ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ FIC] !!! SLAM DUNK !!! (KIHAE)

    ลำดับตอนที่ #35 : III Slam Dunk III ...34...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.62K
      19
      14 ส.ค. 54

      

    ความโกลาหลจากการชิงรักหักสวาทของ สาม ซ. ยังไม่หมดสิ้นแค่เพียงเพราะแรงเหวี่ยงจากไวกิ้งเท่านั้น! 

    แต่ปัญญาใหญ่มันเกิดขึ้นจากเครื่องเล่นชิ้นถัดไปที่คิบอมเป็นคนเลือกต่างหาก!!!

    “ชั้นจะนั่งกับซองมิน”

    คยูฮยอนเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว ทันทีที่แถวขึ้นรถไฟเหาะซุปเปอร์ตีลังกามหาโหด เขยิบมาจนถึงคิวของพวกเค้า

    ลักษณะขบวนที่นั่งของรถไฟเหาะทั่วไป จะมีให้นั่งแค่แถวละสองคน ซึ่งหารให้ตายยังไงมันก็ไม่ครบคู่ ต้องมีใครสักคนยอมเสียสละ ระเห็จไปนั่งคนเดียว เปล่าเปลี่ยวอุรา

    และนั่นต้องไม่ใช่กูอย่างแน่นอน!! …..โจคยูฮยอนประกาศกร้าวในใจ

    “แต่ผมว่าคุณซองมินคงไม่อยากนั่งกับคุณสักเท่าไหร่หรอกมั้ง” แทคยอนโต้คารมกลับแบบไม่ยอมแพ้ พร้อมหันไปถามความเห็นจากยอดยาหยีอีซองมิน

    “...จริงมั้ยครับคุณซองมิน?”

    “เอ่อ........”

    “งั้นชั้นจะนั่งกับซองมินเอง จะได้หมดปัญหา!” ทงเฮโพล่งออกมาอย่างเหลืออด คิดว่าวิธีนี้นี่แหละเวิร์คที่สุด แต่ซองมินกลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

    “ไม่ได้หรอก ทงเฮมากับคิบอมก็ต้องนั่งกับคิบอมสิ”

    ซองมินโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน พลางเหลือบมองไปทางคิบอมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างเกรงอกเกรงใจ

    “ก็ถ้าเราไม่นั่งกับซองมิน ไอ้พวกนี้ก็ไม่ยอมให้คนอื่นนอกจากตัวเองนั่งกับซองมินอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราจะนั่งกับซองมินนี่แหละ จะได้ตัดปัญหา”

    “แต่เราว่าไม่ดีหรอก” ซองมินพยายามส่งสายตาสื่อความหมายว่า ทงเฮไม่จำเป็นต้องเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อความสุขส่วนรวม(ของไอ้สองซัม)หรอก เพราะที่เค้ามาในวันนี้ ก็ตั้งใจมาเพื่อช่วยตามที่ทงเฮขอร้อง หากต้องมาเป็นภาระให้ทงเฮอย่างนี้ คนที่ซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างซองมินเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน

    “ทงเฮนั่งกับคิบอมไปเถอะ ส่วนเรา................” เหลือบมองหน้าของซัมวันหนึ่งที และซัมติงอีกหนึ่งส่วนสิบสามที ก่อนตัดสินใจแน่วแน่

    “จะนั่งคนเดียวเอง!!!

    “ไม่เอานะ!” สองเสียงประสานขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

    “ไม่เอาก็ต้องเอา ชั้นตัดสินใจแล้ว” บทจะโหดชีก็โฉดไม่แพ้ใคร ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนตัวเล็กๆที่มีกลิ่นอายแบบออมม่าอย่างซองมินจะสามารถกำราบผู้ชายตัวโตๆสองคนให้ยอมศิโรราบได้อย่างน่าอัศจรรย์

    “ก...ก็ได้” แทคยอนงึมงำเสียงอ่อย ส่วนคยูฮยอนก็ยังต้องยอมศิโรราบ เค้าเอ่ยพร้อมยักไหล่เบาๆ

    “ตามใจล่ะกัน”

    สรุปแล้ว แผนผังที่นั่งบนเครื่องเล่นนัมเบอร์ทูนี้ ก็ถูกซองมินเป็นผู้ชี้ชะตาอย่างไร้ข้อโต้แย้ง

     

    ครืดดดดดดด~~

     

    “แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

    เสียงล้อบนรางเลื่อนที่เคลื่อนตัวไต่ระดับความสูงของรถไฟเหาะขนาดใหญ่ ทำให้พวกปอดแหกกลัวความสูงแต่ชอบสะเออะไปชูคอนั่งอยู่หน้าสุดของเครื่องเล่นอย่างทงเฮ ต้องแหกปากร้องนำร่องเอาฤกษ์เอาชัย เพราะแค่เห็นหนทางบรรลัยข้างหน้า ภาพของหนังสยองขวัญที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับรถไฟเหาะตกรางก็แล่นปราดเข้ามาในสมองกลวงๆให้ทงเฮได้ทำตาเหลือกน้ำลายฟูมปากทันที

    โอ้วววว จ๊อด คลูนีย์ ...กุยังไม่อยากเป็นพระเอกหนังภาคต่อ ไฟนอล เดสติเนชั่น นะเว้ยยย

     

    ฟิ้วววว~~

     

    ยังไม่ทันได้เริ่มสวดนโมแล้วจบด้วยอาเมน รถไฟเหาะพาทัวร์นรกก็มาถึงจุดสูงสุดของราง ก่อนค่อยๆไหลลงตามแนวดิ่งด้วยความเร็วสูงตามแรงโน้มถ่วงของโลก

    แอร๊กกกกกกกกกกกกกกกกก

    ทงเฮกรี้ดแบบไม่ลืมหูลืมตา พร้อมซบหน้าเข้ากับไหล่ของคิบอม แล้วกลั่นพลังเสียงจากท้องน้อยแหกปากร้องจนลิ้นปี่แทบพัง กว่าที่รถไฟเหาะจะวิ่งจนครบรอบ ทงเฮก็ได้กลายสภาพจากผีบาร์บี้ เป็นผีปากเบี้ยว สมใจอยาก

    “ไหวมั้ย?” คิบอมถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยผิดวิสัย ขณะกำลังประคองร่างอ่อนปวกเปียกของทงเฮออกมา

    “วะ...ไหว” ยกสองนิ้ว กูตายค่ะ เอ๊ย! สู้ตายค่ะ ให้คิบอมดูเพื่อยืนยันว่ายังเตะปี๊บดังอยู่

    “แต่สีหน้านายไม่ดีเลยนะ” ทงเฮส่ายหน้าซีดเซียวของตัวเองช้าๆ ประมาณว่า ด๊อนท์วอรี่ ไอแอมฟาย แต้งกิ้ว แอนด์ยวู๊~? พร้อมทำสัญลักษณ์มือให้คิบอมคลายใจ เลียนแบบพี่ป๋อและตุ๊กกี้

    “จิ๊บๆน่า” เมื่อเห็นทงเฮยืนยัน นอนยันแถมนั่งยันอย่างนั้น คิบอมก็ไม่คิดจะถามคาดคั้นอีก

    แต่ในขณะที่สองหนุ่มสาว(?)กำลังทำซึ้งเทคแคร์กันด้วยความห่วงใยอยู่นั่น เสียงทะเลาะวิวาทจากด้านหลังก็ดังขึ้นแหวกบรรยากาศหวานๆ ให้ต้องหมดมู้ดไปโดยปริยาย

    ซึ่งก็คือ ไอ้ซัมวันกับซัมติงที่พยายามเบียดแย่งกันออกจากที่นั่งนั่นเอง...

    “เฮ้ย หลบไปน่า ชั้นจะออกไม่เห็นหรือไง”

    “ผมก็อยู่ของผมดีๆ คุณนั่นแหละที่ต้องหลีก”

    “ไอ้ฟันจอบ!

    “ไอ้หน้าหลุม!

    “นี่จะหลบให้ดีๆ หรืออยากให้ชั้นศัลกรรมฟันให้ใหม่ห่ะ!!

    “พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็มีอีกหลุมบนหน้าหรอก ไอ้แบล็คโฮลลลลลลล”

    “ไอ้............”

