ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #29 : III Slam Dunk III ...29...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.87K
      19
      16 ม.ค. 54

     

     

     

     ‘การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คือสิ่งที่เราควรกระทำ เมื่อมีโอกาสรู้มั้ยหืมม์ ซีวอน...’

     

    คำสอนนี้เค้าจำมันได้ขึ้นใจตั้งแต่ยังเล็กๆ เพราะทุกครั้งที่ไปโบสถ์ในวันอาทิตย์กับเจ้าคุณพ่อและนายแม่ ท่านสาธุคุณก็จะเทศน์ให้ฟังเสมอว่า เมื่อเราเกิดมาสบายกว่าคนอื่น ฉะนั้นจึงสมควรที่จะช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าเรา ด้อยกว่าเรา เพื่อให้คนๆนั้นมีความสุข

     

    แล้วตัวเราก็จะมีความสุขไปด้วยเช่นกัน....

     

    “หา ว่าไงนะ!!!”

     

    ซีวอนเหล่มองมนุษย์ที่ด้อยกว่าเค้าทั้งในด้านความสูง รูปร่างหน้าตา และสติปัญญา ก่อนถอนหายใจคล้ายเวทนา ถึงแม้คนเราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ยังไงก็เลือกที่จะไม่เป็นตัวปัญญาในสังคมได้นี่นา

     

    เข้าใจกูมั้ย? ทงเฮ??

     

    “เมิงกับฮยอคแจคบกันแล้วเหรอ?”

     

    คนที่ถูกถามทางสายตาร้องลั่น ลูกตากลมๆเบิกโตด้วยความตกอกตกใจ มองแล้วก็คล้ายปลาทองเวลากระเดือกอาหารปลาแล้วติดคอยังไงยังงั้น

     

    “ก็แค่เกือบ...ต่างหาก” ซีวอนตอบคำถามด้วยมาดนิ่งๆผิดวิสัยกวนตีนขั้นเทพ แต่ทงเฮก็ยังไม่เก็ทอยู่ดี

     

    “หมายความว่าไงวะ”

     

    ร่างเล็กขมวดคิ้วเป็นปมอุนจิจนหน้าผากย่น ในขณะที่ซีวอนกรอกตาขึ้นมองฟ้า ระลึกถึงคำพูดของฮยอคแจตอนที่เค้าสารภาพรักออกไปในวันนั้น

     

    .

     

     

    .

     

     

    “ให้ทงเฮเป็นฝั่งเป็นฝาเสียก่อน แล้วเราค่อยมาคบกัน โอเคมั้ย?”

     

    อยากจะตอบว่าไม่โอเคเหลือเกิน แต่เมื่อมองแววตาอันเด็ดเดี่ยวของฮยอคแจ เค้าก็ได้แต่กลืนคำๆนั้นกลับลงไปในลำคอ ให้มันย่อยในกะเพราะอาหาร ไม่กล้าพูดมันออกมาให้เกิดการทะเลาะกันอีก เนื่องจากเพิ่งจะคืนดีกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หากจะมาผิดใจกันเพราะเรื่องของไอ้ปลาป่วน ความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเพื่อนมาเป็นคนรักของพวกเค้าจะต้องดำดิ่งลงไปอยู่ในจุดที่ติดลบกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    “แต่ไอ้ปลามันไม่ว่าอะไรอยู่แล้วล่ะ เพราะมันก็รู้เรื่องที่กู....เอ่อ....ชอบ..เมิง......ดี”

     

    แม้จะเพิ่งสารภาพรักออกไปโดยไม่นาน แต่จะให้มาพูดซ้ำอีกครั้งภายในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างนี้ เสียงของซีวอนก็อดไม่ได้ที่จะแผ่วลงเพราะความเขินอาย

     

    สำหรับคนฟังนั้นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะเมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าชอบอีกรอบก็ก้มหน้าซ่อนสีแดงฝาดที่ปรากฎขึ้นบนพวงแก้มทั้งสองข้างจากสายตาจริงจังของคนตัวสูงทันที

     

    “ถ้าพวกเราคบกัน มันมีแต่จะดีใจมากกว่า”

     

    ว่าแล้วก็คว้ามือนุ่มๆของแฟนในอนาคตมากุมไว้ ครางถามเสียงอ่อนนัย์ตาเชื่อมหวานซึ่งหากทงเฮมาเห็นเข้าคงไม่แคล้วอ้วกแตกอ้วกแตน ร้องด่าเค้าว่าเสี่ยวแดกไปสามวันเจ็ดวันแน่ๆ

     

    “เชื่อกูสิ .....นะ ฮยอคแจอา~”

     

    ฮยอคแจเม้มปากใคร่ครวญถึงคำพูดของซีวอน ไม่นานเจ้าตัวก็ส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ได้หรอก”

     

    “ทำไมล่ะ?” ร่างสูงถามด้วยความไม่เข้าใจในความคิดของคนตรงหน้า ฮยอคแจจึงยอมเอ่ยถึงเหตุผลที่ทำให้เค้าต้องสร้างเงื่อนไขขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ

     

    “...กูแค่รู้สึกไม่ดี ถ้าเราจะคบกัน แล้วทิ้งให้มันเป็นปลาหัวเน่าว่ะ”

     

    “แล้วหากมันคิดจะอยู่เป็นโสดโฉดชั่วจนแก่ตาย พวกเราไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนมันจนเฉาไปด้วยกันหรอกหรือ” ซีวอนประชดใส่ พลางสะบัดหน้าพรืด ฮยอคแจเหลือบมองด้วยความหน่ายใจ

     

    นี่มันคิดจะงอนจนเกินเมะ แล้วกลายไปเป็นเคะแบบอิตุ๊ดมกโพแทนหรือยังไง ถึงได้เชิดหน้าทำปากเป็ดอย่างนั้น

     

    ...น่ารักตายล่ะเมิง -*-

     

    ‘ที่กุทำอย่างนี้ก็เพื่อให้ไอ้เตี้ยมันมีเจ้าของเร็วๆเว้ย มันจะได้ไม่อยู่เป็นเสี้ยนหนามเวลาพวกเราสวีทกันยังไงล่ะ โธ่เอ้ยยย เรื่องแค่นี้ม้าก็ไม่เข้าใจไก่ ชิส์’

     

    ฮยอคแจคิดเซ็งๆ แต่ไอ้ครั้นจะให้เค้าบอกมันตรงๆ ก็ดูจะให้ท่าไปหน่อย

    ยังไงเค้าก็ควรทำเล่นตัวบ้างไว้คงจะดี มันจะได้รู้ว่า I’m not easy นะยะ!

     

    ดังนั้นฮยอคแจเลยต้องบอกแบบอ้อมๆ พูดเป็นนัยๆ ให้ซีวอนฟังแล้วเอาไปตกผลึกเอาเองว่า การที่กำจัดคุณเพื่อนผู้ประเสริฐที่สุดในสามโลกได้ จะมีผลประโยชน์อะไรกลับคืนสู่หนทางรักของพวกเค้าบ้าง?

     

    แต่สำหรับชายหนุ่มผู้ไม่ได้คิดลึกซึ้ง ว่าเมียอินเดอะฟิวเจอร์จะมองการณ์ไกลขนาดนั้น ได้แต่เขม่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำฮัดฮึดอารมณ์บ่จอย พร้อมกับเข้าใจไปให้ทางตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

     

    เพราะฮยอคแจรักทงเฮยังกับลูกในไส้น่ะสิ! …ซีวอนคำรามในใจด้วยความหงุดหงิด

    แม้จะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นความผิดของเพื่อนตัวเล็กแต่อย่างใด แต่หากจะไม่ให้เค้าโมโหไอ้ตัวต้นเหตุเลย ก็ออกจะเป็นเรื่องที่ยากเสียหน่อย เพราะมันคือปลา(มาร)ผจญของแท้ต้นตำรับเลยก็ว่าได้

     

    ถ้าไม่มีไอ้เตี้ยเสียคน ฮยอคแจคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาเลื่อนการยกระดับความสัมพันธ์ของพวกเค้าอย่างในตอนนี้หรอก!

