ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เส้นทางแห่งแสง [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #65 : บทที่ 35 จิตสังหารที่เทียบกันไม่ติด ภาค ราชันย์ผยองเดช

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.94K
      165
      30 ธ.ค. 59

    ณ นิกายใหญ่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยศิยษ์มากมายหลายพันคนแต่ล่ะคนนั้นอยู่ในระดับ ราชันย์และระดับที่สูงที่สุดนั้นก็คือระดับจักรพรรดิ!

    "ฮ่าๆๆๆ ท่านประมุขข้าว่าปีนี้นิกายไป่ของเราคงจะชนะติดต่อกันเป็นรอบที่ เจ็ดก็เป็นได้นะท่าน ฮ่าๆๆๆ"ชายกลางคนอายุราวๆสามสิบปีกล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

    ชายชราสวมชุดสีดำที่นั่งบนเก้าอี้ตัวงามพร้อมกับวางถ้วยน้ำชาและกล่าว

    "หึ !! เจ้าพูดผิดแล้ว 'ก็เป็นได้' งั้นรึ ? ไม่ !! มันต้องเป็นได้แน่สิถึงจะถูก ฮ่าๆๆๆ"ชายชราหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะยกน้ำชามาดื่มอย่างสบายอารม

    งานแข่งที่พูดถึงกันนี้คืองานแข่งขันระหว่างนิกายที่จัดขึ้นสองปีครั้งผู้ชนะจะมีชื่อเสียงส่วนผู้แพ้จะไม่มีสิ่งใดตอบแทนนอกเสียจากความอัปยศรายชื่อนิกายที่มีทั้งหมด 4 นิกายดังนี้

    นิกายอัสนีเก้าสวรรค์

    นิกายไป่

    นิกายไร้นาม

    นิกายกุหลาบสีเงิน

    ทุกนิกายที่กล่าวมาล้วนเป็นนิกายที่มีชื่อเสียงหลินเฟยที่ตอนนี้นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้ามีเหล่าองครักษ์ที่นั่งเก้าอี้ตามลวดลายสัตว์เทพของตนแต่ล่ะคนจะมีเก้าอี้ที่ไม่ซ้ำกันเพราะทุกอันล้วนประดับลายตามสัตว์เทพที่แต่ละคนเคยเป็นมันช่างทำให้ดูยิ่งใหญ่และองอาจยิ่งนักหลินเฟยครุ่นคิดเรื่องการประลองระหว่างประมุขนิกายและเหล่าปรมาจารย์ที่จะทำการประลองกันหลังการแข่งขันของเหล่าลูกศิษย์แห่งนิกายนั่นเองที่ทำแบบนี้เพื่อทำให้เหล่าลูกศิยษ์ได้เห็นถึงความน่าเกรงขามของเหล่าปรมาจารย์ที่ตนเรียนด้วยหลินเฟยดีดนิ้วทันทีที่สิ้นเสียงดีดนิ้วนั้นก็ปรากฏตัวอักษรสีทองตัวใหญ่ที่อยู่บนป้ายประตูหยกอันใหญ่โตหลินเฟยแสยะยิ้มและกล่าวกับทุกคน

    "ต่อไปนี้ที่นี้คือ ' นิกายจรัสแสง ' !"

    ทุกคนล้วยลุกจากที่นั่งและคุกเข่าทำความเคารพทันทีก่อนจะกล่าวพร้อมกัน

    """"""""คารวะท่านประมุขหลิน !!!""""""""

    เสียงนั้นดังกึกก้องไปท้องห้องโถงก่อนหลินเฟยจะกลายเป็นเส้นแสงและหายวับมายังห้องฝึกตนที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ

    "ข้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้เพื่อชื่อเสียงของนิกายข้า !!"หลินเฟยพูดออกมาอย่าแน่วแน่ก่อนจะหลับตาลงแสงสีทองส่องสว่างไปทั่วห้องพลังปราณของราชันย์มังกรแห่งแสงค่อยๆหลั่งใหลเข้ามาในตัวของหลินเฟยจู่ๆร่างขอหลินเฟยก็กระอั่กเลือดมาคำโตเพราะรับพลังไม่ไหว

    "บัดซบ !! ได้เพียงระดับเทพเซียนเองรึ !!"

    หลินเฟยสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะขนาดร่างกายที่ได้รับสายเลือดแห่งมังกรของตนตอนนี้ยังรับพลังของร่างต้นไม่ไหวระดับพลังของหลินเฟยตอนนี้อยู่ในระดับเทพเซียน ขั้นที่ 1 !

    เซียนซั่นและอวิ้นหลันที่ทำสมาธิภายใต้น้ำตกที่เกรี้ยวกราดพลังของทั้งสองคนตอนนี้อยู่ในระดับ จักรพรรดิแล้ว !

