ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] First Kris First Kiss (Kris x Suho)

    ลำดับตอนที่ #19 : CHAPTER 17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 655
      2
      3 เม.ย. 56

    CHAPTER 17

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนหลับไม่ได้...

     

    แต่แล้วที่ตื่นขึ้นมาตอนนี้คืออะไรกัน

     

     

    ถามมาได้! คือหลับไงพยอนแบคฮยอน!!!

     

     

     

    ร่างเล็กรีบลุกจากเก้าอี้โดยที่ไม่ได้ดูนาฬิกาก่อน .ในมือมีโทรศัพท์ สองตามองพร้อมกับแตะหน้าจอมันไม่กี่ครั้งเพื่อเรียกหาไปยังเบอร์เป้าหมายปลายทาง เขาใช้เวลาระหว่างหยิบผ้าผ่อนเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันโทรหาจุนมยอนไปด้วย แต่แล้วก็ไม่มีการตอบกลับใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะรับ หรือโทรกลับ

     

    วินาทีนั้นแบคฮยอนจึงตัดใจวางโทรศัพท์เอาไว้ แล้วก็รีบอาบน้ำด้วยความเร็วแสง

     

    ตั้งแต่เมื่อคืนคนตัวเล็กได้คำนวณไว้แล้ว จากเวลาที่เหลือตอนนั้นจนถึงเวลาส่งงานกับปริมาณของงานที่เหลืออยู่ ก็ได้ข้อสรุปว่าแค่เพียงชั่วโมงเดียวแบคฮยอนก็ไม่อาจงีบได้ เพราะนั่นจะหมายถึงว่างานของเขาก็จะไม่เสร็จไปด้วย แต่นี่ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงกันที่เขามัวแต่เอาหัวปักลงไปกับงานที่กองเต็มโต๊ะ

     

    แบคฮยอนหลับ...หลับเอาเป็นเอาตายซะด้วยสิ เมื่อตื่น ...คนเดียวที่เขานึกถึงคือจุนมยอน...เห็นจะมีเพียงจุนมยอนคนเดียวที่จะช่วยได้

     

    แบคฮยอนมั่นใจว่าจุนมยอนจะทำงานของตัวเองเสร็จ และถึงแม้จะไม่สามารถช่วยในตัวงานของเขาได้จริงๆแล้วล่ะก็... อย่างน้อยก็ขอแค่ได้เห็นตัวอย่างงานที่สมบูรณ์แบบ(ซึ่งเขามั่นใจมากว่าจุนมยอนจะต้องมีให้ดู)ซักหน่อยเหอะ ดูเอาไว้ เพื่อไว้ใช้เป็นแนวทางบ้างก็ยังดี

     

    เพิ่งจะดูนาฬิกาจากโทรศัพท์มือถือครั้งแรกก็ตอนที่พ้นออกมาจากบ้านแล้ว อาจเพราะรีบมากจนลืมสวมนาฬิกาข้อมมือ แบคฮยอนจึงจำเป็นต้องดูเวลาจากโทรศัพท์  และเมื่อยังโทรออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่จุนมยอนยังไม่รับอยู่เหมือนเดิม แบคฮยอนก็เริ่มร้อนใจ

     

     

    ทำไมถึงไมรับ ...ด้วยเวลาขนาดนี้ แบคฮยอนไม่เชื่อว่าจุนมยอนจะยังไม่ตื่น

     

     

    แบคฮยอนไม่ได้สันนิษฐานเอามั่วๆแน่ๆ เพื่อนเขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครรอสายนานๆ หรือต้องกระหน่ำโทรซ้ำซากไปเรื่อยๆอย่างนี้ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นหลังจากเห็นเห็นมิสคอลล์มากมายถึงขนาดนี้ จุนมยอนก็คงจะรีบโทรกลับทันที ยกเว้นแต่เวลาที่เข้าเรียน ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานแรกที่แบคฮยอนตัดทิ้งไปได้เลย เป็นไปไม่ได้ว่าจุนมยอนจะมีเรียนตอนนี้ เพราะพวกเขามีเรียนพร้อมกันเสมอ ซึ่งเวลาตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มีเรียนเสียหน่อย จะเรียนอีกทีก็บ่ายๆนู่น หรือถ้าเป็นในยามที่ไม่ว่าง ทำธุระอะไรสำคัญที่ไม่อาจปลีกตัวได้ จุนมยอนก็คงปิดเครื่องไปเลย

     

