ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF & OS) คลังลั่นฟิค`s ขี้ตะไคร่ | CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #14 : [SF] CURSE | 02

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.64K
      160
      20 เม.ย. 61






    * ไม่มีความสมจริง ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์อะไรมารองรับเลยฮับ
    เป็นจินตนาการเพื่อความบันเทิงล้วนๆ *



     

    CURSE - 2

     

     

    “คุณแบคฮยอนกำลังตั้งครรภ์ครับ”

     

    เมื่อสิ้นเสียงของคุณหมอแบคฮยอนก็รู้สึกราวกับว่าโลกพังไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาที่เป็นผู้ชายเนี่ยนะจะท้อง

     

    “มะ..หมอล้อกันเล่นใช่ไหมครับ”

     

    “ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับมันไม่เคยเกิดกรณีอย่างนี้มาก่อน แต่ผมได้ตรวจดูหลายครั้งแล้วและผลก็ออกเหมือนกันทุกครั้งว่าคุณกำลังตั้งครรภ์จริงๆ ครับ”

     

    “ตะ..แต่ผมเป็นผู้ชายนะหมอ ผะ..ผู้ชายจะท้องได้ยังไง!!?” แบคฮยอนพยายามหาข้อโต้แย้งแม้จะดูไร้ประโยชน์หากมาเทียบกับผลการตรวจจากแพทย์

     

    “ผมก็ไม่สามารถที่จะอธิบายถึงขนาดนั้นได้นอกซะจากว่าเราต้องผ่าพิสูจน์ แต่ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะจะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องและตัวคุณเอง”

     

    ” แบคฮยอนเงียบหมดคำที่จะพูดต่อเพราะเขารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา

     

    “ผมขอถามได้ไหมครับว่าใครเป็นพ่อของเด็กเขาควรจะทราบเรื่องนี้หรือว่านาย?” ประโยคหลังจงแดหันไปถามเพื่อนร่างสูงที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างเตียง

     

    ” ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    “ผมไม่รู้ว่าใครเพราะผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน”

     

    “เอ่อ” คราวนี้เป็นจงแดที่ไม่มีคำจะพูด

     

    คุณหมอหนุ่มแทบจะมืดแปดด้าน เป็นผู้ชายที่ท้องได้ว่าแปลกแล้วแล้วยิ่งไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนยิ่งแปลกไปกันใหญ่ แล้วตัวอ่อนในท้องมันเกิดการปฏิสนธิกับอะไรล่ะวะนั่น จะทำการผ่าพิสูจน์ก็ไม่ได้เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงว่าจะตายทั้งแม่และเด็ก

     

    แต่ถึงแม้จะเป็นกรณีที่แปลกประหลาดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ด้วยจรรยาบรรณแพทย์ จงแดก็จะขอทำหน้าที่ในส่วนของหมอให้ดีที่สุด

     

    “ยังไงผมจะรับคุณแบคฮยอนเป็นคนไข้พิเศษนะครับ และผมพอจะรู้จักกับหมอสูติฯที่จะช่วยเก็บเรื่องของคุณเป็นความลับไว้ได้ผมขออนุญาตบอกเรื่องของคุณเพื่อให้เขาเตรียมการไว้นะครับ”

     

     

    “เอ่อมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับได้ แต่ผมอยากให้คิดว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาเลือกที่จะมาเกิดกับคุณนะครับ”

     

     

    จงแดได้แต่ยิ้มแห้งที่คนไข้บนเตียงเฉยเมยต่อคำปลอบโยนของเขา แต่เขาก็เข้าใจว่าอาจจะต้องใช้เวลาซักพักที่จะต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาก็เจอคนไข้ประเภทนี้มาเยอะเหมือนกัน สิ่งที่คนเป็นหมอพอจะทำได้คือให้คำแนะนำและรักษาคนไข้อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องกำลังใจนั้นคงต้องให้คนรอบข้างของคนไข้ช่วยอีกแรง

     

    “ชานยอล”

     

    “อือ”

     

    “คุยด้วยหน่อย”

     