     

    “เมิงคงไม่โกรธกูใช่มั้ย ซีวอน?”

     

    ฮยอคแจถามเสียงหงอย ซีวอนจึงเคลื่อนสายตากลับมาที่วงหน้าขาวๆที่ตนหลงรัก ก่อนถอนหายใจปลงๆ

     

    “เฮ้อ~ ก็ไม่ได้โกรธหรอก”

     

    “แต่น้อยใจ?” ฮยอคแจลองเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายผ่านทางสีหน้า และซีวอนก็ไม่ได้ปฏิเสธ

     

    “อย่าน้อยใจเลยน้า~” ฮยอคแจอ้อนเสียงหวานจ๋อย แม้จะรู้สึกกระดากอยู่บ้างเพราะไม่เคยทำมาก่อน แต่เพื่อง้ออีกฝ่ายให้หายเคือง จึงต้องยอมทำอย่างช่วยไม่ได้

     

    “เอางี้ เป็นรางวัลที่เมิงทำตามที่กุขอ กุจะให้เมิงขออะไรจากกุก็ได้หนึ่งอย่าง”

     

    “อะไรก็ได้งั้นเหรอ?” ซีวอนทำตาเป็นประกาย เอ่ยถามด้วยความดีใจจนฮยอคแจแทบสะดุ้ง

     

    ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมันจะนึกว่าเราให้ท่า ..ต้องโวยวายหน่อยล่ะ ไม่งั้นมันจะได้ใจ

     

    ว่าแล้วฮยอคแจก็แกล้งกระแอมไอเหมือนอาหารไก่ติดคอ แล้วหรี่ตาพูดดักคอพ่อม้าหนุ่ม “...แต่ต้องในฐานะที่เพื่อนทำให้เพื่อนได้นะเว้ย!”

     

    ได้ยินอย่างนั้นซีวอนก็ทำคอตก บ่นเสียงหงุงหงิงเหมือนเด็กโข่ง “โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าจะให้จูบได้ซะอีก”

     

    “ฝันไปเถอะ” ฮยอคแจเชิดหน้าอย่างราชินี ท่องในใจว่า รักนวสสงวนตูด เอ้ย! ตัว กลับไปกลับมา แต่ก็ยังไม่วายโดนซีวอนหยอกเล่นอีกรอบให้ใจสั่น(สู้)อยู่ดี

     

    “งั้นหอมแก้มแทนได้ป่ะ”

     

    “เพื่อนบ้านพ่อเมิงสิ หอมแก้มกันได้!!!”

     

    “ทีกะทงเฮยังทำได้เลยหนิ ไม่ยุติธรรมเลย” ซีวอนทำปากบู้เถียง

     

    “นั่นมันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ” อ้อมแอ้มบอกเหมือนเสียงกระซิบ ...

     

    ก็เวลาทำกับแบบนี้คนที่เราชอบ  มันก็ต้องรู้สึกคนละแบบกับเวลาที่ทำกับเพื่อนสนิทที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วยอยู่แล้ว  ฮยอคแจค้อนให้ซีวอน โทษฐานที่เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ...ไอ้ฟาย(หล่อ)เอ้ยยย

     

    “เอาเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ กอด หอม จูบ หรือมีเซ็กส์ เข้าใจป่ะ”

     

    พูดเองก็หน้าแดงเองทั้งนั้น ซีวอนอมยิ้มขำ อันที่จริงเค้าก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัดฮยอคแจให้เป็นของตัวเองด้วยจูบหรือเซ็กส์อยู่แล้ว เพราะความสัมพันธ์ที่เริ่มจากการเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน มันดูเปราะบางเกินกว่าจะบีบบังคับให้อีกฝ่ายเป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการทันทีได้ ดังนั้นเค้าจึงเลือกที่จะทำให้ฮยอคแจสบายใจยามที่ต้องอยู่ใกล้เค้ามากกว่าที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกอึดอัดและวางตัวไม่ถูก

     

    “อืม......” ซีวอนลากเสียงครุ่นคิด ไม่นานรอยยิ้มกระชากใจสาวก็โผล่มาให้ฮยอคแจได้หนาวๆร้อนๆ “งั้นเริ่มจากง่ายๆก่อนเลยแล้วกัน”

     

    เว้นช่วงจังหวะให้ลุ้นจนแทบหยุดหายใจ ก่อนจะยอมเฉลยความต้องการของตัวเองในที่สุด “เลิกพูดคำว่า กู-มึง แล้วเปลี่ยนเป็น ซีวอน-ฮยอคแจ แทนโอเคมั้ย?”

     

    “หะ...หา? ว่าไงนะ?”

     

    “บอกว่าให้เราเลิกใช้คำว่ากูมึง แล้วเปลี่ยนมาแทนตัวเองด้วย ซีวอนกับฮยอคแจ แทน”

     

    “ให้เรียกเมิงว่าซีวอนทุกคำเลยงั้นหรือ?”

     

    “ยากไปเหรอ? ..งั้นอย่างน้อยแทนตัวเองว่า ชั้นกับนาย ก็ยังดี”

     

    ซีวอนยอมอ่อนข้อให้เล็กน้อย เพราะเห็นฮยอคแจทำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฟังคำว่ากูกับเมิง เวลาเราพูดกันแล้วมันไม่เหมือนคนรักกันเค้าเรียกกันเลย นายว่ามั้ย ฮยอคแจอา?”

     

    คนถูกถามกลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก อันที่จริงมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงมากสักเท่าไหร่ ยังไงซีวอนก็อุตส่าห์ยอมทำตามคำขอของเค้าแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าจิ๊บจ๊อยแล้วล่ะนะ

     

    ร่างขาวลอบถอนหายใจราวกับปลงตก ก่อนจะพยักหน้ายอมรับเงื่อนไขของซีวอน

     

    “สัญญาแล้วน้า”

     

    “อืม” ฮยอคแจครางเพื่อรับคำ “นายก็อย่าลืมที่ชั้นขอล่ะกัน”

     

    พอได้ฟังที่คนรักย้ำ ซีวอนก็ต้องผงกหัวตอบรับคำมั่นเช่นกัน แต่ก็ยังไม่วายถามกันเหนียว

     

    “จนกว่าไอ้เตี้ยมันจะเป็นฝั่งเป็นฝาใช่มะ”

     

    “อะ...อือ” เมื่อได้รับคำยืนยันจากปากของฮยอคแจ ซีวอนจึงคลี่ยิ้มเปี่ยมสุข หากแต่ในใจก็ยังพะวงเรื่องไอ้เตี้ยมะขามครึ่งข้อไม่น้อย เพราะคิดยังไงก็ยังคิดไม่ออกว่า มนุษญ์ผู้สร้างศัตรูมากกว่ามิตรอย่างอีทงเฮ จะจับไปล้างน้ำขอดเกล็ดแล้วขายราคาถูกๆให้ใครได้

     

     

    ใครจะยอมซวยมาเป็นฝั่งเป็นฝาให้ปลาน้ำเค็มอย่างมันเกาะลอยตุ๊บป่องในทะเลล่ะเนี่ย

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “นี่!! ถามคำเดียว เมิงจะระลึกไปถึงชาติหน้าเลยรึไงวะเฮ้ย” กลับมาที่ปัจจุบัน ที่ไร้ซึ่งบรรยากาศหวานๆเหมือนอย่างตอนที่อยู่กับฮยอคแจโดยสิ้นเชิง

     

    ซีวอนเขม่นมองตัวขัดจังหวะอย่างเซ็งอารมณ์ ...ขวางทางรักคนอื่นเค้ายังไม่พอ มันยังคิดขวางแม้กระทั่งการคิดอะไรเพลินๆของเค้าอีกต่างหาก อย่างนี้มันน่าจับใส่พานถวายพร้อมเงินสดให้คิบอมเก็บเอามันไปบูชา(ยัญ)ที่บ้านที่สุด!