    หรือว่าความจริงแล้ว มันอาจไม่ได้มีอะไรหรอก...บางทีเขาอาจจะแค่ใจร้อนไปเอง เป็นกังวลไปเอง เพราะแบคฮยอนจะไม่มีงานส่ง จุนมยอนน่ะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะพาเขาให้ผ่านเอฟไปได้ ถึงตอนนี้ แบคฮยอนก็เลยรู้สึกวุ่นวายมากเกินไปมากหน่อย

     

     

    แต่ทว่าเหตุผลของเขาคงมันเปลี่ยนไปแล้วมั้ง แบคฮยอนแทบลืมว่าจุดประสงค์แรกของการโทรหาจุนมยอนในวินาทีแรกนั้นคืออะไร ก็ตอนนี้น่ะ เด็กหนุ่มเป็นห่วงจุนมยอนเหนือไปกว่างานที่ถ้าไม่ส่งนั่นอาจะหมายความได้ถึงว่าเขาต้องเรียนซ้ำนั่นแล้วกระมัง

     

     

    ร่วมๆชั่วโมงกว่าแบคฮยอนจะเดินทางมาถึงหอพักของจุนมยอนได้ แม้บ้านที่อาศัยอยู่จะไม่ได้ไกลจากหอพักหลังมหาวิทยาลัยมากนัก แต่ในเวลาเร่งด่วนที่บนท้องถนนเต็มไปด้วยรถที่แน่นถนัดเต็มทุกเลน กว่าจะฝ่ามรสุมรถติดไปได้ ก็เล่นเอาแบคฮยอนนึกอยากจะวิ่งด้วยขาทั้งคู่ของตัวเอง และถ้าไม่ติดว่ามันจะเหนื่อยแล้วล่ะก็...แบคฮยอนคงได้ทำจริงๆ

     

    ถึงใต้หอพัก ก็ยังจะโทรออกไปซ้ำ...

     

    แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม

     

    อ๋า...ให้ตายสิ! จุนมยอนทำไมไม่รับนะ

     

     

    สองขาก้าวรวดเร็วเท่าใจคิด วิ่งพรวดรวดเดียวจนขึ้นไปถึงชั้นที่เพื่อนตัวเล็กที่สนิทที่สุดในชีวิตอาศัยอยู่ แบคฮยอนหอบแฮ่ก ก้มหน้าเดินเพื่อยุ่งอยู่กับโทรศัพท์เพียงอีกไม่กี่อึดใจ เขาก็ส่งมันเข้าไปอยู่ในกระเป๋ากางเกงให้อยู่ในที่ของมัน ตอนนั้นได้ยินเสียงประตู แต่ก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเปิดหรือปิด เพื่อค้นหาคำตอบ เขาถึงได้เงยหน้ามองไปตามเสียงที่ได้ยิน ทว่าภาพที่เห็นทำให้สองขาก้าวไม่ออกอีกต่อไป...

     

    จุนมยอนกำลังงับประตูปิดอย่างเบามือ แต่ที่ทำให้แบคฮยอนแปลกใจจนก้าวขาไม่ออก ก็เห็นจะเป็นเพราะว่า ไอ้เจ้าบานประตูที่ว่านั่นไม่ใช่ห้องของเพื่อนเขาน่ะสิ

     

    แต่...เป็นห้องของคริส!

     

    จุนมยอนยังไม่เห็นเขาในทันที แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอ นิ่งมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ เสี้ยวอึดใจจุนมยอนก็มีลักษณะท่าทางไม่แตกต่างกัน หลังจากที่มองตรงมาแล้วพบว่าเป็นเขาที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนี้

     

    แบคฮยอนอึ้งอยู่ก็จริง และแม้ว่าอยากจะโกรธที่เพื่อนทำให้ตัวเองเป็นห่วงถึงขนาดรีบแจ้นมาดูให้เห็นกับตาว่ายังสบายดีอยู่มั้ย แอบเผลอนึกไปแล้วด้วยว่าจะโดนฆ่าหมกปาดคอชิงทรัพย์ทิ้งศพไว้ในห้องน้ำซะแล้วด้วยสิ แต่พอมาถึง ...ภาพที่ตอบแทนให้กับความเป็นห่วงของเขาคือ ...ภาพของจุนมยอนที่เดินออกมาจากห้องคริสเนี่ยนะ

     

    ช็อค คือคำที่อาจจะจำกัดความรู้สึกของแบคฮยอนได้ตอนนี้ ...เขาไม่คิดว่าจุนมยอนจะกล้าทำถึงขนาดนี้ เพื่อนที่เรียบร้อย อ่อนหวานที่เขาเห็นมาจนเกือบตลอดชีวิต ที่แท้ก็...

