คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Cottage in the wild(1) (Part9)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 9/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จงอย่าหลงเชื่อลมปากของคนผู้นั้นเพียงเพราะคารมดี...
จงอย่าหลงไหลในรูปลักษณ์ที่งดงามแล้วมองข้ามความเป็นจริงไป
เพราะหากท่านตกลงสู่วังวนเช่นนั้นแล้ว... อันตรายนั้นจะมาถึงโดยไม่ได้ทันตั้งตัว
เป็นผู้ชายสองคนที่สวมหมวกปีกกว้าง
ตั้งแต่ตอนนั้นก็โดนลากให้เดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ผ้าสีแดงหม่น
โทรมๆถูกโยนมาให้เขา
ก่อนเอ่ยปากบอกว่าให้เอาสิ่งนี้คลุมศีรษะเอาไว้เพื่อปกปิดใบหน้าเอาไว้
ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ลูฟี่ก็ยอมทำตามไปอย่างนั้น
ด้วยคำพูดที่ว่า... เขาเด่นเกินไปในเมืองนี้
ใครๆก็สามารถหาตัวเจอได้ง่ายๆ
ไปเอาความคิดนั้นมาจากไหนกันนะ... เขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ก็ดีอย่าง... อากาศของที่นี่อยู่ๆก็เย็นลงซะอย่างนั้น
ผู้ชายตัวสูงสองคนนี้ให้เหตุผลว่าจะมาช่วยเหลือเขาจากอุปราชท่าทางพิลึกคนนั้น
วินาทีนั้นลูฟี่ทำได้แค่ยืนนิ่งๆอยู่ในมุมมืด
อาศัยร่างสูงใหญ่ของผู้ชายสองคนบังตัวเองเอาไว้จนกระทั่งทหารหายไปจนหมด
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่พูดจาอะไรแปลกๆอย่างเวทมนตร์หรือโชคชะตาอะไรทำนองนั้น
ลูฟี่รู้สึกเหมือนกับว่าในเวลานี้เขามีที่พึ่งที่พอจะพาตัวเองกลับไปสู่โลกเดิมได้แล้ว
คนพวกนี้ดูจะเข้าใจสถานการณ์ต่างๆที่เขาเป็นอยู่อย่างดี
“ นี่... พวกนายรู้จักโตเกียวหรือเปล่า?
...ฉันกำลังอยากกลับไปที่นั่น! ” เสียงเล็กว่า
ก่อนที่ชายหนึ่งในสองคนที่เดินขนาบข้างร่างเล็กจะตอบคำถามนั้นกลับมา
“ อืม... คิดว่าเคยได้ยินอยู่นะ
เอ... ฉันเคยไปหรือเปล่านะ? ” ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หมวกปีกกว้างกำลังครุ่นคิด
ส่งให้ใบหน้าหวานนั้นแสดงความตื่นเต้นออกมาตาม
“ ล...แล้วมันอยู่ที่ไหน! นายพาฉันไปที่นั่นได้หรือเปล่า! ”
“ ได้สิ... แต่ที่นั่นมันอยู่ไกลมากนะ
นายไม่รู้หรือไง? ”
ชายอีกคนตอบคำถาม พวกเขาผลัดกันพูดเหมือนกับเป็นลูกคู่ในรายการตลก
สองคนนี้ดูจะรู้จักที่ที่เด็กหนุ่มจากมาจริงๆด้วย
เขาไม่รู้ว่าจะกลับไปที่นั่นได้ยังไง
แต่นี่ก็นานมากแล้วที่มาใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่รู้จักนี่
“ ฉันอยากกลับไปจริงๆนะ! ไกลแค่ไหนฉันก็จะไป ฉันจะกลับไปที่นั่นได้ยังไง? ” ดวงตากลมโตทอประกายแห่งความหวัง
ในที่สุดก็เจอเบาะแสเกี่ยวกับบ้านเกิดซักที
กลับไปจะไม่ไปเปิดประตูอะไรแปลกๆอีกแล้ว
คราวนี้คนที่ยืนอยู่ฝั่งซ้ายของเขาเป็นคนตอบคำถามแทน ใบหน้านั้นฉายซึ่งความลังเลใจ
หนักใจ ผสมรวมกัน
“ ไกล... ไกลสุดๆเลยล่ะ
นายจะต้องนั่งทั้งเรือ ทั้งรถม้า แถมยังมีรถไฟที่ค่าขึ้นแพงหูฉี่อีกต่างหาก ...ถ้าจะกลับไปที่นั่นน่ะลำบากสุดๆไปเลยนะ ”
“ ล... แล้วฉันควรทำยังไงดี...
