คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นางร้าย 2
The villain
นาง (นาย) ร้าย ที่รัก
ตอนที่ 2
“ฮือ ฮึก ฮือ ฮือ”
“โธ่คุณเรย์ อย่าร้องเลยนะคะ เงียบเถอะนะ เย็นเห็นแล้วเย็นใจไม่ดีเลย”
“เย็น ฮือ เขาใจร้ายมาเลย ฮือ”
คำปลอบโยนของแม่บ้านที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่ามันจะช่วยให้ความรู้สึกผมดีขึ้นแต่มันก็ไม่ได้บรรเทาความเจ็บปวดของผมลงเลยสักนิด ผมมองดอกไม้ในมือแล้วยิ่งทำให้คิดถึงเด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเขาจำวันเกิดผมได้แล้วพวกเขาก็ตั้งใจทำให้ผมแต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว
“เย็น.....ผมจะทำยังไงดี ฮือ มันพังหมดแล้ว ฮือ”
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวเอาหนังสือทับให้มันแห้งแล้วก็เก็บใส่ขวดโหลนะคะ เดี๋ยวเย็นจะช่วยนะ”
“ฮึก ฮือ ฮือ”
ผมทำไปร้องไห้ไป หยุดน้ำตาไว้ไม่ได้จริงๆ โชคดีที่ยังมีเย็นคอยอยู่เป็นเพื่อนไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้ว่าจะอยู่ที่บ้านนี้ไปทำไม บ้านที่ไม่มีใครต้องการผม
เมื่อคืนผมร้องไห้จนหลับไม่มีการมาร้องเรียกหรือคำปลอบโยน ไม่มีการเป็นห่วงของพ่อแม้สักนิด ดวงตาของผมแดงก่ำอย่างน่ากลัวเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก น่าแปลกนะปกติจะมีแต่คนมีความสุขหลังวันเกิดตัวเองแต่ทำไมผมถึงได้ทุกข์ขนาดนี้นะ
ผมเดินลงบันได้มาอย่างเชื่องช้าที่สุดไม่ได้อยากมาเลยสักนิดแต่จะทำยังไงได้ ความรักลูกไม่เท่ากันมันเจ็บปวดเจียนขาดใจแล้วคนที่พ่อรักก็ไม่ใช่ผม ผมมันเป็นลูกที่พ่อไม่ต้องการให้เกิดมันก็สมควรแล้วที่พ่อจะไม่ต้องการ
“คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย ขอบคุณนะครับ”
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นจากทางห้องโถงเบื้องหน้ามันทำให้ผมหยุดชะงักลง ภาพเบื้องหน้าของผมคือสิ่งที่ผมไฝ่หาแต่กลับไม่มีวันที่จะได้มัน ลูกรักของเขาโอบกอดรอบเอวคนเป็นพ่อด้วยรอยยิ้มร่า มือหนาที่ผมต้องการให้ปลอบประโลมผมเวลาผมร้องไห้ตอนนี้ได้ลูบหัวลูกอีกคนอย่างเบามือและถนุดถนอม รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขถูกส่งไปทางสายตามันทำให้ผมอิจฉาจนห้ามไม่อยู่
“เฮ้อ ลูกคนนี้นี่นะ”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ”
ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าจะหยุดดูเพื่ออะไร? เพื่อดูว่าเขารักลูกรักเขามากขนาดไหนงั้นเหรอ? ทั้งๆ ที่มีผมอยู่ตรงนี้แต่กลับมองไม่เห็น พ่อใจร้าย.....ใจร้ายมากจริงๆ
“เรย์! มาตั้งแต่เมื่อไร่”น้ำเสียงเล็กๆ เอ่ยเรียกผมขึ้นเมื่อเจ้าตัวกำลังเดินมาทางผมที่ผมยืนแอบอยู่ ผมไม่คิดที่จะตอบกลับได้แต่ปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้น
ผมมาเรียนตามปกติโชคดีที่ไม่ได้โดนกักบริเวณเอาไว้ ผมเรียนห้องเดียวกันกับหนึ่งชั้นเดียวกัน ปีเดียวกัน เราเจอหน้ากันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ยิ่งเห็นหน้ามันก็ยิ่งทำให้ผมนึกโมโหจนห้ามร่างกายไม่อยู่ทำให้ปากมันคิดก่อนที่จะพูดทุกที
“นี่! ไอ้ลูกเมียน้อย”
น้ำเสียงผมประกาศกร้าวอย่างหาเรื่อง หน้าตาของคนที่ถูกเรียกซีดเซียวมองมายังผมแล้วค่อยๆ เดินเข้าหาผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มีอะไรเหรอเรย์”
“เปล่า.....ฉันก็แค่อยากเรียกจะทำไม!”