     

    แม่เสือสาวดีๆนี่เอง

     

    สารภาพว่าแบคฮยอนเผลอคิดอกุศลไปแล้ว ...แม้จะมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเพื่อนตัวเองไม่มีทางทำแบบนั้นได้ก็เถอะ ไม่รู้แล้วว่าอะไรยังไง แต่เพราะมันผิดคาด ผิดไปจากจุนมยอนคนเดิม คนที่เขารู้จักมาจนเกือบทั้งชีวิต ภาพที่เห็นสามารถเดาไปได้ต่างๆนาๆ และในหัวของแบคฮยอนก็ดันมีแต่ความคิดที่ว่าอยากจะล้อให้เพื่อนอายเท่านั้นด้วยน่ะสิ

     

     

    บนดวงหน้าน่ารักของแบคฮยอนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แทนที่จะตีหน้าเคร่งด้วยความโกรธแค้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     

     

    “ไม่ได้มาหลายวัน เดี๋ยวนี้อยู่หลายห้องละเหรอ ตอนเย็นกลับมาเข้าห้องนี้ แต่ไหงเช้าถึงออกจากห้องนั้นซะได้ล่ะ”

     

     

    “บ...เบค่อน” จุนมยอนไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อหลักฐานมันก็มัดตัวเสียขนาดนี้ ต...แต่ว่า จุนมยอนก็ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อยนี่

     

    ก็แค่มาขอความช่วยเหลือ ...รู้งี้บอกแบคฮยอนตั้งแต่เมื่อคืนซะแล้วก็ดี

     

    “ไวไฟไม่เบาเหมือนกันนะเรา”

     

     

    “เบค่อน!” ไม่รู้ว่าหน้าแดงด้วยความเขินหรือโกรธกันแน่ แต่น้ำเสียงที่ติดกระเง้ากระงอดก็พอเดาๆได้ว่า ไม่อยากให้แบคฮยอนพูดหยอกเย้าเสียเท่าไร

     

     

    นั่นแหละแค่เรียกขาน แล้วจุนมยอนก็เดินเข้ามาแปะรายงานเข้ามาที่หน้าอก ไม่ได้สนใจอะไรกับรายงานจนแบคฮยอนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแทบจะจับมันเอาไว้ไม่อยู่

     

    “เสร็จแล้ว! จะลอกก็ลอก” แล้วจุนมยอนก็เดินเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป โดยที่ปล่อยให้แบคฮยอนยืนหัวเราะอยู่คนเดียว

     

     

     

     

    “เดี๋ยวฉันอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ”

     

     

    แบคฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือ เขาลองนั่งเปิดรายงานที่มีเพียงห้าหน้าของจุนมยอนดูคร่าวๆ แล้วก็จับจุดได้ตอนนั้นว่าตัวเองต้องทำอะไร ระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ

     

    “เพราะงี้นั่นเอง ...ถึงไม่รับโทรศัพท์เสียที” หยิบโทรศัพท์เครื่องบางมาไว้ในมือพร้อมทั้งชูให้เจ้าของที่ไม่เหลียวแลมันเลยดู

     

     

    “โห...นี่ฉันโทรหานายตั้งห้าสิบกว่ามิสคอลล์เลยเหรอ” หลังจากมองหน้ากัน แบคฮยอนถึงได้เห็นว่าจุนมยอนตาโตพร้อมกับส่งเสียงอุทานราวกับไม่อยากเชื่อออกมา

     

    “โทรมาทำไมตั้งเยอะแยะ”

     

    “เอ้า ก็นายไม่รับซะที ฉันก็เป็นห่วงสิ แต่ขอโทษเหอะ ...เพื่อนกลับไม่ได้เป็นอะไร แถมยังดูท่าจะมีความสุขล้นเหลือด้วยเสียอีก”

     

     

    จุนมยอนหงอยไปอย่างเห็นได้ชัด แบคฮยอนที่เห็นก็รู้สึกเอ็นดูอย่างหาที่สุดไม่ได้ ก็แทนที่จะจับได้ว่าตัวเองกำลังถูกเพื่อนล้อให้อายม้วนต้วน จุนมยอนดันไปเกิดความรู้สึกผิดเอาเสียได้นี่

     

    “ง่า...ฉันขอโทษ ...ฉันไม่ได้...”

     

     

    โธ่...เพื่อนของแบคฮยอนคนนี้นี่จริงๆเลยเชียว

     

     

    “ไม่เป็นไร ...นายไม่ต้องขอโทษหรอก แต่ก็ช่วยพกโทรศัพท์หน่อย แม้ตอนนั้นจะเป็นเวลาที่อี๋อ๋อกับคริสก็เถอะ”

     

     

    จุนมยอนคงสะดุ้งกับถ้อยคำบางถ้อยคำในประโยคนั้น ...หน้าทั้งหน้าแดงแจ๋ขึ้นมาทันที

     

     

    “ฉันไม่ได้อี๋อ๋อ!