”
เหมือนความหวังถูกดับจนเกือบจะมอดลง
ใบหน้าหวานเจือไปด้วยความผิดหวังทันที ชายตัวสูงอีกคนที่ดูลักษณะแล้วน่าจะเป็นคนอ่อนโยนกว่ากลับยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้เขาแทน
พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
“ ถ้าอย่างนั้นระหว่างที่กำลังหาทางกลับ
นายก็มาพักอยู่ที่บ้านพวกฉันก่อนเป็นไง? ”
“ อ้อจริงสิ! ฉันก็ลืมเรื่องนั้นไปเลย
นายนี่ความคิดดีจริงๆ ซาโบ! ”
ชื่อของชายผู้อ่อนโยนคนนั้นหลุดออกมา
ความจริงแล้วพวกเขาได้แนะนำตัวกับลูฟี่คร่าวๆก่อนหน้านี้มาบ้างแล้ว
สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจไปพักอยู่กับสองคนนี้อย่างช่วยไม่ได้อยู่ดี …ในเมื่อคืนที่อากาศเย็นลงเรื่อยๆแบบนี้
เขาไม่รู้ว่าพอจะมีที่ไหนอีกที่พอจะเป็นที่พักได้แล้ว
ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาปิดปากเขาตั้งแต่ตอนนั้น
เป็นคนที่ดูจะมีบุคลิกสุภาพ ยิ้มง่ายกว่าอีกคน
ร่างสูงโปร่งสวมใส่เสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงิน
ประดับด้วยผ้าพันคอสีขาวสะอาดทบกันเป็นชั้นๆ เข้าคู่กับกางเกงขายาวสีซีดและรองเท้า
บู๊ทยาวเกือบถึงเข่า สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวยาวอีกที
บนศีรษะสวมหมวกปีกกว้างสีเดียวกันกับเสื้อคลุม
คาดด้วยแว่นตาอันใหญ่เหมือนกับแว่นดำน้ำ
เป็นหมวกทรงสูงที่ลูฟี่เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็คราวนี้
แถมยังใส่ถุงมือหนังสีน้ำตาลมันวาวด้วยอีกต่างหาก
เขาดูเหมือนกับขุนนางที่ดูมียศถาบรรดาศักดิ์ ด้วยการแต่งตัวและผ้าเนื้อดีที่ถูกเลือกสรรมาประกอบชุด
ส่วนอีกคนนั้นแต่งตัวค่อนข้างสบายๆกว่า
หมวกปีกกว้างของเขาไม่ได้มีทรงสูงนัก แต่สีของมันกลับเป็นสีแสดดึงดูดสายตา
ประดับไปด้วยลูกปัดรูปร่างประหลาดตา
ร่างนั้นสวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่คลุมถึงเอวกางเกง ส่วนล่างของเขาเป็นกางเกงสีดำสามส่วนซึ่งยาวปิดเข่าพอดี
เข็มขัดสีเดียวกันกับหมวก และรองเท้าบู๊ทสีดำยาวปิดข้อเท้า
บริเวณคอสวมใส่สร้อยคอที่ร้อยเรียงไปด้วยลูกปัดสีแดงอันใหญ่สะดุดตา
ลูฟี่นึกแปลกใจขึ้นมาว่า ทั้งๆที่ชายคนนี้กำลังใส่เสื้อคลุม
แต่ในขณะเดียวกันทำไมเขาจึงไม่ใส่เสื้ออะไรเลยไว้ข้างในก็ไม่รู้
ผู้ชายสองคนนี้มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด
ทรงผมชี้ยุ่งหยักศกระต้นคอเช่นเดียวกัน ติดก็ตรงผมของเจ้าของหมวกสีแสดเป็นสีดำ
แต่ของคนที่ชื่อซาโบเป็นสีทอง
และใบหน้าของเขาก็มีรอยแผลค่อนข้างใหญ่พาดผ่านบริเวณตาขวา
“ หืม... แผลนี่น่ะหรอ? นายพรานที่ฉันไม่ชอบขี้หน้ามากๆเป็นคนทำไว้ล่ะ
ฉันยังแค้นเจ้านั่นมาจนถึงตอนนี้อยู่เลย ”
เหมือนซาโบจะรู้ตัวว่าตนถูกลูฟี่จ้องหน้ามาอยู่ซักพักจึงตอบคำถามนั้นกลับไป
