คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : ◣Fanfic◥ [AllxLuffy] Candied dream : Heartless twin(1) (Part13)
Rate: PG-13
Writer: PINKUHERO
Part: 13/20
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
งานเลี้ยงเต้นรำประจำอาณาจักรกำลังจะจัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวง
เพื่อต้อนรับการมาของ‘เจ้าหญิง’ ผู้น่าถวิลหา
ข่าวลือแพร่สะพัด รับเชิญทุกผู้ในอาณาจักรเพื่อเป็นสักขีพยาน
หากแต่ยังคงมีบ้านของ ‘พี่น้องใจร้าย’ และเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารมากล่าวขานเป็นตำนานต่อไป…
“ เจอตัวซักที …ยัยซินตัวแสบ ”
“ พวกนายจำคนผิดแล้ว
ฉันชื่อลูฟี่ต่างหาก ”
นิ้วเรียวพยายามแงะเอามือเหนียวๆของอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล
ไม่เข้าใจว่าคนที่นี่เป็นอะไรกัน ถึงได้ชอบเข้ามาคว้าข้อมือคนอื่นเป็นว่าเล่น
“ หึ… ทำเป็นความจำสั้นไปได้
แกก็เป็นน้องสาวของพวกฉันไง ” ผู้ชายสวมหมวกปีกกว้างหัวเราะในลำคอ
หยิบไปป์ในกระเป๋าเสื้อของตนขึ้นมาจุดไฟก่อนสูดเอาควันพิษเข้าปอดของตน
“
ฉันไม่มีญาติหน้าตาแบบนี้ แล้วมันก็ผิดตั้งแต่เพศที่พวกนายยกขึ้นมาแล้วโว้ย ”
คำก็เจ้าหญิง
สองคนก็น้องสาวบ้างล่ะ จะอะไรกับเพศของเขากันนักหนานะ
ลูฟี่มองหน้าผู้ชายสองคนสลับกันด้วยรู้สึกขัดใจไม่น้อย
ส่วนสูงมากกว่าเขาจนต้องแหงนมอง คนหนึ่งไว้เคราเป็นเส้นๆที่ปลายคาง
ส่วนอีกคนใส่ต่างหูระย้าข้างเดียวทีละสามอัน
ผมสีทองและผมสีเขียวราวกับต้นหญ้าเป็นจุดสนใจต่อผู้พบเห็นได้ไม่น้อย
แต่สิ่งหนึ่งก็เป็นอันทำให้เด็กหนุ่มต้องเบิกตากว้าง
ก่อนจ้องเขม็งไปยังไปหน้าของคนผมทองด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ ค..คิ้ว ”
…คิ้วของผู้ชายคนนี้มันม้วนขดเป็นก้นหอยราวกับเอาดินสอวาดเอายังไงยังงั้น
พลันมันกระตุกเบาๆยามเมื่อดวงตาคู่สวยดูเหมือนจะไม่ยอมละออกไปง่ายๆ
“ เอาล่ะ
เสียเวลามามากพอแล้ว แกต้องไปกับพวกฉัน ”
เจ้าของคิ้วม้วนกระแอมเบาๆใส่คนหัวเขียวที่ราวกับกำลังกลั้นขำไว้ภายใต้ใบหน้าโหด
ดวงตาสีฟ้าเทาเปลี่ยนกลับมาจ้องเข้าไปยังดวงตาสีดำสนิท ก่อนรอยยิ้มพอใจจะปรากฏ
แววตาคู่นั้นเปลี่ยนไปกลายเป็นความจริงจังเสียจนอดใจหายไม่ได้
“ เอามันไปขัง อย่าให้เจ้าชายมาเจอเด็ดขาด
”
ลางสังหรณ์เกี่ยวกับเรื่องร้ายๆของเขามักแม่นเสมอ…
“ เฮ้ ปล่อยนะ
ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น! ”
ทั้งร่างปลิวไปตามแรงดึงของคนผมเขียวราวกับกระดาษ
ออกจากสถานีรถไฟที่เมื่อครู่เพิ่งได้ตื่นตาตื่นใจไป รู้ทั้งรู้ว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหนก็ไม่รู้
รู้ทั้งรู้ว่าการกลับบ้านยังต้องเลื่อนออกไปอีก
แต่ก็ไม่อาจสู้แรงผู้ชายตัวโตๆสองคนได้เลย
เพิ่งได้ออกจากป่ามา
เพิ่งได้ตื่นเต้นกับคนและสถานที่ใหม่ๆแท้ๆ กลับโดนลากเข้าไปในเมืองแทนซะแล้ว…
จุดหมายคือบ้านทรงยุโรปที่มีพื้นที่รอบบ้านค่อนข้างกว้าง