     

    “อี๋อ๋อคืออะไรนายรู้ด้วยเหรอ”

     

    “ไม่รู้...แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายคิดแล้วกัน”

     

    “แล้วฉันคิดอะไร”

     

    “ก็...” กำลังจะอ้าปากเถียง ก็ต้องปิดปากอมลม พลางพ่นลมหายใจออกทางจมูกแทน ไม่เอาแล้ว จุนมยอนไม่คุยกับคนขี้แกล้งแล้ว!

     

    “ไม่รู้! ฉันจะอาบน้ำ ถ้าไม่รีบทำงานนะ ฉันจะไม่ช่วย จะปล่อยให้นายเอฟไปเลยนั่นแหละ”

     

    หูยยยย...

     

     

    นี่แบคฮยอนกลัวจนตัวสั่นพรันพรึงเลยนะ

     

     

    แต่ทว่าก็ยังไม่ทันจะได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจริงๆ ก็ได้ยินเสียงของคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำตะโกนดังลอยมา

     

     

    “เมื่อคืนน่ะ ไฟที่ห้องมันเสียต่างหาก ฉันก็เลยไปอาศัยไฟห้องคริสใช้ ไม่เชื่อนายก็ลองไปกดสวิตซ์ไฟดูสิ” แล้วจุนมยอนก็หายเข้าไปในห้องน้ำทันที

     

     

    แล้วเขาพูดอะไรหรือยัง แบคฮยอนพูดออกไปในทำนองว่าไม่เชื่อไปแล้วหรือยัง เขาเชื่อหมดใจนั่นแหละ ...แต่แค่ยังขำไม่หายกับท่าทีของเพื่อนตัวเองที่ดูมีพิรุธพิกล เชื่อมั้ย...ว่าไหล่ยังไหวอยู่เลย...

     

     

    ไม่นานเท่าไรนักเลยจุนมยอนก็ออกมาจากห้องน้ำ

     

     

    ผ้าม่านถูกเปิดออกกว้างร่นให้อยู่ชิดกับบานกระจกฝั่งหนึ่ง แสงสว่างเอื้อมาจากทางระเบียงห้องด้านหลัง และส่งผลให้สว่างไปทั่วห้อง เพียงพอสำหรับการเขียนหนังสือ

     

     

    จุนมยอนลากเก้าอี้นวมอีกตัวมานั่งข้างๆแบคฮยอน เพื่อนตัวเล็กช่วยแบคฮยอนดูงาน ทำไปทำมาก็แทบจะทำให้ทั้งหมด ทั้งสรุปเนื้อความ อ่านและเกลาสำนวนที่จะใช้เขียน โดยที่แบคฮยอนจะทำอยู่อย่างเดียวคือเขียนในสิ่งที่จุนมยอนบอกเพียงเท่านั้น

     

     

    ในตอนที่เหลือสักประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วถึงจะเสร็จ ก็มีเหตุให้ต้องเงยมองไปที่ประตูห้องแทบจะพร้อมกัน

     

     

    ใครมาน่ะ?

     

    ทั้งจุนมยอนและแบคฮยอนมองหน้ากันด้วยคำถามนี้ ก่อนที่ฝ่ายเจ้าของห้องจะเป็นคนลุกขึ้นเดินไปดูพร้อมทั้งเปิดประตู ทันทีที่เปิดมันเขาก็พบว่าคนตรงหน้าคือคนที่อยู่กันกับเขาจนตลอดทั้งคืน

     

     

    จุนมยอนเกือบจะยิ้ม แต่ก็เหมือนมีบางอย่างมาหยุดไว้ พอหันกลับไปเข้าไปห้องก็พบว่าแบคฮยอนไม่ได้มีท่าทีจะสนใจกับคนที่เข้ามาใหม่เท่าที่ควร หมอนั่นยังคงลงมือเขียนหนังสือต่อไป และหลังจากหันกลับไปมองที่คริสก็เห็นว่าคนตัวสูงถือถุงอะไรมาด้วย จุนมยอนไม่ได้ถามเป็นคำถามออกไปเสียทีเดียว แต่ก็เลือกที่จะใช้ดวงตากลมๆสื่อสารออกไปแทน

     

    “ซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนให้” เสียงทุ้มที่ดังเข้ามาแทนที่ความเงียบเชียบ ทำให้จุนมยอนตัดสินใจหันไปมองที่แบคฮยอนอีกที เพื่อนตัวเล็กคงได้ยินเสียงที่แปลกออกไป คราวนี้แบคฮยอนก็เลยหันมามองพวกเขาด้วยเช่นกัน

