ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เส้นทางแห่งแสง [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #63 : บทที่ 33 ช่างโง่เขล่า ภาค ราชันย์ผยองเดช

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.77K
      164
      28 ธ.ค. 59

    น้ำตาของเซียนซั่นที่ทำท่าจะหยุดใหลแล้วจู่ๆก็ทะลักออกมาอีกครั้งแต่นี้ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจแต่มันคือน้ำตาแห่งความยินดีจะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไรเพราะถ้าคุณหนูที่อยู่ตรงหน้าของนางได้เป็นอาจารย์ของนางแล้วเหล่าผู้ติดตามก็จะต้องเป็นอาจารย์ของนางไปโดยปริยาย

    "จริงสิ ! ข้ายังไม่ได้ถามชื่อเจ้าเลยนิ ข้าแซ่หลินนามว่าเฟย...หากเจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ข้าก็พร้อมที่จะให้เวลาเจ้า..บุตรย่อมต้องเห็นบิดามารดามาก่อนจริงมั้ยพาพวกท่านกลับจวนกันเถอะ..."ทันทีที่หลินเฟยกำลังจะเดินไปทางเหล่าองครักษ์นั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง

    "ช้าก้อนเจ้าค่ะ !!"ตุ่บ ! นางคุกเข่าลงและโขกหัวสามทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหลินเฟยและกล่าวพร้อมกับประสานมือ"ศิษย์แซ่เซียนนามซั่นคารวะท่านอาจารย์เฟยเจ้าค่ะ !!"

    หลินเฟยยกยิ้มเล็กๆก่อนจะดีดนิ้วหนึ่งครั้งทำให้เสื้อผ้าของเซียนซั่นเกิดส่องแสงสว่างสีขาวขึ้นบนร่างกายของนางทำให้คราบเปรอะเปื้อนบนใบหน้าและร่างกายทุกส่วนก็จางหายไปเผยให้เห็นผิวที่ขาวเนียนราวกับหิมะและจากเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งกลับกลายเป็นเสื้อผ้าและเสื้อคลุมสีขาวและดาวสามดวงที่ปรากฏบนอกซ้ายเหมือนกับอวิ้นหลันแต่มันยังไม่พอจะปกปิดความน่ารักของนางเอาไว้ได้อวิ้นหลันตาเบิกกว้างเพราะศิษย์น้องของมันในตอนนี้น่ารักจนมันแทบอยากจะกระโดดฟัดซ้ะให้ได้เลยทีเดียว

    อวิ้นหลันค่อยๆสาวเท้าเข้ามาอย่างสง่าและจับมือน้อยๆของเซียนซั่นเอาไว้

    "อ่ะแฮ่ม !! ศิษย์น้องข้าคือศิษย์พี่ของเจ้าแซ่อวิ้นนามหลันจะเรียกข้าว่าท่านพี่ก็ได้น--!!"ทำเสียงหล่อ

    โป๊ก !!

    หลินเฟยที่เห็นความทะลึ่งของศิษย์ไม่ได้จึงเขกหัวสั่งสอนไปตามเคย

    "เจ้าศิษย์บ้า !! ข้าไม่ได้รับศิษย์หญิงมาเพื่อให้เจ้าจีบนะ !!"

    อวิ้นหลันนั่งลูบลูกมะนาวด้วยความเจ็บปวดแต่คนข้างๆกลับ..

    "คิก คิก คิก"เซียนซั่นปิดปากหัวเราะอย่างขบขัน

    "โถ่ ~ ...ศิษย์น้องเห็นอาจารย์ตัวเล็กแบบนี้แต่แรงของนางช่างมห--!!"

    โป๊ก !!