    ชานยอลจึงลุกตามคุณหมอจงแดออกไปนอกห้องอย่างรู้กัน เพราะคงจะมีเรื่องที่ไม่สามารถให้แบคฮยอนรู้ได้ทั้งสองจึงออกมาคุยกันที่นอกห้องตามเดิม

     

    “คุณแบคฮยอนดูซึมไปเลย ยังไงนายก็เป็นคนใกล้ชิดเขาที่สุดก็ช่วยดูแลเขาด้วยนะ ถ้าขืนยังปล่อยให้เป็นแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายกับเด็กในท้องได้”

     

    “ได้” ชานยอลรับปาก

     

    “พรุ่งนี้ก็พากันไปฝากครรภ์ได้เลยนะ ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องหมอสูติฯให้เอง”

     

    “อืม ขอบใจนายมากๆ”

     

    “ไม่เป็นไรคุณแบคฮยอนเป็นรูมเมทนายหนิ ก็ช่วยๆ กันไป” จงแดตบบ่าอีกฝ่ายไม่แรงมากแล้วขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

     

    ชานยอลเปิดประตูเข้าไปในห้องพักคนไข้อีกครั้งก็ยังเห็นว่ารูมเมทไม่มีท่าทีจะขยับไปไหนยังคงนอนซึมอยู่บนเตียง เขาไม่แปลกใจเลยถ้าอีกคนจะมีอาการเช่นนี้เพราะถ้าเป็นชานยอลก็คงช็อคไม่ต่างกันนัก แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกยังไงบ้างและจะทำยังไงต่อไป

     

    “เอ่อ..พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากครรภ์นะ”

     

     

    “ผมจะกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วก็เอาของมานอนเฝ้าคุณคืนนี้ คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม?”

     

     

    “อ่า คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?”

     

    “ครับ” แบคฮยอนเอ่ยตอบสั้นๆ แล้วพลิกตัวนอนตะแครงหันหน้าไปทางประตู

     

    “งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนนะ”

     

    ชานยอลลุกขึ้นแล้วจัดการกระชับผ้าห่มให้ห่มตัวอีกฝ่ายดีๆ ก่อนจะเดินไปที่ประตูก็ไม่วายหันมามองหน้ารูมเมทที่นอนอยู่บนเตียง พอเห็นว่าหลับอยู่จึงเปิดประตูแล้วเดินออกไป

     

     

    CURSE

     

     

    วันนี้ชานยอลลางานหนึ่งวันเพื่อพารูมเมทมาหาหมอสูติฯเพื่อฝากครรภ์โดยเฉพาะ ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้ถึงจะเป็นรูมเมทกันแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น แต่เพียงว่าชานยอลเป็นคนใกล้ชิดอีกฝ่ายมากที่สุด จะให้อีกฝ่ายมาทำอะไรตัวคนเดียวก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และจงแดก็ได้ฝากให้คนอย่างเขาดูแล..เขาก็ไม่อยากจะขัดคำสั่งหมอซักเท่าไหร่

     

    “สวัสดีครับคุณแบคฮยอนและคุณชานยอล ผมรู้เรื่องแล้วนะครับเชิญนั่งก่อนเลย”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    ชานยอลตอบรับและค่อยๆ ประคองร่างเล็กให้เดินเข้าไปในห้องของหมอสูติฯพร้อมกับเข็นเสาน้ำเกลือให้ตามหลังร่างเล็กเข้าไป

     

    “ผมนายแพทย์คิม จงอินจะเป็นแพทย์ประจำตัวคุณแบคฮยอนนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องของคุณจะรั่วไหลไปข้างนอกเพราะผมเก็บความลับได้เป็นอย่างดีด้วยเกียรติของแพทย์เลยครับ ฮ่าๆๆๆ”

     

     

     

    คุณหมอจงอินเป็นคุณหมอที่ดูจะร่าเริงไปหน่อย แต่ก็นั่นแหละชานยอลกับแบคฮยอนไม่มีท่าทีคล้อยตามเลยซักนิด นั่นก็ทำให้คุณหมอผิวสีแทนเสียเซลฟ์นิดหน่อย

     

    “อะแฮ่ม! เข้าเรื่องกันดีกว่า คุณแบคฮยอนอืมม..ตั้งครรภ์ได้สี่สัปดาห์แล้ว ยินดีด้วยนะครับ เย้!

