คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #45 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Panthera & The rose garden(2) (Part4)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 4/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เสียงน้ำที่เอ่อล้นล้นจากบ่อขนาดใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ
กระทบกับพื้นหินเย็นเฉียบ
ไอน้ำสีขาวลอยคลุ้งบดบังความสวยงามของผนังหินที่มีโคมไฟลวดลายวิจิตรคอยให้ความสว่าง
ร่างของเด็กหนุ่มในชุดกระโปรงยืนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งข้างๆกับบ่อน้ำร้อน
มีโอกาสตั้งมากมายให้เขาหนีออกไปจากปราสาทนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
...ลูฟี่ทำแบบนั้นไม่ได้
ดวงตากลมโตหรี่ลงด้วยความรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก
พยายามหาสาเหตุที่ตัวเองไปไหนไมได้แบบนี้... อาจเพราะการขยับขาสำหรับเขามันช่างยากลำบากเหลือเกิน
นิดหน่อยความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาแล้ว...
เวลาผ่านมานานเท่าไรแล้วกันแน่ เขาจะหาทางกลับไปได้ยังไง
ถ้าหากลองถามคนที่นี่ดู คนพวกนั้นจะพาเขาออกไปได้หรือเปล่านะ... ไม่ใช่เวลาที่ควรจะมาอยู่ที่นี่แล้วด้วยสิ
จริงสิ... ถ้ามีโทรศัพท์อยู่คงพอทำอะไรได้บ้าง
กระเป๋า... กระเป๋าของฉันอยู่ที่ไหน?
คนตัวเล็กที่อยู่ๆก็ปิ๊งไอเดียดีๆขึ้นมารีบหันมองซ้ายขวา
จากนั้นสีหน้าเหวอๆจึงค่อยๆปรากฏขึ้นมาด้วยความตกใจ ….จะไปมีได้ยังไงกัน
ดันไปลืมวางไว้ตอนที่เปลี่ยนเป็นชุดนี้แล้วต่างหากล่ะ...
ก่อนที่สายตาคู่เดิมจะทอดมองไปยังร่างของใครอีกคนที่ยืนอยู่ในน้ำ
ร่องรอยตามแขนขาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับลูฟี่ไม่น้อย ...ภายใต้เสื้อผ้าสีครึ้มที่แสนดูดีเหล่านั้นปกปิดลวดลายที่เหมือนกับเสือดาวที่ขึ้นเต็มทั้งแขนขา ...ผิวสีเหลืองกับลวดลายสีดำที่ตัดกันกำลังกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
ถ้าหากมองไม่ผิดไป นั่นคือสิ่งที่เหมือนกับหางกำลังพ้นขึ้นมาจากผิวน้ำอยู่ด้วย...
ผู้ชายคนนี้... เป็นเสือจริงๆด้วย
สุดยอดเลย... เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ
ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเด็กหนุ่ม
คิ้วเรียวขมวดยุ่งเข้าหากันด้วยความสับสน ทั้งชื่นชมและแปลกใจไปพร้อมๆกัน
แต่ขณะนั้นก็โดนใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันพูดแทรกขึ้นมาเหมือนจะตำหนิ
“ ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น... ไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำของข้ามาสิ อยู่บนชั้นนั่น ” สายตาคมจ้องนิ่งที่ใบหน้าหวาน เรียกสติคนตัวเล็กให้สะดุ้งขึ้น
ก่อนเดินออกไปหยิบชุดคลุมตามสายตาที่ร่างนั้นนำไปด้วยใบหน้างงๆ
แรงส่งให้เดินไปมันพาลเหลือน้อย
เมื่อความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อมันทำให้ท่าเดินไม่เสถียรนัก
ทำไมเขาจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ... ชักจะเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง
“ ใส่ให้ข้า... ”
พอหันหลังจะเดินกลับไป
ก็พบกับร่างสูงของอีกคนที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ...น้ำเกาะพราวตามผิวหนังและร่างกายสมส่วนนั้น ในสภาพที่ไม่มีอาภรณ์ใดๆสวมใส่
อดทำให้ลูฟี่ตกใจไม่ได้ แถมยังออกคำสั่งให้ใส่ให้เรียบร้อยอีกต่างหาก
ลูฟี่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะหงุดหงิดเล็กน้อย ...ตอนนี้เขากำลังอยากกลับบ้านที่สุด กระโปรงที่รุ่มร่ามนี่ส่งผลให้ร่างเล็กขยับตัวลำบากแถมยังเปียกน้ำด้วยอีกต่างหาก
รวมกับความเจ็บที่ขาเข้าไปมันช่างชวนให้หงุดหงิดดีจริงๆ
เลิกออกคำสั่งซักทีเถอะน่า...