อยู่ไม่ห่างออกไปจากสถานีรถไฟนัก
หลังจากโดนพาเข้ามาในบ้านลักษณะโอ่อ่าพอตัวเพียงพักหนึ่ง ร่างสูงของผู้ชายสองคนก็กลับมายืนประจันหน้าเป็นกำแพงมนุษย์อีกครั้ง
ดวงตาคมของคนทั้งคู่จ้องเข้ามาราวกับราชสีห์ที่รอจะตะปบเหยื่อตัวน้อยที่ยืนตาใสอยู่ตรงหน้า
“ แกเป็นของฉัน สั่งอะไรก็ต้องทำตามรู้มั๊ย ”
เสียงทุ้มค่อนไปทางแหบของคนผมเขียวเอ่ย ลูฟี่ได้แต่ชะงักกับประโยคที่แปลความหมายออกมาได้แปลกพิลึก
ไม่นานนักฝ่ามือของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยถังน้ำหนึ่งใบที่มีผ้าเก่าๆอยู่ภายใน
“
หน้าที่ของแกคือทำความสะอาด อย่าให้พวกฉันเห็นว่าออกไปป้วนเปี้ยนนอกบ้านล่ะ ”
รอยยิ้มแฝงความหมายบางอย่างถูกระบายออกมาบนริมฝีปากได้รูปของชายอีกคน ร่างสูงโปร่งก้มตัวลงมาพูดใกล้ๆหัวเสียจนคนตัวเล็กเผลอถอยหลังออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“ …ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ
”
งงเรื่องที่ว่ายังลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ยังไม่พอ
ยังต้องมาสงสัยว่าทำไมเขาจะต้องมาถูพื้นให้คนพวกนี้ด้วย…
บุคคลปริศนาสองคนทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้กับร่างเล็กเพียงเท่านั้น
ก่อนต่างคนจะพากันแยกย้ายออกไป ลูฟี่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
มองถังน้ำในมือด้วยความรู้สึกหดหู่ที่ให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้
ผู้ชายสองคนอีกแล้วหรอ… คราวนี้ไม่มีหูหรือหาง
หรือเขี้ยวยาวๆให้ตกใจ ถึงอย่างนั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนพวกนี้เป็นหมาป่าตัวร้ายยังไงพิกล
จะว่าไปเหมือนเคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่งที่นางเอกเป็นสาวใช้มาตั้งแต่เด็ก… แม่เลี้ยงใจร้ายกับพี่สาวขี้อิจฉาสองคนหรือเปล่านะ
อา… ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่นางเอกแล้วก็ไม่ใช่น้องสาวของคนพวกนี้ด้วย!
มือบอบบางวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกับพื้นอย่างไม่ค่อยถนอมนัก
ปลายเท้าทั้งคู่พาร่างเดินออกไปรอบบ้านพร้อมสีหน้าไม่สู้ดี
ริมฝีปากสีกุหลาบบ่นอุบอิบเพียงเบาๆเป็นคำพูดว่า ‘ใครจะทำกันเล่า’
บ้านที่นี่กว้างขวางกว่าที่มองเห็นจากภายนอก
จะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์ขนาดย่อมก็ไม่ได้ผิดไปนัก
ถึงอย่างนั้นกลับไม่เห็นวี่แววของผู้คนนอกจากผู้ชายร่างโตสองคนนั้น
เครื่องเรือนมีน้อยกว่าพื้นที่ที่ค่อนข้างโล่ง
เพราะแบบนั้นมันจึงกว้างไปสำหรับการทำความสะอาดเพียงคนเดียว
จุดหมายของเด็กหนุ่มคือประตูบานคู่เก่าๆที่อยู่ภายหน้า
มันคือบานเดียวกับที่ใช้เข้ามาในบ้านหลังนี้
คว้าหมับเข้าที่มือจับประตูก่อนออกแรงผลักพอให้ขยับ
แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมันไม่ได้ล็อกอย่างที่คิดไว้
ต้องหนีอย่างเดียวแล้วสิแบบนี้….