     

    “อธิบายให้กูฟังซักทีดิ๊ ว่าไอ้แค่ที่ว่าเกือบจะได้คบกะไอ้ไก่น่ะ มันยังไงกันแน่?” ท้าวเอวบ่นฉอดๆ แต่พออ้าปากจะพูดให้ฟัง มันก็ดันถามสวนกลับมาอีกระลอก

     

    “เออ แล้วอย่าลืมเล่าตั้งแต่ตอนที่กุทิ้งเมิงกะไอ้ไก่ไว้ในห้องสองต่อสองด้วยล่ะ ไม่ใช่ตัดแต่ตอนจบมาโดดๆ”

     

    “..........”

     

    “กูอุตส่าห์หลีกทางให้พวกเมิงขนาดนี้แล้ว เมิงคิดจะใจจืดใจดำ ไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้กูฟังหรือไง?”

     

    “..........”

     

    “อ้อ แล้วเรื่องต่อจากนั้นก็สำคัญเหมือนกันนะ บอกกูมาซะดีๆว่าวันเสาร์อาทิตย์พวกเมิงไปทำอะไรด้วยกันมาหรือเปล่า อย่างเช่น เดท แล้วก็........อุ้บ!!”

     

    คยูฮยอนก้าวเข้ามาปิดปากที่กำลังส่งเสียงเจื้อยแข้วเป็นนกขุนทองน่ารำคญให้เงียบลง ก่อนเอ่ยถามเข้าประเด็นกับซีวอนที่นึกขอบคุณตนเองอยู่ในใจ

     

    “สรุปคือ ถ้าเจ้านี่สมหวังเพราะช่วยให้ผมได้คบกับซองมิน นายก็จะสมหวังกับแฟนของนาย อย่างนั้นใช่มั้ย?” ซีวอนพยักหน้านิ่งๆตอบรับการทวนความเข้าใจทั้งหมดของคยูฮยอน พร้อมกับส่งสายตาอิดหนาระอาใจ ไปยังร่างเล็กที่ยังดิ้นเร่าๆคอยแต่จะแงะมือของคยูฮยอนที่อุดปากตัวเองอยู่ให้หลุดออกสุดฤทธิ์

     

    “ถ้างั้นเรื่องทั้งหมดก็ง่ายนิดเดียว”

     

    “ฮ้า~~~”

     

    พอคยูฮยอนพูดจบก็เป็นจังหวะกันกับที่เค้าปล่อยมืออกจากปากของทงเฮ ให้คนตัวเล็กได้สูดหายใจเข้าฟืดฟาดจนเต็มขั้วปอด แต่ไม่รอให้มันได้โวยวายเสียงแปดหลอด คยูฮยอนก็เป็นคนที่สรุปความเอาเองสั้นๆว่า

     

    “แค่นายทำให้ชั้นกับซองมินลงเอยกันได้ เรื่องทั้งหมดก็แค่นั้น เข้าใจมั้ย เตี้ย!”

     

    ทงเฮถลึงตาใส่ไอซัมติง ยังไม่ทันได้อ้าปากด่ากลับให้หนำใจ เพื่อนม้าก็รีบเออออห่อหมกขึ้นมาทันที

     

    “ถูกต้อง! แค่เมิงช่วยเค้าให้ตัวเมิงสมหวังนะทงเฮ มันก็เท่ากับช่วยกูแล้วล่ะ”

     

    “ไอ้เบี้ยว? กู? ...สมหวังงั้นเหรอ?” ทงเฮทำตาปริบๆชี้คยูฮยอนแล้วก็ชี้ตัวเอง พร้อมกับพูดทวนคำของซีวอน แต่ให้ตายก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าหากเค้าช่วยไอ้ซัมติงจนมันยอมคายความลับของคิบอมออกมา แล้วมันไปช่วยเรื่องความรักข้ามสายพันธ์ของม้ากะไก่ตรงไหน

     

    แต่ถ้าจะให้พูดกันตามจริงก็คือ ซีวอนนั้นไม่เคยรู้หรอกว่าทงเฮไปมีข้อตกลงอะไรไว้กับคยูฮยอน ชายหนุ่มเพียงแต่คาดเดาจากบทสนทนาที่บังเอิญมาได้ยินเข้า ตอนที่ถูกฮยอคแจใช้ให้ตามมาดูแลทงเฮลูกเลิฟ ซึ่งไม่รู้ว่าจะถูกเพื่อนคิบอมเอามาปู้ยี้ปู้ยำทำปลากระป๋องจนมีสภาพเช่นไร จนได้ยินข้อมูลเด็ดที่ทำให้ร่างสูงจำเป็นต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง เพื่อช่วยให้ความรักของตัวเองสมหวัง...

     

    เพราะซีวอนคิดว่า ทงเฮกับคยูฮยอนกำลังช่วยเหลือเรื่องความรักซึ่งกันและกันนั่นเอง!!

     

    ทีแรกก็เห็นมันปากแข็งบอกไม่รักไม่ชอบ ต้องทำเพราะความจำเป็นบ้างล่ะ เพื่อการอยู่รอดในชมรมบ้างล่ะ แต่ใครเลยจะรู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วอีทงเฮแอดว๊าซ์ถึงขั้นวางแผนเพื่อให้ได้ตัวคิบอมมาเป็นของมันเลยทีเดียว

     

    ...ไอ้เตี้ยมันร้ายลงเซลล์เนื้อเยื่อแล้วนะเนี่ย!! สุดยอดดด!!!!

     

    ซีวอนจึงไม่รีรอที่จะเสนอตัวเข้ามามีส่วนร่วมกับแผนการที่จะทำให้เค้าได้ครองคู่ชู้ชื่นกับฮยอคแจได้เร็วขึ้นแม้สักวันก็ยังดี แต่สิ่งเดียวที่ซีวอนคิดไม่ถึงก็คือ...

     

    การสมหวังในเรื่องคิบอม ในความหมายของทงเฮ ก็คือการได้ล่วงรู้ความลับเพื่อนำมาแบล็กเมล์ไอ้โกดมีนัมจอมฉวยโอกาสต่างหาก! ไม่ใช่ทำเพื่อให้ได้คิบอมมาเป็นแฟนอย่างที่ซีวอนเข้าใจ

     

    “ใช่!” ซีวอนย้ำให้ทงเฮที่ยังจับต้นชนปลานไม่ถูกฟังอย่างแข็งขัน

     

    “อ๋อ~ อย่างนี้ที่เค้าเรียกว่า ยิงปืนนัดเดียว จับปลาสองมือ ใช่มะ”

     

    =__________=;;  ชายหนุ่มทั้งสองเหล่มองหน้ากัน สื่อความหมายผ่านสายตาว่ากำลังเวทนาให้ความโง่ของคนเที่ลืมเอาความสูงออกมาจากท้องแม่ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดแก้ไขสำนวนให้ใหม่ เพราะขี้เกียจทำให้ทงเฮโวยวายไร้สาระ ทั้งสองคนจึงพร้อมใจกันพยักหน้าเออออไปแบบแกนๆ

     

    “เออ นั่นแหละ ...แล้วทีนี้จะบอกมาได้หรือยังว่าพวกนายจะทำยังไงให้ชั้นได้คบกับซองมิน?”

     

    บอกเลยว่าคยูฮยอนไม่ได้สนหรอกถ้าทงเฮจะลงมือคนเดียว หรือจะเกี่ยวเอาเพื่อนซี้มาช่วยให้แผนการสำเร็จ ตราบใดผลลัพธ์ที่ออกมานั้นน่าพึงพอใจ เค้าก็ยินดีที่จะให้ซีวอนเข้ามามีส่วนร่วมกับข้อตกลงที่เค้าทำไว้กับทงเฮอยู่แล้ว

     

    “เรื่องนั้น....” ทงเฮอ้อมแอ้ม กระตุกปลายแขนเสื้อเพื่อนม้ายิกๆ พลางส่งสายตาเฮล์ฟมีพลีสใส่

     

    “ก็อย่างที่ชั้นว่าเมื่อกี้” คยูฮยอนเลิกคิ้วคล้ายจะถามกระตุ้นคำตอบของซีวอน “เรื่องเดทที่สวนสนุกไงล่ะ”

     

    “อ้อ~” ทงเฮครางเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซีวอนเคยพูดค้างเรื่องนี้ไว้ “แล้วยังไงต่ออ่ะ?”