ถ้าไม่ติดว่ามายืนขวางอยู่ข้างหลังแบบนี้เขาคงเดินหนีไปแล้ว
แต่ด้วยความสูงของอีกฝ่ายที่มากกว่า คนตัวเล็กที่ตั้งใจจะรีบๆใส่ให้แล้วออกไปจากที่นี่จึงจำเป็นต้องเขย่งตัวขึ้น
ความยาวของกระโปรงที่ถูกยัดเยียดให้ใส่ดันมีมากเกินไป
ไหนจะพื้นห้องน้ำลื่นๆแบบนี้ด้วย...
“ เหวอ...!! ” เท้าเจ้ากรรมดันไปสะดุดชายกระโปรงที่เกะกะเข้าอย่างจัง
คนตัวเล็กกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่ในอากาศ... อีกไม่ถึงวิเขาต้องหงายหลังหัวฟาดฟื้นแน่ๆ
หมับ...
พลันแขนแกร่งของใครอีกคนก็โอบเข้าหาเอวบางของร่างนั้นได้อย่างทันท่วงที
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองกลับไปยังผู้ช่วยชีวิตอย่างอึ้งๆ
ปนกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ร่างกายของอีกฝ่ายที่ยังคงไร้เครื่องปกปิดบดเบียดเข้ากับร่างกายของเขา
สายตาคมดุจพยัคฆ์คู่นั้นเองก็กำลังจ้องมาในนัยน์ตาของเขาเช่นกัน...
ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ... แต่แปลกชะมัด
สิ่งที่อยู่ใต้อกนี่มันกระตุกเร็วไม่เป็นจังหวะอย่างบอกไม่ถูก...ทำไมกันนะ
“ อ..เอ่อ ขอบคุณนะ ...แล้วก็ขอโทษ ฉันทำชุดคลุมนายเปียกหมดแล้ว ” พอกลับมายืนที่เดิมได้ก็รีบเอ่ยปากขอโทษ ชูชุดคลุมในมือที่มีรอยน้ำเปียกเป็นปื้นในอีกฝ่ายดูพร้อมรอยยิ้มแหยๆ
“ เดี๋ยวฉันไปหยิบให้ใหม่ก็ได้ ”
“ เดี๋ยว ” แขนบอบบางถูกมือของคนตัวสูงคว้าเอาไว้ได้ก่อนที่จะก้าวออกไปอีกครั้ง
ส่งให้เจ้าของใบหน้าหวานหันกลับมามองด้วยความงุนงง
คนๆนี้ทำให้ภาพอสูรที่เขาสร้างมาพลันสั่นคลอน ...สมองมันสั่งการให้เอื้อมมือไปประคองร่างนั้นไว้โดยอัตโนมัติ
ด้วยกลัวคนตัวเล็กจะได้รับบาดเจ็บจากเขาคนนี้ไปมากกว่าเดิม
ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ...
“ เจ้าเจ็บขางั้นหรือ... ” ดวงตาคมกริบจ้องเข้าไปในแววตาสุกใสนั้น
เจ้าตัวจึงพยักหน้าเบาๆกลับมาเป็นคำตอบ ...มันช่างเดาได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน
ว่าอาการบาดเจ็บนี้มันมีสาเหตุมาจากตัวเขาเอง...