     

     

     

    โอเค จงอินจะจริงจังแล้วก็ได้

     

    “อะแฮ่มๆ ครับ เพราะตัวคุณแบคฮยอนมีเพศสภาพเป็นผู้ชายอาจจะให้คำแนะนำที่ยากนิดหน่อยเพราะผมไม่เคยเจอเคสผู้ชายท้องได้มาก่อน แต่คุณได้บอกว่ามีอาเจียนกับอาการวูบไปก่อนหน้านี้ อาจเป็นไปได้ว่าจะมีอาการเหมือนคนท้องทั่วๆ ไป”

     

    “ครับ”

     

    “ครับ ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน รู้สึกเหนื่อยง่าย ง่วงนอนบ่อยๆ อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ หรือบางทีก็เหม็นอาหารที่ปกติชอบทาน อาการเหล่านี้คืออาการของคนท้องปกตินะครับไม่ต้องตกใจ”

     

    “แล้วจะเป็นตลอดตอนท้องเลยเหรอครับ?” ชานยอลเอ่ยถามขึ้น อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ไว้เพื่อเอาไว้ใช้ดูแลแบคฮยอน

     

    “เป็นคำถามที่ดีมากครับคุณพ่อมือใหม่ คำตอบคือไม่ครับเมื่อเข้าสู่เดือนที่สี่อาการเหล่านี้ก็จะหายไป”

     

    “เอ่อผมไม่” ชานยอลพยายามจะปฏิเสธที่คุณหมอกำลังเข้าใจผิด แต่จงอินก็ชิงพูดกับคนข้างกายเขาเสียก่อน

     

    “เอาล่ะครับคุณแม่มือใหม่ ในเคสที่หายากแบบคุณผมอยากให้คุณดูแลตัวเองให้ดีที่สุดนะครับ เพราะหากเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นมาเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเสียลูกไปในทันที พูดง่ายๆ ก็คือแท้งลูกนั่นเองครับ”

     

     

    แบคฮยอนบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลยยามได้ยินคำว่าจะเสียลูกหรือแท้งลูก มันทั้งรู้สึกดีที่จะได้ไม่ต้องมารับภาระ แต่ก็หน่วงๆ ไปในเวลาเดียวกัน

     

    “และหลังจากนี้ผมก็จะขอนัดเพื่อดูพัฒนาการครรภ์ของคุณแม่สองครั้งต่อหนึ่งเดือนนะครับ เป็นกรณีพิเศษ” คุณหมอจงอินยิ้มอย่างใจดีแล้วก้มหน้าจดเวลานัดหมายในรอบต่อไปลงในสมุดบันทึกสุขภาพคุณแม่และเด็ก “ไม่ว่าจะไปไหนขอให้คุณแม่พกสมุดเล่มนี้ไว้ตลอดนะครับ เผื่อมีกรณีฉุกเฉิน”

     

    “ขอบคุณมากครับ” แบคฮยอนยื่นมือไปรับสมุดเล่มสีชมพูไว้กับตัว และชานยอลก็ดึงเบาๆ จากมืออีกคนไปถือไว้ให้เอง

     

    “น่ารักจังเลย” จงอินยิ้มและเอ่ยชมกับการกระทำน่ารักๆ ของพ่อแม่ด้านหน้าเขา “ยังไงคุณพ่อกับคุณแม่มือใหม่สามารถซื้อหนังสือพัฒนาการการตั้งครรภ์มาอ่านไว้เพื่อศึกษาบ้างก็ดีนะครับ จะได้รับมือและเตรียมพร้อมได้เสมอ”

     

    “ขอบคุณมากครับ”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    เอาเถอะมาขนาดนี้แล้วชานยอลก็ไม่รู้จะแก้ไขความเข้าใจผิดของคุณหมอจงอินคนนี้ยังไงดีว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กคนนี้ แต่อีกนัยนึงก็ไม่อยากให้ใครอีกคนที่อยู่ข้างๆ เขาต้องคิดมาก