     

    “นั่นสิ พวกนายจะชวนซองมินให้ไปเดทกับชั้นที่สวนสนุกยังไงไม่ให้เค้าปฏิเสธได้น่ะ”

     

    ซีวอนผุดยิ้ม กล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “เรื่องนั้น ง่ายนิดเดียว...” แล้วหันมาทางทงเฮด้วยสายตามาดร้าย

     

     

     

    ท่าทางเรื่องง่ายๆของไอ้ม้าฉ่อย มันจะไม่ง่ายสำหรับเค้าซะแล้วสิ! -*-

     

     

     

    *******************

     

     

    “คิบอม ไปเที่ยวสวนสนุกกัน เคป่ะ!”

     

    ประโยคที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดกับตัวผู้ที่ไหนดังรอดออกมาจากเรียวปากสีชมพูนุ่มนิ่มของทงเฮที่บิดเหยเกทันทีที่กล่าวจบ และก็ได้รับผลกรรมเร็วติดจรวดด้วยการถูกตะเกียบเขกหัวดังเป๊าะพร้อมเสียงก่นด่าจากเพื่อนตัวสูง

     

    ...ไอ้ชเวดากอง

     

    “ห้วนไป เอาใหม่อีกทีซิ” เอ่ยติด้วยสีหน้าเอือมระอา จนทงเฮค้อนตาคว่ำ ยกมือขึ้นกุมหัว ก่อนจีบปากจีบคอพูดประชด

     

    “จะให้กุพูด คิบอมอา~ ไปเที่ยวที่สวนสนุกกันกะเรามั้ยตะเอง คริ คริ เลยป่ะล่ะ ไอ้เจี้ย!!” ซีวอนทำตาโตพร้อมพยักหน้าอย่างแข็งขัน

     

    “เออ เอาอย่างนั้นแหละ ดีมาก ...ไม่เสียชาติเกิดมาเป็นตุ๊ดมกโพนะเมิงเนี่ย”

     

    “ไอ้ชเว!!!!!!!!!!!!”

     

    ทงเฮลุกขึ้นท้าวเอวยืนจังก้าตวาดลั่นโรงอาหารทั้งที่ข้าวยังเต็มกระพุ้งปาก หนอยแน่ะ มันบังอาจด่าว่าเค้าเป็นตุ๊ดไม่พอ ยังสาระแหนต่อเติมชื่อบ้านเกิดของเค้าเข้าไปอีก

     

    ถ้าไม่ได้ต่อยสั่งสอนมันซักหมัดพยัคฆ์คำรณ ก็ไม่ต้องเรียกเค้าว่า ‘ไอเดน(รัจฉาน)ลี’ หลานปู่บรู๊ซแล้ว!!!

     

    “ทงเฮ เมิงอย่าโวยวายสิ อายเค้า” ฮยอคแจท้วงออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ พลางกระตุกชายเสื้อนักเรียนของทงเฮยิกๆให้นั่งลง

     

    “อาย? อายงั้นหรือ ฮยอคแจ เมิงไม่ได้ยินเหรอไงว่ามันด่ากุเป็นตุ๊ดมกโพอ่ะ”

     

    “เออ กุได้ยิน แต่ว่า....”

     

    “อ๋อ ใช่ซี้~ ตอนนี้พวกเมิงกำลังอินเลิฟกันนี่นะ กุเลยเป็นปลาหัวเน่า ไม่มีใครสนใจล่สิ ใช่มะ” กอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างแสนงอน ซีวอนเห็นแล้วก็รู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก

     

    ถ้าถีบตูดมันให้ไปลอยเคว้งนอกอวกาศได้ เค้าคงจะทำโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย จะได้สวีทหวานกับฮยอคแจสองต่อสอง โดยไม่มีปลาผจญเสียที

     

    แต่ความเป็นจริงกลับทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเจ้าของความสูงแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินคนนี้ ดันเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับความรักของเค้าซะด้วยสิ

     

    ...แย่จริงๆเลยน้า -*-

     

    “เมิงอย่าพูดงั้นดิ ทงเฮ ถึงยังไงเมิงก็เป็นเพื่อนพวกกุนะ” ฮยอคแจรีบเอ่ยง้องอนให้ทงเฮหายอารมณ์เสีย ก่อนตัดใจยกหมูทอดในจานของตัวเองให้อย่างไม่คิดหวง

     

    “กินนี่สิ ทงเฮอา”

     

    พอเห็นของกินที่เพื่อนบรรจงคีบมาวางแหมะไว้ในจาน สันดานตะกละก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ร่างบางทำท่าฮึดฮัดรักษาฟอร์มไว้เล็กน้อย แล้วกระแทกตัวลงกลับไปนั่งอย่างเดิม บ่นกระปอดกระแปดว่าเป็นเพราะฮยอคแจขอร้องหรอก ถึงได้ยอมลงให้ ไม่ต่อปากต่อคำกับไอ้ม้าหน้าแป้นที่กำลังพุ้ยข้าวเข้าไปฝั่งตรงข้าม

     

    “เออนี่ แล้วทำไมอยู่ดีๆเมิงถึงคิดชวนคิบอมไปเดทที่สวนสนุกด้วยล่ะ?”

     

    คำถามของฮยอคแจที่เอ่ยโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้ทงเฮต้องเหลือบตาไปมองพันธมิตรหน้าม้าแบบลับๆ ก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม

     

    “ก็แบบไปกันเยอะๆ มันสนุกกว่า”

     

    “แค่นี้อ่ะนะ” ฮยอคแจขมวดคิ้ว ถามเสียงสูงคล้ายไม่เชื่อ

     

    “อือ...แล้วเพื่อนคิบอมก็อุตส่าห์เอาตั๋วมาให้ด้วย จะไม่ไปก็น่าเกลียด”

     

    “เออ ตอนแรกกุยังตกใจเลยที่เมิงบอกว่าเค้าเอาตั๋วมาให้ เล่นวิ่งไล่ล่ากันซะยังกะจะฆ่ากันให้ตายแบบนั้น”

     

    ฮยอคแจขมวดคิ้วอย่างงุนงงแสนสาหัส เพราะก่อนหน้าจะโดดคาบโฮมรูมไปกับเพื่อนคิบอมคนนั้น ทงเฮยังมาแอบทำหางลู่หูตกตัวสั่นงกๆอยู่ข้างหลังเค้าอยู่เลย แถมยังบอกด้วยว่าไปเล่นงานอะไรจคยูฮยอนไว้สักอย่าง ทำให้ร่างสูงต้องตามมาสะสางบัญชีแค้นถึงในห้อง แล้วไหงตอนนี้ถึงได้กลายเป็นฝ่ายนั้นเอาตั๋วเที่ยวสวนสนุกมาให้ไปซะได้ ...แปลกจริงๆ

     

    “ก็แค่กุลืมจ่ายตังค์ค่าตั๋วมันไง ไอ้ซัมติงมันขี้งกจะตาย สักวอนมันก็ไม่ยอมลดราวาศอก มันเลยวิ่งไล่กุมาแบบโหดๆอย่างนั้นแหละ ไม่เชื่อ ถามไอ้ม้าก็ได้ ตอนนั้นมันก็อยู่ด้วยกัน จริงป่ะ ฉ่อยจี้”

     

    “..........”

