

    "แล้วเค้าไปไหนซะล่ะ" คิบอมหมายถึงเรื่องที่เค้าไม่เคยเห็นหน้าโค้ชมาก่อนเลยในช่วงเวลาที่เข้าชมรมมา

     

    "คือ...." ทงเฮเม้มปากพลางขบคิดวิธีพูดที่ฟังดูนุ่มนวลที่สุด"เมื่อสองอาทิตย์ก่อนโค้ชมีปัญหานิดหน่อยกับนักกีฬาของเราก็เลย..."

     

    เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงจะฟังเข้าท่าและไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นมากที่สุดทงเฮเลยสรุปรวบใจความทั้งหมดเป็นประการเดียว

     

    "เอาเป็นว่า ถ้าวันนี้นายหรือเพื่อนนายไปเจอโค้ชแล้วเค้าพูดอะไรใส่นายที่ทำให้โมโหเลือดขึ้นหน้าอะไรทำนองนั้นก็ให้อย่าไปถือสาหาความล่ะ เข้าใจมั้ย?"

     

    "........."

     

    พูดเตือนแล้วอีกฝ่ายก็ยังทำหน้านิ่งไม่ไหวติงทงเฮเลยเหมารวมเอาเองว่าคิบอมเข้าใจเป็นอันจบหน้าที่เตือนภัยของผู้หวังดี(ที่ถูกใช้)อย่างอีทงเฮเสียทีล่ะนะ

     

    "ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นชั้นไปก่อนนะ เจอกันที่ชมรม..."

     

    "นายลืมอะไรไปอีกอย่างหรือเปล่า?"

     

    ทงเฮหยุดกึก...เดินห่างคิบอมออกมาได้แค่สามก้าว แต่กลับถูกคำพูดแค่ประโยคตัวรั้งตัวเค้าไว้ตอนแรกทงเฮก็ยังไม่นึกเอะใจหรอกเพราะไม่งั้นเค้าคงไม่หันกลับไปมองหน้าคิบอมแล้วเอียงคอด้วยท่าทีฉงนฉงายเหมือนควายตัวน้อยที่ไม่เข้าใจภาษามนุษย์อย่างแน่นอน

     

    "เรื่องนี้ก็ลืมด้วยหรือไง"

     

    ".........."

     

    "เวลาจะให้ใครทำอะไรให้ ก็ต้องมีของมาแลกเปลี่ยน"

     

    ตาของทงเฮเบิกโตขึ้นเมื่อความทรงจำเก่าๆแล่นวาบเข้ามาในหัวทันทีที่ถูกพูดเตือนบ้างคนตัวเล็กทำท่าล่อกแล่ก จะโกยอ้าวหนีก็ทำไม่ได้จะให้วิ่งกลับไปกอดไอ้คนเจ้าเล่ห์เพทุบายแล้วบดปากลงไปเป็นค่าตอบแทนที่คุณชายแกยอมสละเวลาว่างมาเข้าชมรอันต่ำต้อยด้อยศักดิ์เค้าก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

     

    "แลกเปลี่ยนอะไรงั้นเหรอ?" คุณโจซัมติงเห็นว่ามีซัมติงรอง เลยแบกเป้เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย หลังจากที่จัดแจงเก็บของเสร็จแล้ว

     

    "ตอนนี้เนี่ยนะ" ทงเฮทำหน้าลำบากใจแต่คิบอมกลับยักไหล่เหมือนไม่แคร์ว่าคยูฮยอนจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรือไม่

     

    "ถ้าไม่รีบเราคงเข้าชมรมสาย" คิบอมว่าพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาจนทำให้ทงเฮคิดแค้นในใจ ..อย่างนี้มันต้องการกลั่นแกล้งกันชัดๆเลยนี่หว่า.... อ๊ากกกกกก

     

    ความแค้นฝักแน่นเต็มอกเหมือนรอยเปื้อนบนเสื้อที่ยังไม่ได้เจอกับบรีสพาวเวอร์ในเครื่องซักผ้าทงเฮขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นเพียรคิดหาหนทางรอดจากสถานการ์อันไม่น่าไว้วางใจอย่างในตอนนี้

     

    แล้วเค้าก็.........................

     

    "เอ้ย นั่นซองมิน!!!"

     

    "ห่ะ...?!" ได้ผล คยูฮยอนรีบหันควันไปยังทางที่ทงเฮชี้ไปมั่วๆทันที

     

    พอได้จังหวะร่างบางไม่รอช้าที่จะเขย่งปลายเท้าขึ้นไปแตะริมฝีปากลงบนแก้มของคิบอมที่เบือนหน้าไปตามทิศที่ทงเฮชี้นิ้วไปเหมือนคยูฮยอนเช่นกันอาศัยรูปร่างสูงโปร่งของคิบอมให้ช่วยกำบังพฤติกรรมอุกอาจของเค้าให้รอดพ้นสายตาของคยูฮยอนที่ยืนเยื้องออกไปทางด้านหลังจนเมื่อบุคคลที่สามหันกลับมาพร้อมคำบ่นกระปอดกระแปดว่า ‘ทงเฮโกหกไม่เห็นซองมินเลยแม้แต่เงา' เค้าจึงผละออกจากคิบอม โดยการปล่อยมือที่เกี่ยวชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้เพื่อเป็นหลักในการยืนด้วยปลายเท้าอย่างรวดเร็ว

     

    "วันนี้คงไม่ต้องต่อเวลา เพราะโค้ชเข้ามาซ้อมด้วย ชมรมคงปล่อยเร็วขึ้น"

     

    ทงเฮก้มหน้าแดงเถือกพูดรัวแทบหายใจเข้าออกทางผิวหนังแทนหายใจทางจมูกโด่งรั้นในขณะที่คิบอมยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ถูกขโมยหอมเบาๆทงเฮเห็นท่าทางแบบนั้นก็ยิ่งหน้าร้อนเข้าไปใหญ่ แต่จะทำให้คนตรงหน้ารู้ไม่ได้ว่าเค้าอายแค่ไหนคนตัวเล็กจึงเชืดหน้าขึ้น เลิกคิ้ว แล้วพูดกลบเกลื่อนทั้งที่เขินจนอยากจะมุดดินหนีอยู่รอมร่อ

     

    "ทำไม? ...ตามสัญญาไม่ได้ระบุนี่ว่า ให้ทำที่ไหน หรือตรงไหน? จะมาหาว่าชั้นชั้นเบี้ยวไม่ได้นะ!!"

     

    "ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" คิบอมยิ้มบาง คาบเกี่ยวระหว่างยิ้มขำขันและการอมยิ้มแต่อย่างน้อยทงเฮก็ฟันธงได้อย่างนึงล่ะว่า ... คนตรงหน้ากำลังยิ้มเพราะเค้า!

     

    "พวกนายพูดเรื่องอะไรกันวะ?" คยูฮยอนเอ่ยเพราะตามไม่ทันฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่มีใครตรงนั้นใจดีพอที่จะช่วยตอบให้เค้าหายงง

     

    "ชิส์~"

     

    ทงเฮจิ๊ปากก่อนหมุนตัวกลับเดินแกมวิ่งกลับไปทางเก่าคยูฮยอนหันไปมองหน้าคิบอมก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเพื่อนหน้าตายกำลังหัวเราะเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ

     

     

    "ร้ายจริงๆเลยนะ อีทงเฮ..."

     

     

    *******************

     

     

    ทงเฮวิ่งห้อแรดแบบติดสปีดมากกว่า 10 เมก ทันทีที่เจ้าตัวเลี้ยวลับตรงหัวมุมบันได

     

    ถึงคิบอมจะไม่ได้ตามถือมีดอีโต้ไล่ฟันเค้าให้หัวแบะแบบในหนังฆาตกรรม หรือทำหน้าขาวผมยาวคอยตามมาหลอกหลอนแบบหนังผี(จูมุนจิน?)ก็เถอะ! แต่เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาแกมขบขันของคิบอมที่มองตามมาทางด้านหลังให้ได้หนาวๆร้อนๆไปทั่วร่างแล้ว ขาสั้นๆของอีทงเฮก็ซอยถี่ยิบ วิ่งหนีความไร้ยางอายของตัวเองจนแทบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียวเชียวล่ะ!

