ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #25 : III Slam Dunk III ...25...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.23K
      47
      14 พ.ค. 53

     

     

    เคยมั้ย? เวลาที่พูดอะไรออกไปแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ถึงเพิ่งจะรู้สึกว่ามันเป็นคำตอบของปัญหาทั้งหมดที่กำลังเผชิญหน้าอยู่

     

    ทงเฮที่กำลังรู้สึกอย่างนั้น แสดงออกทางสีหน้าด้วยลูกตาที่เบิกโพล่ง ปากที่ห่อเป็นตัวโอหวอๆ แถมท้ายด้วยการพยักหน้าให้ตัวเองสองสามที ที่หน้าล็อคเกอร์ซึ่งมีป้ายชื่อเขียนว่า ‘อีทงเฮ ราชาแห่งบาส' แปะอยู่

     

    "ให้เรียกโค้ชว่า อาเกิง งั้นเหรอ?"

     

    "อือ!" ทงเฮหันมาพยักหน้าแรงๆให้คยูฮยอนอีกหนึ่งที เพื่อยืนยันความ(เลว)บริสุทธิ์ในใจ

     

    สาเหตุง่ายๆนั่นก็คือ... หากคิบอมหรือคยูฮยอน ไอ้สองพระหน่อนี่โดนโค้ชไล่ออก โทษฐานเล่นชื่อพ่อ ล้อชื่อแม่ แล้วล่ะก็ ทีนี้พี่คังอินก็ไม่สามารถหาอะไรมาเอาผิดกับทงเฮได้อีก

     

    เพราะนั่นไม่ใช่ความผิดของเค้าสักกะนิดเดียว! (เหรอ?)

     

    และในที่สุดไอ้สัญญาทั้งหมดที่ทำกับไอ้สองหล่อนี่ก็จะเป็นโมฆะ แถมบวกกับความตอแหล สิบแปดมงกุฎ และความขี้ประจบประแจง เลียแข้งเลียขาคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าของเค้าแล้ว ก็จะเป็นใบเบิกทางให้ทงเฮสามารถเป็นตัวจริงได้ ด้วยการหลอกใช้โค้ชชาวจีนหน้าซื่อๆ นั่นเอง!!!

     

    แผนการที่ไร้ที่ติอย่างนี้ ถ้าไม่ฉลาด โอเมก้า เครฟเวอร์จริง คงคิดไม่ได้นะเนี่ย หึหึหึ...

     

    ทงเฮหัวเราะในลำคอ พร้อมยกยิ้มร้ายกาจ ระหว่างที่ในใจกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยแผนชั่ว ที่คิดขึ้นมาสดๆร้อนๆ แต่แล้วเสียงจากคนที่มองท่าทางประหลาดๆแล้วกังวลว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องเดียวกับคนบ้า เข้าขั้นโรคจิตรึเปล่า? ก็ทำลายมโนภาพที่ลอยฟุ้งอยู่ในหัวของทงเฮลงทันที

     

     

    "เมื่อไหร่จะเปลี่ยนเสื้อสักที หัวเราะคิกๆอยู่ได้ รู้ว่ามาสายแล้วยังไม่รีบอีกนะ"

     

     

    เมิงเป็นพระมารดากูหรือ โจซัมติง?

     

    ทงเฮค้อนให้คนเร่งที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จเรียบร้อยในช่วงที่เค้ากำลังคิดโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ไม่เว้นแม้แต่คิบอมที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าผ้าใบอยู่ ก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเช่นกัน

     

    ชิส์~ เปลี่ยนเสื้อเร็วยังกะสายฟ้า ...นี่พวกเมิงเป็นซุปเปอร์แมน กลับชาติมาเกิด ที่เปลี่ยนชุดในตู้ล็อคเกอร์แทนตู้โทรศัพท์หรือไงวะเนี่ยยย???

     

    "เออๆ รู้แล้วน่า~" ทงเฮตอบแกนๆ ก่อนจะสะบัดหน้าไปไขเปิดตู้ของตัวเอง และในที่สุดเค้าก็พบสัจธรรมที่ว่า.....

     

     

     

    โอ้ว จีซัส แอนด์จีดราก้อน(?!) ช่วยลูกด้วย ...

     

     

    =_____________=*

     

     

     

     

     

     

    "เฮ้ย! เสื้อนายขึ้นราจนเห็ดงอกเลยเรอะ อีทงเฮ!!!"

     

     

     

    แต่ถ้าเมิงไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเมิงเป็นใบ้นะครับ ไอ้ซัมติง ...

     

    ทงเฮยิงสายตาเลเซอร์บีมแบบจิกๆใส่ไอ้คนปากไม่มีหูรูดอย่างไอ้ซัมติง ที่หลังจากปิดตู้(ที่ปิดตายมานาน)ออก แล้วมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์โชยออกมาจากในนั้น คยูฮยอนก็ร้องอุทานเสียงดัง ทำท่าตกใจยังกะเห็นอีกัวน่าคลอดลูกเป็นตัวเงินตัวทองแล้วตายทั้งกลม ทันทีที่ชะโงกหน้าไปมองดูภายในล็อคเกอร์ของทงเฮแบบไร้มารยาทขั้นแอ๊ดวานซ์ เพราะความประหลาดใจแกมสงสัยว่า กลิ่นเหม็นโคตรพ่อขนาดนี้ มันจะมีตัวอะไรมาตายอยู่ในตู้ของไอ้เตี้ยรึเปล่าว๊า?

     

    และสุดท้ายคยูฮยอนก็ได้พบกับต้นตอความชั่วร้ายที่มาในรูปของเห็น รา ตะไคร้ ใบมะกรูด (ผิดงานแล้วเว้ย!!!) ที่อยู่บนเสื้อซ้อมเน่าๆของอีทงเฮนั่นเอง 

     

    ...เอวัง~

     

    "เก่งนะเนี่ย คิดจะเพาะเห็ดขายเป็นอาชีพเสริมหรือไง หืม?"

     

    คยูฮยอนเลิกคิ้วสูง พร้อมกับเยาะเย้ย ถากถาง และหัวเราะขำผ่านเสียงลมหายใจ ขณะที่ทงเฮขบกัดริมฝีปากล่างอย่างสุดแค้น จนหน้าแดงก่ำ

     

    อย่างนี้มันต้องการแกล้งพูดให้อายชัดๆเลยนี่หว่า ...ไอ้หน้าตัวผู้!!!

     

    ...ก็คนมันไม่ได้เห็นบาสมานานแล้วนี่หว่า

    แล้วมันเป็นความผิดของกูหรือยังไงล่ะ ที่ดองเสื้อไว้จนมีสภาพแบบนี้!

     

    ทงเฮร้องโวยวายในอก ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ (ขอสปอร์ตไลท์หน่อยได้มั้ย? กำลังจะถึงบทโศก)

     

    เพราะตั้งแต่ตอนที่ขึ้นไฮสคูลแล้วสมัครเข้าชมรมนี้มา (เสียงสั่นเครือ~) พี่คังอินก็ไม่เคยให้ทงเฮแตะต้องลูกบาสเลยสักครั้ง นอกจากงานขัดถูขัดถู จนแทบจะได้ยาหม่องตราถ้วยทองมายัดจมูก เพราะปวดกบาลที่ไม่ได้เล่นบาสสักที

     

    และถึงจะได้สวมเสื้อทีมฝึกอย่างจริงจัง ตอนที่โค้ชฮันเข้ามาเป็นอาจารย์ประจำชมรมก็เถอะ (หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหางตา) แต่ยังไม่ทันได้จับเคล็ดลับวิธีทำแสลมดังค์ โค้ชก็ดันไปรำหมัดมวยกะเหรี่ยงยอดดอยใส่นักเรียนจนถูกพักการสอนซะก่อน ทำให้ ณ เสื้อนัมเบอร์ 99 ของทงเฮ ที่เป็นสินค้าแฮนด์เมด  โดยการอ้อนขอให้พี่แจจุงตัดให้ (และเฮียยุนออกค่าผ้า) ไม่ได้ออกโรงมาอวดโฉมนอกล็อคเกอร์เลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

     

    ...จนราขึ้น เห็ดงอก นั่นแหละ!!! โฮฮฮฮฮฮ~~ 

     

    ร่างบางถอนหายใจ เซ็งชีวิต ก่อนเหลือบตาไปมองทางคิบอมที่ยืนมองความอัศจรรย์ในล็อคเกอร์ของเค้าหน้านิ่งๆ แต่พอได้เห็นสายตาเคลือบแคลงระแวงนั่น แล้วก็อยากจะร้องเพลงแก้ไขความเข้าใจผิดซะเหลือเกิน

     

     

    นู๋เปล่าน๊า~ มันมาเอง~

    นู๋เปล่าทำน๊า~ (รา)มันขึ้นเอง~

     

     

    แต่ก็รู้ว่าพูดไปก็เหมือนแก้ตัวซะเปล่าๆ ทงเฮจึงหันมาเอ่ยตอบโต้คยูฮยอนอย่างแสบสันแทน

     

    "แล้วนายสนใจจะเก็บเอาไปกินที่บ้านสักดอกมั้ยล่ะห่ะ?!!"