     

     

    สบตาแบคฮยอนแล้ว จุนมยอนก็รีบหลบดวงตาขี้สงสัยคู่นั้นทันที

     

     

    “อ้าว แบคฮยอนหวัดดี” ดูเหมือนว่าคริสก็เพิ่งจะเห็นว่าแบคฮยอนอยู่ด้วย

     

     

    “หวัดดีคริส”

     

     

    “มาแต่เช้าเชียว”

     

     

    “ก็ถ้าเมื่อคืนไม่เผลอหลับไป เราก็คงได้เจอกันอีกทีตอนเย็นนู่นแน่ะ แต่ที่นี้พอดีว่างานไม่เสร็จก็เลยต้องมาให้จุนมยอนช่วยแต่เช้า” ตอนเย็นที่ว่าหมายถึงตอนซ้อมละคร แบคฮยอนจะซ้อมโดยที่มีจุนมยอนไปนั่งรอ แล้วคริสก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนจุนมยอนอีกที แบคฮยอนพูดทุกอย่างตามตรงอย่างไม่ได้คิดอะไร เขาเชื่อว่าคริสจะเข้าใจในเรื่องงานที่ต้องส่ง เหตุผลนั่นก็เพราะจุนมยอนยังไปอาศัยแสงสว่างจากห้องของคริสเพื่อใช้ทำงานจนทั้งคืนเลย

     

    “จุนมยอนเองก็เผลอหลับไปเหมือนกัน” แบคฮยอนยิ้มอีกที เขาไม่ได้ว่าอะไรอีกหลังจากสบตาเพื่อน ที่แบคฮยอนทำมีเพียงการพยักหน้าเข้าใจช้าๆ ราวกับจะบอกกับจุนมยอนว่าพยอนแบคฮยอนคนนี้เข้าใจทุกอย่างนะ และไม่จำเป็นที่จะต้องหาเหตุผลมากมายเพื่อทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา เพราะไม่มีทางพ้น จุนมยอนจะโดนแซวเรื่องนี้ไปยันลูกบวชแน่เชียว

     

    “แต่ก็ยังโชคดีที่ทำจนเสร็จ ฉันนี่สิ...เฮ้อ...” เป่าลมหายใจออกจากปากฟู่ใหญ่ แล้วแบคฮยอนก็ก้มหน้าก้มตาเขียนมันต่อ เพราะถ้าไม่เริ่มเขียนต่อจริงๆ คราวนี้คงได้ไม่มีงานส่งชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์

     

    คริสมองท่าทางอ่อนใจของแบคฮยอนแล้วอมยิ้ม แต่ก็ไม่ได้จะทำอะไรไปมากกว่านั้น ชายหนุ่มคงไม่สามารถช่วยอะไรแบคฮยอนไปได้มากกว่าส่งกำลังใจไปให้เงียบๆ และเมื่อแบคฮยอนหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเขียนต่อ จังหวะนี้คนตัวสูงจึงหันมาหาจุนมยอน แล้วยิ้มให้ ชนิดที่เรียกได้ว่ามันช่างอ่อนโยนเสียเหลือเกิน อ่อนโยนเสียจนคนมองละลาย

     

    “ฉันเปลี่ยนให้นะ” ชายหนุ่มชูถุงที่บรรจุหลอดไฟอันใหม่แบบเดียวและขนาดเดียวกันกับที่ห้องเขาใช้

     

    “ม...ไม่เป็นไร ฉันเปลี่ยนเองก็ได้” จุนมยอนไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจเสียทีเดียว มือเล็กยื่นออกไปพยายามที่จะคว้าถุงที่คริสถือมา แต่ก็เป็นคริสที่ย้ายมันหนีให้พ้นจากรัศมีมือจุนมยอน

     

    “ตัวเท่านายน่ะนะ ถึงเอาเก้าอี้ต่อขาก็ไม่ถึงหรอก”

     

    ว...ว่าอะไรนะ...?