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

    โอ้วววววววววว จีซีสสสสสสสสสส !!!!!!

     

     

    กูทำไปแล้ว !!!!

    ทำต่อหน้าไปซัมติงซะด้วย !!!!

     

     

    วิ่งไปก็กรีดร้องในใจไปเหมือนคนสติแตก แต่ทงเฮก็มีทางเลือกสถานเดียวเท่านั้นคือต้องวิ่ง เพราะไอ้ครั้นจะให้ไปยืนลอยหน้าลอยตา แล้วจูงเกี่ยวก้อยพาไอ้คุณโกดมีนัมเดินก้าวกระโดดเป็นนักบัลลเล่ต์ไปชมรมด้วยกันทั้งๆที่เพิ่งจะเนียนหอมแก้มมันไปหยกๆ  คนหน้าบาง(?)อย่างทงเฮก็ทำไม่ได้เหมือนกันนะเฟ้ย!

     

    เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือการ วิ่งห้อแรด วิ่งสู้ฟัด วิ่งเอาให้ลืมอาย อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ !!

     

    "แฮ่ก แฮ่ก" ทงเฮหยุดหอบลิ้นห้อยเมื่อวิ่งจนมาถึงตรงหน้าประตูโรงยิมในที่สุด...

     

    เสียงลูกบาสกระเด้งตึงตังบนพื้นไม้ขัดมันที่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากข้างในนั้น ทำให้ทงเฮมั่นใจได้โดยไม่ต้องใช้ตาดูเลยว่า ‘โค้ช'  คงมาถึงแล้วอย่างแน่นอน เพราะไม่งั้นทั้งชมรมคงไม่ได้มีการซ้อมเลี้ยงลูกแบบเบสิค สามัคคีชุมนุมกันอย่างนี้หรอก

     

    ทงเฮคาดการณ์พลางพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง

     

    ส่วนใหญ่กัปตันอย่างพี่คังอินมักจะชอบให้เน้นซ้อมแบบจับตัวจริงแข่งกันสองทีมเสียมากกว่าการฝึกซ้อมให้รุ่นน้องที่เป็นตัวสำรอง เพราะเฮียแกเล็งเห็นความสำคัญอยู่แค่การเอาชัยจากการแข่งขันนอกโรงเรียน  ไม่เหมือนโค้ชคนนี้ที่มองว่าการซ้อมเบสิคให้กับนักเรียนในชมรม ทั้งคนเก่งและคนที่อ่อนนั้นมีความสำคัญกว่า ชื่อเสียงของชมรมที่ได้จากการแข่งขันหลายเท่านัก

     

    จริงๆทงเฮก้ชอบโค้ชคนนี้ตรงที่ให้ความเท่าเทียมกันทั้งชมรมอยู่เหมือนกัน แต่จะมาเสียคะแนนความนิยมก็ตรงที่อาจารย์แกชอบจับนักเรียนมาฝึกขั้นพื้นฐานอย่างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง ไม่ยอมให้ซ้อมแข่งสักที...

     

    ทำให้พรสวรรค์ที่เก็บซุกซ่อนอยู่ในตัวของอีทงเฮคนนี้ ไม่ได้ออกมาแสดงโชว์ให้ประจักษ์แก่สายตาของประชาชีในชมรม เหมือนกับวิธีของพี่คังอินที่ไม่ยอมให้เค้าแตะลูกบาสนั่นแหละ

     

    สรุปคือจะหน้าไหนๆ มันก็ไม่ให้เค้ากระโดดดังก์ลูกลงห่วงทั้งน้านนนน~~ ชิส์  =*=

     

    "อ้าว ทงเฮมาแล้วเหรอ?" คนที่เข้ามาทักเค้าด้วยรอยยิ้มสดใสคืออีซองมินที่หอบของพะรุงพะรังมาด้วย

     

    ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ทงเฮที่ยังหายใจเข้าออกแบบคนเป็นโรคหอบหื่น เอ๊ย! หอบหืด ก่อนยกมือขึ้นแตะหน้าผากทงเฮที่มีเหงื่อผุดซึมยังกะเปิดก๊อกหรือไม่ก็ท่อรั่ว แล้วขมวดคิ้วกังวล

     

    "เป็นอะไรหรือเปล่า ทงเฮอา~ เหงื่อเต็มหน้าเลย"

     

    "ไม่มีอะไรหรอก เราแค่วิ่งมาจากตึกเพื่อวอร์มร่างกายก่อนเท่านั้นแหละ" ฟังที่ทงเฮเล่า ซองมินก็ย่นหน้าเหมือนไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนตัวบางขึ้นมาทันที

     

    "ทงเฮวิ่งวอร์มได้ไง ขาหายแล้วเหรอ?"

     

    "อะ...เอ่อ......"

     

    ทงเฮอ้ำอึงเพราะตัวเองยังแทบจะลืมไปเลยว่า เคยออกอาการตอแหลว่าขาเจ็บมาก่อน แต่คนความจำดีเยี่ยมอย่างซองมินกลับจำความแหลของทงเฮได้ และทอดสายตามองขาข้างที่เค้าอ้างว่าบาดเจ็บอย่างเป็นห่วงเป็นใย

     

    อา... มันน่าซึ้งใจจริงๆ TwT *กระซิกๆ*

     

    "ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ หมอบอกว่าหายแล้ว เราวิ่งได้ปร๋อเลย" สาบานได้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เค้าโกหกซองมินเรื่องเจ็บขานี้ (แต่เรื่องอื่นคงมีตามมา เพราะข้อตกลงของไอ้โจซิมติง~ =.,=)

     

    "ถึงจะหายแล้วก็เถอะ แต่ก็ต้องระวังให้ดีสิ เกิดหกล้มเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำยังไง"

     

    "อย่าเป็นห่วงเลยน่า ซองมิน ...เราจะระวังไม่ให้เป็นอะไรไปอีกล่ะกัน คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วล่ะครับ คุณแม่~" ทงเฮกล่าวล้อเลียนผู้จัดการชมรม จนได้ค้อนจากซองมินมาหนึ่งวงเต็มๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่ยี่หระ  หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดีเพราะได้แหย่ให้ซองมินแก้มตูม

     

    "อ้อ... ว่าแต่ทงเฮเจอโค้ชหรือยัง?"

     

    "ซองมินเจอแล้วงั้นเหรอ" ทงเฮถามกลับ อีกฝ่ายจึงพยักหน้า

     

    "พี่คังอินเพิ่งพาไปรู้จักเมื่อกี้นี้น่ะ ก่อนจะให้เราออกไปเอาอุปกรณ์ชมรมที่ห้องเก็บของหลังตึกโรงยิม"

     

    "ละ....แล้ว"

     

    "ถ้าทงเฮจะเตือนเรื่องโค้ชล่ะก็ ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจ เพราะพี่คังอินก็บอกเราไว้ก่อนหน้านี้แล้วเหมือนกันว่า หากได้ยินโค้ชพูดอะไรที่ไม่เข้าหู ก็ให้เรานิ่งไว้ อย่าตอบโต้"

     

    "แต่เราว่าโค้ชคงไม่ว่าอะไรซองมินหรอก" ซองมินอมยิ้มน้อยๆ ก่อนร้องอื้ม แสดงว่าเห็นด้วยกับที่ทงเฮพูด

     

    "เราก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ..แต่พวกที่ต้องระวังเราว่าน่าจะเป็นนักกีฬาอย่างทงเฮ คิบอม หรือไม่....."

     

     

     

    "คุณซองมิน !!!!"