    “นี่! หยุดสักทีได้มั้ย!?” เสียงตวาดของซองมินทำให้สิงห์เหนือเสือใต้สองคนรูดซิปปากทันควัน พร้อมหันมามองซองมินด้วยสีหน้าหงอยๆราวกับเด็กประถมถูกคุณครูดุก็ไม่ปาน

    “ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างหรือไง”

    “ก็มัน / ก็มัน” ต่างฝ่ายต่างชี้หน้า โยนความผิดกันจ้าละหวั่น ซองมินเลยปรี้ดแตก หมุนตัวเดินออกไปแบบไม่คิดเหลียวหลัง ยิ่งทำให้ทั้งสองซัมพากันตื่นตระหนก แย่งกันลุกออกจากที่นั่งเพื่อจะพุ่งไปแก้ตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะตามมาทัน

    “หลบไปเซ่!! ไอ้ฟันจอบ!

    “ไม่! คุณแหละที่ต้องหลบ ไอ้หน้าหลุม!!!

    ทงเฮที่ยืนฟังสองคนขุดเอาปมด้อยมาด่ากัน แล้วก็อยากจะหัวเราะดังๆให้สมกับความฮา ถ้าไม่ติดว่าหัวเราะแรงๆแล้วจะกระเทือนลิ้นปี่ ป่านนี้ไอ้สองซัมคงหันมาเล่นงานทงเฮแทนไปนานแล้ว โทษฐานฮาไม่ดูกาลเทศะ!

    “นายไปหยุดเพื่อนนายหน่อยสิ อายเค้า” ร่างบางกระซิบบอกคุณแฟนที่รัก แต่คิบอมกลับส่ายหน้า ก่อนเอ่ยเบาๆ

    “ปล่อยมันไปเถอะ” โคตรรักเพื่อนเลยนะเอ็ง ...ทงเฮใช้สายตาติเตียนคิบอม

    “น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ไม่เคยได้ยินสุภาษิตนี้หรือไง?” ทงเฮสั่นหัวแทนคำตอบ

    “งั้นก็ช่างมันเถอะ” คิบอมบอกสั้นๆ ก่อนจูงทงเฮออกทาง Exit ไป โดยไม่คิดจะอยู่รอเพื่อนเพื่อประจานตัวเองว่ารู้จักกับไอ้บ้าสองหน่อตรงนั้นเลยสักนิด

                ช่างน้ำใจประเสริญจริงจริ๊ง ทูนหัวของด๊อง~~ =.=

     

    *******************

     

    “ห๊า!?....หายไป!!!

    ทงเฮผงกหัวรับด้วยสีหน้าร้อนใจไม่แพ้คนถามอย่างคยูฮยอน ซึ่งสาเหตุมันก็มาจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของซองมินที่เดินออกมาก่อนหน้านั่นเอง

    “คุณซองมินหายไปได้ยังไงกันครับ?”

    ....ถามอะไรฟายๆ! ถ้ากูรู้กูคงไม่ต้องร้อนใจอยู่อย่างนี้หรอก ทงเฮด่าแทคยอนผ่านทางแววตา

    “ไม่รู้สิ” คิบอมเป็นฝ่ายตอบให้ โดยไม่ได้มีอาการร้อนรนเฉกเช่นคนอื่นๆเลย

    “ลองโทรหาแล้วหรือยัง?” คยูฮยอนพยายามตั้งสติ คิดในแง่ดีซองมินก็อาจจะเดินไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อขนมเฉยๆก็ได้ แต่พอทงเฮส่ายหัวบอกว่าโทรติดแต่ซองมินไม่ยอมรับสาย ก็ยิ่งทำให้คยูฮยอนแตกตื่นเข้าไปใหญ่

    “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณซองมินโกรธมาก” แทคยอนลองวิเคราะห์ดูบ้าง “....อาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้”

    “ไม่มีทางหรอก ซองมินไม่ใช่คนประเภทไปไม่ลามาไม่ไหว้ หรือถ้าเค้าจะกลับจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องโทรมาบอกชั้นก่อนสิ” ทงเฮแย้ง เพราะรู้นิสัยของผู้จัดการชมรมคนนี้ดีว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบแค่ไหน

    “งั้นก็อาจจะถูกจับตัวไป” แทคยอนเริ่มจินตนาการบรรเจิด

    “ยิ่งน่ารักๆอยู่ด้วยสิ อาจจะถูกพวกขี้หลีแถวนี้จับตัวไปก็ได้” คิดพลางเหล่มองคยูฮยอนอย่างเคืองๆ

    “เพราะคุณแท้ๆ ถ้าไม่ทำตัวเหมือนเด็กอมมือ ยอมให้ผมออกก่อนดีๆ คุณซองมินคงไม่โกรธจนเดินหนีออกมาก่อน แล้วถูกจับตัวไปอย่างนี้หรอก!

    “ไอ้ปากไม่มีหูรูด!! แกนั่นแหละผิด ดื้อด้านไม่เข้าเรื่อง” คยูฮยอนเชิดหน้าด่ากลับ “ถ้าซองมินเป็นอะไรแม้แต่ปลายก้อย ชั้นจะเลาะฟันแกไปทำจอบให้ชมรมเกษตรใช้พรวนดินเลยคอยดู”

    “ไอ้หน้าปรุ!!!

    “หุบปากเลยนะ ทั้งสองคน!

    ทงเฮตวาดลั่นเพื่อห้ามทัพ ก่อนกวาดตามองซ้ายทีขวาที พร้อมกับหายใจแฮ่ๆเหมือนหมาบ้าเตรียมจะกัดใครก็ตามที่บังอาจเปิดปากพูดนอกจากตัวเองให้จมเขี้ยว!

    “แทนที่จะเถียงกัน เอาเวลามาตามหาซองมินยังจะดีซะกว่า”

    “แล้วเราจะไปตามหาซองมินที่ไหนล่ะ” แทคยอนถามขึ้น

    “กูก็ไม่รู้โว้ยยยยย กูไม่ใช่จีพีเอสถึงจะระบุตำแหน่งของซองมินตอนนี้ได้” พอโมโหจนเลือดขึ้นหน้า อะไรที่ทงเฮเคยเก็บไว้ด่าในใจก็ถูกโพล่งออกมาหมดเปลือก

    “เพราฉะนั้น ...เมิง!!” ชี้หน้าคยูฮยอนแล้วสั่งเสียงแข็ง “ไปไล่ดูตั้งแต่ทางเข้าข้างหน้าซิ ว่าซองมินอยู่แถวนั้นมั้ย แล้วหากเจอฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสวนสนุก ก็อย่าลืมให้เค้าประกาศหาซองมินไว้ด้วยล่ะ!

    “เอ่อ..........”

    “แล้วก็เมิง!!!” เปลี่ยนไปชี้หน้าแทคยอนเป็นลำดับถัดมา “ไปเดินหาซองมินทางนี้”

    ทงเฮบอกตำแหน่งของเส้นทางที่แทคยอนต้องเดินไปตามแผนที่ที่ถูกควักออกมาจากเป้ใบโปรด

    “แล้วนาย ...คิบอม” น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้น จนรู้สึกได้ เมื่อเอ่ยชื่อผัวรัก(?)

