ภายใต้พื้นดินลึกยังมีสิ่งก่อสร้างที่ลึกลับที่ไม่เคยถูกตรวจสอบและแห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมนักพนันกระจอกไปจนถึงมหาเศรษฐีผู้หลงไหลในการเสี่ยงโชค
ภายในตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงดงามราวพระราชวังแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยและอำนาจของผู้เป็นเจ้าของไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าผู้ที่เป็นเจ้าของบ่อนลับแห่งนี้ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากแค่ไหน
“ได้โปรด ไว้ชีวิตผมด้วย” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงปนสะอื้นมือหนาพนมขึ้นเหนือหัวหยาดน้ำใสเอ่อล้นดวงตาสภาพไม่ต่างอะไรจากขอทานข้างถนนตอนนี้เขาหมดเนื้อหมดตัวแล้วจริงๆ
คิ้วหนาของชายฉกรรจ์เลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ชายร่างกำยำที่ยืนออกไปไม่ไกลจากตรงนี้นัก
“กูให้เวลามึง 3 วันถ้ามึงยังหาเงินมาใช้หนี้ที่มึงก่อไว้ไม่ได้…คงรู้นะว่าจะเกิดอะไร!?” ชายฉกรรจ์เอ่ยเสียงเรียบประดุจน้ำแข็งพร้อมกับกระชากข้อมือหนาของอีกฝ่ายแน่น
ชายวัยกลางคนเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเขาพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะยิ่งพยายามดิ้นรนมากเท่าไหร่กระดูกภายในก็ยิ่งเคลื่อนไปมาสร้างความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
นี่ไม่ใช่รายแรก…ที่หมดตัวภายในบ่อนแห่งนี้รายแล้วรายเล่าที่ต้องตกเป็นทาสของการพนันจนไม่มีเหลือแม้แต่เสื้อผ้าติดตัว
"30,000,000 วอน(30 ล้านวอน หรือ 1ล้านบาท)หวังว่ามึงคงจะไม่เบี้ยว"ชายฉกรรจ์ในชุดสูทเอ่ยพลางยกนิ้วขึ้นชี้หน้าอย่างเอาเรื่องก่อนจะมีชายร่างใหญ่ 2 คนเข้ามารัดแขนเขาไว้แน่นและลากออกไปจากบริเวณดังกล่าวเพื่อไม่ให้ผู้คนในบ่อนแตกตื่น
...
พระอาทิตย์เริ่มละจากฟากฟ้าทำให้ท้องฟ้าในยามนี้เป็นสีแสดกลุ่มเมฆสีขาวที่เคยลอยเด่นอยู่บนนภาเริ่มเปลี่ยนสีทำให้'แบมแบม'ต้องรีบกุลีกุจอเก็บของเพื่อกลับบ้าน
เขาเป็นห่วงพ่อเหลือเกิน...ป่านนี้พ่อคงจะหิวแย่
ร่างเล็กรีบจ้ำอ้าวออกมาจากตัวอาคารมือเล็กยกขึ้นโบกแท็กซี่ที่กำลังขับผ่านมาพอดีแบมแบมเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็ว
"ไป xxx ถนน xx ครับ"
คนขับแท็กซี่พยักหน้าเล็กน้อยและรีบเคลื่อนรถออกไปในทันทีเพราะกลัวว่าการจราจรจะติดขัดก็แหงล่ะแถวนี้เป็นย่านธุรกิจแถมข้างๆยังเป็นถนนคนเดินทำให้นักเรียนนักศึกษาต่างพากันมาเดินเล่นซื้อของกันอย่างขวักไขว่ทำให้การจราจรแถวนี้ย่ำแย่เอามากๆเมื่อรถจอดสนิทอยู่ที่หน้ารั้วบ้านร่างเล็กจึงหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้คุณลุงแท็กซี่ก่อนจะเปิดประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคเข้าไปภายในบ้านแต่ก็พบกับ
ความว่างเปล่า
พ่อไม่อยู่บ้าน...
แบมแบมพึมพำกับตัวเล้กมือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังคนเป็นพ่อทันที
ติ๊ดดดดดดด! ตี๊ดดดดดดดดดดด!
ติ๊ดดดด!
ไม่รับ...
"พ่อนะพ่อ อยู่ที่ไหนของเขากันนะ" ร่างเล็กบ่นออดแอดพลางกดปุ่มโทรซ้ำอีกรอบแต่คำตอบก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
"หายไปไหนของเขา" แบมแบมรู้สึกหวิวๆในใจแปลกๆกลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคนเป็นพ่อเหมือนคราวก่อนที่พ่อเมาไม่ได้สติจนไปมีเรื่องชกต่อยกับพวกนักเลงวัยรุ่นเขายังจำมันได้ดีและเขาก็ไม่อยากให้พ่อไปเจอกับอะไรแบบนั้นอีก
"เอิ้ก! ฮึก!"