     

    จุนมยอนน่ะอยากเถียงใจจะขาด และจะบอกว่าตอนอยู่กับพี่ซีวอนเขายังเป็นคนเปลี่ยนมันเลย แต่พอคู่กรณีเป็นคริสเท่านั้นแหละ ปากของเขามันกลับไม่ยอมเถียงอะไรเลย นอกจากจะไม่โต้แย้งอะไรไม่ได้ด้วยแล้ว คนตัวเล็กยังเดินตามคริสที่เพิ่งเดินผ่านหน้าตัวเองไป แล้วไปหยุดยืนอยู่กลางห้องมองหลอดไฟที่ยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนตั้งแต่เมื่อคืน

     

    “ดวงนี้ใช่มั้ย” จุนมยอนเดินไปเรื่อยจนไปหยุดพิงอยู่กับโต๊ะเขียนหนังสือ

     

    เอ้า...ก็ใช่น่ะสิ...ห้องแคบๆแค่เนี้ยจะไปมีสักกี่หลอดกันเชียว... ถ้าเก่งจริงเขาคงพูดออกไปแบบนั้น แต่แล้วที่มันเปล่งเป็นเสียงออกไปได้จริงๆกลับมีเพียงการตอบรับแค่ “อื้ม”

     

     

    พอเดินไปตรงจุดที่ตัวเองจะเอาหลอดไฟขึ้นไปเปลี่ยน คนตัวสูงก็มองหาบางสิ่งบางอย่าง คริสไม่มีทีท่าว่าจะถามหรือแม้แต่อยากรู้อะไร จุนมยอนเห็นในสิ่งที่คริสทำ สองตากลมสังเกตได้ในพฤติกรรมของคริส กระนั้นคนตัวเล็กก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะชอบชวนคุยหรือเปิดปากถามเพราะเขาคิดว่ามันเป็นอาจเป็นการล่วงล้ำหรือมากเข้าหน่อยอาจจะกลายเป็นเซ้าซี้ จุนมยอนจึงมักระมัดระวังในคำพูดเสมอ และอาจเพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาดูเป็นคนพูดน้อย พร้อมทั้งยังคิดเสมอว่าถ้าคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์หรือสถานการณ์เดียวกันกับเขานั้นต้องการหรือว่าอยากรู้อะไรก็คงจะเปิดพูดขึ้นมาเอง แล้วยิ่งโดยเฉพาะกับคริส ถ้ามีคาถาเสกให้เขาเป็นใบ้ได้ในชั่วขณะไปเลยนั้น จุนมยอนก็คงจะรู้สึกยินดีมากๆเลย

     

    ก็มันไม่รู้จะพูดอะไรดีนี่นา

     

    แล้วคริสก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ต้องพูดหรือแนะนำเลยแม้สักนิดว่าอะไรที่ไม่รู้ว่าอะไรที่คริสกำลังหาอยู่นั้นอยู่ตรงไหน คนตัวสูงจัดแจงหาเก้าอี้มาต่อขา เดินไปฝั่งนู้นทีฝั่งนี้ที แต่แล้วก็ดันเจอสิ่งที่ตัวเองต้องการจะหยิบฉวยมาใช้ ง่ายดายจนเจ้าของห้องอย่างเขายังงง เพราะคริสทำราวกับคุ้นเคยกับห้องนี้มานานหยิบจับกับทุกอย่างได้อย่างดูเป็นธรรมชาติและไม่มีเคอะเขิน

     

    ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างอยู่ในการจับจ้องของแบคฮยอน ที่แม้ว่างานจะยังคงคั่งค้างอยู่ แต่ในวินาทีที่สำคัญเช่นนี้แบคฮยอนจะพลาดได้ยังไง

     

     

    “ไฟห้องนายนี่เปลี่ยนมากี่รอบกันแล้ว”

     

    “ล่าสุด ก็เมื่อ....” จุนมยอนทำท่าคิด “จำวันเกิดพี่ซีวอนเมื่อสองปีก่อนได้มั้ย...ที่พี่ซีวอนเมา พอถึงห้องเปิดไฟแล้วมันไม่ติด พี่ซีวอนก็เลยเอาหลอดไฟสำรองที่มีอยู่มาเปลี่ยน แต่เพราะว่าเมาไง ก็เลยหล่นจากเก้าอี้ เจ็บจนไม่ได้เล่นบาสไปหลายวัน สุดท้ายแล้วก็เลยกลายเป็นฉันที่ต้องปีเก้าอี้ขึ้นไปเปลี่ยนเอง” จุนมยอนมองไปที่คริส ราวกับจะตอกกลับในประโยคก่อนหน้าที่คริสจงใจเหน็บแหนมเขาในเรื่องของส่วนสูง ...ทำไมเขาจะเปลี่ยนไม่ได้ จุนมยอนน่ะเคยเปลี่ยนหลอดไฟห้องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเลยนะ

     