    ไม่ทันพูดจบอวิ้นหลันก็โดนไปอีกหนึ่งดอกทั้งสิบคนหัวเราะอย่างขบขันก่อนเซียนซั่นจะนำทางไปที่จวนทั้งสิบคนต่างพูดคุยกันอย่างถูกคอแต่ถ้าหากพูดว่าใครเข้ากับเซียนซั่นได้มากที่สุดนั่นน่าจะเป็นมาวเอ๋อถึงหลินเฟยจะตัวเล็กเท่าๆมาวเอ๋อแล้วแต่นางก็ยังคงเคารพเพราะหลินเฟยนั้นไม่ใช่จตุรเทพอย่างตนถึงบนโลกนี้เหล่าจตุรเทพจะถือเป็น 4 จักรพรรดิเลยก็ว่าได้แต่หากอยู่ต่อหน้าท่านผู้นี้ก็เป็นได้เพียงสัตว์ชั้นต่ำนางจึงเกรงที่จะหยอกล้อกับหลินเฟย

    หลินเฟยรู้ดีว่าตลอดทางมานี้ถึงแม้มาวเอ๋อจะร่างเริงตลอดเวลาแต่นางกลับไม่มีเพื่อนเลยหลินเฟยจึงอยากจะรับศิษย์หญิงที่ถูกใจให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับมาวเอ๋อซึ่งมันได้ผลเป็นอย่างมากมาวเอ๋อตัวติดกับเซียนซั่นไม่ห่างเลยแม้แต่น้อยและคอยหยอกล้อกันตามประสาเด็กผู้หญิง

    .........

    ณ สำนักนภาทมิฬ

    เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันทำหน้าเครียดเพราะเรื่องที่ตระกูลฉางถูกทำลายเพราะตระกูลฉางนั้นถือเป็นตระกูลที่สนับสนุนสำนักนภาทมิฬแต่ที่ฉางหยินชูไปเข้าเรียนวิชาที่สำนักประกายฟ้านั้นเพราะมันคิดว่าหากมันอยู่ในสำนักประกายฟ้าด้วยทรัพยากรของตระกูลมันต้องเป็นอันดับ 1 อย่างแน่นอน

    "ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่ทำลายล้างตระกูลฉางจนพินาศเป็นเพียงแค่กลุ่มชายหญิงอายุไม่เกินยี่สิบห้า"ผู้อาวุโสท่านนึงกล่าวอย่างใจเย็น

    ปั้ง !!

    ผู้อาวุโสคนนึงทุบโต๊ะและยืนขึ้น

    "เป็นไปไม่ได้ !!! เรื่องบ้าบัดซบเช่นนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร !!! เพียงแค่กลุ่มชายหญิงอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีงั้นรึ !!! ขนาดพวกเรายังทำไม่ได้ขนาดนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ !!! กะอีแค่เด็กพวกนั้นจะมีปัญญาทำอะไรกัน !!!"

    "เอาหล่ะๆ พวกท่านใจเย็นๆกันก่อนแทนที่เราจะมานั่งทะเลาะกันควรคิดหาวิธีกำจัดเจ้าตัวการนั้นไม่ดีกว่ารึ ?"ผู้อาวุโสที่นั่งตรงกลางกล่าวด้วยสรหน้าเรียบเฉย

    "งั้นพวกเราต้องเอากุญแจแยกมิติมาเพื่อจะเข้าไปในหุบเขาหมื่นปีพวกเราจะไปอ้อนวอนท่านหยินให้มาช่วยพวกเรา !!"

    "แต่การเปิดประตูมิติด้วยกุญแจแยกมิตินั้นจะต้องใช้ชีวิตคน 1 ชีวิตนี้สิปัญญาใหม่ของเรา"ผู้อาวุโสคนนึงกล่าวอย่างเป็นกังวล

    "ชิ ! ช่วยไม่ได้งั้นต้องหาใครสักคนมาแล้วหล่ะ ! อืม.... เจ้าฉางหยินชูไงเล่าได้ข่าวมาว่ามันพักรักษาตัวอยู่ถึงมันมีชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้วให้มันสังเวยชีวิตเพื่อเปิดประตูแล้วกัน"

    "แต่มันติดตรงที่ว่ากุญแจแยกมิติมันอยู่ที่สำนักประกายฟ้านั่น !!"

    "ไม่เป็นไร !! ข้ารู้วิธีที่จะเอามันออกมา !! จงตามข้าไปที่จวนตระกูลเซียน !!"

    .........