ท่าทางสะดุ้งน้อยๆของคนตัวเล็กอดทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาตามไม่ได้
“ ไม่เหมือนเจ้าเอสหรอก
หมอนี่มีกระเต็มหน้าเลย นายเห็นมั๊ยล่ะ ” ประโยคนั้นทำให้เจ้าของชื่อได้แต่จ้องค้อนกลับมา
ก่อนที่จะเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่านั่นเป็นของขวัญจากแม่สำหรับเขา
ชื่อของผู้ชายผมดำคนนั้นคือเอส... นั่นลูฟี่ก็รู้มาซักพักแล้วเหมือนกัน
พวกเขานั่งรถม้ามาเรื่อยๆ
เป็นเวลาถึงชั่วโมงจนกระทั่งมาหยุดตรงหน้าทางเข้าป่าที่ค่อนข้างทึบพอสมควร
ลูฟี่อดจะแปลกใจไม่ได้ เมื่อในป่าลึกแบบนี้
หากเดินเข้ามาตามการนำทางของผู้ชายร่างสูงสองคนนั้นมาพักหนึ่ง จะพบกระท่อมเล็กๆกลางป่าซะอย่างนั้น
แต่มันก็ไม่ได้เล็กเกินไปสำหรับคนสองคนซักเท่าไร
เอสกับซาโบ ทั้งคู่เป็นคนที่คุยถูกคอ
ลูฟี่รู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้านตัวเอง บางทีคนพวกนี้อาจจะไว้ใจได้ก็ได้...
เพราะอยู่กันแค่สองคน เตียงที่นี่จึงไม่มีเพียงพอกับจำนวนคนในเวลานี้
เป็นซาโบที่เสียสละเตียงให้เด็กหนุ่ม ก่อนที่ตัวเองจะไปนอนกับโซฟาของบ้านแทน
ชายหนุ่มเพียงพูดว่าให้ทำตัวสบายๆเหมือนกับอยู่บ้านตัวเอง
มันเป็นความคุ้นเคยในความไม่เคยของเขา ทำให้ยิ้มรับข้อเสนอนั้นโดยไม่อิดออด
ซาโบเป็นคนที่ใจดีชะมัดเลย... เอสก็ใจดีเหมือนกัน
ตอนแรกพวกเขาสองคนเถียงกันเรื่องจะยกเตียงนอนให้เด็กหนุ่มอยู่พักใหญ่
แต่สุดท้ายแล้วมันก็ลงเอยแบบนี้
อะไรหลายๆอย่างสั่งสมมาทำให้ร่างเล็กเหนื่อยอย่างสุดๆ
เขาเผลอหลับไปแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอน... กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีแสงอาทิตย์ยามเช้าก็แยงเข้าตาเสียแล้ว
“ อือ... ” กายเล็กพลิกตัวลงในท่านอนที่ผ่อนคลาย
หลังจากที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างใกล้ๆตัว
รวมกับแสงอาทิตย์แสบตาและเสียงนกเจื้อยแจ้วนี่แล้ว
ดูท่าจะไม่อำนวยให้เขาได้หลับต่อซักเท่าไร
เปลือกตาบางเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า
พร้อมๆกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง
“ ไงลูฟี่! ตื่นแล้วงั้นหรอ ” ใบหน้าคมคายปรากฏขึ้นแก่สายตา ดวงตาคมสีดำเช่นเดียวกับเส้นผม
ริมฝีปากได้รูปเผยรอยยิ้มน่ามอง
“ ข้าวเช้าเพิ่งทำเสร็จพอดี นายก็ลุกขึ้นมากินสิ ”
เอสเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้าง
ทำให้เห็นโต๊ะอาหารที่มีจานวางเรียงรายและควันกรุ่นๆของอาหารเพิ่งทำเสร็จ
กลิ่นหอมของมันชวนให้ร่างเล็กๆนั้นเด้งตัวขึ้นนั่งทันที
ก่อนที่สมองจะได้ทันประมวลผลอะไรเป็นอันดับถัดมา
อา... นี่ฉันยังอยู่ในโลกนี้อยู่อีกหรอเนี่ย
ถ้าฝันก็ขอให้ตื่นขึ้นเร็วๆซักทีสิ...
“ —ฟี่ ลูฟี่! ”
อ๊ะ!