“ไม่มีอะไร”
“หึ ดี.....หลีกไป! ไอ้ลูกเมียน้อย”
ปึ๊ก!
ผมเดินชนกระทบไหล่ออกมาทันที ไม่อยากเสวนาให้มากความเพราะมันจะพาลทำให้ผมคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า ทุกครั้งที่ผมเห็นหน้าหนึ่งผมมักจะมีคำถามเสมอ ทำไม? คนที่พ่อรักไม่ใช่ผมเหมือนกับที่พ่อรักหนึ่ง คำถามซ้ำๆ ที่วนเวียนอยู่ในห้องความรู้สึกของความเหงา มันเหงามากจริงๆ ที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ
“หนึ่งทำไมไม่ตอบโต้เรย์เขาบ้างละ เขาทำให้นายขายหน้านะ”
“ช่างมันเถอะ เรย์เขาไม่ได้ตั้งใจ”
“เฮ้อ คนอะไรนิสัยเสียจริงๆ ถ้าเป็นฉันนะฉันจะสู้หยิบตาเลย”
“ไม่เอาน่ากัณฑ์ หยุดพูดได้แล้ว”
“เฮ้อ นายนี่นะ”
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าที่เดินจากไปมันทำให้ผมที่หลบอยู่เดินออกมา หนึ่งเขามักจะเป็นอย่างนี้เสมอแสนดีไปซะทุกอย่าง เพราะลูกรักของพ่อเป็นอย่างนี้ใช่ไหม? พ่อและทุกคนถึงได้รักเขาแล้วลืมลูกอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“แกมาก็ดีแล้ว เย็นนี้มีงานเลี้ยงแกต้องไปกับฉันด้วย”
พ่อเอ่ยขึ้นเมื่อผมกลับมาถึงบ้านหลังจากเลิกเรียน มันไม่ใช่คำชวนแต่เป็นคำสั่งที่ต้องไปถึงผมจะไม่อยากไปแต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
งานเลี้ยงที่จัดอย่างหรูมีทั้งคุณหญิงคุณนายและข้าราชการชั้นสูงมาร่วมสังสรรค์ ทั้งๆ ที่น่าจะสนุกแต่ทำไมผมกลับไม่รู้สึกสนุกสักนิดเพราะอะไรนะเหรอ? หึ คำตอบง่ายมากก็คนที่ยืนอยู่ข้างๆ พ่อไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นลูกที่เขารักนะสิ แล้วเขาเอาผมมาทำไมถ้าเขาไม่คิดที่จะอยู่กับผมหรือเอาไว้เป็นแค่เพียงฉากบังหน้าเท่านั้น
“ลูกคุณพจน์นี่ท่าทางจะฉลาดนะครับ”
“ครับหนึ่งเขาเรียนเก่งแล้วเป็นเด็กดีด้วย ผมภูมิใจในตัวเขามาก”
เขาภูมิใจในตัวลูกอีกคนแต่เขาไม่เคยภูมิใจในตัวผม เกรดเฉลี่ยหรือผลสอบเขายังไม่คิดที่จะดูของผมเลยด้วยซ้ำ อ้อ ไม่สิ! เขาเคยดูอยู่ครั้งนึงเมื่อตอนเรียน ม.1 แต่ตอนนั้นผมประชดพ่อเลยตั้งใจทำข้อสอบแบบผิดๆ ทำให้เกรดเฉลี่ยที่ได้มันไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้พ่อขอดูเกรดของผมแค่เห็นแค่นั้นแหละสิ่งที่ตามมาคือคำต่อว่า
ทำไมเกรดของแกถึงได้ตกต่ำขนาดนี้!!!.....