    ระหว่างที่รอให้พ่อและแม่ของนางพักฟื้นหลินเฟยขอร้องให้เซียนซั่นไปเอากุญแจแยกมิติมาให้ตนมันเป็นกุญแจรูปร่างแปลกประหลาดมีสีดำทั่วทุกซอกทุกมุมมันยิ่งทำให้หลินเฟยแปลกใจนักแต่ที่ต้องตกใจยิ่งกว่านั้นคือการเปิดมิติต้องแลกด้วยชีวิตคนหนึ่งชีวิตประตูจึงจะเปิดออก

    "ชักจะแย่ซ้ะแล้วสิ.."หลินเฟยครุ่นคิดอย่างหนักและทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังลั่นมาจากทางเข้าจวน

    "เซียนซั่น !! จงออกมาเดี๋ยวนี้ !!"เหล่าผู้อาวุโสพร้อมกับไอ่หยินชูที่กำลังบาดเจ็บโดยโดนเหล่าผู้อาวุโสหลอกว่าจะพาไปรักษาและเพิ่มพลังเพื่อล้างแค้นหลินเฟย
    เซียนซั่นกับกลุ่มของหลินเฟยรีบเดินออกมาและพบกับเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักนภาทมิฬก่อนจะกล่าว

    "พวกท่านมีธุระอะไรกับข้ารึเจ้าค่ะ ?"เซียนซั่นถามไปด้วยสายตาเป็นกังวล
    "ข้าจะมารับกุญแจแยกมิติ"ทันทีที่ได้ยินดังนั้นหลินเฟยแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเซียนซั่นและกระซิบข้างหูของนาง

    "ให้มันไปซ้ะเซียนซั่น...ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ปล่อยให้สมบัติของตระกูลเจ้าให้พวกมันได้ครอปครองอย่างแน่นอน!"

    เซียนซั่นพยักหน้ารับก่อนจะหันหน้ามาทางเหล่าผู้อาวุโสและยื่นกุญแจให้สีหน้าขอเหล่าผู้อาวุโสดูแปลกใจนักแต่ก็ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปยังประตูที่ใช้เปิดเข้าไปยังหุบเขาหมื่นปีทันทีพวกมันคิดว่าเซียนซั่นคงกลัวอำนาจของพวกมันแต่ไม่เลยพวกมันต่างหากที่ติดกับแผนของหลินเฟยเข้าอย่างจัง

    "หึ ! พวกแกช่างโง่เขล่า !"หลินเฟยกล่าวออกมาเบาๆก่อนจะเดินกลับเข้าไปในจวนทิ้งให้เซียนซั่นงุนงงต่อไป

    .........

    ณ จุดๆนึงบนเกาะมีประตูขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับไม่ใช่เอาไว้ให้สำหรับมนุษย์ผ่านเข้าไปหยินชูที่ตอนนี้มีสีหน้าที่ยินดีอย่างยิ่งเพราะมันคิดว่าในที่สุดจะได้ล้างแค้นหลินเฟยสักที

    "หยินชูเจ้าต้องถูกตรึงไว้ตรงนี้เพราะการรักษามันจะเจ็บปวดมากเพื่อไม่ให้เจ้าต้องดิ้นจนการรักษาหยุดลงเจ้าต้องโดนตรึงไว้"ผู้อาวุโสท่านนึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นว่าห่วงใย

    หยินชูรับคำเตือนโดยง่ายมันค่อยๆเดินขึ้นไปและสวมแขนและขาไว้ในโซ่สีดำที่ใช้ตรึงร่าง

    พอเห็นว่าพร้อมแล้วนั้นผู้อาวุโสมองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้าก่อนที่จะเสียบกุญแจเข้าไปในรูจู่ๆก็ปรากฏแสงสีดำขึ้นมาระหว่างรอยแยกของประตูร่างกายของหยินชูค่อยๆเหี่ยวลงทีล่ะนิดๆจนทำให้มันเจ็บปวดอย่างมาก

    "อ๊ากกกกกกก !!!!"

    มันร้องออกมาอย่างน่าเวทนาและร่างของมันก็ได้สลายไปพร้อมกับประตูที่เปิดกว้างอย่างสมบูรณ์

    เหล่าผู้อาวุโสก้าวเข้าไปในประตูทันทีเพราะการเข้าต้องใช้หนึ่งชีวิตของมนุษย์แต่ในทางกลับกันการออกมานั้นต้องใช้หนึ่งชีวิตของสัตว์อสูรด้วยเหตุนี้หากขาดผู้อาวุโสที่จะช่วยจับสัตว์อสูรไปสักคนล่ะก็คงลำบากไม่ใช่น้อย