     

    เอาเป็นว่าถึงจะไม่ใช่พ่อของเด็กจริงๆ แต่ก็จะดูแลให้เทียบเท่าให้ได้แล้วกัน



     

     

    เมื่อฝากครรภ์เรียบร้อยแล้วคุณหมอก็อนุญาตให้แบคฮยอนกลับบ้านได้ พร้อมกับยาบำรุงครรภ์ต่างๆ ที่คุณหมอจงอินขนมาให้สารพัดและยังกำชับอีกด้วยว่าให้รับประทานอย่างต่อเนื่องห้ามลืมเด็ดขาด

     

    “เอ่อ..เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ชานยอลบอกแบบนั้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กจะเข้ามาขนกระเป๋าของตัวเองออกไป คงไม่ดีแน่หากจะให้คนกำลังท้องยกของหนักๆ

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    ทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถของชานยอลโดยมีเจ้าของรถเป็นคนขับ แบคฮยอนที่นั่งข้างคนขับก็ดูจะเหม่อลอยไม่พูดไม่จาเลยซักคำเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

     

    “คุณอยากแวะทานอะไรก่อนไหม?” ชานยอลเอ่ยถามอีกฝ่าย อย่างน้อยการเริ่มต้นคุยกันระหว่างเราอาจจะทำให้อีกฝ่ายหายซึมไปได้บ้าง

     

    “ไม่ครับ”

     

    “อ่า ครับ”

     

    ชานยอลก็ใช่ว่าจะพูดเก่ง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นมายังไงบ้าง เอาตามตรงคือชานยอลเป็นคนที่มนุษย์สัมพันธ์ค่อนข้างแย่ในระดับนึง จะให้เขามาคุยอย่างสนิทสนมเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ และเรื่องการดูแลเทคแคร์คนอื่นเขาก็ทำได้แย่พอๆ กัน แฟนคนล่าสุดที่คบก็คือตอนเรียนจบเลยล่ะ แต่พอมาทำงานเขาก็บ้างานแบบสุดๆ จึงไม่มีเวลาหาใครมาดูแลเลย

     

    แล้วยิ่งกับคนท้องที่ก็เป็น..ผู้ชายด้วยนี่สิ ชานยอลก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะดูแลไหวอย่างที่รับปากเพื่อนที่เป็นหมอได้หรือเปล่า

     

    เมื่อมาถึงบ้านแบคฮยอนขอตัวไปพักผ่อนในห้อง ชานยอลจึงอาสาที่จะขนของเข้าไปเก็บไว้ข้างในให้เอง อย่างที่บอกว่าชานยอลลางานไว้หนึ่งวันเพราะฉะนั้นวันนี้เขาจึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะชานยอลไม่เคยลางานเลยซักครั้ง นี่จึงถือเป็นครั้งแรกที่ตนเองว่างในวันปกติ

     

    แต่ก็ใช่ว่าจะว่างจนไม่มีอะไรทำเลย เมื่อขนของลงจากรถเสร็จหมดแล้วชานยอลก็เอาโน้ตบุ๊กมาเปิดเช็คงานที่อยู่ในเมลของตัวเอง แล้วก็เผลอทำงานไปเรื่อยๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าๆ แล้ว ซึ่งเสียงเปิดน้ำในครัวทำให้เขาละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเงยขึ้นมามองหาต้นเสียง

     

    ชานยอลถอดแว่นสำหรับใส่ไว้ทำงานที่หน้าจอโน้ตบุ๊กออก แล้วเดินไปยังครัวที่ปรากฏร่างเล็กของคนที่ควรจะนอนอยู่ที่ห้องของตัวเองแต่ตอนนี้มายืนซาวข้าวเพื่อที่จะหุงข้าว เขาลืมไปเลยว่าหน้าที่หุงข้าวเป็นของแบคฮยอน

     

    แล้วเมื่อหุงข้าวเสร็จก็เหมือนจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก ชานยอลจึงเอ่ยถามขึ้นมาในทันที

     

    “จะไปไหนเหรอ?”