     

    ใส่ร้ายป้ายสีคยูฮยอน แถมหัวเราะคิกคักอย่างสนุกปาก พร้อมโบ้ยให้ซีวอนออกรับ โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังคืบคลานมาทางด้านหลังอย่างเงียบๆ

     

    “เพราะอีทงเฮเป็นหนี้แล้วไม่ยอมใช้คืนต่างหาก ชั้นเลยต้องมาตามทวง แต่ยังไงซะ พวกมีชนักปักหลังหรือพวกวัวสันหลังหวะ ก็มักจะเป็นแบบนี้ล่ะนะ ชั้นไม่ถือสาหรอก หึๆ”

     

    มือที่วางอยู่บนไหล่ทวีแรงบีบจากน้อยไปมากจนทงเฮทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บน้ำตาเล็ด พอค่อยๆไล่สายตาไปทางต้นเสียงที่เพิ่งเอ่ยสบประมาทท่านทงเฮอย่างร้ายกาจ เค้าก็ได้พบกับแสงออร่าเจิดจ้าของหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ

     

    โจซัมติง นั่นเอง

     

    “มาพอดีเลย กินข้าวหรือยังล่ะ?”

     

    เป็นซีวอนที่ร้องทักเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างสนิทสนม คยูฮยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนใหม่โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเชื้อเชิญ

     

    “นายชื่อฮยอคแจใช่มั้ย?” คนถูกถามกะพริบตาปริบๆอย่างงงๆ มองหน้าคยูฮยอนคล้ายจะถามกลับเจ้าตัวกำลังพูดกับตนอยู่หรือเปล่า แล้วค่อยครางตอบรับเบาๆ

     

    “อะ...อืม”

     

    “ยินดีที่ได้รู้จัก ชั้นโจคยูฮยอน...เพื่อนคิบอมน่ะ”

     

    “อ้อ~” ฮยอคแจส่งเสียงเพื่อแสดงว่าเค้ารู้จักชื่อเสียงของคนตรงหน้าเป็นอย่างดี แต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือ คยูฮยอนมีจุดประสงค์อะไรในการเข้ามาทำความรู้จักสนิทสนมกับพวกเค้ากันล่ะ?

     

    “นี่!” เสียงห้าวกังวานของทงเฮเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นคยูฮยอนทำท่าจะสานต่อบทสนทนาให้ยืดยาวขึ้นกว่าเดิม

     

    ร่างเล็กขยับตัวนั่งหลังตรง ทำคอยืดเพื่มความสูงขึ้นแม่สักเซ็นก็ยังดี เพื่อข่มไอ้หล่อเบอร์สองให้มันน้อยๆหน่อย ..นี่เพื่อนกุนะเฟ้ย ไม่ใช่ซี้เมิง!

     

    “ถ้าไม่มีธุระอะไร ..กินเสร็จแล้วก็กลับไปที่ห้องตัวเองสิ จะมานั่งจุ้มปุ๊กเป็นผีช้อนหน้าเบี้ยวอะไรแถวนี้ล่ะ”

     

    เอ่ยไล่อย่างไม่ไว้หน้า แต่คยูฮยอนก็ยักไหล่ไม่ถือสา โมโหมันไปก็เท่านั้น เหนื่อยเองเปล่าๆ สู้ทำตัวให้นิ่งแล้วตีกระหนาบจุดอ่อนของอีกฝ่าย คงจะได้ผลมากกว่ากันเยอะ

     

    “ธุระน่ะ มีแน่ เพราะชั้นกำลังรอให้ใครบางคนแถวนี้ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จอยู่ไงล่ะ”

     

    “เออ งั้นก็รอไปเถอะ ไม่เห็นหรือไงวะ ว่าคนกำลังกินข้าวอยู่ จะเร่งทำไม เดี๋ยวตอนเข้าชมรมเจอกันแล้วค่อยชวนก็ได้” ทงเฮบ่นยาวเหยียดอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างที่ใช้ช้อนซดน้ำซุปเสียงดังซู้ดๆ ความเป็นกุลสตรีมหาศรีอุเคะดำดิ่งลงไปอยู่ในจุดติดลบเกินเยียวยา -*-

     

    “แต่กุว่า ชวนตอนนี้ดีกว่านะเมิง” ซีวอนเอ่ยเร่ง ทำให้ทงเฮต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าว พลางย่นคิ้วไม่พอใจ ...นี่เมิงเข้าข้างเพื่อนใหม่มากกว่าเพื่อนเก่าเต่าเลี้ยงแบบกุเหรอ ไอ้แฉรดดด

     

    “ไมวะ” ถามเสียงขุ่น และได้รับคำตอบเป็นการขยับปากโดยไร้เสียงของซีวอนเป็นคำว่า

     

    ข้าง-หลัง-เมิง-โว้ย-ไอ้-เตี้ย!

     

    เคร้ง!!

     

    เสียงช้อนหล่นกระทบจานโลหะ ทันทีที่ทงเฮสะบัดหน้าหันไปตามคำบอกของซีวอน แล้วก็ได้ประสานสายตากับลูกแก้วสีนิลที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัว จนเผลอปล่อยช้อนในมือให้ร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    “คะ....คะ....คิ”

     

    ปากสั่นระริก พูดติดอ่างอย่างกับเห็นผีกลางวันแสกๆก็ไม่ปาน ทงเฮรีบเอี้ยวตัวกลับมานั่งเพ่งสมาธินับเมล็ดข้าวในจาน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น งื้อออออออ~

     

    “มานั่งทำอะไรตรงนี้”

     

    เสียงทุ้มติดจะเรียบเฉยกล่าวกับเพื่อนที่กำลังนั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างๆซีวอน หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กที่ทำเหมือนพยายามจะเอาหัวตัวเองจุ่มลงไปในชามซุปสาหร่ายเสียให้ได้

     

    “กุก็นั่งรอมึงไง” คยูฮยอนตอบพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ประดับให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้น

     

    “แล้วบังเอิญเจอพวกทงเฮเข้าพอดี เลยมานั่งคุยด้วยนิดหน่อยน่ะ จริงมั้ย ซีวอน? ฮยอคแจ? ทงเฮ?”

     

    เค้าแสร้งถามเพื่อหาคนมายืนยันในความบริสุทธิ์ใจของตน และก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่ว่าพันธมิตรอย่างซีวอนจะต้องช่วยพยักหน้าให้ ส่วนฮยอคแจผู้ไม่เคยจับต้นชนปลายอะไรถูกก็จำต้องพยักหน้าหงึกหงักให้แบบขอไปทีเช่นกัน

     

    แต่สำหรับคนที่มีภารกิจอันยิ่งใหญ่รอคอยอยู่เบื้อหลังอย่างทงเฮ สู้ให้ตัดคอเค้าเสียบประจานหน้าโรงอาหารเสียยังดีกว่าที่จะต้องเออออห่อหมกไปกับคำพูดเคลือบยาฆ่าแมลงของไอ้โจส้งติงนั่น!

     

    “...........”

     

    ทีใครทีมันนะเมิ๊ง ไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์!

     

    ทงเฮหลบสายตาที่เต้นระริกอย่างเปรมปรีดิ์ของคยูฮยอนที่มองมาอย่างตั้งความหวัง นั่งกัดปากข่มใจ  ท่องคาถามาดแมนแฮนด์ซั่มกระหน่ำซ้ำไปซ้ำมาในหัว จนซีวอนต้องรีบเอ่ยเตือนสติ กลัวมันเห็นความหล่อของสามีแล้วใจสั่น ระทดระทวย จนอาจทำให้เสียแผนได้

     

    “ไหนเมื่อกี้เมิงบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคิบอมไม่ใช่เหรอ? ทงเฮ...”

     

    “ห๊า!” ทงเฮทะลึ่งพรวดเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก กำลังคิดจะสั่นหัวพั่บๆเซย์โน แต่ก็ถูกความหวังดีโดยไม่ดูตาม้าตาเรือของฮยอคแจชกกระหน่ำมาที่โหนกแก้มด้านซ้าย

     

    “จริงสิ! ไหนๆคิบอมก็มาแล้ว เมิงก็ชวนซะเลยสิ จะได้ไม่เสียเวลา”

     

    “กุ....ปะ......” ทงเฮทำตาแดงๆจะร้องไห้อยู่รอมร่อ คยูฮยอนก็พูดสวนขึ้นไม่รอให้ทงเฮไอ้เอ่ยปฏิเสธแก้ตัวแต่อย่างใด

     

    “งั้นเดี๋ยวกุกลับไปรอที่ห้องก่อนล่ะกัน ส่วนมึงก็อยู่คุยธุระกับทงเฮไป อ้อ~ แล้วก็ไม่ต้องรีบนะ ยังมีเวลาเหลืออีกถมเถกว่าจะเข้าเรียน หึๆ”

     

    “.........”