คุณพ่อ.....
แกทำให้ฉันผิดหวัง ฉันผิดหวังในตัวแกจริงๆ.....
แย่แล้วสิ.....แค่คิดมันก็ทำให้ผมอยากร้องไห้ขึ้นมาซะดื้อๆ มันก็เลยทำให้ผมต้องถอยออกมาจากงานเลี้ยงอย่างช่วยไม่ได้ จะกลับก็กลับไม่ได้ไม่รู้จะให้อยู่ทำไม
ผมพาตัวเองมาที่สระน้ำด้านนอกที่อยู่อีกทาง ตรงนี้มันเงียบสงบจนทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปมากเลยทีเดียว ผมชอบบรรยากาศที่นี่มากกว่าด้านในอีกเพราะในนั้นมีแต่พวกเสแสร้งมันน่าอึดอัดสิ้นดี ผมนั่งกอดเข่าแล้วเอามือกวักน้ำเล่นจนได้ยินเสียงคลื่นน้ำกระทบกันดังจ๋อมมันก็เพลินไปอีกแบบ
“เรย์.....คุณพ่อให้มาตาม”
มาแล้วตัวขัดความสุขของผม ผมรู้ว่าหนึ่งไม่ผิดเด็กที่เกิดมาโดยที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่ผู้ใหญ่ทำมักจะบริสุทธิ์เสมอ ถึงผมจะรู้ข้อนั้นดีแต่มันก็ทำให้ผมอดที่จะอิจฉาไม่ได้ เขาแย่งทุกอย่างไปจากผมโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อิจฉาเขา.....อิจฉาจริงๆ
“เรย์”
“เออ! รู้แล้ว”ผมพูดกระแทกเสียงแล้วลุกขึ้นยืนมองหน้าลูกรักของพ่ออย่างเอาเรื่อง หนึ่งเขาไม่กล้าสบตากับผมหลุบตาลงพื้นด้วยแววตาสั่นระริกก่อนที่จะพยายามฝืนพูดออกมาด้วยความยากลำบาก
“เรย์ เราทำเรื่องอะไรให้เรย์ไม่พอใจเหรอ?”
“หึ ยังมีหน้ามาถามอีกนะ หน้าด้านจริงๆ”
“เรย์”
“ถ้าแกกับแม่แกไม่มาอยู่บ้าน แม่ฉันก็ไม่ต้องหนี! พวกแกทำให้ครอบครัวฉันแตกแยก!!! ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำอะไรให้”
ผมพูดในสิ่งที่คิดแล้วเป็นยังไงนะเหรอ? ก็ทำให้อีกคนร้องไห้นะสิ เพียงผมพูดแค่นี้เขาก็อยากร้องไห้แล้วผมไม่เจ็บไปกว่าเขาหรือไง ผมเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าแต่ไม่มีใครอยู่กับผมมีแต่คนรักหนึ่งแต่ไม่มีใครรักผมเลย ผมน้อยใจพ่อก็ไม่คอยง้อ ผมร้องไห้พ่อก็ไม่เคยปลอบสักนิด
“ฉันเกลียดแก! ได้ยินไหม ฉันเกลียดแก.....หนึ่ง!!!”
ด้วยความที่อารมณ์กำลังเดือดพล่าน ผมแค่อยากหาคนผิดสักคนเพื่อเป็นที่ระบายทำให้ผมเผลอที่จะผลักหนึ่งอย่างแรงโดยที่ผมลืมไปว่าข้างหลังเป็นสระว่ายน้ำขนาดลึกสำหรับผู้ใหญ่ หนึ่งที่ถูกผลักเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะตกน้ำทำให้เขาหาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวตามอัตโนมัติของร่างกายของมนุษย์ที่ต้องการเอาชีวิตรอดทำให้หนึ่งตกน้ำอย่างจังโดยที่หนึ่งดึงผมตกลงไปด้วย
“เฮ้ย!”
