ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เส้นทางแห่งแสง [ จบ ]

    ลำดับตอนที่ #67 : บทที่ 37 กระบองทองหรู๋อี้ ภาค ราชันย์ผยองเดช

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.64K
      150
      2 ม.ค. 60

    อวิ้นหลันค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับหอบทวนที่ถูกผ้าห่อเอาไว้ขึ้นไปบนลานประลองและกล่าว

     "ข้าอวิ้นหลัน !! ศิษย์อันดับ 1 แห่งนิกายจรัสแสง !!" 

    สายตาของหญิงสาวทั้งหลายพลันเปล่งประกายทั้นทีถึงแม้ตัวอวิ้นหลันนั้นจะไม่ได้หล่อเหล่าเท่าหลินเฟยแต่นี้มันเรียกได้ว่าหล่อล่มบ้านล่มเมืองเลยก็ว่าได้จากนั้นก็มีร่างของหญิงสาวคนนึงปรากฏอยู่บนลานประลอง  

    "ข้าเมี่ยวอ้าย !! ศิษย์อันดับ 1 แห่งนิกายกุหลาบสีเงิน !! โปรดชี้แนะด้วย !!"

     นางมาในชุดรัดรูปสีขาวอมทองทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งนักใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเมี่ยวอี้และแซ่ที่เหมือนกันนางต้องเป็นพี่ของนางเป็นแน่

     เป๊ง !! ซู้มมมมม !! 

    ทั้งสองปลดปล่อยพลังปราณออกมาหวังจะเอาจริงตั้งแต่เริ่ม  

    เมี่ยวอ้าย พลังปราณระดับจักรพรรดิ ขั้นที่ 4 

     อวิ้นหลัน พลังปราณระดับจักรพรรดิ ขั้นที่ 7! 

    สายตาของทุกคนพลันเบิกกว้างทันทีไม่เว้นแม้แต่เมี่ยวอ้ายที่เป็นคนสุขุมเยือกเย็นเหล่าประมุขทั้งสี่นิกายต่างจับจ้องมายังหลินเฟยทันทีทั้งสี่คนมีคำว่า

     " เป็นไปได้อย่างไร ! " 

    แปะอยู่บนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมี่ยวอ้ายไม่รอช้านางไม่ได้เกรงกลัวคนที่มีระดับมากกว่านางเลยแม้แต่น้อยแต่ที่นางกังวลคืออาวุธของอวิ้นหลันต่างหากเมี่ยวอ้ายควงหอกเป็นวงกว้างเพื่อเพิ่มระยะการโจมตีด้วยความเร็วขนาดนั้นหากคนที่มีระดับน้อยกว่านางล่ะก็คงกลายเป็นชิ้นๆไปเสียแล้วแต่มันไม่ใช่กับอวิ้นหลันที่โดนการฝึกสุดโหดของเหล่าปรมาจารย์ที่อยู่ด้วยกันมาได้สักระยะกับอีแค่ความเร็วเท่านี้มันยังเทียบไม่ได้ครึ่งนึงของความเร็วของซุนเฉินเลยด้วยซ้ำ!

     ฟี้วววว !! ฟุ่บ !!  

    หอกฟาดผ่านตัวของอวิ้นหลันไปราวกับภาพลวงตาอวิ้นหลันที่เท้าอัสนีพุ่งไปรอบๆและใช้ทักษะ อัสนีทะลายภพทันทีเพื่อให้สมดุลของนางแย่ลง นางรีบกระโดดขึ้นฟ้าโดนใช้หอกเป็นตัวส่งนางใช้หอกฟาดปะทะกับอวิ้นหลันที่เอาแต่หลบอยู่อย่างเดียวอวิ้นหลันที่ประมาทมากเกินไปจนตนกลัวว่าจะเป็นผลเสียจึงรีบดึงทวนออกมามันเป็นกระบอกสีดำที่ปลายทั้งสองด้านประดับด้วยทองคำทั้งสิ้นมันคือของที่ได้รับจากซุนเฉินมันคือ " กระบอกทองหรู๋อี้ " ใช่ ! มันคือเสาค่ำสมุทรที่ซุนหงอคงเคยใช้บุกลำลายสวรรค์นั่นเองซุนเฉินได้รับทวนนี้มาจากบรรพบุรุษของตนนามว่าซุนหงอคงที่เป็นต้นกำเนิดของลิงแซ่ซุนทั้งหลาย อวิ้นหลันควงมันได้อย่างง่ายดายแต่น้ำหยักของมันนั้นคือ 18600 ชั่ง !! ซึ่งไม่ใช่ของที่มนุษย์จะเอามาควงเล่นได้เลย 

     ตู้มมมม !!! 

     อวิ้นหลันใช้กระบอกฟาดปะทะกับหอกของเมี่ยวอ้าย

     เคร้ง !!  