     

    "ขอบใจ แต่นายเก็บไว้กินเองเถอะ..."

     

    คนถูกถามส่ายหน้ายิ้มๆ ในขณะที่ทงเฮแยกเขี้ยวขู่ รูจมูกบาน ...จำไว้นะเมิง ไอ้ซัมติง วันนี้กลับบ้านไป กุจะไปสาปแช่งเผาพริกเผาเกลือ ขอให้ซองมินไม่รักเมิงทุกชาติไปเลย แม่งงงงง!!!

     

    "แล้วทีนี้นายจะเอาอะไรใส่ซ้อมล่ะเนี่ย?" คยูฮยอนกอดอกถาม ในขณะที่สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะใจที่ได้แกล้งไอ้ตัวเล็กให้ได้อับอายบ้าง 

     

    "ก็......"

     

    ทงเฮลากเสียงก็ยาวๆ ขณะที่พยายามมองซ้ายแลขวา เพื่อหาเสื้อตัวอื่นมาใช้แก้ขัดไปก่อน

     

    "คงไม่ได้คิดจะเอาเสื้อในกองนั้นไปใส่หรอก ใช่มั้ย?" คยูฮยอนพูดดักทางขึ้นมาทันที หลังจากเห็นสายตาของทงเฮหยุดลงที่กองเสื้อผ้าใส่แล้วในตะกร้าซักตรงมุมห้อง

     

    "ทำไมชั้นใส่ไม่ได้ล่ะ?" ทงเฮเชิดหน้าเถียงอย่างดื้อดึง ดื้อรั้น ดื้อแพ่ง เอามาแม่งทุกดื้อ เพื่อข่มไอ้โย่งตรงหน้า

     

    "ก็มันดูเหมือนจะยังไม่ได้ซักเลยนี่ แถมเรื่องกลิ่นก็คงไม่ต้องพูดถึงอ่ะนะ"

     

    "......"

     

    ที่คยูฮยอนพูดมันก็ถูก ใช่ว่าทงเฮจะไม่รู้ว่าไอ้เสื้อกองนั้นมันมีสภาพเช่นไร แต่ด้วยทิฐิที่มันค้ำคอสั้นๆอยู่ เลยทำให้ร่างบางสะบัดบ๊อบ ไอด๊อนแคร์ ใส่คนตัวสูง ก่อนจะเดินอาดๆเข้าไปเหมือนประสาทรับกลิ่นที่โพรงจมูกนั้นได้ตายจากไปพร้อมความสูงที่ไม่อาจจะเจริญเติบโตขึ้นได้อีก แล้วก้มลงไปหยิบเสื้อที่(น่าจะ)มีออร่าความซกมกน้อยที่สุดจากในบรรดาเสื้อที่โชกเหงื่อของบรรดาสมาชิกตัวจริงที่ถอดทิ้งไว้ในตะกร้า

     

    สูดดมเข้าไปเต็มปอด เหมือนกำลังโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไม่ก็ผงซักฟอกสักยี่ห้อ แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มมั่น พร้อมยักคิ้วใส่คยูฮยอน ประมาณว่า ...เสื้อตัวนี้มันหอมดั่งถูกประพรมด้วยน้ำหอมชาแนล นัมเบอร์ ไฟว์ ให้ชายหนุ่มประหลาดใจกับท่าทางที่เหมือนกำลังดมดอกไม้ของทงเฮ แต่หารู้ไม่ว่าในใจของคนตัวเล็กนั้น กลับต้องรีดร้องด้วยความทุกข์ระทมสุดจะกลั้น

     

     

    เชี่ยยยยยย!!! เหม็นบรรลัย กลิ่นเหมือนซากศพตัวสกังค์ที่ตายมาแล้วนับหมื่นปี หมื่นๆปี!!!!

    ถ้าใส่แล้วขี้กลากจะขึ้นมั้ยเนี่ยยยยยยย กู๊ ??!!!!

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!

     

     

    "เปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยแล้วหรือยัง?"

     

    ใบหน้าขาวใสที่โผล่เข้ามาถามข่าวคราว พร้อมกับน้ำเสียงหวานๆของซองมิน ทำให้คยูฮยอนหันควับไปหาดาร์ลิ้งตามใจสั่งมาทันที ร่างสูงจึงไม่ทันได้เห็นทงเฮที่เบือนหน้ามาทำปากแหวะ คล้ายคนแพ้ท้อง เพราะทนเก็กหน้าหอมสดชื่นกับไอ้เสื้อที่บรมโคตรเหม็นนี่ไม่ไหว ก่อนจะกลับมาทำหน้าเรียบเฉยอีกครั้งเมื่อคยูฮยอนหันมา

     

    "ก็รอไอ้เตี้ ...เอ่อ ทงเฮคนเดียวนี่แหละ"

     

    "..........."

     

    ตากลมๆของซองมินจ้องหน้าคนพูดนิ่งๆ แล้วค่อยเคลื่อนโฟกัสมาจับจ้องที่ทงเฮ พร้อมๆกับร่างอวบที่ก้าวแทรกผ่านประตูเข้ามา จนกระทั่งหยุดยืนตรงหน้าทงเฮที่ยังถือเสื้อสุดเหม็นโฉ่คาไว้ในมือ

     

    "ทำไมเหรอ ทงเฮ มีปัญหาอะไร หืม?"

     

    "เอ่อ......"

     

    จะให้พูดว่าไม่มีเสื้อใส่เพราะชุดเก่าหมักไว้ราขึ้นก็ดูจะเสียภาพพจน์ผู้ชายเจ้าสำอาง รักสะอาด(น้อย) อย่างเค้าซะจริงๆ ทงเฮเลยได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่ยอมตอบคำถามของซองมินซะจนคยูฮยอนต้องเป็นฝ่ายเสนอ(หรือเสร่อ?) หน้ามาตอบแทน

     

    "หมอนั่นไม่มีเสื้อเปลี่ยนน่ะ"

     

    "อ้าว เหรอ~" ซองมินพึมพำพลางขมวดคิ้วมุ่น

     

    "มันหลวมหรือมันคับไปล่ะ จะได้เอาไปแก้ไซส์ให้"

     

    "แหม...จริงๆแล้ว มันก็.........." ทงเฮเกาหัวแกรกๆ จนรังแคกระเด็น แต่สุดท้ายก็คิดหาคำแก้ตัวไม่ออก คยูฮยอนจึงเป็นฝ่ายพูดบอกซองมินแทนทงเฮ

     

    "ความจริงไม่ได้ผิดที่ไซส์หรอก ...ผิดที่ซกมกเองต่างหาก"

     

    "เฮ้ย! ไอ้.....!?"

     

    ในจังหวะที่ทงเฮกำลังจะเอี้ยวตัวไปโดดงับหัวไอ้ซัมติงโทษฐานปากมาก มือของใครอีกคนก็คว้าเอวบางๆของเค้าไว้ได้เสียก่อน

     

    "คิ...บอม" ซองมินร้องครางเบาๆด้วยความตกใจ ทำให้ทงเฮรู้โดยไม่ต้องหันไปมองหน้าว่าใครมันบังอาจเข้ามาห้ามท่านอีทงเฮคนนี้อาละวาด!

     

    ไอ้คิมคิบอม เมิงอยากตายใช่มั้ย?!!

    แม่ง! อย่างนี้มันต้อง ..................................................