    “ไปหาซองมินทางนี้” ชี้ไปยังทิศที่ตรงข้ามกับทางของแทคยอนที่บอกให้ไปเมื่อครู่

    “ส่วนชั้นจะหาซองมินอยู่แถวๆนี้แหละ เผื่อซองมินจะเดินกลับมา เดี๋ยวจะหลงกันซะเปล่าๆ” วางแผนรอบคอบผิดคาด ถึงขนาดคิบอมยังต้องเลิกคิ้วให้ด้วยความประหลาดใจ ที่ทงเฮเกิดฉลาดขึ้นมาในยามคับขันเช่นนี้

    “แล้วกลับมาเจอกันอีกทีตอนบ่ายโมงตรงนี้นะ ถ้าเข้าใจแล้ว ก็ออกไปตามหาซองมินโล้ดดดดดด”

    ทงเฮออกคำสั่งพร้อมโบกมือไล่ส่งสามหนุ่มหย็อยๆ จวบจนร่างของทั้งสามลับสายตาไปแล้ว คนตัวเล็กจึงทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ริมทาง แล้วถอนหายใจเฮือก

    โชคดีไปที่ไม่มีใครแย้งโวยวายให้ทงเฮออกไปตามหาที่อื่นบ้าง

    ไม่ใช่เพราะไม่ห่วงเพื่อนหรืออยากกินแรงคนอื่นๆหรอกนะ แต่เพราะขามันสั่นยึกๆแบบนู๋ต้อแต้ เดินไม่ไหว เนื่องจากแพ้เครื่องเล่นหวาดเสียว ถ้าถูกบังคับให้ไปเดินตามหาซองมินโดยไม่มีคนพยุงปีก ทงเฮคงจะล้มลงไปทำท่าพับเพียบโคเรียให้ได้อายสายตาประชาชีแน่ๆ

    ซึ่งเรื่องขายหน้าแบบนี้เท่านั้น ที่คนหล่อๆอย่างเค้า ทนมั่ยด้ายยยยยยยยย เจรงๆ T..T

     

    *******************

     

    เวลาผ่านไปแล้วเกือบสองชั่วโมง จนทงเฮที่ลอยไปลอยมาเป็นผีปากเบี้ยวอยู่แถวๆนั้น ต้องกลับมานั่งตบยุงเปาะแปะฆ่าเวลา เพราะไม่ทราบว่าเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย มันหายหัวกันไปตามซองมินถึงโลกไหน

    ทำไมถึงได้นานจนทงเฮแทบจะตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้เกือบสามรอบขนาดนี้!

    “อ๊ะ!” พูดถึงก็มาพอดี ตายยากจริงๆนะเมิง...

    ร่างบางร้องอุทานขึ้น  เมื่อมองไปยังสุดขอบทาง แล้วเห็นผู้รอดชีวิตนัมเบอร์วัน ที่มุ่งหน้าตรงมาทางเค้า ด้วยสีหน้าอมทุกข์อมโรค ..โจคยูฮยอน

    “เป็นยังไงบ้าง?” ทงเฮเอ่ยถามทั้งๆที่พอจะเดาคำตอบได้จากสีหน้าของคู่สนทนา “หาซองมินเจอมั้ย?”

    “ไม่เจอเลย” คยูฮยอนส่ายหน้าแล้วถามทงเฮกลับ แล้วนายล่ะ

    ทงเฮกรอกตาล่อกแล่กเล็กน้อย เพราะเค้าได้เดินตามหาซองมินซะที่ไหนกันล่ะ แค่นั่งรอจนตูดเป็นตะคริวไปแล้วกว่าครึ่งซีกเท่านั้นเอง~~

    “ไม่เจอเหมือนกัน ซองมินไม่ได้เดินกลับมาทางนี้”

    ฟังคำตอบแล้วก็ห่อเหี่ยวเหมือนผักกาดเขียวแช่แฟ้บสูตรพี่แจจุง กันทั้งสองหน่อ คยูฮยอนถอนหายใจแรงๆเฮือกใหญ่ รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่แผนการเดทระหว่างเค้ากับซองมิน ซึ่งวางเอาไว้ดิบดีตั้งแต่แรก ไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด

    “เพราะหมอนั่นคนเดียว” ชายหนุ่มคำรามลอดไรฟันขาวเป็นระเบียบ “ถ้าไอ้ฟันจอบนั่นไม่โผล่มา ป่านนี้ชั้นกับซองมินคงได้เที่ยวกันสนุกไปแล้ว!!

    “เอ่อ...ใจร่มๆ ก่อนนะหลวงพี่~~” สะกิดเตือนให้ใจเย็น ด้วยคำพูดกะให้ฮา แต่มันดันแป้ก เพราะคยูฮยอนหันมาทำหน้ายักษ์ใส่เค้า โทษฐาน เมิงเล่นมุกเอรี้ยอะไร ไม่ดูกาละเทศะ!

    “คือชั้นหมายถึง ซองมินอาจจะแค่อยากไปเดินเล่นก็ได้นะ”

    “เดินเล่น!!!” คยูฮยอนทวนคำเสียงหลง “เดินเล่นบ้าอะไร ไปตั้งสองชั่วโมง แถมยังไม่ยอมรับมือถืออีกห๊า!

    ตะโกนใส่หน้าหมวยๆของเมียเพื่อน จนทงเฮต้องหลับตาปี๋ เม้มปากแน่น กลัวเชื้อ ไอ้นี่บ้าลูกพี่ลูกน้องกับ อะมีบ้าจะเข้าสู่ร่างกายอันบอบบางของเค้า

    “คิดจะพูดอะไรหัดใช้สมองบ้างสิ โธ่~~~

    คำพูดปรามาสของคยูฮยอน ทำเอาเส้นความอดทนต่ออารมณ์ของทงเฮขาดผึง! นี่กูคิดจะปลอบเมิงนะเนี่ย ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ

    ร่างเล็กหายใจฮึดฮัดด้วยความโกรธที่พุ่งทะลุจุดเดือด ก่อนถกแขนเสื้อขึ้น วิญญาณนักเลงท้ายซอยเริ่มเข้าประทับร่างพระแม่ ก่อนทำใจกล้าเขย่งเท้าด่าคยูฮยอนกลับอย่างไม่กลัวตาย

    “หนอย ไอ้เบี้ยว ทำใจดีด้วยหน่อย เลยคิดว่ากูจะยอมให้เมิงด่าได้ด่าดีด่าฟรีๆไม่คิดตังค์หรือไง?”

    ทงเฮเชิดคางขึ้น แล้วส่งเสียงห่ะๆออกมาแบบจิ๊กโก๋สมัยคุณพ่อยังหนุ่ม แถมมีออฟชั่นเสริมเป็นการใช้นิ้วโป้งปัดปลายจมูกเต๊ะว่ากูเก๋าอีกต่างหาก ...ไม่แน่จริง ทำไม่ได้อย่างไอ้เตี้ยนะเนี่ยยยยยย

    “ที่ซองมินเค้าหนีไป ก็เพราะเมิงนั่นแหละตัวการ!!!” ชี้หน้าคยูฮยอนคาดโทษเป็นจำเลยโดยไม่ต้องแต่งทนายมาแก้ต่างให้ยุ่งยาก เพราะท่านทงเฮคนนี้จะพิพากษามันเอง

    “พูดอะไรไม่เข้าท่า”

    “เหอะ ไม่เข้าท่างั้นเรอะ ไอ้ที่ไม่เข้าท่าน่ะเมิงต่างหาก รู้ทั้งรู้ว่าวันนี้ต้องมาเดทเพื่อทำคะแนนให้เค้ารักเค้าชอบ แต่เมิงกลับไปทำให้เค้าโกรธซะได้ โง่หลายตายซะเหอะเมิงน่ะ!

    “อีทงเฮ!!

    “ไม่ต้องมาขู่ด้วยการเรียกชื่อ บอกไว้เลยว่า ไม่-กลัว” เผยธาตุแท้ออกมาจนหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก

    “ไอ้เรารึก็อุตส่าห์ ช่วยทำตามแผนให้ทุกอย่าง ประเคนป้อนทุกสิ่งให้เมิงถึงปาก แต่เมิงกลับถุยทิ้งซะงั้น แล้วยังมีหน้ามาโทษคนโน้นคนนี้ว่ามาแย่งแดกอีกนะ ฟายยยย”

    “หยุดพูดเดี๋ยวนนี้นะ!!!

    “ไม่หยุดแล้วจะทำไม?” ลอยหน้าลอยตาได้น่าตื้บให้จมดินสุดๆ แต่ทางที่ดีต้องถอยหลังออกไปให้ห่างๆมันเสียหน่อย เพื่อไอ้ซัมติงจะสติหลุด กระโจนเข้ามายำทีนใส่เค้าจนดับอนาถคาสวนสนุก -*-

    “ที่ซองมินยอมมาด้วยวันนี้ ก็เพราะกุไปขอไว้ให้ช่วยมากันเมิงระหว่างที่กุเดท คิดดูว่าถ้าเค้ารู้ว่าตัวเองถูกหลอกให้ต้องมาติดอยู่กับคนเห่ยๆที่เอาแต่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ไปวันๆอย่างเมิง ซองมินคงจะต้องอุทานเสียงหลงว่า....”