    หอกของเมี่ยวอ้ายหักเป็นสองท่อนทันทีมือของนางด้านชาจนไม่รู้สึกถึงแรงสั่นของมือที่เป็นอยู่ตอนนี้นางทรุดลงกับพื้นและกล่าว

     "ข้าขอยอมแพ้ ! น้องชายเจ้าชนะแล้ว"

     อวิ้นหลันยิ้มกริ่มและเดินไปหานางมันยื่นมือให้นางและคุกเข่าลงเหมือนกับเจ้าชายที่กำลังจะประคององค์หญิงให้ลุกขึ้น 

     "แม่นาง...หากท่านไม่ว่าพวกเราไปดื่มน้ำช--!!"

     โป๊ก !!!  

    เซียนซั่นที่เห็นนิสัยไม่ดีของศิษย์พี่จอททะลึ่งของนางก็รีบเดินมาและเขกหัวทันทีแล้วลากอวิ้นหลันไปเก็บ เมี่ยวอ้ายหัวเราะคิกๆก่อนตะลุกขึ้นและเดินกลับไปยังที่พักจากนั้นเสียงประกาศก็ดังขึ้น

     "ผู้ชนะ !! อวิ้นหลันจากนิกายจรัสแสง !!"

     สายตาที่นับถืออวิ้นหลันของเหล่าศิยษ์ต่างนิกายเปล่งประกายขึ้นมาทันทีทั่วทั้งสนามต่างตะโกนเรียกนามอวิ้นหลินก่องไปทั่วสนามจากนั้นเสียงก็หยุดลง

     "หลังจากนี้จะเป็นการประลองของเหล่าปรมาจารย์และประมุขของทั้งห้านิกาย!!"  

    เสียงเฮทั้งหลายดังขึ้นเมื่อได้ยินคำประกาศของประมุขไป่ตอนนี้ดวงตาของศิษย์ของแต่ล่ะนิกายต่างจับจ้องมายังเหล่าปรมาจารย์แห่งนิกายจรัสแสง!

     "ขอให้แต่ล่ะนิกายส่งปรมาจารย์มาหนึ่งคนเพื่อประลองและหลังจากนั้นจะเป็นการประลองของผู้ที่ดำรงตำแหน่งประมุข"

     กรรมการตะโกนก้องหลินเฟยนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับชัยนะครั้งนี้อยู่แล้วแต่เพื่อชื่อเสียงของนิกายหลินเฟยจึงออกคำสั่ง

     "ลี่เอ๋อ !" 

     "เจ้าค่ะ !"

    ลี่เอ๋อในชุดที่สุดแสนจะหรูหราเดินตรงไปข้างหน้าที่พักทันทีจากนั้นก็ค่อยๆเดินขึ้นไปบนลานประลองสายตาที่ตกตะลึงกับความงามของเหล่าชายชาตรีปรากฏขึ้นมาอีกครั้งลี่เอ๋อนั้นยังคงสวยดุยุเช่นเดิมนางมีเสน่ห์ตรงที่สายตาที่ดุดันของนางและผมสีทองที่ไม่เหมือนใครนางยืนนิ่งอย่างมั่นคงอยู่บนลานประลองเพื่อรอคู่ต่อสู้

     "ข้าหลินหงส์ลี่ปรมาจารย์แห่งสำนักจรัสแสงเจ้าค่ะ" 

     ฟุ่บ ! มีร่างของชายชรากระโดดขึ้นมาบนลานประลอง

     "ข้าผู้อาวุโสหลี่ปรมาจารย์แห่งนิกายไร้นาม"ชายชรากล่าวเสียงเรียบ

     เป๊ง !! ฟุ่ง !! ตู้มมม !!

     "อั่ก !! ป...เป็น...เป็นไปได้อย่างไรกัน !!"

     ลี่เอ๋อพุ่งตัวมาด้วยก้าวแห่งแสงและตบที่อกของผู้อาวุโสหลี่เบาๆแต่มันก็เพียงพอจะทำให้ชายชรานั้นทรุดตัวลงทันที ผู้อาวุโสหลี่นั่งกุมอกของตนแน่นมือขวาดันพี้นเพื่อพยุงตนเองไม่ให้ล้มแต่สุดท้าย 

     ฟุ่บ !  

    เค้าล้มตัวลมและหมดสติไปทันทีทั่วทั้งสนามประลองเงียบกริบราวกับป่าช้าเหล่าปรมาจารย์ที่เห็นเหตุการณ์ต่างดวงตาเบิกกว้างประมุขแห่งนิกายไร้นามมีสีหน้าซีดลงทันทีถึงผู้อาวุโสหลี่จะเป็นเพียงผู้อาวุโสในนิกายแต่ความสามารถนั้นก็เป็นที่ยอมรับในยุทธภพนี้แต่กลับพ่ายโดยเวลาเพียงเสี้ยววิ ?