     

     

     

     

     

    "เอาของชั้นไปใส่ก่อน"

     

    แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของคนที่เงียบเป็นเป่าสากมานาน บวกกับการหยิบเสื้อสำหรับใส่ซ้อมมาคลุมหัวทงเฮของคิบอม ทำให้คนที่เตรียมอ้าปากด่าให้ลืมบรรพบุรุษต้องชะงัก นะจังงัง ไปในบัดดล เหมือนพวกผีร้ายที่เจอพ่อหมอสาดข้าวสารเสกใส่ไม่มีผิด

     

    "หรือนายไม่อยาก?" คิบอมถามหยั่งเชิง

     

    "เอ่อ......."

     

    "ถ้าไม่เอา งั้นก็...."

     

    "เอ้ยๆ ใครว่าไม่เอาล่ะครับพี่ เอาครับเอา" สันดานความตอแหลขี้ประจบประแจงกลับเข้าร่างทันทีที่เสื้อซ้อมอันสะอาดสะอ้านของคิบอมกำลังจะถูกเจ้าของริบคืนไป

     

    ศักดิ์ศรีที่เคยมีอย่างทรนง ถูกเขวี้ยงข้ามหัวคยูฮยอนกลับไปนอนรวมกับเสื้อเห็ดราของตัวเองอย่างไม่ใยดี

     

    ทงเฮจับหมับเข้าที่ชายเสื้อ ก่อนกระชากกลับเข้ามาสู่อ้อมอกของตนเองเหมือสมบัติล้ำค่า ทำให้ทั้งคยูฮยอนและซองมินที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในห้องนั้นด้วย อดนึกทึ่งคิบอมไม่ได้ที่สามารถหยุดอาการความบ้าของทงเฮได้เหมือนเป่าลูกดอกยาสลบใส่ช้างตกมันยังไงยังงั้น

     

    "เอ่อ คิบอม..."

     

    ทงเฮเรียกชื่อผู้มีพระคุณด้วยเสียงงึมงำ รู้สึกผิดนิดๆที่หลอกคิบอมเรื่องโค้ช แต่ก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไปโดยเร็ว เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นตัวขวางความเจริญก้าวหน้าทางการเล่นบาสของเค้า

     

    "..........." ร่างสูงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทงเฮเลยต้องกลั้นใจพูดรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน

     

    "ขะ...ขอบใจ....นะ" พูดเองก็เขินเอง ไม่ทราบว่ากูจะตื่นเต้นทำซากหอยฟอสซิลอะไรวะเนี่ยยยยยย =///=

     

    "ถ้า...ไม่ได้นาย...ชั้น..คง...แย่"

     

    "..........."

     

    "แล้วชั้นจะ..ซักมาคืน...ให้นะ" อ๊ากกกก บร๊ะเจ้า เมิงช่วยสนทนาพาทีกับกูหน่อยเถอะ ..เขินนะเนี่ย

     

    "ไม่จำเป็นหรอก"

     

    ในที่สุดคิบอมก็ตอบกลับมาให้ทงเฮได้ใจชื้นขึ้นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แกล้งทำหูทวนลม ชายหนุ่มสาวเท้าเข้ามาใกล้ททงเฮมากยิ่งขึ้น โดยที่อีกฝ่ายแทบไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมัวแต่กระดากปากอยู่อย่างนั้น

     

    "อ่า.........."

     

    "เรื่องแค่นี้" สาบานได้ว่าทงเฮแอบขึ้นมุมปากของคิบอมกระตุกขึ้น 15 องศา

     

     

     

    "เป็นแฟนกัน ..ทำไมชั้นจะทำให้นายไม่ได้ล่ะ?"

     

     

     

    ไม่ทันได้หลบเลี่ยง หรือแม้แต่ตั้งการ์ด คิบอมโน้มตัวลงกดจมูกลงบนแก้มนิ่มๆของทงเฮ เร็วเสียจนร่างบางทำอะไรไม่ถูก อยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่อ้าปากค้าง อยากจะตีเข่าฟันศอกใส่ไอ้คนฉวยโอกาสก็ติดที่คิบอมมันดันรู้แกว ผละออกไปซะก่อน

     

    "อ่ะ!!!!" กว่าสมองและสองตาจะกลับมาทำงานตามปรกติ ทงเฮก็ทันได้เห็นแค่หลังของคิบอมกับคยูฮยอนที่หายลับออกจากห้องไปด้วยความเร็วแสงซะแล้ว

     

    "หนอย....."

     

    คนตัวเล็กถกแขนเสื้อขึ้น เขม่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเดือดดาล แต่ในขณะที่ทงเฮกำลังจะเดินตามออกไปล้างแค้น ข้อมือของเค้าก็ถูกรั้งไว้โดยอีซองมินที่ผลิรอยยิ้มมีเลศนัยให้ จนน่าหวั่นใจ

     

    "จะไปไหนน่ะ ทงเฮ"

     

    "เอ่อะ..."

     

    "รีบเปลี่ยนเสื้อเถอะ ไม่งั้นโค้ชจะโกรธเอาได้นะ"

     

    ซองมินเตือนยิ้มๆ ทงเฮเลยต้องจำใจฝากความแค้นไว้กับกสิกร (ก็เค้าโฆษณาไว้นี่หว่า..ว่าฝากอะไรก็ได้)

     

     

     

    แล้วกุจะถอนออกมาทบต้นทบดอก เพื่อชำระหนี้แค้นกับเมิงเพียวๆเลย คิมคิบอม!

     

     

     

    *******************

     

     

    บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ

     

    สุภาษิตจีนโบราณ ที่อากงเคยสอนทงเฮไว้ตั้งแต่ตอนยังอ้อแอ้ จนโตมาเป็นหนุ่มหล่อเฟี้ยวเยี่ยวราด(?!) ทงเฮก็ยังไม่ลืมที่อากงเคยพร่ำสอนเลยแม้แต่คำเดียว

     

    ‘แล้วถ้าคนๆนั้น มีทั้งบุณคุณแล้วก็ความแค้นกับเราล่ะครับ อากง' เด็กชายตัวน้อย ที่หน้าตาค่อนไปทางอาหมวยมากกว่าอาตี๋ เอ่ยถามทั้งที่ยังเลียอมยิ้มแผล่บๆ

     

    ..นี่ถ้าอากงไม่บอกว่าจะพาไปซื้อหน้ากากอันปังแมนในงานวัดริมทะเลมกโพล่ะก็ จ้างให้น้องเฮก็ไม่ยอมทนนั่งฟังเรื่องเล่าแฝงสุภาษิตที่น้ำเน่ายุงชุมซะยิ่งกว่าละครหลังข่าวของอากงร้อก เช้อออออ~

     

    ‘ถ้าอย่างนั้ง อาดงไห่ ก็ต้อง...' ชายชราลูบเคราแพะของตน ก่อนเอ่ยตอบหลานรักด้วยนัยน์ตายิ้มหยี

     

    ‘จักการชำระหนี้แค้นก่องเปงอันดับแรก เลี้ยวถ้ามันม่องเท่งซี้แหงแก๋ไปซะก่อง ก็ให้ถือว่า ..เรื่องบุงคุง ก็เจ๊ากังปายล่ะน๊า~ โหะๆๆๆ'

     

    .

     

    .

     

    พอมานึกเรื่องสมัยก่อนได้ตอนนี้ ทงเฮก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า นิสัยดีๆ(?)ทั้งหลายแหล่ของตัวเองนั้น ถูกปลูกฝังมาจากใคร?

     

    ร่างบางถอดถอนใจเลียนแบบเป็นพระเอกมิวสิคศาลาคนเศร้า ขณะที่กำลังก้มมองสภาพตัวเองหลังจากสวมเสื้อที่ได้มาจากคิบอม แลกกับการโดนหอมต่อหน้าประชาชี อีซองมิน แอนด์ โจคยูฮยอน แล้วก็คิดว่ามันช่างได้ไม่คุ้มเสียเอาเสียเลย

     

     

    สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

    เฮ้ย นี่กูจะไปเล่นบาสนะเว้ย!

    ไม่ใช่ จะไปเป็นนักร้องฮิปฮอป!!