     

    เห็นคยูฮยอนหัวเราะเสียงต่ำในลำคอตบท้าย แต่คิบอมก็ไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนมากไปกว่าการพยักหน้ารับ คล้ายจะเป็นการตัดบทให้คยูฮยอนหยุดพูดและรีบไปๆเสียทีซะมากกว่าการพยักหน้าเพื่อตอบตกลง

     

    “กุไปก่อนล่ะ บาย” ว่าแล้วคยูฮยอนก็โบกมือลาพร้อมแต้มยิ้มที่มุมปาก สื่อสารผ่านสายตากับทงเฮว่า ‘งานนี้อย่าให้พลาดเด็ดขาดเชียวนะ!’ จากนั้นก็รีบเผ่นแน่บไปโดยทันที

     

    มีพิรุธสุดๆเลยเหอะ ไอ้ดร๊วก!

     

    “ฮยอคแจอา เราก็ไปกันเถอะนะ เดี๋ยวชั้นจะได้ช่วยติวข้อสอบที่เหลือให้ต่อ”

     

    พอคยูฮยอนลุกไป ซีวอนก็รีบลุกต่ออย่างกับม้านั่งที่นั่งอยู่ร้อนลวกตูดขึ้นมาซะงั้น พลางเอื้อมมากุมมือฮยอคแจที่ยังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามให้ยืนขึ้นตามตัวเอง เอ่ยชวนด้วยไม้ตายก้นหีบคือ ...การติวหนังสือ

     

    “เฮ้ย แต่พวกเมิงยังกินไม่เสร็จเลยไม่ใช่เหรอ?”

     

    ทงเฮท้วงพลางกอดแขนฮยอคแจที่ยังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไว้แน่น เหมือนสาวน้อยวัยขบเผาะที่พ่อม้ากับแม่ไก่กำลังจะทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับสามีสุดหล่อในคืนส่งตัวเข้าหอ

     

    “ไม่เป็นไร เอ่อ.....คือ...กุอิ่มแล้วล่ะ”

     

    ฮยอคแจหันมองซ้ายทีขวาที และในที่สุดก็ตัดสินใจผลักไสเพื่อนเตี้ยที่รักให้ออกจากอ้อมอกด้วยการแงะมือปลาหมึกของทงเฮออกช้าๆ ถอนหายใจเฮือก..

     

    อย่าหาว่ากุใจร้ายเลยนะ ทงเฮ

    ที่กุทำก็เพื่ออนาคต(เคะ)ที่รุ่งโรจน์ของเมิงหรอก เข้าใจมั้ย?

     

    “ไอ้ก่ายยยยยยยยยย~~”

     

    “ไปกันเถอะ ฮยอคแจ”

     

    เอ่ยเร่งอีกครั้ง พลางเดินอ้อมโต๊ะมาจับแขนฮยอคแจไว้หลวมๆ พร้อมออกแรงกระตุกเรียกให้รีบจรลี กลัวว่าหากอยู่นานกว่านี้ ฮยอคแจอาจถูกไอ้เตี้ยมันงอแงทำตาปิ๊งๆใส่จนใจอ่อนยอมอยู่เป็นไม้กันหมาให้มันก็เป็นได้

     

    “หยุดนะ พวกเมิงจะไปไหนน่ะ รอกุก่อนเด้~” พยายามรั้งไว้จนหยดสุดท้าย แต่ไอ้ม้ามันดัน ฉวยโอกาสตอนที่ทงเฮกำลังเผลอ ดึงคอเสื้อของเพื่อนปลาให้ตัวมันหงายหลัง จนเกือบหัวทิ่มกระแทกพื้นสมองไหล หากไม่ได้อ้อมกอดของโกดมีนัมหนุ่มที่ถลาเข้ามารับอย่างทันท่วงที

     

    ซีวอนยิ้มแฉ่ง ในขณะที่ทงเฮและฮยอคแจหน้าซีดป็นไก่และปลาต้มสุก

     

    “คิบอม งั้นฝากไอ้เตี้ยมันด้วยล่ะกันนะ พวกชั้นไปล่ะ”

     

    บอกกับเพื่อนนักเรียนต่างห้องที่แทบจะไม่เคยคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนมเต็มเปี่ยม จากนั้นก็รีบควบสี่ตีน พาฮยอคแจวิ่งออกไปฝุ่นตลบ ไม่รอให้เพื่อนตัวเล็กได้คืนสติมาโวยวายกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองที่ต้องเสียหลักลงไปนอนแบ่บให้คิมคิบอมได้กอดพุงปลานิ่มๆ (ที่ทงเฮอุปทานว่ามันเป็นกล้ามหน้าท้องซิกแพค) จนต้องอายคนทั้งโรงอาหารอย่างนี้หรอก!!!

     

    “นี่! ปล่อยได้แล้ว!!!”

     

    ทงเฮตวาดเสียงแข็งใส่คนที่อุตส่าห์เข้ามาช่วยไม่ให้หัวโหม่งพสุธา ใจจริงก็ไม่ได้อยากทำกิริยามารยาทเลวทรามอย่างนี้ใส่คิบอมหรอกนะ แต่คนมันเขินนี่หว่า ให้ทำไงได้ นอกจากการทำตัวซึนเดเระ ด่าคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ดูเป็นการสมยอมมากนัก แล้วเดี๋ยวกูค่อยไปจัดการกับไอ้ม้าพม่ารามัญ เส็งเคร็งชเวตี้ (ผันมาจากตะเบ็งชเวตี้) ทีหลังเอง!

     

    “นายก็ปล่อยก่อนสิ”

     

    “เอ๋?”

     

    “ก็กุมมือชั้นไว้แน่นเลย ไม่ใช่เหรอไง?”

     

    เชร็ดดดดด!!! ทงเฮรีบก้มลงดูมือตัวเองตามคำบอกเล่าของคิบอม แล้วก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ โอ๊ย ตายห่ะ ไอ้มือไม่รักดี ป๊าสอนไม่ฟังว่าอย่าใจง่ายจับมือคนอื่นซี้ซั้ว แล้วเป็นไงล่ะ ทำป๊าหน้าแตกเลยเห็นมั้ย?!

     

    อบรมสองมือนุ่มนิ่มของตัวเอง ก่อนผละออกมาไว้แนบข้างลำตัวให้คิบอมช่วยดันร่างปวกเปียกของทงเฮให้กลับไปนั่งหลังตรงเหมือนเดิม

     

    “ขะ...ขอบใจ” เพื่อไม่ให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นเด็กพี่ชายไม่สั่งสอน(?) ทงเฮจึงเอ่ยอ้อมแอ้มขอบคุณพร้อมพวงแก้มที่แดงปลั่งด้วยความเขิน

     

    “ไม่เป็นไร” คิบอมตอบเนิบๆ “ว่าแต่............”

     

    “เราเปลี่ยนที่คุยกันเถอะ!”

     

    จู่ๆทงเฮก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมทั้งทะลึ่งพรวดลุกจากที่นั่ง แล้วก้าวฉับๆตามแต่ขาสั้นๆจะอำนวย นำหน้าคิบอมไปนอกโรงอาหาร โดยไม่ได้ถามความสมัครใจของอีกคนสักนิด

     

    “เร็วซี้~~” พอเดินไปได้สักสิบก้าว ก็หันมาเร่งแฟนหนุ่มในนามให้รีบตามมาด้วยการแยกเขี้ยวและกวักมือเรียกหยอยๆ คิบอมเลยแกล้งทำเป็นมองไปรอบตัวคล้ายไม่ใส่ใจคนที่กำลังร้องเรียก จนทงเฮเดือดปุดๆ

     

    “อย่าให้ชั้นต้องเดินไปลากนายมานะ!”

