ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC: RedVelVet] INNOCENT [SeulRene]

    ลำดับตอนที่ #3 : Special: BAE JUHYUN [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      15
      28 มี.ค. 58

    Special: BAE JUHYUN

     

    ฉันไม่เคยชอบคนเสแสร้งเลยสักนิด

     

    เพราะฉันได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หลากนิสัยมาทั้งชีวิตนักศึกษา มันทำให้รู้ว่ารอยยิ้มมันก็คือหน้ากากดีๆนี่เอง

     

    ฉันคบเพื่อน ที่ถึงแม้จะเป็นพวกเที่ยวกลางคืนแต่พวกนั้นก็นิสัยดีมากๆ และแน่ล่ะ มันทำให้ฉันซึมซับนิสัยของสังคมแบบนั้นมา สังคมที่มีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหา ทำตัวอ่อนแอให้ใครๆเขาสงสาร น่าเกลียดจะตาย.

     

    แต่ฉันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าต้องกลับมากลืนน้ำลายตัวเอง

     

    วันนั้น..เป็นวันแรกที่ฉันมาเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แทนแม่อย่างเต็มตัว เพราะฉันเบื่อพวกที่คอยเอาแต่มานั่งจ้องหน้าฉันเวลาทำงานเมื่อตอนมาฝึกงานกับแม่ ฉันจึงจัดการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นสาวแว่นสุดเฉิ่มแทนที่จะแต่งหน้าหรือแต่งตัวแบบเฟี้ยวฟ้าวแบบตอนเที่ยวกลางคืน ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้ลูกค้าหายไปบางส่วน แต่ฉันก็สบายใจมากกว่า

     

    ฉันได้เจอกับนักศึกษาคนนึงที่เป็นลูกค้าของฉันตั้งแต่ตอนที่มาฝึกงานกับแม่  คนที่ทั้งหน้าตา นิสัย และการกระทำดูไร้เดียงสาไปหมดเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เขากลายมาเป็นที่สนใจของฉันเพราะรอยยิ้มที่ดูไม่มีผิดมีภัยของเขา สุดท้ายก็กลายเป็นว่าฉันสนใจทุกอย่างที่เป็นเขาไปหมด.

     

    หลังจากความพยายามในการป้อนอ้อยตั้งแต่วันแรกในฐานะสาวเฉิ่ม  วันนึงที่ฉันได้รับรู้ว่าเขาเองก็เริ่มรู้สึกดีกับฉัน ฉันเองก็รู้สึกดีนะ แต่มันจะดีซะกว่าถ้าเขาชอบทุกด้านของฉันจริงๆ

     

    ฉันคอยแอบมองเขากับเพื่อนที่ชื่อเวนดี้ มันทำให้ฉันรู้สึกหวง ถึงแม้จริงๆแล้วฉันจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน แต่ความใกล้ชิดของพวกเขาก็ทำให้ฉันอิจฉาจนทนไม่ไหวจึงต้องเปิดเผยตัวตนจริงๆของฉันให้เขาเห็นสักที

    ผลสุดท้าย ฉันก็ได้หมีทึ่มคังซึลกีมาเป็นแฟนค่ะ

     

     

    โชว์ที่คณะเหรอ?ฉันถามขึ้นขณะล้างแก้วใบสุดท้ายหลังจากได้ฟังคำชวนของซึลกีที่ชวนให้ฉันไปดูงานที่คณะ

    อื้อ เริ่มช่วงเย็นๆหน่อย มาได้หรือเปล่าคะ?

     “พี่คงต้องดูลูกค้าก่อน ไม่ตกลงรับปากนะฉันหันมาหาเขาทันทีที่วางแก้วไว้ในที่เก็บ พอดีกับที่หันไปเห็นหมีน้อยพยักหน้ารับช้าๆอย่างเข้าใจ

     

    แต่หางตาตี่ๆที่ตกลงนั่นทำให้ใบหน้าใสๆของเขาดูหงอยลงทันตา

     

    ยังไม่ทันได้ตอบว่าจะไม่ไปเลยยกมือดึงแก้มนุ่มนิ่มนั่นอย่างหมั่นเขี้ยวจนเจ้าตัวร้องงือเพราะความเจ็บ ฉันอมยิ้มกับท่าทางที่ดูไร้เดียงสาของคนรักของฉัน เขาน่ารักได้แบบไม่ต้องพยายามเลยจริงๆ

     

    และนั่นมันก็ทำให้ฉันอดใจไม่ไหวบ่อยๆ

     

    แต่ถ้าลองแตะที่ตรงนี้แบบเดียวกันพี่อาจจะตอบทันทีเลยก็ได้นะคะฉันอมยิ้มมุมปากพลางแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากตัวเองและมองคนตัวสูงกว่า ซึ่งดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะเข้าใจได้ไม่ยากอย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย

     

    “..พี่จูฮยอน เรายังไม่ได้ปิดร้าน..”