    เซียนซั่นที่สามารถเรียนรู้วิชาที่อวิ้นหลันเคยเรียนได้อย่างรวดเร็วนางเป็นอัจฉริยะที่เหนือกว่าอัจฉริยะทั่วไปแต่นางไม่สามารถเรียนวิชาของซุนเฉินได้เพราะวิชาทวนเหมาะกับคนที่มีธาตุหยินภายในร่างกายที่ส่วนมากจะพบได้ในตัวของผู้ชายเท่านั้นหงส์เอ๋อจึงถ่ายทอดวิชา ' กระบี่หงส์เริงระบำ ' ให้กับเซียนซั่นแทนเพราะเซียนซั่นมีร่างกายที่อ้อนช้อยสวยงามอยู่แล้วจึงเหมาะกับเพลงกระบี่ที่ใช้ทั้งความเร็วและพริ้วไหวอย่างมาก!
    ผ่านไปหนึ่งเดือนหลังจากก่อตั้งนิกายตอนนี้ทุกคนล้วนพร้อมแล้วกับการที่จะไปชิงชัยในงานประลองแล้วส่วนอวิ้นหลันและเซียนซั่นตอนนี้เลื่อนมาเป็นศิษย์ระดับสี่ดาว!

    เจ้าภาพจัดงานคือนิกายไป่ที่อยู่ห่างจากนิกายจรัสแสงไปเพียง3000ลี้หลินเฟยเดินทางแบบไม่รีบร้อนตั้งแต่ยามค่ำคืนจนบัดนี้ทั้งหมดก็ถึงที่หมายในยามสายๆพอดี

    ทั้งสิบเอ็ดคนเดินไปที่จุดลงชื่อนิกายและเหล่าผู้ที่อยู่ในนิกายนั้นเพราะว่าแต่ล่ะนิกายมีไม่ต่ำกว่าพันคนจึงต้องใช้เวลานานมากจนกว่าจะลงชื่อเสร็จหลินเฟยเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงจึงใช้เวลาเพียงแปปเดียวแต่ก็ทำให้ผู้ที่รับเช็คชื่อนั้นสับสนอย่างมากก่อนจะปล่อยให้ผ่านประตูไป

    ภายในประตูอันใหญ่โตมีเหล่าศิษย์ที่สวมชุดสีดำล้วนบ้างก็มีลวดลายบ้างก็ไม่มีหลินเฟยคิดว่าน่าจะใช้แยกศิษย์ที่มีอันดับสูงกว่าจึงมองผ่านๆไป

    เมื่อกลุ่มของนิกายจรัสแสงเดินผ่านประตูมาทุกสายตาล้วนจับจ้องพวกมันไม่เคยเห็นหนุ่มสาวที่หน้าตาหล่อเหลาและรูปโฉมงดงามเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตจากนั้นเพียงไม่นานก็มีชายคนนึงที่หน้าตาทะดล้นยิ่งเดินเข้ามาหาอวิ้นหลันกับเซียนซั่น

    "นี้พวกเจ้ามาจากนิกายไหนกันใยข้าถึงไม่เคยเห็นเครื่องแต่งกายเช่นนี้มาก่อนเลยหล่ะ ? อ้อ ! รึว่าพวกเจ้าจะเป็นนิกายที่พึ่งจะก่อตั้ง ?"

    "หึ ! ถึงนิกายของข้าจะพึ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่จะให้พูดว่าแข็งแกร่งที่สุดเลยก็มิผิด !"อวิ้นหลันหมั่นไส้คนตรงหน้ามากจึงกล่าวถากถางกลับไป

    "ฮ่าๆๆๆ เจ้าช่างน่าสนใจจริงๆน้องชาย ข้าจะรอตอนที่ได้ประมือกับเจ้า ฮ่าๆๆ"มันเดินหัวเราะอย่างสบายใจกลับไปยังลานฝึกที่มีสายตาอาฆาตจ้องมองมาทางพวกเค้าสองคน
    หลังจากที่เดินชมรอบๆและผ่านสายตาของศิษย์ทุกนิกายแล้วหลินเฟยก็พากลุ่มของตนมายังที่พักข้างลานประลองทันทีระหว่างเดินไปยังที่พักนั้นสายตาของเหล่าปรมาจารย์และประมุขนิกายมองมายังเหล่าหญิงสาวทั้งแปดคนของนิกายจรัสแสงพวกมันไม่เคยเห็นหญิงงามขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิตมีศิษย์หลายคนที่เข้าไปทักทายแต่กลับโดนตอบกลับมาแค่เพียงตามมารยาทเท่านั้น