“ อ๋า... นี่นายไม่ได้ฟังเลยหรอเนี่ย! ฉันบอกว่าใกล้ๆนี่มีสวนผลไม้อยู่ยังไงล่ะ! ”
“ โอ๊ย! เจ็บนะ! ทำอะไรของนายเนี่ยเอส! ”
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองจัดการกับอาหารเช้าไปหมดแล้วเรียบร้อย
มันเป็นเพียงพายผลไม้ แต่รสชาติอร่อยอย่างเหลือเชื่อ ทั้งเอสและซาโบนั่งอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับเขา
พอเผลอคิดอะไรอยู่คนเดียวนิดหน่อยก็โดนเอส
หยิกแก้มพร้อมกับยืดออกเหมือนเป็นของเล่น
ใบหน้าหวานมุ่ยเข้าหากันอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
มือก็ยกขึ้นมาลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
“ ว่าไง...? นายสนใจจะไปเก็บผลไม้กับฉันหรือเปล่า?
”
“ หวาาา! สวยชะมัดเลย!
”
สุดท้ายก็เผลอหลวมตัวออกมากับเอสจนได้
คงเรียกว่าหลวมตัวก็ไม่ได้ทีเดียว
เพราะคนตัวเล็กคล้ายจะถูกฉุดกระชากลากถูออกมาด้วยซะมากกว่า
ถึงจะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก สำหรับลูฟี่
ผู้ชายสองคนนี้กลับสนิทกับเขาอย่างรวดเร็วเหมือนรู้จักกันมานานนม
ตรงหน้าคือสวนดอกไม้นานาชนิดที่เรียงรายอยู่ในทุ่งกว้าง
มันเป็นทุ่งโล่งที่ถัดออกมาจากป่าทึบที่เคยเห็น
ข้างๆกันประกอบไปด้วยต้นผลไม้หลากชนิด
ซึ่งหลักๆดูเหมือนจะเป็นแอปเปิ้ลกับองุ่นเสียมากกว่า
มันไม่ได้งดงามน่าดึงดูดเหมือนกับสวนกุหลาบของอสูรคนนั้น แต่กลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้ดีจริงๆ...
“ มาทางนี้สิลูฟี่ ช่วยฉันเก็บองุ่นหน่อย!
” เอสที่เดินไปถึงสวนองุ่นก่อนเอ่ยเรียก
พวกเขาดูจะชื่นชอบการดื่มน้ำองุ่นกันเป็นพิเศษ
และมันก็อร่อยจริงๆอย่างไม่ต้องผิดหวัง
ลูฟี่เพียงเดินไปหาคนตัวสูงกว่าพร้อมตระกร้าผลไม้ใบใหญ่ที่สะพายมาด้านหลัง
การเกิดและเติบโตในเมืองใหญ่ทำให้เขาไม่ค่อยรู้จักวิธีเก็บเกี่ยวผลไม้พวกนี้ซักเท่าไรนัก
ดวงตากลมโตมองดูการกระทำของคนตัวสูงกว่าอย่างสนใจ
อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นกว่าหลายๆที่ที่เขาเจอมา
ทำให้ต้องสวมผ้าคลุมสีแดงผืนนั้นอยู่ตลอดเวลา และสิ่งที่ลูฟี่มักจะเห็นอยู่บ่อยๆคือทั้งเอสและซาโบมักจะสวมหมวกอยู่ตลอดเวลา
แม้กระทั่งเวลาทำกิจกรรมอยู่ในบ้านก็ด้วย
เห็นหลายๆคนสวมหมวกแล้ว ลูฟี่คิดถึงหมวกของตัวเองขึ้นมา
หมวกฟางใบนั้นเขามักจะพกมันติดตัวอยู่ตลอดเวลา
แต่ในตอนนี้มันอยู่ในกระเป๋าเป้ซึ่งเขาไม่ได้หยิบมาด้วยจากปราสาทแรกที่หลุดเข้ามา
ว่าแล้วก็นึกอยากกลับบ้านขึ้นมาอีกครั้ง... อีกนานแค่ไหนกันนะ
“ นี่เอส... นายจะพาฉันกลับไปจริงๆหรือเปล่า? ” ปากก็เอ่ยถามไป มือก็เอื้อมไปเด็ดพวงองุ่นออกจากต้น
พลางโยนพวกมันลงสู่ตระกร้าด้านหลัง
เกือบเผลอไปเด็ดพวงที่ยังไม่สุกดีมาตั้งหลายครั้งจนคนที่มาด้วยกันหันไปห้ามอยู่บ่อยๆ
ดวงตาคมของร่างสูงเพียงแค่จ้องใบหน้าหวานนั้นเพียงครู่หนึ่ง... ก่อนที่เขาจะหันกลับไปสนใจกับผลไม้ตรงหน้าแทน
“ จริงสิ... ซักวันหนึ่งพวกเราจะพานายกลับไป