    ล็อคไว้นานแล้ว แถมพี่ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยฉันดันคนที่ทำท่าเหมือนจะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดจริงๆให้ติดกับเคาน์เตอร์อ่างล้างแก้ว แล้วขยับเข้าไปหาเพื่อจะมองแก้มนิ่มๆนั่นที่กำลังขึ้นสีจัด

     

    คุณไม่รู้หรอกว่าซึลกีดูน่ารักแค่ไหนตอนที่กำลังเขินน่ะ

    หลับตาก็ได้นะฉันพยายามกลั้นยิ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะหลับตา แอบหรี่ตามองคนที่ยังทำท่ากระวนกระวายลังเลว่าจะทำตามที่ฉันบอกหรือไม่บอกดี จนสุดท้ายแล้วที่พอฉันได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของซึลกีอยู่ใกล้ๆปลายจมูกฉันก็เริ่มหลับตาลงให้สนิทอีกครั้ง

     

    แต่การที่ซึลกีหยุดไปซะเฉยๆมันก็ทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้นมาใหม่

     

    คือมันติดแว่นน่ะค่ะคงเพราะว่าเห็นฉันทำหน้างงซึลกีก็เลยพูดออกมาพร้อมกับจิ้มแว่นของฉันแล้วยิ้มบางๆ มันทำให้ฉันผงะไปนิดนึงเพราะลืมไปว่าตัวเองสวมแว่นกลมๆนี่อยู่

     

    แต่จริงๆเบี่ยงองศาก็จูบได้แล้วนี่เขาคงอายเกินไปที่จะทำจริงๆล่ะมั้ง

     

    อ่อจริงสิฉันหันออกมาถอดแว่นที่ทำให้ฉันเป็นสาวเฉิ่มเต็มตัวและพูดเสียงเบา ถ้าเกิดว่าฉันบังคับเขามากไปซึลกีก็คงอึดอัดและรับฉันไม่ได้มากกว่าตอนที่เขารู้ว่าฉันแกล้งอินโนเซ้นท์แน่ๆ

     

    พี่จูฮยอน

    อะไร

     

    อารู้สึกเฟลจังแหะ

     

    แต่ในตอนที่ฉันกำลังพับเก็บแว่นนั่นเข้าที่ จังหวะพอดีกับที่ฉันหันไปถามจากการที่เขาเรียกฉัน ซึลกีที่ขยับเข้ามาเมื่อไหร่รู้ก็ช่วงชิงจังหวะที่ฉันเผลอกดริมฝีปากลงมาพอดี

     

    แบบนี้มันถนัดกว่านี่นาเขาพูดพร้อมกับยิ้มจนตาหยี และนั่นมันก็ทำให้ฉันอดหน้าแดงนิดๆไม่ได้พร้อมกับยิ้มออกมาทีหลัง ก่อนจะจบลงด้วยการที่ฉันเลื่อนแขนไปรั้งเขาเข้ามาใกล้เพื่อให้เราสองคนได้แบ่งปันรสจูบแสนหวานด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง

     

    ฉันบอกแล้วว่าแฟนฉันน่ะน่ารักได้ตลอดเวลาจริงๆ

     

     

     

    ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะคะฉันโค้งให้กับลูกค้าที่กำลังเดินออกไปจากประตูร้าน เมื่อเห็นว่าคนในร้านบางตาลงบ้างแล้ว ฉันจึงเดินกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ ถอดผ้ากันเปื้อน ถอดแว่น คว้าเสื้อโค้ทและฝากร้านไว้ให้จองกุกที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ไว้ให้ดูแลต่อเพราะว่าฉันมีธุระต้องไปทำ

     

    ก็ฉันรับปากซึลกีไว้แล้วว่าจะพยายามไปให้ได้นี่นา

     

    นักศึกษามากหน้าหลายตาเดินกันไปทั่วมหาวิทยาลัยด้วยอาการตื่นเต้นและความสุขอยู่บนใบหน้า มันดูเหมือนกับงานโรงเรียนเลยเสียด้วยซ้ำไป มีซุ้มต่างๆมากมายที่เกี่ยวกับคณะของตัวเอง มีคนบางกลุ่มที่แต่งตัวออกมายืนหน้าซุ้มเพื่อเรียกให้นักศึกษาคนอื่นๆเข้ามาดูงานของตัวเอง

     

    แต่สายตาของฉันมองหาคณะของซึลกีอย่างเดียวแหละนะ

     

    พี่จูฮยอนตอนที่ฉันเดินมาถึงบริเวณคณะของเขา ฉันก็เห็นซึลกีออกมายืนรอฉันอยู่แถวๆแนวรั้วกั้น ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีไอดอลที่ไหนมาหรือเปล่าถึงได้ทำเวทีที่มีผ้าสีขาวเป็นพื้นหลังขึ้นมาแบบนี้ แต่นั่นก็ไมได้ทำให้ฉันอยากรู้ไปมากกว่าเสื้อผ้าที่ซึลกีกำลังใส่อยู่เลย

     

    ซึลกีอยู่ในชุดสูทสีดำลายทางกับกางเกงสกินนี่สีดำเข้ากัน ทำให้ฉันมองเห็นรูปร่างของเขาได้อย่างชัดเจน มันเพราะว่าเขาตัวสูง การแต่งตัวแบบนี้มันจึงดูเท่ห์และเข้ากับซึลกีเอามากๆ

