ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the villain - นาง(นาย)ร้าย ที่รัก(yaoi) END

    ลำดับตอนที่ #28 : นางร้าย 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.79K
      46
      29 มิ.ย. 58




    The  villain

    นาง (นาย) ร้าย ที่รัก

     

    ตอนที่ 20

    พจน์เดินออกมาจากบริษัทฯ ของตัวเองด้วยใจหดหู่ สายตาหม่นมองไปยังตึกสูงระฟ้าอย่างคนห่อเหี่ยว ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว...เขาไม่ใช่ผู้บริหารของที่นี่อีกแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด เพียงแค่ข้ามคืนของๆ เขาก็ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นอย่างง่ายดาย โดยคนที่ทำนั้นเป็นลูกชายของตัวเอง!...ทันทีที่รู้ข่าวจากทนายเขาก็รีบเข้ามาในบริษัทฯ แต่พอมาถึงก็เจอกับศัตรูทางธุรกิจและพวกคณะกรรมการบริหารกำลังนั่งประชุมอยู่ภายในห้องประชุม

    ในคราวแรกพจน์ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเอกสารซื้อขายหุ้นรวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทฯ เลยทำให้รู้ตัวว่าเขาถูกบดินทร์เล่นงานเข้าให้แล้ว พจน์คัดค้านสุดตัวว่ามันเป็นของปลอม เขาไม่มีทางยกของๆ เขาให้คนอื่นง่ายๆ

    แต่พจน์ทำอะไรไม่ได้เลย...คนพวกนั้นที่เคยอยู่ร่วมงานและเคยอยู่เคียงข้างเขากลับปลีกตัวไปอยู่กับบดินทร์มันทำให้พจน์ไม่เหลือใคร...ไม่เหลือแม้แต่กำลังที่จะต่อสู้ เพราะทุกสิ่งที่เขามีถูกเอาไปจนหมดตัว

    “คุณคะ!

    นันปรี่เข้าหาผู้เป็นสามีด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก เธอรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านด้วยใจไม่สู้ดีนัก รู้สึกหวั่นๆ เสียจริงเมื่อเห็นหน้าสามีของเธอ

    “คุณพ่อ!

    หนึ่งเองก็เช่นกัน

    ไร้คำตอบจากคนตอบ มีแต่เพียงความเงียบงัน พจน์ในตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรออกมาทั้งนั้น มันรู้สึกจุกในอกจนแน่นไปหมด ชายวัยกลางคนเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวที่นั่งเป็นประจำอย่างคนหมดแรง เขาในตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เงินทองและทรัพย์สมบัติก็ถูกริบไปหมด

    “คุณพจน์ ว่ายังไงคะคุณอย่าเอาแต่เงียบสิ เรื่องบริษัทฯ เป็นยังไงบ้าง คุณพจน์...คุณพจน์!

    นันไม่พูดเปล่าแต่กลับไปนั่งข้างสามีของเธอพลางเขย่าแขนไปมาเพื่อเร่งรัดเอาคำตอบ

    “คุณพจน์!

    “เงียบสักทีได้ไหมนัน!

    แต่จนแล้วจนรอดพจน์ก็ทนไม่ไหวพลั้งเผลอขึ้นเสียงใส่หญิงคนรัก

    “คุณพ่อ”

    หนึ่งมองบิดาตนอย่างไม่น่าเชื่อหูตัวเอง เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยมีสักครั้งที่พจน์จะตะคอกหรือขึ้นเสียงใส่

    “ขอโทษ”

    พจน์พยายามทำใจเย็นแล้วมองไปที่ภรรยาและลูกชายอีกครั้ง เหมือนมีบางอย่างจุกในลำคอจนทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเริ่มพูดยังไงดี จะทำยังไงดี จากที่เคยอยู่สุขสบาย จากที่ไม่มีเรื่องต้องทุกข์ร้อนและมีเงินมีทองใช้ แต่ดูตอนนี้สิ...พจน์ไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งบ้านที่จะซุกหัวนอนก็ยังไม่มีเลย

    “คุณนัน หนึ่ง...” พจน์กลืนน้ำลายลงคอ “เรา...ต้องเก็บของ”

    นันและหนึ่งขมวดคิ้วด้วยความงุนงง...ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พจน์พูดหมายความว่าอะไรกันแน่?