ร่างเล็กหันไปตามเสียงปริศนาก่อนจะพบคนเป็นพ่อที่เมาไม่ได้สติเดินเข้ามาในสภาพที่ดูไม่ได้จนแบมแบมต้องรีบเข้าไปพยุงร่างโซซัดโซเซของผู้เป็นพ่อเอาไว้
“ปล่อยกู! ไอแบมไอลูกเวร!!!” ชเวแจอุคตะคอกแบมแบมเสียงแข็งและรีบปัดมือลูกชายเพียงคนเดียวออกไปจากร่างกาย
แบมแบมพยายามกลั้นน้ำตาหลายต่อหลายครั้งที่พ่อทำเหมือนกับเขาไม่ใช่ลูกหลายต่อหลายครั้งที่พ่อกินเหล้าเมายาเพื่อลืมแม่
ความรู้สึกตอนนี้มันตีรวนไปหมดร่างเล็กปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเบาๆและเดินเข้าไปภายในห้องน้ำ
ร่างบางยกกระละมังขนาดกลางออกมาจากห้องน้ำเดินไปยังโซฟากลางบ้านที่มีร่างสูงของผู้เป็นพ่อกำลังหลับไม่ได้สติอยู่
แบมแบมค่อยๆเช็ดตัวคนเป็นพ่ออย่างเบามือก่อนจะลุกเดินเข้าห้องครัวไปถ้าไม่มีเสียงละเมอที่แผ่วเบาที่ทำให้เขาชะงัก
“พิมพ์…” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาจนแทบจะปลิวไปกับสายลมแต่ทว่าแบมแบมกับได้ยินมันชัดเจน
พิมพ์พันธ์ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเขา…
‘พิมพ์พันธ์ ภูวกุล’คือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ดวงตาโตประกายดุจดวงอาทิตย์และรอยยิ้มอ่อนโยนดุจปุยเมฆรอยยิ้มของเธอยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของแบมแบมเขาจำได้ลางๆว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นรอยยิ้มที่สดใสเขาเห็นนั้นมันแฝงไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวดมากเพียงใด
นี่ก็ผ่านมา 12 ปีแล้ว…
12 ปีที่เธอจากไปอย่างหมดเยื่อใยจากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่เธอรัก…
แบมแบมถือถาดข้าวต้มที่พึ่งทำเสร็จสดๆร้อนๆวางลงตรงโต๊ะใกล้ๆโซฟามือเล็กพยายามเขย่าตัวคนเป็นพ่อเล็กน้อยแต่ผลตอบรับก็กลับกลายเป็นความเงียบ
“สงสัยจะหลับลึก” แบมแบมพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“พ่อ…ลุกขึ้นมาทานข้าวต้มก่อน” จากที่เอ่ยเบาๆตอนนี้ร่างเล็กเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อยเพื่อปลุกคนเป็นพ่อ
“อือ…มึงจะเสียงดังหาพ่อมึงหรอ!?” ชเวแจอุคที่สะลึมสะลือขึ้นเสียงเล็กน้อยพร้อมกับขยี้ตาไปมาเพื่อไล่ความงุนงงออกไปดูเหมือนว่าจะเริ่มสร่างเมาบ้างแล้ว
“พ่อกินข้าวก่อน เดี๋ยวค่อยนอนต่อ” แบมแบมเอ่ยพลางหยิบถ้วยข้าวต้มที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเย็นลงบ้างแล้วเพื่อเตรียมที่จะป้อนแต่ก็ถูกมือหนาสกัดเอาไว้
“ไม่ต้องกูกินเอง มึงจะไปไหนก็ไป!” คนเป็นพ่อรีบปัดมือเป็นการไล่ทันทีทำให้แบมแบมต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
oooooo แปะ2 ooooooo
“แบมมึงไปเก็บของเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” ยูคยอมที่เดินตามหลังผมมาพาดแขนลงบนไหล่ของผมอย่างถือวิสาสะ แหม่! อียูคมึงคงเห็นกูเตี้ยมากสินะ
ผมเบะปากใส่มันไปหนึ่งทีก่อนจะเอาแขนหนักๆของมันออกไปจากไหล่อันสวยงามของผมและเดินนำหน้ามันเข้าไปภายในตึกเรียน
ดูเหมือนผมกับไอ้ยูคยอมจะดูสนิทกันใช่ไหมล่ะครับแต่ผมขอตอบเลยว่าไม่ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆแถมบ้านเรายังอยู่ข้างๆกันจึงทำให้เราสนิทกันไปโดยปริยายแต่ความจริงคือทะเลาะกันแทบจะทุกวันไม่มีวันไหนไม่ทะเลาะกันเลยจริงๆครับ
ผมและยูคยอมเดินมาถึงบริเวณล็อกเกอร์เก็บของที่ถูกพวกนักเรียนเถื่อนๆพ่นสีจนมันกลายเป็นศิลปะแบบเถื่อนๆผมไม่รอช้าจัดการเก็บหนังสือและไม่ลืมที่จะล็อคกุญแจเพื่อป้องกันของสูญหายอีกด้วย
แหม่ เห็นผมแบบนี้ผมก็รอบคอบนะครับ^^
“ปะมึง! วันนี้กูว่าจะโดดเรียนว่ะ” ยูคยอมเดินเอาแขนมาพาดไหล่ผมเป็นครั้งที่สองก่อนที่เราสองคนจะเดินเข้ามาภายในสวนหลังโรงเรียนสถานที่ซึ่งเป็นที่สุมหัวทุกครั้งที่โดดเรียน
มันก็ต้องมีบ้างแหละ ใช่ไหมครับ
ความคิดเห็น