     

    ชี้หน้าขู่ แต่นึกหรือว่าคิบอมจะกลัวกับท่าทางเหมือนนีโม่สำลักน้ำนั้น ชายหนุ่มยักไหล่ในขณะที่ใช้สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง ดูกวนตีนเหลือจะกล่าว (แต่ก็หล่อบรรลัย =,,=)

     

    “โธ่เว้ยยยย” กระทืบเท้าเร่าๆเพราะไม่ได้ดั่งใจ ก่อนเดินลงส้นกลับมา คว้ามือคิบอมจากในกระเป๋า แล้วจัดการออกแรงลากคนตัวสูงให้เดินไปตามทางที่ตนเองต้องการ

     

    “..........”

     

    ทงเฮอดกระหยิ่มยิ้มย่องกับพลัง K กล้ามเน้นๆเนื้อแน่นๆตรงช่วงแขนกำยำของตนไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเค้าสามารถลากคนตัวโตให้ขยับเคลื่อนที่จากจุดเดิมได้ในที่สุด

     

    โอ้วววว กล้ามกุเจ๋งเป้งที่สุด สุโก้ยยยยยย อิ อิ

     

    “บอกให้เดินมาดีๆก็ไม่เชื่อ ต้องให้ลงไม้ลงมืออยู่เรื่อย” ฝอยจนจมูกยื่นจมูกยาว

     

    หารู้ไม่ว่า หากคิบอมไม่ยอมเดินด้วยตัวเองล่ะก็... มีหรือแรงเท่ามดทารกอย่างนี้จะลากเค้าไปไหนมาไหนตามใจอยากได้

     

    เค้าก็แค่ต้องการแกล้งทงเฮดูเท่านั้นแหละ ว่าหากเค้าไม่ยอมไปตามที่เรียก แล้วคนตัวเล็กจะงัดวิธีอะไรมาทำให้เค้าพอใจ จนยอมเดินตามไปแต่โดยดี

     

    และบังเอิญว่าวิธีที่ทงเฮเลือกใช้ก็ถูกใจ จนคิบอมไม่คิดที่จะรั้นให้อีกฝ่ายต้องหัวเสียอีก ถึงเวลาดูทงเฮหัวเสียเพราะความอายหรือโมโหมันจะทำให้เค้าสนุกก็เถอะ

     

    คิบอมเงียบฟังคนชอบโอ่ยอตัวเองโดยไม่รู้เบื่อ ในขณะที่สาวเท้าเดินตามแรงดึงของร่างเล็กไปอย่างไม่เร่งรีบ ทิ้งสาเหตุของการย้ายสถานที่คุยในครั้งนี้ ...ไว้เบื้องหลัง

     

    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

    และแล้วก็หลุดออกมาในที่สุด

     

    เพราะฉากแบบนี้มิอาจรอดพ้นสายตาแหลมคมประดุจเหยี่ยวสาวดาวกระเจิงของสมาคมผู้สนับสนุนให้อีทงเฮเคะอย่างเป็นทางการอย่าง ..ชิมแชอึน แอนด์เฟรนส์ ไปได้

     

    พวกหล่อนอุตส่าห์ทนดูอยู่เงียบๆในโรงอาหารมานานสองนาน แต่มาดีแตกก็ตอนที่ได้เห็นช๊อตโรแมนติกแบบเต็มๆตาโดยไม่คาดคิดนี่แหละ! ทั้งกอดทั้งจูงมือแบบหวานแหววอย่างนั้น มันก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกรี้ดลั่นออกมาอย่างสุดจะกลั้น ก่อนรีบเอามืออุดปากดื้นเร่าๆกับกลุ่ม ครคฮ. (คนรักคิเฮ -*-) ต่อ พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คะแนนเวรี่กู๊ดกับการอ่อยโดยไม่เลือกสถานที่ให้นู๋เคะมือใหม่

     

    ท่าทางหลังจากพักกลางวันนี้ไป ถึงจะพยายามแก้ข่าวจนปากฉีกไปถึงรูหูยังไง อีทงเฮก็ไม่มีวันรอดพ้นการถูกประทับตราบนหน้าใสๆว่า ‘เคะ’  อย่างแน่นอน เชื่อสิ!

     

     

    *******************

     

     

    ที่ที่เค้าลากคิบอมมาคุยธุระในครั้งนี้ ก็หนีไม่พ้นสวนผักหลังโรงเรียนอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการพบปะพูดคุยแบบลับเฉพาะคนรู้ใจเช่นเดิม ทงเฮเหลี่ยวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าปลอดผู้คนทงเฮก็ยอมปล่อยมือจากคิบอมในที่สุด

     

    “เอาตรงนี้ล่ะวะ!”

     

    ร่างเล็กค่อยๆหันไปประจันหน้ากับแฟนหนุ่มที่ได้มาเพราะความโง่เขลาของตัวเองเป็นเหตุ พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความตื่นเต้น หากแต่ใจเจ้ากรรมก็ยังอดหวาดหวั่นไม่ได้

     

    มันจะยอมไป เดธ เอ๊ย! ไปเดท กะกรุมั้ยเนี่ย???

     

    เหงื่อเม็ดเป้งไหลจากหน้าผากลงสู่ปลายคาง พอนึกว่าจะต้องเอ่ยชวนคนตรงหน้าไปหลั่นล้าตามประสาคู่รักที่สวนสนุกแล้ว ปากของทงเฮก็หนักอึ้งราวถูกถ่วงด้วยดัมเบลขนาดห้ากิโลก็ไม่ปาน

     

    คนตัวเล็กกลอกตาขึ้นฟ้า ทำปากขมุบขมิบบ่นในใจ

     

    กุล่ะอยากจะบ้าตาย!!!

     

    ขนาดซ้อมชวนกับไอ้วอนมาแล้วนะเนี่ย พอเจอหน้ามันเข้าจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น

     

    แล้วจะให้กุเริ่มต้นยังไงดีล่ะ ...ตะเอง ไปเดทกันเหอะนะ คริๆ... แล้วเอานิ้วจิ้มปากท่าแคะขี้ฟันแบบเฮียยุนเวลาชวนพี่แจจุงไปเดทงั้นเหรอ?

     

    บอกตรงๆว่ามันอักลี่มากๆ คนหล่อเหลาหนวดเคราดกครึ้มแมนๆอย่างกุ(ใครวะนั่น?)ทำไมได้จริงๆว่ะ ซอรี่

     

    ถอนหายใจเฮือก แต่ครั้นจะให้ชวนแบบ ...เฮ้ยเมิงไปเที่ยวกันป่ะ ไอ้สาดดดด... อย่างที่ทำกับซีวอนหรือฮยอคแจประจำ ทงเฮก็คิดว่าคิบอมคงจะตอบปฏิเสธแบบตัดบัวไม่เหลือใยโดยไม่ต้องเก็บไปนึกตรึกตรองเลยด้วยซ้ำ!

     

    มีแต่จะต้องหาเหตุผลดีๆสักเรื่อง มาเป็นข้ออ้างในการชวนให้ไปเที่ยวด้วยกันโดยไม่ให้ดูเป็นการอ่อยมากจนเกินไปนี่แหละ! ถึงจะช่วยทำให้ทงเฮพูดชวนได้ไม่กระดากปาก

     

    และแล้วเวลาก็ผ่านไปสามนาทีโดยเปล่าประโยชน์ เพราะทงเฮเอาแต่จ้องหน้าคิบอมแล้วก็กัดปากส่ายหน้าไปมา แล้วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ก้มหน้าเอามือแตะคางครุ่นคิด ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมากะพริบตาปริบๆจ้องหน้าคิบอมอีกรอบ วนเวียนเหมือนเป็นวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตาย จนคิบอมคิดว่าหากยังรอให้ทงเฮเป็นคนปริปากพูดก่อน ไม่แน่ชาตินี้เค้าอาจต้องทนรอจนรากงอกอยู่ตรงนี้นี่แหละ!