    “เก็บของ? เก็บของทำไมคะคุณพจน์”

    “นั่นสิครับคุณพ่อ”

    ชายสูงวัยมองหน้าลูกเมียทั้งสองอีกครั้ง มือหนาพลางเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายตัวเองเบาๆ ถึงไม่อยากยอมรับแต่เขาจำเป็นที่จะต้องทำทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาผิดเอง...เป็นคนผิดตั้งแต่แรก ถ้าเขาใส่ใจเรย์สักนิดคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

    “พวกเรา...หมดตัวแล้วคุณนัน”

    !!!

    “ว่าอะไรนะคะหมดตัว? คุณหมายความว่ายังไง”

    นันถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ จู่ๆ ก็มาบอกว่าหมดตัวอย่างนั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงพจน์ต้องโกหก ต้องโกหกแน่ๆ!!!

    “คุณพ่อล้อเล่นใช่ไหมครับ”

    หนึ่งถามอีกคนแต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นการส่ายหน้าปฏิเสธของผู้เป็นพ่อ พร้อมทั้งสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ทำให้คนตัวเล็กรู้เลยว่าพจน์พูดความจริง

    เพียงไม่นานนักเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ ออกมาจากริมฝีปากหนาคู่นั้นทีละเรื่องๆ ทั้งหนึ่งและนันต่างก็ตั้งใจฟัง แต่สิ่งที่พจน์เอ่ยออกมานั้นมันกลับทำให้ลมแทบจับ นันแทบอยากจะเป็นลมล้มทั้งยืนด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งเองก็เช่นกัน ถึงแม้จะตกใจแต่ก็พยายามครองสติให้อยู่ ร่างบางส่ายหน้าช้าๆ อย่างคนไม่เชื่อหูตัวเอง...

    มันจะเป็นไปได้ยังไง!

    ไม่ต้องไม่ใช่แบบนี้!

    “ไปเก็บของซะ พวกเราจะไปจากที่นี่กัน”

    พจน์เอ่ยพลางไม่กล้าสบตาลูกและเมียตัวเอง

    “ไม่ไปฉันไม่ไป!!! ที่นี่เป็นบ้านของคุณ มันเป็นบ้านของฉันกับคุณฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!!!

    เสียงแข็งกร้าวบอกแก่ผู้เป็นสามีอย่างคนไม่ยอม ที่นี่เป็นบ้านของเธอไม่สิ...ถึงจะเป็นบ้านของพจน์แต่เธอที่เป็นภรรยาก็เปรียบเสมือนเจ้าของบ้านเหมือนกัน จะให้เธอออกไปอยู่ที่อื่นอย่างนั้นหรือ? ยังไงซะก็ไม่มีวันยอมเด็ดขาด!

    “คุณแม่”

    “เพื่อนของคุณก็มีไม่ใช่เหรอโทรไปสิโทรไปขอร้องเพื่อนของคุณให้ช่วยเดี๋ยวนะ...เพื่อนของฉันก็มี เพื่อนๆ ที่เป็นนักธุรกิจของฉันก็เยอะ ฉันจะลองโทรไปให้พวกเขามาช่วย”

    นันเลิกลักคว้าไปที่โทรศัพท์ของตัวเองแล้วกดโทรออกไปยังปลายสาย หัวใจของเธอเต้นระรัวจนแทบกระเด้งออกมานอกอกเพื่อรอลุ้นให้อีกคนกดรับสายของเธอ

    “ฮัลโหล คุณอ้อยเหรอคะ...นี่ฉัน...”

    ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

    แต่ยังไม่ทันที่นันจะเอ่ยคำออกไป ปลายสายก็ถูกตัดทิ้งเสียก่อน ใบหน้าสวยหรี่ตามองไปที่หน้าจอตัวเองเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจโทรไปอีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม

    ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

    “ฮึ๊ยคนอื่นก็ได้!” กดไปที่อีกเบอร์ “ฮัลโหล คุณกาญเหรอคะ”

    ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

    แต่ผลตอบรับก็เหมือนเดิม

    มือบางกำโทรศัพท์แน่นพยายามโทรหาเพื่อนๆ ของเธออีกหลายๆ คน แต่ผลตอบรับก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสองคราแรก...สายถูกตัดและไม่มีการรับสายแต่อย่างใด

    “กรี๊ดด!!! ไอ้พวกบ้า!

    นันกรีดร้องอย่างโมโหเมื่อมันไม่เป็นดั่งใจนึก

    “พอเถอะคุณนัน”

    พจน์ห้าม เขามองภรรยาตัวเองด้วยความอดสู สิ่งที่นันทำมันทำให้เขาคิดว่าช่างไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ ที่เที่ยวร่ำร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครจะยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่แล้ว แต่พจน์เข้าใจนันดีว่ารู้สึกยังไง เพราะเขาเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากนันเหมือนกัน แต่เพราะเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ไม่สามารถที่จะอ่อนแอได้เลยต้องพยายามทำตัวเองให้เข้มแข็ง ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากร้องไห้แทบเป็นแทบตาย

    “ไม่ฉันไม่ยอมฮือ ฮือ”

    หัวใจของนันแทบแหลกสลาย เธอร้องไห้ออกมาอย่างนึกอดสู... ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันนี้จริงๆ วันที่เธอต้องกลับไปยากจนอีกครั้ง ริมฝีปากสีแดงฉานร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดพลางนึกถึงอดีตที่อยากจะลืม ทั้งๆ ที่เธอพยายามมาจนได้ขนาดนี้มีหรือที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

     

    [เรย์]

    ภายในห้องที่ประดับประดาไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรู ถึงมันจะเรียบง่านแต่สไตล์การตกแต่งกลับสวยงามและเพอร์เฟ็กสมกับเป็นผู้ใช้จริงๆ ใบหน้าสวยของคนที่ผมมาพบกำลังคลี่ยิ้มหวานมาให้จนทำเอาผมอดที่จะยิ้มตามด้วยไม่ได้ ผมมาพบ เธอ’ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แต่มันไม่ใช่การแค่พบกันธรรมดาๆ เท่านั้น แต่มันเป็นการแอบมาพบ แม้กระทั่งเอเดนก็ไม่รู้เรื่องนี้

    “มีใครตามหรือเปล่า”

    เธอ’ ถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    “ไม่มีครับ...วางใจได้”

    “อืม...แล้ว อีกนานแค่ไหน”

    “อีกไม่นานครับ”

    ผมยิ้มตอบ...แต่ดูจากสีหน้าของเธอแล้วท่าจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ที่ผมยังคงดื้อดึง แต่ผมหยุดตอนนี้ไม่ได้จริงๆ มันสายเกินไปแล้ว...

    “เฮ้อ”

    “ผมไม่เป็นไรหรอก”

    ผมเข้าไปโอบกอด เธอ’ เอาไว้แน่น เพื่อเป็นคำมั่นว่าผมจะจบงานนี้ให้เร็วที่สุด...เธอกอดผมไว้แน่นด้วยความเป็นห่วงและเติมเต็มไปด้วยความรัก อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดที่ผมไม่เคยมี

    “อย่าประมาทนะเรย์ งานนี้มันเสี่ยง”

    “ครับ ผมรู้”

    ผมรู้ว่าควรจะจัดการงานนี้ยังไง...ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไง เหลืออีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น...เรื่องทุกอย่างก็จะจบลง

    “ถอนตัวเถอะนะ ตอนนี้มันยังไม่สาย”