     

     

     

    เสียงมันร้องออกมาก่อนตัวควายๆของมันจะปรากฏให้เห็นซะอีก ทงเฮหันไปมองร่างหนาๆของไอ้อ๊คซัมวัน ที่ไม่ทราบว่าใครไปจุดธูปเชิญมันมา ถึงได้เดินหน้าเริ่ดเข้ามาหาพวกเค้าราวกับนัดกันไว้แต่ชาติปางก่อนอย่างนั้นแหละ

     

    "มาทำอะไรที่นี่" คำพูดแบบไม่ต้อนรับแถมยังจะขับไล่ของทงเฮ ทำให้แทคยอนต้องโก่งตัวแตะเบรกเอี๊ยดก่อนที่จะเข้ามาถึงตัวของสองสาว(?) โดยทิ้งระยะห่างไว้ประมาณหนึ่งเมตร

     

     

     

    "มาตามหาหัวใจครับ"

     

     

     

    โอ๊ย~ ไอ้เสี่ยวอ๊ค!

    เมิงไปตายแล้วลงนรกไปปรึกษามุกใหม่กับยมบาลก่อนเกิดใหม่ซะไป๊!!!

     

    ผื่นขึ้นหูกูโม้ดดดดด = [ ] =;

     

     

     

    "ฮะๆ ผมพูดเล่นน่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นกันสิ" แทคยอนหัวเราะเสียงแห้ง เมื่อเห็นหน้าตาบอกบุญไม่รับของทงเฮ และหน้าปุเลี่ยนๆของซองมิน แม่ยอดขมองอิ่มของมัน

     

    "ผมมาเพราะจะบอกข่าวเรื่องทัวร์นาเม้นท์ที่แจบอมฝากมาบอกพี่ยองอุนหรอก ...ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด"

     

    ทงเฮสบถเบาๆว่า ใครจะเชื่อหนังหน้าอย่างเมิง!! เพราะขี้เกียจไปด่าว่ามันให้เกิดเรื่องผิดใจ จนกลายเป็นชนวนสงคราม ระหว่างอาชีวะฮวาซอน และช่างกลจุงวาน

     

    "พี่คังอินไม่ว่าง วันนี้โค้ชกลับมาซ้อมให้พวกชั้น นายกลับไปซะเถอะแล้วค่อยมาใหม่วันหลังล่ะกัน" ทงเฮตัดบทอย่างเย็นชา นี่ยังถือว่าไล่แบบมีเมตตาแล้วนะ ถึงได้พูดอ้อมๆแบบนี้

     

    "แต่จริงๆแล้ว ...เรื่องนี้" มันเอียงคอ แล้วเอานิ้วชี้แตะปลายคางแอ๊บบีวท่าครุ่นคิดได้ครีเอทจนน่าถีบ

     

    "ไม่ต้องบอกพี่ยองอุนก็ได้นะ บอกกับผู้จัดการชมรมไว้ก็คงเหมือนกัน เพราะเป็นเรื่องการจับสลากแบ่งสาย ผมว่ารายละเอียดยิบย่อยแบบนี้ ให้ผู้จัดการรับฟังไว้ ก็ท่าจะดี จริงมั้ยครับ คุณซองมิน?"

     

    ไอ้อ๊คซัมวันยิ้มตาหยีใส่ซองมินที่ทำสีหน้าลำบากใจ ทงเฮเห็นแล้วก็ต้องรีบแปลงร่างเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม ช่วยเหลือซองมินในการกำจัดเหล่าร้ายอย่างนายอ๊คซัมวันให้สิ้นซาก

     

    "ถ้าบอกกกับใครก็ได้ นายก็ไปบอกกับพี่ยูชอนเองดิ"

     

    "จุ๋ยส์ๆ" ทำจุ๊ปากแล้วส่ายหน้า เหมือนจะสื่อว่าทงเฮนี่ช่างไม่รู้อะไรซะบ้างเลย "ต้องบอกแต่ผู้จัดการ ไม่ก็หัวหน้าชมรม เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนม้ากมาก..."

     

    ทงเฮอ้าปากค้าง อยากจะเถียงกลับเหลือเกินว่า เรื่องละเอียดบ้าน บ้านป้อเมิงสิ แค่จับสลากแบ่งสาย! แต่ก็ไม่ทันได้ด่า เพราะแทคยอนรีบเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

    "ผมว่าเราไปหาที่เงียบๆคุยกัน ดีมั้ยครับ คุณซองมิน อย่างเช่นร้านเบเกอรี่หน้าโรงเรียนก็ดีนะครับ จะได้กินเค้กไป คุยกันไป สบายๆ ไม่เครียด~"

     

     

     

    "จับสลากนี่มันเครียดตรงไหนวะ?!!"

     

     

     

    มันคือประโยคในใจของทงเฮ แต่ไม่ใช่เสียงพูดของทงเฮ เพราะบุคคลที่เอ่ยประโยคนี้พร้อมน้ำเสียงกร้าว นัยน์ตาเหี้ยม คืออีกหนึ่งผู้ท้าชิง ตำแหน่งสามีในอนาคตของอีซองมิน อย่างนายโจซัมติงนั่นเอง...

     

    ร่างสูงของโกดมีนัมเบอร์สองของโรงเรียนสาวเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร ส่วนเพื่อนซี้หน้าเสถียรอย่างคิบอมก็เดินล้วงกระเป๋าตามมาติดๆเช่นกัน

     

    ...แล้วมันจะเดินอมยิ้มแก้มตุ่ยมองหน้ากูมาแต่ไกลทำไมวะ

    เดี๋ยวคนอื่นจับได้หมดว่ากูทำอะไรกับมึงไว้ ไอ้เจี้ยนี่!!

     

    "ถึงหัวเรื่องจะฟังดูเหมือนไม่น่าเครียดอะไร แต่มันก็เป็นเรื่องที่สำคัญแล้วก็จริงจังมากกกกก จนคนทั่วๆไปที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องนี้ดีพอ อาจคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกขำขันได้ล่ะนะ" อ๊คซัมวันตอกกลับเนิบๆ แต่นั่นก็ยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงความแค้นให้ลุกหือในตาของโจซัมติงได้อย่างดีเยี่ยม

     

     

    เอาล่ะ.........

     

    แป๊ง!!! ยกที่หนึ่งเริ่มแล้วครับท่านผู้ชม

     

    ฝ่ายแดงคือ นายอ๊คซัมวัน เซียนฟันเฉาะกบาลแตก ฝ่ายน้ำเงินคือ นายโจซัมติง ตัวจริงเรื่องสะกดรอย ใครจะแพ้จะชนะเดี๋ยวเราจะได้รู้กันแล้วครับ !

     

     

    ทงเฮยืนพากษ์มวยคู่เอกอยู่ในใจ เพราะเล็งเห็นถึงกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่แล่นเปรี๊ยะไปมาระหว่างตาของทั้งไอ้ซัมติงและซัมวัน ซึ่งคาดว่าหากใครก็ตามที่บังเอิญโง่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือผ่านไปมาตรงช่องว่างตรงนั้น อาจโดนไฟฟ้ากว่าแสนโวลต์นั้นช๊อต ให้ต้องนอนชักดิ้นชักงอ หน้าดำ หัวไหม้เกรียมกลายเป็นทรงผมหยิกหยอยที่ได้ทำก่อนตายที่มีชื่อว่า F4!! นั่นเอง (แอ๊ฟโฟ่ร์ค่ะที่รัก ไม่ใช่ F4 -*-)

     

    "อ้อ ถ้าอย่างนั้นมันคงเป็นเรื่องที่สำคัญมากจนต้องหาเรื่องนัดออกไปคุยกันสองต่อสองนอกโรงเรียนเลยสินะ" คยูฮยอนกอดอกทำตาขวางใส่คู่ต่อสู้ ในขณะที่แทคยอนไหวไหล่แล้วบอกว่า แอ๊ดแซ้คลี่

     

    "ถ้าเป็นอย่างนั้น การที่มีคนที่รู้เรื่องชมรมดีเยี่ยมไปกับผู้จัดการด้วย คงจะดีกว่าการปล่อยให้ผู้จัดการมือใหม่ไปตามลำพังคนเดียวสินะ ใช่มั้ย ทงเฮ?"