     

    เธอดู..ดีมากๆเลยนะ

    จริงเหรอคะ?” ซึลกีหน้าแดงนิดๆหลังจากที่ฉันพูดไป ก่อนที่เขาจะพาฉันไปด้านหลังเวทีที่เพื่อนๆของพวกเขาอยู่ ซึลกีไม่ได้บอกใครเรื่องที่จริงๆแล้วฉันไม่ใช่ยัยเฉิ่มใส่แว่น เพราะเวนดี้ยังทักเรื่องแว่นของฉันว่าไม่ใส่มันแล้วจะมองเห็นได้ยังไงอยู่เลย

     

    ฉันต้องไปเตรียมข้างเวทีแล้วล่ะ

    งั้นฉันไปรอดูเธอข้างหน้าแล้วกันนะซึลกียิ้มให้ฉันอย่างเคย ก่อนที่เขาจะเดินตามเพื่อนๆไป และฉันเองก็ไปอยู่ด้านหน้าเวทีเหมือนนักศึกษาคนอื่นๆอย่างรู้หน้าที่เช่นกัน แต่ฉันแอบแปลกใจไม่น้อยที่ใช้เวลาไม่นานนักศึกษาที่เดินไปเดินมาทั่วมหาลัยก็มารวมตัวอยู่ที่หน้าเวทีที่พวกซึลกีกำลังจะขึ้นแสดงกันเรียบร้อยแล้ว

     

    พิธีกรกล่าวดำเนินงานไม่นานนักหลังจากเสียงปรบมือเกิดขึ้น พวกซึลกีก็พากันลากเก้าอี้ออกมา ฉันขมวดคิ้วนิดหน่อยว่าแสดงอะไรทำไมถึงต้องมีเก้าอี้ถึงสามตัวด้วย แต่สงสัยได้ไม่นานนัก เสียงซาวน์ดนตรีก็ดังขึ้น พร้อมกับที่ทั้งสามคนค่อยๆขยับตัวไปตามจังหวะ

     

    ฉันอึ้งไปหลายนาทีกว่าทันทีที่เห็นซึลกีกำลังเต้นเพลง be natural ของวง SES อยู่บนเก้าอี้  ฉันไม่ได้ตกใจที่ว่าทำไมเด็กๆพวกนั้นถึงเอาเพลงเก่ามา แต่ฉันกำลังตกใจเพราะว่าตัวเองชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคนที่ฉันกำลังดูอยู่คือคังซึลกีคนเดียวกับที่ฉันรู้จัก

     

    ฉันพูดเลยว่าต้นฉบับของเพลงท่าเต้นมันไม่ได้ดูฮอตขนาดนี้

     

    ทุกครั้งที่เป็นพาร์ทของซึลกี ฉันสังเกตว่าผู้คนจะกรี๊ดกร๊าดเขาเป็นพิเศษ  อาจเพราะคาริสม่าที่เขาเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่อง กับสัดส่วนหุ่นของเขาที่ใครๆเห็นก็รู้ว่าซึลกีมีหุ่นที่ดีจนน่าอิจฉา

    แต่สำหรับฉัน….ซึลกีกลับดูน่ากินมากกว่าครั้งไหนๆ

     

    ฉันยิ้มมุมปากเมื่อคิดอะไรดีๆได้ว่าจะทำยังไงกับคนที่เซ็กซี่เป็นแต่ไม่คิดจะบอก

     

     

     

     พี่จูฮยอน!” ซึลกีร้องเสียงหลงทันทีที่ฉันผลักเขาลงไปนอนบนเตียงของฉัน แม้ว่าเขาทำท่าจะลุกขึ้นมาเพราะความตกใจแต่ฉันก็ยึดตัวเขาไว้ไม่ให้ลุกออกไปได้ง่ายๆหรอกนะ

     

    ถ้าถามว่ามาลงเอยที่นี่ได้ยังไง ก็หลังจากที่เสร็จสิ้นกิจกรรมในคณะของเขาแล้ว ฉันก็บอกให้จองกุกเก็บร้านให้เรียบร้อย ส่วนตัวฉันก็บอกซึลกีว่าจะเอาของที่บ้านและอยากให้ไปด้วยกัน และเขาก็ว่าง่ายซะด้วยสิ..

     

    ก็เด็กมันเชื่องนี่นะ

     

    ดูเหมือนว่า พี่จะยังรู้จักซึลกีไม่หมดสินะคะ ฉันค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของซึลกีออกทีละเม็ดพร้อมกับกรีดยิ้มไปด้วย คุณต้องเห็นจริงๆนะว่าเขาน่ะหน้าแดงขนาดไหนตอนที่ถูกฉันจูบแล้วเผลอครางออกมา

     

    โอ้ะไม่ได้สิ

     

    ……..ฉันเป็นคนเดียวที่ดูได้ต่างหาก







    ----------------------------------
    END ค่ะ :X


    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×