     "สู้ทีล่ะคนมันเสียเวลาน่ะเจ้าค่ะ...ทั้งสามท่านโปรดขึ้นมาพร้อมกันเลยสิเจ้าค่ะ"

     สีหน้าของเหล่าปรมาจารย์มีสีแดงขึ้นด้วยความโกรธคำพูดที่ลี่เอ๋อกล่าวออกมานั้นมันช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!

     ทั้งสามชายชรากระโดดขึ้นมาบนลานประลองทันทีจากนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นทั้งสามคนระเบิดพลังระดับ จักรพรรดิขั้นสูงออกมาทันทีและต่างคนก็ต่างใช้ทักษะที่มีทั้งหมดสาดไปที่ลี่เอ๋อ นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างมั่งคงโดยไม่ได้ขยับเท้าไปไหนเลยแม้แต่น้อยนางยกยิ้มขึ้นมาและปลดปล่อยพลังปราณระดับพระเจ้าออกมาเพียงเสี้ยววิจนไม่มีใครตรวจจับได้และสะบัดมือหนึ่งครั้งคลื่นแสงสีทองแผ่ขยายออกไปรอบๆอย่างรวดเร็วและปะทะเข้ากับร่างของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสาม

     ปึ้งงงง !! ตู้มมมม !!  

    ทั้งสามคนกระเด็นออกมาและนอนจมกองเลือดอยู่ที่ขอบสนามลี่เอ๋อเดินเข้าไปหาทั้งสามคนและยื่นโอสถสีทองให้ทั้งสาม

     "โอสถเม็ดนี้จะช่วยให้พวกท่านฟื้นฟูร่างกายภายในไม่กี่วินาทีนี้เป็นการขอโทษของข้าที่ลงมือหนักโดยใช่เหตุ"

    ลี่เอ๋อกล่าวเสียงรอบก่อนจะหันหลังและค่อยๆเดินกลับมา ทั้งสามคนรีบนำโอสถสีทองเข้าปากทันทีแทนที่มันจะค่อยๆละลายแต่กลับละลายทันทีที่ได้สัมผัสลิ้นกลิ่นหอมๆฟุ่งไปทั่วช่องปากลำคอชุ่มชื่นราวกับพึ่งได้ดื่มน้ำเป็นถังร่างกายรู้สึกสบายอย่างหาใดเปรียบบาดแผลสาหัสที่โดนลี่เอ๋อเล่นงานพลันหายไปราวกับว่าพวกเค้านั้นมิเคยมีรอยขีดขวั่นตามผิวหนังมาก่อนทั้งสามคนตาเบิกกว้างทันทีกับผลลัพธ์ที่บังเกิดขึ้น  

    "นี้เป็นไปได้อย่างไร ? โอสถเม็ดนี้มันคืออะไรกันแน่ ?"

     "สวรรค์ !! ข้าไม่เคยได้ทดลองโอสถที่แสนจะล่ำค่าเช่นนี้มาก่อนเลย !!"

     "ข้าว่านิกายจรัสแสงคงมิใช่นิกายธรรมดาเสียแล้ว"

     ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันไปตามที่พักก่อนกรรมการจะเดินขึ้นมาประกาศ

     "ต่อไปจะเป็นการปะลองฝีมือของประมุขทั้งห้านิกาย"  

    หลินเฟยลุกขึ้นทันทีหลังกรรมการลงจากลานประลองหลินเฟยสาวเท้าไปอย่างสง่าผ่าเผยในมือถือพัดสีดำลวดลายปักษาและอีกมือพาดหลังสายตาของเหล่าศิยษ์หญิงต่างจ้องมองมายังอิริยาบถที่สง่างามและน่าหลงใหลเป็นตาเดียว หลินเฟยกอดอกยกยิ้มและเอี้ยวตัวเล็กน้อยและกล่าว

     "เข้ามากันทั้งหมดนั้นแหละ"

     ...ติดตามตอนต่อไป 

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ปีใหม่แล้วววววว เย้ !!!! ทุกคนเมื่อคืนใครไปเค้าดาวกับแฟนบ้างยกมือขึ้นนนน !!!! อีกไม่กี่วันไรต์จะปล่อยตัวอย่างนิยายใหม่แล้วนะคร้าบบบ !! รออยู่กันมั้ยเอ่ย !?~ หากใครรออยู่ขอให้ไรต์รีภาคแรกเสร็จก่อนนะคร้าบจะไม่ได้ต้องมาคอยกังวลกับรีดหลายคนที่เข้ามาอ่านใหม่ว่าจะไม่พอใจกับเนื้อเรื่องสักหน่อยส่วนคนที่ไม่พอใจตรงที่หลินเฟยให้อภัยครอบครัวของตัวเองง่ายไปก็จงรอดูหลังรีไรท์ซ้ะ ฮึ ฮึ ฮึ !!

     #ถ้าชอบก็อย่าลืมกดติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรต์ตัวน้อยๆคนนี้ด้วยนะคร้าบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×