ตูม!
เราตกน้ำมาด้วยกันทั้งคู่ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ น้ำในสระลึกมากจนทำให้เราสองคนยืนไม่ถึง ผมว่ายน้ำไม่แข็งทำให้ไม่สามารถลอยน้ำได้นานจนเริ่มที่จะจมลงไปแต่ผมยังไม่อยากตายจึงได้แต่ตะเกียดตะกายขึ้นมาเพื่อช่วยให้ตัวเองรอด
“หนึ่ง!!!”
ตูม!
เสียงที่ได้ยินมันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะมองไปด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนมาช่วยผมแต่กลับไม่ใช่ ทั้งๆ พวกเขากลับเลือกที่จะช่วยหนึ่งมากกว่าผมทั้งๆ ที่ผมอยู่ไกลกว่า ผมลืมตามาด้วยความยากลำบากมองภาพตรงหน้าแทบทำเอาผมน้ำตาร่วงทันที
“หนึ่ง!!!”
พ่อวิ่งมาด้วยสีหน้ากระหืดกระหอบ ดึงลูกรักให้ขึ้นมาจากสระแล้วโผเข้ากอดทันที หนึ่งถูกช่วยขึ้นไปแล้วเหลือแต่ผมที่ยังลอยแอ้งแม้งอยู่ในสระ สีหน้าพ่อที่แสดงว่าเป็นห่วงหนึ่งขนาดไหนมันมาให้ผมได้เห็นอีกแล้ว ถ้าเขามองมาอีกสักนิดจะเห็นได้ทันทีว่าผมยังอยู่ที่เดิมแล้วทำไมเขาไม่หันมามองผมบ้าง ผมหมดแรงแล้วหมดแรงแล้วจริงๆ จนต้องปล่อยให้ตัวเองค่อยๆ จมลงใต้น้ำด้วยความอ่อนล้าแต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีใครหันมามองผมเลยสักนิด
อา.....ใต้น้ำมันช่างอุ่นจริงๆ แรงดันของน้ำทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกโอบกอด ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่จะผมค่อยๆ หลับตาลงคือเสียงร้องโวยวายของคนรอบข้างก่อนที่จะมีใครสักคนกระโดดน้ำลงมา แต่มันสายไปแล้วละ มาช่วยผมตอนนี้มันก็ไม่มีทางที่จะทำให้ความรู้สึกของผมดีขึ้นเลยสักนิด ยังไงซะผมก็โดนทิ้งเหมือนเดิม
เฮือก!
ผมลืมตาโผลงขึ้นมาทันทีแล้วมองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นชิน จากกลิ่นยาและน้ำยาฆ่าเชื้อที่มาปะทะจมูกก็คงไม่ต้องเดาให้มากว่าคือที่ไหนถ้าไม่ใช่โรงพยาบาล นี่ผมยังไม่ตายอีกเหรอ? ทำไมผมถึงยังรอดอีก ความทรงจำสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่จะสลบผมยังจำได้ดีจนไม่อยากจะจำ หลังจากที่ผมถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำพ่อได้แต่มองผมด้วยความคาดโทษ เขากำลังต่อว่าผมอยู่ในใจที่ผมทำให้ลูกรักของเขาต้องเจ็บตัว
แอ๊ดดด
“คุณเรย์! คุณเรย์ของเย็นฟื้นแล้ว”
เสียงประตูที่ถูกเปิดออกจากด้านนอกพร้อมกับสาวใช้คนสนิทที่เดินเข้ามาหาด้วยความตื่นเต้นแล้วก็ดีใจที่ผมยังไม่ตาย เห็นทีว่าคงจะมีแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ดีใจกับการกลับมาของผม
“เย็น”
“คะคุณเรย์”
“ผมหลับไปกี่วัน”
“สองวันคะ คุณเรย์ทำให้เย็นเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม”
“ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรคะ แค่คุณเรย์ปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“เย็น”
“คะคุณเรย์”
“เขาไปไหน”
“คุณท่าน.....ไปทำงานคะ”