    พอก้าวเข้าประตูไปก็พบกับถ่ำแห่งนึงที่เป็นหินสีม่วงคล้ำดูน่ากลัวเหล่าผู้อาวุโสกลืนน้ำลายและเข้าไปข้างในทันที

    ระหว่างทางพวกมันจับสัตว์อสูรไว้ได้หนึ่งตัวแต่ต้องและด้วยชีวิตของผู้อาวุโสไปถึง 3 คนจนตอนนี้เหลือเพียง 4 คนเท่านั้นพวกมันกระเสือกกระสนจนไปถึงข้างในถ่ำก็พบประตูขนาดใหญ่ที่คล้ายๆกันกับข้างนอกและมีแท่นที่ไว้ใช้ตรึงสัตว์โดยเฉพาะ

    ตรงหน้าประตูปรากฏร่างของมังกรสีดำสนิทนอนขดตัวยาวมันลืมตาขึ้นมาเพราะการเข้ามาที่นี้ของเหล่าผู้อาวุโสดวงตาสีแดงฉานจับจ้องไปยังกลุ่มผู้บุกรุกก่อนที่ผู้อาวุโสคนนึงจะก้าวออกมาข้างหน้าพลันคุกเข่าพร้อมประสานมือคารวะ

    "ข้าน้อยคือเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักนภาทมิฬพวกข้ามาที่นี้หาได้อยากรบกวนท่านไม่พวกข้ามาที่นี้เพื่อขอร้องท่านขอรับ"มันกล่าวด้วยความกลัวจนตัวสั่น

    "หึ !! มนุษย์ชั้นต่ำอย่างเจ้าจะมาขอร้องข้า ? หึ !! พวกเจ้ามีสิ่งใดจะมาแลกเปลี่ยนข้ากัน !!"

    "ข้าน้อยมีกลุ่มคนกลุ่มนึงที่จะรบกวนท่านให้กำจัดน่ะขอรับ ส่วนเรื่องข้อแลกเปลี่ยนกลุ่มคนพวกนั้นมีทุกคนล้วนเป็นคนที่มีพลังปราณมหาศาลหากท่านฆ่าพวกมันได้ท่านจะได้พลังทั้งหมดนั้นเป็นดารตอบแทบขอรับ !!"

    หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นตาของมังกรสีดำพลันหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะกลายร่างเป็นหญิงสาวสวมชุดซ้อนทับสีดำเหล่าผู้อาวุโสต่างอ้าปากค้างกับความงามที่ไม่มีใครแทบได้ของนางผมสีดำที่ยาวสลวยดั่งผมของเด็กทารกดวงตาสีทับทิมเป็นประกายแววับราวกับมันจะส่องแสง

    "เอาหล่ะ !! พวกเจ้าจงนำทางข้าไป !!"

    """"ขอรับ !!""""

    ทั้งสี่ผู้อาวุโสรีบใช้สัตว์อสูรที่จับมาเปิดประตูทันทีพอประตูเปิดกว้างจนสุดแล้วพวกมันรีบพาหยินเดินผ่านประตูเข้าไปทันที

    แต่มันก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเพราะคนที่ยืนดักอยู่ที่หน้าประตูนั้นคือพวกของหลินเฟยนั้นเอง

    หลินเฟยยกยิ้มอย่างสะใจเพราะไม่เพียงแต่หลอกใช้เหล่าตาแก่พวกนี้ได้เท่านั้นทั้งยังสามารถสังหารหยินชูและผู้อาวุโสอีกสามคนอีกทั้งยังได้ตัวหยินมาโดยที่ไม่ต้องออกแรงเลยสักนิดเดียว

    "หึ ! ช่างโง่เขล่า !"

    ...ติดตามตอนต่อไป

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ถ้าหากบทนี้ไรต์แต่งไม่ดีต้องขอโทษด้วยนะครับเพราะไรต์ไม่มีสมาธิเลย 

    คุณน้าของไรต์พาหลานมาให้เลี้ยงอ่ะครับไรต์บอกเท่าไร่ก็ดื้อกันไม่ฟังไรต์เลยจนไม่มีสมาธิกับการแต่งนิยายอ่ะครับต้องขอโทษจริงๆ

    #ถ้าชอบก็อย่าลืมกดติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรต์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×