     

    อ้าว ซวยกูซะงั้น -*-

     

    ร่างบางคิดแล้วก็เหนื่อยใจใช่ย่อย ไม่รู้ชาติที่แล้วเค้าไปทำเวรกรรมอะไรไว้นักหนา ชาตินี้ถึงได้ถูกจ้องล้างจองผลาญจากเจ้ากรรมซัมเวรหลายเจ้าซะเหลือเกิน แต่จะให้ส่ายหน้าปฏิเสธก็ใช่ที่ เพราะหนึ่งคือเค้าต้องช่วยปกป้องซองมินออกจากเหล่าร้าย และสองคือไอ้ซัมติงมันดันส่งสายตามาประมาณว่า ถ้าไม่เออออห่อหมกกะกรูล่ะ เมิงตาย!! ใส่เค้า ทำให้ทงเฮจำยอมพยักหน้าหงึกๆหงักๆไปตามคำพูดของคยูฮยอนอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    "เห็นมั้ยล่ะ ... เพราะฉะนั้น นายก็"

     

    "เข้าไปคุยกับพี่คังอินเองดีกว่า" ซองมินที่เงียบไปนาน พูดแทรกขึ้นมาเสียงเรียบ

     

    "ถึงโค้ชจะมาแล้ว แต่ก็คงไม่ห้ามหรอก ถ้าพี่คังอินต้องออกมาคุยธุระกับตัวแทนจากจุงวานน่ะ"

     

    ในที่สุดกรรมการอีซองมินก็เข้ามาแจกใบแดงให้ออกจากสนามไปทั้งไอ้อ๊คซัมวันและไอ้โจซัมติง เป็นอันจบการโต้วาทีว่าด้วยเรื่อง การจับสลากแบ่งสายสำคัญหรือไม่? จนได้

     

    "รีบเข้าไปดีกว่า" ซองมินสรุปได้ทีเดียวรู้เรื่องครบทุกองค์ประกอบ

     

    แทคยอนแอบทำหน้าเสียดมเสียดายนิดหน่อยที่แผนการจีบถูกขัดขวาง ไม่เป็นไปตามที่คิด ส่วนคยูฮยอนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เนื่องจากเป้าหมายในการขัดขวางอ๊คแทคยอนของเค้าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี พูดง่ายๆคือ กุไม่ได้ เมิงก็อย่าหวังว่าจะได้เลย ...ไอ้กร๊วก!

     

    "ผมช่วยถือนะครับ ท่าทางจะหนัก" ไอ้คุณอ๊ครีบโร่มาทำคะแนนล่วงหน้า ด้วยการเข้าไปช่วยซองมินถือของ แต่มีหรือไอคุณโจจะยอม ร่างสูงรีบก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหันมาพูดกับซองมินเสียงนุ่ม

     

    "ชั้นเปิดให้นะ" ว่าพลางเอื้อมมือไปเปิดประตูให้คนตัวเล็ก ราวกับเป็นเจนเทิลแมนที่หลุดออกมาจากในนิยายที่ไม่มีวันสิงสถิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้

     

    "เราเปิดเองได้ ถือของเองได้ เราก็มีมือสองข้างเหมือนกันนะ ไม่ได้พิการ"

     

    เพล้ง! หน้าแตกหมอไม่รับเย็บกันทั้งสองซัม... (หัวเราะสะใจมว๊ากก วะฮะฮ่า!!)

     

    ซองมินเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะแทรกตัวผ่านเข้าไปในโรงยิมด้วยการถือของและเปิดประตูด้วยตัวเอง ในขณะที่คยูฮยอนและแทคยอนรีบเดินตามเข้าไปช่วงชิงความได้เปรียบกันอย่างไม่ลดละ

     

    "สนุกดีเนอะ"

     

    "ช่ายยย ดูพวกมันทะเลาะกันเอง แล้วโดนซองมินเชิดใส่ มันส์ยิ่งกว่าดูแข่งบาสเอ็นบีเอซะ...อีก...เอ่อะ!" เพิ่งจะสำเหนียกได้ว่าพูดอยู่กับใคร ทงเฮก็เหมือนจะน้ำลายติดคอขึ้นมาทันที

     

    ซองมินเข้าไปแล้ว ไอ้สองซัมเข้าไปตาม ตอนนี้ก็เหลือแค่เค้ากับ..............

     

    หันคอเป็นสเต็ปตุ๊กตาไขลานไปมองคนข้างตัว แล้วก็ต้องรีบหันกลับคอแทบหัก

    มาย ก๊อดแดมชิท!! กูไม่น่าเผลอเล้ยยยยยยย

     

    "เดี๋ยวสิ..." คิบอมรั้งคนตัวเล็กที่ทำท่าจะควบสี่ตีนวิ่งหนีเค้าเข้าไปในโรงยิมอีกรอบไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ก่อนจะหมุนตัวทงเฮให้หันมาเผชิญหน้ากันด้วยพละกำลังที่มีเหนือกว่าแรงขืนตัวของคนเตี้ย

     

    "มะ..มี...อะ...อะไร?"

     

    ถามเสียงสั่น เมื่อถูกจับล็อคไว้ให้ตาต่อตาฟันต่อฟันกับคนที่เค้าเพิ่งจะหอมแก้มมันไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ทงเฮทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำตาเหล่ ไม่ยอมมองหน้าคิบอมตรงๆ

     

    "วันนี้ห้ามหนีชั้นกลับก่อนล่ะ"

     

    "ทะ..ทำไมอ่า~?"

     

    "ก็เราต้องติวกันต่อ"

     

    คิบอมพ่นลมหายใจกลั้นขำ เพราะสีหน้าของทงเฮที่ทำเหมือนกำลังเบ่งท้องคลอดลูกก็ไม่ปาน

     

    "เมื่อวานก็ติวแล้วนี่นา~ ไว้ค่อยติวกันอีกทีมะรืนนี้ไม่ได้เหรอ?" ทงเฮพยายามหาทางเลี่ยง แต่คิบอมก็ไม่ได้สนใจคำต่อรองของอีกฝ่ายเลย ชายหนุ่มเพียงเอ่ยคำเดียวอีทงเฮก็จอดไม่ต้องแจวอีกต่อไป

     

    "วันนี้อาจารย์คิม ถามว่าชั้นติวนายไปถึงไหนแล้ว"

     

    "อีทงเฮฉลาดมาก หัวไว ทำแบบฝึกหัดไม่ผิดเลยสักข้อ จำสูตรได้แม่นมาก อยากให้ชั้นบอกอาจารย์อย่างนี้ หรือว่า อีทงเฮโง่บรม หัวช้า ทำแบบฝึกหัดเต็มสิบได้สอง จำสูตรไม่ได้เลย กันล่ะ?"

     

     

     

    =______________="

     

     

     

     

    นี่ตัวชั้นผิดหรือไร ชั้นต้องใช้หนี้กรรมให้ใคร เจ็บที่มันต้องเป็นแบบเน้~~

    มีชีวิตไม่เหมือนใคร ชั้นไม่อาจเลือกทางได้เอง

     

    จะมีใครบ้างมั้ยที่จะมา.....เห็นใจ~

     

     

     

     

    เพลงพี่โบ สุนิสา (สุนิตาเว้ย!) ผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆกับความชอกช้ำในชะตาชีวิตของตัวเอง ทงเฮปากสั่นระริก อยากจะปล่อยโฮเต็มแก่ แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียหน้า

     

    น้ำตาลูกผู้ชายอกสามศอกครึ่งอย่างเค้า ต้องหลั่งเฉพาะตอนที่สำคัญๆอย่างเช่น เฮียม้วยมรณาเพราะอาหารของพี่แจจุงเท่านั้น!!  ไอ้เรื่องกระจิ๊บกระจ๊อยอย่างเช่นการสอบตกสองวิชารวด แถมยังต้องซ่อมแล้วซ่อมอีกพรรค์นี้  ...จะร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาด  โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ  T[ ]T

     

    "แล้วอีกอย่าง....." พอคิบอมพูดแหย่ ทงเฮก็ยิ่งอยากจะเบะปากร้องเข้าไปใหญ่

     

     

     

    "นายยังติดค้างบทลงโทษของชั้นอยู่นะ อย่าลืมสิ"

     

     

     

    คิบอมพูดประโยคเรียบเรื่อยนี้ข้างใบหูนิ่มๆของทงเฮ หลังจากที่จับไหล่ของคนตัวเล็กให้ร่างทั้งร่างเซเข้ามาใกล้จนสามารถกรอกคำพูดชวนหวีดสยองในความคิดของทงเฮให้เจ้าตัวได้ฟังจนหน้าถอดสี

     

    ชายหนุ่มยิ้มบาง พอเข้าปล่อยมือออกให้ทงเฮเป็นอิสระแล้ว ก็ดูเหมือนว่าร่างบางจะยืนทำปากเหวออยู่เป็นนาทีๆ และเมื่อคิบอมมองดูสีหน้าตลกๆนั่นจนเป็นที่พอใจแล้ว รุคกี้ของชมรมบาสจึงเดินผ่านทงเฮเพื่อเข้าไปเตรียมตัวซ้อมในชมรมต่อทันที

     

     

    สำหรับคิบอมแล้ว การได้แกล้งทงเฮนั้น ...