พอเย็นพูดแค่นั้นผมก็รู้ทันที ไม่ต้องถามอะไรให้มากความไปมากกว่านี้ให้เจ็บช้ำเล่นๆ ถ้าเดาไม่ผิดพ่อคงไม่ได้มาเฝ้าผมถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่มาเยี่ยมมากกว่า
“คุณเรย์.....คุณท่านเป็นห่วงคุณเรย์นะคะ”
“ครับ.....ผมจะพยายามเชื่อ”
ไม่หรอก.....ถ้าเขาเป็นห่วงผม ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาผมก็ควรเห็นหน้าเขาเป็นคนแรก ผมควรที่จะได้เห็นสีหน้าที่บอกว่าดีใจที่ผมตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปสองวันเต็มๆ ไม่ใช่หายไปแบบนี้ แล้วถ้าเขารักผมเขาก็คงจะไม่ทิ้งผมตั้งแต่แรกไม่ปล่อยให้ผมเหงาหรอก
“โธ่.....คุณเรย์”
เย็นเขามองผมด้วยแววตาสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ไปตามผม ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้กับผมอย่างช้าๆ
“เย็น ผมไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”
ผมเจ็บแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกแค่หลับตาแล้วกลั้นใจหลับอีกครั้ง เพราะยามเมื่อผมหลับผมจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกหดหู่แล้วพอตื่นมาเดี๋ยวมันก็หาย
หลังจากนั้นเพียงแค่สองวันผมก็ออกจากโรงพยาบาล สุขภาพผมแข็งแรงดีอย่างไม่น่าเป็นห่วงแต่ถ้าเป็นหัวใจผมไม่รู้ว่ามันรักษาหายหรือเปล่า พ่อไม่มาหาผมอย่างที่ผมคิดไว้ไม่เจอหน้าด้วยซ้ำนอกจากเย็นที่เป็นคนรับใช้คนสนิท เขาคอยอยู่กับผมตลอดเวลาจนกระทั่งถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล
ทันทีที่ผมก้าวเท้ามาเหยียบสถานที่ที่ได้ชื่อว่าบ้านตัวเองแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ สามคนพ่อแม่ลูกกำลังหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน พ่อกำลังโอบกอดลูกที่เขารักด้วยความเอ็นดู เนี่ยเหรอ? คนที่บอกว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมผม หึ น่าหัวเราะชะมัด น่าสมเพชตัวเองจริงๆ พอผมเดินไปแค่นั้นแหละเสียงหัวเราะทั้งหมดก็หยุดลงทันที พวกเขามองมาทางผมแล้วแม่เลี้ยงของผมก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนเหมือนจะเป็นห่วง
“คุณเรย์เป็นยังไงบ้าง น้าขอโทษนะคะที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย”
“ยังไม่ตาย”
“เรย์! พูดกับเขาให้มันดีๆ หน่อย อย่างน้อยนันเขาก็เป็นเมียฉัน ถ้าแกไม่ไห้เกียรติเขาก็เห็นแก่หน้าฉันบ้าง”
“เหรอครับ? ถ้าอย่างนั้นผมก็คงจะเป็นคนอื่นสำหรับคุณ”
“เรย์!!!”
“ทำไม! ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ”
ผมมองหน้าพ่ออย่างไม่ลดละ จะให้ผมยอมรับเหรอ? ทำไมผมจะไม่เคยทำแต่สิ่งที่เขาตอบแทนผมคือส่วนเกินแล้วจะให้ผมทนได้ยังไง! ผมไม่พูดอะไรอีกแล้วเดินกลับขึ้นห้องด้วยหัวใจปวดร้าว ถ้าหากว่าผมยังอยู่ตรงนั้นผมกลัวว่าน้ำตาของผมจะไหลให้เขาเห็นอีก เพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาเห็นผมร้องไห้ก็เกินพอแล้ว
ปัง!