ช่วงนี้มันยังไม่มีรถม้าผ่านมาแถวนี้เลยน่ะ ”
“ งั้นหรอ... ” ริมฝีปากบางยู่เข้าหากันพร้อมกับหางคิ้วที่ตกลงเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆกำลังหงอย
รู้สึกตัวอีกทีฝ่ามือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยกขึ้นมาลูบศีรษะของเขาเบาๆ
ก่อนเปลี่ยนเป็นขยี้เล่นจนผมยุ่งเหยิงไปหมด
เสียงเล็กโวยวายออกไปพร้อมกับใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายที่กำลังหลุดหัวเราะออกมา... ถึงอย่างนั้นลูฟี่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนผสมปนรวมกับความห่วงใย
ส่งตรงมาจากผู้ชายที่ดูเหมือนจะอารมณ์ร้อนคนนี้ได้
“ ฮะฮะ กลับกันเถอะลูฟี่... ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ ฉันจะหาทางจัดการกับมันเอง! ”
เป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาสองคนจะเดินกลับสู่กระท่อมหลังเล็กหลังนั้นด้วยกัน
มันเป็นเวลาเย็นที่ท้องฟ้าจวนจะมืด
กลับไปก็พบกับอาหารที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับคนสามคน
และซาโบที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
มื้ออาหารเย็นได้เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย
แต่ในขณะเดียวกันก็โอบไปด้วยความอบอุ่น ลูฟี่รู้สึกมีความสุข
การที่พวกเขาได้เจอผู้คนใหม่ๆและถูกชะตาด้วย
รวมถึงคนเหล่านั้นก็ถูกชะตากับเขาด้วยเช่นกัน
เขาสนุกและอยากจะอยู่กับมันให้นานกว่านี้ซักหน่อย...
ซาโบหยิบขนมปังชิ้นใหม่ให้กับลูฟี่หลังจากที่เขาเพิ่งกินอาหารในจานหมด
เจ้าตัวเล็กเป็นคนที่กินเยอะผิดกับขนาดของตัว
เวลาอยู่ด้วยกันรู้สึกเหมือนอยากจะดูแล อยากจะปกป้องเด็กหนุ่มคนนี้อยู่เสมอ
“ นายนี่... เหมือนกับเป็นน้องชายของเราเลยนะ ” นิ้วเรียวจิ้มลงไปบนแก้มนุ่มของเจ้าของใบหน้าหวานพร้อมหัวเราะเบาๆ
ลูฟี่เห็นดังนั้นจึงรีบกลืนอาหารลงไปทันที ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้น
“ จริงหรอ! ฉันก็อยากเป็นน้องชายพวกนายนะ!
”
ท่าทางตื่นเต้นแสดงออกมาอย่างไม่ปกปิด... ก็คนอย่างลูฟี่ไม่มีพี่ชายอยู่ในโลกความจริงเลยนี่นา
“ อื้ม! ฉันตัดสินใจแล้ว! งั้นนายมาเป็นน้องชายของพวกเราก็แล้วกัน! ”
เป็นเอสที่เอ่ยคำพูดนั้นออกมาพร้อมใบหน้าแย้มยิ้ม
ในเวลานี้ชายหนุ่มเองก็ดูจะกำลังมีความสุขไม่น้อย
ลูฟี่หัวเราะร่าขึ้นมาด้วยความพอใจ
ยิ่งส่งให้คนผมทองหันมามองหน้าของเอสพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
สายตาแปลกๆถูกส่งหากันเหมือนเป็นที่รู้กันเพียงสองคน...
เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะยินดีให้ตามสถานการณ์... แต่ในขณะเดียวกันลูฟี่กับรู้สึกว่ามันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“ เห... เพราะถ้าเป็นน้องชาย
เขาจะอยู่กับเราตลอดไป ต่อให้โกรธกันยังไงหรือถูกทำอะไรแปลกๆแค่ไหน
ก็จะให้อภัยและไม่หนีไปไหนใช่มั๊ยล่ะ? ”
ความคิดเห็น