    ถือว่าสนุกซะยิ่งกว่าการยืนดูเพื่อนตัวเองฉะกับศัตรูหัวใจซะอีกแน่ะ!  

     

     

    *******************

     

     

    ธรรมดาแล้ว ความหน้าด้าน หน้าทน และความไร้ยางอาย มันมีอยู่ในตัวของทงเฮอย่างเต็มเปี่ยม ...รู้สึกว่าจะเป็นกันมาตั้งแต่รุ่นทวด รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ยันรุ่นลูก อย่างเค้าและเฮียยุนเลยก็ว่าได้

     

    ลักษณะของยีนจะเด่นในความหน้าด้านขั้นซุปเปอร์แอดวานซ์  มันน่าฝังรากหยั่งลึกลงไปในดีเอ็นเอและโครโมโซมเอ็กซ์วายแซดของพวกเค้า  ...แต่ทำไมในระยะนี้ทงเฮกลับรู้สึกว่า ไอ้หนังหน้าแบบฉาบปูนตราตุ๊กแกของเค้า มันลดความหนาและด้านลง แถมยังบางขึ้นจนไม่ทนทานต่อความร้อนอีกต่อไป นอกจากนั้นยังบางถึงขึ้นขึ้นสีเลือดฝาดได้บนพวงแก้มอย่างชัดเจนอีกด้วย!

     

    ห่ารากกกกกส์!!!

     

    นี่กูจะสะเทิ้นอายทำโซนยอซีแดอะไรวะ แค่มันขู่ว่าจะทำโทษกูเนี่ยยยย

    มันต้อง สะเทิ้นบกสะทิ้นน้ำสิวะ มายเฟซ!! อย่ายอมให้อารมณ์แบบสาวน้อยมามีอิทธิพลเหนือกว่าอารมณ์แบบแมนจ๋าของเราสิ อีทงเฮ ตั้งสติเข้าไว้ ฮึ่บๆ~!!!

     

    คิดแล้วก็ยกมือขึ้นมาตบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองโดยแรง และสะบัดหน้าเล็กน้อยอีกสองสามทีเพื่อเรียกสติ ในที่สุดอีทงเฮก็พร้อมกลับมาเป็นคนมาดแมนแอนด์แฮนด์ซั่มเหมือนเดิมแล้ว!!!!

     

    เมื่อได้ชาร์จคอนฟิเด็นท์จนเต็มที่ ทงเฮก็ริเริ่มการกระทำที่ขัดกับหน้าตาสวยๆอีกครั้ง โดยการถกแขนเสื้อขึ้นเหมือนนักเลงเรียกเก็บค่าคุ้มครองตามตลาดนัด พร้อมทั้งปล่อยชายเสื้ออกนอกกางเกง ทำตัวรุ่มร่าม ควานหาหมากฝรั่งในกระเป๋าแกะห่อเอามาเคี้ยวทำปากเบี้ยว เพื่อเพิ่มความน่าเกรงขาม

     

    งี้สิ ถึงจะเพอร์เฟ็ค!!!

     

    มือเล็กเอื้อมออกไปผลักประตูโรงยิ้มให้เปิดออกด้วยพละกำลังที่มีเทียบเท่าแรงของพญาคชสาร ซึ่งในความเป็นจริงเปรียบได้เท่า แรงมดตะนอยต่อยแล้วแค่คันเท่านั้น แต่ถึงมันจะเป็นอะไรที่เฟคตัวเองเป็นอย่างมากที่คิดแบบนี้ แต่ไอ้เตี้ยมันก็ไม่แคร์~ (สะบัดบ๊อบ ไม่รับฟังความจริง) ยังสติลหลอกตัวเองว่าเป็นแรมโบ้กลับชาติมาเกิดต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด

     

    "อ๊า~ ดงไห่อา... ‘หมา' แล้วเหรอ?"

     

    เจอคำทักแรกของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า ทงเฮก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอดัง ...เอี้ย!

    มาแล้วไงครับ พี่น้อง...พายุลูกแรกกำลังจะก่อตัวขึ้นซะแล้วสิ -*-

     

    "อะ...เอ่อ ครับ ผมมาแล้วครับ โค้ช"

     

    เอ่ยตอบด้วยท่าทีนอบโน้ม พร้อมกับค่อยๆดึงแขนเสื้อตัวเองลง เอาเสื้อเข้ากางเกงในเรียบร้อย และก็ไม่ลืมที่จะคายหมากฝรั่งที่เพิ่งเคี้ยวได้ไม่ถึงนาทีออกไปแปะอยู่ตรงข้างประตูในมุมอับสายตา

     

    "นึกว่าดงไห่จะไม่ ‘หมา' ซะแล้วนะวันนี้ แต่ในที่สุดก็ ‘หมา' จนได้ กรู..ดีใจมากจนน้ำตาจะไหลเป็นสายเลือดเลยนะ"

     

    ทงเฮตอบรับรอยยิ้มซื่อ แต่แววตาเฉียบคมนั้นส่อแววไม่พอใจตงิดๆที่เห็นคนแต่งตัวไม่เรียบร้อยเดินเข้ามาในโรงยิมของโค้ชร่างสูงด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เพราะโค้ชเป็นคนที่เค้าไม่เคยเดาความคิดได้เลยสักครั้ง ..ไม่รู้ว่าจงใจพูดผิดเพื่อต้องการกัดแบบเนียนๆ หรือแค่พูดไม่ชัดไปตามประสากะเหรี่ยงจากยอดดอยเท่านั้น

     

    "ฮ่าๆ น้ำตาไหลเป็นสายเลือด... โค้ชนี่มีอารมณ์ขันดีนะครับ แถมพูดกูมึงกับนักเรียนอย่างเป็นกันเองอีก เยี่ยมไปเลยครับ!!"

     

    นักกีฬาหนึ่งเดียวจากจุงวานเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทงเฮถึงเพิ่งจะสังเกตว่าพวกที่เข้ามาก่อนหน้าเค้าทั้งหมดยังคงยืนออกันอยู่ตรงทางเข้านี่เองไม่ได้ไปไหนไกล ทั้งไอ้ซัมวัน ซัมติง ซองมิน และคิมคิบอม

     

    ร่างบางจิกตาใส่ไอ้อ๊คซัมวันที่หัวเราะคิกคักไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้าเลยอย่างอนาถใจ

    ...เมิงจะมองโลกในแง่ดีมันก็ไม่ผิดหรอกนะ ไอ้อ๊ค -*- แต่ช่วยมีขอบเขตบ้างอะไรบ้างก็ได้นะเมิง~

    ที่โค้ชเรียกแทนว่า กรู น่ะ เค้าจะออกเสียงว่า ครู แต่มันไม่ชัดเฟ้ย! ไม่ได้เป็นกันเองกันนักเรียนอย่างที่เมิงคิดเองเออเองหรอกไอ้อ๊ค!!!