    “ไม่อยากจะเชื่อเลย”

    “เออ ใช่ ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ากูต้องมาอยู่กับคนอย่.....า....ง......เหวออออออออออ”

    เพราะด่าจนติดลมบนทำให้ไม่ทันได้ใส่ใจว่า สีหน้าของคยูฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามตน ซีดเผือดขนาดไหน และน้ำเสียงของคนที่พูดประโยคเมื่อครู่ ก็เหมือนกับ....

    “ซองมิน!!!!

    สิ้นชีพ อย่าสิ้นสัตย์ แต่ถ้าคิดจะสิ้นสัตย์ตอนนี้ กุคงได้สิ้นชีพด้วยท่าบลัดดี้แรบบิทของอีซองมินสุดสวยก่อนแน่นอน อุแง้~~ T T

     

    *******************

     

    ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเวรกรรมเดี๋ยวนี้มันตามทันแบบติดสปีด Fast and Furious มากมาย = =;

    เพราะตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรของทั้งทงเฮและคยูฮยอน กำลังยืนกอดอก รอรับคำสารภาพ ด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูกว่ากำลัง โกรธ, โกรธมากกก หรือโกรธเชี่1ยๆ อยู่กันแน่

    “เอ่อ... ซองมินหายไปไหนมาเหรอ รู้มั้ยพวกเราออกตามหากันซะทั่วเลยนะ” แกล้งถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ  แต่ก็ไม่ได้ผล เมื่อคนตัวเล็กตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเย็นชา

    “เราหายไปไหนมา มันไม่สำคัญหรอก”

    เหล่มองหน้าไอ้สองวายร้ายจอมลวงโลกนิ่งๆ ในขณะที่ทงเฮกลีนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ส่วนคยูฮยอนก็วิญญาณหลุดออกทางทวารทั้งห้าไปแล้ว

    “แต่ที่สำคัญก็คือ....”

    “เราอธิบายได้นะ ซองมิน!

    ยังไม่ทันจะอ้าปากถาม ทงเฮก็โพล่งออกมาอย่างร้อนตัว จนคยูฮยอนที่ต้องแอบจิ๊ปากด้วยความขัดใจ เพราะกำลังคิดหาวิธีโกหกเอาตัวรอดอยู่แท้ๆ แต่ดันโดนทำลายแผนการตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเลยด้วยซ้ำ

    นี่กะฆ่าให้พวกเราตายหมู่กันหรือไงว๊า ไอ้เตี้ยเอ๊ยยยย!!!

    “งั้นก็รีบอธิบายมาสิว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่”

    ซองมินกอดอกถาม อย่างน้อยเค้าก็อยากจะฟังคำแก้ตัวของทั้งสองคนก่อน แล้วค่อยตัดสินโทษทีหลังก็ยังไม่สาย

    “อ้อ~ แล้วก็อย่าโกหกอีกล่ะ คราวนี้ถ้าจับได้อีก รับรองได้เลยว่า จะไม่มีโอกาสให้เป็นครั้งที่สองหรอกนะ!

    พูดดักคอจอมกะล่อน พร้อมแววตาเด็ดเดี่ยวที่บ่งบอกว่าคนตัวเล็กพูดจริงทำจริงแน่นอน ซึ่งนั่นก็ทำให้ทงเฮที่กำลังคิดจะแหลสด ต้องกลับมานึกทบทวนใหม่ ถึงผลได้ผลเสียจากการยอมบอกความจริงในครั้งนี้

    “คือว่า........”

    และในที่สุดทงเฮก็ตัดสินใจ โดยไม่ฟังการทัดทานด้วยสายตาจากพันธมิตรหน้าหล่อ ...โจคยูฮยอน

    ร่างบางยอมเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้ซองมินได้รับรู้ ไล่มาตั้งแต่ความจริงที่ว่าทงเฮไม่ได้เต็มใจคบกับคิบอม แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อดึงชายหนุ่มให้เข้ามาอยู่ในทีมเป็นการถาวร เพื่อแลกกับการที่เค้าไม่ต้องถูกพี่คังอินไล่ออกจากฝูง(?) ไปจนถึงเรื่องที่เค้ายื่นข้อเสนอให้ทงเฮช่วยจีบซองมินเพื่อแลกกับความลับของคิบอม และแผนการเดทในครั้งนี้

    “เรื่องทั้งหมดมันก็ประมาณนี้แหละ”

    “จริงหรือ ทงเฮ?”

    “อื้มมม” ผงกหัวพร้อมน้ำตาคลอเบ้า น่าสงสัยเหลือเกินว่า ที่มันยอมเล่าความจริง ก็เพื่อจะเรียกคะแนนสงสารจากซองมินหรือเปล่านะ

    “โธ่~~ น่าสงสารจัง” นั่นปะไร ถ้าซื้อหวยคงถูกไปแล้ว!

    คยูฮยอนตบเข่าฉาด เดาไว้ไม่มีผิดว่างูเห่าสารพัดพิษอย่างอีทงเฮน่ะหรือ จะยอมคายความลับมืดดำของตัวเองให้ซองมินฟังซื่อ โดยไม่หวังผล

    ไม่มีทางซะล่ะ!!!

    “ที่ต้องทำไปก็เพราะถูกกดดันนี่เองหรอกเหรอ” สีหน้าบึ้งจึงเมื่อครู่ของซองมินแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงสารและเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ก่อนหันมาเล่นงานคยูฮยอน สั่งน้ำเสียงเฉียบขาด

    “นาย...!!! ช่วยทงเฮเดี๋ยวนี้เลยนะ!

    “หะ...หา??” คยูฮยอนทำหน้าเหรอหรา ไม่เข้าใจว่าซองมินต้องการให้เค้าช่วยอะไรไอ้ตอหม้อเคลื่อนที่ได้กันแน่

    “ไม่ต้องมาหามาเหอเลย ก็นายน่ะบอกว่าจะเล่าความลับของคิบอมให้ทงเฮไม่ใช่หรือไง”

    “แต่ตามสัญญามันต้องช่วยให้ชั้นจีบนายสำเร็จก่อนสิ!” ชายหนุ่มโอดครวญ ร้องขอความยุติธรรม

    “เลิกคิดเรื่องสัญญาบ้าบอนี่ไปได้เลย โจคยูฮยอน”

    “ไม่คิด! แล้วก็ไม่เลิก! จนกว่านายจะยอมเป็นแฟนชั้นนั่นแหละ” ทั้งดื้อด้านและหน้าด้านในเวลาเดียวกัน

    คยูฮยอนยืนยันความตั้งใจของตัวเองอย่างแน่วแน่ โดยไม่ยอมแพ้ต่อการข่มขู่ของซองมิน ขนาดที่ทงเฮยังอดนึกทึ่งในความใจกล้าหน้าด้านของมันไม่ได้

    ช่างเป็นสโตรกเกอร์ที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณความโรคจิตของตัวเองซะเหลือเกิน... นับถือๆ = =b

    “นายกำลังยั่วโมโหชั้นอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?!

    “เปล่า” คยูฮยอนส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมแววตาจริงจังที่จ้องมองซองมิน

    “ชั้นพูดจริงต่างหาก!

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธ หรือเพราะคำพูดประกาศเจตนารมณ์อันร้อนแรงของคยูฮยอนกันแน่ ที่ทำให้แก้มของซองมินซับสีเลือดจางๆเช่นนี้ แต่อย่างน้อยหลักฐานชิ้นสำคัญที่ปรากฏตรงหน้าก็พอจะทำให้คยูฮยอนใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เพราะไม่แน่ซองมินอาจจะหวั่นไหวกับคำพูดของเค้าแล้วก็ได้ ...ไม่อย่างนั้นจะอายจนหน้าแดงขนาดนี้หรือ?

    “สรุปแล้ว นายอยากจะให้ชั้นโกรธที่นายใช้แผนบีบทงเฮให้มาหลอกชั้นต่อไปงั้นสิ?”