    แบคฮยอนหัวเราะพรวด จำได้ว่าจุนมยอนเล่าเรื่องพี่ซีวอนเรื่องนี้ให้ฟัง แล้วก็เป็นเขาที่ขำจนท้องขดท้องแข็งแทบจะกลิ้งลงจากเก้าอี้ แต่ตอนนี้ขอข้ามเรื่องเก่านี้ไปก่อน แบคฮยอนเตือนตัวเองว่าให้หยุดสนใจในเรื่องเดิมๆแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่เมื่อใดก็ตามที่ระลึกถึงจะพาลทำให้ร่าเริงจนแทบจะทำให้ลืมเรื่องที่เครียดไปได้ชั่วขณะ ในเมื่อจุดเริ่มต้นของคำถามที่เขาถามจุนมยอนออกไป ไม่ใช่เพื่อจะมาหัวเราะซ้ำในเรื่องหลุดๆของพี่ซีวอนที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยรวมถึงน้อยคนนักจะรู้

     

    แต่เป็นเพราะแบคฮยอนจงใจหาช่องเพื่อจะแซวเพื่อนตัวเองต่างหาก

     

    “ฉันก็นึกว่าคริสจะมาเปลี่ยนให้บ่อยซะอีก”

     

    “เอ๋?”

     

    “ก็ดูคริสชำนาญๆยังไงก็ไม่รู้ เครื่องมือเครื่องไม้ในห้องนายที่จำเป็นจะต้องจะใช้สำหรับเปลี่ยนหลอดไฟ คริสก็หยิบมาใช้ได้โดยไม่ถามนายสักคำ ดูคุ้นเคยจนดูเหมือนว่าเป็นห้องของตัวเองอย่างนั้นแหละ” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงอยู่แล้ว แล้วยังยืนอยู่บนเก้าอี้ก็ทำให้คนอยู่ข้างล่างแหงนคอมองจนจะเมื่อย

     

    “อ้อ...โทษทีลืมไปว่าเป็นแฟนกันนี่นะ จะเข้าออกห้องกันและกันคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว”

     

    “เบค่อนน่า ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย” จุนมยอนปั้นหน้าแสนงอนใส่

     

    แต่แบคฮยอนเชื่อว่าจุนมยอนที่ยืนพิงอยู่กับโต๊ะที่เขาใช้มันทำงาน คงเห็นว่าคริสยิ้มอย่างไรเหมือนอย่างที่แบคฮยอนเห็น ไม่ยอมพูด ไม่แม้แต่จะแก้ตัวใดๆหากว่าเรื่องที่เขาพูดเป็นเพียงแค่การปล่อยคำพูดพล่อยๆ ไม่มีมูลของความเป็นจริง เป็นรอยยิ้มมุมปากที่ร้ายใช่เล่น กระนั้นกลับไม่ได้มีความหมายในเชิงที่ไม่ดี ...ถ้าจะบอกว่าเพราะถูกใจ ชอบใจในคำพูดที่เขาพูดออกไปก็คงจะไม่บิดเบือนไปจากความจริงมากนักกระมัง

     

    บอกตามตรงว่าถ้าแบคฮยอนเป็นจุนมยอน แล้วเห็นรอยยิ้มแบบนี้บนใบหน้าของคริสแล้วล่ะก็ ...จะหมั่นไส้ให้ดู...

     

    ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเหมือนกัน แบคฮยอนแค่เอาศอกถองเข้าที่หน้าท้องเพื่อนที่ยืนอยู่สูงขึ้นไปเบาๆ วินาทีที่จุนมยอนหันมามองจึงยักคิ้วให้เหมือนจะล้อ

     

    “ถือวิสาสะล่ะสิไม่ว่า”

     

    แบคฮยอนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำว่าขานนี้จากปากของจุนมยอน แต่พอสังเกตจากใบหน้าเพื่อนคนน่ารักที่ตอนนี้ไม่ได้หันมามองที่เขาอีกแล้วก็เลยไม่ได้คิดจะต่อปากต่อคำอะไรอีก ประโยคเมื่อสักครู่ที่จุนมยอนพูดก็เหมือนเป็นการบ่นพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า

     

    ในตอนนี้ริมฝีปากชมพูระเรื่อยู่เล็กๆ จุนมยอนทำเหมือนไม่พอใจอะไรในตัวคนที่ตัวเองกำลังใช้ดวงตาจับจ้องมองอยู่ ทว่าแบคฮยอนที่มองดูอยู่จากอีกมุมกลับกำลังรู้สึกได้ถึงความสุข ประกายในดวงตาของจุนมยอนที่เขาเห็นนั้น ดูมีชีวิตชีวาได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต้องหลบซ่อน แฝงตัวอยู่ในเงามืด ภายใต้ความรู้สึกที่เปิดเผยไม่ได้

     

     

    ก็ตอนนี้ ....จุนมยอนจะมองคริสที่ไหน เมื่อไร หรืออย่างไรก็ได้

     