    เธอทำเสียงร้องขอ พลางมองหน้าผมด้วยแววตาเว้าวอน ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียใจเลย แต่ผมหันหลังกลับไปไม่ได้จริงๆ แล้วดูเหมือนว่าเธอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วก็เลยได้แต่ถอนหายใจอีกรอบในความดื้อดึงของผม

    “ผมสัญญา จบงานนี้เมื่อไหร่ ผมจะไปจากที่นี่ ช่วยรออีกนิดนะครับ”

    ผมกอดเธอไว้แน่นพลางหลับตาลงช้าๆ ต้องจัดการงานนี้ให้เร็วที่สุด...

     

    “หายไปไหนมา”

    น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามผมทันทีที่ผมกลับมาที่บ้านของเอเดน...ใบหน้าของเขาดูท่าว่าจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ผมไปไหนมาไหนโดยที่ไม่ได้บอกเขา เพราะปกติตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันเอเดนก็ให้คนคอยตามผมตลอด แทบไม่ปล่อยให้ผมคลาดสายตาเลย

    “ไปเดินเล่น”

    ผมสบตาตอบ

    “แล้วทำไมถึงไม่บอกกูมึงรู้ไหมกูเป็นห่วงมึงขนาดไหน ห่ะ!

    อีกแล้ว...ถ้าเขาโมโหเมื่อไหร่ เขาจะขึ้นมึงขึ้นกูกับผมทันที แต่ถ้าเป็นอารมณ์ปกติจะเรียก ฉัน’ และ นาย

    เอเดนปรี่เข้ามาจับแขนผมแน่นจนรู้สึกเจ็บ

    “ขอโทษ...แต่อย่าโกรธเลยนะ” ผมเอื้อมไปจับมือหนา

    “...”

    “ที่ไม่บอกเพราะว่าเห็นเอเดนกำลังประชุมงานอยู่ เลยไม่อยากกวน”

    แต่ดูท่าว่าเอเดนจะไม่ยอม แรงที่มีมากกว่าของเขามันทำให้ผมเจ็บจนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กๆ ก่อนที่จะจับไปที่ใบหน้าหล่อแล้วเอื้อมไปจูบเบาๆ ที่แก้ม

    จุ๊ฟ

    “หายโกรธนะเอเดน”

    ผมก้มหน้าต่ำมองพื้นด้วยความเขินอาย ให้ตายเถอะการที่ต้องมาง้อผู้ชายร่างสูงๆ เหมือนกับผู้หญิงแบบนี้แล้วอายชะมัด!

    “นายก็รู้ว่าพ่อฉันยังไม่ไว้ใจนาย คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

    เอเดนกอดผม มือหนาก็ลูบผมของผมเบาๆ

    “อืม”

    อย่างที่เอเดนพูด...ผมรู้ว่าลุงบดินทร์ยังไม่ไว้ใจผม เขาไม่วางใจที่ผมยังอยู่ในบ้านเขา ถึงได้ให้ผมหมั่นกับเอเดนเพื่อกันไว้ก่อน ถึงเขาจะพอใจกับผลงานของผมที่ทำให้ได้ทรัพย์สมบัติของผู้ชายคนนั้น แต่เหตุผลที่ลุงบดินทร์ยังไม่ไว้ใจผมเต็มร้อยก็คงจะเป็นเพราะผมเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น คงกลัวว่าผมจะแว้งกัดเอาได้ง่ายๆ เขาก็เลยมักจะส่งคนคอยตามผมตลอด

    “นายเป็นของฉันนะเรย์”

    “ฉันรู้”

    ผมตอบเขาเสียงเบา...กี่ครั้งแล้วนะที่เอเดนพูดคำนี้กับผม เขามักบอกกับผมเสมอว่าผมเป็นของเขา...แล้วมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้

     