    “เห?” คยูฮยอนย่นคิ้ว “ไม่นิ”

    “เพราะถ้านายยอมบอกสิ่งที่ทงเฮต้องการเมื่อไหร่ ก็แปลว่าความผิดครั้งนี้ชั้นจะยอมยกโทษให้นายยังไงล่ะ”

    ฟังเงื่อนไขของซองมินจบแล้วก็ต้องหันหัวเป็นตุ๊กตาไขลาน ไปมองหน้าผู้โชคดีหมายเลขหนึ่งพร้อมกับอาการอ้าปากค้าง แบบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดมันจะกลับกลายเป็นประโยชน์ต่อไอ้จอมแหลอีทงเฮถึงขั้นนี้

    ชาติที่แล้วเมิงทำบุญด้วยอะไรวะเนี่ย ถึงได้มีซองมินคอยให้ท้ายตลอด

    คยูฮยอนถลึงตามองทงเฮที่ยิ้มตาเป็นประกาย เมื่อคิดว่าในที่สุด ก็จะได้รู้ความลับที่จะนำมาใช้แบล็คเมล์คิบอม โดยไม่ต้องทู่ซี้ทำงานเป็นทาสรับใช้คอยช่วยคยูฮยอนให้จีบซองมินติดอย่างที่เคยตกลงกันไว้

    เค้าล่ะอยากจะเข้าไปกระโดดหอมแก้มซองมินซะตอนนี้เสียจริงๆ หากไม่ติดว่าจะโดนทีนของไอ้จงอางหวงไข่ โจซัมติง มันยันออกมาซะก่อนอ่ะนะ = x =

    “จะยอมบอกหรือไม่บอก นายก็เลือกเอาเองล่ะกัน”

    ซองมินยื่นคำขาด ที่สร้างความลำบากใจแสนสาหัสให้คยูฮยอน ชายหนุ่มพ่นลมหายใจผ่านเรียวปากได้รูป แล้วเอ่ยออกมาอย่างเสียไม่ได้

    “ตกลง ...บอกก็บอก” โอ้แม่เจ้า ขนแขนแสตนด์อัพขึ้นมาทันที

    ทงเฮกลั้นลมหายใจด้วยความตื่นเต้นระทึกขวัญ พยายามเงี่ยหูฟังเต็มที่ กะบันทึกสิ่งที่คยูฮยอนพูดออกมาทุกตัวอักษร ไม่ยอมให้ตกหล่นแม้สักคำ

    “ความลับของคิบอมก็คือ............”

    ประหนึ่งว่ามีเสียงดนตรีที่เป็นทำนองงานประกาศผลรางวัลอะไรสักอย่างบรรเลงขึ้นที่ข้างหู และในที่สุดเสียงเพลงนั้นก็จบลงพร้อมๆกับการประกาศอย่างเป็นทางการของคยูฮยอนว่า

     

    “ไม่มี”

     

    “หา?” ทงเฮทำหน้างง พลางเอานิ้วก้อยแหย่เข้าไปแคะขี้หู เผื่อว่าที่เค้าได้ยินเมื่อกี้จะผิดเพี้ยนไป

    “ชั้นบอกว่าไม่มีไงล่ะ” แม้จะได้รับการยืนยันเช่นนั้น แต่ทงเฮก็ยังไม่ปักใจเชื่อสนิท

    ร่างบางหันซ้ายแลขวา มองไปรอบๆตัว ไม่แน่ว่าคิบอมอาจโผล่มาแบบเซอร์ไพรส์อย่างซองมินก็ได้ เลยทำให้ไอ้ซัมติงต้องคอสจิม๋าออกมาแบบนั้น

    แต่หันหัวจนครบ 360 องศาก็แล้ว ก้มมองลอดใต้หว่างขาก็แล้ว ทงเฮก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเล็บตีนของคิบอม ดูท่าว่าที่คยูฮยอนพูดออกมา คงไม่ใช่เพราะคิดจะโกหกซะแล้วล่ะ งื้ออออ~

    “น...นาย” ทงเฮบิดหน้าเหยเก ขณะที่คยูฮยอนโคลงไปมาหัวคล้ายต้องจำใจยอมรับผิด เนื่องจากแผนมันแตกไปหมดแล้วนั่นเอง

    “อืม ใช่ ชั้นหลอกนาย โทษทีนะ แต่หมอนั่นไม่มีจุดอ่อนหรือความลับอะไรให้นายแบล็คเมล์ได้หรอก”

    คยูฮยอนบอกกับทงเฮด้วยท่าทางที่ไร้ซึ่งการสำนึก ผิดกับยามที่พูดกับซองมินลิบลับ เหมือนสวรรค์ชั้นเจ็ด กับนรกขุมที่สิบสาม

    แม่ง เมิงจะสองมาตรฐานเกินไปแล้วนะโว้ยยยย ไอ้หน้าพญาปลวก ซัมติง!!!

    “ฮึก” ขาที่อ่อนแรงทรุดลงเพราะความสะเทือนใจ ซองมินที่เห็นเพื่อนทำท่าเหมือนโลกใกล้จะแตก รีบปรี่เข้ามาปลอบ กลัวมันคิดสั้น  แล้วหันไปต่อว่าคยูฮยอนแทนทงเฮเพื่อนเลิฟ

    “นายขี้โกง คิดจะหลอกใช้ทงเฮตั้งแต่แรกแล้วล่ะสิ”

    “ใช่” คยูฮยอนยอมรับโดยดุษฎี

    “ชั้นมันก็แย่อย่างนี้แหละ ขอแค่ให้ได้นายมา ถึงต้องใข้วิธีการแบบไหนชั้นก็ไม่สน”

    “นายนี่มัน....”

    ซองมินตั้งท่าจะสวนกลับ แต่ถูกทงเฮทำมือเป็นปางห้ามญาติใส่

    “ไม่เป็นไรซองมิน ชั้นมันโง่เอง” ว่าจบก็ทำน้ำตารื้น ส่งเสียงอู้อี้เหมือนมีส้นตีนติดคอก็ไม่ปาน จนคยูฮยอนที่ยืนมองอยู่ถึงกับต้องกรอกตามองฟ้าอย่างเหนื่อยหน่าย

    ไม่แคล้วกุคงโดนซองมินโกรธใส่เพราะอีทงเฮทำสำออยมารยาอีกแหงๆ

    “ไม่จริงหรอก ทงเฮ คนที่ผิดคือหมอนั่นต่างหาก” ซองมินชี้หน้าคยูฮยอนประณามว่าเป็นคนที่ผิดเต็มประตู ก่อนหันไปเอาเรื่องเต็มสตรีมอย่างที่คยูฮยอนคาดเอาไว้ไม่มีผิด

    เฮ้อออ ถ้ามองโลกในแง่ดี โดนด่าเยอะๆ ก็ยังดีกว่าถูกเค้าทำปั้นปึงใส่ล่ะว้า~ ...ชายหนุ่มนึกในใจ ก่อนยอมยืนสงบนิ่งให้ว่าที่ภรรเมียฉะใส่ โดยไม่มีเถียงสักแอะ

    “อ่าว คุณซองมินกลับมาแล้วเหรอครับ”

    ในระหว่างที่ทงเฮกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งชมหน้าเจี๋ยมเจี้ยมที่หดเหลือเพียงนิ้วครึ่งของไอ้วายร้ายจอมลวงโลก โจคยูฮยอน ที่กำลังถูกซองมินดุแทนเค้าอยู่นั่น พ่อนักกีฬาร่างยักษ์ประจำโรงเรียนจุงวาน ก็โผล่มาด้วยสภาพเหงื่อไหลโทรมกาย แต่สีหน้ากลับสดใสยิ่งนัก เมื่อเห็นคนที่ตามหายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมศัตรูหัวใจและสิ่งมีชีวิตเตี้ยๆอีกหนึ่งหน่อ

    “อือ โทษนะ ที่ทำให้ต้องเป็นห่วง”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ” ยิ้มโชว์ฟันที่ถูกคยูฮยอนตั้งฉายาว่า จอบเหล็ก ในใจ ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    “ว่าแต่คุณซองมินหายไปไหนมาหรือครับ ผมตามหาซะทั่วเลย”

    คำถามของแทคยอน สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้แก่ทงเฮและคยูฮยอนเหมือนกัน เพราะตั้งแต่ที่ซองมินโผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พวกเค้าก็ยังไม่ได้รับคำตอบเลยว่า ซองมินหายไปไหน?