คงจะเป็นในตอนนั้น... ที่เขาเหวี่ยงร่างกายที่บอบบางน่าทะนุถนอมนี่ลงกับพื้นอย่างไม่ปราณี
กลายเป็นเจ้าของร่างกายที่มีลวดลายเหมือนกับเสือที่เดินเข้าไปหยิบผ้าขนหนูบนชั้นมาเอง
แล้วนำสิ่งนั้นมาพันรอบเอวตัวเอง
มือของเขารวบเอาร่างบางตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขนในท่าเจ้าสาว
คนที่ยังลำดับเหตุการณ์ไม่ได้เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ
แขนเล็กเผลอโอบรอบคอของอีกฝ่ายไว้ด้วยความกลัวตก
“ ด...เดี๋ยว! นายกำลังจะทำอะไร! ” ร่างทั้งร่างที่อยู่ๆก็ลอยขึ้นมาจากพื้นส่งให้ใบหน้าหวานนั้นซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
และคำถามที่ถูกส่งออกมาตามราวกับว่าถูกอีกฝ่ายตั้งใจเมินเฉยไปทั้งอย่างนั้น
ปลายเท้าของตัวสูงเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ผ่านอีกหลายห้องที่ลูฟี่ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
จนกระทั่งมาหยุดในห้องที่มีเตาผิงกับเก้าอี้ยาวที่ถูกสลักด้วยลวดลายสวยงาม
และบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงอย่างดี
ร่างเล็กถูกวางลงบนเก้าอี้ตัวนั้นอย่างแผ่วเบา
คนตัวสูงเดินหายไปซักพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีครึ้ม
ในมือมีสิ่งที่เหมือนกับกระปุกอะไรบางอย่าง
ข้อขาของคนตัวเล็กถูกมือของอีกฝ่ายคว้าออกมา
ก่อนที่เขาจะเปิดกระปุกนั้น บางอย่างที่มีกลิ่นหอมฉุนถูกแตะลงที่ปลายนิ้ว
ก่อนที่คนตัวสูงจะนวดคลึงบริเวณข้อเท้าของร่างบางที่เปล่งบวมจนเห็นได้ชัด... ลูฟี่เบิกตาขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
ถึงจะมือหนักเกินไปหน่อยก็เถอะ... แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดทำให้รู้สึกเจ็บกว่าเดิม ...ชายคนนี้กำลังทายาให้เขา
คนที่เหมือนจะไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกในตอนนี้กำลังคุกเข่าทายาให้เขาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้... ลูฟี่ไม่เข้าใจเลยว่าชายที่เหมือนกับอสูรคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
แต่ใจดีจังเลย...
“ จริงๆนายก็เป็นคนดีนี่นา ...ขอบคุณนะ ” ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มกว้าง... มันช่างเป็นรอยยิ้มที่จริงใจไร้การเสแสร้งใดๆที่คนร่างสูงสัมผัสได้
จนแอบแปลกใจขึ้นมา... คนๆนี้ไม่เคยโกหกเขาเลย...
“ เหอะ... อย่าได้ใจไป
ถ้าหากมีคนมาตายในปราสาทของข้าก็คงจะไม่ดีเท่าไร ”
เสียงทุ้มเอ่ยกลบเกลื่อนความรู้สึกของตน... ยามที่จ้องมองไปยังใบหน้าชวนฝันนั้น
ก็ยังปรากฏเพียงแววตาใสซื่อและรอยยิ้มกว้างนั่น...
“ เจ้าไม่กลัวข้าหรือ... ”
ในแววตาสดใสนั่น ไม่ทอความหวาดกลัวที่มีต่อเขาแม้แต่นิด...
ไม่หวาดกลัวต่ออสูรตนนี้เลยหรืออย่างไร...
“ หือ... ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะ ?
”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาจัดการกับอาการปวดบริเวณข้อขาคนตัวเล็กจนรู้สึกว่ามันทุเลาดีแล้ว
จึงเก็บอุปกรณ์ต่างๆและเดินกลับเข้าสู่ห้องนอนของตัวเอง...
แปลกใจจริง... อสูรที่มีแต่คนหวาดกลัวเช่นเขา...
แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวนั้นอยู่กับเด็กหนุ่มผู้น่าทะนุถนอมคนนี้...
แปลกใจ...ยามที่สายตาประสานกัน
ยามที่ร่างกายบอบบางนั่นเข้ามาอยู่ในระยะประชิด
ทำไมก้อนเนื้อที่อยู่ในอกนี่จึงได้เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแบบนี้...
เจ้าทำอะไรกับข้าลงไปกันแน่...