    วันต่อมา

    ผมพาลูกน้องอีกหลายๆ คนไปที่บ้าน อธิพัฒน์เดชากร’ บ้านที่ผมเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เล็กจนโต ป่านนี้แล้วคนพวกนั้นก็คงจัดการเก็บของเรียบร้อยแล้วสินะ หึ อยากเห็นหน้าคนพวกนั้นจริงๆ ว่าจะทำหน้ายังไง คงกำลังรอต้อนรับเจ้าของบ้านคนใหม่อย่างผมอยู่ละมั้ง

    “ถึงแล้วครับคุณเรย์”

    คนขับรถหันมาบอกกับผมก่อนที่จะวิ่งลงมาจากรถเพื่อเปิดประตูให้ มันน่าขำดีนะ...เมื่อไม่กี่วันก่อนผมยังมาอยู่ที่นี่อยู่เลย แต่มาวันนี้กลับกลายมาเป็นเจ้าของบ้านซะเอง

    ผมเดินเข้าไปด้านในบ้านที่เงียบเชียว มันเงียบมากกว่าที่ผมคิด เหมือนราวกับว่าไม่มีใครอยู่บ้าน...แต่จริงๆ พอเดินเข้าไปข้างในมันกลับไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ทุกคนที่ผมคุ้นตายังนั่งอยู่ตรงโซฟา โดยที่มีผู้หญิงที่ผมเกลียดที่สุดนั่งหน้าเชิดไม่ยอมแม้กระทั่งหันมามองผม ส่วนหนึ่งและผู้ชายคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆ โดยที่ยังมีคนรับใช้นั่งด้วย

    หึ ทำท่าเหมือนนางพญา

    “ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ ผมเอาคนมารับพวกคุณแล้ว”

    ผมยืนกอดอกมองการกระทำของคนพวกนั้น อยากรู้เสียจริงๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป...พวกคนรับใช้ก็ยังไม่ยอมขยับ ยังคงก้มหน้านิ่ง

    คงได้รับคำสั่งมาจากคนเป็นนายมาสินะ

    “ผมบอกให้ออกไป!

    “ฉันไม่ออก!

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็หันมาบอกกับผมด้วยแววตาแข็งกร้าว เธอมองผมราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาของเธอมีแต่ความเกลียดชัง ไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นสิบๆ ปีเลย เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่มีทางทำเสียงและสีหน้าแบบนี้ใส่ผมแน่ๆ แต่ก็อย่างว่า...นี่แหละมนุษย์ พอศูนย์สิ้นทุกอย่างไปก็เริ่มแสดงตัวตนจริงๆ ออกมา

    “คุณแม่” หนึ่งครางเรียกชื่อเสียงสั่นๆ ก่อนจะหันมาสบตากับผม “เรย์...อย่าทำแบบนี้เลยนะ หนึ่งขอร้อง”

    “ไม่ต้องไปพูดดีกับมัน หนึ่ง!” เธอรีบสวนทันที “ยังไงซะ พวกฉันก็ไม่ออกไปจากบ้านหลังนี้แกนั่นแหละที่ต้องออกไป ไอ้ลูกเนรคุณ!

    คำกล่าวหาถูกสาดซัดใส่ผม...ตายจริง นี่ผมกลายเป็นลูกเนรคุณไปแล้วเหรอเนี่ย มันก็คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้...ทำร้ายผู้บังเกิดเกล้าได้ลงคอ ยึดทรัพย์แล้วไล่ออกจากบ้านอีก รู้ถึงไหนคงถูกประณามแน่ๆ แต่แล้วยังไง? ผมไม่แคร์หรอก...แค่มีเงินก็จัดการได้ทุกอย่าง จะสร้างเรื่องจริงเป็นเรื่องเท็จ หรือ เรื่องเท็จเป็นเรื่องจริงยังไงก็ได้ แค่ใส่สีตีไข่สักหน่อยแค่นี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว...แค่บีบน้ำตาแล้วก็ร้องขอความเห็นใจจากสังคม ขี้คร้านจะมีแต่คนสงสารผมซะมากกว่า