    “เราออกมารอพวกทงเฮข้างนอกแล้วเจอกับเด็กหลงน่ะ เลยช่วยตามหาครอบครัวให้ แต่หายังไงก็ไม่เจอ เลยตัดสินใจพาเด็กไปที่ประชาสัมพันธ์ให้เค้าออกประกาศตามพ่อแม่เด็ก ระหว่างนั้นเราก็นั่งรอเป็นเพื่อน จนพ่อกับแม่เค้ามาหาจนเจอกันนั่นแหละ”

    “แล้วทำไมเราโทรไป แต่ซองมินไม่รับสายล่ะ?” ทงเฮท้วง “หรืออย่างน้อยโทรมาบอกกันหน่อยก็ยังดี เราเป็นห่วงมากเลย รู้มั้ย?”

    “อ๊ะ! จริงเหรอ ขอโทษนะ ทงเฮ สงสัยว่าช่วงนั้นจะวุ่นๆจนลืมโทรบอก แถมเรายังเอามือถือไว้ในเป้อีกต่างหาก เลยไม่ได้ยินเสียงล่ะมั้ง”

    “อืม แต่ชั้นสงสัยอยู่อย่างนึงนะ” คยูฮยอนที่ยืนฟังมาโดยตลอดเอ่ยขึ้นบ้าง “ถ้าซองมินอยู่ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสวนสนุก แล้วทำไมตอนชั้นไปประกาศหานาย เราถึงไม่เจอกันล่ะ”

    ซองมินเหลือบมองหน้าคยูฮยอนอย่างเคืองๆ ก่อนยอมเอ่ยแบบเสียไม่ได้

    “ตอนที่นายเข้ามาโวยวายประกาศหาคนหาย ชั้นก็อยู่ด้านในนั่นแหละ แต่พอกำลังจะออกไปบอกนายว่า ชั้นอยู่นี่ นายก็ดันวิ่งพรวดออกไป ไม่ฟังเสียง ...ชั้นเลยต้องไปอธืบายกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ต้องหาแล้วเพราะคนที่นายกำลังตามหาอยู่ก็คือชั้น แล้วค่อยออกวิ่งตามนายมา จนถึงที่นี้นั่นแหละ”

    ในที่สุดความสงสัยทั้งหมดก็กระจ่าง มิน่าล่ะ ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมซองมินถึงเข้ามาได้ยินที่พวกเค้าคุยกันได้ประจวบเหมาะขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง

    ทงเฮรับฟังพร้อมพยักหน้าหงึกงัก จะว่าไปแล้วพอรู้ความจริงว่าโดนไอ้ซัมติงหลอกเข้า เค้าก็ไม่ได้ช็อคหรือเสียใจมากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่อดกำความลับของคิมคิบอม ให้คนที่เคยแต่อยู่เหนือผู้อื่นอย่างหมอนั่น ต้องตกเป็นเบี้ยล่างเค้าบ้าง เท่านั้น

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด ไอ้มนุษย์ที่บังอาจมาหลอกลวง ท่านทงเฮผู้นี้ มันจะต้องได้รับบทลงโทษ (จากซองมิน) อย่างสาสม วะฮะฮ่าๆๆๆ

    “อย่างนี้เองเหรอครับ” แทคยอนเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พยักหน้ารับรู้คำบอกเล่าของซองมิน

    “ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังช่วยหน่อย นึกว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับคุณซองมินเสียอีก โล่งอกไปที” ว่าแล้วก็ถอนหายใจโชว์ว่าโล่งอกโล่งใจตามที่พูดขนาดไหน ก่อนที่เจ้าหนูจำไม อ๊คแทคยอน จะเกิดคำถามขึ้นมาอีก

    “แล้วคุณคิบอมล่ะครับ ยังไม่มาเหรอ?” เมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่หายไปตามหาซองมิน แล้วยังไม่กลับมา ทุกคนก็ส่ายหัวกันอย่างพร้อมเพรียง ประมาณว่าไม่รู้ไม่เห็น

    “จริงสิ! งั้นทงเฮโทรตามเลยดีกว่านะ” ซองมินเสนอความเห็น “บอกคิบอมว่าเจอเราแล้ว ให้กลับมาได้เลย”

    “เอ่อ..........” ทงเฮร้องเอ่ออ่าในลำคอ ก่อนยอมเฉลย

    “ไม่มีเบอร์อ่ะ แหะๆ” ได้ยินแล้วก็เพิ่งจะเก็ท ว่าทงเฮกับคิบอมเป็นแฟนกันแบบหลอกๆ เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะเป็นไปได้ที่ทงเฮจะไม่มีเบอร์มือถือของอีกฝ่ายจริงๆ

    “อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ เป็นแฟนกันแต่ไม่มีเบอร์กันเนี่ย มันออกจะดูแปลกๆอยู่น้า”

    “ไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย” ทงเฮหันไปด่าแทคยอนอย่างไม่ไว้หน้า แล้วหันไปบอกกับคยูฮยอน

    “โทรหาเพื่อนนายสิ”

    คยูฮยอนยักไหล่ ไว้ท่าน้อยๆ แต่ก็ยอมทำตามที่ทงเฮขอร้องแกมสั่งแต่โดยดี  ...ก็ลองไม่ยอมทำ แล้วกวนตีนไอ้เตี้ยกลับดูสิ มีหวังคงโดนซองมินเกลียดไปอีกร้อยชาติแหงมๆ

    เฮ้ออออ คนหล่อเซ็ง   =__________=*

     

    *******************

     

    หลังจากให้คยูฮยอนโทรไปแจ้งข่าวกับคิบอมเสร็จแล้ว ทั้งหมดก็ยังคงปักหลักรออยู่แถวนั้น เนื่องจากคิบอมเป็นคนบอกเองว่าจะเดินกลับมารวมกลุ่มที่นี่ ทำให้ทุกคนตกลงใจกันว่าจะรออยู่ตรงจุดนัดพบ จะได้ไม่หลงกันอีก

    “แล้วทำไมหมอนั่นไม่บอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหนล่ะ พวกเราจะได้เดินไปหา ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรอกัยอยู่อย่างนี้”

    จะมีก็แต่ทงเฮเท่านั้น ที่คัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับการมานั่งแกร่วรอ ซองมินเลยต้องพยายามพูดกล่อมให้เพื่อนใจเย็นลง พร้อมแจงเหตุผลที่เค้าเห็นด้วยกับความคิดของคิบอม

    “แต่เราว่าคิบอมพูดถูกแล้วนะ เดินไปเดินมา เดี๋ยวก็คลาดกันพอดี แล้วจะยิ่งเสียเวลาเข้าไปใหญ่นะ”

    ทงเฮจิ๊ปากเบาๆ ที่ซองมินไม่ยอมเข้าข้าง ก่อนยอมกระแทกตูดนั่งกระดิกเท้ารอคุณผัวกำมะลอ ที่ยังไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเสียที

    ฮึ่มมม!!! หายหัวไปอยู่ไหนวะ...ชักจะเริ่มหงุดหงิดแล้วนะเฟ้ยยย

    “นั่นไง มาแล้วๆ” คยูฮยอนร้องขึ้น เมื่อเห็นเงาร่างของคิบอมเดินมาลิบๆ เรียกความสนใจจากทงเฮที่กำลังชะเง้อคอมองหาเจ้าของชื่อที่คยูฮยอนขานเรียกได้มากโข

    “แต่นั่นใครหว่า?” ชายหนุ่มพึมพำกับตัเวอง เพราะนอกจากเพื่อนตัวเองที่กำลังเดินมาทางนี้แล้ว ก็มีอีกหนึ่งร่างของใครอีกคนที่เดินมาพร้อมๆกับคิบอมเช่นกัน

    แถมยังดูท่าทางสนิมสนมเกินกว่าจะเป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักซะด้วยสิ

    คยูฮยอนคิดในใจ ก่อนเหลือบมองไอ้เตี้ยที่ยืนอยู่ข้างๆ อยากจะเห็นปฏิกิริยาของทงเฮเหลือเกิน ว่าจะทำอย่างไรกับภาพที่เห็นตรงหน้า หึหึ

    “คนรู้จักของคิบอมล่ะมั้ง”

    ซองมินพยายามช่วยพูดให้ทงเฮคิดในแง่ดี แต่แทคยอนกลับซื่อจนเซ่อ เอ่ยค้านซองมินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    “โห คนรู้จักประเทศไหนครับเนี่ย ถึงเดินกอดแขนแฟนคนอื่นแบบหน้าไม่อายอย่างนั้น ผมว่านะ ต้องเป็น ...กิ๊...โอ๊ย!” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซองมินเหยียบขยี้เข้าที่ปลายเท้าโดยแรง ทำเอาคนตัวโตถึงกับร้องโอย กระโดดเหย็ง  ก่อนยอมรูดซิปปากเพราะถูกสายตาดุๆของซองมินส่งมาข่มขู่ให้เงียบเสียงไปซะ

    “หึ” คยูฮยอนยกยิ้มสะใจ ที่คู่ต่อสู้โดนเข้ามั่ง แต่ไม่นานความสนใจก็วกกลับมาที่เพื่อนสนิทอีกครั้ง เพราะเค้าสงสัยเหลือเกินว่า คนที่มากับคิบอมนั้นเป็นใครกันแน่?