อสูรร้ายนั้นไม่ทันได้รู้ตัว... ว่าช่วงเวลานั้น
ช่วงเวลาที่หัวใจกำลังรู้สึกแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ลวดลายของพยัคฆ์ที่แสนน่ากลัวกลับกลายจางหายไปอย่างช้าๆ... จนไม่เหลือตราบาปแห่งอสูรผู้ไร้หัวใจอีกแล้ว
สายลมอ่อนๆพัดพากลิ่นหอมของกุหลาบมาแตะจมูกชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ท้องฟ้ายามเช้าที่ปลอดโปร่งและแสงแดดอบอุ่น
เบื้องหน้าคือสวนกุหลาบหลากสีสันกำลังประชันความสวยงาม
ลูฟี่ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงหลังจากเผลอหลับไปบนเก้าอี้ตัวยาวนั้น
เขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ... ภาพแรกที่เห็นหลังจากตื่นนอนยังคงเป็นปราสาทของชายที่เหมือนอสูรคนนั้น
เสียงนาฬิกาดังลั่นไม่อาจทำให้เขาฝืนนอนหลับต่อได้ มันทั้งดังและน่ารำคาญอย่างไม่อาจหาอะไรเปรียบ
และเมื่อเดินออกมาสำรวจบริเวณรอบๆตามเสียงประท้วงของกระเพาะ
ก็พบกับร่างของชายในชุดสีครึ้มที่กำลังยืนอยู่ในสวนกุหลาบ
ไม่นานนักเขาก็ถูกออกคำสั่งให้เดินตามร่างนั้นไปยังโต๊ะที่มีกาน้ำชาตั้งไว้
โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนมาจัดไว้ให้
สวนกุหลาบที่แสนสวยงาม สวนที่อสูรผู้โหดร้ายนั้นแสนจะหวงแหน
ไม่เคยมีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ามา... ในเวลานี้เขากลับเชื้อเชิญเด็กหนุ่มอย่างลูฟี่มาเชยชม
ร่างสูงดื่มน้ำชายามเช้าพร้อมนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ
ในขณะที่ปล่อยให้ร่างบางที่ดูท่าแล้วคงจะกำลังตื่นตาตื่นใจไม่น้อยได้เดินเล่นต่อไป
น่าแปลกที่ใบหน้ามีความสุขของคนหน้าหวานนั้น... มันกลับทำให้อสูรเช่นเขารู้สึกเพลิดเพลินได้
“ สวยจัง... กุหลาบพวกนี้นายปลูกเองหมดเลยงั้นหรอ ” เสียงเล็กเอ่ยถามขึ้น สวนกุหลาบกว้างๆแบบนี้แม้แต่ในโตเกียวก็ยังหายากนัก
แถมที่นี่ยังมีแต่กุหลาบสวยๆที่ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างเรียกให้เข้าไปหาตลอดเวลา
เป็นสีที่แปลก... สีที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ อย่าแตะต้องนะ!! ”
เสียงทุ้มตะโกนขึ้นก้องเมื่อปลายนิ้วเรียวของคนตัวเล็กกำลังจะสัมผัสกับกุหลาบดอกหนึ่ง
ไหล่บางคู่นั้นสะดุ้งขึ้น ก่อนหันไปขอโทษอีกฝ่ายด้วยใบหน้าตกใจ
“ อะ...ขอโทษ ”
สีหน้าของลูฟี่เจื่อนลงอย่าเห็นได้ชัด
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนๆนั้นจะหวงกุหลาบของตนขนาดนี้... ดวงตาคมสีอำพันเบิกกว้างขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าตนได้เผลอตวาดเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้ตัว ...ร่างสูงยันตัวขึ้นจากเก้าอี้
ก่อนตรงมาที่ร่างเล็กด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังขัดใจไม่น้อย
มือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาใกล้กับใบหน้าหวาน อดทำให้ลูฟี่ผวาไม่ได้
จนกระทั่งมันเอื้อมเลยไปหยิบก้านของดอกกุหลาบเมื่อครู่
ก่อนผกาพรรณสีน้ำเงินจะถูกยื่นมาไว้ตรงหน้าของเจ้าของดวงตากลมโต
ลูฟี่เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ...
“ เจ้าอยากได้สิ่งนี้ใช่หรือไม่...
”
ถึงจะอยากเชยชมเพียงใด... ก็ไม่ได้ต้องการมาเป็นของตัวเอง...
ได้แต่รับกุหลาบดอกนั้นมาไว้ในมืออย่างช่วยไม่ได้
ริมฝีปากบางยิ้มตอบรับน้ำใจนั้นด้วยความจริงใจ
อุตส่าห์ยอมสละกุหลาบที่แสนจะหวงแหนนั้นมาให้เขาทั้งที
“ ขอบคุณนะ... นายเนี่ยใจดีจริงๆ
” ทั้งที่เมื่อครู่ทำหน้าราวกับกำลังโกรธเคืองใครอยู่แท้ๆ
การปฏิเสธ การบอกลา การไม่สมหวัง...