     

     

    รู้สึกอยากจะจิกทึ้งหัวตัวเองให้เถิกล้านยิ่งนัก เพราะไอ้เสื้อที่น่าจะใส่ได้เข้ากันพอดี เพราะขนาดตัวของเค้ากับคิบอมก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่(?) กลับกลายเป็นหลวมโพรก ชายเสื้อลงไปกรอบอยู่ตรงเข่า เหมือนกำลังจะใส่จะออกไปร้องแร๊พซะอย่างนั้น

     

     

    นี่ถ้าใครเอาสร้อยทองเส้นใหญ่ๆมาคล้องคอทงเฮหน่อยล่ะก็ ...ใช่เลยนะ โย่วแมน!!!

     

     

    "เอ่อ ทงเฮ..." เสียงของซองมินช่วยเรียกสติให้อีกตามเคย

     

    ทงเฮเริ่มเก็บไม้เก็บมือที่มันไม่รักดี มัวแต่จะออกท่าออกทางแร๊พโย่วตามชุดที่ใส่ เพราะน้ำเสียงและสายตาอึ้งๆของซองมินที่มองมาทางตัวเอง เหมือนจะแทนคำพูดที่ว่า ‘เมิงบ้าเปล่าวะ?'

     

    "ถ้ามันหลวมไป เดี๋ยวเราหาเสื้อยืดมาให้ใส่ข้างในดีกว่าเนอะ"

     

    ซองมินเสนอความเห็นได้โดนใจจ๊อดมากๆ ทงเฮเลยพยักหน้าโอเคนะคะไปให้สองสามหงึก พอได้สัญญาณแบบนั้นคุณผู้จัดการชมรมก็ผลุบหายออกไปด้านนอกทันที

     

    ทงเฮยืนแกร่วรอ พลางซ้อมแร๊พ(?) อยู่ไม่นาน ซองมินก็กลับเข้ามาพร้อมกับเสื้อยืดสะอาดเอี่ยมอ่อง พร้อมกับยัดใส่มือทงเฮ กำชับให้เค้ารีบแต่งตัว เพราะโค้ชกำลังเรียกให้ซ้อมกันอีกรอบ

     

    "อืม...เข้าใจล่ะ"

     

    ซองมินยิ้มรับ แล้วจึงขอตัวออกไปดูแลนักกีฬาคนอื่นๆข้างนอกอีกครั้ง แต่ก่อนออกไปก็ยังไม่วายทิ้งท้ายให้ทงเฮเจ็บจึ้กเหมือนโดนใครเอาส้อมมาจิ้มก้นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจว่า

     

    "ทงเฮอย่าลืมเอาเสื้อใส่ในกางเกงด้วยนะ"

     

    "หืม....?"

     

    "จะได้วิ่งแล้วไม่สะดุดชายเสื้อตรงเข่าจนล้มไง"

     

    โอ้ กุเจ็บ... -*-

    ยิ่งพูดแบบหวังดี ยิ่งเฮิร์ทนะเนี่ย ขอบอก

     

    ทงเฮสะท้านไปทั่วทั้งร่าง แต่ก็ยิ้มแหยๆให้ซองมินแล้วร้องอือ จากนั้นก็เริ่มจัดการกับตัวเองต่อ ทันทีที่ร่างเล็กหายตัวกลับออกไปด้านนอกอีกครั้ง

     

    ตัวป่วนประจำชมรมบาสใช้เวลาในการแต่งตัวไม่ถึงสิบนาที ก็มายืนเก็กหล่อกับกระจกวิเศษบานน้อยของตัวเองในล็อคเกอร์ เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนออกไปซ้อม

     

    "กระจกเอ๋ย บอกข้าเถิด ใครหล่อเริ่ดในปฐพี"

     

    "ก็อีทงเฮไงล่ะ หึหึ"

     

    พูดเอง พร้อมดัดเสียงพากษ์เป็นกระจกเองเสร็จสรรพ -*-

     

    ร่างบางเสยผมด้วยความมั่นใจในความหล่อ (?) เช็คซ้ายขวาหน้าหลัง เมื่อเห็นว่าดูดีแล้ว จึงค่อยหมุนตัวกลับ ออกไปนอกห้องเพื่อโชว์ฟอร์มแสลมด๊อง ให้ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งชมรม

     

    "อ๊ะ!? มาเลี้ยวเหรอ ดงไห่~"

     

    โค้ชฮันส่งเสียงร้อยอย่างตกอกตกใจ เพราะกำลังกอดอกมองการซ้อมตรงกลางสนามพลางครุ่นคิดถึงเทคนิคการเล่นที่จะนับมาปรับใช้สำหรับผู้เล่นแต่ละคนอยู่ดีๆ ไอ้เจ้าตัวเล็กที่หายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งนานสองนาน ก็โผล่หน้าเข้ามาในระยะสายตาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาหนุ่มใหญ่หัวใจกระเตาะ เกือบร้องกรี้ดหลุดแต๋วไปซะฉิบ!

     

    "ไม่เลี้ยวฮะ โค้ช ผมมาตรงๆ..."

     

    มันน่าเบิร์ดกะโหลกให้สมองไหลจริงเชียว ฮันกยองถลึงตาใส่คนลามปาม ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ก่อนที่ทงเฮจะยิ้มเผล่ แล้วหัวเราะแหะๆ ทำปากเบี้ยวบอก ย้อเย่นนน...

     

    "เออ มาก็ดีเลี้ยว จะล่ายซ้อมให้กรูดูพัฒนาการของ อาดงไห่ ว่าช่วงสองสามสัปดาห์ที่กรูม่ายอยู่เนี้ย เปงยังไงบ้าง เก่งขึ้งบ้างหรือยังฮะเรา"

     

    "โห~ ก็ตอนที่โค้ชไม่อยู่อ่ะ พี่คังอินให้พวกตัวสำรองแบบผมจับบอลซะที่ไหน" ได้ที ทงเฮก็ฟ้องใหญ่

     

    จริงๆแล้วโค้ชฮันไม่ใช่คนดุอะไรมากมาย ออกจะแต่จะเป็นคนจีนซื่อบื้อ โดนหลอกง่ายซะด้วยซ้ำ ทงเฮถึงอ้อนประจบได้ หรือไม่ก็พูดเล่นกับฮันกยองได้เป็นบางครั้ง แต่ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องบาสเมื่อไหร่ ป๋าแกจะเกิดองค์ลงขึ้นมาทันที ใครทำอะไรไม่ถูกใจหน่อยก็ไม่เว้นหน้ากวนอิมเง็กเซียนอะไรทั้งนั้น

     

    "แต่เถิงหยั่งง้าน ดงไห่ ก็ต้องฝึกซ้อมล้วยตัวเองล้วยซิ"

     

    "........" คนตัวเล็กทำปากบู้ แต่ก็ยอมรับฟังโดยไม่ดื้อไม่เถียง

     

    "ดูหยั่ง อาฉี่ฟั่นสิ" ว่าแล้วก็พยักเพยิดหน้าให้ทงเฮมองตามสายตาตัวเองไปตรงกลางสนาม ที่คิบอมกำลังเลี้ยงลูกหลบผ่านร่างหนาๆของคังอินไปได้อย่างสวยงาม

     

    "ขะหนาด อาฉี่ฟั่น อีม่ายเคยมีโอกาสล่ายเข้าชมรมบาสเลยน้าเนี่ย ยังมีความมุ่งมั่ง ฝึกฝงล่วยตัวเองจนเก่งกากขนากนี้ล่าย อาดงไห่ก็ต้องทำล่ายล่วยเหมือนกัง เข้าใจ๋?"