เจ้าของใบหน้าหวานรีบหันมองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง
ก่อนจะแทรกร่างผอมๆนั้นออกไปโดยไม่ได้ส่งเสียงใดๆ เผลอแย้มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
นี่คือโลกภายนอกจริงๆ ออกมาง่ายดายเกินไปหรือเปล่านะ
…แต่ก็ช่างเถอะ
ก้าวเตาะแตะออกไปตามทางตามประสาคนไม่รู้จักพื้นที่
นอกจากบ้านจะหลังใหญ่แล้ว พื้นที่รอบบ้านก็ยังกว้างไปอีก
มีทั้งแปลงดอกไม้หรือแม้แต่บ่อน้ำที่มีรอกกับถังใช้ตักน้ำขึ้นมาจากใต้ดิน
ดวงตากลมโตทั้งคู่มัวแต่สนใจสิ่งที่แปลกตารอบตัวจนกระทั่งมาหยุดยังร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างออกไปเท่าไร
ผู้ชายใส่ตุ้มหูระย้าที่หูข้างซ้ายนั่น
ร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนกอดอกสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวที่มีรองเท้าบูทสวมทับถึงเข่าอีกที
ใบหน้าคมส่งสายตาดุๆมายังคนตัวเล็กที่แทบจะไถลไปกับการชะลอความเร็วฝีเท้าของตนลง
ทำไมต้องทำหน้าดุใส่กันขนาดนั้นด้วย… กลายเป็นความตกใจแทนที่จะกลัวไปเลย
“ เปล่าซะหน่อย
ฉันไม่ได้คิดจะหนีนะ! ”
ปากมันก็พาลร้อนตัวไปก่อนคู่สนทนาจะเอ่ยปากถาม
เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นอย่างคนโกหกไม่เป็น
อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียจนคนตัวเล็กกว่ารู้สึกอึดอัดจนต้องหลบสายตา
ทำหน้าดุใส่อีกแล้ว ไม่เห็นจะเข้าใจเลย… คนตัวสูงเริ่มก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนต้องถอยหลังหนี …ไม่ไหวแน่ ทางเดินนี่มันแคบเกินกว่าจะหลบออกไปตรงไหนได้
มีหวังโดนไล่ทันแล้วโดนจับทุ่มลงพื้นจะทำยังไง
ก็ได้… กลับเข้าไปในบ้านก่อนก็ได้
แง้มปิดประตูคืนด้วยสีหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ …คนบ้านนี้มันอะไรกันนะ
ถ้าไปทางนั้นไม่ได้ก็หาทางออกอื่นเอาก็แล้วกัน
คิดได้ตั้งนั้นก็รีบสาวเท้าออกไปทางส่วนหลังของบ้านแทน
หลังบันไดกว้างที่บดบังทัศนียภาพชั้นล่างของบ้านคือห้องครัวที่ไม่ได้หรูหรามากมาย
แต่ก็กว้างขวางสมกับขนาดของที่อยู่อาศัย
มีเตาอบโบราณแบบไม่ใช้ไฟฟ้าให้รู้สึกแปลกตา
เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว ร่างเล็กรีบวิ่งตรงไปยังประตูที่จะออกไปสู่ภายนอกทันทีที่สังเกตเห็น
มันเป็นเพียงบานไม้เก่าๆที่ไม่น่ามีกลไกอะไรซับซ้อนนัก
แต่ครั้นผลักออกไปสุดแรงแล้วก็ดูไม่มีทีท่าจะขยับเลยแม้แต่น้อย
…โดนล็อกจากข้างนอกงั้นหรือ
พลันเสียง ‘ตุบ’ ที่ดังขึ้นมาข้างหูก็ทำให้ทั้งร่างสะดุ้งขึ้น
ฝ่ามือของผู้ชายที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ลูฟี่รีบหันกลับไปมองโดยอัตโนมัติ
หัวใจมันพาลจะหยุดเต้นเมื่อพบว่าทั้งร่างอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายเรียบร้อยเสียแล้ว
คราวนี้เป็นผู้ชายอีกคนที่มีคิ้วเด่นสะดุดตา
ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เสียจนเด็กหนุ่มถอยหลังไปชนประตูตามสัญชาติญาณ
จึงกลายเป็นการปิดกั้นทางหนีของตนไปโดยปริยาย…
“
บอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าได้คิดจะหนี ” ใบหน้าคมยิ่งเลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนลูฟี่ที่พยายามหดคอหนีเริ่มทำตัวไม่ถูก
หัวใจมันก็พาลอยู่ไม่สุขตามไปด้วย จนกระทั่งเมื่อปลายจมูกของคนตรงหน้าชนเข้ากับปลายจมูกของเขา
เด็กหนุ่มรีบใช้มือบอบบางดันหน้าของอีกฝ่ายออกไปทันทีที่ได้สติ
“ ทำอะไรของนาย
เอาหน้าออกไปนะ! ”
เสียงเล็กโวยวายให้กับความรู้สึกไม่คุ้นเคย
พลันสัมผัสนุ่มหยุ่นจากกลางฝ่ามือก็เป็นอันทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องรีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว
คนผมทองฉีกยิ้มที่มุมปากยามที่ได้แกล้งเด็กน้อยตรงหน้า
ฉ่า…
ราวกับว่าทั้งใบหน้ามันร้อนไปหมด ลูฟี่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร
แต่มือไม้มันก็พาลชาไม่เป็นท่า
เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ยืนมือเข้ามาล็อกคางมนของเขาเอาไว้จนไม่อาจหันหน้าหนีไปไหนได้อีก
“ ฉันจะลงโทษแก
อยากรู้มั๊ยล่ะว่าจะเป็นยังไง ”
ใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่เลื่อนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจทำให้คนตัวเล็กตอบสนองด้วยการผลักทั้งร่างนั้นออกไปราวกับตั้งโปรแกรมเอาไว้
ปลายเท้ารีบพาร่างตัวเองวิ่งออกมาให้ห่างจากคนตัวสูงที่ช่างอันตรายเหลือเกินในเวลานี้
“ ฉันไม่หนีไปไหนแล้ว
อย่าเข้ามาอีกนะ! ”
ลูฟี่แทบอยากจะบ้าตายกับสถานการณ์ที่เพิ่งเจอมาเมื่อครู่
ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อวิ่งออกมาจนพ้นสายตาแล้ว
พลันนึกกังวลว่าจะมีที่ไหนในบ้านนี้ให้เขาได้อยู่อย่างสบายใจได้บ้าง
คนหนึ่งก็ชอบทำหน้าดุ ส่วนอีกคนก็มีรอยยิ้มแปลกพิลึกนั่น เขาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
ในเมื่อชั้นล่างไม่ปลอดภัยในการหลบหนี
ชั้นบนก็ต้องมีหน้าต่างซักบานให้เขาปีนลงบ้างล่ะน่า
อาจจะรอจังหวะให้ผู้ชายสองคนนั้นเลิกสนใจเขาไปเสียก่อน
ค่อยจัดการกระโดดลงไปให้รู้แล้วรู้รอด
หลังจากเดินขึ้นบันไดที่เคยคิดว่ามันกว้างเกินไปสำหรับบ้านหลังนี้
ก็พบกับห้องที่รายล้อมโถงที่เชื่อมขึ้นมาจากเบื้องล่างเต็มไปหมด
ลูฟี่ไล่เปิดทีละห้องด้วยความสนใจ บ้างก็เป็นห้องนอน บางห้องก็ล็อกเอาไว้
หรือไม่ก็เป็นห้องเก็บของ
แถมเขายังเจอห้องที่มีหน้าต่างที่พอจะปีนลงไปได้แล้วสิ…
แต่เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปชั่วขณะ
ช่วงเวลาที่หันกลับไปทางเดิม
ก็เห็นเจ้าของร่างสูงผู้มีผมสีเขียวราวกับต้นหญ้าปรากฏให้เห็นเสียแล้ว
คนพวกนี้จะอยู่ทุกที่ที่เขาจะไปเลยหรือไงกันนะ… พวกนายมีญาณวิเศษกันหรือไง
ผู้ชายคนนี้ดูพูดน้อยกว่าคนผมทองตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
นอกจากความเงียบก็มีใบหน้าโหดนั่นที่ราวกับกำลังจะดุเขาได้ตลอดเวลานั่นแหละ
ที่ทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น
เจ้าของใบหน้าโหดก็จ้ำอ้าวตรงมาที่ร่างบางทันทีแบบไม่ได้ทันตั้งตัว
เวลาเพียงชั่วพริบตา
มือหนาก็เคลื่อนมาดึงทึ้งชุดที่เขาสวมใส่อยู่จนขาดกระจายออกไปไม่เป็นท่า
เอี๊ยมกางเกงตัวแรกที่มีโอกาสได้ใส่หลังจากมาถึงที่นี่ขาดกระจุยหมดเลย
แรงคนหรืออะไรกัน!