     

    "ที่โรงเรียนผมก็มีคนที่ชอบพูดผิดๆถูกเหมือนกันครับ ประธานชมรมผมเอง แต่ช่วงนี้มันกลับไปรับมรดกสวนมะม่วงของคุณปู่ที่อเมริกา มันเลยโทรมาบอกให้ผมมาคุยเรื่องการจับสลากแบ่งกลุ่มการแข่งทัวร์นาเม้นท์แทนน่ะครับ"

     

    ร่ายซะยาวเป็นมหากาพย์ร้อยแก้ว จนอาจารย์ประจำชมรมของทงเฮทำหน้าเหวอไปพักใหญ่ ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาขรึมขลังอีกครั้ง แล้วกระแอมไอทำเสียง ฮ่อๆ ในลำคอ แต่ถ้าดูจากสีหน้าและท่าทางเป๋อๆเอ๋อๆของโค้ชแล้ว ทงเฮคาดว่าอาจต้องมาการทรานสะเหลดในฟังอีกรอบด้วยภาษาเกาหลีแบบง่ายๆซะล่ะมั้ง

     

    "แล้วทำไม เล่นบาสแล้ว พวกเธอ ต้องไปจับ ‘ฉลาม' ด้วยล่ะ?!"

     

    ".....!!!!!....."

     

    นั่นไง  กูว่าแล้วไง =___=; ถ้าเดาได้อย่างนี้ตอนทำข้อสอบ ทงเฮก็คงได้เป็นท็อปของชั้นปีไปแล้ว

     

    ร่างบางเหลียวไปมองสีหน้าของคนรอบๆตัว แล้วก็ต้องถอนหายใจทิ้งแบบโคตรจะปลงอนิจจัง วะตะสังขารา เพราะถึงขนาดที่ว่าหน้านิ่งๆอย่างคิบอมยังเลิกคิ้วนิดๆ แสดงความแปลกประหลาดใจให้ได้อย่างเห็นได้ชัด นั่นก็หมายความว่า เค้าจะต้องทรานสะเหลดจริงๆนั่นแหละ =___=;;

     

    "โค้ชฮะ คือจับสลากครับ ..ไม่ใช่จับฉลาม"

     

    "แล้วจับ...สลาก...มานคืออาไร้ล่ะ?"

     

    "ก็แบบตัดกระดาษเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วเขียนเลขลงไป แล้วก็พับใส่โหล เขย่าๆ หลังจากนั้นก็ให้นักกีฬาตัวแทนของแต่ละโรงเรียนหนึ่งคนไปหยิบกระดาษในโหลนั้นขึ้นมา ได้หมายเลขอะไรก็แปลว่าเราอยู่สายแข่งนั้นน่ะครับ" ทงเฮอธิบายโดยการออกท่าทางประกอบ โดยมีโค้ชผู้ไม่สันทัดในภาษาเกาหลีพยักหน้าหงึกหงักตามเป็นระยะๆ

     

    "ฮ่อๆ เข้าใจเลี้ยว ขอบใจมากนะดงไห่ที่อภิปรายให้กรูฟาง...แต่เมื่อกี้มานเป็นแค่ มุกตลกน่ะ ฮะ ฮะ ทำไมกรูจะไม่รู้ล่ะว่า จับสลาก มานคืออาไร้~" หัวเราะเสียงเจ๊กๆ ก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ทงเฮเป็นเชิงแสดงตัวว่าเมื่อกี้น่ะ...เล่นมุก = ="

     

    "ว่าแต่สองคนนี้คร้ายเหรอ?" โค้ชรีบเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง ด้วยการชี้นิ้วไปทางคิบอมและคยูฮยอนที่ยืนหน้าเป็นอยู่ใกล้ๆ หลังจากที่หยุดหัวเราะเพราะไม่มีใครนึกขำไปกับแก (กรูรับมุกไม่ทันเว้ย! -*-)

     

    "เมื่อกี้ตอนเดิน..ข้าวมา เฉิ่งเหมินแนะนำให้กรูรู้จาก..แค่ อ๊อดแทคหย่อน ตัวแทน...จากโรงเรียนจุ๋งวานเองนี่ กรูไม่อยู่แค่ไม่กี่อาทิตย์...ทำไมเราถึงมีสะหมาชิก ที่กรูไม่รู้จักหน้าเพิ่มขึ้นเยอะจังล่ะ ฮะ ฮะ"

     

     

     

     

    =_______________________=*

     

     

     

     

    โอ๊ย~ ตาย กูขอไทลินอลกำมือนึงมาแดกแบบด่วนๆเลยได้มั้ยเนี่ย??? 

     

    ความปวดหัวแล่นจี้เข้ามาในสมองเมื่อนึกว่าตัวเองจะต้องเป็นล่ามให้ระหว่างอาจารย์และประชาชนชาวเกาหลีคนอื่นๆอีกครั้ง ...ไม่ทราบว่าอาจารย์แกไปเรียนภาษามาจากไหน ทำไมถึงได้สำเนียงเหน่อ ประโยคเพี้ยน ภาษาวิบัติ ขนาดเน้~!!

     

    ว่าแล้วทงเฮก็ใช้สายตาสอดส่องหาตัวช่วยที่ไม่น่าจะหายหัวไปในเวลาสำคัญแบบนี้อย่าง พี่คังอิน พี่ยูชอน พี่มินโฮ หรือแม้กระทั่งชางมิน

     

    ...พวกเมิงหายหัวไปไหนกันโม้ดดดดดด~???

     

    พอกวาดตามองรอบๆให้ดี ทงเฮก็เพิ่งจะสังเกตว่าสมาชิกชมรมบาสทั้งหมดกำลังรวมกลุ่มกันซ้อมเลี้ยงลูกลอดหว่างขาอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของสนาม ไม่เว้นแม้แต่กัปตันร่างเด็กสมบูรณ์ที่ซ้อมจนเหงื่อไหลขี้ไคลย้อยไขมันร่วงอยู่ตรงมุมสนาม

     

    เอิ่ม.. ท่าทางโค้ชกลับมาครั้งนี้ คงมีตารางฝึกโหดมาให้พี่คังอ้วนได้ผอมกันไปข้างล่ะ!!!

     

    ทงเฮถอนหายใจเนือยๆ ในเมื่อหมดสิ้นตัวช่วย เค้าคงจะต้องแนะนำทั้งคิบอมและคยูฮยอนให้โค้ชรู้จักด้วยตัวเองซะแล้ว

     

    ...แต่ปัญหามันก็ติดอยู่ตรงนี้นี่แหละ!!

     

    เพราะโค้ชชอบคนที่มีความมุ่งมั่นเอามากๆ ถึงขนาดที่ว่าหากรู้ว่าใครที่เข้าชมรมมาแบบเล่นๆ ไม่เอาจริงเอาจัง เฮียแกก็จะไล่ตะเพิดออกจากชมรมด้วยภาษาจีนที่โนบอดี้แคนทรานสะเหลดว่าแปลว่าอันหยังได้สักกะคน

     

    แล้วแต่ล่ะตัวที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ก็ แม่ง... โคตะระจะมีความมุ่งมั่นในการเล่นบาสเลยเหอะ (ประชด)

     

    อย่างไอ้หล่อเบอร์หนึ่งเนี่ย มันเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมเพราะติดสัญญญาอยู่กับเค้า >< ส่วนไอ้หล่อเบอร์สอง ก็เข้ามาเพราะจะตามจีบผู้จัดการชมรมคนสวยอย่างซองมินนี่~

     

    ถึงพวกมันจะมีฝีมือเก่งกาจยังไงก็เถอะ แต่ถ้าใจไม่ได้รักโค้ชก็คงไม่เอาคิบอมกับคยูฮยอนไว้แน่ และหวังว่ากัปตันชมรมคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของทงเฮอีกหรอกนะ ที่ทำให้ไอ้สองตัวนี้ต้องระเห็จออกจากชมรม เพราะเค้าก็คาดเดาอารมณ์โค้ชไม่ได้หรอกว่าจะยอมเซ็นอนุมัติให้คิบอมกับไอ้ซัมติงเข้าชมรมได้ง่ายๆหรือไม่

     

    "คนนี้คือ คิมคิบอม ครับโค้ช"

     

    ทงเฮแนะนำคนข้างตัวก่อนเป็นอันดับแรก  ซึ่งคิบอมก็โค้งคำนับอาจารย์ตามแบบฉบับพ่อคนดีศรีสังคมไปแบบหล่อๆหนึ่งที ทงเฮเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ที่มันทำหล่อเกินหน้าเกินตา  ร่างบางจึงผายมือไปทางร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆซองมิน ตั้งใจจะแนะนำไอ้หล่อเบอร์สองบ้าง

     

    "และคนนี้ก็คือ โจซัม...ตะ....โจ.....เอ่อ...โจ...โจ๊....โจ........เอ่อออ"

     

    "โจคยูฮยอนครับ"

     

    จนแล้วจนรอดทงเฮที่ไม่เคยเรียกชื่อเต็มของคยูฮยอน ก็ไม่สามารถนึกชื่อไอ้หน้าแหลมออกได้ ทำให้คยูฮยอนจำเป็นต้องขานเรียกชื่อตัวเองแทน โดยไม่ลืมที่จะตวัดสายตามองไอ้เตี้ยแบบเคืองๆ ที่บังอาจลืมชื่อของสุดหล่ออย่างเค้า!