     

    ฟังสำเนียงป๋าแกแล้ว ทงเฮก็ต้องงงไปอีกแปดตลบ กว่าจะเทรนเสลดเข้าใจว่าฮันกยองเอ่ยปากชมคิบอมอย่างออกหน้าออกตา ทงเฮก็เผลอพยักหน้าตอบว่าเข้าใจครับกับฮันกยองไปซะแล้วสามหงึก บ้าที่ซู้ดดดด~~ 

     

    ร่างบางย่นจมูกนึกค้านที่โค้ชชาวจีนพูดในใจ ...เชอะ! รอให้ท่านทงเฮผู้นี้ได้เล่นให้ดูเป็นขวัญตาก่อนเถอะ แล้วป๋าฮันจะลืมว่าเคยเอ่ยปากชมไอ้ขี้เก็กที่ชื่อ คิมคิบอม ไปเหมือนคนแก่เป็นอัลไซเมอร์ชัวร์

     

    "ส่วนอากุ้ยเฉียน...." ชื่อในภาษาจีนของไอ้ซัมติงทำให้ทงเฮต้องหันกลับไปดูตรงสนามอีกครั้ง

     

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้ซัมติงมันมีทักษะการเล่นที่ไม่เป็นรองตัวจริงในทีมเลยแม้แต่น้อย ทั้งการรีบาวน์ลูกใต้ห่วง การพาสส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีม หรือแม้กระทั่งการชู้ตทำคะแนน คนตัวสูงก็สามารถทำได้ดีเกินกว่าที่ทงเฮเคยคิดเอาไว้มาก

     

    ...มากจนคนที่เป็นตัวสำรองแต่หวังสูง อยากชูคอเป็นตัวจริงอย่างเค้า เริ่มหมั่นไส้ไอ้หน้าเบี้ยวเทียบเท่าเพื่อนมันเลยไงล่ะ แสรดดด~

     

    "เก่งลี" ฮันกยองชมสั้นๆ แล้วขมวดคิ้วเหมือนยังรู้สึกขัดแย้งในเรื่องบางอย่างอยู่

     

    "แต่น่าเสียลายที่อากุ้ยเฉียนยังไม่แข็งแรงพอ วิ่งม่ายเท่าหราย ก็เหงื่อออกซกๆ หอบเปงหมาลิ้งห้อยซะเลี้ยว" กร๊ากกก กุสะใจ!

     

    คนนิสัยเสียแอบขำในใจที่แม้คยูฮยอนจะเก่งกาจขนาดไหนก็ยังมีเรื่องให้ฮันกยองติอยู่ดี

     

    "แต่ถ้าล่ายฝึกออกกำลังกายบ่อยๆ ก็จะลีเองนั่นแหละ" ว่าจบแล้วก็ปรายตามองมาทางทงเฮอมยิ้มตาลอยอยู่ข้างๆ เป็นเชิงว่าดูเอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างซะ ถ้าอยากเล่นได้เก่งๆแบบเค้า

     

    "ทีนี้ก็ถึงตาอาดงไห่ ไปซ่อมบ้างเลี้ยวล่ะ"

     

    "ฮะ?!"

     

    ทงเฮหันควับมาเพราะได้ยินไม่ค่อยชัด ได้ยินคำว่าซ่อมแล้วพลันทำให้นึกถึงการสอบซ่อมจนน่าสยอง ฮันกยองจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วค่อยเอ่ยย้ำให้ทงเฮฟังอีกครั้ง ด้วยสำเนียงที่เจ้าตัวพยายามพูดให้ชัดขึ้น

     

    "ก็ไปซ้อมไง"

     

    "อ๋อ~ ครับโค้ช!" ทงเฮครางเบาๆ ขณะที่ขนลุกซู่ซ่าไปทั่วร่าง

     

    ...ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงจนได้

     

    ทงเฮผงกหัวให้ฮันกยองด้วยความตื่นเต้น กำลังจะวิ่งซอยเท้าถี่ๆออกไปสมทบกับพวกที่เล่นกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ตรงกลางสนาม แต่ก็ถูกรั้งคอเสื้อไว้ด้วยน้ำมือของโค้ชกะเหรี่ยงให้ต้องหันไปวีนเล็กๆเหวี่ยงน้อยๆกับคนที่เหวงเยอะๆอย่างฮันกยอง

     

    "โค้ช!!!"

     

    "ของอาดงไห่ ต้องไปซ้อมกับกลุ่มนั้งตั่งหาก" ชี้มือไปทางกลุ่มของเด็กปีหนึ่งและปีสองตัวสำรองที่กำลังผลัดกันวิ่งรับส่งลูก เลี้ยงลูก และขัดลูกกันอย่างเมามัน

     

    ทงเฮหน้าซีดเป็นปลาต้ม ...ไม่นะ มันม่ายช่ายตัวเฮ เฮรับไม่ด้ายยยย

     

    ที่เค้าอยากเล่นมันไม่ใช่แบบนี้ซะหน่อย ก็ไอ้ท่าพื้นๆแบบนั้น มันหาได้มีความเท่ห์เหมือนไมเคิล แจ๊คสัน ไม่ (ไมเคิล จอร์แดน ต่างหากเว้ยเมิง!!) ...แถมถ้าต้องไปอยู่กลุ่มนั้นจริงๆ ก็เท่ากับว่าเค้าต้องโดนตราหน้าว่าเป็นพวกเห่ยน่ะสิ

     

    อย่างนี้ เฮยอมม่ายด้ายยยยยยยย!!!

     

    "แต่โค้ช ผมน่ะเก่งขึ้นแล้วนะ" ทำปากเบี้ยวปากบูด แสดงอาการว่าไม่ชอบใจอย่างรุนแรง

     

    "แต่กางฝึกพื้งฐางรับส่งลูก เลี้ยงลูก มังเปงส่วนสำคังที่ทำให้เก่งขึ้งจริงๆตั่งหากล่ะ อาดงไห่"

     

    ถึงฮันกยองจะบอกอย่างนั้น แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมเชื่ออยู่ดี ทงเฮเม้มปากทำหน้าสลดหางลู่หูตกเหมือนผิดหวังเสียเต็มประดา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

     

    "ผมเข้าใจฮะโค้ช ผมก็แค่...." สูดน้ำมูกดังซืดๆ แถมยกมือมาถูจมูกจนเป็นเปื้อนแดง ดูน่าสงสารสุดจะทนสำหรับคนจีน

     

    เห็นแบบนี้แล้วใครยังใจแข็งอยู่ได้ก็ไม่ใช่คนแล้ววววว

     

    "อาวล่ะๆ อย่าร้องไห้ซี อาดงไห่ กรูเข้าใจเลี้ยว ถ้าอยากเล่งกับทีมนั้ง เดี๋ยวกรูจักกางให้ก็ล่าย" คนช่างสตอเบอแหลลอบยิ้มสมใชระหว่างที่ก้มหน้าทำท่าโศก

     

    ไอ้วิธีอ่อยแบบเคะๆของเฮียยุนนี่ใช้ได้ผลดีเกินคาด!

     

    "ปรี๊ดดดดดดดด~"

     

    ฮันกยองเป่านกหวีดขอเวลานอก ก่อนจะลากทงเฮเข้าไปกลางวง ที่สายตาทุกคู่จับจ้องมาทางเค้าราวกับทงเฮเป็นเด็กเส้นก๋วยจั๊บ

     

    ผู้เล่นทุกคนต่างหอบหายใจทั้งเหงื่อโทรม พร้อมกับยืนนิ่งตั้งใจฟังสิ่งที่โค้ชจะพูดต่อไปว่า...

     

    "เดี๋ยวห้ายชางหมินลงมาแทนฉี่ฟั่นนะ เฉียงเหยิน"

     

    "ทำไมล่ะครับ?" กัปตันทีมร่างหนาเช็ดเหงือกับคอเสื้อ พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่าทำไมจู่โค้ชถึงให้เปลี่ยนตัวคนเล่นกลางคันแบบนี้

     

    หรือสาเหตุจะเป็นเพราะไอ้เตี้ยจอมกะล่อนอย่างอีทงเฮที่กำลังยืนทำหน้าเชิดอยู่ข้างๆโค้ชกันแน่นะ?

     

    "ก็เพราะว่า............."

     

     

     

    "กรูจะให้ฉี่ฟั่นสอนดงไห่เล่น สอง-ต่อ-สอง น่ะซี~"

     

    การใช้รูปประโยคในแบบผิดๆของฮันกยอง ทำเอาทุกคนอึ้งแดกกันไปตามระเบียบ แต่คนที่อึ้งจนตาเหลือกเหลือแต่ตาขาวๆ ก็หนีไม่พ้นเด็กเส้นที่โค้ชพาเข้ามากลางวงล้อมนี่แหละ

     

     

     

    เหวงทำพิษแล้วไงล่ะกรู๊~~~

     

     

     

     *******************

     

     

     

    หากว่าการ ‘ซ้อม' กับคิมคิบอมนั่นจะมีความหมายถึง การซ้อม! อัดคิมคิบอมให้เละด้วยหมัด ศอก เข่า ในท่ามัจฉาสะบัดครีบ แอนโชวี่ถวายแหวน และนีโม่ฟาดหาง แล้วล่ะก็... ทงเฮจะไม่มีการเล่นตัวอิดออด หรือบ่นต๊อแต๊สักคำ สาบานให้เฮียยุนแต๋วแตกเลยก็ยังได้!!