“ ทำอะไรของนายเนี่ย! ”
ลูฟี่รีบยกแขนขึ้นมาปิดร่างของตัวเอง ชุดที่เคยสภาพดีในเวลานี้กลับขาดรุ่งริ่ง
เผยให้เห็นผิวขาวเนียนเพียงวับๆแวมๆ
“
ใครอนุญาตให้เด็กอย่างแกใส่ชุดดีๆแบบนั้น ” เสียงทุ้มกล่าวเอ็ด
ในขณะที่สายตาคู่คมดูวาวโรจน์ราวกับได้เห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้า
ยิ่งเร่งให้ความรู้สึกขนลุกตีเข้ามายังคนตัวเล็ก
ลูฟี่รีบถอยหลังออกห่างทันทีที่สายตาคู่นั้นเริ่มกวาดไปทั่วร่างของเขา ในห้องเก็บของนี่ไม่ได้มีพื้นที่มากมายขนาดนั้น
…อุตส่าห์ได้ชุดดีๆมาจากเอสกับซาโบแท้ๆ
ผู้ชายหน้าดุคนนี้ก็ทำมันพังเสียแล้ว
“ ถอดชุดออกซะ ”
ถ…ถอดชุดเนี่ยนะ!
“ ไม่เอา ไม่ถอด
ทำไมฉันต้องทำด้วย! ”
ลูฟี่รีบปฏิเสธ เขาไม่ค่อยเข้าใจใบหน้าแบบนั้นของคนตัวสูงนัก อีกทั้งยังคำสั่งแปลกประหลาดชวนขนลุกนั่นด้วย
รางสังหรณ์กำลังบอกให้เขาระวังตัวให้มากขึ้นแบบสุดๆไปเลย
ลมหายใจของร่างบางขาดห้วงไปชั่วขณะ
เมื่อข้อมือข้างหนึ่งโดนอีกฝ่ายคว้าเอาไว้และผลักทั้งร่างแนบติดกับผนังห้อง
มือหนาของคนหน้าดุเลื่อนมาปลดประดุมเสื้อตัวในของเขาที่ยังไม่ขาดออกทีละเม็ด
“ อยากให้ฉันถอดให้หรือไง
”
แบบนี้มันไม่ปกติแล้วนะ…!
“ ม...ไม่ต้อง ฉันทำเองได้ ”
พยายามแกะมือของอีกฝ่ายออก แต่ก็ได้เพียงสายตาดุๆของอีกฝ่ายที่มองกลับมา
“ อยู่เฉยๆซะ ”
ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย… เคยมีคนเปลี่ยนชุดให้เขาแล้วนะ
ตอนที่เข้ามาที่นี่วันแรก ผู้ชายหัวหงอนไก่นั่นไง ทำไมมันไม่เหมือนกัน
ยามที่มือสากลากผ่านผิวของเขา มันรู้สึกใจหวิวแปลกๆ
ทำไมหัวใจจึงบีบรัดแรงเหมือนเป็นโรคร้ายแบบนี้นะ
“ ม..ไม่ต้องแล้ว ฉันทำเอง! ” ใช้แรงทั้งหมดผลักร่างที่สูงกว่าตนมากโขให้ห่างออกไป
ก่อนวิ่งหลบออกไปข้างหลัง ลมหายใจมันพาลหอบไม่เป็นท่าราวกับเพิ่งโดนริบอากาศไป
ปลายเท้าทั้งคู่พร้อมจะวิ่งหนีออกไปทางประตูได้ทุกเมื่อที่ถูกคุกคาม
“
ไหนชุดที่จะให้ฉันเปลี่ยนล่ะ…! ”
ครั้นจะให้ใส่ชุดขาดๆนี่เดินไปไหนมาไหนท่ามกลางอากาศหนาวๆก็ไม่เอาเหมือนกัน
ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นกองผ้าที่วางพาดอยู่บนกล่องไม้ซ้อนสูงในห้อง
จึงไม่ลังเลที่จะรีบคว้ามาไว้ในอ้อมแขน
แล้วจ้ำอ้าวออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อาการที่หัวใจสั่นระรัวราวกับไม่สบายแบบนี้มันคืออะไรกัน …ไม่ดีเลย
ผู้ชายสองคนนี้กำลังเล่นอะไรกัน
ตายๆๆ
ทำไมคราวนี้หัวใจของเขาจึงได้อ่อนแอลงขนาดนี้นะ
…เกือบจะหวั่นไหวไปด้วยแล้วสิ!
ความคิดเห็น