    “ไม่เอาน่า...คุณแม่ ออกไปดีๆ ซะเถอะ อย่าให้ผมต้องใช้กำลัง”

    ผมเอ่ยเรียก คุณแม่’ ด้วยสายตายียวน

    “ฉันไม่ออกแกทำพ่อแกอย่างนี้ได้ยังไง ห่ะแกทำแบบนี้ได้ยังไงเขาเป็นคนเลี้ยงดูแกมานะ แกจะไล่คุณพจน์และพวกฉันออกจากบ้านไม่ได้!!!” เธอยืนขึ้นประจันหน้ากับผมแล้วชี้มือใส่

    “โหว ผมจำเป็นที่จะต้องขอบคุณพวกคุณสินะที่เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดี? แต่ผมไม่ยักจะจำได้เลย คุณไม่เคยรักผมเหมือนลูกแท้ๆ อยู่แล้วนี่นา ส่วนคนพวกนี้ก็เหมือนกันเป็นคนใช้แต่ดันมานินทาเจ้านาย อย่างนี้สมควรเอาไว้ที่ไหน ส่วนพ่อเหรอ? ผมไม่เห็นเคยรู้จัก...เพราะเท่าที่จำได้พ่อของผมได้ตายไปแล้ว”

    เป็นไงละ...ผมพูดเรียงคนเลย...ใครทำอะไรกับผมไว้บ้างผมจำได้หมด พากันพูดไม่ออกเลย...พวกที่เป็นคนรับใช้ของผู้หญิงคนนั้นก็ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตากับผมเหมือนเดิม...

    "ไอ้!"

    “พอได้แล้วคุณนัน!

    หลังจากที่เงียบมานานเขาก็พูดขึ้น

    “ฮึก คุณแม่...”

    ผมหันไปมองหนึ่งที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้า คอยจับแม่ตัวเองเอาไว้พลางมองไปที่ขา ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บจะเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่น่าเสียดายเล็กๆ ผมน่าจะทำจนกว่าจะนั่งรถเข็นนะเนี่ย

    “ไปเก็บของแล้วออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ พวกเรา...ต้องไปอยู่ที่อื่นกันแล้ว”

    เขาลุกขึ้นสบตากับผม...มันเป็นสายตาที่เย็นเฉียบ สายตาที่แน่นิ่งและไร้ความรัก เหมือนอย่างแต่ก่อน...ไม่สิ จะเรียกได้ว่าเป็นสายตาที่แสดงถึง...ความเฉยเมย

    “จัดการซะ พาคนพวกนี้ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้หมด”

    “ครับ”

    ผมสั่งลูกน้องที่อยู่ทางด้านหลังแล้วพาตัวเองเชิดหน้าทำเหมือนไม่ใส่ใจ ใช่ทั้งๆ ที่มันต้องเป็นแบบนั้นแต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้นะ ทำไมผมจะต้องสนใจแววตาของเขาด้วย ผมไม่ได้เจ็บ...ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด

    จุดเริ่มต้นของผม...เริ่มมาจากตรงไหนกันแน่นะ ตอนไหนกันที่ผมต้องกลายเป็นคนแบบนี้...ทรยศครอบครัว สมรู้ร่วมคิดกับศตรูของครอบครัวตัวเอง แต่มันก็ดีแล้วนี่...สาสมกับที่พวกเขาทำกับผม แต่แค่นี้ยังไม่พอหรอก พวกเขายังต้องชดใช้มากกว่านี้อีก

    ไอ้ลูกเนรคุณ!’

    นี่แหละ...ตัวผม

     

    TAKE

    มาเคลียร์กันอีกรอบ...

    เทคไม่ได้ทิ้งเรื่องนี้นะ...ถ้าเทคทิ้งคงลบไปนานแล้ว แต่ที่ยังเก็บไว้คือรอเวลามาแต่งต่อ แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลานั้นแล้ว เทคเคลียร์นิยายอื่นๆ หมดแล้ว กลับมาแต่งเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย เอาให้จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×