     

    "กรูจะให้ฉี่ฟั่นสอนดงไห่เล่น สอง-ต่อ-สอง น่ะซี~"

     

    สอง-ต่อ-สอง บ้านอาเกิง(ป้อ)เมิงดิ! แสรดดดดดดด

    อยู่เกาหลีมากี่ปีแล้ว!? ทำไมสกิลทางด้านภาษาของโค้ชฮันมันถึงได้มูนวอล์คลงคลองแสนแสบยังงี้วะเนี่ยยยย กุไม่เข้าจ๋ายยยยยยยยยย อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

     

    "ฝากล่วยนะ อาฉี่ฟั่น ติวกังสองต่อสองให้อาดงไห่อีเก่งๆล่ะ"

     

    ฝ่ามืออรหันต์หานเกิงผลักไหล่ทงเฮเบาๆ แต่เล่นกันเกือบหน้าทิ่มถลาเป็นปลาครีบหลุด ไปซบอกโกดมีนัมหนุ่มหล่อที่ยืนรอรับอยู่ตรงหน้า ยังดีที่ช่วงล่างของทงเฮนั้น กำยำ ล่ำสัน(?)ยิ่งนัก ร่างบางเลยตั้งหลักได้ทัน ก่อนแล่นเข้าไปในวงแขนของคิบอมโดยมิได้นัดหมาย

     

    "อุ๊บ........"

     

    พอเห็นสภาพคนตัวเล็กเต็มตา ทั้ง คยูฮยอน ยูชอน คังอิน และมินโฮ ต่างก็พากันกลั้นหัวเราะกันยกใหญ่ ทั้งสี่คนยกมือขึ้นเอากำปั้นอุดปากตัวเองก่อนที่จะเผลอส่งเสียงหัวเราะก๊ากออกมา จนโดนไอ้เตี้ยทำตาขวางใส่ พร้อมกับขู่ฟอดๆ น้ำลายเยิ้ม

     

    "ขำไร?!"

     

    "เปล๊า~~ ไม่ได้ขำไรหนิ"

     

    ปาร์คยูชอนปฏิเสธเสียงสูง สาบานได้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจอยากจะหัวเราะ ทงเฮเวอร์ชั่น ‘สายัณห์ ดอกสะเดา' ที่ดึงขอบกางเกงมาไว้เหนือช่วงเอว เลยสักนิด!

     

    ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าทงเฮเอาชุดคิบอมมาใส่ทั้งเสื้อแล้วก็กางเกง แต่ไม่คิดว่านอกจากเสื้อจะใหญ่โคร่งเกินตัวจนต้องเอาเสื้อยืดมาใส่ทับด้านในแล้ว ขากางเกงก็ยังยาวปาไปครึ่งแข้งจนต้องดึงขอบยางยืดมาไว้เหนือเอวอีกต่างหาก

     

    ...ตลกคาเฟ่ ชิบเป๋งเลย ไอ้หมากระเป๋าเอ้ยยยยยยยย

     

    "ชิส์" ทงเฮจิ๊ปาก สะบัดหน้าพรืด

     

    ถึงจะไม่เชื่อในน้ำคำของมนุษย์ปากห้อยอย่างปาร์คยูชอน รวมถึงไอ้ท่าทางเอามืออุดปาก แต่นัยน์ตาไหวระริก ของเหล่าตัวจริงทั้งหลายที่ยืนเป็นวงล้อมอยู่ตรงนั้น แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรมาให้เอาผิดผู้ร้ายปากหมาได้ ทงเฮเลยจำใจยอมฝากความแค้นไว้กับกสิกรอีกครา

     

    ...แล้วกุจะมาถอนเงินต้นกับดอกเบี้ยของพวกเมิงออกพร้อมๆกับของคิมคิบอมเลย คอยดู!

     

    "อาวล่ะๆ เดี๋ยวเรามาซ้องกังต่อนะ ปล่อยให้อาฉี่ฟั่นสองอาดงไห่ฝั่งนี้ไป"

     

    "เราจะแบ่งฮาล์ฟคอร์ตกันหรือครับ โค้ช"

     

    อีมินโฮสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ จะได้ไม่หลุดหัวเราะออกมาต่อหน้าบลูด็อกแถวนี้ ก่อนเอ่ยถามโค้ชฮันกยองด้วยความสงสัย

     

    "ช่าย เราจะแบ่งฮาร์ดคอร์กัง พวกตัวจริงก็พักการแข่งจริงไว้ก่อง มาซ้องกังฝั่งขวาของสนางแทน ส่วนตัวสังรองซ้องกังฝั่งซ้ายนะ"

     

    ขนาดภาษาอังกฤษที่เป็นศัพท์เฉพาะในวงการบาสอย่าง ฮาล์ฟคอร์ต ที่แปลว่าแบ่งกันคนละครึ่งสนาม ป๋าแกยังสำเนียงเพี้ยนได้อย่างไม่น่าให้อภัยขนาดนี้

     

    ภาษาเกาหลีก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะนะ ..อาเมน =___=

     

    "ส่วงฉี่ฟั่นกับดงไห่ก็ซ้องกังฝั่งตัวสังรองนี่แหละ เข้าใจม้ายยย"

     

    "ครับ!"

     

    ทงเฮตอบรับเสียงดัง ผิดกับคิบอมที่แค่ก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ จากนั้นฮันกยองก็จัดแจงประกาศเรื่องการแบ่งสนามให้สมาชิกทั้งชมรมได้ยินจนทั่วกัน ไม่เว้นแม้แต่ซองมินที่เดินยกถังน้ำและผ้าเย็นเข้ามาพร้อมกับไอ้อ๊คซัมวันที่ทงเฮคาดว่ามันคงคิดผันตัวเองไปเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะของซองมินแน่ๆ เพราะเล่นตามติดชีวิตซองมินซะขนาดนั้น ไม่ใช่เชื้อเราพันธุ์แท้ทำไม่ได้นะเนี่ยยยยย

     

     

    "ไหนลองเลี้ยงลูกให้ดูหน่อยสิ"

     

     

    ทงเฮหลุดออกมาจากโลกส่วนตัว (ที่ใช้ค่อนขอดคนอื่นและชมตัวเอง) แล้วก็พบว่าหนุ่มหล่ออันดับหนึ่งของโรงเรียนได้จูงกายหยาบของเค้าออกมาจากฝั่งสนามของพวกตัวจริงเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนคิบอมแล้ว

     

    ร่างสูงพาสายัณห์ฉบับก็อปปี้มาหยุดตรงมุมสนาม ก่อนเอ่ยปากเชิงขอร้อง แต่น้ำเสียงแม่งโคตรบังคับขู่เข็ญให้ทงเฮลองเล่นท่าเบสิคให้ดู

     

    ใจหนึ่งก็อยากจะตอกหน้ากลับไปแบบแว๊นซ์ๆว่า ...จำเป็นด้วยเรอะ?

     

    แต่ในความเป็นจริง ทงเฮก็ต้องพ่ายแพ้ต่อสายตาที่แผ่รังสีความกดดันแสนอำมหิตของคิบอม ทำให้ร่างบางเดินทำคอตกเป็นหมาหงอยไปหยิบบาสจากมือของอีกฝ่าย แล้วเอามาเลี้ยงให้คิบอมดูเป็นบุญตา

     

    "ฮึ่ยยยยยยยยย ย่าห์~"

     

    ก่อนนักรบออกศึกเปล่งเสียงร้องฉันใด ตอนที่ทงเฮจะเลี้ยงบาสให้คิบอมดู คนตัวเล็กก็เปล่งเสียงร้องฉันนั้น โดยไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าคนฟังเค้าฟังว่ามันเหมือนการเบ่งของเสียออกจากรูทวารมากกว่าการร้องเพื่อสร้างความฮึกเหิม

     

    "ฮึ่ยยยยยยยยย ย่าห์~"

     

    "พาสบอล" คิบอมสั่งเสียงเรียบ ทงเฮเลยโชว์สเต็ปเทพโดยการเขวี้ยงบอลไปสุดแรงเกิด

     

    กล้ามกูเป็นมัดๆแบบนี้ ขว้างไปให้ไกลถึงอีกฟากสนามก็ยังไหว โหะๆๆๆๆๆ

     

    "เลี้ยงลูก"

     