    “เอ๋?” แต่พอเริ่มมองเห็นใบหน้าของคนๆนั้นในระยะใกล้ ความสงสัยของคยูฮยอนก็ค่อยๆหายไป พร้อมกับความหนักใจที่เริ่มเข้ามาแทนที่

    “อีทงเฮ” เค้าหันไปเรียกชื่อคนที่จ้องไปข้างหน้าเขม็ง ไม่กระพริบตา จะว่าเหมือนคนถูกสาปให้เป็นหินก็ไม่ผิดนัก

    ชายหนุ่มเห็นแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ นี่หรือที่ว่าไม่ได้ชอบเพื่อนเค้า? แค่สีหน้าตกตะลึงแกมผิดหวังที่คยูฮยอนเห็น ก็เป็นสิ่งที่การันตีได้อย่างดี ว่าคนปากแข็งอย่างทงเฮกำลังรู้สึกอย่างไร

    ปากสุนัขเรียกพ่อไม่พอ ยังแข็งเรียกลุงอีกต่างหาก ไอ้เตี้ยเอ้ยยยยย

    คยูฮยอนแอบด่าในใจ ถึงแม้ว่าเค้าจะหลอกใช้ทงเฮเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์อย่างที่ตัวเองต้องการ  แต่ครั้งนี้เค้าจะช่วยบอกสถานะของคนๆนั้นให้ทงเฮรับรู้ไว้ จะได้ทำใจได้ง่ายๆ เพื่อเป็นการไถ่โทษล่ะกัน

    “คนที่มากับคิบอมน่ะคือ............”

    “นายไม่ต้องบอกหรอก” ทงเฮสะบัดหน้าไปอีกทางเหมือนไม่อยากเห็นมันอีกต่อไป

    “ชั้นไม่ได้อยากรู้เรื่องของหมอนั่นสักหน่อย”

    “..........”

    “ยัยนั่นจะเป็นใคร มีความสัมพันธ์กับคิบอมยังไง มันก็เรื่องของสองคนนั้น ไม่เกี่ยวกับชั้นสักนิด”

    ทงเฮพูดราวไม่ใส่ใจ ขณะที่กำมือเกร็งแน่น จนเล็บที่พี่แจจุงบรรจงตัดให้อย่างประณีตจิกเข้าไปในอุ้งมือนิ่ม แต่เค้ากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บตรงนั้นเลยแม้แต่น้อย

    มีเพียงความเจ็บปวดบนหน้าอก ที่ทรมาน จนแทบหายใจไม่ออกเท่านั้น ที่เค้ากำลังรู้สึกยามมองภาพเบื้องหน้า

    “อืม นั่นสินะ” คยูฮยอนเข้าใจง่ายเกินคาด ชายหนุ่มผงกหัวนิดๆ อย่างยอมรับการตัดสินใจของทงเฮ

    “ก็นายไม่ได้ชอบเพื่อนชั้นจริงๆนี่นา คนๆนั้นจะเป็นใคร นายก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลยเนอะ”

    “โจคยูฮยอน!” ซองมินร้องเสียงหลง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจพูดประชด

    “หรือว่าที่ชั้นพูดมันไม่จริง หืม? ซองมินอา”

    พอถูกถามจี้ใจดำอย่างนั้น ซองมินก็ไม่รู้จะตอกกลับคยูฮยอนอย่างไรเหมือนกัน เพราะแม้ว่าสิ่งที่ทงเฮเล่าให้ฟังว่าไม่เคยชอบคิบอมจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ซองมินก็คิดว่า ไม่แน่บางที ทงเฮอาจจะกำลังโกหกตัวเองอยู่ก็เป็นได้

    ใครจะรู้?

    “พูดเรื่องอะไรกันครับเนี่ย ผมงงไปหมดแล้ว” แทคยอนทำหน้ามึนตึ้บ เพราะตามเรื่องไม่ทัน แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะอธิบายไขความกระจ่างให้ฟังสักคน

    เออ ใช่ซี้~~ กูมันตัวประกอบค่าตัวถูกนี่หว่า ถึงไม่มีใครสนใจกู๊!! ฮือๆ T T

    ทั้งสี่ตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งคิบอมและหญิงสาวอีกคนเดินมาหยุดตรงกลุ่มของพวกเค้าในที่สุด

    “โทษทีนะที่ช้า” คิบอมเอ่ยเรียบๆตามสไตล์ แต่ก็ไม่มีใครมีแก่ใจพอจะต่อว่า เพราะทุกความสนใจกำลังพุ่งตรงไปยังหญิงนิรนามที่พวกเค้าไม่รู้จัก

    หล่อนคลี่ริมฝีปากสีกุหลาบเป็นยิ้มอ่อนหวาน คล้ายเขินนิดหน่อยที่กำลังถูกชายหนุ่มทุกคนจ้องมองเหมือนเป็นของแปลก และคิบอมเองก็ไม่มีท่าทีจะแนะนำคนข้างตัว ให้ทุกฝ่ายคลายความขัดเขินต่อกันเลยแม้แต่น้อย คยูฮยอนจึงจำเป็นต้องช่วยทำการแนะนำให้ ตามหน้าที่ของเพื่อนที่ดี(?)

    “เอ่อ ทุกคนนี่คือ.....”

    “ชอลลี่ค่ะ” หล่อนชิงแนะนำตัวเองด้วยความมั่นใจก่อนที่คยูฮยอนจะทันได้ทำหน้าที่

    ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนซี้แวบนึงด้วยความลำบากใจ ก่อนจะได้รับคำตอบเป็นอาการเฉยชาจากคิบอมผู้เยือกเย็น ...สรุปคือ ไม่ต้องให้กุยุ่งเรื่องของเมิงใช่มั้ย? ด้ายยยยย เดี๋ยวคยูจัดห้ายยยยยย

    “ชอลลี่เพิ่งกลับมาจากอังกฤษค่ะ แล้วได้ข่าวว่าวันนี้พี่คิบอมมาเที่ยวกับเพื่อนๆที่นี่ ชอลลี่เลยตามมาด้วย ไม่ทราบว่าพวกพี่ๆจะว่าอะไรมั้ยคะหากชอลลี่จะขอรวมกลุ่มเที่ยวด้วยอีกคน เพราะชอลลี่ไม่ได้เที่ยวสวนสนุกมานานแล้ว” พูดไปก็แจกยิ้มเรี่ยราด ราวกับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสา จนทงเฮรู้สึกขัดใจ

    หนอยยย ผู้หญิงอะไรตัวโตอย่างกับเด็กยักษ์ สูงกกว่ากุเกือบคืบแน่ะ ทั้งที่ใส่แค่รองเท้าผ้าใบเนี่ยนะ?! -*- ชิส์

    ทงเฮบ่นกระปอดกระแปดในใจ ก่อนลอบสังเกตใบหน้าของหญิงสาวที่มากับคิบอมอีกครั้ง และหากไม่ใส่อคติมากจนเกินเหตุ ยัยชอลลี่ ชอลล่า อะไรนั่น ก็หน้าตาดีใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่

    หล่อนมีดวงตากลมโตเป็นประกาย รับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูสด และจมูกโด่งสวยได้รูป วงหน้ารูปไข่กับผิวเนียนขาวราวน้ำนม แล้วไหนจะส่วนสูงที่เกินมาตรฐานหญิงเกาหลี จนนำมาซึ่งความอิจฉาตาร้อนผ่าวของชายเกาหลีร่างเตี้ยอีกล่ะ สรุปแล้วไม่ว่าจะมองที่ส่วนไหน ยัยชอลลี่ ก็เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง

    ....และที่สำคัญ หล่อนดูเหมาะสมกับคิบอมยิ่งกว่าใครๆ

    แม้กระทั่งแฟนกำมะลอขี้โวยวายจอมเจ้าเล่ห์อย่างเค้าก็ไม่มีอะไรจะไปสู้เธอได้เลย….