    แบคฮยอนรู้สึกยินดีด้วยจริงๆ

     

     

    ว้า...แล้วเมื่อไรถึงจะเป็นทีเขาที่จะได้รู้สึกแบบนั้นบ้างล่ะ

     

     

     

    เพ้อเจ้อได้สักพัก ก็กลับมาปั่นงาน แต่พอนั่งเขียนไปได้สักพัก โดยที่เขาไม่ได้สนใจว่าจุนมยอนจะไปเป็นลูกมือ ช่วยช่างคริสกระทำการเปลี่ยนหลอดไฟ หรือเพียงแค่นั่งดูคริสเฉยๆ แบคฮยอนก็มีอันต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงทุ้มของคริส

     

    “ฉันมีบัตรเข้าสวนสนุกอยู่สองใบ พรุ่งนี้ไปด้วยกันนะ” แบคฮยอนกำลังพยายามทำตัวไม่มีตัวตน เปิดโอกาสให้คนสองคนที่กำลังสื่อสารกันตัดเขาออกไปจากวงโคจร

     

    ทว่า...เห็นทีคงยาก เพราะสิ่งที่จุนมยอนตอบคริสออกไปนั้นเกี่ยวกับเขาเต็มๆ

     

    “พ...พรุ่งนี้เหรอ...วันหยุดนี่นา แบคฮยอนมีซ้อมทั้งวัน” จากที่พยายามกลั้นหายใจ เหมือนว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้หายตัวได้ แบคฮยอนก็ฟื้นคืนชีพพร้อมทั้งยังตื่นตัวขึ้นทันที

     

     

    “นายไปเหอะ...พรุ่งนี้เรียกซ้อมตั้งแต่เช้า คงเสร็จไม่มืดมาก ฉันอยู่ได้ เพื่อนเยอะแยะ ไม่มีนายซักคน คนพูดมากอย่างฉันไม่เหงาหรอก”

     

     

    “แต่พรุ่งนี้มีฟิตติ้งด้วยนะ” ด้วยเหตุผลข้อนี้ จึงชัดเจนว่าจุนมยอนคงไม่สามารถหนีแวบไปเที่ยวเล่นที่ไหนได้ แบคฮยอนก็แค่อยากให้เพื่อนมีความสุข ทำไมสวรรค์ช่างไม่เข้าข้างกันเลยนะ คริสก็ชวนอะไรไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย

     

    พยอนแบคฮยอนหันไปสบตากับคริสด้วยตาละห้อย เหมือนกับจะบอกว่าตัวเองได้ทำมันสุดความสามารถแล้ว

     

    “เอาไว้วันหลังก็ได้” กระนั้นคริสที่ถูกปฏิเสธด้วยธุระของอีกฝ่ายกลับยังคงยิ้ม แบคฮยอนล่ะเสียดายแทนเพื่อนจริงๆ แต่ก็แค่ไม่นาน เพราะดูเหมือนว่าคริสจะมีแผนสำรองเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว

     

     

    “นายเล่นไอซ์สเก็ตเป็นมั้ย” คริสถาม ...แล้วก็ได้คำตอบเมื่อจุนมยอนส่ายหัว

     

     

    “พรุ่งนี้ไปกัน ...เดี๋ยวฉันสอนเอง”

     

     

    “ก็พรุ่งนี้ฉัน...”

     

     

    “ไอซ์สเก็ตเล่นกลางคืนก็ได้นะจุนมยอน”

     

     

     

    เห็นทีคงหมดกัน...กับหนทางที่จะปฏิเสธ...

     

    ว่าแต่...

     

     

    ใช่เดทมั้ย...

     

     

     

    ที่ชวนกันแบบนี้...เรียกเดทหรือเปล่า...

     

     

     

     

    TBC…

     

     

    แต่งๆไป ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีอะไรเลย (มันก็ไม่มีอะไรเลยจริงๆนั่นแหละ TT)

    แต่มันเป็นทางผ่าน...เข้าสู่ไคแม็กของเรื่อง จริงดิ่ คือตกใจกับกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ...

    งงนะ ...นี่เขียนแบบเรื่อยๆมาเรียงๆจนไม่รู้แล้วว่าฟิคนี้มันต้องมีจุดพีคนะ ๕๕๕๕๕๕

     

    อีกไม่กี่ฉากก็จบแล้วค่า ซาบซึ้งจริงๆกับคนอ่านและที่ยังติดตามกันอยู่เรื่อยๆ

    เอ็นดูตัวเล็กกับพี่คริสเจ๊กเกาหลีไปจนจบเรื่องเลยนะค้า

     

    จุ๊บๆ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×