“ฮึก ฮือ ฮือ”
บานประตูที่ถูกปิดลงพร้อมกับหัวใจของผมที่ถูกปิดเหมือนกัน พ่อไม่รักผม ทำไมเขาต้องว่าผมด้วย! การที่ผมเกิดมามันทำให้พ่อลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอ? ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อง ร้องไห้เพราะความอ่อนแอของตัวเอง
เวลาผ่านล่วงเลยมาเท่าไร่ไม่รู้ตั้งแต่ผมกลับมาถึงบ้านผมก็คลุกอยู่แต่ในห้อง ด้วยความที่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลทำให้ผมรู้สึกหิวเล็กๆ เลยว่าจะไปหาอะไรกินที่ห้องครัวซะหน่อยแต่ผมไม่รู้เลยว่าการที่ผมลงมาข้างล่างครั้งนี้มันทำให้ผมรู้ว่าคนรับใช้ในบ้านมองผมเป็นยังไง
“แก.....ฉันว่านะคุณเรย์ต้องเป็นคนทำคุณหนึ่งตกน้ำแน่ๆ”
“ใช่เลย แกคิดเหมือนฉันเลย ฉันเองก็ไม่เชื่อหรอกที่คุณหนึ่งบอกว่าเขาตกน้ำเอง”
“อืมๆ คุณหนึ่งไม่น่าปกป้องคุณเรย์เลยนะ คนอะไรร้ายซะไม่มี”
“คุณหนึ่งนี่ก็ดีเกินไปจริงๆ”
คำต่อว่ามองผมว่าเป็นนางร้ายได้ถูกพ่นออกมาอย่างสนุกสนานและคำพูดแสดงความเห็นใจกลับส่งไปให้อีกคน ผมทำอะไรผิด? ผมแค่อยากเรียกร้องผมผิดด้วยเหรอ ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมสักคนว่าผมเองก็มีความรู้สึกเจ็บเหมือนกัน
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ยัยพวกปากพล่อย อย่ามาว่าคุณเรย์ของฉันนะ”
“โหย เย็น! ฉันก็ไม่อยากว่าคุณเรย์ของแกหรอกถ้าหากว่าเขาไม่ทำร้ายคนอื่นก่อน”
“กลับตัวกลับใจยังทันนะเย็น คุณหนึ่งกับคุณนันเขาก็ออกจะดีไม่เห็นเหมือนคุณเรย์สักนิด”
“พวกแกไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดดีกว่า”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องครัวได้ยังไง จากที่หิวกลับไม่หิวเลยสักนิด ผมไม่อยากอยู่บ้านเพราะบ้านมันกว้างเกินไปสำหรับคนที่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวอย่างผม สองขาของผมเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ช้าๆ แล้วไม่คิดหันกลับไปมองมันอีกเลย ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมทนไม่ไหวจริงๆ อ่อนแอเกินที่จะสู้แล้ว ในเมื่อเขาไม่คิดที่จะยอมรับผมก็ไม่อยากอยู่ให้เขาเห็นหน้า พอกันทีกับความช้ำที่ต้องทนซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ฮือ ฮือ ฮึก ฮือ”
แม่ครับ.....
แม่อยู่ไหน.....
ผมอยากอยู่กับแม่.....
ผมร้องไห้นั่งกอดเข่าบนฟุตบาต ถนนที่มีรถแล่นผ่านอย่างไม่ขาดสายแม้ว่ามันจะดึกดื่นแค่ไหน แต่ใจของผมกลับหยุดนิ่งไม่คิดที่จะเดินต่อ ผมเหนื่อยเหลือเกิน
“มาทำอะไรที่นี่ เดี๋ยวก็ตายหรอก”
“อ่ะ!”
แขนของผมถูกกระชากจากใครอีกคนทำให้ผมต้องลุกขึ้นตามแรงจนทำให้ตัวของผมเซเล็กน้อย ผมมองใบหน้าของเขาด้วยน้ำตานองหน้าที่แทบจะมองไม่เห็นแต่ผมก็รู้ว่าเขาคือใคร
“ไค!”