    บอลที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศถูกคนตัวสูงคว้าไว้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาสส่งกลับมาให้ทงเฮพร้อมกับคำสั่งสั้นแสนสั้น จนทงเฮแทบจะตั้งการ์ดรับไม่ทัน

     

    "อ่ะ..ไอ้บ้า! คิดจะฆ่ากันหรือไงวะ?!" ทงเฮโวยวาย ทันทีที่เบี่ยงตัวหลบลูกบาสมหาภัยที่คิบอมส่งกลับมา

     

    มันกะจะฆ่ากูชัดๆเลย ไอ้ตรูดดดดดดดดดดดด

     

    "เลี้ยง-ลูก" คิบอมยังคงยืนยันคำเดิมด้วยสีหน้าเรียบเฉยติดจะดุนิดๆ ...บอกไว้ก่อนเลยว่าอีทงเฮคนนี้ไม่ใช่คนป๊อด แต่ปอดมันทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากุปอดแหกกลัวเมิงล่ะ อีธ่อ~

     

    ว่าแล้วทงเฮก็วิ่งเหยาะๆกลับไปเก็บบาสลูกเดิมที่มีเพื่อนตัวสำรองหน้าตาจืดๆแบบตัวประก๊อบตัวประกอบหยิบส่งให้ พร้อมกับออกแอ็คชั่นทำท่าเลี้ยงลูกตามคำสั่งเดิมอีกรอบ แต่คราวนี้มีเสียงติจากคิบอมลอยเข้ามากระทบหูเป็นออฟชั่นเสริม

     

    "ย่อเข่าลง"

     

    "......"

     

    "ย่ออีก ถึงขาจะสั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะติดพื้นหรอก" ถึงขากุจะสั้น แต่ก็เตะคนเป็นนะเว้ยเมิง! ทงเฮจิกตามองอย่างเคียดแค้น เดี๋ยวเมิงก็ดีกะกุซะเว่อร์ เดี๋ยวเมิงก็ดุกูยังกะร๊อดไวเลอร์ ตกลงเมิงจะอย่ายังไงกะชีวิตกุกันแน่ห๊า คิมคิบอม!!!

     

    ตลอดเวลาที่ซ้อมกัน คิบอมเอาแต่สอนให้ทงเฮฝึกท่าเลี้ยงลูก รับส่งลูก ไปกลับอยู่อย่างนั้น ทำไปนานๆเข้า ทงเฮก็ชักจะเริ่มเอ๋อ ว่ามันจะฝึกกูไปเป็นแม่ของลูกมันในอนาคตหรืออย่างไร? ถึงต้องให้กุเลี้ยงลูกแล้วก็รับส่งลูก อย่างกับแม่บ้านอย่างนี้ ไอ้ผักชีหั่นฝอยเอ๊ยยยย! กุก็พยายามเต็มที่แล้วไง เมื่อไหร่จะกุเล่นท่าดังค์ หรือท่าอะไรที่มันเท่ห์ๆมั่งวะ

     

    "ปรี๊ดดดดดดดด~"

     

    เสียงสัญญาณนกหวีดฟังดูเจ็กๆ ไมรู้เป็นเพราะคนเป่า หรือเพราะเค้าติดภาพว่าทุกคำที่ออกมาจากปากโค้ชฮันมันจะสำเนียงแปร่งหูไปหมดกันแน่?

     

    "หมกเวลาซ้อม เลี้ยวอ่า"

     

    ทงเฮอ้าปากค้างเป็นปลากระป๋องหมดอายุ ...ก๊อดแดม ชี-อิท!! ทักษะความเท่ห์กุจบลงที่ท่าเดาะบอลเด้งดึ้งๆบนพื้นนี่นะ?!  ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย

     

    "มารวมตัวกังตรงนี้ล่วย"

     

    คำสั่งโค้ชคือคำประกาศิต ไม่งั้นจะเจอกังฟูแพนด้า ทุกคนเลยพร้อมใจกันวิ่งไปรวมตัวโอบล้อมโค้ชไว้เป็นจุดศูนย์กลาง ก่อนตั้งใจรับฟังคำติชมและข้อแนะนำของโค้ชที่เฝ้าสังเกตการณ์เป็นรายบุคคล

     

    "อาเฉียงเหยิน ต้องลดความอ้วน"

     

    ฉึก! ลงตรงกลางใจของมนุษย์หมีคิมยองอุน ก็เพราะเป็นกิ๊กกับร้านขายข้าวแกงป้าทึกในโรงอาหารสินะ กัปตันถึงได้บวมเอาบวมเอาเพราะเช้าชามเย็นแปดชามอย่างนี้

     

    "อากุ้ยเฉียน เก่งลีเลี้ยว แต่ต้องออกกังลังกายเพิ่งอีกน่อ แรงกายลื้อยังไม่ปึ๋งปั๋งพอ เดี๋ยวจะเปงลมคาสนามไปซะก่องได้เล่งถึงครึ่งเกง" ไอ้ซัมติงทำหน้าเคร่งเครียด ก่อนผงกหัวรับงกๆ เอ่ยปากรับคำสอนจากโค้ชฮันด้วยความเคารพว่า

     

    "ครับ อาเกิง............"

     

    "..................."

     

    เหมือนโลกหยุดหมุน ทุกชีวิตหยุดหายใจ เหมือนได้ยินเสียงเอคโค่ลอยมาตามลมว่า เกิง เกิง เกิง เกิง เกิง ทันทีที่คยูฮยอนได้หลุดปากพูดชื่อพ่อโค้ชออกมาโดยไม่ได้เข้าใจถึงความหมายอันน่ากลัวของมัน

     

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่หน้าของโค้ชฮันที่ยิ้มค้าง หน้านิ่งเหมือนถูกสาปเป็นตุ๊กตาฮานิวะ แล้วลงความเห็นผ่านทางอายคอนแทคกันว่า....โคตรสยอง!

     

    ทงเฮตัวต้นเรื่องก็หน้าเหวอไม่แพ้คนอื่นๆ ถึงจะทำด้วยความตั้งใจก็เถอะ แต่เหยื่อที่ทงเฮหวังจะให้ติดเบ็ดนั้น มันใช่ไอ้ซัมติงหน้าเบี้ยวซะที่ไหนล่ะ!!

     

    เพราะฉะนั้น ถือเป็นคราวซวยของเมิงล่ะกันนะ โจซัมติงเอ๋ย อมิตตาพุท...

     

    ร่างบางยกมือขึ้นพนมกับอก หลับตา พลางสวดคาถาพึมพำกับตัวเองเสียงเบาๆ อย่างน้อยก็ช่วยสวดส่งวิญญาณมันให้ได้ไปท่องในยมโลกก็ยังดี แต่สวดมาจนถึงบทปัดเป่ารังควาญ หูของทงเฮก็ยังไม่ได้ยินเสียง อั่ก! โอ๊ย! อ่อก! ที่น่าจะได้ยินในฉากบู๊กังฟูของโค้ชฮันแต่อย่างใด เปลือกตากลมสวยจึงค่อยๆหรี่ปรือขึ้นเพื่อมองเหตุการณ์ตรงหน้าว่ามันเกิดอันหยังขึ้นกันแน่?

     

    "หึ...........หึ..............."

     

    ฮันกยองหัวเราะแบบฆาตรกรโรคจิตในหนังสยองขวัญ คยูฮยอนกระพริบตาปริบๆ หน้างงเต็ก จะหันซ้ายหันขวาหาใคร ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าอาการแปลกๆของอาจารย์ประจำชมรมหลังจากเค้าตอบรับคำแนะนำให้ออกกำลังกายบ่อยขึ้น มันเกิดจากอะไร

     

    ทงเฮเบิกตาโต กลัวจนฉี่จะราด เพราะไอ้ท่าทางหัวเราะแบบนี้ หักคอกร๊อบๆอย่างนี้ มันเหมือนท่าตอนที่โค้ชกำลังเตรียมพร้อม ก่อนบู๊กับเจ้าคยองฮุน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนนู้นเลยนี่นา....

     

    "อี้"

     

    คำแรกที่หลุดออกจากปากโค้ช ทำให้ทงเฮต้องเอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ ...อี้คืออะไรหว่า?

     

    "เอ้อ" หรือโค้ชกำลังด่าซัมติงเป็นภาษาจีนอยู่

     

    "ซาน" ตั้งใจจะด่ามันว่า ‘สาดดด' หรือเปล่าครับโค้ช?