โดยไม่ได้ทันรู้ถึงความหมายโดยนัยของดอกไม้ดอกนั้นเลยแม้แต่น้อย...
“ โบว์ของเจ้ากำลังจะหลุด ” นิ้วมือเรียวของคนตัวสูงชี้มายังบริเวณคอเสื้อของเด็กหนุ่ม
โบว์ใต้ปกเสื้อที่ตั้งใจปลดออกเพราะความอึดอัดจากเมื่อคืน จนรุ่งเช้ามาแล้ว
เจ้าตัวก็ยังไม่ได้จัดการมัดมันให้เข้าที่
ดวงหน้าหวานก้มลงมองอย่างที่คนตรงหน้าว่า ก็พบกับริบบิ้นที่จวนจะหลุดอยู่รอมร่อ
วิ้ว...
พลันสายลมอ่อนๆก็พัดผ่านใบหน้านวลนั้นเบาๆ... เส้นผมนุ่มพลิ้วไหวไปเบาๆตามแรงลม
“ จริงด้วยสิ... ขอบคุณนะ
อ๊ะ...! ”
ริบบิ้นที่หวิดจะหลุดอยู่รอมร่อนั้นปลิวออกไปอย่างน่าประหลาด
ราวกับโชคชะตาเป็นใจ ร่างกายเล็กรีบขยับตามมันโดยอัตโนมัติ แต่ครั้นเอื้อมมือแล้วก็ไม่อาจถึง
“ เดี๋ยวฉันไปเก็บมาก่อนนะ ”
บอกคนตัวสูงก่อนจะเริ่มเร่งฝีเท้าตามไป
น่าแปลกที่ริบบิ้นนั้นกลับพัดไปในทางเดียวอย่างแน่วแน่
ทั้งๆที่สายลมนั้นมันไม่ได้รุนแรงแม้แต่น้อย...
เมื่อเวลานั้นมาถึง... สายลมจะนำพาโชคชะตามาให้
โดยไม่ได้ทันรู้ตัว... ว่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้พบกันอีก...
“ ได้ซักที! ”
เด็กหนุ่มกระโดดกบเข้าไปหยิบริบบิ้นนั้นด้วยความรวดเร็ว
ลมอ่อนๆที่พัดอยู่เมื่อครู่ก็พาลเงียบสงบลงไปด้วย... ร่างเล็กชันตัวขึ้นยืนเตรียมจะสาวเท้าเดินกลับไป
แต่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสภาพรอบตัวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...
ไม่พบแม้แต่ปราสาทและสวนกุหลาบกว้างสุดลูกหูลูกตา
ทั้งที่วิ่งออกมาได้ไม่ไกลแท้ๆ...
ทำไมโดยรอบจึงมีแต่ป่าทึบ... มีแต่ต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมด
“ ทำไมกัน... ”
เขากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่...
สายลมแห่งโชคชะตา... เจ้าช่างโหดร้ายเหลือเกิน
ในระหว่างที่ข้าสามารถเปิดใจรับใครบางคนเข้ามาได้แล้ว...
เจ้าก็กลับพรากสิ่งนั้นออกไป...
อา...สายลมแห่งโชคชะตา...
ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งที่เกิดมาเพื่อข้าเพียงผู้เดียว...
...แต่เราจะได้พบกันอีกหรือไม่ โปรดบอกแก่ข้าที...
กว่าเรื่องจะเดิน ตอนของเมะคนนึงก็แบ่งเป็น2พาร์ท กว่าจะครบทุกคน
คนอ่านคงรอจนแห้งตายพอดีค่ะ(?) ขออภัยที่ช้ามากๆเลยนะคะ คิดถึงคนอ่านมากกกก
มาถึงตอนที่ลูฟี่ถูกแยกออกจากลุจจิแล้วค่ะ โฮฮฮ ทำไมไรเตอร์ทำงี้
ตามที่บรรยายเนอะ กุหลาบสีน้ำเงินหมายถึงความเป็นอมตะ แต่อีกนัยหนึ่ง คือการจากลาและไม่สมหวังนั่นเองค่ะ
ยังไงลูฟี่ก็เป็นของทุกคนเนอะ มาลองทายกันดูดีกว่าค่ะว่าคนต่อไปจะเป็นใครกันน้า
ความคิดเห็น