ไคเพื่อนสนิทของตะวัน.....เป็นอีกคนที่ผมไม่อยากเจอหน้าและไม่อยากเสวนาด้วยเท่าไร่ เพราะสายตาของเขาที่มองผมมีแต่การต่อว่าด่าทอหรือไม่ก็ขยะแขยงเต็มทนเมื่อเวลาเจอผม
“ปล่อย!”ผมรั้นตัวออกพร้อมกับเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ทำเป็นไม่สนใจเขาแล้วเดินหนีไปอีกทางแต่ก็ถูกแขนใหญ่ตามมาจับไว้แน่น
“จะไปไหน”
“มันเรื่องของฉัน”
“เหอะ ทำอย่างกับฉันอยากถามตายละ”
“ถ้าไม่อยากถามก็ปล่อยฉัน!”
“จะปล่อยได้ไง ห่ะ! ในเมื่อคนผิดยังลอยนวลอยู่”
“คนผิด? คนผิดอะไร”
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นายใช่ไหมที่เป็นคนผลักหนึ่งตกน้ำ”
อีกแล้ว.....เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ? แค่ผมไม่ได้ตั้งใจ ทำไมพวกเขาต้องมาซ้ำเติมด้วยนะ ถึงผมจะเป็นคนผลักหนึ่งจริงๆ แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำให้มันเกิดขึ้นสักนิด นี่พวกเขาคิดแต่จะโทษผมอย่างเดียวเหรอ? ไม่มีใครถามผมบ้างเหรอ? ว่าผมเป็นยังไง หายเจ็บหรือยัง ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร่ ทำไมไม่มีใครถามผมบ้าง!!! มีแต่จะคอยโทษว่าผมผิดอย่างโน้นอย่างนี้อยู่อย่างเดียว
“ใช่! ฉันเป็นคนผลักมันเองแล้วนายมาเกี่ยวอะไรด้วย!”
“หึ ในที่สุดก็ยอมรับว่าผิดแล้วงั้นสิ”
“เออ! รู้แล้วก็ปล่อย!!!”
“นายนี่มันใจร้ายจริงๆ ทำร้ายได้แม้กระทั้งพี่น้องตัวเอง”
“มันไม่ใช่น้องฉัน! มันเป็นแค่ลูกเมียน้อย ฉันไม่ยอมรับว่ามันเป็นน้องฉันหรอก!!!”
“เพราะนายมันแย่อย่างนี้ไง ถึงไม่มีใครต้องการ!”
ผมเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ.....ไคพูดถูกทุกอย่าง คำพูดของเขามันสะกิดใจของผมอย่างจังจนทำให้น้ำตาที่เริ่มแห้งกลับมาไหลอีกครั้ง ผมอาศัยช่วงที่ไคกำลังมองผมอย่างอึ้งๆ รั้นตัวเองออกมาให้หลุดพ้นจากมือของคนที่พูดจาทำร้ายผม ผมรู้สึกเหมือนเดจาวูเพราะเมื่อวันก่อนตะวันเขาก็ต่อว่าผมเหมือนกับไคที่กำลังว่าผมเหมือนกัน ทุกคนบอกว่าผมเป็นคนผิดเพื่อปกป้องคนเพียงคนเดียวแล้วคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ผม
“เรย์!”
“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับฉัน! ฮือ ฮือ ฮึก”
แค่ผมอยากได้ยินใครสักคนปลอบใจผมมันผิดมากนักเหรอ? หรือว่าความจริงแล้วผมผิดตั้งแต่เกิดกันแน่นะ มันคงจะใช่จริงๆ นั่นแหละ.....คนอย่างผมไม่น่าเกิดมาเลย
==============================================
เอามาให้อีกตอนหลังจากที่หายไปนาน
เทคจะพยายามแต่งให้ได้อารมณ์ที่สุดนะ
ความคิดเห็น