    ส่วนศิษย์หญิงทั้งหลายต่างพากันจับจ้องไปที่ตัวของหลินเฟยที่ชุดนั้นงดงามที่สุดใรหมู่คนในนิกายพวกนางต่างหลงใหลไปกับรูปลักษณ์ที่แสนจะหล่อเหล่าที่แม้แต่บุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในนิกายยังเทียบไม่ได้แม้ลมปากศิษย์หญิงหลายคนอยากจะเข้าไปทักทายใจจะขาดแต่ก็ต้องสำรวมตนไว้แม้แต่นิกายกุหลาบสีเงินที่คนเค้าร่ำลือกันว่าจิตใจของศิษย์ทุกคนที่ล้วนเป็นหญิงเป็นดั่งภูผาที่ไม่มีวันสั่นคลอนกันต้องมาเต้นโครมครามเพราะชายตรงหน้า

    ทันทีที่หลินเฟยนั่งลงบนที่นั่งของประมุขนิกายที่จัดเตรียมไว้ทุกคนต่างอ้าปากค้างทันทีเหล่าศิษย์หญิงที่หลงรักแล้วนั้นพอเจอกับภาพพจน์นี้ของหลิรเฟยยิ่งทำให้ปักใจหลงรักจนอยากย้ายนิกายไปอยู่กับหลินเฟยทันที

    แต่ทุกเสียงก็ต้องเงียบลงเพราะจิตสังหารของประมุขแห่งนิกายไร้นามทำให้สีหน้าของทุกคนดูแย่ทันทีมันยกยิ้มขึ้นมาหวังจะฉีกหน้าของหลินเฟยให้อับอายต่อหน้าผู้คนแต่ทันใดนั้นเอง

    "อั่ก !!"

    มันกระอั่กเลือดออกมาคำโตจนผู้คนต่างตกใจยิ่งเพราะมันโดนจิตสังหารของหลินเฟยสวนกลับมานั้นเองตัวมันนั้นมีจิตสังหารเพียงแค่เท่าลมตดของมดแต่ของหลินเฟยมันเป็นดั่งพญามังกรที่กำลังจะฆ่าใครสักคนนึงซึ่งมันห่างชั้นกันมากมายนักหลินเฟยผิดหวังเล็กน้อยเพราะตนใช้เพียงแค่เสี้ยวเดียวของทั้งหมดเท่านั้นหากตนใช้มากกว่านี้เพียงนิดล่ะก็คงฆ่าประมุขนิกายไร้นามตายคาที่เป็นแน่

    ประมุขแห่งนิกายไร้นามค่อยๆลุกขึ้นช้าๆมันมั่นใจมากๆว่าคนที่ปล่อยจิตสังหารที่มีพลังมหาศาลแบบนี้ได้ต้องเป็นคนที่อายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีเป็นแน่แต่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของมันนั้นคือเด็ก !

    ใช่มันคือเด็กที่กลายเป็นประมุขแห่งนิกายจรัสแสงที่พึ่งจะก่อตั้งมันเช็ดเลือดออกจากปากก่อนจะปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ให้พุ่งตรงไปยังหลินเฟยคนเดียวแต่มันไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อยแถมยังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมอีกหลินเฟยที่เริ่มหงุดหงิดเล็กๆจ้องมาไปยังประมุขนิกายไร้นามทันทีเพียงแค่แรงกดดันที่ส่งไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ประมุขแห่งนิกายไร้นามมีใบหน้าซีดเผือดราวกับศพมันก้มมองพื้นอย่างรวดเร็วเพราะจากท่าทีของหลินเฟยนั้นมันจึงรู้เลยว่าหลินเฟยไม่ได้ใช้พลังเพียงแค่เสี้ยวเดียวเลยแม้แต่น้อย

    จากนั้นเสียงก็เงียบลงอีกครั้งหลังจากประมุขนิกายไป่ลุกขึ้นมาชายชราลูบนวดเคราก่อนจะตะโกนก้อง

    "เปิดงานประลอง ณ บัดนี้ !!!"

    ...ติดตามตอนต่อไป

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ต่อไปนี้ไรต์จะลงไวหน่อยนะครับล่ะก็สั้นหน่อยเพราะไรค์จะต้องไปช่วยงานแต่งงานที่เค้าจัดกันในวันปีใหม่นี้ประมาณ 3-4 วันนะครับงานยุ่งมากจนไม่ค่อยจะมีเวลาแต่งเลยไรต์สัญญาจะไม่ขาดตกบกพร่องแน่ๆครับส่วน ภาคแรก ไรต์จะรีตอนนิยายเรื่องนี้จบนะครับและนิยายเรื่องใหม่จะปล่อยให้อ่านบทนำคร่าวๆแล้วถ้าผมรีภาค 1 เสร็จผมจะแต่งนิยายใหม่เลยนะครับผม

    #ถ้าชอบก็อย่าลิมกดติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรต์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×