     

    “อ่า..ผมจะไปซื้อกับข้าว วันนี้เป็นเวรผม”

     

    แล้วเขาก็ลืมอีกว่าวันนี้เป็นเวรที่แบคฮยอนจะต้องไปซื้อกับข้าวมาทานมื้อเย็นด้วยกันตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ไอ้อาการที่อยากจะอาสาขอไปเองนี่มันอะไร

     

    “เดี๋ยวผมไปเอง”

     

    ก็แค่นั้นแหละชานยอล

     

    เราสองคนนั่งกินข้าวอย่างเงียบๆ เช่มเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มันแปลกตรงที่แบคฮยอนกินน้อยลงจนแทบไม่ได้กิน ส่วนชานยอลก็มองร่างเล็กมากกว่าเดิมจนอีกคนเงยหน้ามามองกลับจึงหลุดสะดุ้งตัวไปนิดนึง

     

    “คุณจะบอกพ่อแม่เรื่อง เอ่อ..ที่คุณท้องไหม?”

     

    “คงไม่ล่ะ”

     

    “ทำไมล่ะครับ คุณควรจะบอกพวกท่านให้รับรู้ พวกท่านอาจจะช่วย

     

    “ผมอิ่มแล้วขอตัวนะครับ”

     

    บทสนทนาที่เปิดโดยชานยอลถูกจบโดยแบคฮยอนอย่างไร้เยื่อใย ร่างเล็กรีบเก็บจานแล้วเข้าไปในห้องของตัวเองโดยไว โดยไม่ได้เหลียวแลคนที่มองตามทุกการกระทำอยู่ที่โต๊ะอาหารเลย

     

    ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่แต่เพียงว่าจะให้เขาบอกยังไง บอกว่าตัวเองอยู่ดีๆ ก็ท้อง แล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กถ้ามันเลวร้ายกว่านั้นคือมีคนอื่นรู้ว่าเขาท้องทั้งๆ ที่เป็นผู้ชาย แล้วพ่อแม่ของเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่มีลูกชายแปลกประหลาดแบบนี้

     

    ลำพังตัวเขาจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงกับท้องที่มันจะต้องโตขึ้นทุกวันๆ แบคฮยอนไม่ดีใจเลย..ไม่ดีใจเลยซักนิดที่เขาท้องได้ เขากลับรู้สึกโกรธที่มีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาเกิดในท้องของเขา เด็กคนนี้กำลังจะทำลายชีวิตเขา และก็รู้สึกโกรธตัวเองมากเช่นกันที่เขาทำร้ายเด็กคนนี้ไม่ลง

     

    มันมีอยู่แค่หนึ่งคำถามในความคิดของแบคฮยอนตอนนี้ว่า

     

    จะทำยังไงต่อไปดี

     

    ใช่ จะทำยังไงกับชีวิตของตัวเองแล้วดันมาท้องได้ดี

     

    แบคฮยอนทั้งไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรซักอย่างในชีวิตที่จะสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ เขาจะทำยังไงกับค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้น เขาจะทำยังไงที่จะต้องแบกท้องใหญ่ๆ ออกไปข้างนอก แล้วคนอื่นจะมองเขายังไง..เขาจะรับสายตาที่คนอื่นมองมาได้ไหม

     

    ทำไมแค่คิดถึงอนาคตมันก็เหนื่อยแล้ว

     

    ทำไมชีวิตของแบคฮยอนมันถึงได้ไม่ได้เรื่องแบบนี้ พอมองย้อนกลับไปที่ตัวเองในอดีตแล้วก็ได้แต่คิดว่าทำไมเขาถึงต้องไปเที่ยวกลางคืนทุกวัน ทำไมเขาไม่หางานทำ ทำไมเขาจะต้องโกหกพ่อแม่เพื่อหลอกขอเงินพวกท่านมา

     

    ก็ได้แต่เกลียดตัวเองที่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ตอนที่มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว














    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×