     

    "ฮ่อ~ คนนี้น่ะหรือ ...คิมคิบอม"

     

    "ครับ"

     

    "เฉียงเหยินบอกเรื่องของเราไว้แล้วล่ะ กรูเองก็เห็งล้วย...ที่จะให้เด็กหนุ่มที่มีความมุ่งหมายอย่างคิ..บอมข้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของชมรมเราน่ะ..." โค้ชว่ายิ้มๆ ก่อนจะเงียบไปครู่นึง แล้วจึงอ้อมแอ้มพูดด้วยสีหน้าอาแปะที่ทงเฮเคยเห็นจนชินตา

     

    "ซื่อ คิบอม..มานออกเสียงยากน่อ กรูขอเรียกเราว่า...ฉี่ฟั่น ล่ายม๊าย?"

     

    สิ้นคำขอของอาจารย์หนุ่มหล่อ แต่พูดไม่ชัดคล้ายคนลิ้นไก่สั้น คิบอมก็เหล่มองมาทางทงเฮที่ทำสัญญาณพยักหน้าถี่ยิบให้เค้าตอบรับ ทั้งๆที่คิบอมไม่ได้เข้าใจในประโยคที่คนตรงหน้าพูดกับเค้าเลยสักนิด

     

    "อา...ครับ" ในที่สุดเค้าก็พยักหน้าตอบตกลงไปแบบงงๆ ทงเฮและซองมินถึงกับถอนหายใจโล่งอก ในขณะที่คยูฮยอน และแทคยอน ทำสีหน้างงเป็นไก่ตาแตก

     

    "แต่เฉิงเหยิ่นนี่ใครหรือครับ?" คิบอมถามนิ่งๆ ในส่วนของคำพูดที่เค้าไม่เข้าใจมากที่สุดจากประโยคเมื่อกี้

     

    "อ้อ~ ก็ก๊าบตันชมรมของเราไง ...คังอินน่ะ" โค้ชยิ้มตาปิดให้อีกครั้งคิบอมจึงพยักหน้ารับแกนๆ

     

    "ส่วนโคนนี้ คยูฮยอน ช่ายม๊าย?" คราวนี้เฮียแกหันมาเล่นงานไอ้ซัมติงเป็นรายต่อมา ทำเอาทงเฮและซองมินเริ่มหายใจติดขัดขึ้นมาอีกครั้ง

     

    "ครับ"

     

    "สำรับเรา เฉิงเหยิ่นก็บอกไว้เลี้ยวเหมือนกาน" พูดเหมือนกำลังรำพึงกับตัวเองซะมากกว่า

     

    "เธอ.. เป็นเด็กที่มีความพายายามมากนะ ถึงฐานะทางบ้านจะ ยากจ๊น ค้นเคี้ยวขนาดไหน แต่ก็ยางมีความมุ่งหมาย ที่อยากจะเล่นบาส ...กรูล่ะแซ่บซึ้งจริงๆ"

     

    โค้ชส่งแววตาเห็นใจมาให้คยูฮยอน จนคนที่ถูกหาว่าบ้านจนทั้งที่ห้องส้วมยังใหญ่กว่าห้องนอนของคนทั่วไปถึงกับหน้าถอดสี

     

    ปะป่ากูถูกฟ้องล้มละลายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แสรดดดด~!!!

     

    แต่ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะเอ่ยปากตอบโต้อะไร ซองมินก็โพล่งขัดจังหวะขึ้นมาก่อนอย่างรู้งาน

     

    "เอ่อ! โค้ชฮะ"

     

    "หืม..? มีอารายหรือ เฉิงหมิ่น?"

     

    "คือว่าคุณแทคยอน เค้ามีเรื่องจะคุยกับพี่คังอินน่ะฮะ ..โค้ชช่วยอนุญาตให้พี่คังอินหยุดซ้อมสักพัก เพื่อให้มาคุยธุระกับคุณแทคยอนก่อนได้มั้ยครับ"

     

    "ฮ่อๆ ล่ายสิ..." ว่าแล้วโค้ชหนุ่มใหญ่ ก็หยิบนกหวีดสีส้มสะท้อนแสงขึ้นคาบ ก่อนเป่าลมสุดแรงปอดจนเกิดเป็นเสียงดังลั่นทั่วโรงยิม

     

    "ปรี๊ดดดดดดดด~ เอาล่ะ ..พ้ากกกกล่ายยยยยยยยย"

     

    เสียงตะโกนพร้อมกับเสียงนกหวีดที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกัน ส่งผลให้นักกีฬาหลายคนหยุดการซ้อมขั้นพื้นฐานไว้แค่นั้น ก่อนยืนหอบเหงื่อโชกเสื้อแนบเนื้อแบบซีทรู คล้ายจะเซ็กซี่ แต่มองแล้วเซ็กส์เสื่อมกันเป็นแถว (ยกตัวอย่าง พุงของหัวหน้าชมรม เป็นต้น -*-)

     

    "เอ้า! งั้นเราปายคุยทุร้ากับเฉิงเหยิ่นกันเถอะนะ"

     

    "อา...ครับ" แทคยอนรับคำ แล้วจึงเดินตามหลังโค้ชไปอย่างว่าง่ายเหลื่อเชื่อ

     

    "ฮ่อ ส่วนดงไห่ ฉี่ฟั่น แล้วก็เอ่อ....คยู....กรูขอเรียกเราว่า กุ้ยเฉียน ล่ายม๊าย?"

     

    คยูฮยอนไม่มีทางเลือกอื่นใด เมื่อเจอกับดวงตากลมโตของซองมินที่มองมาเหมือนบังคับให้เค้าตอบรับโดยปริยายแบบนั้น ร่างสูงจึงพยักหน้าไปส่งๆ เพื่อจะไม่ให้เป็นที่ขัดเคืองใจของซองมินสุดที่รัก

     

    "รีบไปเปลี่ยนฉุดนะ กลับมาจาล่ายมาฝึกซ้อมกานต่อ แล้วเฉิงหมิ่น ก็ช่วยไปแจกน้ำกับผ้าเย็งให้คนอื่นๆล้วยน๊า~" สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินนำร่างของนักกีฬาจากจุงวานข้ามสนามไปหากัปตันชมรมที่เหนื่อยหอบจนลงไปนอนกองลิ้นห้อยอยู่บนพื้น

     

    "ไหนว่าดุไง?"

     

    คิบอมเอ่ยเสียงเบาๆ หลังจากที่พวกเค้าพากันเดินมาเปลี่ยนเสื้อกันที่ห้องล็อคเกอร์ โดยมีไอ้ซัมติงที่เดินมาเป็น กขค. ด้วยอีกหนึ่งหน่อ แต่ก็ยังไม่วายเหลือบไปทำตาละห้อยหมาหงอยจิ้งจอกเหงาให้กับซองมินที่แยกตัวไปทำหน้าที่ผู้จัดการที่ดี โดยการแจกน้ำดื่มและผ้าเย็นให้กับนักกีฬาที่เหมือนกำลังบริจาคธารแก่เพื่อนผู้หิวโหยในเฮติไม่มีผิดเพี้ยน

     

    "โค้ช..เอ่อ...ไม่ดุหรอก...แต่เรียกว่า เข้มงวด ..คงจะดีกว่า...อ่ะ..นะ" ทงเฮว่าเสียงเบาไม่แพ้กัน 

     

    "แต่ที่ชั้นต้องมาเตือนนายก่อนก็เพราะโค้ชน่ะ พูดไม่ค่อยชัดแถมไม่ค่อยรู้เรื่องนี่แหละ"

     

     

     

    "เหรอ?"