     

    "ซื่อ" อืมมมม ไอ้ซัมติง มันก็ซื่อจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นมันจะเชื่อที่ผมหลอกเร้อออออ

     

    "อู่" ไอ้คำนี้ก็ทำเอางงอีก ทงเฮบี้หน้าตัวเองจนยับยู่ ก่อนกระเถิบตัวเข้าไปหาซองมินที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามด้วยเสียงกระซิบ

     

    "โค้ชกำลังพูดว่าอะไรรู้หรือเปล่า ซองมินอา?"

     

    "เราก็ไม่รู้" ซองมินกระซิบตอบกลับมา ด้วยท่าทางงุนงงไม่แพ้กัน

     

    "แต่ผมรู้ครับ!" คนที่ยืนอีกข้างของซองมินเอ่ยพร้อมยิ้มหวานโชว์ฟันซี่บักเอ้กให้ดูเป็นขวัญตา

     

    ...นี่เมิงยังอยู่อีกรึ ไอ้อ๊ดซัมวันนนนน !!!!

     

    "อี เอ้อ ซาน ซื่อ อู่ ลิ่ว ชี ปา จิ่ว สือ เป็นการนับเลข 1-10 ในภาษาจีนกลาง แต่โค้ชจะนับเลขไปทำไมเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ หรือจะเป็นวิธีการสอนแบบโค้ดลับของฮวาซอน แหม..ถึงผมจะเป็นคู่แข่งจากจุงวาน แต่ก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกครับ พวกผมน่ะมีจรรยาบรรณพอ ที่จะไม่เล่นโก่งขนาดที่ว่าลอบเข้ามาสังเกตการณ์ทีมคู่แข่งหรอกนะครับ"

     

    กรูถามแค่คำเดียว เมิงล่อตอบจะยาวกว่าสี่บรรทัด -*- (อันที่จริงกุไม่ได้ถามเมิงด้วยซ้ำ!)

    ว่าแต่ที่บอกว่า ไม่ได้มาลอบสังเกตการณ์น่ะ อันนี้ไม่ต้องแก้ตัวหรอก กุเชื่ออย่างสนิทใจเลยล่ะ เพราะเมิงเล่นเดินตามแต่ซองมินต้อยๆอย่างนั้น คงได้ทันสังเกตอะไรหรอกนะ ไอ้อ๊ค!!!

     

    ทงเฮจิกกัดทางสายตาพอเป็นพิธี ก่อนจะกลับมาทบทวนสิ่งที่แทคยอนบอกในใจ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี ว่าโค้ชฮันจะนับเลขเป็นภาษาจีนไปทำไม ในเมื่อ...................

     

    "....!!!!....."

     

    ทงเฮถลึงตาโตเท่าไข่ไดโนเสาร์ เมื่อเริ่มบรรลุถึงจุดประสงค์ภายในใจลึกๆของโค้ชฮัน

     

    หรือว่า... ป๋าแกตั้งใจจะนับถอยหลังให้ไอ้ซัมติงลี้ภัย ก่อนที่วิญญาณบรู๊ซเกิงจะเข้าสิงโค้ช แล้วไอ้มนุษย์ที่บังอาจเรียกชื่อพ่อ (อาเกิง) จะโดนหมัดกะเหรี่ยงทะยานฟ้า จากบรู๊ซเกิง จนน็อคตายคาที่กันแน่นะ?!

     

    "ปา" มัวแต่คิดนั้นคิดนี่ เวลาก็ค่อยเดินเรื่อยๆมาจนถึงเลขแปดเข้าซะแล้ว

     

    "จิ่ว" โอ้ ไม่...ไอ้ซัมติงยังทำหน้ามึน ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ตรงที่เดิม ไอ้หยา ถ้าไม่รีบหนี เมิงจะซี้แหงแก๋ ตายนะเฟ้ยยยย

     

     

     

    "สือ!!!!!!!!!!!!!!"

     

     

     

    วงล้อมถอยฮือกันยกใหญ่ เปิดทางให้โค้ชได้บู๊กับไอ้ซัมติงเต็มที่ตามใจอยาก เหมือนทะเลแหวกในเรื่องบัญญัติสิบประการไม่ผิดเพี้ยน

     

    "ฟู่วววววววว"

     

    ฮันกยองพ่นลมหายใจจากท้องน้อย ขึ้นมาที่หลอดลม คอหอย จนกระทั่งหลุดออกทางปาก ..นี่ป๋ากะจะฆ่าไอ้ซัมติงด้วยลมปราณกลิ่นปากแทนการทำร้ายร่างกาย เพราะมันไม่ทิ้งร่องรอยให้จับได้ใช่มั้ยครับ!

     

    ทงเฮยืนลุ้นการต่อสู้ด้วยลมหายใจอย่างเมามัน แต่ต่อลุ้นจนตูดโก่ง ไอ้ซัมติงก็ไม่มีทีท่าจะเป็นลมล้มพับลงไปแต่อย่างใด ..ไม่รู้ว่ากลิ่นปากโค้ชฮันยังแรงไม่พอ หรือประสาทรับกลิ่นของไอ้หน้าเบี้ยวมันพังกันแน่

     

    "อากุ้ยเฉียน"

     

    "คะ..ครับ" คยูฮยอนขานรับหน้าเหรอหรา คงยังไม่เก็ทว่าอีกภายไม่นานชีวาเมิงจะวอดวายล่ะมั้ง

     

    "อาป๊าลื้อชื่ออะไร?"

     

    "เอ่อ.........." คนตัวสูงทำท่าลังเลก่อยเอ่ยตอบเสียงเบา "คยูเจ ครับ"

     

    โค้ชฮันพยักหน้าพลางอมยิ้มไม่น่าไว้วางใจ ก่อนร้องอืมในลำคอแล้วพูดต่อด้วยเสียงดังฟังไม่ชัดว่า

     

     

     

     

    "งั้นต่อไปนี้ ถ้าอากุ้ยเฉียนคิกจะเรียกกรูว่าอาเกิง แล้วล่ะก็"

    "กรูจะเรียกเมิง เอ๊ย! เรียกลื้อว่า คยูเจ แทน"

    "โอเคนะ?"

     

     

     

     

    "เอ่อ.........."

     

    บัดนี้ ไอ้ซัมติงเหมือนสติหลุดไปมิติที่สามซะแล้ว คำว่ากุงง! กุทำอะไรผิด!? ทำไมโค้ชถึงทำเย็นชาใส่กรู๊?! แปะเต็มหน้าผากคยูฮยอนไปหมด จนคังอินผู้ซึ่งอาวุโสที่สุดในกลุ่มของนักเรียน (เพราะเรียนซ้ำชั้นมากว่าสิบชาติ) ต้องเข้ามาเป็นฮีไร่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

     

    "ผมว่าคยูฮยอนคงเหนื่อยแล้วล่ะ ให้รีบกลับบ้านไปพักผ่อน ฟิตซ้อมอย่างที่โค้ชว่า ดีกว่านะครับ"

     

    "ก็อาววววววสิ"

     

    ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบเฟคๆเสียหนึ่งที ก่อนจะพยักหน้ายินยอมให้คังอินลากร่างไร้วิญญาณของคยูฮยอนออกจากสนามไป แต่ยังไม่วายทำท่าขู่เอานิ้วปาดคอ ให้ดูเป็นขวัญตา ประมาณว่าอย่าริอาจแหยมมาล้อชื่อพ่อกรูอีกนะเฟ้ย ไม่งั้นเจอเจี๋ยนทิ้งทั้งชั่วโคตรเมิงแน่ๆ

     

     

     

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

     

     

     

    ตัดมาลงเท่านี้ก่อน เพราะแต่งต่อม่ายหวายเลี้ยวอ่าาาาา ตันๆๆๆๆๆๆๆ ><"

    แต่ก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของทุกท่านมากจริงๆค่ะ ช่วงที่เราแต่งไม่ออกก็มานั่งอ่านเม้นท์นี่แหละ ทำให้มีกำลังใจที่จะแต่งต่อเยอะเชียว ...ถ้ามุกมันไม่ฝืดจนเกินไปก็รบกวนช่วยเม้นท์มาให้อ่านสักบรรทัดสองบรรทัดหน่อยนะคะ งี้ดดดดดดดดดดดดดดดด

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×