     

    “อ๊ะ!! จริงสิ!” ขอบคุณสวรรค์! ที่ในที่สุดทงเฮก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรออกเสียที คิบอมแอบโล่งอกอยู่ในใจ ก่อนปิดปากเงียบต่อเพื่อรอฟังธุระของคนตรงหน้า

     

    “นายน่ะ...” ทงเฮทำตาโตขึ้นเล็กน้อยก่อนกระแอมไอเทสต์เสียงเพื่อให้ฟังดูอ่อนหวานขึ้นเล็กน้อย

     

    “วันเสาร์นี้ว่างหรือเปล่า”

     

    “ทำไม?”

     

    “ตอบมาก่อนสิ ว่าว่างหรือไม่ว่าง” ปากยิ้มแต่น้ำเสียงออกแนวคาดคั้นให้ตอบสุดๆ คิบอมทำท่าครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเบาๆ

     

    “บอกไม่ได้”

     

    “อะไรนะ?!” ทงเฮเผลอลืมตัวตวาด ก่อนจะกลับมาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมดังเดิม

     

    “ชั้นบอกไม่ได้” คิบอมทวนให้ฟัง “เพราะถ้าหากข้อเสนอนายน่าสนใจ ชั้นจะอาจจะว่าง แต่ถ้าไม่ ชั้นก็ไม่ว่าง เข้าใจหรือยังล่ะ?”

     

    “อ้อ~” ทงเฮครางอย่างท้อแท้ ..แล้วเค้าจะไปตรัสรู้ได้ไงล่ะว่าการชวนไปเดทที่สวนสนุกเนี่ย มันจะไปสะกิดต่อมความสนใจของคิบอมหรือเปล่า?

     

    แต่ในเมื่อไม่มีอะไรจะต้องเสียมากไปกว่านี้แล้ว ก็เป็นไงเป็นกันล่ะวะ!!!!

     

    “ไป...........สวนสนุกกัน....นะ~” ถึงในใจจะฮึกเหิมแค่ไหนแต่พอพูดออกมากลับเป็นเสียงหงุงหงิงในลำคอจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

     

    ทงเฮก้มหน้าลงแก้มแดงซ่านเป็นก้นลิงจนถึงใบหู

    หากคนอื่นมาเห็นเข้าคงนึกว่าเป็นการสารภาพรักมากกว่าการชวนไปเที่ยวเป็นแน่

     

    “หืม?” คิบอมทำสุ้มเสียงเหมือนกับต้องการให้ร่างบางพูดชัดๆให้ฟังอีกรอบ ทงเฮลอบเบะปากใส่คนแกล้งหูตึง แล้วจึงยอมพูดให้ฟังอีกที

     

    “บอกว่า...ไปสวนสนุกกัน ..วันเสาร์นี้”

     

    “..........” คิบอมเงียบไปพลางหรี่ตามองทงเฮที่ลุ้นจนตัวโก่งอย่างนึกสนุก

     

    “นะ..นี่ ตกลงว่าไง” ทงเฮลองแย็บถามดู เมื่อเห็นว่าคิบอมไม่ยอมตอบเสียที

     

    “เหตุผลล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยสั้นๆ แต่ยิงตรงประเด็นจนทงเฮชะงักอ้าปากค้าง คิบอมยกมุมปากขึ้นมองคล้ายเป็นรอยยิ้มขบขัน แล้วจึงเอ่ยแจงสั้นๆ

     

    “ก็อยู่ดีๆนายคงไม่มาชวนชั้นหรอก มันผิดวิสัย ...จริงมั้ย?”

     

    จริงที่สุดเลยวะ! แต่ใครมันจะไปกล้าพูดตอกหน้าตรงๆอย่างนั้นกันเล่า!!!

     

    ร่างบางกอดอกอย่างขัดเคืองพร้อมกับเชิดปลายคางขึ้นอย่างดื้อรั้น เลือดแห่งความสตอเบอแหลพลุ่งพล่าน “นายดูถูกชั้นเกินไปแล้วนะ!”

     

    “ทำไมเป็นแฟนกันจะไปเดทกันไม่ได้ล่ะ!!”

     

    “..........”

     

    พูดไปแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ยิ่งพอมองไปที่นัยน์ตาสีนิลของคิบอม ที่ส่องประกายอะไรบางอย่างที่เค้าไม่มีวันเข้าใจ ทงเฮก็ยิ่งร้อนไปทั้งตัว ต้องรีบอ้อมแอ้มยกเอาข้ออ้างที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆมากลบเกลื่อนทันควัน

     

    “เอ่อ...คือว่า.....จริงๆแล้ว” เอานิ้วชี้จิ้มกันจึกๆ “เพราะเสื้อที่นายให้ยืม แล้วชั้นเอาไปซักให้ที่บ้านน่ะ”

     

    “...........”

     

    “พี่แจจุงเค้ารีดไหม้เป็นรูเบ้อเร้อเลย” วาดวงกลมในอากาศในดูเป็นตัวอย่าง แต่คิบอมก็ไม่ได้มีท่าทึโกรธเคืองแต่อย่างใด

     

    “เพราะฉะนั้น ชั้นเลยจะชวนนายไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันวันเสาร์นี้ เพื่อเป็นการไถ่โทษไง”

     

    “แล้วมันเกี่ยวกับที่เราเป็นแฟนกันด้วยงั้นเหรอ?”

     

    “ก็เอ่อ.......” วะ!! แม้งกลับมาประเด็นนี้อีกแระ จะต้อนกรุให้จนมุมไปถึงหน๋ายยยย เมื่อกี้มันก็แค่พลั้งปากโว้ย กรุไม่ได้หมายความว่าง้านนนน

     

    แม้ในใจจะโวยวายอย่างนั้น แต่สิ่งที่ทงเฮตอบเบาๆออกไปกลับตรงกันข้ามกับที่คิดโดยสิ้นเชิง

     

    “ก็ด้วยล่ะมั้ง?!”

     

    พอได้รับคำยืนยัน คิบอมก็ยกมุมปากสูงขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มกว้างที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ทำเอาทงเฮต้องขยี้ตาหลายรอบ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเจอกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังไงยังงั้น

     

    “งั้นก็ตกลง”

     

    “หา?” คราวนี้ทงเฮก็ฉีกยิ้มเช่นกัน ร่างบางกระโดดอย่างลิงโลดแล้วเข้ามาจับไหล่คิบอมถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่ได้โดนหลอกอำ “จริงๆนะ!”

     

    “อืม” คิบอมพยักหน้ายืนยัน ทงเฮร้องเยสในใจ กำลังคิดจะวิ่งกลับไปรายงานผลต่อผู้บังคัญบัญชาชเวและท่านนายพลโจ แต่แล้วเสียงจากนรกก็ดังขึ้น ฉุดขาเค้าไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน

     

    “แต่มีข้อแม้นะ...”

     

    “..........” ขออุดหูไม่ฟังได้มั้ย?

     

    “นายต้องสอบซ่อมวันศุกร์นี้ให้ผ่าน แล้ววันเสาร์เราค่อยไปเดทกัน”

     

    “ละ..แล้วถ้าไม่ผ่านล่ะ” ถามเสียงสั่นเครือ กำลังสองจิตสองใจว่าจะบีบน้ำตาอ้อนมันดีมั้ย แต่คิบอมก็ยื่นคำขาดที่เป็นดั่งประกาศิตออกมาให้ทราบโดยทั่วกันว่า

     

    “ก็ไปเดทกันที่บ้านชั้นแทนไง” ^^

     

    ฆ่ากุให้ตายทีเท้อออออออออออออออออออออ T^T

     

     

     

     

    TBC.

     

     

     

     

    และแล้วเนื้อเรื่องก็ยังย่ำต็อกอยู่ที่เดิม -*- คงเพราะเราชอบแต่งบทเวิ่นมากไปล่ะมั้ง?

    ใครที่อ่านแล้วสงสัยว่า ชวนคิบอมไปเดทกับอิเตี้ยแล้วมันเกี่ยวกับคู่คยูมินยังไง

    ..มีเฉลยตอนหน้าค่ะ คริๆ ^^

     

     

     

     

    .


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×