     

    "นายไม่รู้อะไร ก็ตอนที่โค้ชเข้ามาใหม่ เฮียแกเล่นพูดเกาหลีคำจีนคำเลยนะ เล่นเอาคนในชมรมตอนนั้นต้องพกดิก จีน-เกา เกา-จีน กันเป็นแถบๆเพราะกลัวจะสื่อสารกับโค้ชไม่รู้เรื่อง"

     

    "แล้วโรงเรียนจะจ้างมาทำไมล่ะ พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้?" ไอ้ซัมติงที่เพิ่งจะหยุดอาการเศร้าโศกที่ต้องจากซองมินหันมาถามด้วยความสนใจ ทงเฮที่ถนัดเรื่องเม้าท์ทุกประการจึงทำตาโตแล้วเอ่ยต่อว่า

     

    "แต่นี่อิมพอร์ตมาจากประเทศจีนแท้ๆเลยนะ เห็นว่าเป็นนักเรียนรุ่นเดียวกับเหยาหมิงเลยด้วย และฝีมือโค้ชคนนี้ ก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ กระจอกๆเลยนะจะบอกให้"

     

    ทงเฮโอ่ด้วยความภาคภูมิใจ เพราะหลังจากโค้ชคนเก่าที่เกษียณไปเพราะความแก่ชรา จนมิอาจขยับเขยื้อนร่างหุ้มกระดูกที่มีชั้นไขมันมาคั่นระหว่างกลางเพื่อโชว์สเต็ปการเล่นให้นักเรียนดูได้อีกต่อไป โค้ชคนใหม่นี้ก็ดูท่าว่าจะสามารถปั้นให้ทีมสุดห่วยฮวาซอน มีหวังขึ้นมากับเค้าได้บ้างในปีนี้

     

    ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องที่ทำให้โค้ชต้องหยุดการเรียนการสอนไปเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์

     

    "แต่ที่พวกนายต้องระวังก็คือ หนึ่ง ...ถ้าโค้ชพูดอะไรที่ไม่เข้าใจ ห้ามถามย้ำ ถามซ้ำ หรือบอกให้โค้ชพูดใหม่อีกรอบเด็ดขาด!!!" ทงเฮบอกข้อห้ามแรกด้วยท่าทางจริงจัง

     

    "เพราะโค้ชจะอารมณ์เสีย แล้วพวกนายก็จะเจอวิชากังฟูแพนด้าสามพ่อแม่กระบวนท่าที่ชื่อ ช่วงช่วง หลินฮุ่ย แล้วก็หลินปิง จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้ามต้มรสกิมจิในโรงพยาบาลเลยล่ะ!!!"

     

    "และข้อสอง ... " ทงเฮขึ้นเสียงสูงอีกเล็กน้อยเพื่อความตื่นเต้น

     

    "เวลาเล่นบาสพวกนายต้องทุ่มให้สุดตัว เหมือนชาตินี้จะไม่ได้เล่นอีกแล้ว เพราะโค้ชชอบคนที่มีความมุ่งมั่น พยายาม ห้ามเหลาะแหละ เด็ดขาด!"

     

    "..............." สองหนุ่มลอบสบตากันข้ามหัวทงเฮอย่างรู้งาน

     

    "แล้วที่โค้ชเข้าใจว่าบ้านพวกนายจน แต่อยากเล่นบาสขั้นเทพจนต้องขวนขวายมาสมัครเข้าชมรมน่ะ ชั้นคิดว่าเป็นเพราะพี่คังอินอยากให้โค้ชเห็นใจจนรับพวกนายเข้าชมรมอย่างง่ายๆแน่ เค้าเลยต้องแต่งเรื่องที่ไร้ซึ่งความเป็นไปได้อย่างนั้น"

     

    ทงเฮว่าพลางนึกสะท้อนอยู่ในใจว่า หากหน้าตาอย่างไอ้สองคนนี้มีฐานะทางบ้านที่ยากจนแล้วล่ะก็ ..หนังหน้าอย่างทงเฮคนนี้คงหนีไม่พ้นคำว่า ไอ้อภิมหาโคตรจน หรือไอ้ซุปเปอร์ยาจก ชัวร์ๆ!

     

    "แต่หากตอนเล่นจริง พวกนายไม่ตั้งใจเล่นให้เต็มที่ล่ะก็ นายอาจจะโดนโค้ชที่อารมณ์เสียจนกลายร่างเป็น บรู๊ซ ลี เวอร์ชั่น อาแป๊ะขายเกี๊ยว ซัดเอาจนต้องหามส่งปอเต็กตึ๊งอย่างสมาชิกคนก่อน ที่เป็นสาเหตุให้โค้ชถูกพักการสอนไปก็ได้นะ เข้าใจมั้ย?!!"

     

    คำขู่ของคนตัวเตี้ย แม้จะฟังเกินจริงไปหน่อย แต่คิบอมและคยูฮยอนก็ไม่คิดที่จะเถียงให้มันมากความ ทั้งสองคนจึงครางตอบรับในลำคอเบาว่า... "อืม...."

     

    "ถ้าเข้าใจก็ดีแล้วล่ะ ชั้นจะได้สบายใจ เพราะอย่างน้อยพวกนายจะได้ไม่ต้องถูกรำไทเก็กใส่แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่อ่ะน่ะ"

     

    "แต่ชั้นก็ยังสงสัยอยู่ดี~" คยูฮยอนเอ่ยด้วยความสงสัยจริงๆ

     

    "อะไร?"

     

    "คุยกันมาตั้งนาน แต่ชั้นยังไม่รู้จักชื่อของโค้ชเลยนี่นา ...เค้าชื่ออะไรเหรอ?"

     

    ทงเฮห่อปากเป็นรูปตัวโอพลางพยักหน้าหงึกๆ เมื่อนึกได้ว่าเมื่อกี้เค้าลืมแนะนำชื่อโค้ชให้พวกนี้รู้จักจริงๆนั่นแหละ คนตัวเล็กจึงสาวเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อมายืนดักประจันหน้าคิบอมและคยูฮยอน แล้วเอ่ยชื่อของโค้ชเสียงดังฟังชัดว่า.....

     

    "โค้ชมีชื่อเกาหลีว่า ฮันกยอง ถ้าชื่อจีนก็ หานเกิง แต่โค้ชจะชอบให้พวกนายเรียกชื่อภาษาจีนแบบง่ายๆอย่าง อาเกิง มากกว่านะ" พูดจบ ทงเฮก็ส่งยิ้มหวานเคลือบยาพิษมาให้ทั้งสองคนเป็นการปิดท้าย

     

    เค้าไม่มีทางบอกความจริงหรอกว่า อาเกิง น่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ....ชื่อพ่อของโค้ชเอง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

       

     

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

    ในที่สุดตอนนี้ก็มาเติมจนครบ 100 % จนได้ แทบจะเค้นมุกไม่ออกกันเลยทีเดียว -*- เพราะความตั้งใจแรกของเรา...โค้ชก็คือ 'ป๋า' นี่แหละค่ะ (มีใครทายถูกมั้ยเอ่ย? ^^) แต่ตอนที่กำลังแต่งฉากเปิดตัวป๋า ก็ดันมีเรื่องเข้ามารบกวนจิตใจให้แต่งไม่ออกซะงั้น T^T แถมยังมีรายงานที่ต้องทำส่งอาจารย์มาเรื่อยๆอีก ทำให้เราหยุดค้างอยู่ที่ฉากนี้นานเกือบเดือน แต่จนแล้วจนรอดมันก็แต่งออกมาจนได้อ่ะน๊า~ ถ้าอ่านแล้วไม่ขำก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ เราเค้นมุกออกมาได้แค่นี้จริงๆ ><" ไว้จะแก้ตัวให้ใหม่ตอนหน้านะคะ บะบาย~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×