    “อ่า ได้สิครับ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” อ๊คแทคยอนทำหน้าแป้นแล้นเซ็นอนุมัติอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดแม้แต่จะถามความเห็นเพื่อนร่วมก๊วนสักคน

    ไอ้นี่มันนอกจากจะซื่อแล้วยังบื้ออีกนะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ!!!

    “อ๊ะ ขอบคุณมากนะคะ พี่.........”

    “แทคยอนครับ อ๊คแทคยอน”

    “ค่ะ พี่แทคยอน” ชอลลี่ยิ้มรับ ก่อนหันมาถามชื่อจากคนอื่นๆบ้าง “แล้วพวกพี่ล่ะคะ?”

    “อีซองมิน” ซองมินบอกตามมารยาท ขณะที่ทงเฮเม้มปากเงียบไม่ยอมตอบ คนตัวเล็กเลยต้องทำนหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทน “ส่วนคนนี้ชื่ออีทงเฮน่ะ”

    “อ้อ~ อีทงเฮ .....ที่แปลว่าทะเลตะวันออกหรือเปล่าคะ?”

    “...........” ยังไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียกเช่นเคย

    ทงเฮหลุบตาต่ำมองพื้น จะว่าเค้าไร้มารยาทมันก็ไม่ผิดนัก เพราะตอนนี้เค้ารู้สึกไม่อยากมองหน้าหญิงสาวคนนี้สักเท่าไหร่ เลยทำให้ฝืนใจทักทายออกไปอย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้ก็เท่านั้น

    “ไม่สบายหรือเปล่า หืม??”

    คิบอมยื่นมือเข้ามา หสวังจะทาบทับกับแก้มนิ่มเพื่อวัดอุณหภูมิให้ แต่ทงเฮกลับปัดมันออก พร้อมเอ่ยตะกุกตะกัก

    “ชั้น...สบายดี...แต่เบื่อแล้ว......จะกลับบ้าน”

    โคตรจะเป็นเหตุผลที่เอาแต่ใจตัวเองมากๆ ทงเฮรู้ว่ากำลังตัวเหมือนเบบี๋จอมงอแง แต่ก็หยุดอารมณ์เหมือนหญิงประจำเดือนมาไม่ปรกติอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ ให้ตายเถอะ!!

    “ถ้าทงเฮกลับ เราก็จะกลับเหมือนกัน ไปกันเถอะ” แนวร่วมตัวขาวนามอีซองมิน บอกพลางเดินไปคล้องแขน พาทงเฮเดินออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของคยูฮยอนหรือใครทั้งสิ้น

    “อ๊ะ! รอด้วยสิครับ คุณซองมิ๊นนนนนนนนนนนน”

    อ๊คแทคยอนที่ยังไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้ถูก รีบวิ่งตามพวกซองมินไป แม้ในใจจะอดนึกเสียดายสาวงามอย่างคุณหนูชอลลี่ไม่ได้ แต่ยังไงเค้าก็ยังรักมั่นต่อซองมินแต่เพียงผู้เดียวอยู่ดี

    เพราะฉะนั้นการตามซองมินไปนั่นแหละ เป็นหนทางการแสดงออกถึงความจกรักภักดีที่สุดแล้ว อิอิ

    “ทำไมไม่ตามไปล่ะคะ” ชอลลี่กอดอกถามคิบอมที่มองคนที่เดินจากไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมาจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก

    “หรือว่ากลัวชอลลี่จะโกรธ?”

    “.................”

    “นั่นสินะ ก็พี่คิบอมยังมีความผิดติดตัวอยู่นี่นา ถ้ายังกล้าตามไปอีก คราวนี้ชอลลี่จะไม่ให้อภัยแล้ว จริงๆนะ”

    หล่อนยกยิ้มที่เคลือบแววคุกคาม แต่คิบอมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และนั่นยิ่งเป็นทำให้ชอลลี่กดยิ้มลุ่มลึกเข้าไปอีก

    “คนดี~” หล่อนกล่าวชมเชย แล้วก้าวเข้าไปหาชายหนุ่ม ก่อนกดริมฝีปากสีสดลงไปบนแก้มของคิบอมอย่างถือสิทธิ์ โดยไร้ซึ่งความเคอะเขินใดๆ

    “อึก!” คยูฮยอนที่ยืนมองอยู่ตรงนั้น ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากเย็น

    ยังดีที่อีทงเฮกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหากมาเห็นฉากนี้เข้าคงชักตาตั้ง เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากำเริบอย่างแน่นอน!

    “อ้อ แล้วก็สวัสดี พี่คยูฮยอนด้วยนะคะ” หันมากล่าวทักทายคยูฮยอนด้วยสีหน้าไร้เดียงสา จนคนมองขนลุกวาบ เพราะแววตาชีไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่แสดงออกด้วยเลย

    นางมารร้ายชัดๆ!!!

    “ชอลลี่หวังว่าพี่คยูฮยอนก็จะเข้าข้างชอลลี่เหมือนกันนะคะ ไม่อย่างนั้น คุณอีซองมินที่น่ารักคนนั้นก็อาจจะ.......”

    “อืมมมม เข้าใจแล้ว” คยูฮยอนรีบตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ ยัยนี่ น่ากลัวชะมัด!!! แค่เจอกันไม่ถึงสามนาที ก็ดูออกแล้วว่าซองมินคือจุดอ่อนของเค้า

    ที่หายไปเรียนที่อังกฤษตั้งหลายเดือนนี่ไม่ได้ช่วยดัดสันดานกันเลยหรืออย่างไร

    ทำไมถึงยังเป็นคนแบบเน้~~~~ ยัยปีศาจ  =[ ]=*

    “หึๆ“ ชอลลี่หัวเราะเบาๆอย่างสมใจ แต่เสียงหัวเราะกลับต้องหยุดชะงักไป เมื่อคิบอมเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าว ดุดัน 

    “แต่อย่าให้มันมากเกินไปล่ะ ไม่อย่างนั้น......”

    “ไม่อย่างนั้น.....?” หญิงสาวทวนคำขู่ด้วยสีหน้าท้าทาย

    “แล้วเราจะได้เห็นดีกันไงล่ะ!” ว่าแล้วก็เดินผละออกไปอย่างไร้ซึ่งเยื่อใยผิดกับขามา ส่วนคยูฮยอนก็ไม่ขออยู่ให้ถูกเพ่งเล็งเป็นรายต่อไป ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินตามเพื่อนรักไปทันที

    ชอลลี่ยิ้มเยาะไล่หลัง ท่าทางหงุดหงิดของเจ้าชายที่ขึ้นชื่อว่าไร้หัวใจอย่างคิบอม

    ดวงตากลมโตวาวโรจน์ไปด้วยกองไฟขนาดมหึมา ก่อยเอ่ยพึมพำ

    “ใช่ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ..อีทงเฮ!

     

    TBC.


    ตอนนี้แอบดราม่า ผิดคอนเซ็ปต์ฟิค ...ชอลลี่ออกมาแบบโคตรร้าย ผิดกับภาพลักษณ์สุดๆ ไม่รู้จะโดนแฟนคลับเอฟเอ็กซ์โกรธเอามั้ย? แต่มันเป็นแค่ฟิคเน้อ อย่าถือโทษโกรธเคืองกันเลยนะจ้ะ อิอิ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×